ถ้าให้ผมพยายามนึกว่า ปัจจัยร่วมของหุ้นพวกนี้ รวมถึงหุ้นที่ได้กำไรมากกว่า 50% คืออะไร ส่วนใหญ่น่าจะหนีไม่พ้นเรื่องตามข้อข้างล่างนี้ครับดำ เขียน:แล้ว อ.พอจะมองเห็นจุดร่วมของหุ้นแต่ละตัวที่เข้าข่ายที่ว่านี้มั้ยครับ ว่ามันคืออะไรleky เขียน:แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หุ้นตัวที่ได้กำไรมาก ๆ ส่วนใหญ่เลย ตอนแรกที่ซื้อเราไม่คิดว่ามันจะได้กำไรมากขนาดนั้นนะครับ หลายตัวซื้อไปเราก็คอย monitor ไปเรื่อย ๆ ถ้ายังมีเรื่องดี ๆ กำไรยังดี ๆ ก็ถือดูต่อไปเรื่อย ๆ
เท่าที่ผมนึกออกจากรายชื่อหุ้นที่ อ.เล่ามา น่าจะเป็น ปันผลใช้ได้ P/E ค่อนข้างต่ำ สภาพคล่องค่อนข้างน้อย และแนวโน้มกำไรในอนาคตใช้ได้ครับ
1) ซื้อหุ้นที่ราคาค่อนข้างต่ำ
2) วอลุมการซื้อขาย ณ ที่ราคานั้น มักจะเบาบาง bid offer น้อย บางครั้งถึงขนาดห่าง ๆ ถ้าเป็นหุ้นใหญ่อาจจะเจอปรากฎการณ์นี้ยากหน่อย
3) หุ้นมักจะเจอเรื่องร้าย ๆ อะไรบางอย่าง เช่น หุ้นถังแก๊สที่ออร์เดอร์จากแอฟริกาหายไป, หุ้นสิ่งพิมพ์ที่กำไรจากบ.ลูกไอทีลดลง, หุ้นหลอดไฟกับหุ้นสีรถจักรยานยนต์ที่โดนเรื่องน้ำท่วมเล่นงานทำให้ตลาดหุ้นโดยรวมตกต่ำ
4) หุ้นต้องมีตัวเร่งกลับ เช่น หุ้นถังแก๊สที่ออร์เดอร์กลับมาเหมือนเดิมพร้อมขยายกำลังการผลิต หุ้นสิ่งพิมพ์ที่มีแสตมป์จากร้านสะดวกซื้อ หุ้นหลอดไฟที่มี LED
จริง ๆ แล้วการใช้เกณฑ์อย่างใดอย่างหนึ่งอาจจะบอกอะไรไม่ได้ครับ เช่น PE ในหุ้นบางตัวอาจจะ NA เพราะขาดทุนก็ได้ เพียงแต่ถ้าเรามีอะไรให้อ้างอิงหลายอย่างความเสี่ยงมันก็จะลดลง แม้กระทั่ง yield ก็ทำให้การลงของราคาหุ้นถูกจำกัดลงเพราะคนที่อยากซื้อหุ้นเพราะได้เงินปันผลจะเข้ามารับหุ้น หรือหุ้นบางตัวผบห.ส่งสัญญาณซื้อหนัก บางตัว PB ต่ำกว่า 1
ผมเข้าใจว่าคุณดำเองน่าจะเคยติดตามหุ้นขายสินค้าไอทีที่เป็นบ.ลูกของหุ้นสิ่งพิมพ์
ลองกลับไปย้อนนึกดูถึงตอนที่หุ้นตัวนี้อยู่ที่แถว ๆ ราคา 3 บาทดูครับ จริงอยู่หุ้นเคยลงไปต่ำกว่า 3 บาท แต่ก็ช่วงสั้น ๆ ช่วงก่อนที่จะฟื้นกลับมาจะเห็นได้ว่าวอลุมการซื้อขายต่อวันก็ไม่ได้มากมายนัก และหลาย ๆ ครั้งที่ตลาดลงหนัก ๆ หุ้นก็มักจะยังยืนเหนือ 3 บาทได้ รวมถึงช่วงที่งบออกมายังไม่ดี ก็แทบจะไม่ลงไปมากกว่านี้ กรณีแบบนี้บางครั้งถ้าเราดูตัวเลขบางอย่างมันก็อาจจะตัดสินไม่ได้ครับ