Thai VI

คัดท้าย เขียน: การที่คนถือ METCO ต่อไปเพื่อรอดู นี่ถือเพราะความรู้ หรือ ถือเพราะความหวังครับ ?

ไม่ได้บอกว่า METCO ดีหรือไม่ดีครับ METCO อาจจะเป็นทองแท้ หรือเป็นอดีตทองแท้ก็ได้ ... ปัญหาคือ คุณรู้หรือเปล่า ? หรือว่าคุณหวัง ?

แต่นี่คือประเด็นที่ผมพยายามพูดถึงในหลายๆข้อความที่โพสต์ ...

ผมไม่เข้าใจประเด็นของคุณคัดท้ายครับ

CK เขียน:การลงทุนมีความเสี่ยง
โปรดอ่านคำเตือนบนเว็บบอร์ดก่อนซื้อทุกครั้ง เมื่อซื้อพลาดโปรดโทษตัวเองเท่านั้น

กระทู้ยาวๆ ใส่หน้ากากหายใจทันหรือเปล่าทั่นปะทาน
ถอดหน้ากาก ก่อนดีไหม เป็นห่วงอ่ะ

Chatchai เขียน: ถ้ากำไรน้อยกว่า 50% ผมคงไม่เสี่ยง

ราคาหุ้นของบริษัทที่มี Margin of Safety 50% ณ. เวลานี้ ผมคิดว่าตัวผมเองคงหาซื้อหุ้นไม่ได้

ผมเข้าใจว่า มูลค่าของบริษัทที่คุณฉัตรชัยคำนวณได้ กับที่ผมประมาณไว้ ก็น่าแตกต่างกัน เพราะแต่ละคนก็ตั้งความคาดหวังในตัวบริษัทที่แตกต่างกัน

ผมประมาณความเสี่ยงของกิจการที่ไม่ค่อยก่อหนี้ไว้ประมาณ 5-8% และความคาดหวังส่วนตัวประมาณ 10%-15% ครับ

แล้วคุณฉัตรชัยมองประเด็นเรื่องนี้อย่างไรบ้างครับ

หมายเหตุ ผมไม่ได้ใช้วิธี DCF ในการหามูลค่าบริษัท เพราะยังไม่มีความสามารถในการวิเคราะห์และประเมินกระแสเงินสดในอนาคตได้ไกล้เคียงความจริง ผมใช้วิธีการซื้อหุ้นเฉลี่ยในหลายบริษัทที่คิดว่าน่าจะดี เพื่อกระจายความเสี่ยงแต่ก็ไม่ได้มากตัวจนติดตามไม่ไหวครับ แต่ก็คิดไว้เหมือนกันว่าถ้ามีสายตาที่แหลมคมมากขึ้นก็จะโฟกัสแค่ซัก 2-3 ตัวครับ

ผมลองใช้หลักการของ วอเรน คำนวนราคา tcb ในอีก 5 ปีข้างหน้า  2010
ใช้ roe 16.5 %  เฉลี่ย 5 ปีหลังสุด  pe 8 เท่า  เฉลี่ย 5 ปี  ปันผล 35%
ได้มูลค่าทางบัญชีปี 2010 ที่ 24.25 บาท  * 16.5%  =  4 บาท
tcb จะมีกำไร 4 บาท ต่อหุ้น ในปี 2010  pe 8 เท่า = 32  บาท  
ราคาที่ผมซื้อ 16.4  เท่ากับได้ผลตอบแทน 19 % ต่อปี ไม่รวมปันผล  :B

Jeng เขียน:คัดท้าย พี่คิดว่าการซื้อหุ้นที่ได้ผลตอบแทนทันที่ 23 % ต่อปี โดยไม่มองราคาหุ้นนั้น หมายถึง ต้องซื้อที่ PE 4.3

ถ้าเราลงทุน Bigc ที่ 12.50 ตอนต้นปี 2003 เราจะได้ปันผล 3 งวด คือ .45+.84+1.14 เท่ากับ 2.4 เท่ากับต้นทุนเหลือ 10.1

ซึ่งปัจจุบัน ไตรมาสแรกทำได้ .66 เท่ากับ สมมุติว่าทั้งปีได้ 2.6 เท่ากับผลตอบแทนต่อเงินลงทุน เป็น 25.7 % ต่อปี โดยไม่ต้องไปสนใจราคาหุ้นทีมันขึ้นไป

อืม พี่คิดว่า การจะซื้อหุ้นให้ได้ผลตอบแทนต่อเงินลงทุนมากกว่า 23 % ต่อปี เป็นไปได้ แต่ต้องรอจังหวะนานที่เดียวครับ

ไมใช่ครับ ผมว่า วอเรน ดู pe เทียบกับ พันธบัตร ว่าอะไรมากกว่า
ผมว่าเขาดู ผลตอนแทนต่อส่วนผู้ถือห้นมากกว่า เช่น roe 23 %
แสดงว่าเขาได้ผลตอนแทน 23 %ต่อปี   ถ้ารอ pe 4.3 ผมว่าเราคงไม่ได้
ซื้อหุ้นกันแน่

อืม อันนี้น่าขุดนะครับ สรุปว่า บัฟเฟต มองธุรกิจด้วยความเข้าใจและไม่ได้ดูว่าราคาจะไปที่เท่าไร แต่ว่าดูว่าจะได้กำไร จากการลงทุนเท่าไร จากกำไรที่กิจการนนั้น ทำได้ ส่วนความมั่นใจเหรอครับ มากจาการวิเคราะห์จนมั่นใจว่า ตลอดมา กิจการนั้นๆทำได้ วิธีนั้นเรียบ ง่ายแต่กว่าคนๆนึงจะทุ่มเทจน แทบจะเรียกได้ว่าเข้าไปบริหารเองก็ยังรุ่งได้แบบ บัฟเฟต ต้องเข้าใจธุรกิจมากๆเลยนะครับ โดยเฉพาะวิธีหาเงิน และต้นทุน

ขอบคุณครับ  ที่ขุดมาให้สมาชิกใหม่ๆ อย่างผมจะได้อ่านด้วย  

ขุดครับ  กระทู้ดีๆ  :cheers:

2009  หุ้นถูกมากๆหลายตัวถูกกว่า 2005อีก  
เข้าแนว  วอเร็นเลย

[quote="bigshow"]ผมลองใช้หลักการของ วอเรน คำนวนราคา tcb ในอีก 5 ปีข้างหน้า

[quote="Calcio 8"][quote="bigshow"]ผมลองใช้หลักการของ วอเรน คำนวนราคา tcb ในอีก 5 ปีข้างหน้า

ลองดู excel file นี่เลยครับ วิเคราะห์ตามหลักของวอร์เรน บัฟเฟตต์
อยากรู้ที่มาต้องอ่าน BUFFETTOLOGY
มีแปลไทยด้วย คือลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ แปลโดย คุณพรชัยครับ

ผมยังหาอยู่ครับว่าจะหา PEสูงสุดและ  PEต่ำสุดแต่ละปีได้ที่ไหนถ้ารู้ช่วยบอกด้วยครับ
ศึกษาดูแล้วหุ้นตัวไหนเด็ดบอกกันบ้างครับ

Link-excel
http://www.csulb.edu/~pammerma/fin382/s ... uffett.xls

Link-บทความครับ
http://www.scribd.com/doc/7109703/Findi ... -Bajkowski