หน้า 48 จากทั้งหมด 160

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 14, 2005 10:01 am
โดย VIB007
house เขียน:พูดถึงเรื่องนี้ ผมก็ยังสงสัยอยู่ครับ ว่าผลงานปีแรกผมนี่ ฝีมือ หรือ ฟลุ้ค กันแน่ เพราะเอากันจริงๆ ผมก็ไม่มีความสามารถในการวิเคราะห์ DCA แบบคุณวิบูลย์ เก็บก้นบุหรี่ก็ไม่เก่ง DCF ก็เพิ่งหัด แล้วก็ประมาณกำไรแบบคุณ Blueblood ไม่ได้
โทษทีครับที่เข้ามาตอบช้า
เพราะไม่ได้เข้าเวปมาหลายวัน

เนื่องของคุณhouse นั้น
ปีแรกคงบอกอะไรมากไม่ได้
การที่จะรู้ว่าฟลุ๊ค หรือ ฝีมือคงต้องใช้เวลา
ผมว่าอย่างน้อยสัก สามปีขึ้นไปนะ
ถ้าให้ดีต้องสิบปี

ใครทำผลตอบแทนได้อย่างดีในช่วงเวลาสิบปีนี้ ฝีมือล้วนๆ

หมอฟันนักเล่นหุ้นท่านหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า
ตอนเริ่มต้นเข้าตลาดหุ้น ให้นำเงินสิบเปอร์เซนต์มาเล่น
ถ้าผ่านไปสามปี ไม่หมดตัว แถมได้กำไรมาก ก็ให้นำเงินทั้งหมดมาเล่นได้

นั่นหมายความว่า
ช่วงเวลาหนึ่งปีไม่สามารถบอกอะไรได้เลยว่าฝีมือหรือเฮง
สองปีก็ยังไม่แน่ชัด
เท่าที่ผมสังเกต คนส่วนใหญ่จะเจ๊งในปีที่สองหรือสาม
เพราะคิดว่าตัวเองแน่
เลยใส่เข้าไปเต็มๆ ปรากฏว่าเดี้ยง
เพราะมั่นใจตัวเองเต็มที่จากกำไรในปีที่หนึ่งและปีที่สอง

ไม่ต้องกังวลมากหรอกครับ
เราทำตามที่เราคิดและคอยปรับปรุงขบวนการคิดของเราอยู่เสมอ
รวมทั้งตั้งตนอยู่บนความไม่ประมาท
โอกาสที่จะหมดตัวนั้นมีน้อยครับ
ส่วนใหญ่หมดตัวเพราะ"ความโลภ"มากกว่า

จะว่าไปแล้ว
สุภาษิตที่ว่า "โลภมาก ลาภหาย"
น่าจะเป็นเรื่องจริงในตลาดหุ้นได้ดีที่เดียว
ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือนักเก็งกำไรก็ตาม
yoyo เขียน:แต่ก่อนเพื่อนผมก็พูดแบบนี้เหมือนกันครับ
แต่หลังจากเวลาผ่านไปปีกว่า เพื่อนๆผมขาดทุนกันทุกคน ผมยังยิ้มแฉ่งกำไรดีเหมือนเดิม
เลยเลิกแล้วครับ .. หลังๆผมพูดอะไรไปซื้อตามกันเป็นแถวเลย
เอาผลงานพิสูจน์ดีกว่าครับ ชัดเจนกว่า
อันนี้ก็ใช้เรื่องจริงเช่นกัน

ตอนแรกๆคนหาว่าผมบ้า ซื้อหุ้นไม่ยอมขาย
ทั้งคนใกล้ชิด เพื่อน และพี่ๆ
จนผมต้องเลิกคุยกับชาวบ้านเรื่องหุ้น
เพราะมันเหมือนอยู่คนละโลกเลย

จนผมพบเวปนี้
และเจอเพื่อนๆในนี้
ผมเลยมีโอกาสได้มาระบายความในใจให้ฟัง
เรียกว่าเพิ่งพบพวกที่คุยกันรู้เรื่อง
ไม่งั้นผมก็คงลงทุนอยู่คนเดียวต่อไป

นอกเหนือจากนั้นยังมีโอกาสได้เขียนลง นสพ รายสัปดาห์อีกแล้ว
ใครได้ยินก็งง........เป็นไก่ตาแตก
ไม่น่าเชื่อว่า ไอ้เด็กกะโปโลจะมีน้ำยามาเขียนคอลัมน์ได้
มันไม่เก่งจริงหรอก ก็แค่ฟลุ๊ค
เดี๋ยวเขียนไปก็หมดมุข
แถมยังไปลอกตำราฝรั่งมาอีก ไม่ได้คิดเองหรอกมั๊ง

จนเวลาผ่านไป
นี่ก็จะเกือบปีอยู่แล้วที่เขียนคอลัมน์มา
ยังไม่หมดมุข

เพื่อนที่เฝ้าดูหุ้นที่ผมถือและคอยลุ้นให้ราคาหุ้นผมดิ่งเหว
จะได้สมน้ำหน้าด้วยความสะใจ

แต่กลับปรากฏว่าราคายังยืนอยู่ได้ ไม่ตกไปตามดัชนีตลาดหุ้น
แถมกลับมามีกำไรทุกๆปี
ขณะที่พรรคพวกนี้ต้องขาดทุนไปตามๆกันเมื่อปีที่แล้ว

จนตอนนี้พวกเขาเริ่มยอมรับแล้วละครับ
แต่กว่าจะได้รับการยอมรับ
ต้องแลกด้วยความอดทนอย่างสูง
ถ้าเราไม่มีความมั่นใจในสิ่งที่เราทำและเราทนต่อแรงเสียดสีไม่ได้
เราคงประสบความสำเร็จได้ยากครับ

ขอแนะนำให้พวกเราไม่ต้องสนใจกับเสียงนกเสียงกา
ไม่สนใจต่อคำสบประมาทต่างๆ
ขอเพียงความมุ่งมั่นและตั้งใจ
อย่าท้อแท้
สักวันคนอื่นๆก็จะยอมรับเอง

ไม่ต้องไปประคารม ไม่ต้องโน้มน้าวใคร
ไม่ต้องไปบอกว่าของเขาของเราดีไม่ดีอย่างไร
พิสูจน์ให้เห็นด้วยการลงมือทำ
แล้วคนอื่นจะเข้าใจเอง
โดยที่ไม่ต้องพูดอะไรสักคำ

โชคดีทุกท่านครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ มี.ค. 14, 2005 12:20 pm
โดย yoyo
เกือบครบปีแล้วเหรอครับที่พี่วิบูลย์เขียนบทความ
เร็วเหมือนกันนะครับเนี่ย ...
ผมยังรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่เดือนก่อนอยู่เอง

ส่วนที่หมอฟันท่านบอกว่าต้องรอเวลาพิสูจน์ 3 ปี
ผมว่าจริงอย่างยิ่งเลยครับ .. เล่นหุ้นที่ต้องพิสูจน์กันนานๆ ยิ่งเกิน 3 ปียิ่งดี
คนที่เล่นปีแรกขาดทุน ... ส่วนใหญ่เลิกเล่นหุ้นแล้วโทษว่าตลาดหุ้นเป็นการพนัน
คนที่เล่นปีแรกกำไร .. ส่วนใหญ่คิดว่าตัวเองเป็นเซียน ปีต่อมาลงเงินเพิ่มขึ้นๆ .. สุดท้ายเจ๊ง ...คิดว่าตลาดหุ้นเป็นการพนัน .. จะแย่กว่าก็ตรงที่อาจจะขาดทุนหนักกว่าคนแรก
ต้องพยายามเป็นคนส่วนน้อยให้ได้ ขาดทุนแล้วอย่าโทษใคร ให้โทษตัวเราเอง ..หาข้อบกพร่องแล้วแก้ไขไปเรื่อยๆ
กำไรแล้วอย่าเหลิง รอเวลาพิสูจน์เวลาเพิ่งปีหรือ 2 ปียังน้อยเกินไป เวลาน้ำมันขึ้น เรือมันก็ลอยขึ้นทุกลำ ทำกำไรเวลาที่ทุกๆคนทำได้ไม่ใช่เรืองแปลกขาดทุนซิแปลก แต่เมื่อผลงานระยะยาวเป็นแสดงว่าน้ำลดแล้วเรือยังลอยขึ้นค่อยมาเฮดีกว่า .. แล้วคนอื่นจะเห็นว่าไอ้นี่มันนั่งเรือวิเศษ ลอยเหนือน้ำได้ .... เค้าคงมาถามเราเองว่าไปเอาเรือวิเศษมาจากไหน

เหลืออีกประมาณ 9เดือนจะครบ 3 ปีครับ...
:oops: แต่ลงเงินไป 100% ตั้งแต่ยังไม่จบปีแรกเลยด้วยซ้ำ :oops:

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2005 10:39 am
โดย VIB007
yoyo เขียน:เกือบครบปีแล้วเหรอครับที่พี่วิบูลย์เขียนบทความ
เร็วเหมือนกันนะครับเนี่ย ...
ผมยังรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่เดือนก่อนอยู่เอง
เขียนมาตั้งแต่มิถุนายนปีที่แล้วครับ
อีก 3 เดือนก็ครบปีแล้ว

วันนี้ท่าน ดร.นิเวศน์เขียนบทความเรื่อง หุ้นปันผลและหุ้นแวลู
เป็นหัวข้อที่ผมอยากจะเขียนพอดี
แต่ท่านมาตัดหน้าผมไปก่อน

ผมหาข้อความใน Settrade ยังไม่มี
ถ้าใครสนใจหาอ่านได้ในกรุงเทพธุรกิจวันนี้ (อังคารที่ 15 มีนา 2548)

หลังจากที่มีคนรู้ว่าผมมาเขียนคอลัมน์
ก็มักจะมาถามว่าจะซื้อหุ้นปันผลดีไหม
บางคนก็คิดว่าแวลูคือซื้อหุ้นกินปันผลแล้วก็ไม่ขายหรือทำอะไรเลย
ซึ่งนับว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด

บทความของท่าน ดร. อธิบายเรื่องนี้ได้ดีมากเลยครับ
ลองอ่านดูกันครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2005 12:08 pm
โดย ปรัชญา
yoyo เขียน:เกือบครบปีแล้วเหรอครับที่พี่วิบูลย์เขียนบทความ
เร็วเหมือนกันนะครับเนี่ย ...
ผมยังรู้สึกเหมือนเพิ่งเกิดเมื่อไม่กี่เดือนก่อนอยู่เอง

ส่วนที่หมอฟันท่านบอกว่าต้องรอเวลาพิสูจน์ 3 ปี
ผมว่าจริงอย่างยิ่งเลยครับ .. เล่นหุ้นที่ต้องพิสูจน์กันนานๆ ยิ่งเกิน 3 ปียิ่งดี
คนที่เล่นปีแรกขาดทุน ... ส่วนใหญ่เลิกเล่นหุ้นแล้วโทษว่าตลาดหุ้นเป็นการพนัน
คนที่เล่นปีแรกกำไร .. ส่วนใหญ่คิดว่าตัวเองเป็นเซียน ปีต่อมาลงเงินเพิ่มขึ้นๆ .. สุดท้ายเจ๊ง ...คิดว่าตลาดหุ้นเป็นการพนัน .. จะแย่กว่าก็ตรงที่อาจจะขาดทุนหนักกว่าคนแรก
ต้องพยายามเป็นคนส่วนน้อยให้ได้ ขาดทุนแล้วอย่าโทษใคร ให้โทษตัวเราเอง ..หาข้อบกพร่องแล้วแก้ไขไปเรื่อยๆ
กำไรแล้วอย่าเหลิง รอเวลาพิสูจน์เวลาเพิ่งปีหรือ 2 ปียังน้อยเกินไป เวลาน้ำมันขึ้น เรือมันก็ลอยขึ้นทุกลำ ทำกำไรเวลาที่ทุกๆคนทำได้ไม่ใช่เรืองแปลกขาดทุนซิแปลก แต่เมื่อผลงานระยะยาวเป็นแสดงว่าน้ำลดแล้วเรือยังลอยขึ้นค่อยมาเฮดีกว่า .. แล้วคนอื่นจะเห็นว่าไอ้นี่มันนั่งเรือวิเศษ ลอยเหนือน้ำได้ .... เค้าคงมาถามเราเองว่าไปเอาเรือวิเศษมาจากไหน

เหลืออีกประมาณ 9เดือนจะครบ 3 ปีครับ...
:oops: แต่ลงเงินไป 100% ตั้งแต่ยังไม่จบปีแรกเลยด้วยซ้ำ :oops:
:P คุณวิบูลย์ น่าเอาน้องyoyo
ไปเขียนคอลั่มน์ ใน นสพ.บ้างนะครับ
ที่เขียนนั่นเป็นสัจจะรรมเลย

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2005 12:56 pm
โดย VIB007
กรุงเทพธุรกิจ อังคารที่ 15 มีนา 2548
บทความโดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Dividend VS Value Stock

คนจำนวนมากในตลาดหุ้นมักจะเข้าใจผิดคิดว่า Value Stock หรือหุ้นคุณค่าก็คือหุ้นที่มีการจ่ายปันผลที่ดี ยิ่งปันผลสูงเมื่อเทียบกับราคาหุ้นมากเท่าไรหุ้นนั้นก็เป็นหุ้น Value มากขึ้นเท่านั้น บ่อยครั้งโดยเฉพาะในช่วงที่ภาวะตลาดไม่คึกคักโบรกเกอร์และหนังสือพิมพ์ก็จะนำเสนอหุ้นที่จ่ายปันผลงามที่สุด 10-20 อันดับ และแนะนำว่าเป็นหุ้นที่น่าลงทุน

บางครั้งผมเองก็เคยพูดว่า ปันผลเป็นคำตอบสุดท้าย นั่นคือมีหุ้นที่จ่ายปันผลดีบางตัวน่าสนใจเข้าข่ายเป็น Value Stock และต่อมาก็พิสูจน์ว่าสิ่งนั้นเป็นจริง คือหุ้นที่จ่ายปันผลดีเหล่านั้นทำกำไรให้กับคนที่ถืออย่างงดงาม

พูดไปพูดมามาก ๆ เข้าคนจำนวนไม่น้อยก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าหุ้น Value ก็คือหุ้นปันผล และคิดว่าผมในฐานะ Value Investor พันธุ์แท้ ชอบลงทุนซื้อหุ้นที่จ่ายปันผลงามและจะถือเก็บเพื่อกินปันผลเป็นหลักโดยไม่สนใจกำไรจากการปรับตัวขึ้นของราคาหุ้น

นั่นเป็นความเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะคำว่า Value Stock นั้น ความหมายก็คือเป็นหุ้นที่มีคุณค่าสูงกว่าราคาหุ้นมาก โดยที่คุณค่านั้นคิดจากความสามารถในการทำกำไรและ / หรือการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทในอนาคตระยะยาว ส่วน หุ้นปันผล ที่พูดกันนั้นมักจะเป็นปันผลที่จ่ายในปีที่แล้วหรือปีที่กำลังถึงเมื่อเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบัน

ความแตกต่างระหว่างหุ้นปันผลกับ Value Stock นั้นชัดเจนก็คือ ใน Value Stock เราพยายามหาความสามารถในการทำกำไรหรือเงินสดในระยะยาวของบริษัทซึ่งจะต้องวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ มากมายตั้งแต่เรื่องของภาวะอุตสาหกรรม การตลาด การผลิต การบริหารงาน และการเงินของบริษัท ความได้เปรียบเสียเปรียบของบริษัทเทียบกับคู่แข่งและอื่น ๆ อีกมาก ในขณะที่หุ้นปันผล ดูเฉพาะการจ่ายปันผลปีที่แล้วปีเดียวเทียบกับราคาหุ้นในปัจจุบันซึ่งเป็นข้อมูลของอดีตที่ไม่ต้องวิเคราะห์อะไรเลย

ในสายตาของ Value Investor แล้ว ปันผลเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งหรือเป็นคุณค่าของหุ้นที่นำมาพิจารณาประกอบกับองค์ประกอบอื่นอีกหลาย ๆ อย่าง บางคนคิดว่าผลตอบแทนจากปันผลเป็นสิ่งที่สำคัญมาก บางคนก็เฉย ๆ ส่วนผมเองนั้น ผมคิดว่าปันผลเป็นเพียง ผลตอบแทนของการรอคอย นั่นก็คือ เวลาผมซื้อหุ้นที่เป็น Value Stock นั้น ผมซื้อเพราะผมเชื่อว่าเป็นกิจการที่ดีราคาถูก แต่ผมไม่รู้ว่าราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นไปเมื่อไร บางครั้งผมต้อง รอคอย นานมาก ซึ่งถ้าในระหว่างนั้นผมไม่ได้อะไรตอบแทนเลยผมก็จะรู้สึกแย่มากและก็ทำใจได้ยาก ดังนั้น หุ้นที่มีการจ่ายปันผลน้อยนิดเมื่อเทียบกับราคาหุ้นจึงเป็นหุ้นที่ผมไม่ชอบเลย

แต่ผมเองก็ไม่ชอบและมักจะไม่สนใจหุ้นที่จ่ายปันผลอย่างงดงามมากเมื่อเทียบกับราคาหุ้น เช่น จ่ายถึง 10% ของราคาหุ้นที่เรียกกันว่าหุ้นปันผล เหตุผลไม่ใช่เพราะผมรังเกียจปันผลหรือคิดว่านี่เป็นผลตอบแทนที่น้อยเทียบกับการขึ้นของราคาหุ้น แต่เป็นเพราะว่า หุ้นปันผล เหล่านั้น ส่วนใหญ่มักจะเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลมาก ชั่วคราว นั่นก็คือ จ่ายมากเฉพาะปีที่ผ่านมา แต่อนาคตคงไม่สามารถที่จะจ่ายได้เท่าเดิมเนื่องจากกำไรของบริษัทในอนาคตจะลดลง เพราะฉะนั้น หุ้นปันผล ของวันนี้ อาจจะกลายเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลน้อยในวันข้างหน้า

บริษัทบางแห่งทำกำไรปีที่แล้วได้ 8 บาทต่อหุ้น และจ่ายปันผล 8 บาทต่อหุ้นเหมือนกันเพราะไม่มีความจำเป็นต้องเก็บกำไรเอาไว้ลงทุนต่อ ราคาหุ้นของบริษัทที่ซื้อขายในตลาดเท่ากับ 100 บาท ดังนั้นผลตอบแทนปันผลเท่ากับ 8% คนพูดว่านี่คือหุ้นที่จ่ายปันผลดีมากเป็นหุ้นปันผล อีกบริษัทหนึ่งกำไร 10 บาทต่อหุ้น ราคาหุ้นเท่ากับ 100 บาทเท่ากัน แต่จ่ายปันผลเพียง 3 บาท เพราะต้องนำกำไรส่วนที่เหลืออีก 7 บาทต่อหุ้นไปลงทุนขยายงานต่อ คำนวณดูแล้วผลตอบแทนปันผลเพียง 3% แต่มองดูแล้วบริษัทนี้น่าจะดีกว่าบริษัทแรกและมีคุณค่ามากกว่า เพราะบริษัทน่าจะเติบโตมากกว่าเพราะมีการลงทุนขยายกิจการ และราคาหุ้นเมื่อคิดจากค่า PE ก็ถูกกว่า คือเท่ากับ 10 เท่า (100/10) ในขณะที่บริษัทแรกนั้นค่า PE เท่ากับ 12.5 (100/8)

หุ้นที่จ่ายผลตอบแทนปันผลสูงนั้นคงจะไม่เลวร้ายดังตัวอย่างข้างต้นเสมอไปแต่หุ้นหลายตัวก็มีลักษณะดังกล่าว ดังนั้นก่อนที่จะซื้อหุ้น ปันผล ควรที่จะศึกษาตัวบริษัทอย่างถี่ถ้วนเสียก่อนว่าปันผลที่ได้รับนั้นจะไม่ลดลงในอนาคต ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง การได้ปันผลงามก็ไม่มีประโยชน์ เพราะในวันที่เราได้รับปันผล ราคาหุ้นกลับลดลงมากกว่า ปันผลดีกลายเป็นกับดัก และนี่ไม่ใช่หุ้น Value ที่เราเสาะแสวงหาเลย

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2005 1:13 pm
โดย VIB007
ปรัชญา เขียน: :P คุณวิบูลย์ น่าเอาน้องyoyo
ไปเขียนคอลั่มน์ ใน นสพ.บ้างนะครับ
ที่เขียนนั่นเป็นสัจจะรรมเลย
ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ พี่ปรัชญา

ใครสนใจจะส่งบทความก็ส่งมาได้ที่ผมหรือคุณมนตรีนะครับ
ขนาดสองหน้ากระดาษเอสี่
ถ้าเป็นบทความที่น่าสนใจและเขียนได้ดี
จะส่งไปลงให้ครับ
เหมือนบทความของคุณซิปโป้ เรื่อง"ธิดาดอย"
ที่คุณมนเคยเอาไปลง
ช่วยชีวิตคุณมนไปได้หนึ่งบทความ (ไม่ต้องเขียนเอง)

ผมว่าเราเปิดโอกาสให้นักเขียนรุ่นใหม่ๆได้แสดงตัวบ้างก็ดี
แต่ผมสองคนขอสิทธิในการตรวจสอบและส่งไปลงนสพ

ถ้าส่งมาแล้วไม่ได้ลงก็อย่าน้อยใจ ให้ส่งมาอีก
เหมือนคุณอาจินต์ ปัญจพรรณเคยกล่าวเอาไว้ว่า
"ตระกร้า(ของ บ.ก.) สร้างนักเขียน"
ยิ่งข้อเขียนของคุณลงตระกร้ามากเท่าใด
คุณก็ยิ่งได้ฝึกฝนตัวเองมากขึ้นแค่นั้น

แต่ผมสองคนโชคดีหน่อย
ที่บทความไม่ได้ถูกโยนลงตระกร้า
แถมบ.ก.ต้องโทรมาทวงต้นฉบับกันทุกอาทิตย์เลย
เพราะชอบส่งช้า หลังๆสมองมันค่อนข้างตื้อ ฮา ฮา

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2005 1:23 pm
โดย por_jai
พอคุณวิบูลย์บอกก็ไปหาอ่านในเน็ท กรุงเทพธุรกิจ
หาไม่เจอ อ้าวมาเปิดเซทเทรด เจอแล้ว
จะมาโพสบอก อ้าวคุณวิบูลย์ ก๊อปมาในนี้แล้ว
วิ่งยังกะหุ้นtop เลย
ปกติอ่านในbizweekประจำข้อเขียนของคุณวิบูลย์กะคุณมน
ชอบคลายเครียดเรโช กะ อยู่ไม่สุขจริงๆ ของคุณมนมาก
อ่านแล้วบรรลุเลย
ส่วนคุณวิบูลย์เป็นคนที่ไม่หวงความรู้เลย มีอะไรก็มาเล่าสู่กันฟัง
อ่านแล้วรู้ว่าถ้าชอบลงทุนแนวนี้ ต้องมาหาความรู้จากพวกคุณก่อน

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2005 5:06 pm
โดย VIB007
ขอบคุณครับ คุณpor jai

ถ้าชอบบทความคุณมน
ผมขอแนะนำ Bizweek ฉบับวันศุกร์ที่ 18 มีนานี้
รับประกันความสนุก แต่ขออุบชื่อเรื่องไว้ก่อน

ส่วนในการลงทุน ความรู้อย่างเดียวคงไม่เพียงพอ
ต้องคู่กับ"จิตใจ"ด้วยครับ

ปีเตอร์ ลินซ์บอกไว้ว่า
"ทุกคนในตลาดหุ้นมีความรู้ความสามารถมาก
แต่ไม่ทุกคนที่มีความกล้าพอที่จะทนเห็นหุ้นตกได้โดยไม่เสียขวัญก่อน"

ดังนั้น ไม่ว่าผมจะเล่าเรื่องความรู้ให้ฟังแค่ไหน
ผมก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาทำตามทั้งหมด
เพราะการลงทุนแบบนี้ มันไม่สนุก และไม่ตื้นเต้นอะไรเลย
แถมน่าเบื่ออีกต่างหาก
ใครที่มีความอดทนไม่พอ
คงทนไม่ไหวแน่ๆ
สู้ไปเก็งกำไรไม่ได้
วัดกันไปเลยว่าได้หรือเสีย
สนุก ตื้นเต้น เร้าใจ ............แต่โบรกรวย

วันก่อนไปหาเพื่อนที่ทำงานที่โบรก
เดินผ่านห้องค้า
เห็นอาซิ้ม อาเฮียนั่งมองจอหุ้น ทำหน้าจ๋อยๆ
........ทั้งห้องเงียบกริบ
มีเฮียคนหนึ่งกำลังโทรศัพท์เสียงดังมากอยู่คนเดียว
สงสัยคุยกับเพื่อนบอกว่า "เฮ้ย วันนี้มันเอาจริง"

ปรากฏว่าตอนนั้นเวลาประมาณเที่ยง ดัชนีลบไป 10 จุด
ทุกคนในห้องค้าคงกำลังเครียด

เพื่อนผมบอกว่า
ต้องมาดูตอนหุ้นขึ้น
ทั้งห้องส่งเสียงดังเจี้ยวจ้าวหน้าดู

ได้ยินแล้วก็นึกถึงสัจธรรมห้องค้าที่ว่า
"แม่บ้านมาตลาดหุ้น เมื่อวานได้ค่ากับข้าว วันนี้เสียเครื่องครัว"

ก็มาเล่าให้ฟังกันเฉยๆ

ใครมีประสบการณ์ในห้องค้าอย่างไร มาเล่าสู่กันฟังบ้างก็ดีนะครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2005 5:50 pm
โดย harry
ไหนว่าบทความของพี่ทั้งสอง จะมีรวมเล่มออกมาเร็วๆนี้ หรือว่ายังได้ไม่ครบพอออกเป็นหนังสือครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 15, 2005 9:48 pm
โดย yoyo
color=blue] คุณวิบูลย์ น่าเอาน้องyoyo
ไปเขียนคอลั่มน์ ใน นสพ.บ้างนะครับ
ที่เขียนนั่นเป็นสัจจะรรมเลย[/color]
เฮียปรัชญาชม ผมภูมิใจเป็นพิเศษเลยครับ :D :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 16, 2005 12:57 pm
โดย VIB007
harry เขียน:ไหนว่าบทความของพี่ทั้งสอง จะมีรวมเล่มออกมาเร็วๆนี้ หรือว่ายังได้ไม่ครบพอออกเป็นหนังสือครับ
ลืมบอกไปครับ

หนังสือรวมเล่มคอลัมน์ Value Way
จะเปิดตัวในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ
25 มีนา-3 เมษายน 2548 นี้
โดย สนพ.เนชั่น บุ๊ค

เป็นบทความที่รวบรวมจาก นสพ Bizweek จำนวน 20 บท
และมีบทเสริมเขียนขึ้นมาใหม่อีก 20 บท

มี"คำนิยม" ของหนังสือเล่มนี้เขียนโดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร

หนังสือชื่อ "อ่านก่อน รวยถาวรกว่า"
หน้าปกสีแดง

พอดีผมโพสรูปไม่เป็น คงต้องให้คุณมนมาโพสรูปหน้าปกให้ดู

ไม่มีหนังสือราคาพิเศษให้สมาชิกเวป
รวมทั้งไม่มีหนังสือจะแจก
เพราะผู้เขียนก็ต้องไปหาซื้อเอาที่แผงเหมือนกัน ฮา

ใครสนใจหาซื้อได้ที่งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ บู๊ทเนชั่น
ถ้ารอที่ร้านหนังสือทั่วไป คงประมาณปลายเดือนนี้

อย่าลืมไปอุดหนุนกัน
ถ้าขายดีก็จะมีเล่มสองออกมาอีก

ถ้าเล่มนี้ขายไม่ได้
คงต้องพิจารณาตัวเอง......ไปขายเต้าฮวยดีกว่า
ใช่มั๊ยครับ คุณมน 5 5 5

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 16, 2005 1:02 pm
โดย VIB007
ใครอยากเห็นปกหนังสือ คลิ๊กเข้าไปดูได้จ้า

http://www.thaivalueinvestor.com/webboa ... 2525e57b9c

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 16, 2005 11:01 pm
โดย Mon money
ผมไม่ยอมขายเต้าฮวยแน่นอน....

ผมจะไปขายต้นไม้ที่สนามหลวงสอง....ขายไม่ออกก็ซื้อเอง เจ๊งให้มันรู้ไปซิ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2005 12:21 am
โดย raruen
VIB007 เขียน:ขอบ่นเรื่องการศึกษาของเมืองไทยอีกหน่อย
เมื่อปิดเทอมคราวที่แล้ว บริษัทผมมีนักศึกษามาฝึกงาน
จบจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬา ปี3 กำลังจะขึ้นปี 4
พอผมพบว่าเขาเรียนเศรษฐศาสตร์
ผมเลยถามเขาว่า
มีความเห็นอย่างไรในสภาพเศรษฐกิจประเทศไทยในอีก 1-2 ปีข้างหน้า
(จริงๆเพื่อนำมาวิเคาระห์หุ้น)

เขาตอบไม่ได้ครับ

ผมถามว่าอาจารย์เคยมีการสอนให้ออกความคิดเห็นเป็นกลุ่มในชั้นไหม
เขาตอบว่าไม่มี แต่จะมีวิชาหนึ่งในปี 4

ได้คำตอบแค่นี้ ผมก็พบแล้วว่า
ผ่านไป 10-20 ปีการเรียนแม้แต่ในมหาวิทยาลัยเมืองไทย
ยังคงล้าหลัง
เรียนกันแต่ในตำรา
ไม่เคยให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นเพื่อมาดูว่าสิ่งที่รุ่นเก่าคิดไว้นั้น
มันยังนำมาใช้ในปัจจุบันได้หรือไม่

ผมว่าไม่มีทางที่นักเศรษฐศาสตร์เมืองไทยจะได้รางวัลโนเบลเลย
เพราะเราไม่เคยคิดอะไรใหม่ๆ ออกไปจากกรอบของตำราเดิมๆ
เรายึดติดกับสมการเดิมๆ เลยทำให้เราต้องลดค่าเงินบาท เศรษฐกิจพังพินาศเมื่อปี 40

แม้แต่การเรียนในมหาวิทยาลัยเมืองไทย
สุดท้ายก็ยังวนอยู่ในอ่าง

ขอบ่นเพียงเท่านี้
สวัสดีครับ ไม่ได้อ่านนาน งานยุ่งมากแล้วก็เรียนด้วย
ขอออกความเห็นย้อนหลัง(มากๆ เหอๆ)เรื่องการศึกษาสักหน่อยครับ

พอดีเพิ่งเจอน้องกล่าวถึงเรื่องการฝึกงานเหมือนกัน
มีน้องหม่อคนนึงมาโพสในเวบบอดถามเรื่องการฝึกงานตอนปีสาม
แล้วก็มีจูเหนี่ยมาตอบว่า ให้ลองหาบริษัทที่มีเพื่อนพ่อเป็นเจ้าของดู
จะได้มีเวลาว่างไปเที่ยว
ไม่ควรปล่อยเวลาวัยรุ่นอันมีค่าให้ล่วงเลยไปด้วยการทำงาน

อันนี้ผมเห็นด้วยที่ว่าเวลาวัยรุ่นมีค่าครับ
แต่ถ้าไม่ได้คิดจะเอาดีทางด้านที่เรียนมา ก็ควรไปเรียนอย่างอื่น

การศึกษาไทยบางทีก็ไม่ได้เลวร้ายมากครับ
หลายครั้งที่เป็นเพราะการแนะแนวการศึกษาเหมือนกัน
ถ้าทุกคนได้เรียนที่ตัวเองชอบจริงๆ สนใจจริงๆก็คงรีดประสิทธิภาพออกมาได้ดีอยู่
น้องคนที่พี่วิบูลย์ไปเจอก็อาจเลือกเรียนตามค่านิยมของสังคมมา
ทำให้ไม่ภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองกำลังเรียน และไม่สนใจในที่สุด

ถ้าให้เค้าไปเปิดร้านเหล้า อาจจะได้ร้านเหล้าที่มี competitive advantage และได้ผลตอบแทนสูงมากก็ได้ครับ

ที่ควรปรับปรุงอีกอย่างคือกระบวนการ ที่ทำให้คนเข้าใจตัวเองว่าต้องการอะไรครับ.

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2005 12:23 am
โดย raruen
หะหะ เก่าหน่อยนะครับพี่ๆน้องๆ
พอดีไม่ได้อ่านนานเลยไปไล่อ่านกระทู้เก่าอยู่ครับ

อ่านแล้วมันคึกคักดีจริงๆ
จุดไฟ VI อีกที ฮ่าๆ.

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2005 12:54 pm
โดย VIB007
โอโห ย้อนเวลาพูดเรื่องการศึกษา
จะว่าไปก็เหมือนวนอยู่ในอ่าง

แต่ยังมีเทรนที่ดีอย่างหนึ่งก็คือ
หาคนทำงานบ้านเป็นคนไทยไม่ได้แล้ว
แสดงให้เห็นว่า คนไทยมีการศึกษาขึ้นมาก
อย่างน้อยก็ต้อง ม.3 หรือ ม.6
เลยไม่มาทำงานเป็นแม่บ้านตามบ้านแล้ว
ส่วนใหญ่มักจะมีอายุเยอะ
ถ้าอายุน้อยๆจะไปทำงานอื่นหมด

ผมไม่แปลกใจที่เห็นรายได้ต่อประชากรเราต่ำมากในช่วงที่ผ่านมา
ของเราตกปีละ 80,000 บาท
ขณะที่เกาหลีที่แต่ก่อนยากจนกว่าเราสมัยสงครามเกาหลี 30 ปีที่แล้ว
ตอนนี้มีรายได้ต่อประชากรปีละ 600,000 บาท
มากกว่าเรา 7 เท่า
ไม่ต้องพูดถึงสิงคโปร์ที่ไม่มีทรัพยากรอะไรเลย นอกจากคนที่มีความรู้
ทำรายได้ต่อประชากรมากกว่า 10 เท่าของเราที่กว่า 1,000,000 บาทต่อปี

อีกกี่ชาติเราถึงจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีเท่าประเทศอื่นได้
ที่เกาหลีและสิงคโปร์หาคนจนยากมากจริงๆ
แต่เราของเรา.....เพียบ เต็มถนนไปหมด
ทั้งขอทาน คนยากจน กรรมกร คนรายได้ขั้นต่ำมากมาย

ตราบใดที่เราไม่ให้การศึกษากับประชากรของเราอย่างมีคุณภาพและเพียงพอเท่าเทียมกัน
ตราบนั้นเราก็คงไม่อาจเห็นคนไทยมีรายได้ต่อประชากรสูงๆได้

ไม่มีใครจ้างคนจบ ป.4 มาเป็นโปรแกรมเมอร์เงินเดือนสูงๆหรอกจริงมั๊ยครับ
ดังนั้น แทนที่คนไทยจะไปขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง
ถ้าเขามีความรู้ เขาก้ไปเป็นโปรแกรมเมอร์รับเงินเดือนแสนแล้ว

ทำไมประเทศไทยทำไม่ได้
ผมไม่เข้าใจ

ไม่ได้ดูถูกคนขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง
แต่อยากเห็นคนไทยมี"ความรู้"และใช้ความรู้ให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม
ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ รายได้ประชากรที่สูงขึ้น
และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

แต่ก่อนผมไม่เชื่อว่า ประเทศที่มีรายได้ต่อหัวสูง
คนจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าประเทศที่มีรายได้ต่อหัวต่ำ
แต่ตอนนี้ผมเชื่อแล้วว่าเป็นความจริง

ดูไม่ไกล้ไม่ไกล
ฟิลิปปินส์ อินโด เทียบกับ สิงคโปร์และเกาหลี
แค่นี้ก็เห็นความแตกต่างชัดเจนแล้ว

ถ้าเราทำรายได้ต่อประชากรเพิ่มขึ้นปีละ 7 เปอร์เซนต์
รายได้จะเพิ่มขึ้นสองเท่าทุก 10 ปี
ดังนั้นถ้าประเทศไทยทำได้
ในอีก 20 ปีข้างหน้า
รายได้ต่อประชากรของไทยจะอยู่ที่ 80,000 X 2 X 2 = 320,000 บาทเท่านั้นเอง
ซึ่งก็ยังต่ำกว่าประเทศที่พัฒนาแล้วตอนนี้ตั้งเยอะ

ในอีก 30 ปีข้างหน้า
รายได้ต่อประชากรของไทยจะอยู่ที่ 80,000 X 2 X 2 X 2 = 640,000 บาท
ซึ่งก็ยังต่ำกว่าประเทศสิงคโปร์ตอนนี้

นั่หมายความว่า เราตามหลังเกาหลีอยู่ 30 ปี
ตามหลังสิงคโปร์ 40 ปีเลยทีเดียว

แล้วอย่างนี้ใครจะช่วยเราได้ ถ้าประเทศไทยและคนไทยไม่ช่วยกันเอง
เลิกคอรัปชั่น ทำเพื่อส่วนรวมบ้าง ประเทศไทยจะเจริญขึ้นกว่านี้อีกเยอะ

แล้วเมื่อไหร่
ฝันที่อยากจะเห็นคุณภาพชีวิตคนไทยดีมากๆและมีรายได้ต่อประชากรสูงๆจะเป็นจริง

คงต้องเป็นการบ้านของคนไทยทุกคน


.........บอกแล้วว่าอย่าเริ่มเรื่องการศึกษา มันจะยาวววววววว.......

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2005 7:28 pm
โดย house
คุณระรื่นครับ อย่างน้อยผมก็ภูมิใจว่าเพื่อนๆในรุ่นผมไม่ได้มีความคิดอย่างนั้น ส่วนใหญ่เราจะปรึกษา อ ว่า บ ไหนโหดสุดครับ

ไปทำแล้วคุ้มครับ โดนใช้เช้ายันดึก แต่ได้ทักษะกับประสบการณ์เพียบ

เรื่องแนะแนวเห็นด้วยมากๆ ครับ ความคิดสมัยเรียน ม ปลาย คือ รัฐศาสตร์ เรียนไปเป็น นายอำเภอ เศรษฐศาสตร์ ถ้าไม่เป็น อ ก็อดตาย วิทยา เมืองไทยไม่มีใครจ้าง บัญชีกำลังจะตกงานเพราะใช้คอมแทน

รู้แค่นี้จริงๆ เลยมีตัวเลือกไม่มากเวลาเอ็นท์

เพื่อนในคณะคนหนึ่งบอกถ้ารู้ว่าแต่ละคณะเรียนอะไรบ้างก่อนหน้านี้ เขาจะไปเรียนเศรษฐศาสตร์ อีกคนเรียนสัตวแพทย์ บอกถ้ารู้ก่อนไม่เอาแล้วคณะนี้

เพื่อนๆ 8 ใน 10 ตอบว่าที่มาเรียนวิศวะ เพราะเป็นคณะที่ดังที่สุด คะแนนถึง และ ไม่มีชีวะ ส่วนวิศวะเรียนแล้วไปทำอะไร คิดทีหลัง

ผมว่าสะท้อนความล้มเหลวของระบบแนะแนวชัดเจนมาก

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2005 10:17 pm
โดย ch_army
สงสัย คุณ house และเพื่อนนี่เด็กเรียนแฮะ ชอบงานหนักด้วย แต่ตอนฝึกงานผมก็เซ็งนะ พอทำงานโปรเจ็กต์ที่รับมอบหมายมาเสร็จก็ว่างมาก เค้าก็ไม่ค่อยมีอะไรให้ทำเพราะเศรษฐกิจช่วงนั้นไม่ดี งานก็เลยน้อย พอดีฝึกงานโรงงานรถยนต์ เลยว่างจัดต้องไปทำงานแบบ เทคนิเชียนแทนแก้เซ็ง ผมว่าสิ่งที่ได้มีค่ามากกว่าอีก เพราะได้รู้จักเข้าใจคนอีกประเภทหนึ่งมากขึ้น

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. มี.ค. 17, 2005 10:50 pm
โดย house
ตัวผมเองนี่เพื่อนว่าเป็นเด็กเรียนครับ แล้วตัวเองก็คิดว่าใช่ด้วย ชอบเรียน ชอบคิด ชอบอ่าน

กลุ่มเพื่อนก็คล้ายๆกับครับ มุมมองโปรแกรมเมอร์ส่วนใหญ่ มองการเขียนโปรแกรมที่ อ ไม่ได้สั่ง หรือ อะไรแปลกๆ ไม่เคยทำ เป็นของเล่นอยู่แล้ว

ยิ่งยาก ยิ่งสนุก :)

ชอบงานหนักไหม ตอนนั้นมันสะใจอะครับ ได้รู้อะไรที่เพื่อนไม่รู้แล้วเอาไปอวดได้ ประกอบกับถ้าบริษัทใช้งานเราหนักจริงๆ อย่างน้อยก็ได้ทำในฟิลด์ที่เรียน ดีกว่าไปนั่งหง่าว ไม่มีอะไรทำ

ตอนนี้เรอะ เหอๆ ไฟชักจะเริ่มมอดแล้ว 8)

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ มี.ค. 20, 2005 4:47 pm
โดย BirdZ
สวัดดีครับ วันนี้ตั้งใจมานั่งอ่านกระทู้นี้โดยเฉพาะมาห้าชั่วโมงแล้วครับ ผมเพิ่งอ่านไปได้สิบหน้าเอง (อ่านช้า) ฝากไว้ก่อนจะมาอ่านต่อทีหลังครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร มี.ค. 22, 2005 12:49 am
โดย Mon money
รู้สึกคุณBirdZ เราได้แอบไปยืนอัดบุหรี่ด้วยกันที่งานใช่ไหมครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 23, 2005 1:13 am
โดย BirdZ
ใช่ครับ เลยต้องเข้ามาทำการบ้านในเวบนี้ ความจริงเข้ามาอ่านบ่อยแต่จะมาเก็บรายละเอียดอีกรอบมาเจอกระทู้นี้ก็เลยหยุดเลยครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 25, 2005 4:02 pm
โดย VIB007
ประกาศ......
หนังสือรวบรวมคอลัมน์ Value Way ยังไม่ได้ออกขายในงานสัปดาห์หนังสือนะครับ

สงสัยยังไม่ได้เซ็นสัญญา
ทาง สนพ เลยยังไม่เอาออกมาขาย

ก็มาบอกเล่าเก้าสิบให้ทราบครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ มี.ค. 25, 2005 4:21 pm
โดย kachamas
ไม่เป็นไรครับ ขายเมื่อไหร่ก็ซื้อเมื่อนั้นครับ :)

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พุธ มี.ค. 30, 2005 4:30 pm
โดย VIB007
ข่าวล่าสุด หนังสือรวมคอลัมน์ Value Way
มีขายแล้วที่บูทเนชั่น ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ศูนย์ศิริกิตต์
อยู่ชั้นล่างด้านในสุด
ชื่อหนังสือ "อ่านก่อน รวยถาวรกว่า" หน้าปกสีแดง

มีคำนิยมจากท่าน ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรการ
และนอกเหนือจากบทความที่คัดมาจาก นสพ บิสวีค แล้ว
ยังมีบทความที่แต่งเพิ่มเติมอีกเท่าตัว

ใครสนใจหาซื้อได้ในงานเท่านั้นครับช่วงนี้ ยังไม่มีวางแผง

อยากทราบว่าใครซื้อมาอ่านบ้างแล้วครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: จันทร์ เม.ย. 04, 2005 1:18 pm
โดย moo
เดี๋ยวจะหาเวลาไปหาซื้อมาอ่านครับ ขอบคุณครับ


วันนี้พี่เทพมีบวกสวน...นายแน่มาก :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. เม.ย. 07, 2005 5:31 pm
โดย VIB007
moo เขียน: วันนี้พี่เทพมีบวกสวน...นายแน่มาก :D
ไม่ต้องไปสนใจราคาหุ้นระยะสั้นมากหรอกครับ
เดี๋ยวบวกเดี๋ยวลบ เป็นเรื่องธรรมดา
เคนเห็นไหมครับ บางวันตลาดบวก
แต่พี่เทพลบไปวันเดียว 20 บาท
ใครเล่นสั้นคงตกใจกลัวกันหมด

เช่นเดียวกัน
ถ้าหุ้นบวก ขณะที่คนอื่นลบ
ก็ไม่ได้หมายความว่า หุ้นนี้จะดีกว่าตัวอื่น

ผมว่า เราสนใจในราคาหุ้นระยะสั้นกันมากๆเลยทีเดียว
แต่ก่อนผมก็ติดตาม"ราคาหุ้น"ทุกวัน
แต่เดี๋ยวนี้ ปีหน้ามาดูราคากันอีกทีก็ได้
ไม่ต้องรีบ

ช่วงนี้ผมคงไม่ได้เข้ามาในเวป
ไปต่างประเทศครับ
คงต้องหลังสงกรานต์ไปนู้นละครับ ถึงจะได้แวะเวียนเข้ามาอีก

สวัสดีครับ

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 08, 2005 1:54 am
โดย moo
ติดตามกระทู้นี้มานาน
แน่นอนครับว่าหลายท่านในเวปนี้ในพอร์ตต้องมีพี่เทพบ้าง ไม่มากก็น้อย
ถือยาวครับ ขอบพระคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ

มาน้อมส่งพี่ VIB007 เที่ยวให้สนุกนะครับ :D

คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ เม.ย. 08, 2005 10:08 am
โดย MO101
แจ้งข่าวครับ จิม โรเจอร์ ออกหนังสือใหม่แล้วครับ
Jim's New Book Hot Commodities

สวัสดีปีใหม่ไทยครับ

โพสต์แล้ว: อังคาร เม.ย. 12, 2005 1:26 pm
โดย ztep
:P ผมตามเว็บนี้มานานแล้วครับ
แต่พออ่าน The New Buffettology ก็ได้เลิกเข้าเว็บนี้ซักฟัก
เพราะตอนนั้นยังไม่ค่อยมีคนมาแลกเปลี่ยนความคิดมั้ง
เพิ่งเข้ามาที่นี่อีกครั้ง 2-3 วันที่แล้ว
ตื่นเต้นมากเลยครับ ได้รู้ว่าพวกเราก็มีมาก
แต่ข้างนอกมีแต่คนเก็งกำไรทั้งนั้น
ไม่ว่า ป้าแท้ๆที่ชอบโทรมาบอกให้ขาย....รุ่นพี่ที่หอ
ดีใจมากครับ :)