หน้า 6 จากทั้งหมด 7

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 4:58 pm
โดย CK
ผมขอถามว่า ทำไมดัชนี SET ถึงได้ลดลงในช่วงปีที่แล้ว ถึงปีนี้ ทั้งๆที่เศรษฐกิจของประเทศก็เติบโตขึ้น ผลการดำเนินงานของบริษัททั้งหลายก็ดีขึ้น
คำตอบแบบสูตรสำเร็จจาก Brokers:
ปรับตัวทางเทคนิค เพราะปีก่อนหน้าขึ้นมาเยอะ

คำตอบสูตรสำเร็จแบบพื้นฐาน:
Mr. Market is unpredictable, at best

คำตอบของนักทฤษฎี:
เพราะเศรษฐกิจปีนี้จะไม่ดี

คำตอบของคุณดัชนีไทย:
เพราะ SET Index มันเบี่ยงเบน

คำตอบของแมงเม่า:
เพราะ @#$% มันขาย

คำตอบของคุณทักษิณ:
ฝ่ายค้านทำให้มันเป็นเรื่องการเมือง

คำตอบของคุณอภิสิทธิ์:
รัฐบาลคอรัปชั่น

คำตอบของคุณพุ่มไม้:
เพราะโลกเรายังมีการก่อการร้าย

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 5:02 pm
โดย chatchai
นั่นซิ มีหลายเหตุผลมากเลย ดังนั้นราคาหุ้นก็อาจจะลงได้ ถึงแม้ผลการดำเนินงานจะดีขึ้น

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 5:03 pm
โดย Jeng
รูปภาพ

ผมสงสัยจริงๆทำไมคุณมีหลายคำตอบ ฟื๊ด ฟื๊ด :D

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 5:05 pm
โดย chatchai
สงสัยคุณ CK คงเคยติดยอดดอย เลยมีประสบการณ์เยอะ

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 5:27 pm
โดย CK
สงสัยคุณ CK คงเคยติดยอดดอย เลยมีประสบการณ์เยอะ
:mrgreen: เคยติดครั้งเดียวและตัวเดียวครับ CirKit ที่ 50 บาท
บทเรียนราคาแพง

หลังจากนั้น ใน 18 กลยุทธ ผมใช้กลยุทธงาบแล้วชิ่งบ่อยที่สุด

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 6:13 pm
โดย ภรรโยโฟเบีย
เต็มเปี่ยมด้วยสาระ :D :D
ขอบคุณ และ ชื่นชม ทุกท่าน
ที่ร่วมกันแลกเปลี่ยนแนวคิด ประสพการณ์
อยากจะร่วมแจมด้วย แต่ยังสับสนในแนวคิดของตัวเองอยู่ :oops:

เสียดายวันเสาร์นี้ติดธุระ
หวังว่าหลังงานเลิกท่านๆคงอยู่คุยกันต่อนะ
จะรีบบึ่งไปร่วมถกด้วยคนครับ
:)

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 6:18 pm
โดย Jeng
ครับ เราจองเวลาเพิ่มอีก 2 ชั่วโมงเพือให้สมาชิกที่มาประชุม ทำความรู้จักกันครับ

งานเลิก 4.30 แต่อยุ่ต่อได้ถึง 6.30 ไม่มีคนมาคอยเก็บโต๊ะไล่แขกครับ

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 8:39 pm
โดย yoyo
คัดท้าย เขียน:ฟันธง ... ผมเชื่อว่าบัฟเฟต ต่างกับเราตรงที่เค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลภายใน จากบริษัทที่เค้าลงทุนไปแบบถึงแก่น ...

แต่เราไม่สามารถทำได้แบบนั้น ....

นี่คือ คำว่า วงใน แบบหนึ่ง

แต่เป็นวงใน ที่ใช้ในการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

สิ่งนี้คือสิ่งที่ผมพยายามบอกว่า เค้าเหาะได้ แต่เราเหาะไม่ได้ ... ดังนั้น ผมเชื่อว่า ในหลายๆอย่างแล้ว เราต้องมีวิธีของเราเอง ... จะทำแบบเค้าหมดคงไม่ได้ครับ
ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ .. ผมก็ใช้ข้อมูลวงในครับเหมือนกันครับ
หุ้นที่ผมจะลงทุนจริงๆจังๆ .. ผมตั้งกฏไว้ว่าผมต้องได้คุยกับผู้บริหารก่อนเสมอ
ผมสงสัย ผมก็โทรไปหาผู้บริหาร เมล์ไปถาม ถาม IR มีโอกาสก็ได้พบตามประชุมผู้ถือหุ้น ตามงาน opportunity day หรือขอพบเป็นการส่วนตัวก็มี
แต่ถ้าเค้าไม่ยอมคุยกับผม ไม่ให้เข้าพบ และผมหาโอกาสพูดคุยซักถามข้อสงสัยที่ผมมีไม่ได้ ... ผมถือว่าผมไม่รู้ และไม่เคลียร์ในสิ่งที่ลงทุน
ผมก็ไม่ซื้อหุ้นครับ
ผมว่าแบบบัฟเฟต์ คนเราก็ทำกันได้นะครับ เพียงแต่ไม่ได้ทำกันอย่างเต็มที่จริงๆ
บัฟเฟต์เหาะได้ ทำไมผมจะเหาะไม่ได้ เค้าคนผมก็คนเหมือนกัน 8)

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 8:43 pm
โดย yoyo
คำถามของผมคือ แล้วอย่าง CEI ละ ผมไม่ได้เจาะจง CEI นะ แค่ยกมาเป็นตัวอย่าง

หลังจาก VI คนนึงได้ซื้อ CEI ไปแล้ว
เค้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันในเวลาปัจจุบัน มันเป็นทองแท้ หรือ ทองเก๊ ..?
ถ้าไม่รู้ว่าทองแท้ทองเก๊ ก็อย่าซื้อสิครับ
หรือว่าซื้อไปแล้วก็ขาย ....
อะไรที่เราไม่รู้ก็เสี่ยงเสมอแหละครับ

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 8:52 pm
โดย yoyo
ผมชอบบัฟเฟต์ครับ แต่ผมไม่ได้บูชาบัฟเฟต์ ..
เค้าเป็นเพียงคนคนหนึ่ง ที่ให้ idea ในการลงทุนที่มีค่ามหาศาลให้กับคนที่สนใจ ตั้งใจและมีความพยายาม
ผมไม่ได้ปฎิบัติตามบัฟเฟต์ทุกอย่าง ไม่ได้เชื่อในทุกคำพูดของบัฟเฟต์
ผมฟัง ผมอ่านวิธีการของบัฟเฟต์ .. แล้วกลับมาคิดว่ามันเป็นวิธีที่ดีหรือไม่
ถ้าส่วนไหนดี ผมก็รับไว้ ถ้าส่วนไหนผมไม่เห็นด้วย ผมก็ปล่อยมันไป
แต่ถ้าจะให้พูดกันตรงๆ ผมก็เชื่อในแนวคิดของบัฟเฟต์เป็นส่วนใหญ่

มีนักลงทุนอีกหลายท่านที่ผมนับถือและนำแนวคิด วิธีการปฏิบัติมาเป็นแนวทางถ้าผมเห็นว่ามันมีประโยชน์สำหรับผม
พี่ครรชิต ผมเห็นถึงความขยัน ความมีน้ำใจ
พี่ปรัญชา ผมเห็นถึงประสบการณ์
คุณ ck ผมเห็นความรู้รอบด้าน
คุณ chatchai ผมเห็นความยึดมั่นในหลักการ
คุณ invisible hand ผมเห็นถึงความทุ่มเท ความมีน้ำใจ
ดร. นิเวศน์ ผมเห็นผมเรียบง่าย การทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายของแก
และพี่ๆเพื่อนๆน้องๆอีกมากมายในเวปนี้ที่ให้อะไรมากมายหลายอย่าง ที่อยากจะขอบคุณรวมถึงทุกคนที่ผมยังไม่ได้เอ่ยถึง

ฟังแล้วคิด แล้วนำมันมาประยุกต์ให้เข้ากับตัวเอง
ทุ่มเท ขยัน อดทน สักวันหนึ่งผมเชื่อว่าใครก็ตามที่มีความพยายาม ก็สามารถที่จะเหาะได้เหมือน buffett ครับ

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 9:59 pm
โดย ลูกอิสาน
คัดท้าย เขียน:ฟันธง ... ผมเชื่อว่าบัฟเฟต ต่างกับเราตรงที่เค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลภายใน จากบริษัทที่เค้าลงทุนไปแบบถึงแก่น ...

แต่เราไม่สามารถทำได้แบบนั้น ....

นี่คือ คำว่า วงใน แบบหนึ่ง

แต่เป็นวงใน ที่ใช้ในการลงทุนแบบเน้นคุณค่า

สิ่งนี้คือสิ่งที่ผมพยายามบอกว่า เค้าเหาะได้ แต่เราเหาะไม่ได้ ... ดังนั้น ผมเชื่อว่า ในหลายๆอย่างแล้ว เราต้องมีวิธีของเราเอง ... จะทำแบบเค้าหมดคงไม่ได้ครับ
ผมจำได้ว่าคัดท้ายเคยโพสต์ทำนองนี้มาหลายครั้งแล้ว

มองดูผิวเผิน ก็ดูเหมือนจะจริง

แต่ในฐานะของคนที่ชื่นชมบัฟเฟต ผมอยากจะตั้งข้อสังเกตุอย่างนี้

1.ถ้านักลงทุนสถาบันเข้าถึงผู้บริหารได้ ทำไมนักลงทุนสถาบันอื่นๆ ส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนบัฟเฟต

2.บริษัทที่วอเรนเข้าซื้อ และมีตำแหน่งกรรมการ ล้วนเกิดขึ้นหลังจากวอเรนซื้อหุ้นจนมีสัดส่วนค่อนข้างมากแล้ว และแน่นอนว่าก่อนที่จะซื้อหุ้นจนมีอำนาจบริหาร วอเรนต้องทำการบ้าน ศึกษาข้อมูลมาอย่างดีแล้ว ไม่น่าจะเป็นเพราะเห็นว่าเป็นบริษัทที่ดี หลังจากมีตำแหน่งกรรมการและได้รู้ข้อมูลวงใน ใช่ไหมครับ

และผมก็ไม่คิดว่าเหตุผลเพียงแค่นี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้วอเรน มีผลงานที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆ มันต้องอาศัยหลายๆอย่างที่จะทำให้แตกต่างออกมาชัดเจน เหมือนวงการเทนนิส ทำไม โรเจอร์ เฟดเดอเร่อ โดดเด่นมาก แทนที่จะเป็นร็อดดิค หรือซาฟิน ซึ่งเสริฟหนักมากๆ คำตอบก็คือ โรเจอร์ มีครบเครื่องกว่า ทั้งโฟแฮนด์ แบ็คแฮนด์ ลูกสไลด์ ลูกเสริฟ ลูกวอลเล่หน้าเน็ต

วอเรน ก็เช่นกัน ครบเครื่องกว่า


ถ้าเราอยากเก่ง ก็ต้องครบเครื่องครับ ผมเห็นด้วยอย่างที่น้องโยโย่ว่ามา
และผมก็ทำอย่างนั้นเช่นกัน คือต้องได้พูดคุยกับผู้บริหารก่อน ยกเว้นแต่บริษัทที่มีโบรคเกอร์ติดตามเยอะอยู่แล้ว

ได้คนขับนักบินที่ดี (มีความรู้ หมั่นศึกษา มีวุฒิภาวะทางอารมณ์)
ได้เครื่องบินที่ดี (เครืองบินเอฟ VI :o )

เราก็น่าจะเหาะได้ เหมือนบัฟเฟต เช่นกัน :D

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 10:17 pm
โดย คัดท้าย
ครับผม ... ขอบคุณมากครับสำหรับพี่ลูกอีสาน กับ คุณ Yoyo ...และหลายๆท่านที่ให้ความเห็นที่แตกต่างครับ

ยินดีที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะครับ ผมก็พูดในสิ่งที่เป้นความเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นเองครับ ซึ่งมันอาจจะเป้นจริง หรือไม่เป็นจริงก็ได้ ... ถ้าพี่หรือเพื่อนๆท่านใด จะมีความเห็นแตกต่าง ผมก็รับฟังความเห็นที่แตกต่างไว้เป็นความรู้ด้วยเสมอครับ ... :D


ปล. เรื่องตัวอย่าง CEI ที่ผมบอกไว้ คุณ Yoyo น่าจะเข้าใจสิ่งที่ผมจะสื่อผิดไปนะครับ ผมอยากให้ลองกลับไปย้อนอ่านดูก่อนว่าผมหมายความว่าอย่างไร ผมไม่ได้หมายความอย่างที่คุณ Yoyo เข้าใจครับ

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: จันทร์ มิ.ย. 13, 2005 10:23 pm
โดย chatchai
จริงๆแล้ว ผมว่าที่เวบนี้ มีผู้เชี่ยวชาญและอยู่ในอุตสาหกรรมต่างๆมาให้ข้อมูลเชิงลึกอยู่หลายท่านนะครับ

เพียงแต่ว่าหลายคนอาจจะเพิ่งจบการศึกษา เวบนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

วันเวลาผ่านไป ข้อมูลก็น่าจะเพิ่มมากขึ้น มีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้ความรู้เชิงลึกมากขึ้น

อนาคตข้อมูลในเวปนี้ก็คงมีคุณค่ามากๆ

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 14, 2005 1:13 am
โดย Ole
ผมตามอ่านมาพอสมควร ผมขอเสนอความเห็นบ้างนะครับ

ผมว่าที่นี่ควรจะพัฒนาไปอีกขั้นได้แล้ว ตามที่คุณคัดท้ายว่า

เวลาที่เราคุยกันที่นี่ส่วนใหญ่เราจะคุยกันหลักๆเลยเป็นเรื่อง


1.ช่วงแรกๆเปิดเวปมาใหม่ๆจะเป็นเรื่อง แนวคิดของVI

2.ต่อๆมาเป็นเรื่องของแต่ละบริษัทว่าน่าสนใจอย่างไร

3.พอรู้พอๆกันแล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่ง เวลาหุ้นลงก็เชียร์ลงๆๆ ไม่ต่ำ่ไม่ซื้อ

หุ้นขึ้นก็ไม่ขาย คิดว่าเป็นอารมณ์ของ Mr.Market

-จริงๆคนที่เชียร์ลงๆๆ อยู่นั้นรู้หรือไม่ว่าราคาที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไร?

-และคนที่หุ้นขึ้นก็ไม่ขาย นั้นรู้หรือไม่ว่าราคาที่เหมาะสมควรเป็นเท่าไร?


เราน่าจะก้าวไปอีกขั้นได้แล้ว



ผมว่าที่เราคุยกันน้อยมากๆเลย ทั้งที่น่าจะสำคัญที่สุดคือ VALUATION

หุ้น ที่คุยกันบ่อยๆ ในนี้มักถูกเรียกว่าหุ้น VI และมักจะคิดกันว่าเป็น "หุ้น VI"

ตลอดไป ซึ่งจริงๆมันเปลี่ยนแปลงไปตลอด หุ้นที่ดีแต่ราคาแพงเกินไปก็ไม่ใช่"หุ้น VI"
แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่ามูลค่าที่เหมาะสมคือเท่าไหร่?


ผมเสนอว่าต่อไปเวลาคุยกันหลังจากคุยข้อดี-ข้อเสียของกิจการแล้ว

ควรคุยกันต่อไปว่าเราจะประเมินราคาที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนอย่างไร

ไม่ใช่แค่่วิธี(ซึ่งจริงๆผมว่าก็มีคนที่คำนวณจริงๆจังๆน้อยคนอยู่)

แต่เป็นเรื่องความเหมาะสมในการนำไปใช้ด้วย เช่น

ทำไมคนนี้ใช ้PEกับกิจการนี้ พออีกบริษัทใช้ cash flow

และทำไม จึงกำหนดว่า PE ต้องน้อยกว่าุ6 (เป็นการยกตัวอย่างครับ) ทำไมไม่

เอา PE ที่ 10 ซึ่งมันมีความแตกต่างกันมาก

ที่ผ่านมามักเน้นคุยข้อดี-ข้อเสียของกิจการซึ่งผมว่าก็ดีแต่มันไม่พอในการเอาไปลงทุนให้ประสบความสำเร็จ

ผมเข้าใจดีว่าแต่ละคน'ถนัด' ใช้วิธีต่างๆไม่เหมือนกัน แม้แต่ใช้วิธีเดียวกัน

เช่น PE แต่กำหนดค่าที่คิดว่าเหมาะสมไว้ต่างกันก็จะได้ผลต่างกันมาก

แต่การนำมา share ความคิดกันน่าจะมีประโยชน์ ตอนนี้ดูเหมือนมันเป็นศิลปะ

หรือ เทคนิคส่วนตัวมากไปหน่อย ควรเอามาคุยกันมากๆจนมันเป็น"ศาสตร์"

ที่พูดคุยกันได้ อ้างอิงได้ ถ่ายทอดให้กันได้ และสมมุติมีข้อมูลบริษัทหนึ่งมาให้ กลุ่มพวกเราน่าจะประเมินมูลค่ากิจการ ที่สะ้ท้อนออกมาเป็นราคาหุ้นที่เหมาะสมได้ใกล้เคียงกัน

สุดท้ายแล้วเราอาจจะมี Fair value ประจำเวปของเราไว้ใช้กันก็ได้


8)

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 14, 2005 8:10 am
โดย Jeng
VALUATION

1. บริษัท A เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน กู้เงิน 600 ล้าน หลังจากหักภาษี และดอกเบี้ย กิจการ A มีกำไร 100 มาโดยตลอด 10 ปี และในระหว่าง 10 ปีนี้ บริษัท A ได้ปันผลมาปีละ 20 ล้านบาท ทุกปี บริษัท A ควรจะมีมูลค่าเท่าไร

2. บริษัท B เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน ไม่กู้เงินเลย หลังจากหักภาษี กิจการ B มีกำไร 100 ล้าน มาโดยตลอด 10 ปี และในระหว่าง 10 ปีนี้ บริษัท B ได้ปันผลออกมาปีละ 50 ล้านบาท ทุกปี บริษัท B ควรจะมีมูลค่าเท่าไร

3. บริษัท C เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน กู้เงิน 600 ล้าน หลังหักภาษี และดอกเบี้ย กิจการ C มีกำไรโตขึ้น 10 % ตลอด 10 ปี คือปีที่ 1 กำไร 100 ล้าน และปีต่อมา กำไร 110 ปีต่อมาก็ยังทำได้ 121 ล้าน บริษัท C ปันผลออกมาปีละ 10 % ทุกปี บริษัท C ควรจะมีมูลค่าเท่าไร

4. บริษัท D เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน ไม่กู้เงินเลย หลังจากหักภาษี กิจการ D กิจการ มีกำไรโตขึ้น 10 % ตลอด 10 ปี คือปีที่ 1 กำไร 100 ล้าน และปีต่อมา กำไร 110 ปีต่อมาก็ยังทำได้ 121 ล้าน บริษัท D ปันผลออกมาปีละ 10 % ทุกปี บริษัท C ควรจะมีมูลค่าเท่าไร

5. บริษัท E เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน กู้เงิน 600 ล้าน หลังจากหักภาษีและดอกเบี้ย กิจการ E มีกำไร ขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่เคยขาดทุน คือ
ปีที่ 1 กำไร 100 ล้าน
ปีที่ 2 กำไร 87 ล้าน
ปีที่ 3 กำไร 115 ล้าน
ปีที่ 4 กำไร 55 ล้าน
ปีที่ 5 กำไร 66 ล้าน
ปีที่ 6 กำไร 125 ล้าน
ปีที่ 7 กำไร 79 ล้าน
ปีที่ 8 กำไร 90 ล้าน
ปีที่ 9 กำไร 130 ล้าน
ปีที่ 10 กำไร 81 ล้าน

บริษัท E ปันผล 30 % จากกำไร บริษัท E ควรมีมูลค่าเท่าไร

6. บริษัท G เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน ไม่กู้เงินเลย หลังจากหักภาษีและดอกเบี้ย กิจการ G มีกำไร ขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่เคยขาดทุน คือ
ปีที่ 1 กำไร 100 ล้าน
ปีที่ 2 กำไร 87 ล้าน
ปีที่ 3 กำไร 115 ล้าน
ปีที่ 4 กำไร 55 ล้าน
ปีที่ 5 กำไร 66 ล้าน
ปีที่ 6 กำไร 125 ล้าน
ปีที่ 7 กำไร 79 ล้าน
ปีที่ 8 กำไร 90 ล้าน
ปีที่ 9 กำไร 130 ล้าน
ปีที่ 10 กำไร 81 ล้าน

บริษัท E ปันผล 20 % จากกำไร บริษัท E ควรมีมูลค่าเท่าไร

ถ้าเปลียนโจทย์ด้านบนเป็นกิจการ
1. ส่งออก นำเข้า ค้าส่ง ค้าปลีก มูลค่ากิจการจะเปลี่ยนหรือไม่
2. ผู้บริหารถือหุ้นใหญ่ และบริหารเอง หรือผู้บริหารทุกคนถือหุ้นให้น้อยที่สุด มูลค่าเปลี่ยนหรือไม่
3. ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ เกิดวิบัติสารพัด มูลค่าจะเปลี่ยนหรือไม่
4. ภาวะเศรษฐกิจดีมาก หุ้นตัวอื่นทำได้ดีกว่านี้หมดเลย มูลค่าจะเปลียนหรือไม่
5. good will ตีราคาอย่างไร
6. ถ้ากิจการนั้นๆเปิดมานานมาก 50 ปี กับกิจการเพิ่งเปิด แต่กำไรเท่ากัน อันไหนควรราคาดีกว่ากัน

เราสามารถคำนวณเล่นๆได้โดยใส่ปัจจัยต่างๆเข้าไป

การยกตัวอย่างจริงก็ดีนะ แล้วมาถกกันไปเลยว่า ตีราคากิจการอย่างไร

สรุปว่าเห็นด้วยที่จะมาคุยเรื่อง valuation

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: อังคาร มิ.ย. 14, 2005 8:25 am
โดย Jeng
VALUATION

โค้ด: เลือกทั้งหมด

1. บริษัท A เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน กู้เงิน 600 ล้าน หลังจากหักภาษี และดอกเบี้ย กิจการ A มีกำไร 100 มาโดยตลอด 10 ปี และในระหว่าง 10 ปีนี้ บริษัท A ได้ปันผลมาปีละ 20 ล้านบาท ทุกปี บริษัท A ควรจะมีมูลค่าเท่าไร 
อันนี้ผมไม่ตีราคา เพราะยึดหลักวอเรน ไม่ซื้อหุ้นที่มีหนี้สินมากๆ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

2. บริษัท B เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน ไม่กู้เงินเลย หลังจากหักภาษี กิจการ B มีกำไร 100 ล้าน มาโดยตลอด 10 ปี และในระหว่าง 10 ปีนี้ บริษัท B ได้ปันผลออกมาปีละ 50 ล้านบาท ทุกปี บริษัท B ควรจะมีมูลค่าเท่าไร 
ถ้าอดีตทำได้ อย่างนี้ อีก 10 ปีก็น่าจะทำได้ นั้นหมายถึงถ้าผมซื้อทั้งบริษัท ผมจะได้เงินกลับมา 50 x 10 เท่ากับ 500 ล้าน และยังเป็นเจ้าของบริษัทนี้อยู่ ผมก็จะตั้งซื้อที่ราคา 600 ล้าน PE 6 ผมชอบซื้อ PE 6 ถ้าซื้อได้ที่ราคา 600 ล้าน เงินของผมจะได้รับปันผลกลับมาปีละ 8.33 %

โค้ด: เลือกทั้งหมด

3. บริษัท C เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน กู้เงิน 600 ล้าน หลังหักภาษี และดอกเบี้ย กิจการ C มีกำไรโตขึ้น 10 % ตลอด 10 ปี คือปีที่ 1 กำไร 100 ล้าน และปีต่อมา กำไร 110 ปีต่อมาก็ยังทำได้ 121 ล้าน บริษัท C ปันผลออกมาปีละ 10 % ทุกปี บริษัท C ควรจะมีมูลค่าเท่าไร 
ไม่ตีราคาเพราะไม่ซื้อบริษัทที่มีหนี้มาก

โค้ด: เลือกทั้งหมด

4. บริษัท D เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน ไม่กู้เงินเลย หลังจากหักภาษี กิจการ D กิจการ มีกำไรโตขึ้น 10 % ตลอด 10 ปี คือปีที่ 1 กำไร 100 ล้าน และปีต่อมา กำไร 110 ปีต่อมาก็ยังทำได้ 121 ล้าน บริษัท D ปันผลออกมาปีละ 10 % ทุกปี บริษัท C ควรจะมีมูลค่าเท่าไร 
เนื่องจากกำไรโตขึ้นทุกปี แต่ไม่แน่ว่าอนาคตกำไรจะโตขึ้น ผมก็สมมุติว่า ต่อไปกำไรไม่โตขึ้น คือคิดที่ปีสุดท้ายว่าได้เท่าไร 235.79 ล้าน ก็ตีราคาที่จะซื้อคือซื้อที่ 1414.74 ล้าน อิอิ ซื้อ PE 6

โค้ด: เลือกทั้งหมด

5. บริษัท E เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน กู้เงิน 600 ล้าน หลังจากหักภาษีและดอกเบี้ย กิจการ E มีกำไร ขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่เคยขาดทุน คือ 
ปีที่ 1 กำไร 100 ล้าน 
ปีที่ 2 กำไร 87 ล้าน 
ปีที่ 3 กำไร 115 ล้าน 
ปีที่ 4 กำไร 55 ล้าน 
ปีที่ 5 กำไร 66 ล้าน 
ปีที่ 6 กำไร 125 ล้าน 
ปีที่ 7 กำไร 79 ล้าน 
ปีที่ 8 กำไร 90 ล้าน 
ปีที่ 9 กำไร 130 ล้าน 
ปีที่ 10 กำไร 81 ล้าน 

บริษัท E ปันผล 30 % จากกำไร บริษัท E ควรมีมูลค่าเท่าไร 
บริษัทนี้ไม่ซื้อเพราะมีหนี้มาก

โค้ด: เลือกทั้งหมด

6. บริษัท G เป็นโรงงาน ทุน 400 ล้าน ไม่กู้เงินเลย หลังจากหักภาษีและดอกเบี้ย กิจการ G มีกำไร ขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่เคยขาดทุน คือ 
ปีที่ 1 กำไร 100 ล้าน 
ปีที่ 2 กำไร 87 ล้าน 
ปีที่ 3 กำไร 115 ล้าน 
ปีที่ 4 กำไร 55 ล้าน 
ปีที่ 5 กำไร 66 ล้าน 
ปีที่ 6 กำไร 125 ล้าน 
ปีที่ 7 กำไร 79 ล้าน 
ปีที่ 8 กำไร 90 ล้าน 
ปีที่ 9 กำไร 130 ล้าน 
ปีที่ 10 กำไร 81 ล้าน 
บริษัทนี้ก็ไม่ค่อยอยากซื้อเพราะกำไรขึ้นๆ ลงๆ

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 12:10 am
โดย BerZerK
chatchai เขียน:นักลงทุนทั้งหลายจะมีซักกี่คนที่เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้น ซักถามผู้บริหารของบริษัท

มีใครบ้างที่ศึกษาธุรกิจอย่างละเอียด ศึกษาประวัติย้อนหลังของบริษัทเป็นสิบปี วิเคราะห์งบการเงินอย่างละเอียด แม้กระทั่งงบการเงินของบริษัทร่วม บริษัทย่อยที่บริษัทเข้าไปลงทุน

คงน้อยคนที่จะศึกษามากขนาดนั้น ก่อนที่จะซื้อหุ้น ผมเห็นหลายคนซื้อหุ้นเพราะอ่านบทวิเคราะห์ ซื้อหุ้นเพราะเห็นราคาตกลงมามาก โดยไม่มีการวิเคราะห์ซักเท่าไรเลย

และที่สำคัญไม่รู้ตัวเองเลยว่า เราลงทุนในแต่ละบริษัท เราหวังอะไรจากบริษัท
คุณฉัตรชัยใช้เวลาในการศึกษาหุ้นแต่ละตัว นานเท่าไหร่ล่ะครับ ตั้งแต่เริ่มมอง ๆ, ทำความรู้จัก, ศึกษาประวัติย้อนหลังเป็นสิบปี, วิเคราะห์บริษัทย่อย บริษัทร่วม แล้วค่อยจูงมือวิวาห์ เอ้ยไม่ใช่ ค่อยซื้อให้หมดหน้าตัก

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 8:10 am
โดย ch_army
ความสำเร็จของ คุณบัฟเฟต ผมว่ามาจาก

1. ความสามารถในการเข้าถึงข้อมูล - ซึ่งตอนนี้ข้อมูลพวกนี้เราก็หาได้จากอินเตอร์เนตก็ไม่น้อย เว้นแต่ข้อมูลจากผู้บริหารกระมัง

2. ความสามารถในการวิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการบริษัท - อันนี้ขึ้นกับทั้งพรสวรค์เชิงธุรกิจ เข้าใจการหาเงินและใช้เงินของธุรกิจเป็นอย่างดี ประสบการณ์ที่สั่งสมมาและความรู้ของเขาด้วยในวิชาบริหาร ทำให้เข้าใจว่าบริษัทนั้นๆ สร้างกำไรได้อย่างไร

3. วินัยการลงทุน - ความอดทนและวินัย กฏเกณฑ์ที่เค้าวางไว้เพื่อการลงทุนของตัวเอง ซึ่งในมุมผมว่า เค้าค่อนข้าง อนุรักษ์นิยมและไม่ชื่นชอบความเสี่ยงเอามากๆ โดยเฉพาะความเสี่ยงในการลดลงของมูลค่าพอร์ตของเขา(ทำให้เขาลงทุนในตราสารต่างๆ มากกว่าฝากเงิน เพราะมันน่าจะชนะเงินเฟ้อ)

4. ปรัชญาการลงทุน - ซึ่งผมว่าเป็นส่วนสำคัญที่สุดเลยเพราะเป็นตัวกำหนดแนวคิด การกระทำทุกอย่าง และกำหนดทางเลือกในการลงทุนไปด้วย

5. โอกาสในชีวิตของเขา - คนที่เขาเจอ ครอบครัว อาจารย์ และประเทศของเขา เป็ยโอกาสให้เขามีวันนี้ หากพี่ๆบางคนในนี้ เกิดที่อเมริกา ป่านนี้อาจรวยล้นฟ้าไปแล้วก็ได้ครับ อันนี้ของเรียกว่า ฟ้าลิขิตละกัน ของอย่างนี้บางคนอาจบอกว่า เราเลือกเกิดไม่ได้แต่ คนเราเกิดมาเท่ากัน ผมก็เห็นด้วยแต่ไม่ 100 % เพราะคนเราเกิดมาต่างกันครับ หากบัฟเฟตเกิดมาตาบอดเค้าคงไม่รวยอย่างนี้หรอกครับ จริงไหม

ซึ่งทั้งหมดนี้จะขาดความสามารถส่วนใดส่วนหนึ่งไปก็ไม่ได้ คิดว่าไงครับ ช่วย Comment หน่อยนะครับ

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 12:24 pm
โดย ForrestGump
ผมคิดว่าเข้าใจในสิ่งที่ ท่าน คัดท้าย พยายามจะบอกครับ ขอบพระคุณมาก

ทำยังไงถึงจะ "ตาถึง" ดูว่ากิจการ "ดีจริง" ในอนาคตอีกหลายๆ ปี เหมือน วอร์เรน บัฟเฟตต์

ทำยังไงถึงจะ "ตาถึง" ประเมินมูลค่าเก่งเหมือน วอร์เรน บัฟเฟตต์

ข้อสังเกตุผมนะ
1. วิธีหรือหลักการที่พวกเรารู้ๆ จำๆกันมาเนี่ย ไม่ได้ออกจากปากของ บัฟเฟตต์เอง เพียงแต่ มีคนถ่ายทอด หรือ พยายามถอดหลักการมาจากรายงานประจำปี ดังนั้น สิ่งที่บัฟเฟตต์คิดจริงๆ อาจจะไม่ใช่อย่างที่เราได้อ่าน จะให้ดีที่สุดต้องเป็นหนังสือที่บัฟเฟตต์เขียนเอง

2. บริษัทอเมริกาเก่งระดับโลก ตลาดก็กว้างกว่า เงินทุนเยอะกว่า มีโอกาสมากกว่า ,บริษัทในไทย ด้อยกว่าบางด้าน

3. แล้วทำไม ดร.นิเวศน์ประสบความสำเร็จ ด้วยหลักการที่ ท่านเขียนหนังสือที่พวกเราทุกคนได้อ่านไป ส่วน detail ที่พี่เจ๋งว่า มันคืออะไร ไปถามในงานกันเยอะๆ นะครับ เรื่อง detail ของ ตาวิเศษ ของท่าน จะเริ่มจากอะไรทำไงบ้าง

ผมเห็นด้วยกับท่านคัดท้ายนะครับ ว่า เวปเราควรจะพัฒนาเข้าสู่ ข้อมูล และ การวิเคราะห์เชิงลึกมากกว่านี้ ทำยังไงถึงจะใกล้เคียงกับ ดร.นิเวศน์ ได้ทำ หรือแม้กระทั่งใกล้เคียงกับ "เทวดา" ได้ทำการบ้าน (ไม่ใช่เรื่องตัวเงินนะครับ เพราะถ้าเราทำงานหนัก ฉลาดและมาถูกทาง เงินก็ตามมาเอง)

company visit ผมจะลุยเอง ที่พี่เจ๋งบอก เป็นจุดเริ่มที่ดีมากๆ อย่างนึงเลยครับ

สำหรับพี่ๆ ที่ประสบความสำเร็จแล้ว ได้เจอแนวทางของตัวเองไปแล้ว ก็สบาย

ยังไงก็ช่วยให้น้องๆ จับจุดได้ว่า ต้องดูจุดนี้ๆ แล้วไปต่อจุดนี้ๆ ด้วยนะครับ

ขอบพระคุณครับ

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 1:41 pm
โดย นอกกรอบ
ทำไมชอบหาเหตุผลมาบอกว่า ทำไมถึงทำไม่ได้ละครับ
ทั้งๆที่น่าจะเอาเวลามาหาวิธีให้มันเป็นไปได้มากกว่า

เหมือนเวลาได้ยิน คนที่บอกว่า เราไม่รวย เพราะ ที่บ้านไม่รวย ไม่รวยเพราะ
ดวงไม่ดี ทั้งๆที่กว่าเค้าจะทำให้สำเร็จได้ มันยากลำบากเหมือนกัน


ผมว่าไม่แน่ถ้า Buffet เค้าตาบอก เค้าอาจจะรวยที่สุดในโลกไปแล้วก็ได้
แล้วตอนนั้นคงมีคนบอกว่า เราทำไม่ได้เหมือนเค้า เพราะเราไม่ได้ตาบอด

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 2:32 pm
โดย mustang
โอม WG จงลง จงลง :bow: :bow: :bow: ยังหากระสุนไม่พอเลย

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 3:16 pm
โดย JoJotaro
Jeng เขียน:คัดท้าย พี่คิดว่าการซื้อหุ้นที่ได้ผลตอบแทนทันที่ 23 % ต่อปี โดยไม่มองราคาหุ้นนั้น หมายถึง ต้องซื้อที่ PE 4.3

ถ้าเราลงทุน Bigc ที่ 12.50 ตอนต้นปี 2003 เราจะได้ปันผล 3 งวด คือ .45+.84+1.14 เท่ากับ 2.4 เท่ากับต้นทุนเหลือ 10.1

ซึ่งปัจจุบัน ไตรมาสแรกทำได้ .66 เท่ากับ สมมุติว่าทั้งปีได้ 2.6 เท่ากับผลตอบแทนต่อเงินลงทุน เป็น 25.7 % ต่อปี โดยไม่ต้องไปสนใจราคาหุ้นทีมันขึ้นไป

อืม พี่คิดว่า การจะซื้อหุ้นให้ได้ผลตอบแทนต่อเงินลงทุนมากกว่า 23 % ต่อปี เป็นไปได้ แต่ต้องรอจังหวะนานที่เดียวครับ
ขอถามหน่อยนะครับตุณเจ๋ง
พอดีผมยัง งงๆ ในเรื่องที่บอกว่าเอาปันผลมาลดต้นทุนน่ะครับ
จริงๆ เราควรเอาราคาซื้อเริ่มต้นมา ที่ 12.50 แล้วมาคำนวณจากปันผลและส่วนต่างราคา
จะเป็นผลตอบแทนใน 1 ปีไม่ใช่เหรอครับ ไม่ใช่หักปันผล ของ 3 ปีแรก
แล้วเอาปันผลปีต่อๆ ไปมาคิดว่าเป็นผลตอบแทนระยะยาว
ช่วยอธิบายละเอียดหน่อยนะครับ พอดีไม่ค่อยเข้าใจ :?

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 4:12 pm
โดย Jeng

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ขอถามหน่อยนะครับตุณเจ๋ง 
พอดีผมยัง งงๆ ในเรื่องที่บอกว่าเอาปันผลมาลดต้นทุนน่ะครับ 
จริงๆ เราควรเอาราคาซื้อเริ่มต้นมา ที่ 12.50 แล้วมาคำนวณจากปันผลและส่วนต่างราคา 
จะเป็นผลตอบแทนใน 1 ปีไม่ใช่เหรอครับ ไม่ใช่หักปันผล ของ 3 ปีแรก 
แล้วเอาปันผลปีต่อๆ ไปมาคิดว่าเป็นผลตอบแทนระยะยาว 
ช่วยอธิบายละเอียดหน่อยนะครับ พอดีไม่ค่อยเข้าใจ 
ผมคิดง่ายๆครับ ถ้าจะให้คิดเป๊ะๆ เลยคิดไงดีครับ

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 4:33 pm
โดย wpong
เคยเห็นแต่หมอดูฟันธง ...
เพิ่งเห็นนักลงทุนฟันธง ก็คราวนี้แหละ ...
:P

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 5:42 pm
โดย Windy
[quote="
เราพลาดอะไรกับ PL เรารู้ตัวหรือยัง เราพลาดอะไรกับ SE-ED เรารู้หรือยัง เราพลาดอะไรกับ METCO เรารู้หรือยัง เราพลาดอะไรกับ FANCY ... และ PAP ละ พลาดตรงไหน ?
[/quote]

METCO Earning ลงมาเยอะแค่ Quarter เดียว ยังต้องติดตามกันต่อไปอีกนะครับ

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 6:36 pm
โดย คัดท้าย
Windy เขียน:เราพลาดอะไรกับ PL เรารู้ตัวหรือยัง เราพลาดอะไรกับ SE-ED เรารู้หรือยัง เราพลาดอะไรกับ METCO เรารู้หรือยัง เราพลาดอะไรกับ FANCY ... และ PAP ละ พลาดตรงไหน ?


METCO Earning ลงมาเยอะแค่ Quarter เดียว ยังต้องติดตามกันต่อไปอีกนะครับ
การที่คนถือ METCO ต่อไปเพื่อรอดู นี่ถือเพราะความรู้ หรือ ถือเพราะความหวังครับ ?

ไม่ได้บอกว่า METCO ดีหรือไม่ดีครับ METCO อาจจะเป็นทองแท้ หรือเป็นอดีตทองแท้ก็ได้ ... ปัญหาคือ คุณรู้หรือเปล่า ? หรือว่าคุณหวัง ?

แต่นี่คือประเด็นที่ผมพยายามพูดถึงในหลายๆข้อความที่โพสต์ ...

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 8:06 pm
โดย chatchai
[quote="BerZerKคุณฉัตรชัยใช้เวลาในการศึกษาหุ้นแต่ละตัว นานเท่าไหร่ล่ะครับ ตั้งแต่เริ่มมอง ๆ, ทำความรู้จัก, ศึกษาประวัติย้อนหลังเป็นสิบปี, วิเคราะห์บริษัทย่อย บริษัทร่วม แล้วค่อยจูงมือวิวาห์ เอ้ยไม่ใช่ ค่อยซื้อให้หมดหน้าตัก[/quote]

ผมคงตอบไม่ได้ เพราะผมพยายามจะศึกษาบริษัทต่างๆตลอดเวลา เพียงแต่เวลาที่จะซื้อนั้น ต้องรอราคาที่มี Margin of Safety ครับ

ถ้าสังเกตบริษัทที่ผมลงทุน จะพบว่าเป็นบริษัทเล็กๆ ไม่มีบริษัทย่อย บริษัทร่วมมากมายนัก งบการเงินง่ายๆ ธุรกิจไม่ซับซ้อน เรียกว่าถ้าง่ายที่สุดจะชอบมากที่สุดเลยครับ

ถ้าจะลงทุน SCC จะใช้เวลาศึกษานานเท่าไรเนี่ย

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 11:03 pm
โดย BerZerK
Chatchai เขียน: เพียงแต่เวลาที่จะซื้อนั้น ต้องรอราคาที่มี Margin of Safety ครับ
ถ้ามูลค่าของบริษัท 100% คุณฉัตรชัยคิดว่า ราคาที่มี Margin of Safety น่าจะอยู่ประมาณเท่าไหร่ครับ

โดยส่วนตัวผม ถ้าสามารถซื้อได้ในราคาประมาณ 80% บวกลบ 5% ก็น่าจะเหมาะสมแล้ว แต่ ณ เวลานี้ตัวที่เล็ง ๆ ไว้คงจะต้องรอนานครับ

:wink:

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 11:03 pm
โดย Tongue
ในการบริหารธุรกิจ มีการวางกลยุทธ์ต่างๆที่สำคัญมากๆ เช่น differentiation, cost leadership, focus..... 4 Ps และอื่นๆ

กลยุทธ์หลักๆพวกนี้ สามารถบอกได้ว่า วิสัยทัศน์ของบริษัทนั้นๆเป็นอย่างไร และ จะอยู่รอดในลักษณะใด ในอุตสาหกรรมนั้นๆ (แน่นอนมันต้องใช้เวลา อย่างน้อยน่าจะ 3 ปี)

รวมไปถึงความเหมาะสมของ stage ที่ธุรกิจนั้นอยู่ (?, star, cash cow, dog)
โดยดูจากงบกระแสเงินสด (พี่ chatchai เคยบอกแล้ว)

เพื่อนๆเชื่อหรือไม่ครับ ว่างบการเงิน บอกสิ่งเหล่านี้ด้วย (non financial info)
มากกว่าแค่ profit margin, ROA, ROE และ ratio อื่นๆ (financial info)

ถ้าเราประเมิณเรื่องพวกนี้ได้ แล้วได้คุยกับผู้บริหาร มันน่าจะดีมากๆนะ เพราะมันเป็นเรื่องของ vision

ผมเชื่อว่า warren ไม่ได้เหาะได้ ผมว่าเขามี vision หรือ look through earning ทางธุรกิจที่ดี และลุยป่าหนักกว่าที่เราคิดอีกครับ

"ผมใช้เวลา 2 วินาทีในการตัดสินใจซื้อหุ้นของบริษัทนี้ เพราะผมอ่านงบของมันมาตลอด 23 ปี" วอเรนต์ บัฟเฟตต์

และผมเชื่อว่าเขาอ่านของคู่แข่งด้วย

วิธีที่วอเรนซื้อหุ้น

โพสต์แล้ว: พุธ มิ.ย. 15, 2005 11:10 pm
โดย chatchai
BerZerK เขียน: ถ้ามูลค่าของบริษัท 100% คุณฉัตรชัยคิดว่า ราคาที่มี Margin of Safety น่าจะอยู่ประมาณเท่าไหร่ครับ

โดยส่วนตัวผม ถ้าสามารถซื้อได้ในราคาประมาณ 80% บวกลบ 5% ก็น่าจะเหมาะสมแล้ว แต่ ณ เวลานี้ตัวที่เล็ง ๆ ไว้คงจะต้องรอนานครับ

:wink:
ถ้ากำไรน้อยกว่า 50% ผมคงไม่เสี่ยง