ขอบคุณมากครับ เห็นแล้วได้แต่simplelife เขียน:ลองไปดูตรงนี้pak เขียน:ถ้าผมจะหา "แพะ" ให้เรื่องนี้
ผมจะยกตำแหน่งนี้ให้กับ "การ์ตูนประจำสัปดาห์นี้" อ่ะนะครับ
สรุปรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้นสูงสุด 50 อันดับแรก
http://www.set.or.th/th/market/market_statistics.html
ดูย้อนไปไกลๆหลายๆเดือนด้วย
JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 165
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 181
-
- Verified User
- โพสต์: 52
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 182
ผมคิดว่า น่าจะประมาณ 3.8 ขึ้นไปครับ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าทุกเคสจะต้องถูก force sell ครับ แต่ส่วนใหญ่ทุกคนก็จะทราบจุดที่ตัวเองจะต้องถูก force sell พอมันลงมาใกล้ใกล้จะถึง ก็ขายกันก่อนแล้วครับ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอต่ออีกนิดนะครับ โดยส่วนตัวผมเองคิดว่าเหตุการณ์นี้มันไม่ได้มีอะไรซับซ่อนเท่าไหร่ครับ ถ้าจะจำได้ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดลง jas ก็สวนตลาดขึ้นมา เพราะงั้นอารมณ์แต่ละคนก็แตกต่าง แต่ส่วนใหญ่ผมว่าประเมินว่าจะต้องย่อลงนะครับ แต่ขายไปก็กลัวขายหมูเพราะเห็นว่าเป็นขาขึ้น เหมือนกับว่า กล้า ๆ กลัว ๆ นะครับ ไม่ทราบพอจะเคยเห็นภาพที่เมื่อก่อนนะครับ เป็นภาพที่มีฝูงนก เพนกวิด ยืนกันเยอะ และก็มี ตัวนึงกระโดดลงน้ำตัวต่อไปก็ตามกันจนหมดPn3um0n1a เขียน:3.30 นี่ ต้องซื้อที่ราคาเท่าไหร่ถึงโดน force sell (บังคับขาย) เหรอครับZcyllar เขียน: นั้นแหละครับสาเหตุที่ลงแรง รับไม่อยู่ และไอ้ที่ขายกันออกมา ตั้งแต่ประมาณ 3.30 ผมว่าส่วนใหญ่จำใจขายหรือบางคนอาจโดนบังคับให้ต้องขาย ซะด้วย ยิ่งลงก็ยิ่งมีเพิ่ม ผมว่ายังเหลือที่จะต้องโดนบังคับขายอีกเยอะหากราคายังอยู่แถว ๆ นี้ ใจเย็น ๆ ครับ บางทีนะอาจจะเป็นว่า ทุบให้พวกใช่มาร์จินปล่อยของออกมาเยอะ ๆ เพื่อเปิดทางให้ต่างชาติเข้า เร็ว ๆ นี้นะครับ ราคาก่อนลงอาจจะยังไม่จูงใจต่างชาติ (โดยเฉพาะแถว ๆ ฮ่องกง) เออ.....ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่ต้องฮ่องกง อิอิอิอิ
ผมคิดว่าคนหรือกลุ่มที่ขายไม้แรก ก็อาจจะไม่ได้มีความตั้งใจให้เป็นแบบนี้หรอกครับ แต่อาจจะมีความจำเป็นต้องใช้เงินนะครับ เช่น ต้องใช่เงินเพื่อไปเลือกตั้ง ลูกกำลังจะเปิดเทอม หรือ อะไรก็ได้ครับ และผมก็เชื่อว่าไม่ใช่กลุ่ม ผถห ใหญ่หรอกครับ อาจจะเป้นใครก็ได้ เพราะถ้าใช่ มาร์จิน ก็น่าจะมีจำนวนหุ้นพอสมควร แต่พอขายไปคนที่อื่นเห็นว่ามีทิ้งมาก็ผสมโรงกันไปด้วย จาก 1 เป็น 10 จาก 10 เป็น 100 พอลงไปถึงจุดนึง กลไก force sell ก็เริ่มทำงาน ยิ่งลงก็ยิ่งเพิ่ม จึงไหลลงไปเยอะนะครับ บวกกับท่านอื่นที่ไม่ใช่มาร์จินก็ผสมเข้าไปอีก ช่วงหลัง ๆ มาผมได้ยินเป้าหมายเยอะมาก มีทั้ง 3.5 4.0 5.0 6.8 เลยไปยัง 12 ก็เคยได้ยิน เริ่มจากมั่นใจ จนมาเป็นกังวล และก็กลัว
เพราะฉะนั้นโดยส่วนตัวผมว่าอาจจะเป็นเรื่องของจิตวิทยามวลชน น่ะครับ เมื่อก่อนช่วงเป็นวัยรุ่น มีช่วงนึงที่วัยรุ่นชอบไปท้าพิสูจน์ บ้านผีสิง ผมกับเพื่อน ๆ ก็ไปครับ ก่อนไปก็ครึกครื่นกันดี พอไปถึงผมก็เริ่มเสียว ๆ เพราะบรรยากาศ พอได้เข้าไปในใจนี้กลัวแต่ต้องทำเป็นกล้า กลัวเพื่อนว่า พอเดิน ๆ ไป มีคนนึงทำของตก เท่านั้นแหละครับไปกันคนละทิศละทางเลย พอรวมกลุ่มกันได้อีกทีถามว่าวิ่งกันทำไม โห บางคนบอกเห็นเงาคน บางคนบอกเห็นเด็กวิ่ง ไอ้คนที่ไม่เห็นก็ต้องบอกว่าเห็นร่วมถึงผมด้วย เพราะกลัวจะอายหาว่า ปอดแหก อิอิ
ใจร่ม ๆ เถอะครับ น้ำครึ่งแก้วเราจะมองว่ามันหายไปตั้งครึ่งแก้ว หรือเราจะมองว่ามันเหลืออีกตั้งครึ่งแก้ว ก็อยู่ที่ตัวเราจะเลือกมองครับ ค้วยความเครพครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 52
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 183
เมื่อกี้ลืมเล่าครับ ผมมีเรื่องที่ทั้งงง และ ก็ทั้งฮา สำหรับผมนะครับ ช่วงก่อนผมเคยซื้อหุ้นอยู่ตัวนึง ที่ตอนนี้ pe ประมาณ 800 มั้ง ผมเคยมีต้นทุนหลังจากเพิ่มทุนแล้ว ที่ 1.20 แต่หลังจากนั้นก็ลงไปเรื่อย จนมาหยุดเที่ยว 0.76-0.78 ผมก็ไม่ได้ไปดูเลย วันนั้นอุตริยังไงไม่รู้ ไปดู ผมเห็นว่าผมขาดทุนเยอะ แต่ผมก็มีไม่เยอะหรอกครับ ก็เลยคิดว่าราคานี้ซื้อมาเฉลี่ยต้นทุนเดินก็น่าจะทำให้ออกของง่ายขึ้นหากราคาเด้งกลับมาหน่อย ผมก็โทรสั่งเคาะขวาเลยครับ เท่านั้นแหละครับ มันวิ่งไป เกือบซิลลิ่งเลยครับ จนทุกวันนี้ เพิ่งติด gb ไปนะครับ ทุกวันนี้ก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่มันวิ่งไปนะครับ แต่อย่างน้อยครั้งนึงในชีวิต ได้ดูเหมือนเป็นเจ้าก็ตกลงดีนะครับ แม้มันจังบังเอิญแบบงงก็เถอะ
-
- Verified User
- โพสต์: 5659
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 184
ที่ผมเข้ามาตามอ่าน เป็นเพราะว่า...
ผมต้องการศึกษาไว้เพื่อเป็น Case Study สำหรับหุ้นที่ครองตำแหน่ง "ขวัญใจมหาชน"
และต้องบอกว่า ผมได้รับความรู้จากกระทู้นี้ไปมากมายเลยครับ
ผมขอตั้งชื่อเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ว่า..."สึนามิราคาหุ้น" นะครับ
เพราะมันมาแบบรวดเร็ว ไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว
และมันกวาดทุกสิ่งทุกอย่างกลับลงไปในทะเลเกือบจะหมด...แทบไม่เหลืออะไรเลย!!!
วันจันทร์ที่จะถึงนี้...
ไม่รู้ว่า "ฟ้าจะเปิด และทะเลจะเงียบสงบ" หรือยังนะครับ?
หรือว่าจะยังมี "อาฟเตอร์ช็อค" ตามมาอีก
เอาใจช่วยสำหรับคนมีหุ้นนะครับ
และเชื่อว่าเหตุการณ์ร้ายๆจะผ่านพ้นไปด้วยดี
ฟ้าหลังฝน ย่อมงดงามเสมอ
ผมต้องการศึกษาไว้เพื่อเป็น Case Study สำหรับหุ้นที่ครองตำแหน่ง "ขวัญใจมหาชน"
และต้องบอกว่า ผมได้รับความรู้จากกระทู้นี้ไปมากมายเลยครับ
ผมขอตั้งชื่อเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ว่า..."สึนามิราคาหุ้น" นะครับ
เพราะมันมาแบบรวดเร็ว ไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว
และมันกวาดทุกสิ่งทุกอย่างกลับลงไปในทะเลเกือบจะหมด...แทบไม่เหลืออะไรเลย!!!
วันจันทร์ที่จะถึงนี้...
ไม่รู้ว่า "ฟ้าจะเปิด และทะเลจะเงียบสงบ" หรือยังนะครับ?
หรือว่าจะยังมี "อาฟเตอร์ช็อค" ตามมาอีก
เอาใจช่วยสำหรับคนมีหุ้นนะครับ
และเชื่อว่าเหตุการณ์ร้ายๆจะผ่านพ้นไปด้วยดี
ฟ้าหลังฝน ย่อมงดงามเสมอ
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 185
wifi เราน่าจะได้ส่วนแบ่งประมาณ 70 บาทต่อหัวนะครับเพราะต้องแบ่งให้กับ ais ด้วย ถ้าไปคิดเดือนละ 99 อาจจะผิดเพี้ยนไปได้ครับsimplelife เขียน:จำนวนหุ้นจดทะเบียนประมาณ 7,400 ล้านหุ้น ถ้ากำไรปีละพันล้านเท่ากับ ประมาณ 0.14 ต่อหุ้นศิษย์เซียน007 เขียน:ผมว่า2ล้านรายมีความน่าจะเป็นมากที่สุดว่าจะเป็นถึงในซักวันหนึ่ง และระบบของjasก็มีความพร้อมในการรองรับ โดยที่ไม่ต้องใช้จ่ายในการลงทุนที่มากมายนักอาจจะประมาณปีล่ะพันล้าน ผมเลยว่าตอนนี้เวลายังอยู่ข้างนักลงทุนนะคับ
สมมติว่ามีลูกค้า wifi 1 ล้านคน (ตอนนี้ ทรูมีลูกค้า wifi ประมาณ 5 แสนราย) เดือนละ 99- gpm ที่ 70% เท่ากับกำไรประมาณ 830 ล้านบาท หรืออีกประมาณ 0.11 ต่อหุ้นศิษย์เซียน007 เขียน:ส่วนwifiยังไม่กล้าคาดการณ์แต่ประการใดขอดูตัวเลขผู้ใช้ซัก2Qก่อนใหม่ๆที่คนใช้เยอะอาจจะมาการอยากลองของใหม่ก็ได้คับ
?
Small Details Make a Big Difference
- leaderinshadow
- Verified User
- โพสต์: 1765
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 187
เค้าบอกว่า ก่อนสึนามึ มักมีสัญญาณเตือนภัยpak เขียน:ที่ผมเข้ามาตามอ่าน เป็นเพราะว่า...
ผมต้องการศึกษาไว้เพื่อเป็น Case Study สำหรับหุ้นที่ครองตำแหน่ง "ขวัญใจมหาชน"
และต้องบอกว่า ผมได้รับความรู้จากกระทู้นี้ไปมากมายเลยครับ
ผมขอตั้งชื่อเหตุการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้ว่า..."สึนามิราคาหุ้น" นะครับ
เพราะมันมาแบบรวดเร็ว ไม่ทันให้เราได้ตั้งตัว
และมันกวาดทุกสิ่งทุกอย่างกลับลงไปในทะเลเกือบจะหมด...แทบไม่เหลืออะไรเลย!!!
วันจันทร์ที่จะถึงนี้...
ไม่รู้ว่า "ฟ้าจะเปิด และทะเลจะเงียบสงบ" หรือยังนะครับ?
หรือว่าจะยังมี "อาฟเตอร์ช็อค" ตามมาอีก
เอาใจช่วยสำหรับคนมีหุ้นนะครับ
และเชื่อว่าเหตุการณ์ร้ายๆจะผ่านพ้นไปด้วยดี
ฟ้าหลังฝน ย่อมงดงามเสมอ
เช่นเกิดแผ่นดินไหว 7 ริกเตอร์ขึ้นไป น้ำทะเลลดอย่างรวดเร็ว
ตัวนี้ก็เหมือนกัน ผมว่าก่อนราคาร่วงหนัก น่าจะมีการนำ ไปทำการศึกษานะครับ
ว่า 1 อาทิตย์ก่อนร่วง เกิดเหตุการณ์อะไรบ้าง มีข่าวอะไรบ้าง คนรู้สึกอย่างไร
ตอนราคาร่วง เกิดข่าวอะไร คนรู้สึกอะไร
หลังจากนั้นเป็นอย่างไร เกิดข่าวอะไร คนรู้สึกอะไร
เปรียบเสมือนประเทศญี่ปุ่นกับไทย
ถ้าโดนสึนามึเหมือนกัน เค้าจะเสียหายน้อยกว่าไทยแน่ๆ
เพราะญี่ปุ่นเค้าบทเรียนกับเรื่องนี้เยอะ
ลองคิดดูว่าถ้าเหตุการณ์สึนามิ ครั้งล่าสุด มาเกิดที่ไทย
ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ...!
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 189
เอามาให้อ่านเตือนใจอีกครั้งครับ
สำหรับคนที่วิเคราะห์ตาม พื้นฐานกิจการครับ
สำหรับคนที่วิเคราะห์ตาม พื้นฐานกิจการครับ
การทำใจในการลงทุน : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Posted by admin in Investment on ก.พ. 22nd, 2011 | no responses
ถ้ารักจะเป็น Value Investor แล้ว จะต้องรู้จัก “ทำใจ” ในหลายๆเรื่อง ใหม่ๆอาจจะรู้สึกกระวนกระวายใจและอาจทำไม่สำเร็จ แต่ถ้าฝึกไปเรื่อยๆก็จะทำได้เองและจะทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ และผลดีก็จะตามมา ต่อไปนี้เป็นบางสิ่งบางอย่างที่ผมคิดว่านักลงทุนควรจะฝึก “ทำใจ”
.
เรื่องแรกก็คือ อย่าตื่นเต้นหรือดีใจเกินไปเวลาหุ้นวิ่งขึ้นไปรวดเร็วและรุนแรง เช่นเดียวกับที่อย่าตกใจขวัญเสียเวลาหุ้นตกหนักในช่วงเวลาสั้นๆ เพราะอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะทำให้เราตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นบ่อย และที่สำคัญก็คือ ผิดเวลา ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นรับประกันว่าจะทำให้เรากระเป๋าฉีกแน่นอน
.
ใกล้เคียงกับข้อแรกก็คือ อย่าเฝ้าจอหุ้นหรือติดตามราคาหุ้นใกล้ชิดเกินไป เพราะจะทำให้เราตาลายและสับสน เช่นเดียวกัน เราไม่ควรฟังข่าว ทั้งที่เป็นข่าวจริงหรือข่าวลือในห้องค้าเกินความจำเป็น เพราะหูจะอื้อ และเมื่อเราหูอื้อและตาลายพร้อมกัน ก็มีโอกาสสูงที่เราจะทำอะไรโดยไม่ได้คิดได้ง่าย ซึ่งการลงทุนที่ไม่ได้คิดอย่างรอบคอบนั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับนักมวยที่เมาหมัด เดินเข้าหาคู่ต่อสู้โดยไม่ได้ป้องกันตัว
.
เรื่องที่ควรทำใจข้อสามก็คือ การยอมรับว่าเราไม่สามารถคาดการณ์ภาวะตลาดหุ้นได้ และไม่มีใครสามารถทำได้ถูกต้องอย่างสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นการลงทุนโดยอิงกับการคาดการณ์ภาวะตลาดจึงไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ การทำใจในเรื่องนี้บางทีก็เป็นเรื่องยาก เพราะเรามักจะคิด “เข้าข้างตัวเอง” ว่าเรารู้และคาดได้ถูกมากกว่าผิด เหตุผลอาจจะเป็นเพราะว่าเวลาคาดถูก เรามักจะภูมิใจ ดีใจ และจดจำ ส่วนเวลาที่คาดผิด เรามักจะเสียใจและพยายามลืม ซึ่งทำให้สมองเราเก็บสถิติที่ผิดพลาดนึกว่าเราแน่ ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วไม่ใช่
.
เรื่องที่นักลงทุนส่วนใหญ่สนใจและติดตามกันมากในช่วง นี้ก็คือ การซื้อหุ้นสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศซึ่งซื้อติดต่อกันมาหลายเดือนนับได้ เกือบแสนล้านบาทเข้าไปแล้ว (2548) แต่ผมกลับคิดว่า Value Investor ควรจะทำใจไม่ให้สนใจกับเรื่องนี้ เพราะการซื้อหุ้นสุทธิของ “ฝรั่ง” นั้น ถึงแม้ว่ามักจะทำให้ดัชนีหุ้นวิ่งขึ้น แต่ ปัญหาก็คือ เราไม่รู้ว่าวันไหนฝรั่งจะซื้อหรือขายมากน้อยแค่ไหน เรารู้ต่อเมื่อเขาซื้อหรือขายเรียบร้อยแล้ว เรามักจะซื้อทีหลังและขายทีหลัง
.
ทุกครั้งที่สถาบันลงทุนชื่อดังจากต่างประเทศให้สัมภาษณ์ว่าเขา สนใจตลาดหุ้นไทย และจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนนั้น เชื่อผมเถอะครับว่าเขาซื้อไปเรียบร้อยแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเราลงทุนโดยดูการซื้อขายของเขา เราน่าจะเป็น “เหยื่อ” มากกว่าที่จะเป็นคนตกปลา
.
เรื่องที่ห้าสำหรับ Value Investor ที่ควรจะทำใจ ก็คือ การ ลงทุนหุ้นนั้นจะให้ผลตอบแทนค่อนข้างดีในระยะยาว 4-5 ปีขึ้นไป แต่ในระยะสั้นแล้วอาจจะเลวร้ายหรือดีเยี่ยมก็ได้ แต่ไม่ว่าในกรณีใด การลงทุนในหุ้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้คนรวยในชั่วข้ามคืน ถ้าอยากจะรวยด้วยหุ้นแบบปลอดภัย ผมคิดว่าต้องศึกษาการลงทุนมาเป็นอย่างดี และต้องลงทุนต่อเนื่องยาวนานเป็นสิบๆปีขึ้นไป การคิดหวังรวยทางลัดในตลาดหุ้นนั้นผมคิดว่าร้อยละ 99 ขาดทุนและเสียหายหนัก
.
นอกจากทำใจว่า การลงทุนหุ้นไม่สามารถจะรวยได้เร็วเหมือนการเก็งกำไรหรือการพนันอย่างอื่น แล้ว ควรทำใจว่าผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีของเราน่าจะอยู่ในระดับไม่เกิน 10-15% โดยไม่ต้องสนใจว่าคนเล่นหุ้นหรือนักลงทุนคนอื่นจะได้กำไรมหาศาลแค่ไหน โดยเฉพาะในช่วงสั้นๆไม่เกินปีหรือสองปี เพราะ การพยายามไปเปรียบเทียบกับคนที่กำลังประสบความสำเร็จในช่วงสั้นๆ จะทำให้เราเข้าใจผิดคิดว่าวิธีการของเราผิดและวิธีการของเขาถูก ซึ่งอาจจะไม่ใช่
.
ถ้าจะให้สรุปสำหรับข้อห้าและหกก็คือ นักลงทุนควรจะทำใจให้รู้จักกับความพอใจและเพียงพอในการลงทุน ไม่โลภหวังรวยโดยการเสี่ยงหรือเก็งกำไรในสิ่งที่ไม่มีความแน่นอนพอ
.
อย่างไรก็ตาม การทำใจในเรื่องนี้ไม่ได้แปลว่าผลตอบแทนของเราไม่มีทางที่จะดีเลิศได้เลย เพราะ ในความเป็นจริงนั้น มหัศจรรย์สามารถเกิดขึ้นได้กับพอร์ตการลงทุนที่เจ้าของยึดหลักความพอเพียง เท่าๆกับพอร์ตที่เน้นการลงทุนแบบหวังรวยเร็วเหมือนกัน
.
การทำใจที่สำคัญที่สุดอีกข้อหนึ่งสำหรับ Value Investor ก็คือ การ เชื่อว่าราคาหุ้นที่เราลงทุนไว้นั้นในระยะยาวจะขึ้นหรือลงตามกำไรของกิจการ ผลตอบแทนของการลงทุนของเราจะดีหรือเลวก็ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัท ที่เราลงทุน ถ้าเราทำใจในเรื่องนี้ได้ เราก็จะไม่กระวนกระวายหรือเสียใจเวลาที่ดัชนีตลาดปรับตัวขึ้นไปแรง ในขณะที่พอร์ตหุ้นของเราไม่ได้ปรับตัวขึ้นตาม เช่นเดียวกัน เราก็จะไม่เห็นเหตุผลหรือรู้สึกว่าจะต้องปรับพอร์ตตามภาวะตลาด
.
ต่อเนื่องจากเรื่องของกำไรกับราคาหุ้นก็คือ เราควรทำใจให้ได้ว่า การ ลงทุนซื้อหุ้นในตลาดนั้นก็คือการลงทุนในธุรกิจ เราซื้อหุ้นก็คือการซื้อส่วนหนึ่งของธุรกิจ เป็นเรื่องยากที่ธุรกิจจะมีค่ามากขึ้นมากมายในเวลาไม่กี่วัน เช่นเดียวกัน เป็นเรื่องยากที่ธุรกิจจะมีค่าตกต่ำลงมากมายในชั่วข้ามคืน ดังนั้น การซื้อหรือขายธุรกิจโดยอิงกับความผันผวนของราคาหุ้นในช่วงสั้นๆ จึงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผล
.
การทำใจเรื่องที่เก้าก็คือ การ ทำใจไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับหุ้นที่ดูเหมือนจะสามารถทำกำไรได้ง่ายในระยะ เวลาอันสั้น แต่หุ้นนั้นพิจารณาจากพื้นฐานแล้วไม่มีความคุ้มค่าที่จะซื้อเลย นี่ก็คือหุ้นที่อาจจะกำลังมี “ข่าวดี” หรือกำลังจะมี “คนเล่น” หรืออะไรก็แล้วแต่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อดใจได้ยาก แต่จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่คุ้มค่าที่จะทำ บางครั้งเราอาจจะได้กำไรมากกว่าขาดทุน แต่มันจะไม่เปลี่ยนแปลงขนาดของพอร์ตอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถ้าเราทำบ่อยๆ เราจะ “หลงทาง” และหลุดจากเป้าหมายหลักของการสร้างพอร์ตในระยะยาว
.
สุดท้ายแต่ไม่ใช่เรื่องสุดท้ายที่จะต้องทำใจก็คือ เมื่อ เราประสบความสำเร็จในการลงทุนมา 2-3 ปี ก็อย่าเพิ่งเชื่อว่าเราจะชนะต่อไปเรื่อยๆด้วยวิธีการลงทุนที่ทำอยู่ เรามีโอกาสที่จะประสบกับความเลวร้ายเสมอและวันหนึ่งเราก็จะเจอ อย่าเชื่อว่าวิธีการที่ทำอยู่จะถูกต้อง จนกว่าคุณจะใช้มาไม่น้อยกว่า 5-6 ปีขึ้นไป และมันสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจมาอย่างสม่ำเสมอ
.
การทำใจในการลงทุน
.
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 190
อ่านแล้วขำกลิ้ง โดนใจจริงๆครับZcyllar เขียน:ผมคิดว่า น่าจะประมาณ 3.8 ขึ้นไปครับ แต่ผมไม่ได้หมายความว่าทุกเคสจะต้องถูก force sell ครับ แต่ส่วนใหญ่ทุกคนก็จะทราบจุดที่ตัวเองจะต้องถูก force sell พอมันลงมาใกล้ใกล้จะถึง ก็ขายกันก่อนแล้วครับ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วขอต่ออีกนิดนะครับ โดยส่วนตัวผมเองคิดว่าเหตุการณ์นี้มันไม่ได้มีอะไรซับซ่อนเท่าไหร่ครับ ถ้าจะจำได้ช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดลง jas ก็สวนตลาดขึ้นมา เพราะงั้นอารมณ์แต่ละคนก็แตกต่าง แต่ส่วนใหญ่ผมว่าประเมินว่าจะต้องย่อลงนะครับ แต่ขายไปก็กลัวขายหมูเพราะเห็นว่าเป็นขาขึ้น เหมือนกับว่า กล้า ๆ กลัว ๆ นะครับ ไม่ทราบพอจะเคยเห็นภาพที่เมื่อก่อนนะครับ เป็นภาพที่มีPn3um0n1a เขียน:3.30 นี่ ต้องซื้อที่ราคาเท่าไหร่ถึงโดน force sell (บังคับขาย) เหรอครับZcyllar เขียน: นั้นแหละครับสาเหตุที่ลงแรง รับไม่อยู่ และไอ้ที่ขายกันออกมา ตั้งแต่ประมาณ 3.30 ผมว่าส่วนใหญ่จำใจขายหรือบางคนอาจโดนบังคับให้ต้องขาย ซะด้วย ยิ่งลงก็ยิ่งมีเพิ่ม ผมว่ายังเหลือที่จะต้องโดนบังคับขายอีกเยอะหากราคายังอยู่แถว ๆ นี้ ใจเย็น ๆ ครับ บางทีนะอาจจะเป็นว่า ทุบให้พวกใช่มาร์จินปล่อยของออกมาเยอะ ๆ เพื่อเปิดทางให้ต่างชาติเข้า เร็ว ๆ นี้นะครับ ราคาก่อนลงอาจจะยังไม่จูงใจต่างชาติ (โดยเฉพาะแถว ๆ ฮ่องกง) เออ.....ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่ต้องฮ่องกง อิอิอิอิ
ฝูงนก เพนกวิด ยืนกันเยอะ และก็มี ตัวนึงกระโดดลงน้ำตัวต่อไปก็ตามกันจนหมด
ผมคิดว่าคนหรือกลุ่มที่ขายไม้แรก ก็อาจจะไม่ได้มีความตั้งใจให้เป็นแบบนี้หรอกครับ แต่อาจจะมีความจำเป็นต้องใช้เงินนะครับ เช่น ต้องใช่เงินเพื่อไปเลือกตั้ง ลูกกำลังจะเปิดเทอม หรือ อะไรก็ได้ครับ และผมก็เชื่อว่าไม่ใช่กลุ่ม ผถห ใหญ่หรอกครับ อาจจะเป้นใครก็ได้ เพราะถ้าใช่ มาร์จิน ก็น่าจะมีจำนวนหุ้นพอสมควร แต่พอขายไปคนที่อื่นเห็นว่ามีทิ้งมาก็ผสมโรงกันไปด้วย จาก 1 เป็น 10 จาก 10 เป็น 100 พอลงไปถึงจุดนึง กลไก force sell ก็เริ่มทำงาน ยิ่งลงก็ยิ่งเพิ่ม จึงไหลลงไปเยอะนะครับ บวกกับท่านอื่นที่ไม่ใช่มาร์จินก็ผสมเข้าไปอีก ช่วงหลัง ๆ มาผมได้ยินเป้าหมายเยอะมาก มีทั้ง 3.5 4.0 5.0 6.8 เลยไปยัง 12 ก็เคยได้ยิน เริ่มจากมั่นใจ จนมาเป็นกังวล และก็กลัว
เพราะฉะนั้นโดยส่วนตัวผมว่าอาจจะเป็นเรื่องของจิตวิทยามวลชน น่ะครับ เมื่อก่อนช่วงเป็นวัยรุ่น มีช่วงนึงที่วัยรุ่นชอบไปท้าพิสูจน์ บ้านผีสิง ผมกับเพื่อน ๆ ก็ไปครับ ก่อนไปก็ครึกครื่นกันดี พอไปถึงผมก็เริ่มเสียว ๆ เพราะบรรยากาศ พอได้เข้าไปในใจนี้กลัวแต่ต้องทำเป็นกล้า กลัวเพื่อนว่า พอเดิน ๆ ไป มีคนนึงทำของตก เท่านั้นแหละครับไปกันคนละทิศละทางเลย พอรวมกลุ่มกันได้อีกทีถามว่าวิ่งกันทำไม โห บางคนบอกเห็นเงาคน บางคนบอกเห็นเด็กวิ่ง ไอ้คนที่ไม่เห็นก็ต้องบอกว่าเห็นร่วมถึงผมด้วย เพราะกลัวจะอายหาว่า ปอดแหก อิอิ
ใจร่ม ๆ เถอะครับ น้ำครึ่งแก้วเราจะมองว่ามันหายไปตั้งครึ่งแก้ว หรือเราจะมองว่ามันเหลืออีกตั้งครึ่งแก้ว ก็อยู่ที่ตัวเราจะเลือกมองครับ ค้วยความเครพครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
- sorawut
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2455
- ผู้ติดตาม: 1
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 191
ขอมอบเพลงนี้ให้ผู้กล้าทุกท่านครับ
ตัดสินใจว่า ธุรกิจไหนที่คุณต้องการจะเป็นเจ้าของ
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
และซื้อเมื่อราคาสามารถให้ผลตอบแทนจากการลงทุน ในอัตราที่เข้าท่าสำหรับการร่วมทำธุรกิจเท่านั้น
- laohanant
- Verified User
- โพสต์: 372
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 192
ขอบคุณพี่ simplelife สำหรับมุมมองใหม่ๆsimplelife เขียน:ลองไปดูตรงนี้pak เขียน:ถ้าผมจะหา "แพะ" ให้เรื่องนี้
ผมจะยกตำแหน่งนี้ให้กับ "การ์ตูนประจำสัปดาห์นี้" อ่ะนะครับ
สรุปรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้นสูงสุด 50 อันดับแรก
http://www.set.or.th/th/market/market_statistics.html
ดูย้อนไปไกลๆหลายๆเดือนด้วย
ไม่มีหุ้นแต่ชอบอ่าน เห็นแล้วหนาวขี้เลย
หุ้นทั้งมี 7,244,251,378 หุ้น เล่นวางกันไปถึง........... โอ้ นี่แค่เดือน มีนาคม นะ แล้วไอ้ เมษา ที่ผ่านมานี้อีกล่ะ
วางกันเกินครึ่งของรายย่อย ก็ต้องหมายความว่ารายใหญ่ก็วางด้วย
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
Detect and Act on the market 's error.
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 193
ก่อนจะลงมันมีความน่าจะเป็นทางเทคนิคที่อาจจะเกิด Climax Top ครับ
ผมซื้อไว้เกร็งกำไรนิดหน่อย ยังขายทิ้งไปที่ 3.74 ตอนวันจันทร์เลยครับ
รายละเอียดลองไปศึกษาเอาเองนะครับ มันไม่เกี่ยวกับหลัก VI
ผมซื้อไว้เกร็งกำไรนิดหน่อย ยังขายทิ้งไปที่ 3.74 ตอนวันจันทร์เลยครับ
รายละเอียดลองไปศึกษาเอาเองนะครับ มันไม่เกี่ยวกับหลัก VI
-
- Verified User
- โพสต์: 1583
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 194
This is interesting...กล้วยไม้ขาว เขียน:ก่อนจะลงมันมีความน่าจะเป็นทางเทคนิคที่อาจจะเกิด Climax Top ครับ
ผมซื้อไว้เกร็งกำไรนิดหน่อย ยังขายทิ้งไปที่ 3.74 ตอนวันจันทร์เลยครับ
รายละเอียดลองไปศึกษาเอาเองนะครับ มันไม่เกี่ยวกับหลัก VI
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 196
เฮ้อออออ
ไม่รู้จะพูดว่าไงจริงๆ
ไม่รู้จะพูดว่าไงจริงๆ
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
-
- Verified User
- โพสต์: 125
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 197
เข้ามาเป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ ผมไม่เคยมีหุ้นตัวนี้ ยอมรับว่ามันเกินขอบเขตความรู้ความสามารถของผมสำหรับหุ้น turn around ถ้าใครประเมินราคาที่เหมาะสมไม่ออกก็ควรจะอยู่ห่างๆดีกว่าครับ ถ้ามองกันยาวๆ เมื่อ 3g/4g มา ทั้ง wifi และ adsl ยังไงก็ลำบากครับ เพียงแต่ตอนนี้มันยังติดขัดมาไม่ได้แค่นั้นเอง
สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นดับไปเป็นธรรมดา
-
- Verified User
- โพสต์: 381
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 198
นักลงทุนที่ดีต้องยึดมั่นในหลักการลงทุนของตนเอง
ไม่ใช่ผันผวนไปตามความบ้าคลั่งของตลาด
ถ้าคุณเป็นtrader ขาดทุน3-5% คุณต้องcut loss
ถ้าคุณปล่อยให้ขาดทุน30-50% คุณต้องถามตัวคุณเองว่าเป็นtrader แบบไหน
ถ้าคุณเป็นvalue investor
คุณต้องถามว่า value ของjas คือกี่บาท
ถ้าคุณว่า5บาท แล้วมันลงเหลือ2.7บาท
ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนไหม
ถ้าไม่เปลี่ยน
มีเงินก็ซื้อเพิ่ม ไม่มีก็อยู่เฉยๆ
ถ้าvalueมันแค่2บาทหรือคํานวนไม่ได้
ก็อย่าไปยุ่งกับมัน
เพราะไม่มีmargin of safety
ลองใช้โอกาสนี้ทบทวนตัวเองว่า
มีหลักการลงทุนที่ถูกต้องมั่นคงหรือยัง
ถ้าไม่มีหลักการลงทุนที่ดี
ก็ไม่มีโอกาสประสพความสําเร็จในการลงทุน
ขอเป็นกําลังให้ทุกๆท่านโดยเฉพาะมือใหม่ทั้งหลาย
ไม่ใช่ผันผวนไปตามความบ้าคลั่งของตลาด
ถ้าคุณเป็นtrader ขาดทุน3-5% คุณต้องcut loss
ถ้าคุณปล่อยให้ขาดทุน30-50% คุณต้องถามตัวคุณเองว่าเป็นtrader แบบไหน
ถ้าคุณเป็นvalue investor
คุณต้องถามว่า value ของjas คือกี่บาท
ถ้าคุณว่า5บาท แล้วมันลงเหลือ2.7บาท
ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนไหม
ถ้าไม่เปลี่ยน
มีเงินก็ซื้อเพิ่ม ไม่มีก็อยู่เฉยๆ
ถ้าvalueมันแค่2บาทหรือคํานวนไม่ได้
ก็อย่าไปยุ่งกับมัน
เพราะไม่มีmargin of safety
ลองใช้โอกาสนี้ทบทวนตัวเองว่า
มีหลักการลงทุนที่ถูกต้องมั่นคงหรือยัง
ถ้าไม่มีหลักการลงทุนที่ดี
ก็ไม่มีโอกาสประสพความสําเร็จในการลงทุน
ขอเป็นกําลังให้ทุกๆท่านโดยเฉพาะมือใหม่ทั้งหลาย
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 199
ขอบคุณครับ บังเิอิญไม่เคยตาม แต่ผมเดาๆเอาว่า GPM ที่ 70% เพราะว่าต้องเผื่อให้ AIS หน่อยๆแหละครับ อย่าลืมว่าลูกค้า wifi บางส่วนสมัครตรงกับ 3BB ไม่น่าจะต้องเสียส่วนแบ่งอะไรตรงนั้นเลย มีบางส่วนที่เป็นลูกค้า internet package สูงๆของ AIS น่าจะกลับมาให้ส่วนแบ่ง 3BB ก็น่าจะถัวๆกันไปบางส่วนsai เขียน:wifi เราน่าจะได้ส่วนแบ่งประมาณ 70 บาทต่อหัวนะครับเพราะต้องแบ่งให้กับ ais ด้วย ถ้าไปคิดเดือนละ 99 อาจจะผิดเพี้ยนไปได้ครับsimplelife เขียน:สมมติว่ามีลูกค้า wifi 1 ล้านคน (ตอนนี้ ทรูมีลูกค้า wifi ประมาณ 5 แสนราย) เดือนละ 99- gpm ที่ 70% เท่ากับกำไรประมาณ 830 ล้านบาท หรืออีกประมาณ 0.11 ต่อหุ้น
ขอให้โชคดีในการลงพุง เอ๊ยการลงทุนครับ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1018
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 200
เลิกเครียดชั่วคราวแล้วไปอ่านการ์ตูน maoinvestor ตอนใหม่ดีกว่าครับ
http://www.maoinvestor.com/2011/05/2.html
http://www.maoinvestor.com/2011/05/2.html
-
- Verified User
- โพสต์: 571
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 201
ลองนึกดูเล่นๆ ครับ ถ้าผมรู้ข้อมูลตรงนี้ แล้วสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกจากวงในว่ามีใครบ้างที่เล่นมาร์จิ้นหนักๆ มีจำนวนกี่ราย ต้องทำราคาเท่าไหร่ถึงจะเกิด force sell พร้อมทั้ง snow ball effect (จากการ panic ของตลาด) ผมจะเห็นช่องทางการเล่นได้กำไรทันทีด้วยการยืมหุ้นมาขาย ขาย แล้วก็ขายอย่างเดียว ถล่มไปเลย แล้วรับกลับตอนปิดตลาด เพื่อคืนหุ้นให้เจ้าของเค้าไปแล้วจัดสรรกำไรกัน ทุกคนมีหุ้นอยู่เหมือนเดิม แต่ได้เงินสดกลับมามหาศาลภายในวันเดียวไม่ต้องเสียภาษีด้วยไม่ต้องลงทุนด้วย สุดยอดจริงๆ แล้วผมก็ไปเชิญคนนั้น คนนี้มาคุยกันว่าเอาไหม ถ้ามีแนวร่วมสัก 2-3 คน สร้างกระแสว่าคนโน้นเอาด้วย คนนี้ก็เอาด้วย เดี๋ยวก็เพิ่มมาอีกหน่อยเป็น 4-5 คน และกลายเป็นหลายๆ คน ผมแค่คิดไปเล่นๆ นะครับ ไม่ได้กล่าวหาใคร เป็นเพียงทฤษฎีสมคบคิด ที่อาจเกิดขึ้นได้เท่านั้นlaohanant เขียน:ขอบคุณพี่ simplelife สำหรับมุมมองใหม่ๆsimplelife เขียน:ลองไปดูตรงนี้pak เขียน:ถ้าผมจะหา "แพะ" ให้เรื่องนี้
ผมจะยกตำแหน่งนี้ให้กับ "การ์ตูนประจำสัปดาห์นี้" อ่ะนะครับ
สรุปรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้นสูงสุด 50 อันดับแรก
http://www.set.or.th/th/market/market_statistics.html
ดูย้อนไปไกลๆหลายๆเดือนด้วย
ไม่มีหุ้นแต่ชอบอ่าน เห็นแล้วหนาวขี้เลย
หุ้นทั้งมี 7,244,251,378 หุ้น เล่นวางกันไปถึง........... โอ้ นี่แค่เดือน มีนาคม นะ แล้วไอ้ เมษา ที่ผ่านมานี้อีกล่ะ
วางกันเกินครึ่งของรายย่อย ก็ต้องหมายความว่ารายใหญ่ก็วางด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 202
อย่างฮา อะคับNotelio เขียน:เลิกเครียดชั่วคราวแล้วไปอ่านการ์ตูน maoinvestor ตอนใหม่ดีกว่าครับ
http://www.maoinvestor.com/2011/05/2.html
show me money.
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 204
ท่านสรุปได้ดีเชียวครับdrsp เขียน:นักลงทุนที่ดีต้องยึดมั่นในหลักการลงทุนของตนเอง
ไม่ใช่ผันผวนไปตามความบ้าคลั่งของตลาด
ถ้าคุณเป็นtrader ขาดทุน3-5% คุณต้องcut loss
ถ้าคุณปล่อยให้ขาดทุน30-50% คุณต้องถามตัวคุณเองว่าเป็นtrader แบบไหน
ถ้าคุณเป็นvalue investor
คุณต้องถามว่า value ของjas คือกี่บาท
ถ้าคุณว่า5บาท แล้วมันลงเหลือ2.7บาท
ปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนไหม
ถ้าไม่เปลี่ยน
มีเงินก็ซื้อเพิ่ม ไม่มีก็อยู่เฉยๆ
ถ้าvalueมันแค่2บาทหรือคํานวนไม่ได้
ก็อย่าไปยุ่งกับมัน
เพราะไม่มีmargin of safety
ลองใช้โอกาสนี้ทบทวนตัวเองว่า
มีหลักการลงทุนที่ถูกต้องมั่นคงหรือยัง
ถ้าไม่มีหลักการลงทุนที่ดี
ก็ไม่มีโอกาสประสพความสําเร็จในการลงทุน
ขอเป็นกําลังให้ทุกๆท่านโดยเฉพาะมือใหม่ทั้งหลาย
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- densin
- Verified User
- โพสต์: 1073
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 205
แม้แต่เรยายังต้องโหนกระแสดอก มะลิ กะ ดอกชบาน่ะมันต่างกันเยอะ ! .... ดอกมะลิ น่ะ หอมจริง แต่เอาไว้บูชาพระบนหิ้ง กะ ดอกชบา สีสันฉูดฉาด ทัดหูอวดคนเล่นได้เฉยๆ แต่มันไม่หอม ~ วลีเด็ดจากดอกส้มสีทอง
VI สายมืด = VI หน้ามืดซื้อตัวฮอทๆอย่าไม่ลืมหูลืมตา
- tatandchin
- Verified User
- โพสต์: 775
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 206
ขอบคุณคุณ simplelife มากครับsimplelife เขียน:ลองไปดูตรงนี้pak เขียน:ถ้าผมจะหา "แพะ" ให้เรื่องนี้
ผมจะยกตำแหน่งนี้ให้กับ "การ์ตูนประจำสัปดาห์นี้" อ่ะนะครับ
สรุปรายงานหลักทรัพย์ที่วางเป็นประกันการชำระหนี้ในบัญชีมาร์จิ้นสูงสุด 50 อันดับแรก
http://www.set.or.th/th/market/market_statistics.html
ดูย้อนไปไกลๆหลายๆเดือนด้วย
ขอความรู้ครับ มันเป็นข้อมูลแบบสะสม หรือ ข้อมูลของเฉพาะเดือนนั้นครับ ขอบคุณมากครับ
- champ_st
- Verified User
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 207
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
-
- Verified User
- โพสต์: 1734
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 208
ผมว่า จริงๆแล้ว
ราคาเป้าหมายที่เหมาะสม หาค่าแน่นอนไม่ได้
เพราะ
มันเป็นราคาหุ้นที่ใครก็ได้จะเป็นคนซื้อ นอกจากคนที่บอก
ฝากคุณลีดเดอร์ฯ ถามหนุ่มไชน์ไรส์เพื่อนซี้ด้วยครับ
เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว หนุ่มไชน์ไรส์บอกไว้ตอนเจอตัวกันว่า
ได้ล้างพอร์ตไปแล้ว
แต่จะรอซื้อหุ้นกลับ หลังจากเกิด "แพนิกเซล"
ตกลงว่า หนุ่มไชน์ไรส์กลับขึ้นขับรถแจ๊สหรือยังครับ
ราคาเป้าหมายที่เหมาะสม หาค่าแน่นอนไม่ได้
เพราะ
มันเป็นราคาหุ้นที่ใครก็ได้จะเป็นคนซื้อ นอกจากคนที่บอก
ฝากคุณลีดเดอร์ฯ ถามหนุ่มไชน์ไรส์เพื่อนซี้ด้วยครับ
เมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว หนุ่มไชน์ไรส์บอกไว้ตอนเจอตัวกันว่า
ได้ล้างพอร์ตไปแล้ว
แต่จะรอซื้อหุ้นกลับ หลังจากเกิด "แพนิกเซล"
ตกลงว่า หนุ่มไชน์ไรส์กลับขึ้นขับรถแจ๊สหรือยังครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1734
- ผู้ติดตาม: 0
Re: JAS มาม่าชามใหญ่ อยากระบายอะไรก็มาทางนี้
โพสต์ที่ 210
เกล้า เขียน:ว้าว..นี้ผมถือเป็นข้อมูลระดับพีเมียลีกเลยนะเนี่ย
ขอบคุณมากๆครับ..คุณอาคลายเครียด
แฮะ แฮะ พี่เมียลีกตรงไหนครับ
ก็แค่หนุ่มไชน์ไรส์ออกความเห็นไว้ในวงสนทนา
ตามที่อาจารย์ไพบูลย์ได้กรุณาเลี้ยงอาหารญี่ปุ่น ที่โรงแรมเซนทรัลลาดพร้าว
เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๗ พฤษภาคมว่า
เท่าที่รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่ง
มีคนเชื่อว่าหุ้นจะขึ้น สามสิบเปอร์เซนต์
มีคนเชื่อว่า หุ้นจะว่าลงแบบแพนิก เจ็ดสิบเปอร์เซนต์
หนุ่มไชน์ไรส์เลือกเชื่อว่า จะลงแบบแพนิกครับ
เลยขายหมดพอร์ตล้างมาร์จิ้น
และได้ถามขึ้นมาลอยๆ ในวงสนทนาว่า
จะซื้อกลับหลังแพนิกเซล ดีหรือเปล่า ?
ก็เลยเป็นที่มาของคำถาม ที่ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน