news06/09/07
โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 06, 2007 1:07 pm
หาจังหวะเก็บแบงก์ดักงบสวยQ3
โบรกแนะรอจังหวะช้อนหุ้นแบงก์ราคาต่ำ ดักงบไตรมาส 3 เพราะไตรมาสนี้ปลอดสำรอง แถมรับเละปันผลวายุภักษ์กว่า 2 พันล้านบาท ส่วนไตรมาส 4 แม้โดนตั้งสำรองเชิงคุณภาพหนัก หลังแบงก์ชาติส่งสัญญาณให้ตั้งสำรองจบภายในปีนี้ เชื่อแบงก์เล็กส่อแววสำรองเพิ่ม แต่แบงก์ใหญ่ไม่กระทบ คัดหุ้นเด่นBBLและKBANK
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาส 3/2550 ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะออกมาดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2550 เนื่องจากในไตรมาส 3/2550 ไม่ได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองหนี้เช่นไตรมาส 2/2550 อีกทั้งในไตรมาส 3/2550 ธนาคารบางแห่งจะได้เงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งคาดว่าจะมีเงินปันผลดังกล่าวเข้ามากว่า 2 พันล้านบาท
สำหรับแนวโน้มหุ้นกลุ่มธนาคารในสัปดาห์หน้าอาจจะมีโอกาสฟื้นตัวได้ และหากราคาหุ้นปรับลงแรงจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา โดยธนาคารที่น่าสนใจ และแนะนำทยอยซื้อ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) KBANK ประเมินราคาเหมาะสม 91.00 บาท และธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) BBL ราคาเหมาะสม 142.00 บาท
ส่วนไตรมาส 4/2550 หากธนาคารพาณิชย์ต้องตั้งสำรองเชิงคุณภาพเชื่อว่าไม่น่าส่งผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มากเพราะที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังอยู่แล้ว จึงคาดว่าไม่ต้องตั้งสำรองเพิ่มในส่วนดังกล่าวมากนัก
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กยังมีความน่าเป็นห่วงในประเด็นการตั้งสำรองเพิ่มมากขึ้น ทั้งการตั้งสำรองตามเกณฑ์ IAS 39 และการตั้งสำรองเชิงคุณภาพ โดยเฉพาะหากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กำหนดให้ธนาคารต้องตั้งสำรองเชิงคุณภาพให้ครบภายในไตรมาส 4/2550 แต่การตั้งสำรองดังกล่าวจะส่งผลดีต่อธนาคารพาณิชย์ในปีหน้า เพราะนอกจากจะมีความพร้อมมากขึ้น ยังทำให้ปีหน้าไม่มีภาระการตั้งสำรอง รวมทั้งเชื่อว่าปีหน้าสินเชื่อของธนาคารจะเติบโตดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หากธนาคารพาณิชย์ต้องตั้งสำรองเชิงคุณภาพให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/2550 อาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรของธนาคาร แต่ไม่กระทบต่อรายได้ เนื่องจากการตั้งสำรองเชิงคุณภาพเป็นการตั้งสำรองในกรณีที่พบว่าลูกค้าเริ่มมีผลการดำเนินงานแย่ลง แม้ว่าจะยังสามารถชำระหนี้ของธนาคารได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามธนาคารใดจะต้องตั้งสำรองมากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับการตรวจสอบลูกหนี้ของแต่ละธนาคาร
การตั้งสำรองเชิงคุณภาพไม่กระทบต่อกระแสเงินสดของธนาคาร เพราะลูกค้ายังชำระหนี้ได้ตามปกติ แต่จะทำให้กำไรลดลง อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวธนาคารได้ดำเนินการมา 2-3 ปีแล้ว จึงไม่น่าส่งผลกระทบมาก นักวิเคราะห์ กล่าว
ก่อนหน้านี้นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน) SCIB ระบุว่า ธนาคารมีแนวโน้มที่จะจ่ายปันผลงวดเดียวในช่วงสิ้นปี โดยงดจ่ายปันผลระหว่างกาล เพราะได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองตามเกณฑ์ IAS 39 และต้องเตรียมความพร้อมตั้งสำรองเชิงคุณภาพที่ธปท.ส่งสัญญาณว่าจะต้องตั้งสำรองภายในไตรมาส 4/2550 เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่งในปี 2551
BBL(5 ก.ย.)ปิดที่ 117.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 136.99 ล้านบาท และKBANKปิดที่ 78.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 177.40 ล้านบาท
http://www.thunhoon.com/home/default.asp
โบรกแนะรอจังหวะช้อนหุ้นแบงก์ราคาต่ำ ดักงบไตรมาส 3 เพราะไตรมาสนี้ปลอดสำรอง แถมรับเละปันผลวายุภักษ์กว่า 2 พันล้านบาท ส่วนไตรมาส 4 แม้โดนตั้งสำรองเชิงคุณภาพหนัก หลังแบงก์ชาติส่งสัญญาณให้ตั้งสำรองจบภายในปีนี้ เชื่อแบงก์เล็กส่อแววสำรองเพิ่ม แต่แบงก์ใหญ่ไม่กระทบ คัดหุ้นเด่นBBLและKBANK
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์กรุงศรีอยุธยา จำกัด กล่าวว่า ในไตรมาส 3/2550 ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะออกมาดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2550 เนื่องจากในไตรมาส 3/2550 ไม่ได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองหนี้เช่นไตรมาส 2/2550 อีกทั้งในไตรมาส 3/2550 ธนาคารบางแห่งจะได้เงินปันผลจากกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งคาดว่าจะมีเงินปันผลดังกล่าวเข้ามากว่า 2 พันล้านบาท
สำหรับแนวโน้มหุ้นกลุ่มธนาคารในสัปดาห์หน้าอาจจะมีโอกาสฟื้นตัวได้ และหากราคาหุ้นปรับลงแรงจะมีแรงซื้อกลับเข้ามา โดยธนาคารที่น่าสนใจ และแนะนำทยอยซื้อ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) KBANK ประเมินราคาเหมาะสม 91.00 บาท และธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) BBL ราคาเหมาะสม 142.00 บาท
ส่วนไตรมาส 4/2550 หากธนาคารพาณิชย์ต้องตั้งสำรองเชิงคุณภาพเชื่อว่าไม่น่าส่งผลกระทบต่อธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่มากเพราะที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์มีความระมัดระวังอยู่แล้ว จึงคาดว่าไม่ต้องตั้งสำรองเพิ่มในส่วนดังกล่าวมากนัก
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งปีหลังธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็กยังมีความน่าเป็นห่วงในประเด็นการตั้งสำรองเพิ่มมากขึ้น ทั้งการตั้งสำรองตามเกณฑ์ IAS 39 และการตั้งสำรองเชิงคุณภาพ โดยเฉพาะหากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)กำหนดให้ธนาคารต้องตั้งสำรองเชิงคุณภาพให้ครบภายในไตรมาส 4/2550 แต่การตั้งสำรองดังกล่าวจะส่งผลดีต่อธนาคารพาณิชย์ในปีหน้า เพราะนอกจากจะมีความพร้อมมากขึ้น ยังทำให้ปีหน้าไม่มีภาระการตั้งสำรอง รวมทั้งเชื่อว่าปีหน้าสินเชื่อของธนาคารจะเติบโตดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์พัฒนสิน จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า หากธนาคารพาณิชย์ต้องตั้งสำรองเชิงคุณภาพให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาส 4/2550 อาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรของธนาคาร แต่ไม่กระทบต่อรายได้ เนื่องจากการตั้งสำรองเชิงคุณภาพเป็นการตั้งสำรองในกรณีที่พบว่าลูกค้าเริ่มมีผลการดำเนินงานแย่ลง แม้ว่าจะยังสามารถชำระหนี้ของธนาคารได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามธนาคารใดจะต้องตั้งสำรองมากน้อยเท่าใดขึ้นอยู่กับการตรวจสอบลูกหนี้ของแต่ละธนาคาร
การตั้งสำรองเชิงคุณภาพไม่กระทบต่อกระแสเงินสดของธนาคาร เพราะลูกค้ายังชำระหนี้ได้ตามปกติ แต่จะทำให้กำไรลดลง อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวธนาคารได้ดำเนินการมา 2-3 ปีแล้ว จึงไม่น่าส่งผลกระทบมาก นักวิเคราะห์ กล่าว
ก่อนหน้านี้นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน) SCIB ระบุว่า ธนาคารมีแนวโน้มที่จะจ่ายปันผลงวดเดียวในช่วงสิ้นปี โดยงดจ่ายปันผลระหว่างกาล เพราะได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองตามเกณฑ์ IAS 39 และต้องเตรียมความพร้อมตั้งสำรองเชิงคุณภาพที่ธปท.ส่งสัญญาณว่าจะต้องตั้งสำรองภายในไตรมาส 4/2550 เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่งในปี 2551
BBL(5 ก.ย.)ปิดที่ 117.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 136.99 ล้านบาท และKBANKปิดที่ 78.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 177.40 ล้านบาท
http://www.thunhoon.com/home/default.asp