หน้า 7 จากทั้งหมด 160

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 16, 2003 9:19 pm
โดย chatchai
พูดตามตรงนะครับ หนังสือทั้งสองเล่มนั้น ผมยังอ่านได้ไม่ละเอียดเลยครับ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ปัจจุบันนี้เวลาส่วนใหญ่ของผมก็ใช้กับการเลี้ยงลูกครับ ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานประจำ แต่การเลี้ยงลูกนี่ยิ่งกว่างานประจำอีกนะครับ ผมเลยไม่อยากรับปากที่จะเป็นวิทยากร ถ้าถามมาตอบไปแบบนี้ก็ โอเคครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 16, 2003 9:42 pm
โดย Jeng
ไม่เป็นไรครับ คุณฉัตรชัย ผมก็นั่งเลี้ยงลูกไป โพสไปเหมือนกัน แต่ผมได้เปรียบตรงที่บ้านผมเป็นศูนย์รวมแม่บ้าน คนเลี้ยงก็เลยเยอะหน่อย อิอิ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 16, 2003 10:00 pm
โดย edd
สวัดดีครับ ผมพึ่งเข้ามา join ใน TVI ได้ 2-3 วันครับ ใช้เวลาย้อนอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่ต้นพึ่งจะตามทันครับ รู้สึกเสียดายที่เข้ามาที่นี่ช้าครับ เลยไม่ได้ไปร่วมฟังบรรยายของพวกพี่ๆทั้งหลาย ผมไม่เคยอ่านหนังสือของ Buffet หรือของท่านอื่นเลย แต่ลงทุนโดยอ่านงบการเงินเสมอๆ (เคยทำสินเชื่อที่ finance อยู่ 2-3 ปีครับ) ผมเห็นด้วยกับพี่ฉัตรชัยที่ใช้ FCFในการวิเคราะห์ มากกว่า Income Statement หรือ Balance Sheet เท่านั้น ในปัจจุบันนี้แม้กระทั้ง ratio ต่างๆ ที่เราเคยใช้ทั่วไป ก็จะ base on ข้อมูลจาก cash flow ทั้งหมดครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 16, 2003 11:31 pm
โดย Mon money
กระทู้นี้ไม่เคยตกเลยซักวัน มีการอ่านมาแล้ว4000กว่าครั้ง ถือว่าฮิตติดอันดับ

เมื่อวันงาน วิทยากรของผมทั้งสองท่านถูกรุ่มล้อมด้วยฝูงชน มีแต่ผมที่เดินไปมาได้อย่างสะดวกที่สุด หมายถึงทั้งสองท่านได้รับความนิยมมากเลยครับ

Work shop ที่ว่านี่ผมจะลองทาบทามท่านอ.วรศักดิ์ มาช่วยบรรยายให้เราฟังดีไหมครับ แต่ไม่รับปากนะต้องลองเชิญดูก่อน อ.ท่านงานแยอะมากครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ย. 16, 2003 11:51 pm
โดย chatchai
ถ้าได้อาจารย์วรศักดิ์ รับรองจะไม่ผิดหวังครับ อาจารย์สอนสนุก มีความรู้ และมีมุขตลอดครับ อาจารย์เป็นผู้ที่มีความรู้ดีมากผู้หนึ่ง และมีประสบการณ์จริงเยอะมากครับ ไม่ใช่แต่เพียงสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 17, 2003 10:17 am
โดย edd
ผมเห็นด้วยกับคุณ Mon Money ครับ เรื่องเชิญ ดร.วรศักดิ์ มาบรรยายครับ ผมเคยเข้า class ของท่าน 2-3 ครั้ง (พอดีที่บริษัทฯ เชิญท่านมาบรรยาย) สอนสนุก และเข้าใจง่ายด้วย นอกจากนี้ท่านยังจัดรายการทางวิทยุคลื่นจุฬา เกี่ยวกับความรู้ทางบัญชีครับ อีกคนที่ผมอยากแนะนำคือ อ. ประเสริฐ วีรเสถียรพรกุล ท่านเก่ง finance มาก สอนสนุกมาก มี case ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงประกอบตลอด รู้สึกว่าท่านจะสอบ CFA Level 3 ได้ด้วย
ผมอยากจะถามว่ามีใครในห้องนี้ สอบ CESA หรือ CFA บ้างหรือเปล่าครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 17, 2003 1:57 pm
โดย vudhipong
เห็นด้วยครับกับ Work Shop ถ้าวันเดียวไม่พอ จะเป็นสองวันก็คิดว่าไม่มีปัญหาครับ สามารถเข้าร่วมได้ ดีเหมือนกัน ช่วยกันทำ Case ในวันแรกไม่เสร็จก็กลับไปทำเป็นการบ้าน วันที่สองก็มาช่วยกันเฉลย หรือจะเชิญ อ.วรศักดิ์ มาบรรยาย ครึ่งวันเช้า แล้วบ่ายค่อยทำ Case กัน ก็ดี แต่ว่า อ.วรศักดิ์ จะมีเวลาหรือเปล่า ต้องลองดู

ช่วงนี้คงต้องเตรียมตัวอ่านตำหรับตำราให้พร้อม จะได้เข้าใจเร็วกว่าเดิม

"ยุคนี้ต้องคิดลงทุน ไม่เช่นนั้นอนาคตเราลำบากแน่ (อาจไม่ใช่เรา แต่อาจเป็นลูกหลานเราก็ได้)

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 17, 2003 2:04 pm
โดย Jeng
เห็นด้วยครับ เรื่องทำ case 2 วัน เพราะเคยทำ และได้ความรู้เต็มๆ จากการทำ case ยังไง รบกวนคุณมน เตรียมการ หลังงบ ไตรมาส 3 ออก แล้วเราลุยเลยดีหรือไม่ครับ คุณมน

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 17, 2003 10:30 pm
โดย Mon money
คุณวิบูลย์ครับ

ในหนังสือ value investing made easy บทท้ายๆเขียนเรื่อง efficient market เอาไว้ได้น่าสนใจเราเอามาถก online กันดีไหมครับ ผมว่าน่าสนใจนะครับ

ระยะนี้แมงเม่าบินให้ว่อนเลย แถวๆที่ทำงานผมก็มีหลายตัววันนี้กระอักกันเป็นแถว กลับมาซบใบบุญผมกันอีกหลายคน ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเข็ดเดี๋ยวก็เอาอีก เป็นมาหลายทีแล้ว คุณวิบูลย์สวนกระแสอย่างนี้พรุ่งนี้คงได้แผลงฤทธ์ละซิ

เรื่องworkshopต้องขอเชิญอาจารย์วรศักดิ์ให้ได้ก่อนครับ เดี๋ยวผมจะส่งศิษเอกของท่านไปทาบทามก่อนครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2003 11:09 am
โดย VIB007
ขอแจมด้วยคนนะครับ เมื่อวานไป ตจว. มาครับเลยไม่ได้เข้าเนต ผมไม่ได้เข้ามาแผลงฤทธิ์นะครับแค่เอาข้อมูลความรู้มาเล่าสู่กันฟัง จะได้ใช้เป็นการประกอบการพิจารณาการลงทุนครับ

ขอเริ่มที่เรื่อง Intirnsic Value ก่อนนะครับ อาจารย์ Buffet บอกไว้ว่า มูลค่าที่แท้จริงของธุรกิจ (Intirnsic Value) นั้น คนสิบคนจะหาออกมาได้สิบค่าครับเพราะมุมมองและความเข้าใจธุรกิจของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้น Intirnsic Value ของธุรกิจเดียวกันของแต่ละคนจึงไม่จำเป็นต้องเท่ากันครับ

นอกเหนือจากนั้น อาจารย์ของผมยังบอกอีกว่า Intirnsic Value ควรจะมีค่าเป็น Range แทนที่จะเป็นตัวเลขเดี่ยวๆครับ เพราะในโลกธุรกิจไม่มีอะไรแน่นอนตายตัว ดังนั้นอาจารย์เลยแนะนำให้ลองเปลี่ยนตัวแปรหลายๆตัวเพื่อให้ได้ Intirnsic Value ที่เหมาะกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ยกตัวอย่างเช่น ถ้า Grwoth Rate เปลี่ยนไป หรือ Interest Rate เปลี่ยนไปครับ

ส่วนตัวผม ผมคิดว่าก่อนที่เราจะหา Intirnsic Value ของบริษัทอะไร เราต้องเข้าใจในธุรกิจนั้นซะก่อนครับ เราถึงจะ Predict Cashflow ของบริษัทนั้นในอนาคตได้ แต่ละธุรกิจมีความแตกต่างกันครับ เราเข้าใจในหลักการการหา Intirnsic Value แล้วลองทำดู แต่ละคนอาจหาค่าออกมาต่างกันได้ครับ ไม่มีใครถูกไม่มีใครผิดครับขึ้นกับมุมมองในอนาคตบริษัทของแต่ละคนครับ

ยังมีต่อนะครับ แต่เวลาหมด เจ้านายเรียก เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2003 11:23 am
โดย Mon money
เรื่องIntrinsic Valueนี่อย่างที่บอกครับ มันของใครของมันแล้วแต่มุมมอง ประสบการณ์และความเข้าใจ

มีอีกปัจจัยหนึ่งที่อยากจะคุยครับ คือเรื่องการติดตามการดำเนินงานของบริษัทครับ หากเราวิเคราะห์แล้วลงทุน จากนั้นคือขั้นตอนของการติดตามการดำเนินงาน เราก็มีวิธีการจะตรวจสอบว่าบริษัทในปีนั้นๆได้ดำเนินการสร้างมูลค่าอย่างต่อเนื่องหรือไม่ ส่วนตัวผมใช้การตรวจสอบจาก ROE และการวัดกระแสเงินสดอิสระ(FCF)ว่าเพิ่มขึ้นคงที่ไหม อย่างที่เคยpostไว้คราวก่อน

บริษัทควรต้องมีการเพิ่มมูลค่าตลอดเวลาครับ Warren Buffettใช้ เกณท์ 1บาทที่เพิ่มเป็นกำไรสะสมจะต้องสร้างมูลค่าตลาดได้อย่างน้อย 1 บาท สมมุมติมีกำไรจากปีนี้ 100ล้านบาท ในปีถัดไปบริษัทควรมีมูลค่าตลาดเพิ่มจากมูลค่าตลาดเดิม 100ล้านบาท

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2003 1:58 pm
โดย chatchai
คำกล่าวของ Buffett ที่ว่า 1บาทที่เพิ่มเป็นกำไรสะสมจะต้องสร้างมูลค่าตลาดได้อย่างน้อย 1 บาท จะทำให้ผู้บริหารบริษัทบางคนมัวแต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้ราคาหุ้นขึ้นในระยะสั้น เช่น จ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง การแตกพาร์ การแจก Warrant หรือแม้กระทั่งการขยันออกมาให้ข่าวดีเกินจริงของบริษัท แทนที่จะคิดว่าทำอย่างไรบริษัทจึงจะเติบโตในระยะยาวครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2003 2:05 pm
โดย VIB007
พูดถึง ROE ผมอยากจะบอกอีกเหมือนกันว่าเราก็ต้องเข้าใจในธุรกิจอีกเช่นเดียวกันกัน ถึงจะรู้ว่า ROE ของบริษัทนั้นมีคุณภาพแค่ไหน บางบริษัทมี NIAT สูงอาจจะเกิดจากการขายทรัพย์สินที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงาน หรือ มี Equity ต่ำเพราะมี Debt Leverage สูง เพราะฉะนั้นต้องดูพื้นฐานของธุรกิจครับ เอา ROE เดี่ยวๆมาใช้จะไม่ค่อยถูกต้อง

พูดถึง Intrinsic Value ต่อ สำหรับท่านที่ไม่ได้ไปงาน TVI#2 อาจพลาดการหามูลค่าที่แท้จริง ผมขอสรุปคร่าวๆไว้ดังนี้แล้วกันครับ การหา Intrinsic Value มีสามวิธีดังต่อไปนี้
1) Reproduction Cost of Asset
2) Earning Power Value
3) Discount Cashflow Model

1) Reproduction Cost of Asset คือการหามูลค่าของบริษัทที่เราจะต้องตั้งขึ้นใหม่เพื่อแข่งขันกับบริษัทที่เราสนใจจะหามูลค่าที่แท้จริง เช่น ถ้าเราจะตั้งบริษัทแข่งกับ Boeing เพื่อผลิตเครื่องบิน เราต้องใช้เงินจำนวนเท่าไหร่ นั่นคือ เราต้องมีทรัพย์สินที่ Boeing มี (ถ้าให้ดีควรใช้ Adjusted Book Value) บวกกับค่าการตลาด บวกค่า R&D บวกค่าสร้างแบรนด์ บวกฯลฯ เราก็จะได้ค่า Intrinsic Value ของBoeing

2) Earning Power Value คือการหามูลค่าบริษัทจากผลตอบแทนของเงินลงทุนในรูปผลการดำเนินงาน เช่นบริษัทหนึ่งมีกำไร 100 ล้านบาท สมมุติเรามีเงินหนึ่งก้อนและเราสามารถทำผลตอบแทนจากเงินก้อนนี้ได้ 7% ต่อปี ดังนั้นมูลค่าของเงินลงทุนของเราที่ต้องใช้ซื้อบริษัทนี้ คือ 100/.07 เท่ากับ 1429 ล้านบาท นั่นคือมูลค่าที่แท้จริงของบริษัทนั้น (จะสังเกตเห็นว่า %ผลตอบแทนนี้คือส่วนกลับของ P/E)

3) Discount Cash Flow Model (DCF) คือการหามูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสดตลอดอายุของบริษัทโดยการใช้ส่วนลด (Discount Rate) ที่เหมาะสม

สำหรับท่านที่สนใจในรายละเอียดข้างต้น ติดต่อได้ที่คุณ Mon Money ครับ ส่วนผมมากระตุ้นต่อมอยาก(รู้) ของท่านอย่างเดียว เรื่องคำนวณปวดหัว ผมยกให้คุณ Mon กับคุณพี่ Chatchai หมด ฮิฮิ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2003 5:18 pm
โดย VIB007
คุณ Mon ครับ ผมไม่มีหนังสือ Mad Easy ตอนนี้ เดี๋ยวกลับบ้านจะเอาออกมาดูแล้วพรุ่งนี้ค่อยมาคุยกันเรื่อง EMT นะครับ ผมว่าน่าสนใจมาก

ขอบคุณพี่เจ๋งครับที่ให้กำลังใจ ราคาหุ้นที่ผมถืออยู่มันขึ้นไปมาก ส่วนตัวผมผมว่ามันเกินพื้นฐานไปหน่อย ผลประกอบการก็ไม่ได้เพิ่มมากแต่ราคานำหน้าไปหลายช่วงตัว ตอนนี้เกือบเข้าใกล้ Intrinsic Value แล้ว ผมกำลังลำบากใจเพราะการขายหุ้นเป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามันยากที่สุดในโลก จะขายพี่ก็เสียดายน้อง จะขายน้องก็เสียดายพี่ ก็เลยเก็บไว้ทั้งพี่ทั้งน้อง

ท่านอื่นๆละครับ ถ้าราคาหุ้นของบริษัทท่านขึ้นมามากจนถึงมูลค่าที่แท้จริงที่ท่านคำนวณไว้ ท่านจะขายไหมครับ ช่วยผมด้วยครับ ผมขายหุ้นไม่เป็นครับ ช่วยบอกหน่อยว่าทำไมผมถึงต้องขายหรือไม่ขายบริษัทนี้

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2003 6:59 pm
โดย นักดูดาว
ทำไมเราต้องสนใจราคาหุ้นในระยะสั้นล่ะครับถ้าลงทุนระยะยาวจริงๆ
ยิ่งสำหรับหุ้นที่มีการเติบโต ราคาเป้าหมายก็น่าจะขยับขึ้นไปเรื่อยๆ

ถ้าจะขาย ก็น่าจะขายทำกำไรไปบางส่วน แล้วก็เตรียมซื้อคืนครับ สำหรับผมขายแล้วหุ้นขึ้นต่อเป็นประจำ เลยคิดว่าจะไม่ขายทำกำไรในตัวที่ลงทุนระยะยาวจริงๆแล้ว หากว่างมาก..ผมก็เล่นเก็งกำไรหุ้นอื่น แก้เบื่อแทนครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2003 7:20 pm
โดย chatchai
ถามน้อง VIB007 หน่อยนะ

การคำนวณทั้ง 3 วิธีนั้นมีข้อดีและข้อเสียอย่างไรครับ และแต่ละวิธีควรใช้กับสถานะการณ์แบบไหนหรืออุตสาหกรรมไหนครับ บังเอิญไม่ได้ไปที่งาน TVI Meeting เลยไม่ทราบว่าน้อง VIB007 อธิบายไปแล้วหรือยัง ถ้าอธิบายแล้วก็ขออีกรอบนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 18, 2003 7:27 pm
โดย Toop_97
ขอ Jam นิดหนึ่งเห็นด้วยครับที่จะเชิญ อ.วรศักดิ์ มาบรรยาย ท่านเก่งสอนสนุกและเป็นกันเองดีกับลูกศิษย์ผมเคยเรียนวิชา financeกับท่านปัจจุบันท่านยังมีบรรยายพิเศษให้กับรุ่นผมอยู่เรื่อยๆครับ.

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 19, 2003 11:11 am
โดย VIB007
ขอบคุณทุกท่านสำหรับความเห็นเรื่องการขายหุ้น คือผมมีคำตอบอยู่ในใจแล้วล่ะแต่อยากรู้ความเห็นท่านอื่นๆ

สำหรับผม ผมคิดว่าถ้าบริษัทที่ผมถืออยู่เป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม ถ้าผลประกอบการของบริษัทเพิ่มขึ้น Intrinsic Value ก็จะเพิ่มขึ้นตามครับเพราะมูลค่าที่แท้จริงไม่ Static ครับ ขึ้นๆลงๆได้ตามความสามารถของบริษัท

ผมดูแล้วผมคงถือต่อครับ ผมเคยขายหุ้นไปแล้วซื้อคืนไม่ได้ เสียใจมาก เศร้าไปหลายวัน คราวนี้ขอแก้ตัวใหม่ แต่ถ้าผมไปถามอาจารย์ Graham แกคงบอกให้ผมขายแน่นอน พอดีอาจารย์ Buffet กับ อาจารย์ Fisher มาห้ามผมไว้พอดีครับ

ตอนนี้ผมคิดถึง พี่ปรัชญา พี่CK เหลือเกิน ไม่เห็นหน้าหลายวันอยากคุยด้วยจัง พี่ช่วยแสดงความเห็นให้น้องๆชื่นใจบ้างนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 19, 2003 12:48 pm
โดย VIB007
ตอบพี่Chatchai
ผมได้บอกเรื่องข้อดีข้อเสียในงานไปคร่าวๆครับ ผมฉายหนังซ้ำได้ครับ

1) Reproduction Cost of Asset
เหมาะสำหรับหามูลค่าของกิจการที่ไม่ค่อยมีการเติบโต เช่น โรงพยาบาล โรงแรม หรือ บริษัทที่มีทรัพย์สินเยอะๆ เช่น เหมืองแร่ โรงไฟฟ้า แต่บางครั้งก็สามารถนำมาหามูลค่าของกิจการที่แข็งแกร่งได้ เช่น ตอนที่ Buffet ซื้อโคคาโคล่านั้น บริษัทมีมูลค่าตลาด 10,000 ล้านเหรียญ (ถ้าผมจำไม่ผิด) Buffet บอกว่าถ้ามีคนมาให้เงินแก 10,000 ล้านเหรียญ เพื่อตั้งบริษัทแข่งกับโคคาโคล่า แกคงรับไว้ไม่ได้ ต้องคืนครับเพราะมันเป็นไปไม่ได้ แสดงว่า Buffet ใช้ logic นี้ในการหามูลค่ากิจการด้วย

ข้อดี: Asset มีการเปลี่ยนแปลงน้อยถ้าเทียบกับ Earning ตัวเลขทรัพย์สินค่อนข้างมีเสถียรภาพ เหมาะสำหรับ Liquiditor ที่เลือกซื้อกิจการที่ขายทอดตลาด

ข้อเสีย: ไม่ได้คิดการเติบโตของบริษัท และต้องเข้าใจธุรกิจมากเพื่อหามูลค่าของทรัพย์สิน เช่น ที่ดิน โรงงาน เครื่องจักร ฯลฯ

2) Earning Power Value ใช้ได้กับทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรม

ข้อดี: ไม่ต้องเข้าใจธุรกิจเลยก็หามูลค่าได้

ข้อเสีย: ไม่ได้คิดการเติบโตของบริษัทหรือถ้าคิดก็ต้องคิดการเติบโตได้อัตราเดียวซึ่งไม่ค่อย Realistic และ การใช้กำไรมาคำนวณมักจะไม่ค่อยมีเสถียรภาพเพราะกำไรจะขึ้นๆลงๆไม่แน่นอน

3) Discount Cashflow Model ใช้ได้กับทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรม เป็นการหามูลค่าที่แท้จริงตามหลักการของ Buffet

ข้อดี: คิดการเติบโตของบริษัทได้หลายอัตรา และมูลค่าใกล้เคียงความเป็นจริงในโลกธุรกิจ

ข้อเสีย: ต้องเข้าใจธุรกิจเป็นอย่างดีถึงจะหามูลค่าของกิจการได้ใกล้เคียงความจริงได้ การคาดหมายและประมาณการเงินสดต้องใกล้เคียงความจริง

สำหรับหนังสือที่อธิบายรายละเอียดของการหามูลค่ากิจการที่ผมเห็นมีสองเล่มครับ
1) ราคาหุ้นและการปรับโครงสร้างทางการเงิน ของ FPM Consultant หาซื้อได้ที่ SE-ED ของคุณธันวา
2) Value Investing, From Graham to Buffet and beyond ของ Bruce N Greenwald หาซื้อได้ที่ Kinokuniya

หวังว่าทุกท่านคงเข้าใจการหามูลค่ากิจการมากขึ้นนะครับ ถ้ามีปัญหาสงสัย ถามได้ครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 19, 2003 1:23 pm
โดย VIB007
คุณ Mon ครับ
เรื่อง EMTจะถกกันอย่างไรดี ผมไปอ่านมาแล้วครับ ผมขอเล่า Background คร่าวๆให้พี่ๆน้องๆทราบก่อนสักเล็กน้อยแล้วกัน

Efficient Market Theory (EMT) เกิดขึ้นในปี 1952 โดย Harry Markowitz แห่ง University of Chicago เขาบอกว่า "ราคาหุ้น"ที่เบี่ยงเบนจากค่ากลางมากแค่ไหนก็จะมี"ความเสี่ยง"มากขึ้นเท่านั้น เขากำหนดค่า"Beta" ขึ้นมาเพื่อพิจารณา"ความเสี่ยง"ของราคาหุ้นแต่ละตัว (ถ้าเราดูสรุปราคาหุ้นในหนังสือพิมพ์ เราจะพบค่า Beta นี้สำหรับหุ้นแต่ละตัว)

ดังนั้นการสร้าง Portfolio ตามหลักของ Markowitz ก็คือการกระจายถือหุ้นไปหลายๆตัว ในหลายๆอุตสาหกรรม โดยเลือกหุ้นที่มีค่า Beta ต่ำๆเพื่อลดความเสี่ยงอันเกิดจากการขึ้นลงของราคา

EMT ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และได้รับการบรรจุไว้ไนหลักสูตรการศึกษาแทบจะทุกมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะในช่วง '70-'80 ผู้จัดการกองทุนทั้งหลายก็นำหลักการนี้ไปใช้ในการวางแผน Portfolio ของตัวเอง

สิ่งหนึ่งที่ EMT แตกต่างจาก VI อย่างเห็นได้ชัดก็คือ EMT จะสนใจใน"ราคาหุ้น" มากกว่าสิ่งอื่นใด ขณะที่ VI สนใจในพื้นฐานธุรกิจ

สำหรับผม ผมคิดว่า EMT ยังมีบทบาทและอิทธิพลต่อผู้จัดการกองทุนในปัจจุบัน จะสังเกตเห็นว่ากองทุนต่างๆไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือ กองทุนต่างประเทศ จะถือหุ้นกระจายหลายๆตัว ในหลายๆอุตสาหกรรม โดยเจตนาคือการลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากราคาหุ้นที่ผันผวนตัวใดตัวหนึ่ง นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่เคยซื้อกองทุนเลยและไม่เคยคิดจะซื้อจนถึงปัจจุบัน

ผมจะเหลือโอกาสให้คุณ Mon เล่าให้ฟังแล้วกันว่า Buffet คิดยังไงกับ EMT เดี๋ยวคุณ Mon แกจะไม่มีงานทำ

สวัสดีครับ พบกันใหม่วันจันทร์

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 19, 2003 9:41 pm
โดย Mon money
การใช้EMTเพื่อประกอบการลงทุน ใช้กันอย่างกว้างขวางจริงๆครับ การวัดผลตอบแทนกับความเสี่ยงในการลงทุนก็ใช้หลักเกณท์นี้ การคำนวณหาต้นทุนของส่วนทุน(Cost of equity) ก็อาศัยทฤษฎีนี้

ลองดูประโยคนี้นะครับ

" EMT แสดงให้เห็นว่าหุ้นต่างๆล้วนแต่มีราคาที่กำหนดโดยตลาดหุ้นอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ดังนั้นนักลงทุนจะไม่มีข้อได้เปรียบเสียเปรียบเลย นักลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนที่สูง เขาจะต้องรับความเสี่ยงสูงด้วยเช่นกัน"

หากมาดูผลงานของWarren Buffett ที่ชนะตลาดมาโดยตลอด แสดงว่าเขาลงทุนแบบมีความเสี่ยงกว่าผู้อื่นมากเลยละซิ แล้วเราๆที่คิดจะเดินตาม Buffettก็กำลังทำอะไรที่เสี่ยงอยู่หรือไร?

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 19, 2003 10:08 pm
โดย edd
เวลาผมคำนวณ Intrinsic Value ปกติผมใช้ DCF อยู่แบบเดียวครับ คงต้องไปศึกษาเพิ่มเติมตามที่พี่ VIBOO7 แนะนำ แต่ในการคำนวณ DCF ผมก็มีปัญหา โดยเฉพาะการคำนวณค่า terminal value สำหรับ cashflow ในอนาคต พี่ประมาณการกันอย่างไรครับ......ถามพี่ Mon Momey และพี่ chatchai ด้วยนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 20, 2003 10:27 pm
โดย thanwa
ผมขอถามคุณวิบูลย์เรื่องง่ายๆ ต่อดีกว่า (เรื่องยากๆ ไว้ให้ คุณมน คุณเจ๋ง คุณฉัตรชัย และท่านอื่นๆ ช่วยกันถามตอบ)

ถามคุณวิบูลย์ว่า สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่ที่เพิ่งศึกษา มีเทคนิคในการดูหุ้นเชิงคุณภาพที่เป็น consumer monopoly อย่างไร เข้าใจว่า warren buffet ชอบหุ้นในลักษณะนี้บ้าง ถ้าให้ผมเดา คุณวิบูลย์คงถามผมกลับมาอีกหนึ่งกระบุง ไม่เป็นครับ... ยินดี :wink: :wink:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 20, 2003 10:31 pm
โดย VIB007
Terminal Value = CFปีสุดท้าย*(1+Growth Rate)/(Cost of Capital-Growth Rate)

แนะนำให้ใช้ Growth Rate แบบ Conservative เพราะต้องเป็นอัตราที่ใช้จนสิ้นสุดอายุบริษัท ปกติจะใช้ตาม Long-term GDP Growth Rate

หลังจากได้ Terminal Value ในปึสุดท้ายแล้วต้อง Dscount มาเป็นมูลค่าปัจจุบันด้วยครับ

โชคดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 20, 2003 10:39 pm
โดย VIB007
ตอบคุณธันวา
คำถามของคุณธันวานี้ไม่ง่ายนะครับ ผมว่ายากที่สุดเลยด้วยซ้ำ เอาไว้ผมแลกหมัดกับคุณ Mon เรื่อง EMT ก่อนแล้วจะมาตั้งสติตอบครับ งานนี้ยาวแน่ ขอบอก

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 20, 2003 11:19 pm
โดย Mon money
กะว่าจะหยุดพิจารณาตัวเองสักระยะแต่เห็นคุณวิบูลย์ประกาศแลกหมัดกับผมเลยอยู่ไม่ได้เนื่องจากเคยเป็นเจ้าของเหรียลเงินมวยนักเรียนมาก่อน(แต่เมื่อ10กว่าปีมาแล้ว)

ต่อจากเรื่อง EMT ในทฤษฎีนำมาสู่ Capital Asset pricing Model หรือ CAPMอันรือลั่น ในการหาCost of capital ในส่วนของ Cost of equity ก็ต้องใช้ CAPMนี่แหละ ในmodelนี้มีตัวแปรอยู่ตัวหนึ่งคือ เบต้า (Beta) ตัวแปรนี้เป็นตัวที่แสดงค่าความผันผวนของราคาหุ้นนั้นๆเทียบกับตลาดหุ้น(หุ้นในตลาดทุกตัว) ตามทฤษฎีท่านว่าไว้ว่าต้นทุนของส่วนทุนนั้นจะขึ้นอยู่กับส่วนล้ำอัตราผลตอบแทนจากความเสี่ยง(หนีไม่พ้นเสี่ยงมากผลตอบแทนมาก)กับอัตราผลตอบแทนที่ไม่มีความเสี่ยง

ไอ้ที่ผมสงสัยก็คือ หากเราเอาอาการขึ้นลงของหุ้นในระยะสั้นมากำหนดต้นทุนของส่วนทุนมันคงจะยุ่งน่าดูเพราะมันคงขึ้นลงวุ่นวายไปหมด และมันจะเป็นตัวทำให้ผู้บริหารหันกลับมาสร้างผลการดำเนินงานเพื่อตอบสนองต่อราคาหุ้นในระยะสั้นมากขึ้นจนลืมกำหนดแนวทางระยะยาว

โดยส่วนตัวผมแล้วผมไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว แต่ทำไงได้ผมต้องสอบตามที่เรียนมานี่น่า

-------------------------------------------------------------------------------------

เรื่องConsumer Monopoly ผมขอเสนอให้พิจารณาสินค้าที่เราจำเป็นต้องใช้ก่อนครับ และต้องเจาะจงว่าเป็นยี่ห้อนี้เท่านั้นด้วย เพราะเหตุผล1,2,3,4...

อย่างผมนี่น้ำดำต้องPepsiเท่านั้นครับ(ไม่ได้ถือหุ้น SSCนะครับ) คือมันถูกปากกว่า COKEครับ

หนังสือพิมพ์ต้อง กรุงเทพธุรกิจ ครับ เพราะอ่านแล้วถนัดและการจัดหมวดหมู่ได้ดี อ่านง่ายได้ข้อมูลที่ต้องการ (ไม่มีหุ้น NMG นะครับ)

เอาแค่นี้ก่อนนะครับ เตรียบรับหมัดฮุคขวาของคุณวิบูลย์อยู่ครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 20, 2003 11:37 pm
โดย ปรัชญา1
[

ตอนนี้ผมคิดถึง พี่ปรัชญา พี่CK เหลือเกิน ไม่เห็นหน้าหลายวันอยากคุยด้วยจัง พี่ช่วยแสดงความเห็นให้น้องๆชื่นใจบ้างนะครับ[/quote]


:P ยังตามมาอ่านอยู่ครับ คุณวิบูลย์
แต่ไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็นเรื่องบัญชี และ ค่าต่างๆ
เลยขออ่าน แอบศึกษาหาความรู้เพิ่มจากกระทู้นี้ครับ

เหมือนมีห้องสมุดไว้เป้นส่วนกลาง เข้ามาอ่านทุกวันครับ
ขอบคุณ ทุกๆความคิดเห็นและมุมมอง
ขอสะสมไว้ต่อเติมปัญญาครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 20, 2003 11:42 pm
โดย chatchai
คุณมนนี่รสนิยมเหมือนผมเลย

แล้วร้านอาหารจานด่วนละครับ คุณมนชอบทานที่ไหน ผมชอบ KFC ครับ

แต่ผมเข้าร้านหนังสือซีเอ็ดนะครับ แต่หลังๆเริ่มเข้า B2S มากขึ้นครับ ผมเดาว่าคุณมนเข้าร้านนายอินทร์แน่เลย

ผมไม่มีทั้ง CENTEL SE-ED เหมือนกันครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 20, 2003 11:44 pm
โดย VIB007
คุณ Mon ครับ
เห็นมีสองสามกระทู้พูดถึงการที่คุณ Monไม่ยอมบอกชื่อหุ้นแล้วโดนว่า สำหรับผม ผมขอยืนเคียงข้างคุณ Mon เลยครับ สำหรับผม ผมคิดว่านักลงทุนที่ไม่ยอมทำการบ้านก็อย่ามาซื้อหุ้นครับ ผมว่าคุณ Mon ทำถูกแล้วครับ อย่าท้อนะครับ ขอเป็นกำลังใจเสมอ

เรามาพูดถึง EMT ต่อดีกว่า
คุณMon ถามว่าที่เราทำตามอาจารย์ Buffet อยู่นี้เรากำลังเสี่ยงอยู่หรือเปล่า ขอยกคำพูดอาจารย์ผมมาตอบแล้วกัน อาจารย์ Buffetบอกว่า ความเสี่ยงจากการลงทุนไม่ใช่อยู่ที่ราคาหุ้นแต่อยู่ที่ว่าเรารู้จักบริษัทนั้นดีแค่ไหน อาจารย์บอกว่า ความเสี่ยงคือความไม่รู้ อะไรที่เรารู้เราก็จะไม่เสี่ยง

ผมว่าจริงนะครับ คนส่วนใหญ่คิดว่าการลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงมากเพราะโอกาสขาดทุนสูง เงินต้นหาย ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงเอาเงินไปฝากแบงค์กันหมดจนเงินจะท่วมแบงค์ตาย และคิดว่าคนที่ซื้อหุ้นเป็นพวกชอบเสี่ยงชอบการพนัน

ขอบอกว่าผมไม่เล่นการพนันเลยครับ ซื้อล๊อตเตอรี่ยังไม่เคยซื้อเลย ผมไม่ชอบเสี่ยงครับ ให้ผมไปเล่นรัซเซี่ยนรูเล็ตแลกกับเงินร้อยล้านผมขอบายดีกว่า อะไรที่ผมคิดว่าทำแล้วไม่ได้ดี ผมก็จะไม่ทำ

สำหรับผม ตอนนี้เงินทุกบาทที่หามาได้อยู่ในหุ้นหมดเลยครับ ส่วนตัวผมคิดว่าการลงทุนของผมเสี่ยงน้อยกว่าฝากธนาคารซะอีกครับ เพราะผลตอบแทนจากการฝากแบงค์ตอนนี้น้อยกว่าเงินเฝ้อซะอีก ตอนนี้ผมรู้จักบริษัททุกบริษัทที่ผมลงทุนซื้อหุ้นเป็นอย่างดี ผมมองเห็นอนาคตของบริษัทเหล่านี้ และผมมั่นใจว่าบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยม มีผู้บริหารที่มีความสามารถ และจะสามารถนำความเจริญมาสู่บริษัทและผู้ถือหุ้นอย่างผมได้อย่างแน่นอนในอนาคต

ทุกวันนี้หลับสบายครับ ไม่เคยเครียดเวลาหุ้นจะขึ้นหุ้นจะตกเพราะผมรู้ว่าในระยะสั้นราคาหุ้นอาจจะมีการผันผวนบ้าง แต่ในระยะยาวราคาหุ้นจะแปรตามผลประกอบการของบริษัทแน่นอน ผมจะยินดีมากถ้าผลประกอบการของบริษัทของผมดีแต่ราคาหุ้นลดลง นั่นเป็นเวลาแห่งความสำราญของผมที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทยอดเยี่ยมเหล่านั้น (แต่ปัญหาของผมก็คือมันไม่เคยลงมาให้ผมซื้อเลยต่างหาก เฮ้อ เศร้า)

ผมไม่คิดว่าการลงทุนในหุ้นเป็นความเสี่ยงถ้าเรารู้จักบริษัทนั้นดีพอ ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่คุณMon ชอบถามคนที่ชอบถามว่าซื้อหุ้นตัวไหนดีว่าคุณรู้จักบริษัทนั้นดีพอหรือยัง เป็นผมผมก็จะถามคำถามเดียวกัน (และโดนด่าเหมือนกัน 55555)

สำหรับผม EMT ก็คงเหมาะสำหรับนักทฤษฏีเอาไว้ถกเถียงกันทำวิทยานิพนธ์กันต่อไปครับ ใครจะเชื่อทฤษฏีนี้ก็เชื่อไป ไอ้เพื่อนคนที่มันหัวเราะเยาะผมตอนที่ผมเล่าวิธีลงทุนของผมให้มันฟัง มันเป็นศิษย์ของ Markowitz ครับ ส่วนผมศิษย์อาจารย์ Buffet ครับ

อย่างที่คุณธันวาว่าไว้ละครับว่า หนังเรื่องนี้เป็นหนังชีวิตครับต้องดูกันยาวหลายสิบปี (ถึงจะรู้ว่าใครแน่กว่าใคร อย่างที่ ดร.นิเวศน์ท่านเขียนไว้)

วันนี้พอแค่นี้แล้วกันครับ สวัสดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ก.ย. 21, 2003 12:03 am
โดย VIB007
ขอต่ออีกหน่อย
ขอบคุณพี่ปรัชญามากครับ ที่ยังให้ความอนุเคราะห์ติดตามผลงานของสายันต์ (เอ้ย ไม่ใช่) ติดตามผลงานของพวกผมอยู่นะครับ จะพยายามให้สาระความรู้กับทุกท่านที่เสียสละเวลามาอ่านกระทู้นี้ครับ

ส่วนคำถามของคุณธันวา ขอผมไปนั่งสมาธิสักวันสองวันแล้วจะมาตอบครับ มันยากแทงใจ(ดำ)จริงๆ

ส่วนคุณ Mon ผมคงสู้คุณMon ไม่ได้นะครับเพราะผมชกมวยไม่เป็น เป็นแต่ล้มมวย เอางี้ผมถามคุณMon ดีกว่าว่าไอ้ CAPM นี่มันหน้าตาเป็นยังไง จะเหมือนวิลลี่ หรือจะเหมือนก๊อดจักรพรรณกันแน่ ช่วยอธิบายให้น้องๆ (สาวๆ) เข้าใจหน่อยซิ(เพ่)

สวัสดีครับ