หน้า 6 จากทั้งหมด 8
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 06, 2013 7:16 pm
โดย T_0007
ประสบการณ์ หุ้นโรงพยาบาล
ผมเหมือนดวงถูกกับโรงพยาบาลยังไงก็ไม่รู้ ป่วยเข้าโรงพยาบาลทีไร ได้กำไรทุกที
ก่อนอื่นขอถามคำถามครับ 3 คำถามครับ
1. Universal coverage คืออะไรเหรอครับ
2. ปกติ การสร้างตึกของโรงพยาบาล คืนทุนประมาณกี่ปีครับ 7 ปีถึงไหม พอมีใครมี benchmark บ้างครับ
ผมลองทำตามตัวอย่างในงานดักแด้ได้ประมาณนี้ แต่ไม่แน่ใจว่าควรเทียบกับ รพ. ไหนดี (เลยฝากถามผู้รู้ครับ)
http://www.google.com/finance?q=NASDAQ% ... IO3kAWSwAE
3. พอมีข้อมูล เกี่ยวกับ drg (เข้าใจว่าระดับความรุนแรงของการป่วยไหมครับ)
สวัสดีครับ วันนี้จะมาลองเล่าประสบการณ์ ของการซื้อหุ้นโรงพยาบาลและวิธีที่ผมใช้ฟัง (ไหนๆก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้วนี่ ) - บทความนี้ไม่ได้เป็นการเชียร์นะครับ เพราะเป็นอดีตไปแล้ว
ผมเคยลงทุนในหุ้นโรงพยาบาล 2 ครั้งครับ โดยวิธีการตรวจสอบคุณภาพแปลกๆ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 06, 2013 7:18 pm
โดย T_0007
ผมจำได้ว่าเมื่อประมาณปี 2010 ผมเคยสนใจหุ้นโรงพยาบาลอยู่ครั้งหนึ่ง ครั้งนั้น ประเด็นที่ผมสนใจ คือช้อมูลที่ว่า นักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์กำลังจะกลับมา (แปลว่าผู้ป่วยชาวต่างชาติที่เข้ามารักษาตัวในเมืองไทยครับ ส่วนใหญ่มักเป็นชาวอาหรับ) ตัวเลข ที่ทำให้ผมสงสัยเป็นอย่างมากคือ ตัวเลขประเมิณค่าใช้จ่ายต่อคืนของนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ตกอยู่ที่ประมาณ 14,000 บาทต่อคืน ผมอุทานทันที โอ้แม่เจ้า! ทำไมมันแพงขนาดนี้! โรงแรมยังไม่ถึงเลย! ใครจะยอมจ่าย! ผมได้อ่านอีกว่า ความเสี่ยงหนึ่งของโรงพยาบาล การที่ผู้ป่วยไม่ยอมจ่ายค่ารักษา โดยวิธีแก้ของโรงพยาบาลก็คือการเรียกเงินมัดจำก่อนการรักษา และอีกประเด็นหนึ่งคือผมไปเที่ยวเกาะช้าง ผมสังเกตข้างทางเห็น รพชื่อ กทม-สาขาตราด แถมบนเกาะช้างก็ยังมี กทม-สาขาเกาะช้างอีก ตอนแรกอดขำไม่ได้ แต่พอนึกไป ก็โหเครือข่ายเขาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ (ล่าสุดมี กทม สาขาหัวหินด้วยครับ)
เหมือน ความซวยมาเยือน และโชคเข้าข้าง ผมมีโอกาสไป เยี่ยมชมโรงพยาบาลโดยไม่ได้ตั้งใจหลังจากนั้นไม่นาน ในปี 2010 คืนหนึ่งผมเป็นไข้สูงมาก ประมาณว่า เป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุใหม่ 2009 (เชยจังเป็นโรคล้าสมัยค้างปี) ครั้งนั้น แฟนพาผมส่งโรงพยาบาลเอกชน ทันที ตอนกลางคืน ผมเข้า ห้อง ICU หมอบอกว่าต้องตรวจไข้หวัด2009 ก่อนหาเชื้อ (วิธีตรวจเสียวน่าดู ใช้แท่งเล็กๆแหย่เข้าไปในจมูกลึกสุดๆเพื่อเก็บตัวอย่างบางอย่างเพื่อไปตรวจสอบ) ขณะที่ผมสั่น เสียงของใครบางคนก็พูดขึ้นว่า "ต้องนอน admit นะค๊ะต้องดูอาการ รอผลตรวจ" ผมตอบ "ok (ก็นอนสั่นซะขนาดนั้นอะไรก็ยอม)" เสียงตอบจากนั้น อีกสักครู่ "ญาติค๊ะ ต้องมีค่ามัดจำ สองหมื่นนะค๊ะ" สมองผมคิดทันที คุ้นๆแหะ นี่แหล่ะคือวิธีป้องกันความเสี่ยงของโรงพยบาลจากการที่คนไข้ชักดาบ ผมบอกแฟนผม "จัดไปน้อง (ไม่จัดได้ไง สั่นอยู่อำนาจต่อรองไม่มีหรอก)" หลังจากแฟนผมรูดบัตรมัดจำเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็ขอไปเช็คห้อง สักพักกลับมา "ขอประทานโทษค่ะ ตอนนี้ห้องธรรมดาเต็ม มีแต่ห้อง deluxe ค่ะ" ผมถามกลับ "ห้องรวมมีไหมค่ะ" คำตอบคือ "ห้องรวมญาติเฝ้าไม่ได้นะค่ะ deluxe เพิ่มอีก 1000 เดียวเอง" อะจัดไปครับ หนาวสั่นขนาดนี้ ต่อรองอะไรได้อีก. หลังจากจัดไป พยาบาลก็มาฉีดยาลดไข้ให้ แล้วก็เข็นเตียงผมไปรออีกที่นึง. ผมหลับไปตื่นขึ้นมา อ้าวไหนบอกห้องหมด เสียงเจ้าหน้าที่ตอบ "อ๋อหวอดนี้ปิดค่ะ เป็นที่พักเตียงเฉยๆ" (ผมอดหมั่นไส้นิดๆ ไม่ได้แต่นอนบนเตียงแล้วครับ อำนาจต่อรองไม่มี มัดจำก็มัดจำแล้ว) ครั้งนั้น ผมรู้ครับ ว่าการป่วยครั้งนึงผมเบิกค่าใช้จ่ายจากประกันกลุ่มและบริษัทได้ ประมาณ 20,000 ก็เลยเฉยๆ ผมบอกตัวเลขหมอตามนั้นเพื่อที่หมอจะตรวจอะไรอีกให้ครบ เป็นทีเดียวขอหาให้ครบเลยจะได้ทำเต็มที่
หลังจากนั้นหมอก็ให้ยา ไทมมีฟลูตัวจริง(ของนอก) ตรวจเลือดและอะไรต่างๆทั้งจำไม่ได้แน่ชัด ผมก็นอนพักผ่อนโดยมีแฟนเฝ้าในห้อง deluxe
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 06, 2013 7:20 pm
โดย T_0007
ไม่น่าเชื่อครับ ผลเลือดโชว์ว่าค่าเอมไซม์ในตับสูงหมอบอกว่า อาจเป็นผลของการที่ผมป่วยก็ได้ จะลองตรวจละเอียดเลยไหม. ผมเริ่มหายแล้วเพราะเป็นวันรุ่งขึ้น (พอมีอำนาจต่อรองบ้าง) เลยตอบว่า "หมอ ตกลงผมเป็น 2009 หรือเปล่า" หมอบอกว่า มันเป็น type เดียวกันผลยังไม่ออกแต่ไม่เป็นไร ยังไงใช้ยาตัวนี้อยู่ดี (อ้าวแล้วจะตรวจจมูกทำไมเนี่ย) "ไม่เป็นไรครับหมอ เดี๋ยวผมปกติค่อยตรวจเอมไซม์อีกทีก็ได้ ไม่รีบใช่ไหมครับอาการนี้" หมอตอบ "ไม่ครับ แค่ว่าจะได้ดูให้ครบเลย" (ที่ผมตอบแบบนั้นเพราะว่ากลัวเกินงบเบิก). แฟนผมก็เริ่มไม่สบาย เลยปรึกษาหมอ ว่าเหมือนมีไข้. หมอบอกว่า เป็นไปได้ที่อาจจะติดผมเพราะนอนเฝ้าทั้งคืน แฟนผมบอกว่า "หนูเบิกได้ ไม่เกิน 5000" สุดท้ายหมอเลยจ่ายเป็น ไทมีฟลูขององค์การเภสัช (ยาlocal) ซึ่งมีราคาถูกกว่ามาให้(ไม่เกินงบด้วย) - ผมนอนหนึ่งคืน. ค่าใช้จ่าย ประมาณ 20,000นิดๆ เพราะเบิกอุปกร๊์การแพทย์บางอย่าง ไม่ได้หลัร้อย เป็นคำตอบทันที่ว่า 14,000 สำหรับนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์นั้นไม่แปลกเลย. และได้รับรู้ถึง อำนาจการต่อรองของ ธุรกิจโรงพยาบาลกับลูกค้าทันที (ตอนนั้นยังไม่รู้จัก 5 force เลย)
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ผมได้ศึกษาหุ้นโรงพยาบาลตัวเดิมอีกนิด(ไม่นานครับกำลังศึกษาอยู่พอดี) แล้วก็ซื้อเลยที่ 30 นิดๆ แล้วราคาก็ขึ้นไปเท่าตัวในไม่นาน (แต่ตอนนี้ 3 เท่าแล้วอะไม่น่าขายเลย) รู้งี้อ่าน in search of great stock ของคูโยโย่ตอนนั้นก็ดี
http://seekingalpha.com/article/234439- ... cks-part-i
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 06, 2013 7:20 pm
โดย T_0007
เรื่องที่ 2 การแอบดูว่า โรงพยาบาลขายดีไหมแบบใกล้ชิด
ในอดีตผมมีโอกาส พบโรงพยาบาลอีกตัวหนึ่งที่ราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ p/e ต่ำสิบ (แต่มันก็มีเหตุผลนะ) ผมได้วิเคราะห์แผนที่ว่าเมืองน่าจะเติบโตและกำลังขยาย ไปทางนั้น แล้วโรงบาลแรกก็ยังไม่ได้กินบริเวณนี้ด้วย จำได้ว่า เคยไปเยี่ยม ญาติที่คลอดที่ รพ นี้ จึงคิดว่าน่าจะจับกลุ่มชั้นกลางได้ บ้านและเมืองก็เกิดใหม่เยอะ ลองถามภรรยาซึ่งเขาเคยเป็นดีเทลยา ขอก็บอกว่า คุณภาพถือว่าดีใช้ได้ดี ถ้าเทียบกับโรงพยาบาลอื่นๆ บริเวณนั้น เมื่อวันหยุดมาถึงผมจึงชวนภรรยาขับรถไปช้อปปิ้งบริเวณนั้นทันที โดยไปดูถึง 3 ธุรกิจใกล้ๆกัน. ภรรยาผมพาผมชมทั่วโรงพยาบาล ที่จอดรถเต็มแหะ(ไม่แน่เรายังเคยแอบจอดรถ ใน รพ แรกแล้วแอบปั้มโดยอ้างว่าเป็นผู้ถือหุ้นเลย ดูต่อไป) รายชื่อหมอกับแผนกเยอะแหะ(หมอก็วิ่งหลายที่ได้) มีแพทย์จีนด้วยแหะ ลองเข้าไปดูฝังเข็มสักหน่อยสบายดี (อ้าวเผลอป็นลูกค้าอีกแล้ว). แต่วิธีที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านทุกซอกทุกมุมของโรงพยาบาล(ภรรยาผมเองก็เธอเคยเป็นดีเทลยานี่) เธอบอกว่ามี 3 ที่ ที่จะบอกได้ว่า คนไข้เยอะไหม คือ
1. ร้าน s&p หรือร้านกาแฟของ s&p แถวๆนั้น เพราะร้านนี้มักเปิดใน รพ เอกชนครับ.
2. ห้องจ่ายยา - เพราะคนไข้นอกส่วนใหญ่ก็ต้องมารับยาผ่านห้องนี้ (ไม่แน่ใจนะว่าหุ่ยยนต์จ่ายยา จะทำให้ flow คนไข้เร็วขึ้นและบางตาลงหรือเปล่า เท่าที่รู้น่าจะแค่ลดความผิดพลาดเท่านั้นนะ ยังใช้เภสัชอธิบายเหมือนเดิม)
3. ห้องจ่ายเงิน - เพราะทุกคนก็ต้องจ่ายเงินก่อนออก
ผมเช็คทั้ง 3 ส่วน ใช้ได้ ประเมิณว่ามีโอกาสที่คนจะป่วยน้อยไหม ก็ไม่น่า หุ้นขึ้นคนก็ป่วย หุ้นลงคนก็เอาเท้าก่ายหน้าผาก(คงป่วยง่ายขึ้น) อากาศหนาวคนก็เป็นหวัด อย่างงี้ รายได้ มีคุณภาพ ซื้อแล้วนอนหลับ. หลังจากนั้น ผมก็ซื้อ หุ้นโรงพยาบาลอีก ในเวลาไม่นานไม่ถึงครึ่งปี ก็ได้กำไรมา 50%. สงสัยผมจะถูกกับ รพ จริงๆครับ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 06, 2013 7:22 pm
โดย T_0007
อิอิ ความจริง เรื่อง รพ ต้องให้ อ. ไพบูลย์ เล่า จำได้ว่าอาจารย์ เคยพูดในรายการว่สเข้าทุกวัน ไปทานข้าวกับ นัดครอบครัว
เอ หรือจะ คุณหมอ kotaro ดีน่าจะเชี่ยวชาญกว่สครับ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 06, 2013 7:23 pm
โดย T_0007
คำนินทาจาก โรงพยาบาล
- ขณะที่ผมนอน และไปมาใน รพ ที่อยู่ตอนนี้ ได้ยินเสียงต่อเติมครับ. กำลังขยาย ชั้น 4 แน่นอน น่าจะขยายห้องผ่าตัดด้วย
- เมื่อเช้า พยาบาลก็บอกว่า หวอดที่ผมอยู่นี้ก็มีแผนขยาย
- แปลกมาก ห้องรวมว่าง แต่ห้องเดี่ยวมักจะเต็ม ทั้งๆที่ห้องรวมถูกกว่าตั้งครึ่ง พฤติกรรมผู้บริโภค แบบนี้ ก็มี (สุดท้าย แผนขยายก็คือ ลดห้องรวม เพิ่มห้องเดี่ยว)
- ได้พบ ผู้ป่วยชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น เดี๋ยวนี้ อาชีพล่ามเป็นหนึ่งในอาชีพที่ต้องมีใน รพ ไปแล้ว
- รพ ที่ผมอยู่นี้ มีความเชี่ยวชาญมากในเรื่อง ระบบไต และการเปลี่ยนไต แต่ท่านเชื่อไหมครับมีคนไข้ต่างชาติกลุ่มหนึ่งมาเปลี่ยนไตมากจนพยาบาลแอบบอก คือ ...... (เดาไม่ถูกแน่ๆเลยให้เดาใหม่) ...... พม่าครับ
จากคำนินทา พบว่า ชาวพม่า ที่มีเงิน จะเปลี่ยนไต โดยมีญาติ เป็นผู้บริจาคให้.(หมอก็ไปออกบู๊ท ที่พม่าและมีเอเจนซี่พม่าส่งตัวคนไ้มา) บินมาหมอไปรับที่สนามบิน. (มิน่าตอนเราไปสนามบิน เห็นบูทของบาง รพ ด้วย) โดยส่วนใหญ่ไตที่ได้ก็มาจากญาติพี่น้องบริจาคให้
- เพิ่งได้รู้ว่า หมอ ก็ทำงานเป็นทีม โดยอาการป่วยของผมนี้ มีมีหมอดูแลถึง 11 ท่าน เรียกว่าทุกระบบเลยจริงๆครับ
- เพิ่งได้รู้ว่า การเรียนหมอยากมากและประสบการณ์หมอสำคัญมาก เช่น หมอที่มีประสบการณ์ 20 ปีท่านหนึ่ง บอกกับผมก่อนลดยาเมื่อวานว่า "จากประสบการณ์ กว่า20 ปีที่หมอเจอ คนที่เป็นขนาดผมนี้หมอเจอไม่ถึง 10 คน" เช่นเดียว กับพยาบาลบอกผมว่า ในหวอดนี้ ไม่เคยมีเคสแบบนี้เลย เคยแค่เรียนแต่ไม่เคยเห็นของจริง และเช่นเดียวกับพูดของหมอ specialist ที่มาช่วยจาก รพ แถวนานา ว่า กรณีนี้เรียกว่า TEN ปกติไม่เจอหรอก แต่สำหรับหมอเป็นหมอด้านอาการแพ้ ซึ่งพบมาเป็น หมื่นเคส พบทุกวันๆ จึงมีโอกาสได้เจอบ้าง สุดท้าย คงต้องยกความดีให้กับ อาจารย์หมอ ที่ปรึกษาจากรามา ที่เป็นหมอติดเชื้อ (แต่ท่านวินิจฉัยว่าผมไม่ติดเชื้อแต่แพ้ยา) หมอวินิจฉัยโรคได้แม่นมาก (อาจเพราะเจอเคสมากเพราะทั้งเป็น อาจารย์หมอ รพ รัฐ) แอบนึกดีใจที่ไม่ได้อยู่ใน รพ รัฐ ไม่งั้นคงมีนักศึกษาแพทย์ มารุมกันน่าดู ไม่เป็นไร โพสเรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาแล้ว.
- สุดท้าย พบอีกว่า หมอจาก รพ เอกชนราคาสูง (ในที่นี้้ นานา) กับ หมอ จาก รพ รัฐ มีลักษณะการให้ยา และรักษาต่างกันโดยหมอ รพ นานา มองรอบด้าน และ พูดถึงเครื่องมือ แพงๆเช่น ivig (ครั้งละแสน) หรือ ฟอกเลือด (คงแพงอยู่) แต่หมอจาก รพ รัฐ ใช้ประสบการณ์ โดยจ่ายยาปิดรอบด้าน เช่นยาฆ่าเชื้อ แกมม้าบวก และลบ และ มีการตรวจเพาะชื้อบ่อยๆ อาจเป็นได้ จากมาจากที่ทำงานละลูกค้าต่่งกันครับ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 06, 2013 7:24 pm
โดย T_0007
นินทาอาชีพทางการแพทย์มาเยอะ ขอสรรเสริญบ้าง เพราะเข้าใจและว่าเป็นอาชีพที่ ทำประโยชน์และงานหนักจริงๆ
ขออ้าง คำพูด ดร. ไพบูลย์ที่เคยพูดบ่อยๆว่า อยากให้นักลงทุนที่เป็นหมอ ช่วยทำหน้าที่หมอต่อไปครับ
ผมพบว่า อาชีพหมอนั้น ความรับผิดชอบสูงมาก แอบดูตารางหมอแล้ว ทำงานถึง 6 วันต่ออาทิตย์ แต่ถ้ามีคนไข้นอน หมอมาทุกวัน ผมเจอทีมหมอทุกวันเลยครับ และหลายท่านก็มา ทั้ง 7 วันแม้กระทั้งวันพ่อ และวันหยุด อาชีพหมอนั้นความรับผิดชอบสูงจริงๆครับ เรานักลงทุนหยุดได้แต่ชีวิตคนมันหยุดไม่ได้
หมอเลยเหนื่อย ขอสรรเสริญครับ
พยาบาลก็เหนื่อย และหนัก แม้รายได้เริ่มต้นพยาบาลจบใหม่จะดีมาก แต่การทำงานก็เหนื่อยและมีความรับผิดชอบสูง ตื่นเต้นทุกวัน เมื่อวานห้องข้างๆ ผมก็ไม่รู้สึกตัวอีกและ เขาบอว่าค่า k สูง ผมเลยให้เขาแก้ก่อน ของผมจิ๊บจ๊อย จะหายแล้ว (งานพยาบาลมี 3 กะครับ แต่เท่าที่สังเกต เข้า 7 โมงออก เที่ยงคืนก็เยอะ กลายเป็นพยาบาลกลับหอ พักผ่อนไม่พออีก แฟ นก็ไม่มี และต้องใช้ความอดทนสูง และต้องมีจิตใจดีจริงๆ
ที่แปลกจากการทำโพลของผม พยาบาล 2 ใน 10 เท่านั้น ที่อยากเป็นพยาบาลเอง ส่วนอีก 80% ไม่ได้อยากเลย แต่ที่บ้านอยากให้เป็น โดยหัวหน้าแผนกพยาบาลที่เป็นหนึ่งในนั้นที่ยากเป็นพยาบาลเอง ( อายุ46 แล้ว แต่ยังสาวอยู่) พี่เขาเล่าว่าที่อยากเป็นเพราะพ่อป่วยจึงเป็นแรงบันดานใจให้เอ็นใหม่เข้าพยาบาล แต่น่าเสียดาย ที่พอจบพ่อก็เสียพอดี (ผมเสียใจกับพี่ด้วยครับ แต่ผมคิดว่าตอนนี้พ่อของพี่คงภูมิใจกับพี่จริงๆ )
- ท้ายที่สุด ผู้ช่วยพยาบาล (มีหน้าที่เช็ดตัว และวัดไข้) ไม่มีใครเลยครับที่ตั้งใจอยากทำงานพยาบาลตั้งแต่แรก แต่ก็ตั้งใจทำงานกันดี มีความอดทนสูงยิ้มกับคนไข้ และเหนื่อยมากครับ ทำงานอย่างน้อย (60 ชม ต่ออาทิตย์ ประมาณนะ) แต่ถ้าคิดก็ได้เงินเยอะเหมือนกันนะ 40 ธรรมดา + 20 OT
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 06, 2013 7:24 pm
โดย T_0007
- ท้ายที่สุด ผมขอเปรียบเทียบตัวเลข จำนวณหมอกับจำนวณประชากร ของไทย ยังขาดแคลนหมออยู่เลยครับ
จำนวณความหนาแน่นของบุคลากรทางการแพทย์แพทย์ต่อประชากรประเทศ 10,000 คน (ยกมาบางส่วน)
หมอ. พยาบาล
สิงคโปร์. 18.3 59
เวียดนาม. 12.2. 10.1
มาเลย์. 9.4. 27.3
ไทย. 3. 15.2
USA. 26.7. 98.2
UK. 27.4. 103
คัดมาบางส่วนอ้างอิงจาก world health statistics 2011, world health organization
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 06, 2013 7:29 pm
โดย T_0007
มีบางท่านสงสัย ถามมาเหมือนกันครับ ว่าผมใช้อะไรพิมพ์ จิ้ม ipad ล้วนๆครับ ไม่เชื่อเหมือนกันจะจิ้งได้ขนาดนี้
(แต่ยังใส่รูปจาก ipad ไม่ได้สักที) ช่วงพักฟื้นแล้วครับ หมอประมาณว่า อีกสัก 2 อาทิตย์คงออกได้
ชีวิตในนี้ไม่มีอะไรมากครับ ตื่นมาตอนเช้าก็สวดมนต์ทำวัด นั่งสมาธิ เมื่อจิตเป็นสมาธิก็จะคิดโน่นคิดนี้ออก
ออกกำลังกาย แล้วผมก็ใช้เวล่นิดหน่อย เขียน คนไข้ไม่มีอะไรครับ ทานข้าว หาหมอ เช็ดตัว ฉีดยา
นั่งสมาธิ. เดี๋ยวนี้เริ่มมี ฟัง vi สายดำ กับ oppday มั่งแระ หาอโกาสยากครับ ที่จะได้เวลาว่างๆ สงบๆอย่างนี้ โชคดีจริงๆ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 06, 2013 7:47 pm
โดย T_0007
pak เขียน:สำหรับผมแล้ว
คุณธีเป็นคนมีกำลังใจและจิตใจที่เข้มแข็ง แต่ช่างอ่อนโยนเหลือเกินในการแบ่งปัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแบ่งปัน "ธรรมะ" และ "ธรรมชาติในชีวิตของคนเรา"
ชีวิตของคนเรา ไขว่คว้าหาแต่ "ความสุข"
จนบางครั้งลืมไปว่า "ความสุข" เป็นเพียง "ความทุกข์" ที่ยังเดินทางมาไม่ถึง
คนสมัยก่อนมีเวลามากมายในการคิดและทบทวนชีวิตของตนเอง
แต่คนในสมัยนี้ แทบไม่มีช่องว่างของเวลาเลย เพราะ มือถือ, Tablet ต่างๆ ขโมยเวลาของเราไปจนเกือบหมดสิ้น
Social Network ทำให้โลกใบนี้แคบลง แต่ก็ทำให้คนเรามีสมาธิกับตนเองได้น้อยลงด้วย
สมัยก่อนเรารอกันได้ครับ นัดกัน จะช้ากันสักครึ่ง ชม. ก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ทุกวันนี้ ยังไม่ถึงเวลานัด เราก็โทรตามโทรจิกกันแล้ว
เทคโนโลยี ทำให้จิตใจของคนร้อนรุ่มขึ้น
ผมเคยเข้า 7-11 แล้วรอคิวไม่กี่นาที ผมยังรู้สึกอึดอัด
ผมแอบคิดในใจว่า...
"อืมมม คนเราเดี๋ยวนี้ มันรอคอยกันไม่ค่อยเป็นจริงๆ แม้แต่ตัวผมเอง"
...ผมสอนตัวเองแบบนั้นนะครับ
ขอบคุณน้องธี สำหรับทุกๆอย่างที่แบ่งปันนะครับ
ไม่ว่าจะเป็น ความรู้, มุมมองการลงทุน, กำลังใจที่เข้มแข็ง และมุมมองโลกใบนี้ที่สวยงาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ธรรมะ" ที่แบ่งปันให้แก่กัน
ขอให้น้องธีหายเร็วๆนะครับ
เป็นกำลังใจให้ และเอาใจช่วยครับผม
สู้ๆครับผม ^ ^
ปล.
ผมกำลังนั่งฟัง คลิป "เตรียมใจให้ดีในนาทีวิกฤต" ที่แนะนำมา
...น่าฟังมากๆเลยครับ
ขอบคุณครับ พี่ pak ดูไป ยิ้มกว้าง น้ำตาซึม มีความสุขที่สุด
ขอบคุณในการแบ่งปัน มิตรภาพ.
อยากกด like สัก 100 ทีแต่เสียดายลูกศรสีเขียวกดได้ทีเดียวเอง
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 06, 2013 10:23 pm
โดย wispan
ขอให้น้อง T หายจากอาการป่วยเร็วๆครับ คุณพระคุ้มครองครับ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 07, 2013 12:37 am
โดย glock19
ขอให้คุณTหายไวไวครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 07, 2013 10:35 am
โดย tanoppan
อยากแนะนำ
แพทย์ทางเลือก
หมอเขียว
มีสโลแกน ตัวเราเองเป็นหมอที่ดีที่สุด
ศูนย์บาทรักษาทุกโรค
ดูเว็บ หมอเขียว ยูทูป
ตารางการอบรม
อาจไม่ต้องกินยา หรือได้รับผลข้างเคียงจากยา
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 07, 2013 9:04 pm
โดย T_0007
วันนี้ แชร์เป็นเพลงกลับแล้วกันครับ ดีขึ้นพอร้องเพลงได้แล้ว (อาจบ่นๆ กลัวฟังไม่รู้เรื่องเลยใส่ เนื้อกับ ลิงค์ คอร์ดให้ด้วย)
http://www.youtube.com/watch?v=RLxMxPI- ... ata_player
http://ukulele.chordtabs.in.th/song.php ... ng_id=1851
ชีวิตนี้เรามีเวลา กันแค่ไหน ก็เคยได้ยินบางคนได้ลองประมาณเอาไว้ ว่าอย่างดีก็แค่สองหมื่นวัน
ไม่ต้องนับกันให้ชัดๆ ก็พอที่จะรู้ วันเวลาที่เราต่างมีอยู่บนโลกนั้น มันไม่ได้มากมาย
* และวันนี้เราจะเสีย(เพราะวันนี้จะถูกใช้)ไปอีกหนึ่งวัน จากชีวิตที่แสนสั้น ไม่ได้ยืดยาว
ทั้งที่จริงเรามาที่นี่กันแค่เพียงชั่วคราว อีกไม่นานก็คงต้องลาจากไป
** อยู่ที่เราจะใช้เวลาที่มี อยู่บนโลกนี้กันยังไง
เพื่อให้กับตัวเองคนเดียวทุกวัน หรือจะแบ่งปันให้คนอื่นบ้างไหม
เพื่อเราจะไม่ต้องมาเสียดาย เวลาที่ต้องจากไป
ทั้งชีวิตที่เดินผ่านมาเราโชคดีแค่ไหน หรือเรายังจะอยากเก็บความโชคดีเอาไว้ คนเดียวจนหมดสองหมื่นวัน
( * , ** )
( ** )
เพื่อเราจะไม่ต้องมาเสียดาย เวลาที่ต้องจากไป
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 07, 2013 9:11 pm
โดย T_0007
วันนี้ แชร์เป็นเพลงกลับแล้วกันครับ ดีขึ้นพอร้องเพลงได้แล้ว (อาจบ่นๆ กลัวฟังไม่รู้เรื่องเลยใส่ เนื้อกับ ลิงค์ คอร์ดให้ด้วย)
http://www.youtube.com/watch?v=RLxMxPI- ... ata_player[/youtube]
http://ukulele.chordtabs.in.th/song.php ... ng_id=1851
ชีวิตนี้เรามีเวลา กันแค่ไหน ก็เคยได้ยินบางคนได้ลองประมาณเอาไว้ ว่าอย่างดีก็แค่สองหมื่นวัน
ไม่ต้องนับกันให้ชัดๆ ก็พอที่จะรู้ วันเวลาที่เราต่างมีอยู่บนโลกนั้น มันไม่ได้มากมาย
* และวันนี้เราจะเสีย(เพราะวันนี้จะถูกใช้)ไปอีกหนึ่งวัน จากชีวิตที่แสนสั้น ไม่ได้ยืดยาว
ทั้งที่จริงเรามาที่นี่กันแค่เพียงชั่วคราว อีกไม่นานก็คงต้องลาจากไป
** อยู่ที่เราจะใช้เวลาที่มี อยู่บนโลกนี้กันยังไง
เพื่อให้กับตัวเองคนเดียวทุกวัน หรือจะแบ่งปันให้คนอื่นบ้างไหม
เพื่อเราจะไม่ต้องมาเสียดาย เวลาที่ต้องจากไป
ทั้งชีวิตที่เดินผ่านมาเราโชคดีแค่ไหน หรือเรายังจะอยากเก็บความโชคดีเอาไว้ คนเดียวจนหมดสองหมื่นวัน
( * , ** )
( ** )
เพื่อเราจะไม่ต้องมาเสียดาย เวลาที่ต้องจากไป
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 07, 2013 11:49 pm
โดย pokshisha
ขอบคุณและทราบซึ้งใจ ในความมีน้ำใจของคุณ T มากๆ ครับ ขอให้หายป่วยไวไวครับ
เป็นกำลังใจให้ครับ เมื่อหายป่วยแล้วคุณ T จะเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดคนนึง เพราะคุณ T จะได้รู้จักกับความสุขและคุณค่าของชีวิตอย่างแท้จริง
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 08, 2013 4:59 am
โดย vim
ขอให้หายไวๆ ร่างกายแข็งแรงนะครับ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 08, 2013 9:00 am
โดย zephyr
มาอ่านกระทู้นี้ซ้ำพบว่าคุณ T อาการดีขึ้นแล้ว ยินดีด้วยครับ
และได้รับข้อคิดอะไรหลายๆอย่างจากกระทู้นี้ อ่านไปน้ำตาซึมไป
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 08, 2013 8:49 pm
โดย T_0007
8 ม.ค. 56
วันนี้ ผมได้มิตรภาพใหม่อีกแล้วโดยความบังเอิญ
คงเป็นความโชคดี หรือ ผลบอกบุญที่ผมทำคงไม่ทราบได้ ได้พบ มิตรใหม่ มาอธิบายเรื่ิอง กองทุน money market ให้ผมเข้าใจมากขึ้น (ที่ผมเคยบอกบุญ และบอกว่าจะนำเงินเข้าไปฝาก เมื่อผมหายดีแล้วจะนำไปถวายวัดครับ) ตอนนี้ บช กองทุนเปิดได้แล้วนะครับ พรุ่งนี้ ผมก็จะ อัพ ไปเรื่อยๆ
น่าแปลกที่วันนี้ คุณ A-acedemy เข้ามา รพ. ที่ผมรักษาอยู่พอดี และผมก็บังเอิญเขียนไปถาม พอดี ในเวลาไม่ถึง 5 นาที คุณเอก็โทรศัพท์มา เราไม่เคยพบกันเลย เราคุยกันหลายเรื่องมาก ผมได้เรียนรู้มากครับ
เช่น " เราเรียนรู้มาก มากขึ้นกว้างขึ้น แต่เราก็ยิ่งโง่ลง เพราะ ว่ารู้ทุกอย่าง แต่ไม่รู้ตัวเองเลย" หรือแนวคิดในการปฏิบัติตัวใช้ชีวิตต่าง ๆ หรือแนวคิดในการสร้างสรรสังคม สอนเรื่องอาชีพต่างๆให้เด็กได้รับรู้ว่าชอบอะไรกันแน่(เรียกว่า วิชาแนะแนวละกัน เราเชื่อกันว่า เป็นวิชาหนึ่งที่สำคัญของประเทศ) รวมถึงการลดความโลภ การลงทุนเพื่อแบ่งมาทำความดี เรื่อง ฮีโร่ ที่จริงๆ ก็แฝงตัวอยู่ในพวกเราๆนั่นแหล่ะ
ก่อนกลับ ผมแอบชื่นชมเว็บของคุณ A และแอบบอกว่าผมได้ดู clip เรื่องการวางแผนทางการเงินหมดแล้ว (50 กว่าตอนครับ) ช่วยผมได้มากจริงๆ ครับ.
ก่อนกลับ ผมเลยขออนุญาต คุณ A เพื่อนำ ลิ้งค์ ในเว็บมาโพสเผยแพร่ครับ (วันนี้ ผมไม่ต้องถ่ายทอดเอง เพราะมีมือโปรมาช่วยถ่ายทอดแล้ว ลองดูนะครับ ฟังง่าย ตอนละไม่เกิน 10 นาที มีประโยชน์มากๆ)
http://a-academy.net/category/personal- ... -planning/
http://a-academy.net/
ขอบคุณครับในเหตุบังเอิญ และขอบคุณ คุณเอและครอบครัว ที่ทำให้เรามาได้พบกัน. ผมคิดว่า ตอนนี้ผมเป็นคนป่วยที่โชคดีคนหนึ่งเลยครับ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 08, 2013 8:49 pm
โดย T_0007
8 ม.ค. 56
วันนี้ ผมได้มิตรภาพใหม่อีกแล้วโดยความบังเอิญ
คงเป็นความโชคดี หรือ ผลบอกบุญที่ผมทำคงไม่ทราบได้ ได้พบ มิตรใหม่ มาอธิบายเรื่ิอง กองทุน money market ให้ผมเข้าใจมากขึ้น (ที่ผมเคยบอกบุญ และบอกว่าจะนำเงินเข้าไปฝาก เมื่อผมหายดีแล้วจะนำไปถวายวัดครับ) ตอนนี้ บช กองทุนเปิดได้แล้วนะครับ พรุ่งนี้ ผมก็จะ อัพ ไปเรื่อยๆ
น่าแปลกที่วันนี้ คุณ A-acedemy เข้ามา รพ. ที่ผมรักษาอยู่พอดี และผมก็บังเอิญเขียนไปถาม พอดี ในเวลาไม่ถึง 5 นาที คุณเอก็โทรศัพท์มา เราไม่เคยพบกันเลย เราคุยกันหลายเรื่องมาก ผมได้เรียนรู้มากครับ
เช่น " เราเรียนรู้มาก มากขึ้นกว้างขึ้น แต่เราก็ยิ่งโง่ลง เพราะ ว่ารู้ทุกอย่าง แต่ไม่รู้ตัวเองเลย" หรือแนวคิดในการปฏิบัติตัวใช้ชีวิตต่าง ๆ หรือแนวคิดในการสร้างสรรสังคม สอนเรื่องอาชีพต่างๆให้เด็กได้รับรู้ว่าชอบอะไรกันแน่(เรียกว่า วิชาแนะแนวละกัน เราเชื่อกันว่า เป็นวิชาหนึ่งที่สำคัญของประเทศ) รวมถึงการลดความโลภ การลงทุนเพื่อแบ่งมาทำความดี เรื่อง ฮีโร่ ที่จริงๆ ก็แฝงตัวอยู่ในพวกเราๆนั่นแหล่ะ
ก่อนกลับ ผมแอบชื่นชมเว็บของคุณ A และแอบบอกว่าผมได้ดู clip เรื่องการวางแผนทางการเงินหมดแล้ว (50 กว่าตอนครับ) ช่วยผมได้มากจริงๆ ครับ.
ก่อนกลับ ผมเลยขออนุญาต คุณ A เพื่อนำ ลิ้งค์ ในเว็บมาโพสเผยแพร่ครับ (วันนี้ ผมไม่ต้องถ่ายทอดเอง เพราะมีมือโปรมาช่วยถ่ายทอดแล้ว ลองดูนะครับ ฟังง่าย ตอนละไม่เกิน 10 นาที มีประโยชน์มากๆ)
http://a-academy.net/category/personal- ... -planning/
http://a-academy.net/
ขอบคุณครับในเหตุบังเอิญ และขอบคุณ คุณเอและครอบครัว ที่ทำให้เรามาได้พบกัน. ผมคิดว่า ตอนนี้ผมเป็นคนป่วยที่โชคดีคนหนึ่งเลยครับ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 08, 2013 9:03 pm
โดย T_0007
ไหนๆ ตั้งใจจะแชร์แล้วก็ขอใส่อีก อ้างจากคำถาม กระทู้ mos
ตัวอย่างประกอบการตัดสินใจครับ
ดึงข้อมูลค่าจากโพล แล้วไล่ mos ให้ เลยในตัวที่ยอดนิยม มีน้องช่วยทำครับ (แอบปิดมานาน)
http://mybirdgallery.com/mos/
แนวคิดคือ หุ้นใหญ่ยังไงผมก็สู้นักวิเคราะห์ ไม่ได้ (ด้วยความสามารถผม) ทั้งเขามีเวลา เข้าถึงข้อมูลและประเมิณมูลค่า เหนือกว่า อย่ากระนั้นเลย ใช้โพลนักวิเคราะห์เลยดีกว่า แนวคิดอาจจะแปลกๆหน่อย แต่ช่วยได้
(อยู่ที่ mos พอไหม)
แอบทำฐานข้อมูลนี้ ซ่อนๆ อยู่ 2 ปีแล้ว ถึงการเวลาเปิดเผยซะที ยังไงช่วงนี้ช่วงปล่อยของ
(แต่ น่าเสียดาย หลังจากผมออกจาก รพ ลิงค์ นี้คงต้องปิดลง เพื่อปรัับปรุงพัฒนา ตามแนวคิดที่ดีขึ้น) เลือกเอาเลยครับ ว่าตัวไหน mos ประมาณไหน อัพเดตวันละครั้ง ตอนค่ำๆ ด้วยระบบ อัตโนมัติ
ข้อระวัง บางครั้ง ตลาด ก็คีย์ผิดครับ เคยพบตัวหนึ่ง คีย์จาก 56 เป็น 86 ต้องระวังตรวจรายละเอียดอีกที
ข้อระวังที่สอง บงครั้ง นักวิเคราะห์ก็ประเมิณพลาด เช่น banpu ที่ต้องยอมรับว่า พลาดทั้งประเทศ (อันนี้ต้องยอมรับ เพราะเป็นเราก็คงพลาด้หมือนกัน)
ข้อระวังข้อที่ 3 บางที บทวิเคราะห์ น้อยไป ก็ไม่ใช่โพลครับ บางทีอัพช้าหีือมีอันเดียว ก็ต้องดู อาจเป็นโอกาศก็ได้นุ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 08, 2013 11:06 pm
โดย เหล็งฮู้ชง
ขอให้คุณTหายเร็วๆ แล้วได้กลับบ้านไวๆ ครับ
บทความที่คุณT ถ่ายทอด สะท้อนให้ต้องกลับมาดูตัวเอง
เพราะท้ายสุดก็ไม่มีอะไรเป็นของเราเลย
เราเพียงเป็นผู้อาศัยชั่วคราว เมื่อถึงคราวเสื่อม หรือชำรุด
เราก็ต้องละจากไป ไม่มีใครควบคุมได้
สิ่งที่ช่วยได้คือไม่ประมาท รู้จักจิต ของตนเองให้เร็วที่สุด
เพื่อให้เกิดความพร้อมเมื่อเวลานั้นมาถึง
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 10, 2013 5:25 pm
โดย T_0007
วันนี้ แปลงฟันโดยใช้ยาสีฟันวันแรกแล้วครับ เย้! ไม่ได้แปรงมา 35 วันแล้ว
ฟัง VI สายดำ ดร. คาบู 2 ตอน ดีจัง ชอบรายการนี้ อยากให้ หามุมมอง จากต่างประเทศมาอีกครับ
ขอโหวต นักลงทุน จาก ออสเตรเลียครับ (คงพอรู้ตัวว่าใคร) ถ้ามี อเมริกา ยุโรป สิงคโปร์ จีน และฮ่องกงครับ
ได้มุมมองใหม่ๆ ดี
ไล่อ่านของพี่pak แน่นดีครับ
ได้ดูฟัง clip ต่างๆ ของ VI สายดำสัมภาษณ์ คนที่ได้อบรม แล้วก็ฟัง Mudley ได้แนวคิดดี
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 10, 2013 5:31 pm
โดย T_0007
เมื่อวานได้ บาตร และอัฐบริขาร 8 มาครบชุดแล้วครับ
เลยว่า จะลองถ่ายรูป แล้วลงรูป ให้เพื่อน ดูอีกที
ชุดครบชุด
อันนี้ 3 ใน แปด ลองทายซิครับว่ามีอะไร บ้าง
1. มีดโกน
2. เข็มด้าย
3. เหลืองๆ เรียก เครื่องกรองน้ำ (ธมกรก) เวลาใช้ต้องมีผ้าขาวบาง อยู่ที่ก้น เพื่อกรองแมลง ...ไม่รู้มีใครทายถูกบ้าง
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 10, 2013 5:44 pm
โดย T_0007
อยู่ว่างๆ เลย ลอง ทดสอบสำรวจตลาดหนังสือ ออนไลน์ครับ
ทดสอบสำรวจตลาดหนังสือ ออนไลน์ แก้ไขลบ
ตื่นเถิดชาวไทย
เมื่อเช้าทดลองปลุกภรรยาด้วยเพลงนี้ครับ ไม่ค่อยได้ผลเพราะแฟนไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ แต่ก็ตื่นครับ (ได้ผลใช้ได้)
ว่าจะปลุกด้วยเพลงต่างๆตอนเช้าแล้ว แต่ยังเอาเข้า iphone alarm มะเป็นเลย
...
http://youtu.be/7WRvrUh9xLQ
เพลงนี้ถูกแต่งโดย พลตรีหลวงวิจิตรวาทการครับ เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ท่านหนึงที่ ถือได้ว่าเป็น multi-talent ของไทยทีเดียว ท่านเป็นทั้งนักการทูต นักพูด นักคิด นักเขียน นักแต่งเพลง ฯลฯ หากท่านยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้คงอายุ สัก 115 ปีครับ(น่าจะยุคเดียวกับ ฟิเชอร์นะ) แต่ไม่น่าเชื่อหนังสือของท่านที่ผมเคยอ่านแม้ท่านเขียนในอดีต กลับยังทันสมัยถึงทุกวันนี้ เช่นหนังสือ ที่เป็นแบบทดสอบตัวเอง กำลังใจ กำลังความคิด วิธีทำงานและสร้างอนาคต หรือแม้แต่นิยายายสนุกๆ เมื่อข้าพเจ้าหนีเมีย
มีคำคมดีๆหลายข้อความที่ท่านเขียน วันนี้ผมขออ้างถึงข้อความนึงละกันครับ
"โชคร้ายเท่านั้นที่จะช่วยให้เรารู้จักญาติมิตรของเราตามที่เป็นจริง แทนที่โชคร้ายจะเป็นความร้าย โชคร้ายกลับเป็นความดี ที่ช่วยให้เราสามารถกลั่นกรองเอาญาติมิตรที่ดีไว้ และกวาดทิ้งญาติมิตรที่ร้ายออกไป นักปราชญ์หลายคนกล่าวว่า โชคร้ายเท่านั้นที่จะช่วยให้เรารู้จักตัวเองและรู้จักคนอื่นด้วย"
"อันที่จริงชีวิตลำบากนั่นเองเป็นเหตุทำคนให้เป็นคน เพราะความลำบากชั่วขณะหนึ่ง ย่อมจะเป็นผลดีไปชั่วกาลนาน ถ้าเราจะต้องการรู้จักว่า คนเราจะรอดพ้นความลำบากได้อย่างไร เราก็ต้องยอมเข้าประจันหน้ากับความลำบาก"
---------
ว่าแล้วขอลองสำรวจตลาดของ e-book store หน่อยดีกว่า (ผมแอบเป็น affiliate ด้วยน้า) ไหนๆ พูดเรื่องหนังสือแล้ว
Se-ed
http://www.se-ed.com/eShop/Search/Searc ... ctType=All
สร้างสรรบุ๊ค
http://www.sangsanbooks.com/product-th- ... 0&id&cat_w
Trendyday
http://www.trendyday.com/Search?query=% ... &x=16&y=19
B2S
http://www.b2sebook.com/Search.aspx?mod ... 2%E0%B8%A3
นายอินทร์
https://www.naiin.com/product/search
ดอกหญ้าออนไลน์
http://www.booksonline.in.th/search.php ... rch&page=1
ศูนย์หนังสือจุฬา
http://www.chulabook.com/speedsearch.as ... le&x=0&y=0
และสุดท้าย google
http://www.google.co.th/#sclient=tablet ... 24&bih=672
เอเชียบุ๊ค
https://www.asiabooks.com/BooksNot_Foun ... +not+found
ร้านหนังสือมือสอง
http://www.google.co.th/custom?domains= ... %3A1&hl=en
บอกว่าเจอ 5 เว็บ จาก 8 และอีก 3 เว็บต้องสมัครสมาชิกก่อน แต่ไม่บอกครับว่าใครบ้าง อิอิสำรวจตลาด แบบคนป่วย
ขอเทียบ bench mark ระดับโลกซะหน่อย เจอแล้วฮาเลย
Amazon
http://www.google.co.th/custom?domains= ... %3A1&hl=en
Barns&noble
http://www.barnesandnoble.com/s/------- ... llproducts
Ebay
http://www.ebay.com/sch/i.html?_odkw=%E ... 3&_sacat=0
สุดท้าย ทดสอบของฟรีครับ
http://search.4shar/ ed.comหนังสือหลวงว ... าร?view=ls
google
http://www.google.co.th/search?q=%E0%B8 ... ent=safari
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 10, 2013 6:23 pm
โดย dr1
เอ่อ...
คุณTฮะ
ฮิวมอริสต์(ครูอบ ไชยวสุ)
ท่านว่าไม่ให้เรียก"คนป่วย"ฮะ
ฟังดูมันปี้ป่น อะไรประมาณนั้น
ท่านให้เรียก"คนไข้" หรือ"ผู้ป่วย"นะฮะ
มาแซวก่อนจะเป็นพระ
ไม่งั้นเด๋วบาป
ไปล่ะ แว้บบบ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ม.ค. 10, 2013 8:06 pm
โดย prajuvb
หลวงวิจิตรเป็นคนเก่งครับ
เป็นมือซ้าย(มือขวาคือพลเอกเผ่า)ของท่านจอมพลป.
แต่บางอย่างผมว่าติดจะเผด็จการเอามากๆเช่น
ห้ามกินหมาก
ต้องสวมหมวกเมื่อออกจากบ้าน(มาลานำไทย)
คำสรรพนามใช้คุณใช้ท่าน คำรับใช้จ๊ะจ๋า
ลดสระพยัญชนะเหลือ30ตัว(ไม่แน่ใจตัวเลข)
เชียร์ลิเก กับรำวง
จะเป็นมหาอำนาจถ้าพร้อมใจกันกินก๋วยเตียว
เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย
อีกเยอะครับ
ผมเคยอ่านสามเกลอฉบับภาษาวิบัติ(ยุคจอมพลป.)
ขำกว่าเดิมอีกหลายเท่า
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 11, 2013 7:23 pm
โดย T_0007
555 ขอบคุณมุขของพี่ dr1 กับเกล็ดของพี่ prajuvb ครับ เป็นอีกเกล็ดที่ผมได้เรียนเพื่ม
วันนี้ ค่ารักษาพยาบาลออกแล้วครับ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ เป็นการพิสูจน์ ถึงค่าใช้จ่ายในการรักษา ที่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย ในบทความก่อน ๆ
นอน 37 วัน ยังไม่รวมค่า แพทย์ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 434,418 ตกเฉลี่ยวันละ 11,742 บาท ถ้ารวมค่าแพทย์ คงเพิ่มอีกหน่อย (ค่าเฉลี่ยที่เคยเขียนไว้ อยู่ที่ 14,000) จำตัวเลข 4แสนได้ว่า พี่โจเคยเล่าว่า เป็นเงินเริ่มต้นลงทุนประมาณนี้ โถ ถ้าผมเอาก้อนนี้ไปลงทุนแบบพี่โจ แล้วอีก 8 ปี จะเป็นเท่าไหร่ ………..
แต่ทางโรงพยาบาล จะมีค่า ลดให้ เนื่องจากเป็นคนไข้ที่ดี นอนนาน ไม่หนีเที่ยว นอกจากแซวพยาบาลอย่างเดียว ครับ
วันนี้ ผมจะไม่เขียนเรื่อง โรงพยาบาล แต่จะเขียนเรื่อง ประกันละกัน (ต้องขอยอมรับเลยว่า ผมก็เคยติดบ่วงนี้ มากเหมือนกัน)
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 11, 2013 7:24 pm
โดย T_0007
1. วางแผนสภาพคล่อง (ก่อนอื่นก็ต้องมีเงินจับจ่ายใช้สอยคล่องมือก่อนใช่ไหมครับ) ตอนแรกๆ ผมก็ติดบ่วงนี้เหมือนกัน เพราะเอาเงินมาลงทุนหมด พอสิ้นเดือน ก็ชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่มีเงิน ก็ต้อง บังคับให้เราขายหุ้น เอาเงินมาใช้ โดนบังคับขาย ดังนั้น ขั้นแรก เราต้อง มีเงินเพียงพอต่อการใช้จ่ายที่จำเป็น และ สำรองเผื่อ ฉุกเฉินก่อน 3-6 เดือนของค่าใช้จ่าย
2. วางแผนปกป้องความเสี่ยง (อันนี้ ก็คือ ปิดความเสี่ยง ) ประกันก็เป็นหนึ่งในวิธีนี้ ลองคิดภาพว่าเรา กำลังก่อกองทรายอยู่ ก่อไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้ มีกำแพงกั้นน้ำทะเลไว้ พอน้ำขึ้น มาก็ซัดปราสาททรายที่เรายังก่อไม่เสร็จล้มครืนลงมา แล้ว ก็เสียปล่าว เปรียบเสมือน เราลงทุนเลย แต่ เรายังไม่มีการปิดความเสี่ยง ของเราเลย (เปรียบง่ายๆ พ่อต้องการลงทุนเพื่อจุดประสงค์ให้เป็นทุนการศึกษาลูก ต้องการเงิน 10ล้าน ในเวลา 10 ปี ปรากฏว่า พอผ่านไป ปีที่ 5 พ่อเกิดเสียชีวิต แล้วอย่างงี้ ลูกก็ไม่ถึง 10 ล้านอยู่ดีใช่ไหมครับ)
วิธีการปกป้อง ความเสี่ยงนั้นตามหลักการบริหารการเงินส่วนบุคคลนั้น แบ่งไว้ 4 แบบ
1. การหลีกเลี่ยงความเสี่ยง เช่น เราเห็นว่า ไม่อยากบาดเจ็บจากการจลาจล ก็ไม่ไปอยู่แถวนั้น หรือมองว่า มอเตอร์ไซค์นั้นอันตราย ก็หลีกลี่ยง การขี่มอเตอร์ไซค์
2. การลดความเสี่ยง เช่นการลดความรุนแรงของอุบัติเหตุทางรถยนต์ ด้วยการคาดเข็มขัดนิรภัย
3. การยอมรับความเสี่ยงภัยไว้เอง เช่นบางคน อาจจะไม่ทำประกันสุขภาพ เพราะคิดว่าเราไม่ป่วยบ่อย แต่จะใช้วิธี การเก็บเงินไว้เองเป็นกองทุนหนึ่ง - ผมมีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งคือ มีนักวิเคราะห์ที่เก่งมากท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นหลานของเพื่อนผม(พอดีผมมีเพื่อนอายุมากไม่ใช่ผมแก่นะครับ) เธอบอกไว้ว่า จริงๆ ประกันสุขภาพนะ ไม่ต้องทำหรอก เอาเงินมาฝากเธอเดือนละพันดีกว่า เดี๋ยวเธอบริหารให้ ผมได้ยินคำนี้เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว ผมเพิ่งโทรไปหาเพื่อนรุ่นพี่ผมอีกครั้งเมื่อวันนี้เอง เมื่อผมสุขภาพดีขึ้นแล้ว โดยผมบอกกับเธอว่า น่าเสียดาย ที่ผมไม่ได้ฝากเธอบริหาร เพราะถ้ากลางปีที่แล้ว ถึงตอนนี้ ผมคงฝากเธอไปแค่ 6000 แต่ เบิกได้ถึง 4แสน จากค่าป่วยครั้งนี้ ความจริงมันต่างกันนิดเดียว คือ หลักประกันภัย เป็น การเฉลี่ย ความเสี่ยง ดังนั้น หากเธอคิดใหม่ว่า ให้คน หลายๆคน ฝากเธอทุกเดือน แล้ว เธอคำนวณนิดหน่อย แล้วไปทำเป็นกองทุนหนึ่งขึ้นมา เพื่อเฉลี่ยความเสี่ยง ของแต่ละคน (อันนี้ หมายความว่า คนแต่ละคน คงไม่ได้เข้า รพ หนักๆ เหมือนผมพร้อมกัน)
4. การโอนความเสี่ยง กรณี มักใช้ในเรื่องที่มีผลกระทบรุนแรง และโอกาสเกิดน้อย เช่น มีบ้านอยู่หลังเดียว แล้วไฟไหม้ เป็นมะเร็ง เสียชีวิต หรือป่วย ร้ายแรง ซึ่ง การคิดว่าอะไร สามารถมีผลกระทบเท่าไหร่ แล้ว รับได้รับไประเภทไม่ได้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนครับ
Re: เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล จากสมองอันน้อยนิด ด้วยอุปกรณ์และส
โพสต์แล้ว: ศุกร์ ม.ค. 11, 2013 7:24 pm
โดย T_0007
แต่บางครั้ง ประกันก็แบ่ง เป็นสองอย่าง คือ ประกัน ชีวิต เรียกว่า ตายหรืออยู่ กับประกัน วินาศภัย อย่างพวกเจ็บป่วยหรือ อุบัติเหตุนี้ก็ถือเป็นประกันวินาศภัยประเภทหนึ่ง เหมือนกันนะครับ แม้จะขายโดยบริษัทประกันชีวิตเหมือนกัน (แต่เป็นเบี้ยกินเปล่าปีต่อปี)
แม้ว่า ปริมาณ สัดส่วนคนที่มีประกัน ในประเทศไทย ยังน้อย เมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว แม้ผมอยากจะให้มันเติบโตขึ้น และมองเห็นโอกาสที่อุตสาหกรรมเติบโตขึ้นและเป็นประโยชน์ แต่ผมบอกตามตรงครับ จากที่ผมมีโอกาสได้สัมผัส เกี่ยวกับตัวแทนประกันนั้น จรรยาบรรณ แย่มาก หลังจากที่ผมได้เรียนรู้เรื่อง CFP บางส่วนโดยการเข้าอบรม ผม ก็คิดว่า ประกันก็ควรเป็นส่วนหนึ่ง ที่ผมควรจะใช้ในการวางแผนการเงินเช่นกัน ผมจึงไปสมัครเป็นตัวแทน เพื่อที่จะ ซื้อให้ตัวเอง ตอนแรกผมก็ไปสอบครับ และได้เป็นตัวแทน แต่ ผมมีประสบการณ์ กับตัวหน่วยนี้ไม่ค่อยดีมากจริงๆ ขอบอกเลยครับ ว่าเป็นประกันสีแดง ผมขอความช่วยเหลือ ผู้บริหารหน่วยไป 3 ครั้งแล้ว ทุกครั้ง ผมจะได้รับคำตอบว่า ผมไม่ว่าง วันนี้วันหยุดผม แม้กระทั่งผมบอกว่า ผมตาจะบอดก็ไม่มีการมาช่วย โอเคครับ สองครั้ง แรก ผมได้ อโหสิกรรมไปแล้ว แต่ วันนี้ ผมก็ได้โทรไปอีกเพื่อ ใช้ช่วยรีวิวสัญญาให้ หน่อยว่า ผม พอจะเบิกค่าใช้จ่ายอะไรได้ บ้าง คำตอบก็ยังเป็นไม่ว่าง ผมอยู่ชลบุรี (ขอโทษครับ ออฟฟิสคุณอยู่สี่พระยา วันธรรมดา คุณไม่มีคนอยู่ออฟฟิส เลยหรือไงครับ ขนาดว่า ผมบอกด้วยซ้ำไปว่าผมอยู่โรงพยาบาล มาเดือนกว่าแล้ว ) ก็ให้ผมถ่ายรูปกรรมธรรมส่งไปให้ ดู ส่งไปให้ดูตั้งนานแล้วก็เงียบครับ ปากก็บอกว่า ต้องให้เป็นมืออาชีพ จะมาบอกว่าพี่อย่าเพิ่งตายนะครับผมไม่ว่าง พี่รอผมประชุมนิดนึงนะ อะไรอย่างนี้จะฝากผีฝากไข้ได้ไหมครับ ก็ในเมื่อ ผม อโหสิกรรม ไปแล้วถึง 2 ครั้ง ก็ยังไม่มีจรรยาบรรณ อีก ผมก็คงต้อง แจ้งเพื่อพัฒนาจรรยาบรรณหละครับ เมื่อกี้โทรมาและ ช่วยอะไรไม่ค่อยได้ แต่ก็ยังดี โทรมา แต่ผมรู้สึกได้ทันทีว่าทุกอย่างเป็นข้ออ้างของการพูดสุภาพ และทิ้งภาระ “ผมเข้าใจพี่ครับ แต่ผมคิดว่า ถ้าพี่อยู่ในภาวะปกติ พี่คงไม่เขียน FB” ขอโทษนะครับ ผมไม่เคยเขียนชื่อ เลยครับ ว่าคุณคือใคร ในเมื่อคุณ ใช้คำอย่างนี้ ผมก็คงต้อง เขียนเพียงครั้ง เดียวครับ ว่า ตัวแทนประกันที่ผม เจอ คือ หน่วย Wealth Creation ของ AIA ครับ ส่วนหน่วยดี นั้น ผมก็ได้เคยเขียนชมไปแล้วครับ ก็คงต้อง บอกว่า การจะทำประกันก็ควรต้อง ทำกับ คนที่เชื่อถือได้ ไว้ใจได้ ด้วย เอาใจเขามาใส่ใจเราด้วย เพราะว่า จะฝากชีวิตไว้ เข้าใจครับ ว่าเบี้ย มันก็ได้ แค่ ปี 2 ปีแรก นี่แค่เริ่มแรกก็ยังขนาดนี้เลย ครับ ดังนั้น บางที เจอคนใส่เสื้อสูท ติดเข็ม ก็ต้อง ดูก่อนนะครับ ว่าจริงๆ แล้วเราจะฝากผีฝากใช้กับเขาได้หรือไม่ เขามีจรรยาบรรณพอหรือไม่
ตอนนี้ ผม คงแต่นี้ก่อน เขียนครั้งนี้ จบแล้วจบกัน ครับ ถือว่า ผมมาเตือนเพื่อนๆ ให้ ระวังสิ่งไม่ได้ละกันครับ และก็เตือนวงการประกันว่า ควรจะพัฒนาจรรยาบรรณของการบริการให้ดีกว่านี้ครับ