Sriracha เขียน:พี่วิบูลย์คะ
น้องเพิ่งเข้าเป็นสมาชิกของwebboardนี้ โดยสมัครทันทีหลังจากอ่านกระทู้นี้เสร็จ พี่ๆในนี้เก่งกันทั้งนั้นเลย ... น้องเพิ่งเริ่มสนใจลงทุนในหุ้นหลังจากได้อ่านหนังสือของท่านดร.นิเวศน์แล้วพบว่า
ใช่เลยนี่แหละรูปแบบที่ชั้นอยากทำ (ก่อนหน้านี้มีทัศนคติต่อพวกเล่นหุ้นว่าเป็นพวก
นักพนันก็เลยไปซื้อลงทุนในกองทุนรวมแทน) พอเริ่มมีแรงบันดาลใจประกอบกับมีเงิน
สะสมอยู่แล้วจำนวนหนึ่งก็เลยเริ่มวิเคราะห์หุ้นตามความเข้าใจที่ได้จากหนังสือของท่านดร. ตอนนี้คิดว่าพร้อมที่จะเปิดพอร์ทของตัวเองแล้วแต่อยากรบกวนพี่วิบูลย์ช่วยวิจารณพอร์ท
์หุ้นที่น้องเลือกหน่อยเถอะคะว่าใช้ได้มั้ยตามหลักการvalue investment(เอาตามความเห็น
ของพี่นะคะ ... ห้ามบอกน้องว่า"คุณว่าดี พ้มก็เห็นดีด้วย" อะไรทำนองนี้นะคะ .. ฮิ ..ฮิ)
TBSP : 30% TMD : 25% STANLY : 15% สามตัวนี้กะถือยาวและจะลงทุนเพิ่มคะ
TOC : 20% OISHI : 15% สองตัวนี้คิดว่าใน1-2 ไตรมาสข้างหน้าจะไปได้ดี
(หุ้นโตไว) พร้อมที่จะถือต่อหรือเปลี่ยนตัวคะ ..... น้องขอขอบพระคุณพี่ล่วงหน้าคะ
ขอบคุณคุณลูกอีสานนะครับที่ช่วยตอบ
น้องSriracha คงได้คำตอบไปแล้วนะครับ
ส่วนผมคงไม่ชอบวิจารณ์พอร์ต
เพราะการตัดสินใจลงทุนอยู่ที่ตัวเราเอง
อาจารย์เบนจามิน เกรแฮมกล่าวไว้ว่า
"You're neither right nor wrong becuase others agree with you.
You're right because your facts and reasoning are right"
แปลเป็นไทยได้ว่า
"คุณไม่ได้ถูกหรือผิดเพราะคนอื่นเห็นด้วยกับคุณ
แต่คุณเป็นฝ่ายถูกเพราะข้อมูลและเหตุผลของคุณถูก"
ดังนั้นถึงผมจะบอกว่าหุ้นที่น้องซื้อดีหรือไม่ดี
ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะถูกต้อง
แต่ถ้าเราคิดว่าเราทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ถึงแม้คนอื่นจะว่าผิด เราก็จะประสบความสำเร็จ
ความเห็นผมสำหรับน้องSriracha ก็คือ
หนึ่ง ลงทุนในบริษัทที่เรารู้จักและมองเห็นอนาคตได้ด้วยตัวเอง
จากข้อสังเกตุของผม น้องยังดูเหมือนไม่เข้าใจหุ้นที่ตัวเองตัดสินใจดีพอ
ทำการบ้านให้มากขึ้นก่อนตัดสินใจซื้อหุ้นสักตัว
ข้อผิดพลาดของคนส่วนใหญ่ คือ ซือก่อนแล้วหาข้อมูลทีหลัง
พอมีคนบอกว่าไม่ดีก็เขว
แต่ถ้ามีคนบอกว่าดี ก็จะมั่นใจเกินไป
ลองเปลี่ยนทัศนคติสักเล็กน้อย
เราคงไม่ต้องไปถามใครว่าพอร์ตเราดีหรือเปล่า
สอง อย่าเชื่อบทวิเคาระห์ของโบรกมาก
ดูเหมือนน้องจะอ่านบทวิเคาระห์ของโบรกแล้วซื้อตาม
โดยที่ยังไม่เข้าใจในการลงทุนนั้นๆดีพอ
โดยเฉพาะทีโอซี และโออิชิ
ซึ่งตอนนี้พวกโบรกกำลังเชียร์กันอย่างออกหน้าออกตา
การลงุทนในหุ้นอะไรก็ตาม
ถ้าเราไม่เข้าใจในธุรกิจนั้นจริงๆซะแล้ว
โอกาสที่จะประสบความสำเร็จแบบวีไอก็น้อยลงไปเท่านั้น
ถ้าผมแนะนำนะครับ
นำเงินสัก 20-30% ไม่เกิน 50% มาลองดูก่อน
ผ่านไปสามปี ไม่เจ๊ง ค่อยเอาเงินทั้งหมดที่มีมาลงในหุ้นได้ครับ
ดูเหมือนน้องยังต้องศึกษาอีกเยอะนะครับ
โอกาสในการลงทุนมีอยู่เสมอ ฉะนั้นไม่ต้องรีบ
บัฟเฟตบอกว่า
"ซื้อหุ้นนะ ซื้อทางไปรษณีย์ยังทันเลย"
โชคดีครับ
Crown เขียน:เพิ่งเข้ามาดูครับ ( สมาชิกใหม่ ) อยากเป็น VI มากครับ เริ่มซื้อหุ้นได้ TOP IPO ได้จัดสรร มา 2,000 ราคา 32 บาท ถ้าปล่อยไว้เฉย ๆ ตอนนี้คงกำไร 100 % แล้วครับ วันแรก ราคา 42 ขายเลยครับ ตกใจ แถมมาร์เก็ติ้งแนะให้ขายไปก่อน แล้วก็ซื้อๆ ขายๆ ตกใจ ขายขาดทุนหลายครั้ง ตั้งใจแบบคนเริ่มเล่นเลยครับ ตั้งใจตาม top ซื้อถูกขายแพง เพื่อลดราคาหุ้นที่ถือลง ( ตั้งใจลงทุน invest แต่เวลาจริง ๆ เป็น trading ไปซะชิบ ) แต่พอเอาจริงๆ ซื้อแพงขายถูก หลายครั้ง กว่าซื้อถูกขายแพง ตกลงเลยกำไรแค่ 30 % ตั้งใจหลายครั้งว่าจะถือยาวครับ แต่มันอดใจไม่ไหวครับ เวลาราคาตก รู้ว่าขาดทุน แล้วราคาอาจกลับมา แต่ก็ขายครับ เพราะกลัว ได้บทสรุปแบบมือใหม่ว่า ต้องมีรูปแบบที่ชัดเจนในการลงทุน เพราะตั้งใจว่าจะ VI แต่ พอเอาเข้าจริง ๆ 2 วัน ก็ขายแล้วครับ อ่านหนังสือแล้วก็สับสนครับ แนวคิดการซื้อโดยดูทางเทคนิค กับ VI มัตรงกันข้ามเลยครับ ขอถามนะครับ
1. VI มี cut loss ไหมครับ อ่านหนังสือหลาย ๆ เล่ม บอกว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แล้วทำไม บัฟเฟ็ด บอกว่าครวจะทนได้เวลาหุ้นตกถึง 50 % ( ปรกติทั้ง ๆที่ รู้ว่าบริษัทดีแข็งแกร่ง 2-3% ก็ขายแล้วครับ ) และ ต้องไม่ขาดทุน แต่ถ้า cut loss ก็หมายความว่าขาดทุน แหงๆ
คัตก็เมื่อรู้ว่าเราตัดสินใจผิด
หรือไม่ก็พื้นฐานกิจการเปลี่ยนแปลงอย่างถาวร
ถ้าไม่คัตก็หมดตัวได้
เช่น ถือหุ้นไฟแนนตอนลดค่าเงินบาท
Crown เขียน:2. อายุ 39 ( ยังเลข 3 นะเนี่ย ) ตั้งใจว่าจะเป็น VI เต็มตัว ทุนเริ่มต้น 120,000 เก็บเดือนละ 10,000 - 15,000 ( 10 % ) ลงหุ้น และ 10,000 ธนาคาร จะพอเป็นไททางเวลา และ การเงินได้อย่างไรครับ สงสัยจังว่าพวกที่ลงทุนในห้น 100% ไม่ทำงานอื่นเลย เอาเงินจากไหนมาใช้จ่ายประจำวันครับi
ลงหุ้นหมด 100% และไม่ทำงานคงใช้เงินปันผลมั๊งครับ
ส่วนของคุณCrown ผมแนะนำอย่างนี้แล้วกัน
ถ้าไม่ได้เก็บเงินเพื่อใช้จ่าย
ควรนำเงินมาลงทุนให้หมด
แทนที่จะเก็บเป็นเงินสดในแบงค์
แต่จะทำอย่างนั้นได้ต้องมีประสบการณ์ ความรู้ และหลักการที่ดีเสียก่อน
ช่วงแรกต้องลงทุนในความรู้ครับ และค่อยๆฝึกฝนไป อย่าใจร้อน
เงินไม่ใช่ประเด็น
เพราะคนส่วนใมหญ่คิดว่าต้องมีเงินถึงจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้
ถ้าผมบอกว่า
ความคิดคือเงิน
เงินไม่สำคัญเท่าความคิด
จะมีคนเชื่อผมมั๊ย
มีเงินไม่มีความคิด เงินก็อาจจะหมดไปได้
ไม่มีเงินแต่มีความคิด ก็มีเงินขึ้นมาได้
ลองไปคิดดูครับ
Crown เขียน:3. ผมอ่าน อ่านก่อน รวยถาวรกว่าแล้วครับ ดีมาก q เลยครับ เดี๋ยวนี้ไม่อ่านหนังสือทางเทคนิคเลยครับ อ่านแต่ VI book กับหนังสืองบการเงิน หลายเล่ม รู้สึกว่ามีเหตุผลกว่ากันมาก ๆๆๆๆๆ เพื่อนผมชวนไปอบรม 50,000 บาท ผมรู้สึกว่าเสียดายเงินมาก สู้ซื้อหนังสือหรืออบรมเกี่ยวกับการอ่านงบการเงินจะดีกว่า ถูกกว่าด้วย แต่สงสัยว่า VI ดูพวก MACD MA RSI บ้างหรือเปล่าครับ ผมดูแล้วเสียสมาธิทุกที ดูแล้วอยากขายมากเลยเวลาหุ้นตก อยากซื้อมากเลยเวลาหุ้นขึ้น ดูทีไรอยู่ไม่เป็นสุข เลยครับ
ถ้าอบรม 50,000 บาทในทางเทคนิค
ผมคงสั่งซื้อหนังสือทางอเมซอนได้เกือบ 50 เล่ม
เฉลี่ยเล่มละ 1,000 บาทเท่านั้นเอง
คุ้มค่ากว่ากันมาก
ถ้าอยากอบรม
ลองไปอบรมของตลาดหลักทรัพย์ดูซิครับ
ไม่กี่พันบาทเอง
ส่วนเรื่องเทคนิค ผมไม่รู้เรื่องสักนิดเดียวครับ
ขอบอกนิดนึงครับว่า
จอร์จ โซรอสเองยังบอกว่าเขาไม่ได้ใช้ Technical Analysis ครับ
Crown เขียน:ลืมไปครับ ปลาย พฤษภาคม ผมก็จะไปยุโรป 10 วัน ทำอย่างไรดีกับหุ้นที่มีอยู่ครับ
Financial Engineer เขียน:ถ้ารักจะลงทุนแบบ VI จริงๆ ต้องคิดเสมือนว่าเข้าหุ้นส่วนทำกิจการกันจริงๆ
ถ้าคุณมีกิจการส่วนตัวอยู่ แต่จำเป็นต้องไปต่างประเทศ 10 วัน คุณคิดจะขายกิจการทิ้งก่อนมั้ยล่ะครับ?? ผมว่าแนวคิดของคุณยังห่างกับ VI มากครับ
ขออภัยด้วยที่วิจารณ์ตรงๆ
เห็นด้วยกับคำตอบของคุณFinancial Engineer ครับ
ถ้าเป็นวีไอ เวลาสิบวันก็ไม่เห็นจะต้องทำอะไรนี่ครับ
พื้นฐานธุรกิจไม่ได้เปลี่ยนในสิบวัน
โชคดีครับ