หน้า 7 จากทั้งหมด 18

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 09, 2010 10:03 pm
โดย yoyo
neo_potato_Th เขียน:รบกวนถามพี่ โย ครับ
-พอร์ด ต่างประเทศ นี่ได้ที่โบรกไหนได้บ้างครับและพี่โย แนะนำที่ไหน
-มือใหม่ควรฝึกทั้งในและต่างประเทศไปพร้อมๆกันหรือไม่ครับ

ขอบคุณครับ
- ต่างประเทศนี่เท่าที่รู้ตอนนี้ก็ไม่ phiiip aira zmico และ tns ผมใช้ phillip อยู่ครับ aira นี่ไม่เคย check แต่ของ zmico กับ tns นี่ไม่เหมาะกับ Trade อเมริกาครับ เพราะไม่สามารถ Trade ผ่าน net ได้ มีเฉพาะผ่านมาร์ แล้วเราจะ Trade อเมกามันก็เริ่มตอน 3 ทุ่มครึ่ง แล้วจะหามาร์ที่ไหนมาเทรดได้ เข้าใจว่าเน้น Trade ฮ่องกงเป็นหลัก

- มือใหม่อย่าไปเลยครับต่างประเทศ ผันผวนมากๆ ข้อมูลก็เข้าถึงยากกว่า จะอ่านบทวิเคราะห์ก็ยังต้องเสียตังค์ เล่นเมืองไทยนี่แหละดีแล้วครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 09, 2010 10:09 pm
โดย neo_potato_Th
yoyo เขียน: - ต่างประเทศนี่เท่าที่รู้ตอนนี้ก็ไม่ phiiip aira zmico และ tns ผมใช้ phillip อยู่ครับ aira นี่ไม่เคย check แต่ของ zmico กับ tns นี่ไม่เหมาะกับ Trade อเมริกาครับ เพราะไม่สามารถ Trade ผ่าน net ได้ มีเฉพาะผ่านมาร์ แล้วเราจะ Trade อเมกามันก็เริ่มตอน 3 ทุ่มครึ่ง แล้วจะหามาร์ที่ไหนมาเทรดได้ เข้าใจว่าเน้น Trade ฮ่องกงเป็นหลัก

- มือใหม่อย่าไปเลยครับต่างประเทศ ผันผวนมากๆ ข้อมูลก็เข้าถึงยากกว่า จะอ่านบทวิเคราะห์ก็ยังต้องเสียตังค์ เล่นเมืองไทยนี่แหละดีแล้วครับ
ขอบคุณครับ :D

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 16, 2010 7:43 pm
โดย picklife
ถามคุณyoyoครับ....
ว่าปี2010นี้นอกจากหุ้นในกลุ่มอสังหาแล้วหุ้นกลุ่มไหนดูน่าสนใจหรือน่าเข้าไปศึกษาบ้างครับ?

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 17, 2010 4:42 am
โดย TonshevA
สวัสดีครับ เด็กใหม่ขอรบกวนถามพี่ yoyo เกี่ยวกับราคา ยางพาราที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงนี้ มีผลดีและผลเสียต่อหุ้นตัวไหน และกลุ่มไหนเป็นพิเศษรึเปล่าครับ  ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
จากบทวิเคราะห์ที่ว่า


[b]วิเคราะห์ราคายาง[/b]

วันที่ 8-12 กุมภาพันธ์ 2553

[b]สรุปราคายาง[/b]
ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ส่งมอบเดือนเมษายน 2553 สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ ราคา FOB กรุงเทพฯ/ ตลาดสิงคโปร์/ ตลาดโตเกียว เฉลี่ยกิโลกรัมละ 101.13, 100.08 และ 98.34 บาท ตามลำดับ ตลอด สัปดาห์ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น +2.45, +4.57 และ +2.39 บาท/กก.ตามลำดับ โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 103.40, 102.26 และ 101.86 บาท/กก.ตามลำดับ เมื่อวันศุกร์ที่ 12

ตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย  ยางแผ่นรมควันชั้น 3 ส่งมอบเดือนเมษายน 2553 ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 100.46 บาท ตลอดสัปดาห์ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น +5.80 บาท/กก. โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 103.80 บาท/กก. เมื่อวันศุกร์ที่ 12

ยางแผ่นดิบคุณภาพ 3 ตลาดประมูลยางหาดใหญ่/ สุราษฎร์ธานี/ นครศรีธรรมราช มีการประมูลซื้อขาย เฉลี่ยกิโลกรัมละ 93.13, 92.79 และ 93.03 บาท ตามลำดับ ตลอดสัปดาห์ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น +4.96, +5.30 และ +4.67 บาท/กก.ตามลำดับ โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 96.06, 96.09 และ 96.03 บาท/กก.ตามลำดับ เมื่อวันศุกร์ที่ 12

ตลาดประมูลยางหาดใหญ่ ราคายางแผ่นรมควันชั้น 3 มีการประมูลซื้อขายเฉลี่ยกิโลกรัมละ 96.34 บาท ตลอดสัปดาห์ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น +5.02 บาท/กก. โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 99.43 บาท/กก. เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ส่วนราคาน้ำยางสด มีการประมูลซื้อขายเฉลี่ยกิโลกรัมละ 92.70 บาท ตลอดสัปดาห์ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น +3.50 บาท/กก. โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 96.00 บาท/กก. เมื่อวันศุกร์ที่ 12

[b]สถานการณ์[/b]
- ราคายางสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ 2553 ราคายางทั้งในและต่างประเทศ ราคาโดยรวมปรับตัว เพิ่มขึ้น +2.45-5.80 บาท/กก. เนื่องจากราคาน้ำมันดิบตลาดสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น อุปทานยางมีจำกัด ผนวกกับจีนสต๊อกยางก่อนหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนสัปดาห์นี้ ขณะที่เงินเยนและเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่า ลงเล็กน้อย
- เริ่มเข้าสู่ช่วงยางผลัดใบ ปิดกรีด
- ตลาดเซี่ยงไฮ ้(Shanghai Futures Exchange) หยุดทำการ 15-19 กุมภาพันธ์
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเล็กน้อย 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ แลกได้เฉลี่ย 32.9309 บาท (ลดลงจาก สัปดาห์ที่แล้วเฉลี่ย -0.0143 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ)
- ค่าเงินเยนอ่อนค่าลงเล็กน้อย 100 เยน แลกได้เฉลี่ย 36.5554 บาท (ลดลงจากสัปดาห์ที่แล้วเฉลี่ย -0.0750 บาท/100 เยน)
- ราคาน้ำมันกลับมาดิ่งลงแรงอีกครั้งในวันศุกร์(12) ตามหลังสต๊อกน้ำมันดิบมะกันที่เพิ่มขึ้นเกินคาดหมาย บ่งชี้ถึงอุปสงค์อันอ่อนแอในชาติผู้บริโภครายใหญ่ของโลก ขณะที่วอลล์สตรีทปิดผสมผสานจากความ กังวลต่อความเคลื่อนไหวจำกัดการเติบโตของจีนและวิกฤตหนี้กรีซ
- สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 1.15 ดอลลาร์ ปิดที่ 74.13 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 1.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันศุกร์ที่ 12

[b]แนวโน้ม[/b]
ราคายางแผ่นดิบคุณภาพ 3 และยางแผ่นรมควันชั้น 3 แกว่งตัวในช่วงแคบๆ โดยรวมมีแนวโน้มสูงขึ้น เล็กน้อย เนื่องจากอุปทานยางที่ลดลง และจีนซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้ายางรายใหญ่ของโลก หยุดยาว ช่วงเทศกาลตรุษจีน

ที่มา:  วิเคราะห์ราคายาง (สัปดาห์) สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง http://www.rubber.co.th/menu5.php/

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 17, 2010 8:57 am
โดย yoyo
picklife เขียน:ถามคุณyoyoครับ....
ว่าปี2010นี้นอกจากหุ้นในกลุ่มอสังหาแล้วหุ้นกลุ่มไหนดูน่าสนใจหรือน่าเข้าไปศึกษาบ้างครับ?
ปีนี้ผมไม่เห็นกลุ่มไหนโดดเด่นออกมาเลยนะครับ แม้แต่อสังหาเองก็ไม่ได้เด่น อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ก็ยังคงสามารถโตไปได้จากปีที่แล้วซะส่วนใหญ่แต่คงไม่ได้โตกันดุเดือด เพราะฉะนั้นคงต้องเจาะหุ้นเป็นรายตัวซะมากกว่าถึงจะสามารถทำกำไรได้เกินตลาด

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 17, 2010 9:08 am
โดย yoyo
[quote="TonshevA"]สวัสดีครับ เด็กใหม่ขอรบกวนถามพี่ yoyo เกี่ยวกับราคา ยางพาราที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงนี้ มีผลดีและผลเสียต่อหุ้นตัวไหน และกลุ่มไหนเป็นพิเศษรึเปล่าครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.พ. 17, 2010 7:41 pm
โดย picklife
สวัสดีครับคุณyoyo

Conceptการลงทุนของคุณyoyo คือ
1.การหาPEที่เหมาะสมของหุ้นตัวนั้น
2.ประเมินEในอนาคต
3.นำPEในอนาคต เทียบกับPEที่เหมาะสม
ก็จะได้เป็นupsideมาใช่ไหมครับ

ไม่รู้ว่าผมเข้าใจConceptภาพรวมถูกไหมครับ?

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 18, 2010 12:05 am
โดย yoyo
picklife เขียน:สวัสดีครับคุณyoyo

Conceptการลงทุนของคุณyoyo คือ
1.การหาPEที่เหมาะสมของหุ้นตัวนั้น
2.ประเมินEในอนาคต
3.นำPEในอนาคต เทียบกับPEที่เหมาะสม
ก็จะได้เป็นupsideมาใช่ไหมครับ

ไม่รู้ว่าผมเข้าใจConceptภาพรวมถูกไหมครับ?
ถูกครับ เครื่องมือหากินผมมีแค่นี้แหละครับ  :lol:

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 18, 2010 8:21 am
โดย dome@perth
yoyo เขียน:
ถูกครับ เครื่องมือหากินผมมีแค่นี้แหละครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 18, 2010 8:39 pm
โดย Tlk
ไม่รู้รบกวนมากไปหรือเปล่าครับ ถ้า
อยากให้ คุณโยโย่ บอกจุดเริ่มต้นแห่งแรงบันดาลใจที่เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ และ ประสบการณ์ในการลงทุนช่วงเริ่มแรก และในระยะ ต่อๆมาครับ อยากทราบว่า นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมีแนวทางอย่างไรครับ

ขอบคุณครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 18, 2010 9:08 pm
โดย sai
yoyo เขียน:
ถูกครับ เครื่องมือหากินผมมีแค่นี้แหละครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.พ. 18, 2010 9:23 pm
โดย สถาปนิกต่างดาว
sai เขียน:
งั้นถามต่อ
ความเด็ดขาด และความแน่วแน่ นี่เฮียโยได้แต่ใดมา
เป็นตั้งแต่กำเนิด หรือว่า ฝึกฝน
ถ้าฝึกฝน ช่วยบอกเคล็ดลับ ได้ไหมครับ

ถ้าเป็นแต่กำเนิด
วานถามพ่อกับแม่ละกันว่า...ทำยังไง
 :8)

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 19, 2010 9:10 pm
โดย investment biker
[quote="สถาปนิกต่างดาว"][quote="sai"][quote="yoyo"][
[quote]ถูกครับ เครื่องมือหากินผมมีแค่นี้แหละครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 19, 2010 9:37 pm
โดย yoyo
[quote="investment biker"][quote="สถาปนิกต่างดาว"][quote="sai"][quote="yoyo"][
[quote]ถูกครับ เครื่องมือหากินผมมีแค่นี้แหละครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 19, 2010 10:11 pm
โดย สถาปนิกต่างดาว
[quote="investment biker
ที่ผม highlight สีน้ำเงิน ผมว่าเป็นข้อความที่ไม่เหมาะสมเท่าไหร่นะ
[/quote]

ขอโทษจริงๆครับ
เพียงแต่อยากรู้เรื่อง ความเด็ดขาดและความมุ่งมั่น ซึ่งมีความสำคัญมาก
ในการลงทุนแบบ vi
ก็อยากฝึกฝนและทำให้ได้แบบพี่โยโย่
ส่วนที่เหลือนั้น มือมันซน

(เลยไม่ได้คำตอบเลย) :cry:
ขอโทษอีกครั้งครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 19, 2010 11:34 pm
โดย vi_tal signs
sai เขียน:
ถูกครับ เครื่องมือหากินผมมีแค่นี้แหละครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 22, 2010 10:12 am
โดย picklife
sai เขียน:
ถูกครับ เครื่องมือหากินผมมีแค่นี้แหละครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 22, 2010 10:20 am
โดย picklife
งั้นขอเริ่มถามเจาะนะครับ...
1.การหาPEที่เหมาะสมของหุ้นตัวนั้นหาได้อย่างไรครับ?
  1.1 กรณีพื้นฐานกิจการนั้นๆไม่เปลี่ยนแปลงมากการใช้PEเก่า3ปี5ปีหรือ10ปีมาเฉลี่ยกันสามารถทำได้ไหมครับ? เพื่อที่จะได้PEคร่าวๆในใจ แล้วเพิ่มลดตามเชิงคุณภาพของหุ้นตัวนั้นๆ วิธีนี้คุณyoyoใช้หรือปล่าวครับ? หรือยังไงครับ? และวิธีนี้คุณyoyoให้ความสำคัญกับค่านี้กี่%ครับ?

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 22, 2010 10:24 am
โดย picklife
1.2 ปัยจัยอะไรบ้างครับ?ที่มีผลให้ค่าPEเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้....มันเป็นปัจจัยเชิงคุณภาพใช่ไหมครับ? แล้วมีสูตรไหนที่สามารถประเมินเชิงคุณภาพเหล่านี้มาเป็นเชิงปริมาณได้บ้างครับ????

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 22, 2010 1:13 pm
โดย yoyo
สถาปนิกต่างดาว เขียน:[quote="investment biker
ขอโทษจริงๆครับ
เพียงแต่อยากรู้เรื่อง ความเด็ดขาดและความมุ่งมั่น ซึ่งมีความสำคัญมาก
ในการลงทุนแบบ vi
ก็อยากฝึกฝนและทำให้ได้แบบพี่โยโย่
ส่วนที่เหลือนั้น มือมันซน

(เลยไม่ได้คำตอบเลย) :cry:
ขอโทษอีกครั้งครับ[/quote]

ความเด็ดขาดและความมุ่งมั่น.. อืม.. ไม่รู้เหมือนกันนะครับทำไง
อาจจะเพราะว่าผมได้มีโอกาสเห็นนักลงทุนที่เป็น VI ประสบความสำเร็จกันเต็มไปหมดก็ได้ครับ ทั้งคนที่มีฐานะอยู่แล้ว เงินลงทุนเยอะ ผลตอบแทนก็ดีต่อเนื่องยาวนาน หรือแม้แต่ที่คนเริ่มต้นด้วยตัวเอง เก็บเงินเอา ออมเพื่อเอามาลงทุนและสุดท้ายก็สามารถมีอิสระทางการเงินได้
- ทั้งระดับโลก เช่น warren buffett, Peter Lynch
- ระดับประเทศ เช่น ดร. นิเวศน์
- ระดับคนรู้จัก เช่น เพื่อนๆพี่ๆน้องมากมายในเวป thaivi รวมถึงคนนอก thaivi ด้วย
รวมๆ จำนวนที่ได้ดีจากการลงทุนแนวนี้ที่ผมรู้จักนั้นเยอะมากจริงๆ ทำให้ผมเชื่อในแนวทางการลงทุน VI แบบไม่มีไม่มีการวอกแวกเท่าไหร่ มุ่งเน้นศึกษาให้ได้ดีในทางนี้ทางเดียว

ตัวอย่างทั้งหมดนี้มั๊งครับ ที่ทำให้ผมเชื่อมั่นมากๆ ความเด็ดขาดและความมุ่งมั่นในมูลค่านั้นมันถึงก่อร่างสร้างตัวขึ้นเป็นแบบทุกวันนี้

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 22, 2010 1:17 pm
โดย yoyo
[quote="picklife"]งั้นขอเริ่มถามเจาะนะครับ...
1.การหาPEที่เหมาะสมของหุ้นตัวนั้นหาได้อย่างไรครับ?

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 22, 2010 1:49 pm
โดย yoyo
picklife เขียน:1.2 ปัยจัยอะไรบ้างครับ?ที่มีผลให้ค่าPEเป็นแบบนั้น เป็นแบบนี้....มันเป็นปัจจัยเชิงคุณภาพใช่ไหมครับ? แล้วมีสูตรไหนที่สามารถประเมินเชิงคุณภาพเหล่านี้มาเป็นเชิงปริมาณได้บ้างครับ????
ปัจจัยที่ผมใช้ในการประเมิน p/e นั้นเป็นปัจจัยเชิงคุณภาพและปริมาณหลายๆตัวรวมๆกัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ใครอยากเข้าใจก็ไม่ได้หายากเกินไปครับ จริงๆแล้วมันประยุกต์มาจาก หลักการประเมินมูลค่าโดยวิธี DCF ล้วนๆเลย ซึ่งไอเดียนี้ผมมาเข้ามันโดยลึกจริงๆก็เกิดจากการได้อ่านบทความของพี่ IH ที่เคยเขียนเอาไว้ให้อ่านในเอกสารการสัมมนาประจำปีของ thaivi เมื่อหลายปีที่แล้ว ซึ่งสรุปได้คร่าวประมาณนี้

มูลค่าหุ้นตามแบบ DCF จะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สำคัญดังนี้
- อัตราดอกเบี้ย ถ้าดอกต่ำ dcf จะสูงขึ้น
- ความเสียงของธุรกิจ ถ้าเสี่ยงสูง dcf ก็จะต่ำ
- การให้เครดิตลูกค้ายาวๆ dcf จะต่ำ
- ได้รับเครดิตจากเจ้าหนี้ยาว dcf จะสูง
- ขายสินค้าได้เร็ว มีการเก็บ inventory ต่ำ dcf จะสูง
- ต้องใช้เงินลงทุนมากๆในการขยายกิจการ หรือ รักษาผลกำดำเนินงาน เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดในแต่ละปี dcf จะต่ำ
- มีการเติบโตสูง dcf จะสูง
- มีหนี้มากๆ dcf จะต่ำ

ซึ่งเราสามารถเอามาประยุกต์เป็น p/e ได้ง่ายๆ โดยเปลี่ยนคำว่า dcf เป็น p/e ตรงๆเลยได้ตามนี้

มูลค่าหุ้นตามแบบ p/e จะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สำคัญดังนี้
- อัตราดอกเบี้ย ถ้าดอกต่ำ p/e จะสูงขึ้น
- ความเสียงของธุรกิจ ถ้าเสี่ยงสูง p/e ก็จะต่ำ
- การให้เครดิตลูกค้ายาวๆ p/e จะต่ำ
- ได้รับเครดิตจากเจ้าหนี้ยาว p/e จะสูง
- ขายสินค้าได้เร็ว มีการเก็บ inventory ต่ำ p/e จะสูง
- ต้องใช้เงินลงทุนมากๆในการขยายกิจการ หรือ รักษาผลกำดำเนินงาน เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดในแต่ละปี p/e จะต่ำ
- มีการเติบโตสูง p/e จะสูง
- มีหนี้มากๆ p/e จะต่ำ

DCF นั้นมันมีสูตรคำนวณตายตัวของมันอยู่ แต่ตัวเลขที่ใช้แทนในสูตรนั้นมันขึ้นอยู่กับวิจารณาณของผู้คำนวณทั้งนั้น และสูตรคำนวณมันก็ยุ่งยากเหลือเกินที่จะคำนวณออกมาให้เป๊ะๆได้ .... ผมก็เลยทำความเข้าใจกับ DCF ให้ท่องแท้ว่าสูตรของมันเป็นยังไง ปัจจัยไหนบ้างที่จะทำให้ DCF เพิ่มหรือลด แล้วสุดท้ายก็เอามาประยุกต์ใช้กับ p/e โดยต้องอาศัยประสบการณ์ของเราในการพิจารณาหุ้นหลายๆตัวมาเทียบเคียงกันไปเรื่อยๆว่า หุ้นควรมี p/e มากน้อยแค่ไหน เมื่อเราเห็นบ่อยๆจนชินไป Sense ในการประเมินมูลค่า p/e ที่เหมาะสมก็จะเกิดขึ้นเอง ...

เหมือนกับการก่อสร้างโครงสร้างของวิศวโยธาแหละครับ มันมีสูตรตายตัวในการคำนวณอยู่ว่าจะต้องใช้คอนกรีตขนาดไหน เล็กขนาดไหนกี่เส้น แต่ถ้าคุณ picklife มีโอกาสได้ออกแบบสร้างบ้านขนาดใกล้เคียงเดิมซ้ำๆจนชิน หลังๆนี่เอาแบบบ้านมาไม่ต้องใส่สูตรคำนวณเลยด้วยซ้ำ ก็บอกได้ว่าจะใช้เสา คานขนานดเท่าไหร่ เหล็กกี่เส้นดี มันอาจจะไม่ถูกต้องตรงเป๊ะ แต่ก็ถือว่าถูกต้องเพียงพอในการสร้างให้มี Margin of Safety ... การเล่นหุ้นมันก็แบบนี้เลยแหละครับ เราไม่ต้องใส่สูตร dcf ออกมาเป๊ะ เราแค่กะๆ เอาได้ว่า p/e มันควรจะเป็นเท่าไหร่ และซื้อให้มี Margin of Safety แค่นี้ก็เพียงพอแล้วในการลงทุน เพียงว่ามันต้องอาศัยสั่งสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ ไม่สามารถทำปุ๊บปั๊บแล้วเป็นได้เลย

ทุกวันนี้ผมไปลงทุนต่างประเทศ ก็ต้องไปเริ่มต้นฝึกการประเมิน p/e ของหุ้นต่างประเทศใหม่หมด เพราะตัวเลือกที่เยอะขึ้น ตัวเปรียบเทียบที่เปลี่ยนแปลงไป ก็ทำให้หลักการประเมิน p/e นั้นเปลี่ยนไปเช่นกัน

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 22, 2010 7:57 pm
โดย picklife
[quote="yoyo"][quote="picklife"]งั้นขอเริ่มถามเจาะนะครับ...
1.การหาPEที่เหมาะสมของหุ้นตัวนั้นหาได้อย่างไรครับ?

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 22, 2010 8:14 pm
โดย picklife
yoyo เขียน: ปัจจัยที่ผมใช้ในการประเมิน p/e นั้นเป็นปัจจัยเชิงคุณภาพและปริมาณหลายๆตัวรวมๆกัน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ใครอยากเข้าใจก็ไม่ได้หายากเกินไปครับ จริงๆแล้วมันประยุกต์มาจาก หลักการประเมินมูลค่าโดยวิธี DCF ล้วนๆเลย ซึ่งไอเดียนี้ผมมาเข้ามันโดยลึกจริงๆก็เกิดจากการได้อ่านบทความของพี่ IH ที่เคยเขียนเอาไว้ให้อ่านในเอกสารการสัมมนาประจำปีของ thaivi เมื่อหลายปีที่แล้ว ซึ่งสรุปได้คร่าวประมาณนี้

มูลค่าหุ้นตามแบบ DCF จะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สำคัญดังนี้
- อัตราดอกเบี้ย ถ้าดอกต่ำ dcf จะสูงขึ้น
- ความเสียงของธุรกิจ ถ้าเสี่ยงสูง dcf ก็จะต่ำ
- การให้เครดิตลูกค้ายาวๆ dcf จะต่ำ
- ได้รับเครดิตจากเจ้าหนี้ยาว dcf จะสูง
- ขายสินค้าได้เร็ว มีการเก็บ inventory ต่ำ dcf จะสูง
- ต้องใช้เงินลงทุนมากๆในการขยายกิจการ หรือ รักษาผลกำดำเนินงาน เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดในแต่ละปี dcf จะต่ำ
- มีการเติบโตสูง dcf จะสูง
- มีหนี้มากๆ dcf จะต่ำ

ซึ่งเราสามารถเอามาประยุกต์เป็น p/e ได้ง่ายๆ โดยเปลี่ยนคำว่า dcf เป็น p/e ตรงๆเลยได้ตามนี้

มูลค่าหุ้นตามแบบ p/e จะขึ้นอยู่กับปัจจัยที่สำคัญดังนี้
- อัตราดอกเบี้ย ถ้าดอกต่ำ p/e จะสูงขึ้น
- ความเสียงของธุรกิจ ถ้าเสี่ยงสูง p/e ก็จะต่ำ
- การให้เครดิตลูกค้ายาวๆ p/e จะต่ำ
- ได้รับเครดิตจากเจ้าหนี้ยาว p/e จะสูง
- ขายสินค้าได้เร็ว มีการเก็บ inventory ต่ำ p/e จะสูง
- ต้องใช้เงินลงทุนมากๆในการขยายกิจการ หรือ รักษาผลกำดำเนินงาน เมื่อเทียบกับกระแสเงินสดในแต่ละปี p/e จะต่ำ
- มีการเติบโตสูง p/e จะสูง
- มีหนี้มากๆ p/e จะต่ำ

DCF นั้นมันมีสูตรคำนวณตายตัวของมันอยู่ แต่ตัวเลขที่ใช้แทนในสูตรนั้นมันขึ้นอยู่กับวิจารณาณของผู้คำนวณทั้งนั้น และสูตรคำนวณมันก็ยุ่งยากเหลือเกินที่จะคำนวณออกมาให้เป๊ะๆได้ .... ผมก็เลยทำความเข้าใจกับ DCF ให้ท่องแท้ว่าสูตรของมันเป็นยังไง ปัจจัยไหนบ้างที่จะทำให้ DCF เพิ่มหรือลด แล้วสุดท้ายก็เอามาประยุกต์ใช้กับ p/e โดยต้องอาศัยประสบการณ์ของเราในการพิจารณาหุ้นหลายๆตัวมาเทียบเคียงกันไปเรื่อยๆว่า หุ้นควรมี p/e มากน้อยแค่ไหน เมื่อเราเห็นบ่อยๆจนชินไป Sense ในการประเมินมูลค่า p/e ที่เหมาะสมก็จะเกิดขึ้นเอง ...

เหมือนกับการก่อสร้างโครงสร้างของวิศวโยธาแหละครับ มันมีสูตรตายตัวในการคำนวณอยู่ว่าจะต้องใช้คอนกรีตขนาดไหน เล็กขนาดไหนกี่เส้น แต่ถ้าคุณ picklife มีโอกาสได้ออกแบบสร้างบ้านขนาดใกล้เคียงเดิมซ้ำๆจนชิน หลังๆนี่เอาแบบบ้านมาไม่ต้องใส่สูตรคำนวณเลยด้วยซ้ำ ก็บอกได้ว่าจะใช้เสา คานขนานดเท่าไหร่ เหล็กกี่เส้นดี มันอาจจะไม่ถูกต้องตรงเป๊ะ แต่ก็ถือว่าถูกต้องเพียงพอในการสร้างให้มี Margin of Safety ... การเล่นหุ้นมันก็แบบนี้เลยแหละครับ เราไม่ต้องใส่สูตร dcf ออกมาเป๊ะ เราแค่กะๆ เอาได้ว่า p/e มันควรจะเป็นเท่าไหร่ และซื้อให้มี Margin of Safety แค่นี้ก็เพียงพอแล้วในการลงทุน เพียงว่ามันต้องอาศัยสั่งสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ ไม่สามารถทำปุ๊บปั๊บแล้วเป็นได้เลย

ทุกวันนี้ผมไปลงทุนต่างประเทศ ก็ต้องไปเริ่มต้นฝึกการประเมิน p/e ของหุ้นต่างประเทศใหม่หมด เพราะตัวเลือกที่เยอะขึ้น ตัวเปรียบเทียบที่เปลี่ยนแปลงไป ก็ทำให้หลักการประเมิน p/e นั้นเปลี่ยนไปเช่นกัน
:shock: สุดยอดครับ ขอบคุณมากครับสำหรับคำตอบชัดเจนมากๆครับ....ทำเรื่องยากมาเป็นเรื่องง่าย....นักแก้ปัญหาจริงๆครับ

ขอถามคุณyoyoต่อเลยนะครับ...... :P
สรุปPEจะแปรผันไปตามค่าต่างดังนี้
1.อัตราดอกเบี้ย
2.ความเสียงของธุรกิจ
3.การให้เครดิตลูกค้ายาวๆ
4.ได้รับเครดิตจากเจ้าหนี้ยาว
5.ขายสินค้าได้เร็ว มีการเก็บ inventory
6.การใช้เงินลงทุนในการขยายกิจการ/รักษาผลกำดำเนินงาน เทียบกับกระแสเงินสด
7.มีการเติบโตสูง
8.มีหนี้มากๆ

ตอนนี้ผมเข้าใจเนื่อหาที่คุณyoyoใช้ในการประเมินแล้วครับ...แต่อยากที่จะรู้ต่อไปคือเรื่องนั้นหนักในแต่ละตัวครับ.....ซึ่งผมว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมาก ซึ่งในแต่ละนักลงทุนแตกต่างกัน เหมือนนิ้ว5นิ้วทุกนิ้วสำคัญหมดแต่!!!สำคัญไม่เท่ากัน....
ผมขอลองให้ความสำคัญ คร่าวๆดังนี้ครับ.....

7.มีการเติบโตสูง....................50%
2.ความเสียงของธุรกิจ............20%
8.มีหนี้มากๆ............................5%
6.การใช้เงินลงทุน...................5%
5.ขายสินค้าได้เร็ว...................5%
1.อัตราดอกเบี้ย.......................5%
3.การให้เครดิตลูกค้ายาวๆ........5%
4.ได้รับเครดิตจากเจ้าหนี้ยาว....5%

รอคุณyoyoมาเฉลย น้ำหนักการให้ความสำคัญในแต่ละอันของคุณyoyoนะครับ ขอบคุณมากๆๆๆๆๆครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 22, 2010 8:25 pm
โดย yoyo
picklife เขียน: ดังนั้นคุณyoyoจึงบอกว่าสิ่งนั้นไม่ใช้วิถี แต่การมองหากิจการที่เปลี่ยนพื้นฐาน หรือกำลังจะเปลี่ยน น่าสนใจกว่า เพราะแม้นPEปัจจุบันเทียบกับอดีตจะดูสุงแต่ก็ดูน้อยมากๆกับPEที่มันควรจะเป็นเนื่องจากพื้นฐานธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป....ดังนั้นแทนที่จะมาเสียเวลากับการหาหงที่ป่วย ซื้อแล้วรอมันหาย สุ้เราไปหาเป็ดที่กำลังจะเป้นหงดีกว่า แม้นว่าเป้นตัวนั้นอาจจะเป็นเป็ดที่แข็งแรง(ราคาอาจจะแพงจากเป็นทั่วไป) แต่เมื่เทียบกับมูลค่าที่มันจะเป็นหง ยังไงก็คุ้ม ใช่ไหมครับ.....

สรุปหัวใจหลักของวิถีการลงทุนของคุณyoyoคือ หาหุ้นที่กำลังจะเปลี่ยนพื้นฐาน...ใช่ไหมครับ?
ผมไม่ได้มองแต่หุ้นที่เปลี่ยนฟื้นฐานอย่างเดียวครับ
อย่างที่บอกว่าจุดอ่อนของ Mr.Market นั้นมี 2 ด้าน คือจุดอ่อนในระยะสั้น และระยะยาว.. เพราะฉะนั้นโอกาสของผมก็มี 2 ด้านด้วยเช่นกัน คือ
1. โอกาสในระยะสั้น - หุ้นดีๆที่ถูกขายจนราคาต่ำที่ควรจะเป็น
2. โอกาสในระยะยาว - หุ้นที่กำลังดีขึ้นๆ แต่คนอื่นไม่เห็น ทั้งการเปลี่ยนแปลง Business Model และการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปหลายๆจุด
ปล. บางครั้ง Mr.Market อาจจะไม่มีเหตุผลได้เป็นเวลานานก็ได้ เพราะฉะนั้นโอกาสของที่จะได้ซื้อหุ้นดีราคาต่ำนั้นก็มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องรอนานมากขึ้นด้วยเช่นกัน ในการที่จะรอให้หุ้นไปถึงสู่มูลค่าที่แท้จริง เพราะฉะนั้นการกระจาย Port ไปในหุ้นหลายๆตัวนั้นจึงมีความสำคัญ เพราะถ้าเราไปมุ่ง Focus อยู่ในหุ้นแค่ตัวเดียว บางครั้งมันอาจจะมีราคาถูกอย่างนั้นอยู่เป็นระยะเวลานาน ทำให้ผลตอบแทนบางปีอาจจะแย่ การถือหุ้นหลายๆตัวช่วยเพิ่มโอกาสในการที่ Mr.Market จะมีเหตุผลให้บ่อยครั้งมากขึ้น ช่วยให้ผลตอบแทนรายปีของเรานั้น Smooth ขึ้นด้วยเช่นกัน

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.พ. 22, 2010 8:36 pm
โดย yoyo
ปัจจัยที่มีผลต่อ p/e นั้นมีเยอะกว่านี้ครับ ที่เขียนไปนั้นเป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้น

และผมก็ไม่ได้มี Weight นั้นหนักออกมาเป็นสัดส่วนอะไรขนาดนั้นหรอกครับ อย่างที่บอกครับว่ามันใช้ Sense จากประสบการณ์มากกว่า อย่ายึดติดอะไรกับตัวเลขมากเกินไปครับ หุ้นมันเป็นศิลปะครับ มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวขนาดนั้นหรอกครับ บางธุรกิจปัจจัยบางอย่างมันก็อาจจะมีความสำคัญมากกว่าปัจจัยบางอย่างได้เหมือนกัน นิ้ว 5 นิ้วนั้นมีความสำคัญไม่เท่ากัน แต่ถ้าจะให้แบ่งว่านิ้วไหนสำคัญกี่ % .... มันคงจะยากดีพิลึกนะครับ มันอยู่ที่จุดประสงค์ที่ต่างกัน นิ้วชี้กับนิ้วโป้งอาจจะดูว่าได้ใช้งานบ่อยหน่อยเพราะต้องหยิบจับของ แต่ถ้าจะให้มาแคะขี้มูก ผมคงต้องยกตำแหน่งชนะเลิศให้กับนิ้วก้อยเป็นแน่

ลองไปศึกษา DCF โดยละเอียดนะครับ แล้วฝึกทำโจทย์หลายๆตัวอย่าง จะเห็นเองแหละครับว่า ตัวแปรใดที่ส่วนผลต่อ DCF มากน้อยกว่าตัวแปรไหน ก่อนหน้าที่ผมจะมาใช้ p/e เป็นหลักในการประเมินมูลค่าหุ้น ผมก็เคยลองใช้ DCF อยู่เกือบปีอยู่เหมือนกันครับ ... ก็พอจะสร้างผลตอบแทนได้ดีไม่แพ้กัน แต่ระยะเวลาที่ใช้ในการวิเคราะห์นั้นต่างกันเยอะ แต่ผมว่ามันช่วยเป็นรากฐานให้ผมใช้ p/e ได้ถนัดและคล่องขึ้นเยอะเลยครับ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 23, 2010 9:11 am
โดย picklife
yoyo เขียน:นิ้วชี้กับนิ้วโป้งอาจจะดูว่าได้ใช้งานบ่อยหน่อยเพราะต้องหยิบจับของ แต่ถ้าจะให้มาแคะขี้มูก ผมคงต้องยกตำแหน่งชนะเลิศให้กับนิ้วก้อยเป็นแน่
:shock: สุดยอดด
:bow: ขอคาราวะเลยครับ :bow:

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 23, 2010 9:29 am
โดย picklife
:D ขอบคุณสำหรับคำตอบคุณyoyo

1.ช่วยแนะนำหนังสือซักเล่มที่พูดถึงDCFหน่อยได้ไหมครับ...

2.ในสายตาคุณyoyo GrowthStockกับValueStockต่างกันอย่างไร?และคุณyoyoสนใจแบบไหนมากกว่ากัน/เพราะอะไรครับ...

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 23, 2010 10:11 am
โดย Stock Broker
yoyo เขียน:และผมก็ไม่ได้มี Weight นั้นหนักออกมาเป็นสัดส่วนอะไรขนาดนั้นหรอกครับ อย่างที่บอกครับว่ามันใช้ Sense จากประสบการณ์มากกว่า อย่ายึดติดอะไรกับตัวเลขมากเกินไปครับ หุ้นมันเป็นศิลปะครับ มันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวขนาดนั้นหรอกครับ
ยินดีด้วยครับ

คนไหนยังพยายามหาสูตรสำเร็จอยู่ก็เลิกๆซะนะ ทั้งสายสามัญ ทั้งสายเทคนิค นั่นแหละ

รบกวนถามน้อง yoyo เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 23, 2010 10:29 am
โดย yoyo
picklife เขียน::D ขอบคุณสำหรับคำตอบคุณyoyo

1.ช่วยแนะนำหนังสือซักเล่มที่พูดถึงDCFหน่อยได้ไหมครับ...

2.ในสายตาคุณyoyo GrowthStockกับValueStockต่างกันอย่างไร?และคุณyoyoสนใจแบบไหนมากกว่ากัน/เพราะอะไรครับ...
1. วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง .. ของพี่สุมาอี้ครับ หาซื้อได้จาก B2S ครับ

2. Growth กับ Value ไม่ได้แยกกันครับ มันอยู่ด้วยกัน... เห็นหลายกระทู้พยายามจะแบ่งอยู่ ผมว่าเสียเวลาเปล่าครับ เพราะ Growth มันคือส่วนหนึ่งของ Value อยู่แล้ว ... มันจะแบ่งแยกได้ก็เฉพาะหุ้น Value ที่มี Growth หรือ หุ้น Value ที่ไม่มี Growth