$$ รวมหุ้น Turnaround $$

[chatchai]

สำหรับแฟนๆหุ้น Turnaround หนังสือเล่มใหม่ที่คุณ WEB เพิ่งแปลเสร็จ มีเนื้อหาเกี่ยวกับคุณสมบัติของหุ้น Turnaround ที่ดีด้วยครับ

ผมไม่แน่ใจว่าเริ่มวางขายในร้านซีเอ็ดหรือยัง อย่าพลาดนะครับ

[Financeseed]

สำหรับแฟนๆหุ้น Turnaround หนังสือเล่มใหม่ที่คุณ WEB เพิ่งแปลเสร็จ มีเนื้อหาเกี่ยวกับคุณสมบัติของหุ้น Turnaround ที่ดีด้วยครับ

ผมไม่แน่ใจว่าเริ่มวางขายในร้านซีเอ็ดหรือยัง อย่าพลาดนะครับ

หนังสือชื่ออะไรหรอครับ

[chatchai]

สำหรับแฟนๆหุ้น Turnaround หนังสือเล่มใหม่ที่คุณ WEB เพิ่งแปลเสร็จ มีเนื้อหาเกี่ยวกับคุณสมบัติของหุ้น Turnaround ที่ดีด้วยครับ

ผมไม่แน่ใจว่าเริ่มวางขายในร้านซีเอ็ดหรือยัง อย่าพลาดนะครับ

หนังสือชื่ออะไรหรอครับ

ลงทุนสวนกระแสอย่าง... แอนโทนี โบลตัน

แปลโดย คุณพรชัย

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=15&t=48270

[JPrince]

วางแผงวันพรุ่งนี้ครับ ที่ซีเอ็ด

[nut776]

เคยได้ยินมาว่า bh ก็เคยเข้าหมวดฟื้นฟูก่อนจะมาเป็นสุดยอดโรงพยาบาลทุกวันนี้
ไม่รู้ว่าแบบนี้เรียกว่าเน่าสนิทแล้วกลับมาเป็นพญาอินทรีย์ได้ไหม ?

จริง คับ ผม ตอน bh อยู่ rehab ผมก็ยังอยู่ในตลาด แต่ตอนนั้นไม่รู้เรื่อง กลยุทธ์ อะไรหรอก
รู้แต่ ที่ ตรง สุขุมวิท ของ bh ยังไงมันก็พอใ้ช้หนี้

[kong_kang69]

.....YCI......

ของผมขึ้นลิ่งอีกแล้วนะครับ.............ขายได้ 2000 หุ้นเอง....อิอิ

อยากให้ห้อง 100 คน 100 หุ้น มีหุ้นตัวนี้จัง แต่ไม่รู้ต้องทำไง

ใครรู้ช่วยตอบหน่วย

หรือถ้าคนทำเวบนี้มาอ่าน สร้างบ้านพัก (ห้อง YCI ) ใน 100 คน 100 หุ้นให้ผมด้วยเด้อ

.......................ลอกการบ้านครับ..................................................................................................................

[torpongpak]

บทความ เรื่อง "ความรู้สึกของผมก่อนงบออก และมุมมองต่อการเคลื่อนไหวของราคา"
By pak , 12 พ.ค. 54


หลายคนมักจะพูดกันว่า "เราควรปล่อยให้เงินทำงาน!!!"
ซึ่งอาจจะเป็นความจริงครับ
แต่ผมมองว่า...
ประโยคดังกล่าว มันละเลย "การให้เกียรติซึ่งกันและกัน" ไปซักหน่อยอ่ะนะขอรับ

แท้จริงแล้ว "เงิน" หรือ "บริษัท" ต่างก็เป็นสิ่งไม่มีชีวิต
และไม่สามารถที่จะทำงานด้วยตัวเองได้
ทุกๆ Activity หรือทุกๆกิจกรรมที่เกิดขึ้น ล้วนมาจาก "คน" ทั้งสิ้น!!!

"Human Resource" หรือ "บุคคลากร" คือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ความรู้ และประสบการณ์ของ CEO , ผู้บริหาร และพนักงานทุกๆท่าน ถูกหล่อหลอมกันขึ้นมา จนเป็นบริษัทฯ
เราในฐานะของนักลงทุน ผมเองมักจะเปรียบเทียบการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
ไว้ว่า...

"นักลงทุน" ก็เปรียบเสมือนคนตาบอด และ "CEO หรือผู้บริหาร" ก็เปรียบเสมือน คนที่ลากจูงพาเราเดิน
ดังนั้น ในการลงทุนในบริษัทฯใดบริษัทฯหนึ่ง คุณต้องถามตัวเองให้ชัดๆก่อนว่า...
คุณมั่นใจใน "คนที่จะมาลากจูงและพาคุณเดินไปข้างหน้า" แล้วหรือยัง?

มาถึงเรื่อง "ราคา" และ "ลักษณะการซื้อขาย(แบบรายวัน)"
บอร์ด THAIVI แห่งนี้ เราถือว่าเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง!!!
แต่ก็เป็นเรื่องไม่ผิดครับ ถ้าเราจะหยิบยกกันขึ้นมาคุยกันบ้างพอเป็นกระสาย

สำหรับหุ้นจะทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
หลายๆส่วนอยู่ร่วมกันมา และก็จะอยู่ร่วมกันไปอย่างนี้ตลอดไป
ทั้งผู้บริหาร, พนักงาน, นักลงทุนรายย่อย และนักลงทุนรายใหญ่(หรือใครจะเรียกว่า "เจ้าฮ่ะ" ก็ตามแต่)
นี่เป็นที่สาธารณะ จึงเป็นสิทธิเสรีในการซื้อขาย และหวังกำไรจากที่แห่งนี้

สำหรับผมแล้ว "การเคลืื่อนไหวของราคาหุ้น" ก็ไม่ต่างอะไรไปจาก "การตัดค่าเสื่อม"
เพราะรายใหญ่...ย่อมมี "เป้าหมายราคา" ในใจ
การตัดค่าเสื่อมเอง ก็มีด้วยกันหลายวิธี เช่น แบบเส้นตรง (Straight Line Method) หรือแบบอัตราเร่ง (Accelerated Method)
การเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ก็เช่นกัน
มันไม่มี Pattern ที่แน่นอนและตายตัว เราไม่สามารถรู้หรอกครับว่า เค้าจะใช้วิธีใด?
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ "เป้าหมายราคาในใจของเราเอง" ต่างหาก!!!

ไม่ว่าผลประกอบการของ "หุ้น Turnaround" หลายๆตัวที่ผมลงทุนอยู่ จะออกมาเป็นเช่นไร
ผมพร้อมแล้วครับที่จะรับฟังไม่ว่าจะเป็น "ข่าวดี" หรือ "ข่าวร้าย"
เพราะผู้บริหารเหล่านี้ คือ "คนที่ผมเลือกที่จะเชื่อ, เลือกที่จะไว้ใจ และเลือกที่จะให้จูงพาผมเดินไปข้างหน้า"
ในห้วงเวลานี้ คงมีแต่ "กำลังใจ" และ "คำขอบคุณ" ที่ควรจะมอบให้แก่กัน

บทความนี้จะไม่สมบูรณ์ถ้าขาดซึ่ง มุมมองและถ้อยคำดีๆและมีค่าของคนสองคน คือ คุณ chukieat30 และ คุณ thairdwave
นั่นก็คือ...

ของที่หมดคุณค่า กับของที่ยังไม่แสดงคุณค่า

คุณจะเลือกของชิ้นไหน สำหรับผมถ้ากิจการใดๆ ที่มันแสดงคุณค่าออกมาถึงที่สุดแล้ว

ผม ขาย เพราะสำหรับผม มันจะไร้คุณค่าในอนาคต


อยากให้หลายๆท่านมองที่เนื้อแท้ของกิจการหลัก อย่ามองว่ามีเจ้ามือ เจ้าที่อย่างเดียว

ราคาไปไหนไม่ได้ ถ้าเราไม่ไปไล่ซื้อมัน


ถ้าเราเป็นนักลงทุนคุณค่า เราต้องมองออกว่า กิจการที่ซื้อไว้ ถูกหรือแพง ในอนาคต

ยามคนอื่นเห็นว่าดี ให้ถือ ยามคนอื่นเห็นว่าดีมาก ให้ขาย

และคงไม่มีคำสรุปจบบทความที่ดีไปกว่าคำพูดของคุณ thirdwave ที่กล่าวไว้อย่างน่าฟังมากๆว่า...

รถไฟทุกขบวนก็ต่างวิ่งบนรางของมัน ผู้คนก็ขึ้นลงชานชลาที่เป็นเป้าหมายของตน มันเป็นอย่างนี้มานานแล้วครับ และจะยังคงเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดไป ไม่ว่ารถไฟขบวนนี้จะมีคุณ หรือไม่ก็ตาม...

"ตลาดเพิ่งจะตีห้า หรือตลาดกำลังจะวาย"
คุณเท่านั้น!!!...ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ


pak, 12 พ.ค. 54

ชอบครับ ขอบคุณมากครับ

[aaaaaa]

Tpipl. Eps 1H approximate. 1 baht

[thaihandsome]

TFD

สำหรับผมน่ะครับ

[miracle]

น้องคนสุดท้ายของกลุ่มแผ่นฟิล์ม

[torpongpak]

อ่านกระทู้นี้ตั้งเเต่หน้าเเรกได้ความรู้ใหม่ๆเพียบ พออ่านมาหน้า7 เฮ้ย เราเคยอ่นกระทู้นี้เเล้วนี่นา
ทั้งๆที่ตัวอักษรเดิมๆ เเต่กลับให้ความรู้ไม่เหมือนเดิม

[pak]

ขออนุญาตเก็บวีดีโอเรื่อง "หุ้นฟื้นตัว" ไว้ในกระทู้นี้หน่อยละกันนะขอรับ

[Jeng]

กำลังฟังเพลินๆ จบตรงทำไมเราเล่นหุ้นแล้วขาดทุน ขาดตอนเลย คุณ pak

[pak]

Money Talk - Turn Around
(Part 2/3)

(Part 3/3)

[pak]

บทความ เรื่อง "วิพากษ์ IPO"
By pak

ผมขอเปิดบทความนี้ ด้วยคำถามที่ผมตั้งขึ้นมาถามตัวเอง ที่ว่า...

ระหว่าง "หุ้นราคาถูก สภาพคล่องต่ำ" กับ "หุ้นราคาไม่ถูก แต่สภาพคล่องล้นหลาม"
นักลงทุนส่วนใหญ่จะสนใจซื้อหุ้นตัวไหนมากกว่ากัน???

ซึ่ง "หุ้นราคาถูก สภาพคล่องต่ำ" ก็คงหมายถึงหุ้นก้นบุหรี่ ที่พอจะมองเห็นอนาคตบ้างทั่วๆไป(แต่ก็ไม่รู้ว่าวันไหน)
และ "หุ้นราคาไม่ถูก แต่สภาพคล่องล้นหลาม" ก็น่าจะหมายถึง หุ้น IPO นั่นเอง

ผมเชื่อว่า...
หุ้นสภาพคล่องต่ำ ที่ราคาถูกแสนถูก
ถูกกว่าราคาพาร์ และถูกกว่า Book Value ด้วยซ้ำไป และมีโอกาสในการเติบโตแอบซ่อนอยู่
หุ้นเหล่านี้ นักลงทุนส่วนใหญ่กลับมองข้ามไปออย่างสิ้นเชิง
เพราะมันไม่มีสภาพคล่อง มันไม่มีคนเล่น
มันไม่รู้ว่าจะมีโอกาสทำกำไรได้เมื่อใด?

แต่ในทางกลับกัน...
นักลงุทนส่วนใหญ่พยายามตะเกียกตะกาย อยากได้โควต้าหุ้นจอง IPO
แม้ว่ามันจะมีราคาพาร์เพียง 1 บาท และตั้งราคาขายไว้สูงเพียงใดก็ตาม!!!
นั่นเป็นเพราะ กำไรที่ค่อนข้างจะแน่นอนเมื่อเข้าเทรดวันแรก
รวมกับ สภาพคล่องที่ล้นหลาม

คนส่วนใหญ่ ไม่ชอบ "การรอคอย"
คนส่วนใหญ่ อยากได้กำไรง่ายๆ เหมือน "มาม่า" ที่เทน้ำร้อนปิดฝา 3 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย
หรือที่เค้าเรียกกันว่า "Instant Noodle"

IPO ในวันนี้ สำหรับผมแล้ว
ผมขอย่อมันมาจากคำว่า "Instant Profit Opportunity" ก็แล้วกันนะครับ
...คนถึงได้ชอบกันจัง

ผมเชื่อลึกๆว่า...
"ตลาด...ไม่มีประสิทธิภาพเต็มร้อย"
แต่นั่นก็คือ "โอกาสของเรา"
สิ่งต่างๆที่คนอื่นละเลย มองข้าม และไม่ใส่ใจที่จะศึกษาอย่างจริงจัง
ช่องว่างแห่งความไม่มีประสิทธิภาพเหล่านั้น จะเปิดประตูแห่งโอกาสในการซื้อหุ้นที่ดี ในราคาที่ถูกเหลือเชื่อให้กับเราได้เสมอ

ไม่ใช่ว่า หุ้น IPO จะไม่ดี
เพียงแต่ผมแค่อยากจะกระซิบเบาๆว่า...
"ผมขอสละสิทธิ์ ไม่ไปแย่งชิงกับใครก็แล้วกัน"
เพราะผมมีเส้นทางเดินของผมอยู่แล้ว...ก็เท่านั้นเองครับ

(^_^)

[gripen]

เท่าที่ผมดูงบการเงินแล้ว บริษัท AIM มีรายได้เข้ามามากขึ้น โดยผลประการการไตรมาส2มีผลขาดทุนที่ลดลง ผมคิดว่าปีหน้าอาจจะกลับมามีกำไรได้รึปล่าวครับ อยากถาม p'pak เซียนหุ้นฟื้นตัวครับว่า หุ้นตัวนี้พอที่จะเป็นหุ้นฟื้นตัวได้รึปล่าวครับ ตอนนี้ราคาอยู่ที่ 0.10 บาท ซื้อแล้วเก็บสัก 4-5 ปี

[chukieat30]

บทความ เรื่อง "วิพากษ์ IPO"
By pak

ผมขอเปิดบทความนี้ ด้วยคำถามที่ผมตั้งขึ้นมาถามตัวเอง ที่ว่า...

ระหว่าง "หุ้นราคาถูก สภาพคล่องต่ำ" กับ "หุ้นราคาไม่ถูก แต่สภาพคล่องล้นหลาม"
นักลงทุนส่วนใหญ่จะสนใจซื้อหุ้นตัวไหนมากกว่ากัน???

ซึ่ง "หุ้นราคาถูก สภาพคล่องต่ำ" ก็คงหมายถึงหุ้นก้นบุหรี่ ที่พอจะมองเห็นอนาคตบ้างทั่วๆไป(แต่ก็ไม่รู้ว่าวันไหน)
และ "หุ้นราคาไม่ถูก แต่สภาพคล่องล้นหลาม" ก็น่าจะหมายถึง หุ้น IPO นั่นเอง

ผมเชื่อว่า...
หุ้นสภาพคล่องต่ำ ที่ราคาถูกแสนถูก
ถูกกว่าราคาพาร์ และถูกกว่า Book Value ด้วยซ้ำไป และมีโอกาสในการเติบโตแอบซ่อนอยู่
หุ้นเหล่านี้ นักลงทุนส่วนใหญ่กลับมองข้ามไปออย่างสิ้นเชิง
เพราะมันไม่มีสภาพคล่อง มันไม่มีคนเล่น
มันไม่รู้ว่าจะมีโอกาสทำกำไรได้เมื่อใด?

แต่ในทางกลับกัน...
นักลงุทนส่วนใหญ่พยายามตะเกียกตะกาย อยากได้โควต้าหุ้นจอง IPO
แม้ว่ามันจะมีราคาพาร์เพียง 1 บาท และตั้งราคาขายไว้สูงเพียงใดก็ตาม!!!
นั่นเป็นเพราะ กำไรที่ค่อนข้างจะแน่นอนเมื่อเข้าเทรดวันแรก
รวมกับ สภาพคล่องที่ล้นหลาม

คนส่วนใหญ่ ไม่ชอบ "การรอคอย"
คนส่วนใหญ่ อยากได้กำไรง่ายๆ เหมือน "มาม่า" ที่เทน้ำร้อนปิดฝา 3 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย
หรือที่เค้าเรียกกันว่า "Instant Noodle"

IPO ในวันนี้ สำหรับผมแล้ว
ผมขอย่อมันมาจากคำว่า "Instant Profit Opportunity" ก็แล้วกันนะครับ
...คนถึงได้ชอบกันจัง

ผมเชื่อลึกๆว่า...
"ตลาด...ไม่มีประสิทธิภาพเต็มร้อย"
แต่นั่นก็คือ "โอกาสของเรา"
สิ่งต่างๆที่คนอื่นละเลย มองข้าม และไม่ใส่ใจที่จะศึกษาอย่างจริงจัง
ช่องว่างแห่งความไม่มีประสิทธิภาพเหล่านั้น จะเปิดประตูแห่งโอกาสในการซื้อหุ้นที่ดี ในราคาที่ถูกเหลือเชื่อให้กับเราได้เสมอ

ไม่ใช่ว่า หุ้น IPO จะไม่ดี
เพียงแต่ผมแค่อยากจะกระซิบเบาๆว่า...
"ผมขอสละสิทธิ์ ไม่ไปแย่งชิงกับใครก็แล้วกัน"
เพราะผมมีเส้นทางเดินของผมอยู่แล้ว...ก็เท่านั้นเองครับ

(^_^)

+1 ให้พี่ พากท์ ครับ ชอบตรงคนส่วนใหญ่มักไม่ชอบการรอคอย และมาม่า

ผมว่าจริงครับ

เด็กจะให้โตวันเดียว สูง180เซน คงมีแต่ถั่วเรื่องแจ๊คผู้ปราบยักษ์กับ ถั่ววิเศษโดเรม่อน

เท่านั้น ที่โตวันเดียวถึง

[sjuly]

ขอถามหน่อยครับ
หุ้นturnaround จะเป็นต้องมี p/bv ต่ำกว่า 1 ไหมครับ

[torpongpak]

สอบถามพี่Pakและผู้รู้ท่านอื่นด้วยครับ ว่าสัดส่วนทางการเงินเช่นP/E, ROA, ROE "ปัจจุบัน" ไม่สามารถเอามาใช้ได้ใช่ไหมครับ? ทำได้เเค่ดูEBIT, EPS, Grossprofit Marginว่าเเนวโน้มเพิ่มขึ้น

[KB]

ขอถามหน่อยครับ
หุ้นturnaround จะเป็นต้องมี p/bv ต่ำกว่า 1 ไหมครับ

ไม่ตายตัว ไม่จำเป็นเสมอไป แต่หุ้นที่จะ turnaround ส่วนใหญ่ก่อน turnaround บางธุรกิจอยู่ในช่วงตกต่ำ bv ก็ต่ำกว่า 1 เท่าได้

[tookta]

Ever ก้อน่าสนใจนะ วันนี้ราคา1.22 กำไรสุทธิต่อหุ้นงวด6เดือน=0.52 แล้ว นโยบายปันผล50% ก้อประมาณ0.26บาทหรือคิดเป็นปันผล21%
ปล. ไตรมาสต่อไปไม่รู้จะเป็นอย่างไร แต่ไตรมาสนี้ดีมากๆ กำไรสุทธิปาเข้าไปเกือบครึ่งของราคาแล้ว

[mincho]

THCOM ได้มั้ยครับ กำไร Q ล่าสุด ขาดทุนลดลง เหลือ -0.02 บาท โต 85.71% YoY , 86.67% QoQ

PE = N/A แต่ EV/EBITDA ประมาณ 5-6
P/BV = 0.76

[pak]

P/BV < 1 อาจจะพออนุมานได้ว่า "เราซื้อของในราคาไม่แพง(ถ้างบการเงินตรงไปตรงมาและใสสะอาด)"
แต่ไม่ได้บอกความหมายว่า "อนาคตจะเป็นอย่างไร?"

นั่นเป็นเพราะ "ตัวเลขงบการเงินต่างๆ" คือ สิ่งที่ผ่านไปแล้วในอดีต ซึ่งไม่ได้การันตีอนาคตได้ทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์!!!
แต่อนาคตของบริษัทฯและราคาของหุ้น มันขึ้้นอยู่กับ "กลยุทธ์ , การบริหารจัดการ และโอกาสในการเติบโต" มากกว่า

"กลยุทธ์ , การบริหารจัดการ และโอกาสในการเติบโต" เป็นข้อมูลเชิงคุณภาพ เสมือน "การโม้ล่วงหน้า"
"ตัวเลขงบการเงินต่างๆ" เป็นข้อมูลเชิงตัวเลข จะเป็นตัวมา "Confirm" ข้อมูลเชิงคุณภาพในเบื้องต้น ว่า...

"ผู้บริหารสามารถทำได้อย่างที่พูดไหม?
สิ่งที่ผู้บริหารพูด กับผลลัพธ์ที่ออกมา...มันไปทางเดียวกันหรือเปล่า?"
...ข้อนี้สำคัญมากนะครับ เพราะมันหมายถึง ธรรมมาภิบาลของผู้บริหารกันเลยทีเดียว
สำหรับเรื่อง การพูดความจริงกับนักลงทุน และเป็นสิ่งที่พิสูจน์ "ฝีมือของผู้บริหาร" กันเลยทีเดียวอ่ะนะขอรับ

"สิ่งที่พูด" กับ "สิ่งที่ทำ"...มันควรจะอยู่กับร่องกับรอย
และมีเหตุผล และน่าเชื่อถือได้ สำหรับบริษัทฯที่เราจะเลือกลงทุนอ่ะนะขอรับ


ปล.
1.) น้องทีน่าเค้าอุปโลกให้ผมเป็น "มือเก๋า???" สำหรับหุ้น Turnaround ในรายการมือใหม่
แอบเครียด - -"
แต่ก็อัดเทปไปเรียบร้อยแล้วอ่ะนะขอรับ จะออกอากาศวันนี้กับพรุ่งนี้นะครับ (วันที่ 30 - 31 ส.ค. 54) เวลา 11.00 - 11.30 น.
เป็น Case Study ของบริษัท BATA และ NC ครับ



2) ดูรายการสดทางเว็บไซต์ที่ http://www.moneychannel.co.th/
ดูรายการสดผ่าน iPhone ได้ที่ http://www.dcs-digital.com/moneychannel/mobileapple.php

3) ดูเทปเก่าๆของ นักลงทุนที่เป็น "มือเก๋า(จริงๆ)" ตลอดเดือน สิงหาคม 2554
ได้ที่ http://www.dcs-digital.com/moneychannel ... p?listid=8

[gripen]

ผมขอส่ง tta เข้าประกวดครับ ผมมองว่าค่าระวางเรือกำลังกลับมา อีกทั้งอีก1-2ปีข้างหน้าจะเริ่มรับรู้รายได้ที่ได้ไปลงทุนในเหมืองถ่านหินที่ฟิลิปปินส์กับอินโดนีเซีย

[Peyton]

ชอบๆ

[pak]

ถ้าเราต้องการจะเป็นสปอนเซอร์ให้กับนักกีฬาซักคน
ถ้าเราไปติดต่อตอนที่เค้าโด่งดัง หรือเป็นมืออันดับต้นๆของโลกแล้ว...ราคาคงจะสูงลิ่วเป็นแน่แท้
แต่ถ้าเราติดต่อในตอนที่เค้ายังไม่ดัง เป็นมือวางไร้อันดับ ไร้คนสนใจ แต่เราเองที่มองเห็นศักยภาพของเค้า...ราคาคงจะถูกเอาเสียมากๆ
นั่นเป็นเพราะว่า เราต้อง "ซื้อใจ" และ "เชื่อมั่น" ในตัวเค้า ไปพร้อมๆกับสิ่งที่เรียกว่า "ค่าความเสี่ยง"!!!

ถึงวันนี้ เราคงต้องถามตัวเอง ว่า...
"วันนี้ในฐานะของนักลงทุน เราเห็นศักยภาพของบริษัทฯใดมากพอ ที่เราจะซื้อใจและเชื่อมั่นได้แล้วหรือยัง?"

สำหรับผมเอง...
ผมคงมีคำตอบในใจ(พร้อมๆกับการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตของตัวผมเอง)เรียบร้อยแล้วหล่ะครับ

By pak


ปล.
วันนี้มีอะไรดีๆมาฝากกันจาก "โค้ช สิริลักษณ์ ตันศิริ" อ่ะนะขอรับ


"ถ้าเราได้รับคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
แต่เราไม่รู้วิธีการใช้เราก็จะไม่ได้ใช้ประโยน์จากคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นอย่างเต็มที่ !!

คนเรามีศักยภาพอีกมากมายมหาศาลที่แฝงเร้นอยู่ในตัวเอง (Inner Potential)
ถ้าเราไม่นำมันออกมาใช้ ก็เป็นที่น่าเสียดายยิ่งนัก!!!

...โค้ช สิริลักษณ์ ตันศิริ"

[kloysri]

PT

http://www.set.or.th/dat/news/201108/11031000.pdf

EPS ทั้งปีของ 2553 ทำได้ 0.20 bht

แต่ EPS หกเดือนแรกของปี 2554 ทำได้ถึึง 0.18 แล้ว

[pak]

บทความ เรื่อง "กระสอบทราย...ก็คงเหมือนๆกับหุ้น"
By pak , 9 ต.ค. 54



ก่อนอื่น ผมขอออกตัวก่อนนะครับ ว่า..."ตอนนี้ผมปวดเมื่อยไปทั้งตัว" เลยนะครับ!!!
เนื่องจาก เมื่อวานผมช่วยคุณพ่อคุณแม่วิดน้ำออกจากบ้าน
จากนั้นก็ต้อง "ถูบ้านและล้างโคลน" กันครั้งใหญ่ทีเดียวอ่ะนะขอรับ
...ใช่แล้วครับ บ้านผมน้ำท่วมเข้ามาในบ้านเลยทีเดียว!!!

พอน้ำลดลงแล้ว ก็เลยขับรถออกไปซื้อ "กระสอบทราย"
ปรากฏว่า...
1. ราคาขึ้นจาก 30 บาท มาเป็น 35 บาทครับ
2. ไม่มีบริการส่งให้
3. ถ้าจะซื้อต้องรอ กล่าวคือ สั่งวันนี้ อีก 2 วันถึงมาเอาได้
4. ถ้าอยากได้เร็วกว่านั้น ให้จ่ายเงินเท่าปกติ แล้วจงมาตักใส่ถุงเอาเอง - -"

ผมเองตกใจนิดหน่อยครับ ว่า...
เมื่อก่อนเค้าราคาถูกกว่านี้ แถมบริการส่งถึงที่
นี่มันเรื่องของ "Demand & Supply" ชัดๆเลยนี่หว่า!!!
เวลาที่สินค้าเป็นที่ต้องการมากๆ ราคาสูงขึ้น และคนขายก็ไม่ง้อคนซื้อเอาเสียเลย


"กระสอบทราย" ก็คงเหมือนๆกับ "หุ้น"
ผมจึงบอกตัวเองสั้นๆว่า...

"จงอย่าซื้อกระสอบทราย ตอนคนตกใจและตื่นตัวเรื่องน้ำท่วม
ฉันใดก็ฉันนั้น...จงอย่าซื้อหุ้น ตอนที่ใครๆก็มองว่าดี แล้วมาลุยซื้อพร้อมๆกัน"


แต่ในทางกลับกัน คือ...
เราต้องคาดการณ์ล่วงหน้าว่า น้ำจะท่วม
แล้วซื้อกระสอบทรายมาตุนเอาไว้เยอะๆ!!!
ดังนั้น ในวันที่คนส่วนใหญ่ลุยซื้อกระสอบทราย ผมจะเป็น "คนขาย" ครับ


หุ้น Turnaround...ก็คงเป็นเช่นเดียวกัน
คือ ถ้าผมคาดการณ์ว่าบริษัทฯไหนจะดีในอนาคต
ผมจะซื้อหุ้นตัวนั้นมาตุนเอาไว้เยอะ เช่นเดียวกัน!!!
และถ้าวันนึงมันดีขึ้นมาจริงๆ ในวันที่คนอื่นลุยซื้อ ก็จงโปรดทราบว่า วันนั้นผม(อาจ)จะเป็น "คนขาย" เช่นเดียวกันครับผม


แต่ถ้าผมคาดการณ์ผิด คือ "ปีนี้...น้ำไม่ท่วม!!!"
กระสอบทรายเต็มโกดัง ไม่มีคนอยากซื้อ ผมก็ "เจ๊ง" หรือ "เงิมจมไปพักใหญ่ๆ" ครับผม


By pak
(^_^)

[medtang]

super ครับ มีบ่อทราย 187 ไร่ หรือ 299,200 ลบ ม ถ้าขุดลึก 1 เมตร แต่ถ้าน้ำท้วม ทรายก็จะใหลมาเพิ่มเติม ครับ

[pak]

บทความนี้ ผมเขียนไว้นานแล้วครับ ว่า...
ระหว่าง M-Money กับ M-Model นั้น M ไหนน่าจะสำคัญกว่ากัน?

บทวิจารณ์ : เรื่อง "Money&Model นั้น...Mไหน สำคัญกว่ากัน?"
By pak

ผมขอเริ่มต้นบทความนี้ ด้วยประโยคที่ผมเคยได้ยินมานานแล้ว ที่ว่า...
"ก่อนที่บริษัทฯใดบริษัทฯหนึ่ง จะนำหุ้นเข้ามา IPO ในตลาดหลักทรัพย์ฯ
จะต้องมีการ "แต่งหน้าทาปาก" ให้ดูดีเสมอๆ
เพื่อให้ บริษัทฯสามารถขายหุ้น IPO ได้ในราคาที่ดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้..."[/b]

คำเปรียบเปรยที่ว่า "แต่งหน้าทาปาก" นั้น
ผมเข้าใจว่า น่าจะหมายถึง "งบที่ดูดี"
ไม่ว่าจะเป็น "ผลประกอบการ, ทรัพย์สิน, หนี้สิน, เงินสดในมือ, สินค้าคงคลัง, Backlog, ความสามารถในการจ่ายเงินปันผล และอื่นๆอีกมากมาย"

และนอกจากบริษัทฯจะพยายามทำ Performance ของบริษัทฯให้ดูดีแล้ว...
การจะนำหุ้นเข้า IPO นั้น...โดยส่วนมากเค้าจะพยายามเลือกเข้าใน "จังหวะเวลา(Timming)ที่เหมาะสม" ด้วย
เพื่อให้อารมณ์ หรือ Mood ของนักลงทุนในตลาดฯ มีมุมมองในเชิงบวกกับการซื้อขายหุ้นบนกระดานด้วย

"การเพิ่มทุน"...ก็เป็นเช่นเดียวกัน!!!
บริษัทฯมักจะเลือกเพิ่มทุน ในช่วงเวลาที่บริษัทฯมีความพร้อม และเป็น Timming ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบริษัทฯเช่นกัน
...ผมคิดแบบนั้นนะครับ

กลับมาถึงคำถามที่ผมตั้งไว้ในชื่อบทความของผม ที่ว่า...
"Money&Model นั้น...Mไหน สำคัญกว่ากัน?"

สำหรับความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ผมมีมุมมองว่า...
คนมากมายที่มีเงินทุน หรือ Money มากมาย
(ตอนนี้เราเจอน้ำท่วมเมืองไทย แต่ในขณะเดียวกัน...เงินก็สามารถท่วมโลกได้เช่นกัน!!!)
แต่เค้าก็ไม่รู้จะนำเงินมากมายเหล่านั้นไปลงทุนอะไรดี!!!
นั่นเป็นเพราะ เค้ายังไม่เห็น "Model ในทางธุรกิจที่ดี และน่าสนใจ" มากเพียงพอ

ผมเองคิดว่า...
"ถ้าเรามี Model ทางธุรกิจที่ดีเพียงพอแล้ว เงิน(หรือ Money)หน่ะ น่าจะหาไม่ยากหรอกครับ"
ถ้าธุรกิจเราดีจริง ใครๆก็คงจะอยากร่วมลงทุนด้วยอยู่แล้ว
^
^
ว่าแต่...ธุรกิจที่เรามองไว้ มันดีเพียงพอจริงหรือเปล่า?
นี่ต่างหาก...ที่เป็นคำถามที่สำคัญที่สุด!!!
และเป็นปัจจัยสำคัญในการคัดเลือกหุ้น Turnaround ที่ดีเช่นเดียวกัน

pak
(^_^)