Thai VI

Mon money เขียน: มีเสียงนินทามาว่า คืนแรกไม่ยอมห่างลูกเอาไปนอนด้วย ปรากฎว่าต้องเดินตามแม่ยายตอนดึก พอคืนที่สองต้องยอมแพ้ให้แม่ยายพรากลูกไป ด้วยความเต็มใจ :lovl:

vifatool เขียน:ซื้อได้ที่ไหนครับ:

ก่อนลงทุนต้องทำการบ้านอย่างดี

เป้าหมายการลงทุนของผม คือ การลงทุนของผมจะต้องเหนือกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ เหนือกว่าตลาดหุ้น เหนือกว่ากองทุนรวม เหนือกว่าดอกเบี้ย เหนือกว่าพันธบัตร

**

ความสนใจในเรื่องของการออม และการลงทุนของแต่ละบุคคล มีที่มาที่ไปแตกต่างกันออกไป อย่าง "วิบูลย์ พึงประเสริฐ" ผู้จัดการ การตลาดด้านราคา บริษัท เชลล์ แห่งประเทศไทย นั้น ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ของเขาจุดประกายเริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยเด็ก ซึ่งเป็นความสนใจที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง

"ตั้งแต่สมัยเด็กๆ ก็ออมเงินมาตลอด พ่อให้ค่าขนมมา 5 บาท 10 บาท สมัยเด็กๆ เราก็เก็บไว้เอง อยากได้ของเล่นอะไรก็ไม่ต้องไปขอเขา พอสิ้นปีก็ไปซื้อที ได้ค่าขนมมาเราก็แบ่งไว้ เป็นคนค่อนข้างประหยัด ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ขอพ่อแม่เท่าไร จะเก็บเงินซื้อเอง แต่ตอนแรกยังไม่ได้คิดเรื่องลงทุน เพราะไม่มีใครสอน"

มารู้จักการลงทุนจริงๆ จังๆ เมื่อปี 2540 ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบกลับมา เริ่มทำงานได้ไม่นาน ก็พอเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง พอดีมีเพื่อนเป็นโบรกเกอร์ชวนไปเล่นหุ้น ก็ไปเปิดพอร์ตแล้วก็เริ่มเทรดหุ้น ตอนนั้นไม่มีความรู้เรื่องหุ้นเลย การซื้อขายในช่วงเริ่มต้นเป็นประเภทซื้อวันนี้ขายพรุ่งนี้ ได้กำไร 2-3 บาทต่อหุ้นก็ดีใจแล้ว ตอนนั้นเขาเริ่มคิดว่าตัวเองแน่ เป็นเซียน พอลงทุนได้สักพักหนึ่งปรากฏว่าตลาดหุ้นตก จำได้ว่าดัชนีร่วงจากระดับ 700 จุด ลงมาเหลือ 400-300 จุด ปีเดียว แล้วก็เจ๊งเลย เหลือ 20-30% ของเงินลงทุนเริ่มแรก ก็ยังดีที่ยังเหลือบ้าง นั่นเป็นครั้งที่ทำให้รู้จักตลาดหุ้นจริงๆ

"เราเป็นแมลงเม่า ซื้อแล้วไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาว่าดีก็ซื้อ ขึ้นก็ขาย พอลงก็ไม่ขาย ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย โบรกเกอร์บอกดีก็ซื้อ คือ ไม่มีความรู้อะไรเลย รู้แต่ว่าหุ้นซื้อมา ราคาขึ้นก็ขาย ตกก็ถือไว้ เดี๋ยวมันก็เด้งกลับมา ก็รู้อยู่แค่นั้นแหละ พอเจ๊งไปก็เลยเลิกเล่นหุ้น ออกจากตลาดหุ้นมาก็มาเริ่มฝากแบงก์ เริ่มออมกันใหม่ มีรายได้จากเงินเดือนก็ออมอยู่ในแบงก์หมด คือ ตอนนั้นกลัวมากเลย"

พอเจออย่างนี้เราก็กลัว คิดว่าจะไม่กลับไปลงทุนในหุ้นอีกแล้ว เก็บเงินฝากแบงก์กินดอกเบี้ยดีกว่า เพราะตอนนั้นดอกเบี้ยก็ยังเยอะ ประมาณ 10% กว่า ก็ยังไม่รู้สึกอะไร จนวันหนึ่งดอกเบี้ยเหลือ 1% ก็มานั่งคิดว่า ฝากเงินไว้ในแบงก์ไม่ใช่วิธีการลงทุนที่ถูกต้องแล้ว ช่วงนั้นเองก็ได้เริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุน ซึ่งในเมืองไทยในขณะนั้นยังไม่มี หนังสือเกี่ยวกับการลงทุนภาษาไทยนั้นหาอ่านไม่ได้ ต้องไปซื้อภาษาอังกฤษมาอ่าน ประมาณปี 2544 ก็เน้นการลงทุนแบบแวลู อินเวสติ้ง เลย แล้วจึงตัดสินใจกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นอีกครั้ง

"แต่ก่อน ผมก็รู้จักแต่วอร์เร็น บัฟเฟตต์ รู้ว่าเป็นคนเล่นหุ้น ผมก็นึกว่าวอร์เร็น บัฟเฟตต์ เป็นคนที่เล่นหุ้นแบบซื้อมาขายไป เทรดดิ้ง ผมก็ไม่เคยสนใจ สุดท้ายผมไปอ่านหนังสือของวอร์เร็น บัฟเฟตต์ เวย์ ถึงเข้าใจว่าจริงๆ ไม่ใช่อย่างที่คิด เป็นวิธีการลงทุนที่ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าในตลาดหุ้นก็มีวิธีอย่างนี้ ก็เลยรู้สึกว่ามันน่าจะลองใช้ได้ ก็เลยเอามาลองใช้ดู แล้วก็ลองทดลองทำตามตำรา ก่อนจะกลับมาเล่นหุ้นอีกครั้ง ผมอ่านหนังสือมาเยอะมาก"

ปัจจุบันพอร์ตการลงทุนประมาณ 80-90% ลงทุนอยู่ในหุ้นทั้งหมด แล้วอีก 10-20% จะเป็นเงินสดไว้สำหรับที่จะมาลงซื้อหุ้นเมื่อตลาดตกลงมา โดยเป็นการลงทุนด้วยตัวเองทั้งหมด ไม่มีกองทุนรวม ไม่มีพันธบัตร ไม่มีฝากนอนแช่ในแบงก์ โดยมีหุ้นอยู่ในพอร์ตทั้งหมดเพียง 3 ตัวเท่านั้น

เมื่อถามว่าลงทุนในหุ้นมากขนาดนี้แสดงว่าเป็นคนที่กล้าได้กล้าเสียใช่หรือไม่ วิบูลย์ตอบว่า ไม่ใช่ แค่มั่นใจว่าวิธีการที่ใช้นั้นถูกต้องแล้ว อีกอย่างคือการลงทุนในหุ้นเป็นวิธีที่ให้ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับการลงทุนอย่างอื่นแล้วได้ผลตอบแทนมากกว่า แล้ววิธีการลงทุนแบบแวลู อินเวสติ้ง เหมือนกับเราซื้อหุ้น เหมือนซื้อกิจการ

"ผมมานั่งคิดว่าคนทำงานอย่างนี้ อยากจะเป็นเจ้าของกิจการ แล้วเราก็ลาออกไปตั้งบริษัทของตัวเอง เสร็จแล้วมันก็ไปไม่รอด จากข้อมูลที่มีในบริษัทที่ตั้งใหม่ 10 บริษัท มันจะเจ๊งสักประมาณ 8-9 บริษัท ทั่วโลก จากข้อมูลที่เขาวิจัยมาจะเหลือรอดไปแค่ 1-2 บริษัทเท่านั้นเอง ก็คือ เจ๊งไปกว่าครึ่ง แต่ถ้าเราไปลงทุนในบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก็เหมือนเราเป็นเจ้าของ มีคนบริหาร มีคนขายของให้เราเสร็จเรียบร้อย ไม่ต้องไปรอเปิดกิจการแล้วไปรอลุ้นว่าจะรอดหรือไม่รอด แล้วผมก็มั่นใจว่าธุรกิจที่ผมซื้อไม่มีใครซื้อได้"

ก่อนที่เราจะลงทุนเราต้องเข้าใจธุรกิจก่อน ต้องทำการบ้านมาอย่างดี คือคนส่วนใหญ่ เวลาซื้อหุ้น ซื้อเสร็จแล้วค่อยมาทำการบ้าน แล้วก็มานั่งเฝ้า ราคาลงก็คิดว่าหุ้นไม่ดี ราคาขึ้นก็คิดว่าหุ้นดี แต่จริงๆ แล้วราคาในระยะสั้นไม่ได้บอกถึงมูลค่าของหุ้นเลย มูลค่าของหุ้นมันจะอยู่ในตัวกิจการ ถ้าเราสามารถตีมูลค่าของกิจการออกมาได้ ราคาหุ้นระยะสั้นจะไม่มีผลเลย เพราะว่ามูลค่าของกิจการขึ้นกับผลประกอบการของบริษัทในระยะยาว

"เป้าหมายการลงทุนของผม คือ การลงทุนของผมจะต้องเหนือกว่าการลงทุนประเภทอื่นๆ เหนือกว่าตลาดหุ้น เหนือกว่ากองทุนรวม เหนือกว่าดอกเบี้ย เหนือกว่าพันธบัตร เหนือกว่าการลงทุนอื่นๆ หรือแม้แต่กระทั่งทองคำ หรืออสังหาริมทรัพย์ก็ตาม แต่ในอนาคตถ้ามีการลงทุนอย่างอื่นที่ดีกว่า ผมก็ไม่ปิดทางเลือกของตัวเอง แต่สิ่งสำคัญ คือ เราต้องมีความรู้ในสิ่งที่เราทำ ถ้าเราจะลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ เราก็ต้องมีความรู้ในอสังหาฯ ไม่ใช่เพราะเขาบอกว่าดี เราก็เลยไปซื้อ แบบนี้ไม่ใช่"

ก่อนจากวิบูลย์ทิ้งท้ายไว้น่าฟังว่าคนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นควรจะมีความรู้ จริงอยู่ที่ตลาดหุ้นไม่จำกัดอายุ จำกัดแค่ความรู้กับความเข้าใจเท่านั้น

VIB007 เขียน:
พอดีอาจจะเป็นโชคดี หรืออะไรไม่ทราบ
แม่ยายมาช่วยเลี้ยงถึงที่บ้าน
ผลัดกับภรรยาสองคนดูแล 24 ชั่วโมง

ผมเลยถูกอัปเปหิไปนอนแต่หัวค่ำ
จะได้มีแรงไปทำงานหา"เงิน"มาเลี้ยงลูก
เลยไม่ได้ตื่นดึกๆมาชงนมเลย...เศร้า (อิ อิ)

งานนี้เพื่อนเลยไมได้เฮ

nosta3824382 เขียน:Thailand Company Book หาซื้อได้ที่ไหนหรอครับ แล้วเป็นอันเดียวกับ Company
Handbookรึเปล่าครับ

Novice_bkk เขียน:ก็เลย อยากถามคำถาม เพื่อสร้างขวัญ และ ความมุ่งมั่นเพื่อการลงทุนแบบ VI บ้างว่า  ณ วันนี้ โดยประสพการณ์ ของท่านทั้งหลาย เห็นว่า ยังมีหุ้นที่เหลือ ติดตะแกรง ให้ได้เก็บใส่โหล อีกหรือเปล่าครับ หรือว่าหุ้นดีๆ ส่วนใหญ่ ขึ้นไปถึง คอขวดกันแล้ว ครับ

โอกาสในการลงทุนมีอยู่เสมอ
อยู่ที่ว่าเราจะหาเจอหรือเปล่า
แต่ก่อนอื่นต้องมีความรู้และความเข้าใจเสียก่อน...สำคัญกว่า

ก็เลย อยากถามคำถาม เพื่อสร้างขวัญ และ ความมุ่งมั่นเพื่อการลงทุนแบบ VI บ้างว่า  ณ วันนี้ โดยประสพการณ์ ของท่านทั้งหลาย เห็นว่า ยังมีหุ้นที่เหลือ ติดตะแกรง ให้ได้เก็บใส่โหล อีกหรือเปล่าครับ หรือว่าหุ้นดีๆ ส่วนใหญ่ ขึ้นไปถึง คอขวดกันแล้ว ครับ

eak เขียน:หวัดดีครับ ผมติดตามอ่านมานานแล้ว แต่ไม่ค่อยได้โพสต์เลยขอแสดงความเห็นหน่อยครับ
ผมคิดว่าตัวนี้ก็อยากได้หุ้นจองมาเหมือนกัน โดยอยากจะเก็งกำไรดู
เพราะคิดว่ามันก็อยู่ในกลุ่มพลังงานที่กำลังมาแรง พื้นฐานก็ดีเก็บระยะยาวไม่น่าจะมีปัญหา แล้วส่วนใหญ่หุ้งที่ดัง ๆ มาแรง ๆ วันแรก ๆ ราคาคงจะพุ่ง แต่ต่อไปเป็นอย่างไรก็คงแล้วแต่พื้นฐานและราคาในขณะนั้น ก็เลยอยากจะจองดูแล้วก็กะว่าช่วง 2-3 วัน ก็จะดูความร้อนแรง หากมาแรงจิง ๆ พุ่งฉุ่ดไม่อยู่ ก็กะจะขายทิ้งแล้วค่อยมาว่ากันใหม่
พี่ ๆ มีความเห็นว่าไงบ้างครับ

poppo เขียน:ไม่ทราบว่าหนังสือกุญแจห้าดอกสู่การลงทุนที่อ้างถึงในหนังสืออ่านก่อนรวยถาวรกว่าของคุณวิบูลย์ และคุณมนตรีสามารถหาซื้อได้อีกหรือไม่ ที่ไหนครับเพราะผมพยายามหาที่ร้านซีเอ็ดมาหลายสาขาแล้วแต่หาไม่พบครับ
ปล. หนังสืออ่านก่อน รวยถาวรกว่า ตีแตก และ one up on wallstreet ดีมากครับ ผมอ่านแล้วทำ short note หลักการไว้วิเคราะห์ตามเวลาเลือกหุ้นเสมอ ต้องขอบคุณทุกท่านที่ทำให้เรามีหนังสือดีๆ อ่านกัน

Loby เขียน:รบกวนช่วยวิเคราะห์ UPF ให้ด้วยครับ เห็นว่าน่าซื้อ p/e , p/bv ต่ำ ปันผลดี
มีกำไรสะสม แต่กลัวว่ามีความไม่โปร่งใสในบริษัทหรือตัวผู้บริหารบ้างรึเปล่า
ช่วยด้วยนะครับ

ที่แน่ๆผมว่า
ข้อผิดพลาดของนักลงทุนอย่างหนึ่งก็คือ
"ซื้อหุ้นตามคนอื่น"โดยที่ไม่ได้เข้าใจในธุรกิจนั้นจริงๆ
ราคาของข้อผิดพลาดที่ต้องจ่ายมากกว่าค่าหนังสือ"อ่านก่อนรวยถาวรกว่า"แน่นอนครับ