หน้า 54 จากทั้งหมด 160

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 16, 2005 9:14 pm
โดย por_jai
รูปภาพ
:cool: :cool:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 4:58 pm
โดย VIB007
Loby เขียน:สวัสดีครับพี่ๆ ผมขอรบกวนช่วยวิเคราะห์ CHARAN กับ KDH ให้ด้วยครับ
ผมถือ2ตัวนี้อยู่ เพราะเห็นว่าราคาต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐาน จ่ายปันผลดี และมีกำไรสะสมพอสมควร ผมคิดว่าจะถือยาวสัก 3-5 ปี รับปันผลไปเรื่อยๆ จนกว่าราคาจะสูงกว่าพื้นฐาน (1.5เท่า)

พี่ๆในบอร์ดนี้คิดว่าดีรึเปล่าครับ รบกวนช่วยแสดงความเห็นหน่อยนะครับ

ขอบคุณครับ :lol: :D
ใครวิเคาระห์หุ้นสองตัวนี้ไว้หรือเป็นผู้ถือหุ้น
ช่วยบอกเล่าเก้าสิบหน่อย
ผมไม่ได้ติดตามเลยไม่ทราบครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ก.ค. 18, 2005 5:33 pm
โดย Sriracha
พี่วิบูลย์คะ

วันนี้ขอเรียนถามพี่เรื่องการ Switching หุ้นหน่อยคะ

ถ้าน้องถือหุ้น A อยู่โดยที่เป็นหุ้นซึ่งมีพื้นฐานดี แต่ประเมินแล้วเห็นว่าอัตราการเจริญเติบโตของมูลค่าจะเริ่มโตช้าลง (สมมติว่าจาก 20% เป็น 10%) แต่อย่างไรก็ตาม ราคาตลาดก็ยังไม่สูงเกินมูลค่าจริงของหุ้นนัก

ทีนี้ไปเจอหุ้น B ซึ่งก็เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีทัดเทียมกัน เพียงแต่อัตราการเจริญเติบโตของมูลค่าเห็นได้ว่ากำลังจะมีอัตราที่สูงขึ้น (สมมติว่าจาก 10% เป็น 20%) เรียกว่าซ้ำรอยกับหุ้น A เมื่อปีก่อน

สมมติ(อีกแล้วคะ)ว่าในอนาคตอย่างน้อย1-2ปีข้างหน้าทั้งคู่ก็ยังมีพื้นฐานที่ดี แต่ไม่รู้ว่าอัตราเติบโตตอนนั้นใครจะเหนือกว่าใคร

อย่างนี้น้องควรถือหุ้น A ไว้ แล้วค่อยเก็บเงินซื้อหุ้น B ซึ่งแน่นอนว่าราคาจะต้องวิ่งขึ้นไปอีกหลังประกาศผลประกอบการ หรือว่าควรจะขายหุ้น A ซึ่งน้องก็ได้กำไรมามากจากผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในอดีต แล้วเอามาซื้อหุ้น B เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของกิจการใน Port ให้สูงไว้ตลอดดีคะ

ข้อเสียที่น้องเห็นแน่ๆของ Switching ก็คือคอมมิชชั่นนี่แหละคะ แต่อยากขอความเห็นพี่ว่าจะเป็นการกระทำที่โง่เขลารึเปล่าคะ เพราะทราบมาว่าควรทำ Switching เมื่อศักยภาพของหุ้นเดิมต่ำกว่าหุ้นตัวใหม่อย่างชัดเจน

ขอบพระคุณพี่มากคะ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 19, 2005 8:29 am
โดย Loby
ขอบคุณพี่ๆที่ช่วยให้คำแนะนำเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางด้านคุณภาพครับ

ขอบคุณครับ :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.ค. 19, 2005 9:22 am
โดย yoyo
CHARAN ผมเองก็เคยถืออยู่ 2 ปีครับ
ตอนแรกที่ซื้อเพราะเห็นว่ากะจะเล่น asset play
เอาสินทรัพย์ที่คล่องใกล้เงินสดไปจ่ายหนี้ให้ผมยังมีราคามากกว่า market cap
แล้วบริษัทก็จ่ายปันผลสม่ำเสมอดี เลยไม่ได้ห่วงอะไรถ้าไม่มีการรับรู้ถึง asset ของบริษัทในระยะเวลาอันใกล้
ส่วนเรื่องคุณภาพนี้ผมไม่รู้เหมือนกันครับ ยังไม่เคยคุยกับผู้บริหารเลย
ถือไว้คงไม่เสียหายครับ แต่คงไม่ได้ capital gain เท่าไหร่
ผมถือ 2 ปีขายไปเท่าๆกับต้นทุน แต่รับปันผลมา 2 รอบครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 21, 2005 10:32 am
โดย VIB007
Sriracha เขียน:พี่วิบูลย์คะ

วันนี้ขอเรียนถามพี่เรื่องการ Switching หุ้นหน่อยคะ

ถ้าน้องถือหุ้น A อยู่โดยที่เป็นหุ้นซึ่งมีพื้นฐานดี แต่ประเมินแล้วเห็นว่าอัตราการเจริญเติบโตของมูลค่าจะเริ่มโตช้าลง (สมมติว่าจาก 20% เป็น 10%) แต่อย่างไรก็ตาม ราคาตลาดก็ยังไม่สูงเกินมูลค่าจริงของหุ้นนัก

ทีนี้ไปเจอหุ้น B ซึ่งก็เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดีทัดเทียมกัน เพียงแต่อัตราการเจริญเติบโตของมูลค่าเห็นได้ว่ากำลังจะมีอัตราที่สูงขึ้น (สมมติว่าจาก 10% เป็น 20%) เรียกว่าซ้ำรอยกับหุ้น A เมื่อปีก่อน

สมมติ(อีกแล้วคะ)ว่าในอนาคตอย่างน้อย1-2ปีข้างหน้าทั้งคู่ก็ยังมีพื้นฐานที่ดี แต่ไม่รู้ว่าอัตราเติบโตตอนนั้นใครจะเหนือกว่าใคร

อย่างนี้น้องควรถือหุ้น A ไว้ แล้วค่อยเก็บเงินซื้อหุ้น B ซึ่งแน่นอนว่าราคาจะต้องวิ่งขึ้นไปอีกหลังประกาศผลประกอบการ หรือว่าควรจะขายหุ้น A ซึ่งน้องก็ได้กำไรมามากจากผลประกอบการที่ดีเยี่ยมในอดีต แล้วเอามาซื้อหุ้น B เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของกิจการใน Port ให้สูงไว้ตลอดดีคะ

ข้อเสียที่น้องเห็นแน่ๆของ Switching ก็คือคอมมิชชั่นนี่แหละคะ แต่อยากขอความเห็นพี่ว่าจะเป็นการกระทำที่โง่เขลารึเปล่าคะ เพราะทราบมาว่าควรทำ Switching เมื่อศักยภาพของหุ้นเดิมต่ำกว่าหุ้นตัวใหม่อย่างชัดเจน

ขอบพระคุณพี่มากคะ
ตอนนี้งานยุ่งมักมัก
เลยตอบช้าไปหน่อย

การเปลี่ยนหุ้นนี่เรียกว่าเป็นความสามารถเฉพาะตัวห้ามลอกเลียนแบบ
เป็นการตัดสินใจของตัวเราเองแท้ๆ
จะถูกจะผิดก็อยู่ที่ตัวเราเอง

ถ้าผมแนะนำก็คือ
ถ้ารักพี่เสียดายน้องก็ซื้อไว้ทั้งสองตัวก็ได้
ข้อดี ไม่ต้องเสียดายถ้าตัวไหนวิ่งฝุ่นตลบ
ข้อเสีย แบ่งๆกำไรกันไป

ถ้ามีเงินน้อยก็ทยอยขายหุ้นหนึ่งไปซื้ออีกหุ้นหนึ่ง
ข้อดี มีเวลาคิดกลับใจถ้าตัวที่ขายเกิดดี
ข้อเสีย ต้องใจเย็นๆ

ถ้าขายหุ้นหนึ่งทั้งหมดไปซื้ออีกตัวหมดก็ไม่ว่ากัน
ข้อดี โฟกัสเต็มที่
จ้อเสี ตัวที่ขายอาจวิ่งฝุ่นตลบ

ผมคงฟันธงไม่ได้ว่าให้ขายหรือให้ถือ
คงต้องให้น้องไปตัดสินใจเอาเอง


แต่เล่าประสบการณ์ให้ฟังก็ได้ว่า
ผมเคยขายหุ้นตัวหนึ่งไปซื้ออีกตัวหนึ่งที่เรา"คิด"ว่าดีกว่าในอนาคต
ปรากฏว่าพอขายได้ไม่เท่าไหร่ หุ้นตัวทีขายก็"วิ่ง"จนหายลับไปกับตา
ส่วนตัวที่ซื้อมาใหม่ก็ "สาละวันเตี้ยลง"ทุกวันๆ
อย่างนี้จะเรียกว่าอะไร

ของอย่างนี้ไม่ลองไม่รู้ครับ....ต้องลองเองถึงจะ"ซึ้ง"

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 21, 2005 10:37 am
โดย VIB007
chatchai เขียน: ไม่จริงครับ เพราะราคาหุ้นบางบริษัทลงประเภท ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่นนะซิครับ ไม่เชื่อลองถามผู้ถือหุ้นสถาบันการเงินช่วงวิกฤตดูก็ได้ครับ
เออ...นั่นซิครับ
ถ้าบริษัทเจ๊งก็ตัวใครตัวมันครับ
เอาใหม่เป็นว่า

หุ้นขึ้นก็ลงได้ (อาจจะลงมากกว่าเดิม)
หุ้นลงก็ขึ้นได้ (อาจจะไม่กลับมาเท่าเดิม)
แต่หุ้นบางประเภท ราคาลงแล้วหายจากตลาดไปเลยก็มี

พอใช้ได้มั๊ยครับพี่Chatchai

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 21, 2005 12:47 pm
โดย chatchai
ถูกต้องนะคร๊าบ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 22, 2005 12:14 am
โดย naris
แต่หุ้นบางประเภทขึ้นแล้วไม่ยอมลง ใช่ไหมคร๊าบ :mrgreen:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ค. 27, 2005 2:04 pm
โดย Oh+
ช่วงนี้บรรยากาศเงียบ ๆ เหงา ๆ จังเลยครับ เลยเข้ามาทักทายพร้อมคำถาม

2-3 วันก่อนนั่งคิดถึง หุ้นตัวหนึ่งที่อยู่ให้พอร์ตของผมเอง ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของพอร์ตเลยทีเดียว

เป็นหุ้นตัวแรกที่ซื้อครับ ตอนนั้นยังไม่รู้จักที่นี่เลย เพราะถ้ารู้จักคงยังไม่ซื้อด้วยเหตุผลเพียงข้างล่างนี้

เพราะว่า
1.อยากซื้อเพราะรู้สึกอยากเป็นเจ้าของ
2.บริษัทมีฐานะมั่งคงในสายตาของเรา
3.กำไรปีก่อนสูงมาก และน่าจะทำได้ในปีนี้อีก
4.มีปันผล เทียบกับเงินที่ลงก็ประมาณ 3 % ดีกว่าฝากแบงค์

ตอนนี้ราคามันลงมาประมาณ 25 % จากที่ซื้อมา เห็นแล้วเศร้า :(

เลยมีความสงสัยว่า เราจะตัดใจจากเจ้าหุ้นตัวนี้ไปดีหรือไม่

ที่ยังลังเลอยู่คืออยากรอดูว่าปลายปีนี้ผลประกอบการจะเป็นไปอย่างที่คาดไว้ไหม

ถ้ามันยังเป็นไปตามที่คาด ก็แสดงว่าผมผิดแค่เข้าซื้อผิดจังหวะ ดันไปซื้อตอนแพง
ถ้าไม่ก็แสดงว่าผมประเมินทุกอย่างผิดหมด

เราควรให้เวลากับบริษัทเพื่อพิสูจน์ตัวมันเองซักเท่าไหร่ดีครับ

เพราะเริ่มสงสัยว่ามันจะทำให้เราเสียเวลาไปกับการคิดที่ไม่รอบครอบในครั้งแรก จนทำให้เสียโอกาสที่จะได้ซื้อตัวอื่นที่ดีกว่าหรือไม่ครับ

อาการติดหุ้นแบบนี้มีคำแนะนำอย่างไรบ้างครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ค. 28, 2005 3:50 pm
โดย VIB007
Oh+ เขียน:
เราควรให้เวลากับบริษัทเพื่อพิสูจน์ตัวมันเองซักเท่าไหร่ดีครับ

เพราะเริ่มสงสัยว่ามันจะทำให้เราเสียเวลาไปกับการคิดที่ไม่รอบครอบในครั้งแรก จนทำให้เสียโอกาสที่จะได้ซื้อตัวอื่นที่ดีกว่าหรือไม่ครับ

อาการติดหุ้นแบบนี้มีคำแนะนำอย่างไรบ้างครับ
ผมมีหลักง่ายๆในการพิจารณาว่าจะถือต่อดีหรือเปล่าดังนี้ครับ
1) เป็นธุรกิจที่ยังมีอนาคตและผลประกอบการจะดีขึ้นเรื่อยๆ
2) ราคายังไม่สะท้อนผลการดำเนินงานในอนาคต
3) เรามั่นใจในการวิเคาระห์ของเรา
4) ถ้าขายไปแล้ว ราคาหุ้นวิ่งก็ไม่เป็นไร

ถ้าพิจารณาแล้ว บริษัทเป็นบริษัทที่ยังมีอนาคตที่ดี
สักวันราคาหุ้นก็จะกลับมา (ถ้าเราไม่ซื้อที่ราคาสูงเกินไป)
หุ้นบางตัวผมซื้อมา ราคาก็ลดลงเกือบ 50 เปอร์เซนต์ก็มี
สุดท้ายก็กลับมาราคาสูงกว่าเดิมได้

ถ้าดูแล้ว อนาคตย่ำแย่ก็เปลี่ยนตัวดีกว่าครับ

คงเป็นคำแนะนำที่ง่ายที่สุดแล้วละครับ

อ้อ อีกอย่างถือว่าคราวนี้เป็น"บทเรียน"และจดจำไว้ไม่ทำพลาดอีก
เพราะการลงทุนคือ"ขบวนการเรียนรู้"
ดังนั้นคนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่คนที่ไม่เคยพ่ายแพ้
แต่เป็นคนที่กล้าลุกขึ้นมาสู้ใหม่ได้ต่างหาก


สู้ต่อไปไอ้มดแดง

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ค. 29, 2005 8:42 am
โดย Oh+
ขอบคุณครับ พี่วิบูลย์

สำหรับผมยังมั่นใจว่าอนาคตของบริษัทนั้นยังดีครับ

ผมกำลังคิดว่าเพราะเรามัวแต่เฝ้าดูราคาเลยทำให้ ใจเราไขว้เขว่หรือเปล่า

ผมลองคิดย้อนไปเมื่อตอนแรก ว่าเราต้องการบริษัทมั่งคง ภาพลักษณ์ดี น่าเป็นเจ้าของ ผลกำไรดี มีปันผลในกับเรา

ถ้าเราไม่มองราคาตลาด ตอนนี้เค้าก็ยังไม่เปลี่ยนไปจากที่เรามองครั้งแรก ก็ไม่น่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้เราต้องขายไป


สมัยก่อนที่ยังไม่เคยมารู้จักตลาดหุ้น เคยคุยกับน้องคนหนึ่งที่เล่นหุ้น เค้าบอกว่าเวลาเห็นราคาขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วเครียด ผมก็สงสัยว่าจะเครียดไปทำไม เราก็ซื้อแล้วก็เก็บไว้ซิ ปลายปีก็รับปันผล

พอเจอกับตัวเองถึงรู้ครับ :lol:

นี่ถึงว่า บางอย่างที่ไม่ได้เกิดกับตัวเองก็ไม่อาจเข้าใจได้ นี่แหล่ะครับชีวิต :D

สำหรับตอนนี้ผมสนุกกับการเรียนรู้ครับ ยังเฝ้าที่จะเรียนรู้ต่อไปครับ

สู้ต่อไปไอ้มดแดง ....

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ค. 30, 2005 9:51 am
โดย Onokung
:oops:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 01, 2005 5:46 pm
โดย naris
อ้างอิงจาก:

ถ้าพิจารณาแล้ว บริษัทเป็นบริษัทที่ยังมีอนาคตที่ดี
สักวันราคาหุ้นก็จะกลับมา (ถ้าเราไม่ซื้อที่ราคาสูงเกินไป)
หุ้นบางตัวผมซื้อมา ราคาก็ลดลงเกือบ 50 เปอร์เซนต์ก็มี
สุดท้ายก็กลับมาราคาสูงกว่าเดิมได้



ตอนนั้น ทำยังไง เหรอครับ
ซื้อเพิ่มเหรอครับ ผมตัดสินใจแล้วไม่ค่อยมั่นใจตัวเองเลย พักหลัง
รู้สึกว่า เป็นคนที่กลัวพลาดยังไงไม่รู้ (อาจเป็น เพราะไม่มีหลักการณ์ที่ใช้เพื่อ ยึดแนวทางตัวเองไว้)
- สงสัยต้องเข้าวัดฝึกวิชา "สงบสยบเคลื่อนไหว"เพิ่มเติมแล้ว ^^" -
ปล.คุณ OH+ บอกผมได้มั๊ยครับว่าตัวอะไรน่ะครับ
เป็นของพี่สุดหล่อวิบูลย์ครับไม่ใช่เป็นพอร์ตของคุณOH+ :mrgreen:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2005 9:02 am
โดย Oh+
อย่าให้ของผมตกไป 50 % เลยครับ ยังใจไม่แข็งเท่าพี่วิบูลย์หรอกครับ กลัว กลัว :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2005 3:50 pm
โดย VIB007
naris เขียน: เป็นของพี่สุดหล่อวิบูลย์ครับไม่ใช่เป็นพอร์ตของคุณOH+ :mrgreen:
ฮ่า ฮ่า นึกว่าจะไม่มีคนท้วง
แต่ผมไม่หล่อเท่าเฮียมนตรีหรอกครับ
รายนั้นเขาหล่อ ล่ำ dark tall handsome (แต่แถมพุงๆนิดๆ)

ส่วนหุ้นที่ว่านั้นลองเดาดูดีมั๊ยครับ
ขอใบ้นิดนึงว่าเป็นหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆทองๆ
แต่เจ้ากรรมดันโดนข่าวร้ายท่วมเมื่อสักสองสามปีที่แล้ว
โดยฝีมือวังบางขุนพรม
ทำให้ราคาร่วงเอาๆ
แต่สุดท้ายก็ทำผลประกอบการได้ดีเหมือนเดิม
ราคาก็กลับมายืนเกือบเท่าเดิม

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 02, 2005 10:23 pm
โดย naris
ผมไม่ยุ่งกับแบงค์หรือไฟแนนซ์ครับ เพราะ
1.อ่านงบแบงค์ไม่เป็น
2.NPLมีผลต่อกำไรหรือขาดทุนซึ่งมองไม่ออก โดยเฉพาะผู้บริหารที่สุดยอด...... :lovl:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 1:48 pm
โดย Oh+
แฮ่ะ ๆ ๆ ช่วงนี้พี่เทพมาแรงจริง ๆ เห็นแล้วอิจฉาคนที่ถึอไว้จัง  :P

ผมยังมีปัญหาคาใจ แบบเด็ก ๆ อยู่อ่ะครับ คือผมเห็นแต่พี่ ๆ ที่เข้ามาในตลาดกันตั้งแต่หลาบสิบปีก่อน จาก set 200-300 จนตอนนี้ 600 กว่า ๆ

คิดในใจว่าใครซื้อพวกหุ้นพวก blue chip ตั้งแต่ตอนนั้นป่านี้รวยไปแล้ว

สำหรับแนวทางแบบ VI จำเป็นต้องรอให้ตลาดตกลงไปหนัก ๆ ถึงจะมีโอกาสเก็บอย่างเดียวเลยเหรอครับ

แล้วไอ้ช่วงเวลาแบบนี้ นอกจากอดทนรอโอกาสและหาความรู้แล้ว มีอะไรแนะนำสำหรับเด็กอย่างผมบ้างไหมครับ

อ้อ อีกเรื่องหนึ่งครับ
holding company คือบริษัทที่ไปถึงหุ้นบริษัทอื่น ๆ จำนวนมากใช่ไหมครับ
และเราจะคิดมูลค่าของบริษัทพวกนี้ยังงัยครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 3:23 pm
โดย VIB007
[quote="Oh+"]แฮ่ะ ๆ ๆ ช่วงนี้พี่เทพมาแรงจริง ๆ เห็นแล้วอิจฉาคนที่ถึอไว้จัง

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ ส.ค. 08, 2005 8:27 pm
โดย chatchai
Oh+ เขียน:ผมยังมีปัญหาคาใจ แบบเด็ก ๆ อยู่อ่ะครับ คือผมเห็นแต่พี่ ๆ ที่เข้ามาในตลาดกันตั้งแต่หลาบสิบปีก่อน จาก set 200-300 จนตอนนี้ 600 กว่า ๆ

คิดในใจว่าใครซื้อพวกหุ้นพวก blue chip ตั้งแต่ตอนนั้นป่านี้รวยไปแล้ว

สำหรับแนวทางแบบ VI จำเป็นต้องรอให้ตลาดตกลงไปหนัก ๆ ถึงจะมีโอกาสเก็บอย่างเดียวเลยเหรอครับ

แล้วไอ้ช่วงเวลาแบบนี้ นอกจากอดทนรอโอกาสและหาความรู้แล้ว มีอะไรแนะนำสำหรับเด็กอย่างผมบ้างไหมครับ
ช่วยน้องวิบูลย์ตอบนะครับ

ตอนดัชนีขึ้นใหม่ๆ  ก็ไม่ใช่ว่าจะขึ้นทุกบริษัทนะครับ

อย่างผมที่ซื้อ WG ก็ซื้อหลังจากดัชนีขึ้นมามากพอสมควรแล้วนะครับ  (แต่จำไม่ได้ว่าดัชนีอยู่ที่เท่าไร  เพราะไม่เคยสนใจดัชนีเลย)

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 09, 2005 4:36 pm
โดย Oh+
อัฐยายซื้อขนมยายครับ แฮ่ะ ๆ  ไปคัดลอกมาจาก value way มาให้เพื่อน ๆ อ่านครับ เผื่อยังไม่ได้อ่านกัน

วิธีรวมส่วนของกิจการ (Sum of the Part) นั้นทำได้ไม่ยาก เป็นวิธีที่ไม่สลับซับซ้อนแต่อย่างใด เพียงแต่ธุรกิจที่จะนำมาหามูลค่าด้วยวิธีนี้ ควรมีบริษัทย่อยที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย จะช่วยให้การหามูลค่าทำได้ง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น

วิธีการก็คือ ศึกษาจากรายงายประจำปีว่า บริษัทที่เราสนใจนั้นถือหุ้นบริษัทอะไรอยู่บ้าง จากนั้นทำการคำนวณหามูลค่าของกิจการบริษัทแม่ จากมูลค่ากิจการตามราคาตลาดของบริษัทย่อยแต่ละบริษัทตามสัดส่วนที่ถือหุ้นอยู่ นำผลที่ได้มารวมกันจะได้ราคาตลาดที่เหมาะสมของบริษัทแม่

ยกตัวอย่างเช่น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SHIN) เป็นบริษัทโฮลดิ้งคอมปานี ถือหุ้นบริษัทต่างๆ ดังต่อไปนี้

บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) - 43 %
บริษัท ชิน แซทเทลไลท์ (SATTEL) - 51 %
บริษัท ไอทีวี (ITV) - 55 %
บริษัท ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) - 40%
และบริษัทอื่นๆ นอกตลาดหลักทรัพย์
หาราคาปิดและจำนวนของหุ้นของบริษัทย่อยในตลาดหลักทรัพย์ได้ดังนี้

ADVANC - 97.5 บาท จำนวนหุ้น 2,947 ล้านหุ้น
SATTEL - 15.8 บาท จำนวนหุ้น 877 ล้านหุ้น
ITV - 12.4 บาท จำนวนหุ้น 1,204 ล้านหุ้น
CSL - 6.15 บาท จำนวนหุ้น 625 ล้านหุ้น
จากข้อมูลที่ได้สามารถคำนวณมูลค่าตลาดของบริษัทชินได้ดังนี้

ADVANC - 97.5 X 2,947 X 43% = 123,553 ล้านบาท
SATTEL - 15.8 X 877 X 51% = 7,067 ล้านบาท
ITV - 12.4 X 1,204 X 55% = 8,211 ล้านบาท
CSL - 6.15 X 625 x 40% = 1,538 ล้านบาท
รวมมูลค่าตลาดของบริษัทย่อยเท่ากับ 140,368 ล้านบาท

บริษัทชินมีจำนวนหุ้นทั้งหมดเท่ากับ 2,995 ล้านหุ้น และวอร์แรนท์อีก 200 ล้านหุ้น รวมเป็น 3,195 ล้านหุ้น

ดังนั้นมูลค่าตลาดของบริษัทย่อยของชินที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เท่ากับ 140,368/3,195 = 44 บาทต่อหุ้น


ผมเห็นด้วยครับว่าวิธีนี้ทำให้เราเห็นมูลค่าของบริษัทคร่าว ๆ ได้ แต่คงไม่ใช่ภาพจริง ๆ เหมือนที่ พี่มนตรีว่าแหล่ะครับ

ต้องมาดูหุ้นที่บริษัทถือแต่ละตัวให้เข้าใจแล้วประเมินด้วยมูลค่าออกมาเอง นำมารวมกันเหมือนกับตัวอย่างข้างบน ถึงจะเป็นมูลค่าจริง ถูกต้องไหมครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 09, 2005 5:08 pm
โดย Onokung
อ่านมาหลายหน้าแบบข้ามไปข้ามมา
สรุปได้ว่า สำคัญมากๆก็คือข้อมูลที่มากพอ  และ ถูกต้อง
รองลงมาน่าจะเป็น การให้ความเคารพการตัดสินใจตัวเอง ในการซื้อหรือขายหรือถือ
แล้วยังต้องมีวินัย กับ แบบแผน อีก เฮ้อๆๆ

เครียดจังไม่ค่อยมีซักอย่าง  :?  :(
ลองอ่านๆดูของพวกพี่ๆมาพอจะรู้ว่า พีวิบูลนี่ใจ นิ่งจริงๆ
ผมอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนมา 10 กว่าเล่ม แต่พอ...
อ่านของพี่แล้ว สั้นกว่า การนำมาใช้ถูกตีความแล้วยังมีพี่ลองใช้ให้ดูแล้ว

นับถือพี่ทุกคน ครับที่เอาความรู้ ประสพการณ์มาแบ่งปัน
โดน เฉพาะพี่ วิบูลย์กับ พี่ ครรชิต (ผมอ่านของพี่ 2 คนนี้เยอะเลย อีกอย่างยังขอข้อมูลที่ พี่ครรชิตมาโพสบนกระทู้บน 2-3 รอบแล้ว  (เอาไปลองแก้สูตรExcelเอง.....ล่มหมด -"-))  

สงสัยคงต้องอ่านหนังสือธรรมมะเพิ่มขึ้นกว่าหนังสือลงทุนแล้วมั๊ง

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 11:24 am
โดย VIB007
[quote="Onokung"]

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ส.ค. 10, 2005 4:16 pm
โดย Onokung
:oops:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 16, 2005 9:57 pm
โดย Mon money
เฮ้อทำเป็นปลง ....ได้ลูกชายคนแรกเห็นเดินขึ้นเดินลงห้องเด็กกับห้องพักฟื้นเมีย

งานนี้ล่ะเพื่อนเอ๋ย....ไม่ได้หลับได้นอนกันล่ะ

ตอนนี้เสี่ยวิบูลย์ คนพุงน้อยเพราะซ้อมเอาไว้เลี้ยงลูกไม่ว่างต้องไปเลี้ยงลูกอีกหลายวัน ผมจะมาตอบแทนเอง ใครสงสัยอะไรถามมาเลย  :lovl:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร ส.ค. 16, 2005 11:00 pm
โดย ForrestGump
หุ้นตัวไหนผ่านตะแกรงร่อนผมไม่รู้

รู้แต่ ลูกตัวน้อยๆ ของคุณบูลย์เนี่ย ผ่าน "ตะแกรงร่อน" มาหลายชั้น และต่อสู้กับคู่แข่งเยอะมาก กว่าจะมาเป็น Viboon Jr.

เพื่อนๆ ก็เหมือนกันครับ แต่ละคน เป็นที่หนึ่ง ชนะคู่แข่งมากมายมาแล้ว อย่ายอมแพ้กับชีวิตนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 18, 2005 12:01 am
โดย Onokung
ประกาศ!
ลองไปดูในคอลัมน์ Value Way ใน Bizweek ฉบับเก่าๆได้ครับ
หรือไม่ก็รออ่าน "อ่านก่อน รวยถาวรกว่า เล่ม2" เร็วๆนี้
อุดหนุนเล่มหนึ่ง 1 เล่มครับ พี่วิบูลย์ พึงประเสริฐ ช่ายมะคับ
ตอนแรกผ่านๆไปไม่ได้เปิดดูเลย ผมว่าชื่อ มันไม่น่าดึงดูด
ชื่อคล้ายๆแบบนี้มีเยอะน่ะครับพี่
ผมว่าพี่ต้องเอาชื่อโดนๆ รับรอง ขาย ดีกว่านี้ แน่นอน
แบบว่า "อ่านก่อน(หมดตูด)เถอะญาติโยม หรือ "อ่านก่อนรวยกว่า(เล่มข้างๆ)!!"

 :lovl:  :lovl:  :lovl:  
แซวเล่นน่ะพี่ เดี๋ยวเล่ม 2 ออกจะอุดหนุนอีกเล่มนะพี่
ปล. อย่าเอาไปตั้งชื่อเล่ม2จริงๆนะพี่

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ส.ค. 18, 2005 2:22 pm
โดย Oh+
[quote="Mon money"]เฮ้อทำเป็นปลง ....ได้ลูกชายคนแรกเห็นเดินขึ้นเดินลงห้องเด็กกับห้องพักฟื้นเมีย

งานนี้ล่ะเพื่อนเอ๋ย....ไม่ได้หลับได้นอนกันล่ะ

ตอนนี้เสี่ยวิบูลย์ คนพุงน้อยเพราะซ้อมเอาไว้เลี้ยงลูกไม่ว่างต้องไปเลี้ยงลูกอีกหลายวัน ผมจะมาตอบแทนเอง ใครสงสัยอะไรถามมาเลย

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 19, 2005 11:31 am
โดย Oh+
เมื่อวานถามไปแล้วก็งง ๆ กับคำถามตัวเอง วันนี้มาอธิบายเพิ่มหน่อยครับ

คือที่ผมไม่เข้าใจคือเรื่องของการวัดผล เพราะถ้าเราซื้อหุ้นโดยไม่ขายเลย ส่วนที่เราได้คือปันผล เท่านั้น ราคามันขึ้นลงตลอด เราจะประเมินผลตอบแทนอย่างไร

สมมุติ เริ่มซื้อที่ 100 บาท พอสิ้นปีได้ปันผล 10 บาท ราคาขึ้นไปที่ 130 บาท

มาคิดเป็นผลตอบแทนของปี ไม่รวมราคาก็ได้ 10 % ถ้ารวมราคาก็ได้ 40%

แต่ถ้าปีต่อไปไม่ปันผล ราคาเหลือ 70 บาท ถ้าไม่รวมราคา ปีนี้เราก็ไม่ได้อะไร ถ้ารวมราคาก็แปลว่าเราขาดทุน 30 %

ผมอยากรู้ว่าเราจะเอาอะไรมาเป็นตัววัดว่าเรามาถูกทางแล้วครับ

ผมอยากเอาประเมินตัวเองครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ส.ค. 19, 2005 5:27 pm
โดย VIB007
Mon money เขียน:เฮ้อทำเป็นปลง ....ได้ลูกชายคนแรกเห็นเดินขึ้นเดินลงห้องเด็กกับห้องพักฟื้นเมีย

งานนี้ล่ะเพื่อนเอ๋ย....ไม่ได้หลับได้นอนกันล่ะ
:lovl:
พอดีอาจจะเป็นโชคดี หรืออะไรไม่ทราบ
แม่ยายมาช่วยเลี้ยงถึงที่บ้าน
ผลัดกับภรรยาสองคนดูแล 24 ชั่วโมง

ผมเลยถูกอัปเปหิไปนอนแต่หัวค่ำ
จะได้มีแรงไปทำงานหา"เงิน"มาเลี้ยงลูก
เลยไม่ได้ตื่นดึกๆมาชงนมเลย...เศร้า (อิ อิ)

งานนี้เพื่อนเลยไมได้เฮ
Onokung เขียน: แซวเล่นน่ะพี่ เดี๋ยวเล่ม 2 ออกจะอุดหนุนอีกเล่มนะพี่:
ขอบคุณครับ เล่ม2จะตั้งชื่อให้มันจ้าบหน่อย
Oh+ เขียน: ผมขอฝากคำถามหน่อยครับ คือสองวันก่อนเห็น บทความในกรุงเทพธุรกิจ ถ้าจำไม่ผิดน่ะครับ ที่ไปสัมภาษณ์ พี่วิบูลย์

คือผมยังไม่เข้าใจ