Thai VI

ไปงานเสวนา ออกTVมา ได้คำถามเรื่องValue Investment จากคนไม่รู้ ไม่เข้าใจ มามาก เช่น

ถือหุ้นยาวๆรับปันผลอย่างเดียว ได้กำไรกว่าเล่นรอบจริงหรือ?

เรามาหาคำตอบผ่านกระทู้ยอดนิยมกันดีกว่าครับ

อีกไม่ถึง 900 ครั้ง ก็จะมีคนอ่านกระทู้นี้ครบแสนครั้ง

บันทึกไว้เป็นหลักฐาน วันที่ 3 พฤษภาคม 2548

... เข้ามาดู

Mon money เขียน:เสี่ยบูลย์ พักนี้วาดลวดลายน่าดูเลยนะ

เสี่ยบูลย์ไปยุโรปครั้งที่แล้ว ขายอะไรไปบ้างละ :lovl:

โฮ โฮ
ไปเที่ยวมา ไม่ได้ทำอะไรเลย
อยู่เฉยๆกลับมาหุ้นบางตัวก็ขึ้น บางตัวก็ลง
ก็ไม่ได้ขาย ไม่ได้ซื้อ
ราคาหุ้นขึ้นๆลงๆเป็นเรื่องธรรมดามากๆ
แต่กิจการบริษัทของผมดีวันดีคืนก็พอแล้ว

CK เขียน:อีกไม่ถึง 900 ครั้ง ก็จะมีคนอ่านกระทู้นี้ครบแสนครั้ง:

เป็นกระทู้แรกในเวปบอร์ดหุ้นหรือเปล่าครับพี่CK
อ่านกันมาราธอนจริงๆ

คำถามที่ว่า
"ถือหุ้นยาวๆรับปันผลอย่างเดียว ได้กำไรกว่าเล่นรอบจริงหรือ?"
ใครตอบได้ช่วยตอบที
พิธีกรคุณยุทธนาสงสัยมักมากเลย

Mon money เขียน:ไปงานเสวนา ออกTVมา ได้คำถามเรื่องValue Investment จากคนไม่รู้ ไม่เข้าใจ มามาก เช่น

ถือหุ้นยาวๆรับปันผลอย่างเดียว ได้กำไรกว่าเล่นรอบจริงหรือ?

เรามาหาคำตอบผ่านกระทู้ยอดนิยมกันดีกว่าครับ

คุณมน
น่าจะบอก กำไรกว่าเล่นรอบบางตัว
และบางตัวก็กำไรน้อยกว่า

ก็คนเล่นกันคนละคนนี่ครับ

คนแต่ละคน ก็เป้นความพอใจของแต่ละคน

เขียนไป งงไป(ไม่งงกลับ)

อยากได้หนังสือ Thailand Company Handbook บ้าง แต่ไม่ทราบว่าต้องทำยังไง (สมาชิกใหม่ครับ)

มือใหม่หัดโพสครับ

พึ่งอ่านกระทู้นี้จบเมื่อวาน
ใช้เวลา อาทิตย์กว่าๆ ขอบอก
อ่านเกือบทุกวัน ยันตีสอง
ตาค้างเลยครับ
และตะลึงในข้อมูลที่อ่าน

พึ่งเริ่มลงทุนมา ปีกว่าๆ
ด้วยงบอันกระจ้อยร่อย
ยังไม่มีประสบการการขายหุ้นออกสักตัวเลยครับ
เพราะคิดว่าซื้อถูกตัว แต่ราคาสูงไปหน่อย
ก็เลยรอปันผลแทนครับ
ต่อไปคงต้องรอจังหวะการซื้อที่ดีกว่านี้หน่อย

-----คณ VIB007 เขียนว่า---------
คำถามที่ว่า
"ถือหุ้นยาวๆรับปันผลอย่างเดียว ได้กำไรกว่าเล่นรอบจริงหรือ?"
---------------------------------
ตอบไม่ได้ครับ มือใหม่จริงๆครับ

ผมมีคำถามครับ
ผมหยิบหนังสือ ดร.นิเวศน์ มาอ่าน
เซียนหุ้นมือทอง ครับ
เห็นผลงานการลุงทุน ของท่านพร้อมกราฟ ในส่วนของบทนำ
เลยอยากจะลองทำดูบ้างด้วย MS Excel

มาติดตรงที่ท่าน ดร. แปลง
การเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของพอร์ต ของท่าน
จาก 100 ในปี 2539 เป็น 112.9 ในปี 2540
ไม่รู้ว่าจะหาท่านคำนวณค่า 112.9 และ 100 จากอะไร
เดาว่าว่า 100 เป็นค่าที่ท่านเริ่มลงทุน
และเดาว่าส่วน 112.9 คือ
มูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่เพิ่มขึ้น12.9%
แล้วนำมาคูณด้วย 100 และ +100 อีกที
ใช่หรือเปล่าครับ
ปี 2541 ไม่รู้ว่า 164.6 คำนวณมาจากอะไร

ลองพยายามค้นหาดูในกระทู้ต่างๆ
ยังไม่เจอเลยลองถามในกระทู้นี้แทน
คงไม่ว่าอะไรกันนะครับ

----------------------
NY Unlimited

จากหลักสี่
มาเซนต์สมุดเยี่ยม
ให้ถึงหลักแสนครับ

คุณวิบูลย์ครับ
เมื่อไหร่จะครบกำหนดที่จะมีข่าวดีครับ

ตามมาเชียร์ให้เข้าเส้นชัยด้วยอะ :lol:

การเล่นหุ้นเป็นรอบก็กำไรได้ครับ ถ้าเข้าถูกออกถูกตัว ถูกเวลา ถ้าการข่าวแน่นอนก็รวยเร็ว แต่ถ้าข่าวตามSMSขอบอกว่ารวยเดี๋ยวเดียวครับ

ส่วนการซื้อหุ้นดีๆและถือยาวๆนั้น สำหรับผมเหมาะและดีมาก เพราะผมมีความอดทนสูง(แต่เงินน้อย) ผมศึกษาหุ้นลึกๆเพียงไม่กี่บริษัท และรอให้นายตลาดมึน ถ้าตลาดๆดีผลตอบแทนจะสูงมาก ถ้าตลาดไม่ดีผลตอบแทนอาจลดลงเล็กน้อย แต่มีปันผล และไม่ต้องเสียเวลามาคอยเฝ้าหุ้น อยากเที่ยวก็เที่ยว อยากดูหนังก็ดู อยากทำอะไรก็ทำ ไม่กังวล ผมว่าชีวิตมันต้องอย่างนี้นะถึงจะwork

พอดี เพื่อนแนะนำ web นี้มา ก็เลยเข้ามาอ่าน รู้สึกว่าดีมากครับ มีผู้รู้หลายคน อธิบายเสริมความรู้ให้กับผู้ที่จะเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการลงทุน
รบกวนสอบถามพี่ ๆ ทาง VI หน่อยครับ
ผมมือใหม่มากถึงมากที่สุด มีข้อสงสัยเกี่ยวกับ Liquidity ratio ใน FORM56-1 (จริง ๆยังมีอะไรสงสัยอีกเยอะครับ)
ผมได้พยายามหาสูตรที่ใช้ในการคำนวณ Liquidity ratio ใน
http://www.sec.or.th/corpfin/form/69/ma ... g/app4.pdf พบว่า

====กลุ่มอุตสาหกรรมและบริการ====
อัตราส่วนสภาพคล่องกระแสเงินสด = กระแสเงินสดจากการดำเนินการ / หนี้สินหมุนเวียนเฉลี่ย
อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้า = ขายสุทธิ / (ลูกหนี้การค้าก่อนหนี้สงสัยจะสูญ + ตั๋วเงินรับการค้า) (เฉลี่ย)

ผมเลยสงสัย ส่วนที่เฉลี่ย นี่แหละครับ ไม่ทราบว่าในกรณี หนี้สินหมุนเวียนเฉลี่ย นี่หาอย่างไรครับ ที่สำคัญทำไมต้องหาค่าเฉลี่ยด้วยครับ ในขณะที่สูตร Quick Ratio ไม่เห็นจะต้องใช้ค่าเฉลี่ยในการคำนวณ และส่วน กระแสเงินสดจากการดำเนินการ นี่เป็นค่าสุทธิเลยหรือเปล่า จริง ๆ ผมสงสัยส่วนที่เฉลี่ยในทุก ๆ สูตรเลยครับ
ผมได้ลองนำ ค่ากระแสเงินสดจากการดำเนินการสุทธิ / หนี้สินหมุนเวียน เฉย ๆ โดยไม่ได้เฉลี่ย ค่าอัตราส่วนสภาพคล่องกระแสเงินสดไม่ตรงกับใน FORM56-1 ของ RCL ปี 2547 เลยครับ

รบกวนสอบถามด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ

ตอนที่โพสเนื่ย100041แล้ว

เกินแสนแล้วๆ
ช่วยสร้างตำนานกันต่อไป ....
แต่อันดับแรกต้องทำลายสถิติกระทู้ของครูเฒ่าเกาะช้างก่อน
อันนั้นเค้าแสนเกินเราได้พักใหญ่แล้ว

รบกวนพี่ฉัตรชัย พี่วิบูลย์ ช่วยอธิบายจุดที่ผมสงสัยด้วยน๊ะครับ
ขอบคุณครับ

อ่านบทความเรื่อง การหามูลค่าหุ้นที่แท้จริง อยู่หลายสัปดาห์
จำได้ว่าสมัยก่อนเคยอ่านในกระทู้นี้แหละ
คุณวิบูลย์เขียนเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายขึ้น
ลองอ่านเปรียบเทียบกะของใหม่ดูละกัน





Posted: Thu Apr 08, 2004 12:09 pm


--------------------------------------------------------------------------------

raruen wrote:

ถึงวันนี้ผมก็ยังงงอยู่ดีว่า
Discounted FCF แล้วมันกลายเป็นมูลค่าหุ้นได้อย่างไร

เรื่อง DCF นี่ ถ้าจะพูดง่ายๆก็คือว่า
สมมุติเราเป็นเจ้าของธุรกิจหนึ่ง ยกตัวอย่าง ร้านขายบะหมี่หมูแดงปากซอยแล้วกัน
ปรากฏว่า มีคนมาขอซื้อกิจการของเราทั้งร้านเลย
เราจะคิด"ราคา"เท่าไหร่

คิดออกมั๊ยครับ ให้เวลา 2 นาที........

ติ้กต้อก ติ้กต้อก

....................................................


....................................................


.......................................หมดเวลา

เอาล่ะ เฉลย

วิธีที่หนึ่ง
สมมุติเราไม่ได้กู้เงินอะไรเลย ใช้เงินตัวเองล้วนๆ
เราคิดว่า เอาแค่ต้นทุนก็พอแล้ว
ดังนั้นก็เลยคิดเฉพาะทรัพย์สินที่มี
คิดค่ารถเข็น ค่าหม้อก๋วยเตี๋ยว ค่าถ้วยชาม ค่าบะหมี่หมูแดงที่ค้างสต๊อค
ได้"มูลค่า"ออกมาค่านึง แล้วบอก"ราคา"เขาไป
วิธีนี้คือ Reproduction Cost of Asset

วิธีที่สอง
เราคิดว่า ถ้าเราเอาเงินกำไรที่เราได้แต่ละเดือนไปเทียบกับการฝากแบงค์กินดอก
ต้องใช้เงินต้นเท่าไหร่
เช่น ได้กำไรวันละ 500 บาท
ก็ตกปีละ 500*30*12 = 180,000 บาท

ถ้าเราจะเอาเงินไปฝากแบงค์เพื่อได้ดอกเบี้ยปีละ 180,000 บาท ต้องใช้เงินต้นเท่าไหร่
สมมุติดอกเบี้ยแบงค์ร้อยละสองต่อปี
ดังน้น ต้องใช้เงินต้น 180,000/0.02 = 9,000,000 บาท
นี่เป็นมูลค่าของร้านขายบะหมี่หมูแดงปากซอยของเรา เยอะเหมือนกันนะ (แล้วใครจะซื้อล่ะ ราคานี้)

วิธีนี้เรียกว่า Earning Power Value

วิธีที่สาม
สมมุติว่า เราใช้เทอมเงินสดหมด
ดังน้น กำไรที่ได้แต่ละวันก็คือ เงินสดที่เราได้รับ

ถ้าเราคิดว่า ถ้าเราขายไปเรื่อยๆ ยอดขายโตขึ้นเรื่อยๆ กำไรมากขึ้นทุกปี
แล้วก็ประมาณการกำไรในอนาคตเป็นเท่าไหร่จนเลิกกิจการ
แล้วคำนวณย้อนกลับมาเป็น เงินสดที่เราจะได้รับ (ถ้าเราทนขายก๋วยเตี๋ยวจนเลิกกิจการ)
เป็น "ราคา" ที่เราจะเรียกเก็บจาก"ผู้ซื้อ"

วิธีนี้คือ DCF

คงเข้าใจมากขึ้นนะครับ

ตอบคุณ silversaga

ที่ต้องเฉลี่ยลูกหนี้การค้า เนื่องจากเป็นค่าที่ได้จากงบดุล ซึ่งเราถือว่างบดุลเป็นสถานะของบริษัท ณ. เวลาใดเวลาหนึ่ง ส่วนยอดขายเป็นผลการดำเนินงานระหว่างช่วงเวลา เช่นรอบหนึ่งปี หรือรอบ 3 เดือน ดังนั้นเพื่อให้ตัวเลขอยู่ในมิติเดียวกัน ในทางการคำนวณ จึงนำค่าที่มาจากงบดุลต้นงวด และปลายงวดมาเฉลี่ยกันครับ

ขอตอบคุณ silversaga ด้วยคนครับ

ค่าเฉลี่ย คิดจาก เฉลี่ยตัวเลขต้นปีกับท้ายปีของงบดุลครับ แต่...............



ผมว่าไม่จำเป็นต้องหาค่าเฉลี่ยก็ได้ครับ แล้วแต่จะใช้ ถ้าอยากใช้เฉพาะปลายปีก็ไม่น่ามีปัญหาครับ ใช้ได้ ตัวเลขไม่ตรงก็ไม่เป็นไร รักชอบแบบไหนก็ได้ครับ ไม่ซีเรียส

บางคนบอกต้องใช้ค่าเฉลี่ยเพราะน่าจะแทน receivables ที่ทำให้สะท้อน cfo ในปีดำเนินการนั้นได้ดีกว่า

บางคนก็บอกใช้ตัวเลขปลายปีดีกว่า เพราะสะท้อนถึงสภาวะปัจจุบันที่เกิดขึ้นจริงของบริษัท

สำคัญที่สุดคือความเข้าใจถึงที่มาและความหมายของค่านั้นๆ รู้ว่าค่าที่คำนวณได้จะเอาไปทำอะไร และถ้าจะเอาไปเปรียบเทียบต้องเปรียบเทียบจากสูตรคำนวณแบบเดียวกัน

ตอนนี้ยุ่งมากๆ

ต้องขอมาตอบในภายหลังนะครับ

ขอประทานอภัย
แต่ถ้าใครช่วยตอบคำถามได้ก็ช่วยตอบด้วยนะครับ.........อย่าอมภูมิ

สวัสดีครับ

ขอบคุณ คุณ por_jai คุณ payonp คุณ adi ที่ให้คำแนะนำ (พี่วิบูลย์ไว้มีเวลาสะดวกว่าง ๆ ค่อยตอบก็ได้ครับ เวปนี้มีผู้รู้หลาย ๆ ท่านคอยแนะนำอยู่)
คือ ตอนนี้เวลาผมได้ลองหาค่า ratio ต่าง ๆ ปรากฏว่า ค่าที่ได้ไม่ตรงกับใน FORM56-1 ซึ่งจริง ๆ ก็ต่างกันเล็กน้อยครับ
ผมเลยเกิดความสงสัยว่า เอ ตัวเองเข้าใจอะไรผิด concept ไปหรือเปล่าเนี่ย (มือใหม่ แล้วผมเองก็ไม่เคยมีพื้นฐานบัญชีเลยครับ)
ผมได้ลองหาค่าเฉลี่ยตามที่อธิบายและแนะนำแล้วครับ คราวนี้ผลการคำนวณที่ได้ก็ออกมาตรง

คราวนี้ผมได้ลองหาค่า
อัตรากำไรขั้นต้น = กำไรขั้นต้น / ขายสุทธิ ซึ่งใน FORM56-1 จะได้ค่า 27.92%
ผมได้ลองหาค่าอัตรากำไรขั้นต้น

กำไรขั้นต้น = รายได้จากการเดินเรือ - ต้นทุนการเดินเรือ
= 17,933,041,370 - 12,875,438,352 = 5,057,603,018
ขายสุทธิ = 17,933,041,370
ดังนั้น อัตรากำไรขั้นต้น = กำไรขั้นต้น / ขายสุทธิ
= (5,057,603,01 / 17,933,041,370)*100
= 28.20%
ซึ่งค่าที่ได้จะแตกต่างจาก FORM56-1 (27.92%) นิดหน่อยครับ เลยสงสัยว่า ตกลงจริงๆ แล้วต้องนำส่วนไหนมาคิดเพิ่มด้วยครับ
ความจริงผมได้ลองมั่ว ๆ บวกส่วนนี้เพิ่ม ลดส่วนนี้หน่อย ก็ไม่ตรงครับ บางทีก็มากกว่าบ้าง น้อยกว่าบ้าง
เลยเรียนถามจุดนี้กับผู้รู้หลาย ๆ ท่านครับ
ขอบคุณมากครับ

บริษัท อาร์ ซี แอล จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย
งบกำไรขาดทุน
รายได้
รายได้จากการเดินเรือ 17,933,041,370
กำไรจากการขายเงินลงทุน -
ภาษีซื้อได้รับคืน -
รายได้อื่น 103,679,915
กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 33,674,543
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย - บริษัทย่อย -
ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนตามวิธีส่วนได้เสีย - บริษัทร่วม 41,633,811
รวมรายได้ 18,112,029,639
ค่าใช้จ่าย
ต้นทุนการเดินเรือ 12,875,438,352
ค่าใช้จ่ายในการบริหาร 1,024,820,121
ขาดทุนจากการขายเงินลงทุน 44,030,245
ขาดทุนจากการด้อยค่าของอาคาร 8 58,024,201
ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน -
ค่าตอบแทนกรรมการ 15 27,216,511
รวมค่าใช้จ่าย 14,029,529,430
กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้ 4,082,500,209
ดอกเบี้ยจ่าย -390,940,325
ภาษีเงินได้นิติบุคคล 16 -13,950,739
กำไรหลังภาษีเงินได้ 3,677,609,145
ขาดทุน (กำไร) สุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยของบริษัทย่อย -350,536
กำไรสุทธิ 3,677,258,609

กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐาน
กำไรสุทธิ 5.55

ขอบคุณครับ คุณ ba_2l

ต้องขอโทษคุณ silversaga ครับที่เข้ามาตอบช้า ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาเข้าเวบนะครับ

และต้องขอบคุณเพื่อนๆที่เข้ามาตอบแทนครับ

ก่อนอื่นผมอยากจะอธิบายคุณ silversaga ในเรื่องการวิเคราะห์งบการเงินครับ

การวิเคราะห์โดยการคำนวณจากตัวเลขในงบการเงินนั้น

ก่อนอื่นคุณควรที่จะเข้าใจความหมาย และที่มาที่ไปของตัวเลขแต่ละตัวในงบการเงินทั้งหมดให้ดี และละเอียดซะก่อนครับ

หลังจากนั้นคุณค่อยศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะในการทำธุรกิจ จุดดี จุดเสีย ข้อควรระวังต่างๆ

ถ้าคุณเข้าใจได้หมด คุณก็อาจจะสร้างสูตรคำนวณของคุณได้เอง ซึ่งจะแสดงถึงความหมายที่คุณอยากได้อย่างแท้จริง

ข้อมูลในงบการเงินของแต่ละบริษัท ถึงแม้จะเป็นรายการเดียวกัน แต่อาจจะไม่เหมือนกัน

การวิเคราะห์งบการเงินที่ดี ไม่ควรจะใช้เพียงแต่คำนวณโดยสูตรสำเร็จรูปครับ การวิเคราะห์งบการเงินที่ดีนั้น หลังจากการวิเคราะห์แล้วคุณควรที่จะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างทางการเงินของบริษัท รวมทั้งรู้ถึงที่มาที่ไปความเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ หนี้สิน ผลการดำเนินงาน และกระแสเงินสด

มารายงานตัวครับ อ่านมา 3 วันแล้วเพิ่งได้ 16 หน้าเอง
กระทู้นี้ทำให้ความคิดผมกับเรื่อง VI ชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม
ผมมีคำถามที่สงสัย ๆ อยู่หลาย ๆ ข้อ แต่ยังไม่กล้าถามครับ
เพราะว่ายังอ่านไม่จบกลัวจะไปถามซ้ำกับคนอื่น

ขอบคุณพี่ ๆ ทุกคนที่ช่วยกันเข้ามาแชร์ความรู้เรื่องการลงทุนน่ะครับ

ผมว่าถ้าส่วนใหญ่ ลงทุนกันอย่างมีเหตุผล ตลาดคงจะมีสเถียรภาพมากขึ้น เศรษฐกิจบ้านเราน่าจะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งน่ะครับ

ต่อไปคงมีหลาย ๆ คำถามมา ถาม คุณฉัตรชัย อีกแน่นอนครับ เห็นหลาย ๆ ท่าน กล่าวถึงคุณฉัตรชัยเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องงบการเงิน

ตอนนี้ก็กำลังศึกษา เกี่ยวกับ งบการเงินอยู่
ก็.. พยายามดูรายละเอียดต่าง ๆ ทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ ก่อน กะว่าคงต้องมีอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่ต้องขอคำแนะนำอีก

ครั้งแรกที่ได้อ่านเวปนี้ อ่าน 3-4 หน้าแรก บางทีคุณวิบูลย์กับคุณฉัตรชัย มีกล่าวค่าอะไรออกมา ค่าทุก ๆ ค่า ผมแทบไม่รู้จัก ตั้งใจจะอ่านงบดุลก่อน แล้วค่อยมาทะยอยอ่านใหม่ตั้งแต่ต้นครับ จะได้เข้าใจเนื้อหา

เพิ่งอ่านจบครับ ใช้เวลา 2 เดือนกว่าๆ (ได้ทั้งความรู้ ทั้งสาระ ทั้ง...งงกับสูตรทั้งหลาย) ตอนอ่านก็พยายามจดทั้งเทคนิค
และสูตรต่างๆ ของอาจารย์ทุกท่านไว้นะครับ (ขอให้ผมเรียกว่าอาจารย์แล้วกัน เก่งๆ กันทุกคน) พอดีผมไม่ได้เรียนมาทางนี้นะครับ
เลยไม่ค่อยเข้าใจพวกสูตร หรือตัวย่อบางตัวครับ ไว้ศึกษาแล้วจะมาถามอาจารย์อีกเยอะๆ เลยครับ

ที่จริงก็เข้ามาอ่านกระทู้ของเวปนี้มาปีกว่าแล้วครับ แต่คิดว่ากระทู้นี้ใบ้หุ้น เลยไม่ได้เข้ามาอ่าน เลยเป็นกระทู้แรกที่ใช้เวลาในการอ่านนานที่สุด ขอบอก

การใช้สูตรในการคำนวณการบริหารสินทรัพย์หมุนเวียน เช่น ระยะเวลาในการเก็บสินค้า ระยะเวลาในการเก็บเงิน ระยะเวลาในการชำระหนี้

ควรจะต้องระวังการแต่งบัญชีงบดุลครับ เนื่องจากการคำนวณค่าเหล่านี้ใช้ตัวเลขในงบดุล ซึ่งบันทึกจำนวนในวันสิ้นงวดเพียงวันเดียว

ดังนั้นอาจจะมีการแต่งบัญชีในวันสุดท้ายได้ครับ ต้องระวัง

เช่นเดียวกับพวกสถาบันการเงิน จำนวนเงินให้กู้ที่รายงานในแต่ละเดือน จะมีการแต่งบัญชีให้ลูกค้าใช้เงินกู้ระยะสั้นเพียงไม่กี่วันและให้ดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ เพื่อแต่งยอดหนี้ให้ดูสูงครับ ฝ่ายสินเชื่อจะได้ผลงานครับ

ผมว่าพี่ๆในเวปนี่คงปลื้มใจนะครับ ที่มีคนใหม่ๆ มาหาความรู้และมีความรู้มากขึ้น และสนใจวิธีการลงทุนแบบมีเหตุมีผลเชิงธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเป็นจุดประสงค์ของเวปครับ
น่ายินดีกับประเทศไทยครบ
ต้องขอบคุณพี่วิบูลย์เจ้าของกระทู้และจอมยุทธ์ทั้งหลายครับ สิ่งที่ทำมา ผมเห็นแล้วว่ามีคุณค่ามากๆครับ ขอบคุณพี่ๆทุกท่านที่มีส่วนในกระทู้ทรงคุณค่าประจำสถาบัน TVI นี้ครับ

thanwa เขียน:จากหลักสี่
มาเซนต์สมุดเยี่ยม
ให้ถึงหลักแสนครับ

คุณวิบูลย์ครับ
เมื่อไหร่จะครบกำหนดที่จะมีข่าวดีครับ

ข่าวดีคือได้เงินปันผลแล้วครับ อิ อิ

ตอนนี้ก็อ่านทะลุหลักแสนไปเรียบร้อยแล้ว ราวๆวันที่ 9 พฤษภาคม 2548
นับว่าได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้แล้ว

พี่เจ๋งบอกว่า ถ้าถึงแสนจะพาไปเลี้ยงโต๊ะ
ก็เลยขอโอกาสทวงพี่เจ๋งตอนนี้ซะเลย

silversaga เขียน:รบกวนพี่ฉัตรชัย พี่วิบูลย์ ช่วยอธิบายจุดที่ผมสงสัยด้วยน๊ะครับ
ขอบคุณครับ

พี่ฉัตรชัยและเพื่อนๆคงตอบให้แล้วนะครับ

yoyo เขียน:เกินแสนแล้วๆ
ช่วยสร้างตำนานกันต่อไป ....
แต่อันดับแรกต้องทำลายสถิติกระทู้ของครูเฒ่าเกาะช้างก่อน
อันนั้นเค้าแสนเกินเราได้พักใหญ่แล้ว

ผมลองแอบไปดูกระทู้ครูเฒ่า
ผมว่าเราอย่าไปแข่งกับเขาเลยครับ
ทำของเราให้ดีดีกว่า

เท่าที่ดูๆนะ
ปรากฏว่ามีคนชื่อ"ศิษย์ครูเฒ่า"มาช่วยครูเฒ่าตอบจนเลยหลักแสน

แล้วเมื่อไหร่เราจะมี"ศิษย์VI"มาช่วยกันตอบบ้างหละเนี่ย

ศิษย์VI ยังไม่มา

ศิษย์VI-boon มาช่วยตอบสักหน่อยก็ได้ครับ

เอาให้เกินล้านไปเลยนะครับ

ต้องเข้ามาอ่านทุกครั้งที่เปิดเครื่อง

แต่ไม่ค่อยได้โพสครับ


ขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่านจริงๆ