เฟดรับศก.สหรัฐเผชิญความเสี่ยง ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่
11 มกราคม พ.ศ. 2551 10:41:00
ประธานเฟดรับเศรษฐกิจสหรัฐเผชิญความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น พร้อมส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้น นักวิเคราะห์คาดเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมปลายเดือนนี้
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : นายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยอมรับเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น และส่งสัญญาณว่าเฟดพร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างรุนแรงเพื่อหนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.50 % ในการประชุมวันที่ 29-30 ม.ค.
ทั้งนี้ ในการกล่าวสุนทรพจน์เรื่อง "ตลาดการเงิน, แนวโน้มเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน" ต่อที่ประชุมสมาคมที่อยู่อาศัยและการเงิน/การคลังนั้น นายเบอร์นันเก้ระบุว่า ปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อระดับการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในปีนี้รวมถึง ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น, ราคาหุ้นที่ร่วงลง และมูลค่าบ้านที่ลดต่ำลง
"หลังจากแนวโน้มการเติบโตและความเสี่ยงที่มีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจได้เปลี่ยนแปลงไปในระยะนี้ การผ่อนคลายนโยบายลงไปอีกก็อาจเป็นสิ่งที่จำเป็น" นายเบอร์นันเก้กล่าว
"เราพร้อมที่จะดำเนินมาตรการเพิ่มเติมตามความจำเป็นเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและเพื่อให้การรับประกันที่เพียงพอในการป้องกันความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ช่วงขาลง" นายเบอร์นันเก้กล่าว
นักวิเคราะห์แสดงความพึงพอใจต่อการที่นายเบอร์นันเก้ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องอันตรายที่เศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญอยู่ ในขณะที่บางคนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยแล้วในขณะนี้
"ผมคิดว่าคุณเบอร์นันเก้ได้ยอมรับความจริงที่ว่า ในขณะที่อัตราเงินเฟ้ออาจจะสร้างความกังวลในอนาคต เขาก็ต้องจัดการกับปัญหาเร่งด่วนในขณะนี้ ซึ่งก็คือความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย" นายแองเจล มาตา กรรมการผู้จัดการ
แผนกการค้าหุ้นจดทะเบียนของบริษัทสไตเฟล นิโคเลาส์ แคปิตัล มาร์เก็ตส์กล่าว
นายเบอร์นันเก้กล่าวเตือนว่า สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว และสิ่งนี้หมายความว่าเฟด "ต้องมีความพร้อมเป็นอย่างมากและต้องมีความยืดหยุ่น โดยเฟดต้องพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเฉียบขาดและทันท่วงที
โดยเฉพาะในการจัดการกับความเคลื่อนไหวในทางลบที่อาจเป็นภัยคุกคามต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจหรือการเงิน"
ตลาดหุ้นสหรัฐทะยานขึ้นในช่วงแรกหลังจากนายเบอร์นันเก้แสดงความเห็นดังกล่าว แต่ได้อ่อนตัวลงในช่วงต่อมา ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาปิดตลาดในแดนบวกโดยได้รับแรงหนุนจากข่าวที่ว่า ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกาอยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการบริษัทคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล คอร์ป ซึ่งเป็นสถาบันการเงินผู้ปล่อยกู้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้บวกขึ้น 117.78 จุด สู่ 12,853.09 ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดขยับขึ้น 13.97 จุด สู่ 2,488.52
ราคาพันธบัตรส่วนใหญ่ปิดร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนถอนเงินลงทุนออกจากพันธบัตรเพื่อไปซื้อหุ้น โดยราคาพันธบัตรปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าโดยได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า เฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นลง 0.50 % สู่ 3.75 %
ในการประชุมวันที่ 29-30 ม.ค.นี้
สัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยปรับตัวรับความเป็นไปได้ที่สูงมากที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50 % โดยเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมาแล้ว 1 % นับตั้งแต่กลางเดือนก.ย.เป็นต้นมา
นายเบอร์นันเก้ระบุว่า ขณะนี้ผู้กำหนดนโยบายทางการเงินมีความกังวลกับการรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ มากกว่ากังวลกับภาวะเงินเฟ้อ โดยเขากล่าวว่าการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้อ "อยู่ภายใต้การควบคุมเป็นอย่างดี" และให้สัญญาว่าจะจับตาดูการคาดการณ์ภาวะเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด
นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า "ข้อมูลที่ออกมาในช่วงนี้บ่งชี้ว่า กิจกรรมที่แท้จริงมีแนวโน้มย่ำแย่ลงในปีนี้ และความเสี่ยงที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจจะเข้าสู่ช่วงขาลงได้ปรากฏออกมาอย่างเด่นชัดยิ่งขึ้น" นอกจากนี้ นายเบอร์นันเก้ยังระบุว่า
"มีหลักฐานจำนวนมากที่บ่งชี้ว่า ภาคธนาคารใช้ความเข้มงวดมากยิ่งขึ้นในการปล่อยกู้" แก่ผู้บริโภคและธุรกิจ
อย่างไรก็ดี นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้สำเร็จ โดยเขากล่าวว่า "เฟดไม่ได้คาดการณ์ว่าสหรัฐจะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่เฟดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างเชื่องช้า"
นายเบอร์นันเก้ยังกล่าวว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีนี้จะไม่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของกรรมการเฟดเกี่ยวกับวิธีที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อไป
"การจัดทำนโยบายที่ดีเป็นเรื่องที่ยากพออยู่แล้วท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจและระบบการเงินที่ซับซ้อน" นายเบอร์นันเก้กล่าว
"ปัจจัยทางการเมืองจะไม่มีบทบาทแต่อย่างใด และผมขอรับรองกับคุณเท่าที่ผมทำได้ว่า เราจะใช้ความเป็นกลาง และจะพินิจพิเคราะห์ และเราจะทำในสิ่งที่เหมาะสมสำหรับเศรษฐกิจ" ประธานเฟดกล่าว
นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า รายงานในวันศุกร์ที่แล้วที่ระบุว่า การจ้างงานเพิ่มขึ้นเพียง 18,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนที่บ่งชี้ว่าความเสี่ยงทางเศรษฐกิจเพิ่มสูงขึ้น และเขากล่าวว่า "ถ้าหากตลาดแรงงานตกต่ำลง ระดับการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคก็จะเผชิญกับความเสี่ยงมากยิ่งขึ้น"
นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า ตลาดการเงินที่ยังคงปั่นป่วนถือเป็นเรื่องที่น่ากังวล และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าธนาคารและกิจการอื่นๆสูญเสียเงินมากเพียงใดในขณะที่การผิดนัดชำระหนี้จำนองพุ่งสูงขึ้น
อย่างไรก็ดี นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า ภาคธนาคารเผชิญกับสถานการณ์ที่ปั่นป่วนในปัจจุบัน ในขณะที่อยู่ในสถานะที่ดีและน่าจะผ่านพ้นปัญหานี้ไปได้
นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า "ถึงแม้สถาบันการเงินขนาดใหญ่บางแห่งปรับลดมูลค่าในบัญชีลงหลายพันล้านดอลลาร์และราคาหุ้นร่วงลง แต่ระบบธนาคารก็ยังคงแข็งแกร่ง แต่ถึงกระนั้นก็ดี ตลาดก็ยังคงเผชิญกับความตึงเครียดเป็นอย่างมากและสิ่งนี้ยังคงเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง"
นายเบอร์นันเก้กล่าวว่า อัตราการยึดบ้านติดจำนองที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้เจ้าหนี้ไม่กล้าปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้ ถึงแม้ลูกหนี้รายนั้นไม่จัดอยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม) และภาวะนี้ก็ส่งผลให้ปัญหาในตลาดที่อยู่อาศัยลุกลามออกไปในวงกว้างทั่วทั้งภาคเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นายเบอร์นันเก้ยังกล่าวว่า มาตรการของเฟดในการเปิดประมูลสินเชื่อพิเศษเพื่ออัดฉีดสภาพคล่องให้กับระบบการธนาคารกำลังประสบผลสำเร็จในขณะนี้ โดยมาตรการนี้มีจุดประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ภาคธนาคารปล่อยกู้ต่อไป และนายเบอร์นันเก้กล่าวว่ามาตรการเปิดประมูลเงินกู้นี้อาจจะกลายเป็นมาตรการถาวร
http://www.bangkokbiznews.com/2008/01/1 ... sid=219273