ForrestGump เขียน:คุณวิบูลย์ ตั้งชื่อเล่นลูกว่าอะไรครับ เป็นชื่อหุ้นหรือเปล่าครับ?
สวัสดีน้องกัมพ์
ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ
สบายดีนะครับ
กิจการคงไปได้ดี
ชื่อเล่นลูกผมชื่อ"นาโน"ครับ
ภรรยาผมเขาตั้งให้
ผมตั้งชื่อจริง ยกหน้าที่ชื่อเล่นให้เขาไป
ไม่ได้เป็นชื่อหุ้นสักชื่อครับ
ตอนนี้ 11 เดือนกว่าจะขวบแล้ว(เร็วจริงๆ)
เจ้าลิงน้อยเวลานี้เข้าโรงบาลอยู่
เพราะไข้ขึ้นสูงเกือบ 40 เลยต้องนอนอยู่โรงบาลมาสามสี่วันแล้ว
เช็คเลือดไม่เจออะไร หมอคาดว่าเกิดจากไวรัสหวัด
เวลาสร่างไข้จะกลายร่างเป็นลิง
เวลาไข้ขึ้นก็ซึม ซ่าไม่ออกเลย
ForrestGump เขียน:แล้วคุณวิบูลย์ว่า สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการลงทุน นอกจากตัวเราเอง แล้วคืออะไรครับ?
น่ากลัวที่สุดก็"จิตใจ"เราเองหละครับ
เวลาหุ้นขึ้นก็"โลภ"อยากได้
เวลาหุ้นลงก็"กลัว" กังวล
ถ้าควบคุมจิตใจตนเองได้แล้ว
อย่างอื่นเป็นเรื่องเล็กครับ
ถ้าใครเห็นหุ้นขึ้นหรือลงหนักๆแล้ว"เฉยๆ"
แสดงว่าเข้าขั้นแล้วครับ
ของอย่างนี้พูดง่ายทำยากนะ
น้องกัมพ์ทำได้หรือยัง
ลูกอิสาน เขียน:สบายดีครับพี่ ตามอัตภาพครับ
ลูกๆก็สบายดีเช่นกันครับ คนเล็กของผมคงพอๆกับของพี่
ตอนนี้ซนน่าตี กำลังหัดยืน หัวปูดทุกวัน เพราะชนโน่นชนนี่บ่อยมาก
การเลี้ยงลูกนี่เหนื่อยจริงๆครับ แต่ก็ให้ความสุขเราได้มากเช่นเดียวกัน
ลูกพี่คงสบายดีเช่นกันนะครับ
ถ้ามีโอกาสได้ขึ้นไปกรุงเทพ คงได้มีโอกาสทานข้าวกับพี่ครับ ?
ด้วยความยินดีครับ
ลูกผมก็กำลังหัดเดิน
เตาะแตะ ล้มบ่อยๆ ก้นกระแทกประจำ หัวโขกนี่เรื่องปกติ
เลี้ยงลูกนี่เหนื่อยแน่ๆ และใช้เงินเยอะกว่าที่คิดแฮะ
ทั้งค่าพี่เลี้ยง ค่านม ค่าผ้าอ้อม จิปาถะ
ดีที่เข้าโรงบาลมีประกัน ไม่งั้นอ่วม
แต่ก็สนุกดีครับ
ลูกอิสาน เขียน:พูดเรื่องลูกเดี๋ยวจะยาว พอดีช่วงนี้อยากถามความเห็นพี่สัก 2 ประเด็นครับ
1.มูลค่าของหุ้นเปลี่ยนตามกาลเวลา ?
จำได้ว่าพี่เคยพูดถึงหุ้นตัวนึง และเกริ่นๆถึงราคาที่แท้จริงไว้ค่านึง ต่อมาไม่นาน ราคาหุ้นก็ขยับปรับตัวขึ้นมาที่ราคานั้น และก็ยังปรับตัวเลยราคานั้นมาอีกมาก แต่ผมก็เข้าใจว่าพี่ยังไม่ได้ขายหุ้นตัวนั้นออกไป อย่างนี้เป็นเพราะราคาหุ้น relative กับพื้นฐานของหุ้น (ที่เปลี่ยนแปลงไปเสมอ) ใช่ไหมครับ ?
ระดับน้องลูกอีสานยังมีคำถามอีกหรือครับเนี่ย
คงเป็นพี่ทีต้องขอ"ความรู้"น้องมากกว่า
เรื่องมูลค่าที่แท้จริงนั้น
มันเป็นเรื่องของนามธรรมส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์
ซึ่งมูลค่าที่แท้จริงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งเป็นไปตามพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ
เช่น หุ้นตัวหนึ่งมีมูลค่าที่คำนวณได้ประมาณ 10 บาท
เราซื้อหุ้นนั้นมาที่ราคา 6 บาท
ถือไปสักพักหนึ่งราคาขึ้นมาที่ 10 บาท
นักลงทุนมีทางเลือกสองทาง
หนึ่ง ถือหุ้นนั้นต่อไป
สอง ขายทำกำไร
ทีนี้คำถามมีอยู่ว่าจะเลือกทางไหน
บางครั้งขายหุ้นไปแล้ว หุ้นขึ้นต่อ
บางครั้งถือไว้ หุ้นราคาลงไปเรื่อยๆ
สำหรับผม ผมไม่ค่อยได้สนใจ"ราคาหุ้น"มากนัก
ผมสนใจที่"พื้นฐานกิจการ"มากกว่า
ถ้าพื้นฐานกิจการยังไปได้ดี
ราคายังไม่เกินมูลค่ามากๆ
สุดท้ายมูลค่าที่แท้จริงก็สามารถปรับเพิ่มขึ้นไปได้
เช่น หุ้นตัวที่ว่า ราคา 10 บาท
แต่พื้นฐานกิจการในปีที่สองดีขึ้น มูลค่ากิจการก็เปลี่ยนไปเป็น 13 บาทได้
ทำให้ราคาที่สูงขึ้นมานั้น ยังตามพื้นฐานกิจการไม่ทัน
ถ้าเรามองปีเดียว ราคาก็อยู่ที่ 10 บาท แต่ถ้ามองไปมากกว่านั้น
ราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้
มูลค่ากิจการเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆตามกาลเวลา
ถ้าเรามองที่พื้นฐานกิจการบริษัทมากกว่า"ราคาหุ้น"
ทางเลือกของเราก็คือ
ขาย ถ้าพื้นฐานกิจการเปลี่ยน
ถือต่อ ถ้าพื้นฐานกิจการดีขึ้นเรื่อยๆ
หลักการนี้ช่วยให้ไม่ต้องกังวลกับราคาหุ้น
ยิ่งถ้าหุ้นที่ว่า ราคาลงมาเรื่อยๆ แต่พื้นฐานดีขึ้นเรื่อยๆ
เป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อ
ดังนั้น ไม่ว่าตลาดจะขึ้น หรือจะลง
เราก็ Happy
หุ้นตัวที่ว่า ผมยังไม่ได้ขายเลยครับ สักหุ้นเดียว
มีแต่ซื้อเพิ่มไปเรื่อยๆ ในช่วงราคาลงแต่พื้นฐานกิจการดีขึ้น
ลูกอิสาน เขียน:2.เวลาเป็นเพื่อนที่ดีจริงหรือเปล่า
หากเราถือหุ้นตัวนึงที่คุณภาพดีมาก และกิจการก็มีความก้าวหน้าเสมอๆ ราคาหุ้นก็ตอบสนองไประดับหนึ่งแล้ว แต่โครงการใหม่ๆ ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินงานอีกนาน กว่าที่จะรับรู้รายได้ อาจจะ 2-4 ปี เราควรจะรอคอยหรือไม่ พี่มีหลักเกณฑ์-หลักการณ์ในการเลือกที่จะรอหรือไม่รออย่างไรครับ หากเราเลือกที่จะรอ เราควรมีทัศนคติต่อเรื่องนี้อย่างไรครับ
หวังว่าพี่เค้าเข้าใจในประเด็นที่สื่อนะครับ ?
โครงการใหม่ในอีก 2-4 ปีข้างหน้านั้น
ก็ขึ้นกับเราเองว่าจะรอได้นานขนาดนั้นหรือเปล่า
บางบริษัทก็รอได้
แต่บางบริษัทก็ไม่รอเหมือนกัน
ขึ้นกับบริษัทแต่ละแห่งไม่เหมือนกัน
ถ้าตามหลักการก็ต้องดูว่า "ความเสี่ยงของกิจการหรือโครงการ"นั้นๆมีมากน้อยแค่ไหน
ถ้าแน่แบบแช่แป้ง และไม่มีอะไรที่ทำให้โครงการดังกล่าวเปลี่ยน
รวมทั้งพื้นฐานบริษัทในช่วงเวลาที่รอคอยไม่เปลี่ยนแปลง
ก็สามารถ"รอ"ได้
แต่ถ้ากิจการในช่วงเวลาที่รอคอยมี"ปัจจัยเสี่ยง"มากเหลือเกิน
เช่น ธุรกิจปิโตรเคมี ที่ราคาขายขึ้นกับดีมานซัพพลาย
ในช่วงการรอคอยโครงการใหม่
บริษัทอาจมีความสามารถในการทำกำไรลดลงได้อย่างรวดเร็ว
เพราะราคาขายผลิตภัณท์ลดลงเป็นอย่างมาก
ถ้าเป็นเช่นนี้การรอคอยโครงการที่เกิดขึ้นเมื่อเทียบกับความเสี่ยงทางธุรกิจแล้วก็ไม่คุ้มที่จะรอเป็นต้น
อย่างที่อาจารย์บัฟเฟตบอกไว้หละครับ
"เวลาเป็นเพื่อนที่ดีของธุรกิจที่ดี
แต่เป็นศัตรูของธรกิจที่แย่"
ยังคงใช้ได้เสมอ
ไม่ทราบผมตอบตรงประเด็นหรือเปล่า