หน้า 60 จากทั้งหมด 160

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ พ.ค. 29, 2006 10:52 pm
โดย Mon money
"...คือว่าผมอยากรวยหุ้นกับเขาบ้าง เลยเอาเงินมาซื้อหุ้น...และคิดว่าเป็นหุ้นที่ชัวร์ที่สุดแล้วนะครับ...แต่ก็ไม่วาย" อ๋อ...อยากรวยหุ้นนั่นเอง

"ผมว่าคุณเขาใจอะไรผิดแล้วละ...เออ...คือว่าการลงทุนนี่มันเป็นการออมชนิดหนึ่งนะครับ ไม่รวยเร็วหรอก...จริงๆแล้วรวยยาก ถ้าไม่ขยันอ่าน ขยันค้นคว้า...วิธีการของคุณมันไม่ถูกต้อง และหุ้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ..." ผมพยายามตอบให้เขาเข้าใจในหลักคิด "...ที่ผิดปกตินั้นคือคุณนั่นแหละ กำลังเป็นเอามากๆ...ถ้าไม่สบายใจขายทิ้งเถอะครับ จะได้กลับมาเป็นคนเดิม ลูกเมียก็ไม่เดือดร้อน" ผมรับประทานนิดๆไปพร้อมๆกับการแนะนำ

"แล้วผมควรจะไปซื้อหุ้นอะไรดี?ครับ" เออ เอาเข้าไป

"เอาอย่างนี้แล้วกัน...เอาเบอร์ตาวิบูลย์ไปแล้วโทรไปคุยเองนะครับ ก็เกี่ยวกับ PTTก็ต้องคนนั้นแหละ" ผมคิดว่าคงเอาตัวรอดยากเลยส่งต่อให้หมอใหญ่เพื่อนยาก...

อิ อิ มีใครโทรหาบ่ เสี่ย?

----------จบครับ-----------

ในนี้มีแต่งเติมบ้างเด้อ แต่ในBiz weekของจริง

ว่างๆ หุ้นตกๆอย่างนี้ ผมกำลังหัดเขียนนิยายลึกลับอยู่ครับ ว่างๆจะเอามาแบ่งกันอ่านนะเพื่อนๆ

แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการนะขอรับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ค. 30, 2006 11:18 am
โดย VIB007
Mon money เขียน: "แล้วผมควรจะไปซื้อหุ้นอะไรดี?ครับ" เออ เอาเข้าไป

"เอาอย่างนี้แล้วกัน...เอาเบอร์ตาวิบูลย์ไปแล้วโทรไปคุยเองนะครับ ก็เกี่ยวกับ PTTก็ต้องคนนั้นแหละ" ผมคิดว่าคงเอาตัวรอดยากเลยส่งต่อให้หมอใหญ่เพื่อนยาก...

อิ อิ มีใครโทรหาบ่ เสี่ย?

----------จบครับ-----------
ขอบคุณสำหรับความหวังดีนะท่านประธาน
โชคดีที่ผมไปต่างประเทศและปิดมือถือตลอด
เลยรอดตัวไป

ถ้าโทรมาถามผม
ผมคงบอกว่า ถ้าถือหุ้นแล้วประสาทจะกิน ก็ขายไปเถอะ

จะซื้อหุ้นอะไรก็ไป"คิด"เอาเอง
เดี๋ยวบอกไปแล้วประสาทกินกว่าเดิม
ยิ่งหุ้นตกๆแบบนี้
ใครทำใจไม่ได้ก็อย่าลงทุนในตลาดหุ้นเลย
เอาเงินไปฝากแบงค์ชัวร์สุด
Mon money เขียน: ว่างๆ หุ้นตกๆอย่างนี้ ผมกำลังหัดเขียนนิยายลึกลับอยู่ครับ ว่างๆจะเอามาแบ่งกันอ่านนะเพื่อนๆ

แล้วเจอกันเมื่อชาติต้องการนะขอรับ
ดีเหมือนกัน
ดร.โหน่งเขียนจบไปแล้ว
สงสัยต้องรออ่านของ ดร.มน

ท่านประธานถ้าไม่ว่าอะไร
เขียนนิยายลงกระทู้นี้เลยซิ
จะได้เพิ่มยอดอ่านหน่อย
เพราะช่วงหลังกระทู้นี้ฝืดเหลือเกิน
ยอดอ่านไม่ขยับเลย
สงสัยอ่านกันจบหมดหกสิบกว่าหน้าแล้ว

ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 03, 2006 10:58 pm
โดย Somporn
กรุณาemailมาที่ [email protected] ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆๆครับ  :D

Re: ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 09, 2006 10:30 am
โดย VIB007
[quote="Somporn"]กรุณาemailมาที่ [email protected] ด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆๆครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 09, 2006 2:27 pm
โดย moo
ตามมาฝึก จิตใจ ต่อครับพีวิบูลย์ :mrgreen:

นั่งมองดู พี่เทพ ลงมาจาก 130 ถึงวันนี้ 103 บาท     :shock:   :cry:

ใช้เคล็ดวิชา     สงบ สยบเคลื่อนไหว

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มิ.ย. 09, 2006 3:28 pm
โดย VIB007
[quote="moo"]ตามมาฝึก จิตใจ ต่อครับพีวิบูลย์ :mrgreen:

นั่งมองดู พี่เทพ ลงมาจาก 130 ถึงวันนี้ 103 บาท

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ มิ.ย. 10, 2006 1:04 am
โดย moo
ก่อนแตกพาร์  ราคาขยับช่องละ 4 บาท

แต่หลังแตกพาร์ ราคาขยับช่องละ 5 บาท( 1*5)

เมื่อราคาขยับ  ขึ้น-ลง  ดูหวือหวากว่าเก่าเยอะเลยครับพี่

อยู่นิ่งๆ   ฝึกจิตใจต่อไป :D

ขอบพระคุณพี่วิบูลย์มากครับ  สำหรับสิ่งดีๆที่กรุณาแนะนำสั่งสอน

Thailand Company Handbook

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 01, 2006 12:56 pm
โดย jessada2005
ผมอยากรู้ว่าหนังสือ Thailand Company Handbook บอกอะไรบ้างและหาดูได้ที่ไหนครับ คุณวิบูลย์

Re: Thailand Company Handbook

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 03, 2006 5:18 pm
โดย VIB007
jessada2005 เขียน:ผมอยากรู้ว่าหนังสือ Thailand Company Handbook บอกอะไรบ้างและหาดูได้ที่ไหนครับ คุณวิบูลย์
ลองหาดูที่ B2S หรือร้านหนังสือของตลาดหลักทรัพย์ครับ
บอกอะไรในนั้นบ้าง ลองหาอ่านดูแล้วจะรู้ครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 28, 2006 11:58 pm
โดย Oh+
สวัสดีครับ พี่วิบูลย์ ช่วงนี้กระทู้นี้ดูเงียบ ๆ จัง ไม่ค่อยเห็นคนมาโพสถามพี่เลย
ผมเองต้องแวะเข้ากระทู้นี้เกือบทุกครั้ง ที่เข้ามาที่นี่ ชอบที่พี่เขียนตอบกระทู้ครับ หลัง ๆ ไม่ค่อยเห็น เลยแวะเข้ามาทักทาย และขอคำแนะนำหน่อยครับ

คือผมไม่ค่อยมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องหรือไม่ จึงพยายามมองดูความถูกต้องในความคิดด้วยราคาของหุ้นว่าเป็นไปตามที่
เราคาดการณ์ไว้หรือไม่และเมื่อมันไม่เป็นไปตามที่คิด มันก็เริ่มทำให้เราไม่มั่นใจ
โดยเฉพาะเมื่อเราไปซื้อหุ้นที่ไม่ใช่หุ้นขนาดใหญ่

ในกรณีแบบนี้พี่ใช้วิธีใดเป็นเครื่องยืนยันความมั่นใจให้กับตัวเองได้บ้างครับ

อีกเรื่องครับ คือสงสัยว่า "ความคิดที่ไม่โลภมากมันเป็นยังงัยครับ ในเมื่อเราเข้ามาลงทุนเพื่อหวังให้ได้กำไรมาก ๆ" อยากรู้ว่าพี่คิดยังงัยครับ

ผมเองไม่รู้ว่าถามไปแล้วพี่จะเข้าใจไหม ผมเขียนเองยังงง ๆ เลย :o  แต่ถ้าไม่เขียนก็ไม่ได้คุยด้วย   สรุปแล้วคือ คิดถึง อยากฟังแง่คิดดี ๆ จากพี่ครับ

ขอบคุณครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 31, 2006 10:20 am
โดย VIB007
Oh+ เขียน:สวัสดีครับ พี่วิบูลย์ ช่วงนี้กระทู้นี้ดูเงียบ ๆ จัง ไม่ค่อยเห็นคนมาโพสถามพี่เลย
ผมเองต้องแวะเข้ากระทู้นี้เกือบทุกครั้ง ที่เข้ามาที่นี่ ชอบที่พี่เขียนตอบกระทู้ครับ หลัง ๆ ไม่ค่อยเห็น เลยแวะเข้ามาทักทาย และขอคำแนะนำหน่อยครับ
หลังๆไม่ค่อยมีใครถาม
ผมก็เลยไม่มี"โอกาส"ตอบ
ผมแวะเวียนเข้ามาเรื่อยๆครับ
ถ้าใครสนใจถามได้

ถ้าถามเหมือนยังไม่ได้อ่านตั้งแต่หน้าแรก
ผมก็จะแนะนำให้ไปอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่ต้นก่อน
อาจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ไม่ค่อยมีใครถามก็ได้
เพราะกลัวถูกไล่ให้ไปอ่านตั้งแต่ต้น

มีหลายท่านช่วยตอบอยู่เรื่อยๆนะครับ กระทู้นี้
ไม่ได้มีผมเพียงคนเดียว
สาเหตุที่ผมอยากตอบกระทู้นี้กระทู้เดียวหลักๆ
เพราะอยากให้เก็บไว้เป็นข้อมูลสำหรับคนรุ่นหลังครับ
เท่านั้นเอง
Oh+ เขียน:คือผมไม่ค่อยมั่นใจกับสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องหรือไม่ จึงพยายามมองดูความถูกต้องในความคิดด้วยราคาของหุ้นว่าเป็นไปตามที่
เราคาดการณ์ไว้หรือไม่และเมื่อมันไม่เป็นไปตามที่คิด มันก็เริ่มทำให้เราไม่มั่นใจ
โดยเฉพาะเมื่อเราไปซื้อหุ้นที่ไม่ใช่หุ้นขนาดใหญ่

ในกรณีแบบนี้พี่ใช้วิธีใดเป็นเครื่องยืนยันความมั่นใจให้กับตัวเองได้บ้างครับ
คำแนะนำของผมก็คือ
หนึ่ง ให้ความสนใจกับ"ราคาหุ้น"ให้น้อยลง
บางครั้งราคาหุ้นของเราไม่ได้เป็นไปตามดัชนีตลาดหุ้น
จะเห็นว่าราคาหุ้นเล็กบางครั้งไม่ขยับไปไหนเลย
ขณะที่ดัชนีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งในเวลานั้นไม่ได้หมายความว่าหุ้นที่เราลงทุนไม่ดีนะครับ

สอง ให้สนใจในผลการดำเนินงานของบริษัทมากกว่าราคาหุ้น
ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้หรือไม่
ถ้าเราซื้อหุ้นเพียงเพื่อราคาหุ้นจะขึ้นเท่านั้น เราอาจคิดผิด
แต่ถ้าเราซื้อหุ้นด้วยความเชื่อที่ว่า
ในระยะยาวราคาหุ้นจะเป็นไปตามผลประกอบการ
ถ้าบริษัทยังมีผลประกอบการที่ดี ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

สาม มองไกลๆ
ถ้าดูราคาหุ้นแค่เดือนสองเดือน
อาจไม่สามารถบอกได้ว่าหุ้นนั้นดีไม่ดี

ลองคิดว่าถ้าตลาดหุ้นปิดไปสักปีสองปี
หุ้นของบริษัทที่เราลงทุนยังสบายดีอยู่หรือเปล่า

ข้อผิดพลาดของนักลงทุนส่วนใหญ่ก็คือ
คิดว่าถ้าราคาหุ้นไม่ขึ้นแสดงว่าเป็นหุ้นไม่ดี
ถ้าราคาหุ้นขึ้นเป็นหุ้นดี
ซึ่งไม่ถูกต้องเสมอไป

ราคาหุ้นในระยะสั้นเป็นเรื่องของดีมานด์ซัพพลาย
คนอยากซื้อมากกว่าคนอยากขาย

แต่ราคาหุ้นในระยะยาวจะเป็นไปตามผลประกอบการของบริษัท
ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ซึ่งบอกระยะเวลาที่แน่อนไม่ได้

ดังนั้นถ้าเรา"คิด"ว่าเราวิเคาระห์บริษัทถูกต้อง
ราคาที่ซื้อน้อยกว่ามูลค่าที่แท้จริงและ
ผลประกอบการบริษัทเป็นไปตามที่เราคาดหมาย
ราคาหุ้นจะไม่ตามดัชนีบ้างในระยะสั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

แต่ถ้าผ่านไปสองสามปีแล้ว
หุ้นนั้นยังไม่เป็นไปตามที่เรา"คิด"
อาจจะต้อง"คิดใหม่ ทำใหม่"
เราอาจจะ"คิดผิด"ก็ได้

เวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ครับ

ไม่มีนักลงทุนคนไหน ไม่เคยทำพลาดครับ
เพียงแต่เราเรียนรู้ที่จะไม่ทำพลาดซ้ำแบบเดิมอีก

คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่ไม่เคยล้มเหลว
แต่เป็นคนที่ลุกขึ้นสู้ใหม่ได้หลังจากแพ้ไปแล้วทุกครั้ง
นั่นเป้นข้อแตกต่างระหว่างคนที่ประสบความสำเร็จและคนที่พ่ายแพ้ต่อโลก
Oh+ เขียน:อีกเรื่องครับ คือสงสัยว่า "ความคิดที่ไม่โลภมากมันเป็นยังงัยครับ ในเมื่อเราเข้ามาลงทุนเพื่อหวังให้ได้กำไรมาก ๆ" อยากรู้ว่าพี่คิดยังงัยครับ

ผมเองไม่รู้ว่าถามไปแล้วพี่จะเข้าใจไหม ผมเขียนเองยังงง ๆ เลย :o

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 31, 2006 11:29 pm
โดย Oh+
ขอบคุณครับ พี่วิบูลย์

ตอนแรกที่เข้ามาเห็นพี่แวะมาตอบ ยังกลัว ๆ อยู่เลยว่าพี่จะเข้าใจคำถามผมไหม เรื่องที่เล่ามาเป็นคำตอบที่ทำให้คิดได้ดีทีเดียวเรื่องความโลภ

คำตอบของพี่ยังประทับใจผมเหมือนเดิม ผมเองมักมีความคิดวกวนอยู่ในหัว หาคำตอบไม่ได้ แต่ถ้าได้คุยกับคนอื่น ได้คำแนะนำอะไรบางอย่าง ผมมักหาทางออกเจอ และเข้าใจได้เร็วขึ้น เหมือนกับว่า มีแสงจากเทียนที่ทำให้ห้องมืด ๆ สว่างขึ้นมาอีกครั้ง

ผมอ่านแล้วคุ้น ๆ คำตอบมาก ๆ เลย คิดว่าถ้าย้อนกลับไป ใน 60 หน้านี้ต้องเจอคำถาม คำตอบคล้ายๆอย่างนี้แน่  :D

สงสัยว่าตอนนี้ผมคงรู้สึกโลภ ๆ่ กับกลัว ๆ  อยู่แน่

ผมเองชอบซื้อหุ้นที่มีปันผล แต่สังเกตว่า หลายตัว ราคาไม่ค่อยขยับเลย เป็นเพราะว่าธุรกิจนั้น ไม่โตหรือว่าโตช้า เลยให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นในลักษณะการปันผลแทนที่จะเอาไปลงทุนต่อ ใช่หรือไม่ครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 31, 2006 11:54 pm
โดย moo
การได้กำไรมากๆนั้นขึ้นกับ"ผลตอบแทน"จากการลงทุนครับ ไม่ใช่ความโลภ
ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นจะแปรตาม"ความรู้ความสามารถ"ของผู้ลงทุนครับ




ดังนั้นความคิดที่ไม่โลภก็คือความคิดที่ต้องการเรียนรู้
ยิ่งเราเรียนรู้มากขึ้นเท่าใด เราก็ยิ่งทำผลตอบแทนได้ดีขึ้นเท่านั้น



ประโยคเด็ดเลยครับพี่   สว่างขึ้นเยอะเลย
ขอบพระคุณมากครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 01, 2006 2:06 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="moo"]การได้กำไรมากๆนั้นขึ้นกับ"ผลตอบแทน"จากการลงทุนครับ ไม่ใช่ความโลภ
ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นจะแปรตาม"ความรู้ความสามารถ"ของผู้ลงทุนครับ




ดังนั้นความคิดที่ไม่โลภก็คือความคิดที่ต้องการเรียนรู้
ยิ่งเราเรียนรู้มากขึ้นเท่าใด เราก็ยิ่งทำผลตอบแทนได้ดีขึ้นเท่านั้น



ประโยคเด็ดเลยครับพี่

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 01, 2006 9:42 pm
โดย naris
ไม่ได้เข้ามาดูในนี้ประมาณ2เดือน :P

มีอะไรให้ได้คิดเยอะเลย :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 02, 2006 12:56 am
โดย moo
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ พี่ลูกอิสาน  :D

ตั่วเฮียท่านก็สั่งสอนเราไม่ให้โลภ
เพราะว่าถ้า รู้จริง  ก็ไม่เป็นการโลภแล้ว


หลักการ ปรัชญาการลงทุนที่เหมาะกับตัวเองสำคัญมาก


มารอพี่วิบูลย์สั่งสอนต่อครับ :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 02, 2006 1:14 pm
โดย VIB007
[quote="Oh+"]ขอบคุณครับ พี่วิบูลย์

ตอนแรกที่เข้ามาเห็นพี่แวะมาตอบ ยังกลัว ๆ อยู่เลยว่าพี่จะเข้าใจคำถามผมไหม เรื่องที่เล่ามาเป็นคำตอบที่ทำให้คิดได้ดีทีเดียวเรื่องความโลภ

คำตอบของพี่ยังประทับใจผมเหมือนเดิม ผมเองมักมีความคิดวกวนอยู่ในหัว หาคำตอบไม่ได้ แต่ถ้าได้คุยกับคนอื่น ได้คำแนะนำอะไรบางอย่าง ผมมักหาทางออกเจอ และเข้าใจได้เร็วขึ้น เหมือนกับว่า มีแสงจากเทียนที่ทำให้ห้องมืด ๆ สว่างขึ้นมาอีกครั้ง

ผมอ่านแล้วคุ้น ๆ คำตอบมาก ๆ เลย คิดว่าถ้าย้อนกลับไป ใน 60 หน้านี้ต้องเจอคำถาม คำตอบคล้ายๆอย่างนี้แน่

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 02, 2006 5:08 pm
โดย ForrestGump
คุณวิบูลย์ ตั้งชื่อเล่นลูกว่าอะไรครับ เป็นชื่อหุ้นหรือเปล่าครับ?

แล้วคุณวิบูลย์ว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการลงทุน นอกจากตัวเราเอง แล้วคืออะไรครับ?

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 03, 2006 1:06 pm
โดย ลูกอิสาน
VIB007 เขียน:ขอบคุณน้องลูกอีสาน
เป็นไงบ้างสบายดีหรือเปล่า ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ
กว่าปีแล้วซิ ลูกๆสบายดีนะครับ
ถ้าเข้ากรุงเทพเมื่อไหร่ โทรมาติดต่อกันด้วย
สบายดีครับพี่ ตามอัตภาพครับ
ลูกๆก็สบายดีเช่นกันครับ คนเล็กของผมคงพอๆกับของพี่
ตอนนี้ซนน่าตี กำลังหัดยืน หัวปูดทุกวัน เพราะชนโน่นชนนี่บ่อยมาก
การเลี้ยงลูกนี่เหนื่อยจริงๆครับ แต่ก็ให้ความสุขเราได้มากเช่นเดียวกัน
ลูกพี่คงสบายดีเช่นกันนะครับ

ถ้ามีโอกาสได้ขึ้นไปกรุงเทพ คงได้มีโอกาสทานข้าวกับพี่ครับ

พูดเรื่องลูกเดี๋ยวจะยาว พอดีช่วงนี้อยากถามความเห็นพี่สัก 2 ประเด็นครับ

1.มูลค่าของหุ้นเปลี่ยนตามกาลเวลา ?

จำได้ว่าพี่เคยพูดถึงหุ้นตัวนึง และเกริ่นๆถึงราคาที่แท้จริงไว้ค่านึง  ต่อมาไม่นาน ราคาหุ้นก็ขยับปรับตัวขึ้นมาที่ราคานั้น และก็ยังปรับตัวเลยราคานั้นมาอีกมาก  แต่ผมก็เข้าใจว่าพี่ยังไม่ได้ขายหุ้นตัวนั้นออกไป อย่างนี้เป็นเพราะราคาหุ้น relative กับพื้นฐานของหุ้น (ที่เปลี่ยนแปลงไปเสมอ) ใช่ไหมครับ

2.เวลาเป็นเพื่อนที่ดีจริงหรือเปล่า
หากเราถือหุ้นตัวนึงที่คุณภาพดีมาก และกิจการก็มีความก้าวหน้าเสมอๆ ราคาหุ้นก็ตอบสนองไประดับหนึ่งแล้ว  แต่โครงการใหม่ๆ ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานอีกนาน กว่าที่จะรับรู้รายได้ อาจจะ 2-4 ปี เราควรจะรอคอยหรือไม่  พี่มีหลักเกณฑ์-หลักการณ์ในการเลือกที่จะรอหรือไม่รออย่างไรครับ หากเราเลือกที่จะรอ เราควรมีทัศนคติต่อเรื่องนี้อย่างไรครับ


หวังว่าพี่เค้าเข้าใจในประเด็นที่สื่อนะครับ :lol:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 03, 2006 3:23 pm
โดย VIB007
ForrestGump เขียน:คุณวิบูลย์ ตั้งชื่อเล่นลูกว่าอะไรครับ เป็นชื่อหุ้นหรือเปล่าครับ?
สวัสดีน้องกัมพ์
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ
สบายดีนะครับ
กิจการคงไปได้ดี

ชื่อเล่นลูกผมชื่อ"นาโน"ครับ
ภรรยาผมเขาตั้งให้
ผมตั้งชื่อจริง ยกหน้าที่ชื่อเล่นให้เขาไป

ไม่ได้เป็นชื่อหุ้นสักชื่อครับ

ตอนนี้ 11 เดือนกว่าจะขวบแล้ว(เร็วจริงๆ)
เจ้าลิงน้อยเวลานี้เข้าโรงบาลอยู่
เพราะไข้ขึ้นสูงเกือบ 40 เลยต้องนอนอยู่โรงบาลมาสามสี่วันแล้ว
เช็คเลือดไม่เจออะไร หมอคาดว่าเกิดจากไวรัสหวัด
เวลาสร่างไข้จะกลายร่างเป็นลิง
เวลาไข้ขึ้นก็ซึม ซ่าไม่ออกเลย
ForrestGump เขียน:แล้วคุณวิบูลย์ว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการลงทุน นอกจากตัวเราเอง แล้วคืออะไรครับ?
น่ากลัวที่สุดก็"จิตใจ"เราเองหละครับ

เวลาหุ้นขึ้นก็"โลภ"อยากได้
เวลาหุ้นลงก็"กลัว" กังวล

ถ้าควบคุมจิตใจตนเองได้แล้ว
อย่างอื่นเป็นเรื่องเล็กครับ

ถ้าใครเห็นหุ้นขึ้นหรือลงหนักๆแล้ว"เฉยๆ"
แสดงว่าเข้าขั้นแล้วครับ
ของอย่างนี้พูดง่ายทำยากนะ

น้องกัมพ์ทำได้หรือยัง
ลูกอิสาน เขียน:สบายดีครับพี่ ตามอัตภาพครับ
ลูกๆก็สบายดีเช่นกันครับ คนเล็กของผมคงพอๆกับของพี่
ตอนนี้ซนน่าตี กำลังหัดยืน หัวปูดทุกวัน เพราะชนโน่นชนนี่บ่อยมาก
การเลี้ยงลูกนี่เหนื่อยจริงๆครับ แต่ก็ให้ความสุขเราได้มากเช่นเดียวกัน
ลูกพี่คงสบายดีเช่นกันนะครับ

ถ้ามีโอกาสได้ขึ้นไปกรุงเทพ คงได้มีโอกาสทานข้าวกับพี่ครับ ?
ด้วยความยินดีครับ

ลูกผมก็กำลังหัดเดิน
เตาะแตะ ล้มบ่อยๆ ก้นกระแทกประจำ หัวโขกนี่เรื่องปกติ

เลี้ยงลูกนี่เหนื่อยแน่ๆ และใช้เงินเยอะกว่าที่คิดแฮะ
ทั้งค่าพี่เลี้ยง ค่านม ค่าผ้าอ้อม จิปาถะ
ดีที่เข้าโรงบาลมีประกัน ไม่งั้นอ่วม
แต่ก็สนุกดีครับ
ลูกอิสาน เขียน:พูดเรื่องลูกเดี๋ยวจะยาว พอดีช่วงนี้อยากถามความเห็นพี่สัก 2 ประเด็นครับ

1.มูลค่าของหุ้นเปลี่ยนตามกาลเวลา ?

จำได้ว่าพี่เคยพูดถึงหุ้นตัวนึง และเกริ่นๆถึงราคาที่แท้จริงไว้ค่านึง  ต่อมาไม่นาน ราคาหุ้นก็ขยับปรับตัวขึ้นมาที่ราคานั้น และก็ยังปรับตัวเลยราคานั้นมาอีกมาก  แต่ผมก็เข้าใจว่าพี่ยังไม่ได้ขายหุ้นตัวนั้นออกไป อย่างนี้เป็นเพราะราคาหุ้น relative กับพื้นฐานของหุ้น (ที่เปลี่ยนแปลงไปเสมอ) ใช่ไหมครับ ?
ระดับน้องลูกอีสานยังมีคำถามอีกหรือครับเนี่ย
คงเป็นพี่ทีต้องขอ"ความรู้"น้องมากกว่า

เรื่องมูลค่าที่แท้จริงนั้น
มันเป็นเรื่องของนามธรรมส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์
ซึ่งมูลค่าที่แท้จริงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งเป็นไปตามพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ

เช่น หุ้นตัวหนึ่งมีมูลค่าที่คำนวณได้ประมาณ 10 บาท
เราซื้อหุ้นนั้นมาที่ราคา 6 บาท
ถือไปสักพักหนึ่งราคาขึ้นมาที่ 10 บาท
นักลงทุนมีทางเลือกสองทาง
หนึ่ง ถือหุ้นนั้นต่อไป
สอง ขายทำกำไร


ทีนี้คำถามมีอยู่ว่าจะเลือกทางไหน

บางครั้งขายหุ้นไปแล้ว หุ้นขึ้นต่อ
บางครั้งถือไว้ หุ้นราคาลงไปเรื่อยๆ


สำหรับผม ผมไม่ค่อยได้สนใจ"ราคาหุ้น"มากนัก
ผมสนใจที่"พื้นฐานกิจการ"มากกว่า
ถ้าพื้นฐานกิจการยังไปได้ดี
ราคายังไม่เกินมูลค่ามากๆ
สุดท้ายมูลค่าที่แท้จริงก็สามารถปรับเพิ่มขึ้นไปได้

เช่น หุ้นตัวที่ว่า ราคา 10 บาท
แต่พื้นฐานกิจการในปีที่สองดีขึ้น มูลค่ากิจการก็เปลี่ยนไปเป็น 13 บาทได้
ทำให้ราคาที่สูงขึ้นมานั้น ยังตามพื้นฐานกิจการไม่ทัน
ถ้าเรามองปีเดียว ราคาก็อยู่ที่ 10 บาท แต่ถ้ามองไปมากกว่านั้น
ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
มูลค่ากิจการเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆตามกาลเวลา

ถ้าเรามองที่พื้นฐานกิจการบริษัทมากกว่า"ราคาหุ้น"
ทางเลือกของเราก็คือ
ขาย ถ้าพื้นฐานกิจการเปลี่ยน
ถือต่อ ถ้าพื้นฐานกิจการดีขึ้นเรื่อยๆ

หลักการนี้ช่วยให้ไม่ต้องกังวลกับราคาหุ้น
ยิ่งถ้าหุ้นที่ว่า ราคาลงมาเรื่อยๆ แต่พื้นฐานดีขึ้นเรื่อยๆ
เป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อ
ดังนั้น ไม่ว่าตลาดจะขึ้น หรือจะลง
เราก็ Happy

หุ้นตัวที่ว่า ผมยังไม่ได้ขายเลยครับ สักหุ้นเดียว
มีแต่ซื้อเพิ่มไปเรื่อยๆ ในช่วงราคาลงแต่พื้นฐานกิจการดีขึ้น
ลูกอิสาน เขียน:2.เวลาเป็นเพื่อนที่ดีจริงหรือเปล่า
หากเราถือหุ้นตัวนึงที่คุณภาพดีมาก และกิจการก็มีความก้าวหน้าเสมอๆ ราคาหุ้นก็ตอบสนองไประดับหนึ่งแล้ว  แต่โครงการใหม่ๆ ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานอีกนาน กว่าที่จะรับรู้รายได้ อาจจะ 2-4 ปี เราควรจะรอคอยหรือไม่  พี่มีหลักเกณฑ์-หลักการณ์ในการเลือกที่จะรอหรือไม่รออย่างไรครับ หากเราเลือกที่จะรอ เราควรมีทัศนคติต่อเรื่องนี้อย่างไรครับ


หวังว่าพี่เค้าเข้าใจในประเด็นที่สื่อนะครับ ?
โครงการใหม่ในอีก 2-4 ปีข้างหน้านั้น
ก็ขึ้นกับเราเองว่าจะรอได้นานขนาดนั้นหรือเปล่า

บางบริษัทก็รอได้
แต่บางบริษัทก็ไม่รอเหมือนกัน
ขึ้นกับบริษัทแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน

ถ้าตามหลักการก็ต้องดูว่า "ความเสี่ยงของกิจการหรือโครงการ"นั้นๆมีมากน้อยแค่ไหน
ถ้าแน่แบบแช่แป้ง และไม่มีอะไรที่ทำให้โครงการดังกล่าวเปลี่ยน
รวมทั้งพื้นฐานบริษัทในช่วงเวลาที่รอคอยไม่เปลี่ยนแปลง
ก็สามารถ"รอ"ได้

แต่ถ้ากิจการในช่วงเวลาที่รอคอยมี"ปัจจัยเสี่ยง"มากเหลือเกิน
เช่น ธุรกิจปิโตรเคมี ที่ราคาขายขึ้นกับดีมานซัพพลาย
ในช่วงการรอคอยโครงการใหม่
บริษัทอาจมีความสามารถในการทำกำไรลดลงได้อย่างรวดเร็ว
เพราะราคาขายผลิตภัณท์ลดลงเป็นอย่างมาก
ถ้าเป็นเช่นนี้การรอคอยโครงการที่เกิดขึ้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยงทางธุรกิจแล้วก็ไม่คุ้มที่จะรอเป็นต้น

อย่างที่อาจารย์บัฟเฟตบอกไว้หละครับ
"เวลาเป็นเพื่อนที่ดีของธุรกิจที่ดี
แต่เป็นศัตรูของธรกิจที่แย่"

ยังคงใช้ได้เสมอ

ไม่ทราบผมตอบตรงประเด็นหรือเปล่า

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 04, 2006 11:16 am
โดย ลูกอิสาน
พี่ตอบชัดเจนดีแล้วครับ
ผมไม่แปลกใจที่พี่เป็น guest speaker ได้สบายๆเลยครับ

ที่จริงผมก็พอจะมีคำตอบในใจ แต่มันยังคลุมเครือไม่ชัดเจน
ได้ผู้ใหญ่ให้มุมมอง กรอบความคิด ก็ทำให้มองได้ง่ายขึ้นมากครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ :o

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 04, 2006 11:57 am
โดย moo
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณพี่ลูกอิสานก่อนสำหรับคำถามที่ถามพี่วิบูลย์ :D

ถามตรงประเด็นและพี่วิบูลย์ก็ตอบได้ชัดเจนมากๆ

คลี่คลายความกังวลใจไปมากทีเดียว

ที่จริงหุ้นสมมุติที่ถาม  ผมตั้งใจจะทำ kkr

แต่ก็ยังลังเลอยู่บ้าง  และ  คิดว่าเรารอให้บริษัทเติบโตได้

ได้คำตอบโดนใจเต็มๆ

ขอบพระคุณพี่วิบูลย์มากครับ :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 04, 2006 12:07 pm
โดย moo
เรียนถามพี่วิบูลย์ครับว่า

พี่ให้ความสำคัญ กับ การเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของผู้บริหารอย่างไรครับ

ขอบคุณมากครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ส.ค. 06, 2006 10:08 pm
โดย ลูกอิสาน
อ้าว..คุณ Moo รู้กันหมดเลย ว่าเราพูดถึงหุ้นอะไรกัน :lol:




ไม่รู้จะเกี่ยวกันหรือเปล่า ผมมีบทสัมภาษณ์ผู้จัดการกองทุน aberdeen ท่านนึง นานมาแล้ว เอามาให้อ่านกันครับจาก fundsupermart.com เผื่อจะมีประโยชน์

A : Do you think your somewhat contrarian views are a reflection of your personallity? for example, you tend to like small-cap stocks in southeast asia, when most of the compettition doesn't.

B : Yes ,we do have more in smaller companies than the competition , but we don't have a small-cap bias. We want quality. It can be big, small or whatever. What i personally find exciting is looking at stocks that others aren't looking at, and looking at one direction when everyone else is looking in another. What frustrates me about the fund managment industry at the moment is that so many people are blindly following benchmarks, imstead pf going back to the basics of whether you like the company and whether you should own it. I think many fund managers buy stocks because those stocks are in the index and they are so scared of under-performing that index. Fund management is and art and not a sceince, but people try and make it into a science. People want to believe that there is a special graph that can give you all the answers. We have never believed in that.



A : So can i assume you're a fan of Peter Lynch (Fidelity fund manager who also wrote the bestseller 'One up on wall street'). I recall him saying something about fund management being more of an art than a science...

B: I think he's interesting because of his dictum that you should understand what you buy. Why invest in anything if you don't understand the product, know what it's about or what makes it tick? I certainly wouldn't do that. But in term of whom I look up to in investing, it would be Warren Buffet, without a doubt. He just tells it like it is. He can see through the strange things that can happen in an  industry and approaches it in a simplistic way. He understands why you invest in a company and what you are trying to achieve. I think in this day and age, everyone seems driven buy short-term performance and they tend to forget those basics.


เอามาเตือนใจตัวเองด้วยครับ :oops:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 08, 2006 9:59 am
โดย VIB007
ลูกอิสาน เขียน:พี่ตอบชัดเจนดีแล้วครับ
ผมไม่แปลกใจที่พี่เป็น guest speaker ได้สบายๆเลยครับ

ที่จริงผมก็พอจะมีคำตอบในใจ แต่มันยังคลุมเครือไม่ชัดเจน
ได้ผู้ใหญ่ให้มุมมอง กรอบความคิด ก็ทำให้มองได้ง่ายขึ้นมากครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ :o
ขอบคุณครับ
moo เขียน:เรียนถามพี่วิบูลย์ครับว่า

พี่ให้ความสำคัญ กับ การเปลี่ยนแปลงการถือหุ้นของผู้บริหารอย่างไรครับ

ขอบคุณมากครับ
ให้ความสำคัญเล็กน้อย
ถ้าหมายถึงการซื้อขายหุ้นของผู้บริหาร

เพราะบางครั้งการที่เราให้ความสำคัญกับการซื้อขายหุ้นของผู้บริหารมากเกินไป
อาจทำให้เราได้รับสัญญานที่ผิดๆ
เช่น ผมเคยเห็นผู้บริหารบริษัทที่ผมลงทุนอยู่ขายหุ้นออกมา
แต่บริษัทนั้นก็ยังดำเนินกิจการไปได้ด้วยดีและดีกว่าเดิมมากด้วย
ผู้บริหารนั้นคงขาย"ขาดทุนกำไร"ไปเยอะ

บางครั้งเราไม่รู้ว่าเขาขายด้วยเหตุผลอะไร
ถ้าเราเข้าใจธุรกิจและมองอนาคตได้
ก้ไม่ต้องกลัวอะไร

ยกเว้นเราไม่เข้าใจธุรกิจและ
ต้องอาศัยการซื้อขายหุ้นของผู้บริหารเพื่อดู"อินไซค์"นั้นก็เป็นคนละเรื่องกัน
ซึ่งผมไม่สนใจวิธีการนี้ครับ
ยิ่งเราต้องการรู้ข้อมูลอินไซค์มากเท่าไหร่
แสดงว่าเราเข้าใจธุรกิจนั้นน้อยเท่านั้น

ถ้าเป็นการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารจัดการ เช่น ซีอีโอ
จะให้ความสำคัญมากกว่า

เพราะผู้บริหารที่มีอำนาจดำเนินการ
เป็นผู้ที่มีผลกระทบกับบริษัทมากที่สุด
ถ้าผู้บริหารมีการเปลี่ยนแปลงต้องดูว่าคนใหม่มีความสามารถแค่ไหน
ถ้าเป็นแบบเจ้าของสแตนเลส หรือเจ้าของสวนนอหนูมาเป็นผู้บริหารละก็
ตัวใครตัวมัน

โอเคมั๊ยครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 08, 2006 10:49 pm
โดย moo
โอเค ครับพี่ :D

ขอบพระคุณมากครับ
ชัดเจน แจ่มแจ๋วเลยครับ

บ่อยครั้งที่เห็นผู้บบริหารขาย ขาย ขาย
ทำให้ใจเขวได้...

คำตอบ..อย่างที่พี่วิบูลย์สอนไว้..เรายังไม่เข้าใจธุกิจแท้จริง..ใช่เลย

อย่างเช่น se-ed  ท่านขาย ขาย ลูกเดียว
ราคาก็ลงมาตลอด
มาวันนี้ ราคาก็มาที่เดิมได้ :D

ขอบพระคุณอีกครั้งครับ :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 09, 2006 1:25 pm
โดย VIB007
moo เขียน:โอเค ครับพี่ :D

ขอบพระคุณมากครับ
ชัดเจน แจ่มแจ๋วเลยครับ

D
ไม่เป็นไรครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 10, 2006 9:35 am
โดย ปรัชญา
ตามมาอ่านสมชายครับคุณวิบูลย์

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 10, 2006 11:21 am
โดย VIB007
ปรัชญา เขียน:ตามมาอ่านสมชายครับคุณวิบูลย์
สวัสดีครับพี่ปรัชญา
Long time no see
ไม่ได้เจอกันนานนะครับ
พี่สบายดีนะครับ
อาซ้อคงสบายดีเหมือนกัน

ถ้าชอบ"สมชาย"
รออ่าน"สมศักดิ์"ในนสพ บิสวีควันศุกร์ที่ 11 สคนี้ครับ

ตัวอย่างที่เขียนนี่ไม่ไกลเกินความจริงเลย
เพราะผมดัดแปลงมาจาก"ชีวิตจริง"ของนักลงทุนรายย่อย
เพียงแต่ไม่สามารถใช้ชื่อจริงได้
เดี๋ยวโดนข้อหาหมิ่นประมาท

ถ้าพี่เข้ากรุงเทพเมื่อไหร่ โทรมาบอกด้วยนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 10, 2006 11:45 am
โดย woody
VIB007 เขียน: สวัสดีครับพี่ปรัชญา
Long time no see
ไม่ได้เจอกันนานนะครับ
พี่สบายดีนะครับ
อาซ้อคงสบายดีเหมือนกัน

ถ้าชอบ"สมชาย"
รออ่าน"สมศักดิ์"ในนสพ บิสวีควันศุกร์ที่ 11 สคนี้ครับ

ตัวอย่างที่เขียนนี่ไม่ไกลเกินความจริงเลย
เพราะผมดัดแปลงมาจาก"ชีวิตจริง"ของนักลงทุนรายย่อย
เพียงแต่ไม่สามารถใช้ชื่อจริงได้
เดี๋ยวโดนข้อหาหมิ่นประมาท

ถ้าพี่เข้ากรุงเทพเมื่อไหร่ โทรมาบอกด้วยนะครับ
เพื่อนพี่วิบูลย์อีกแล้วหรือครับนี่ ฮิฮิ  :twisted: