VI หาดใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1321
อ. ตี้ บอกว่าไปต่างประเทศต้องเริ่มหัดดูบ้าง (ถ้าเมืองไทยแย่ลงจริงๆ เราได้มีทางหนีทีไล่) ตอนนี้ทดลองทดหุ้นเวียดนามในใจไว้ก่อน ต้องลองก้าวเล็กๆไปดู เผื่อมีลู่ทางมีโอกาสเหมาะสมอาจก้าวไปใหญ่ๆ ได้ หากสนใจให้โบรคช่วยหาพาสเวิร์ดเข้าไปศึกษาข้อมูลไว้ก่อนได้ไม่เสียหลาย หรือจะเข้าไปดูเว็ปก็ได้ ตลาดหุ้นเวียดนามมีสองตลาดเหนือ/ใต้ แต่เน้นไปทางโฮจิมินมากกว่า ถ้าจะไปจริงๆ เท่ากับเราคิดว่าเวียดนามดีกว่าไทย คงลงตรงๆเลยไม่ต้องเพาะเชื้อเรา (ไม่ต้อง Hedging ค่าเงิน) เพราะที่เราไปเพราะคิดว่า ประเทศนั้นจะดีขึ้นกว่าเมืองไทย เราจะได้กำไรสองต่อ ถ้าสนใจให้ swop บาทเป็นดอลล่าไว้ แล้วค่อยเอาไปลงเป็นดอง
ตอนนี้ ดร.นิเวศน์ และนลท.ส่วนใหญ่ที่ไปยังใช้ การลงทุนแบบเชิงปริมาณ เน้นหุ้น PE ต่ำ ROE สูงๆ ดูกำไรย้อยหลังเติบโตแล้วกว้านซื้อไปหลายๆ ตัว ดร.มีเป็น 50 ตัว แต่คงจะเน้นเชิงคุณภาพมากขึ้นเมื่อมีข้อมูลเยอะขึ้น ไปที่โน้นเหมือนเริ่มต้นใหม่ต้องศึกษาให้หนักเหมือนเริ่มลงทุนใหม่ๆ แต่ฐานหลักยังเป็นเมืองไทยเพราะยังมีธีมให้หาเล่นได้ จากความรู้ที่สั่งสมมานานแล้ว เล่นในไทยแน่นอนกว่าชัวร์กว่าเพราะรู้จักหุ้นดีแล้ว
ตอนนี้ ดร.นิเวศน์ และนลท.ส่วนใหญ่ที่ไปยังใช้ การลงทุนแบบเชิงปริมาณ เน้นหุ้น PE ต่ำ ROE สูงๆ ดูกำไรย้อยหลังเติบโตแล้วกว้านซื้อไปหลายๆ ตัว ดร.มีเป็น 50 ตัว แต่คงจะเน้นเชิงคุณภาพมากขึ้นเมื่อมีข้อมูลเยอะขึ้น ไปที่โน้นเหมือนเริ่มต้นใหม่ต้องศึกษาให้หนักเหมือนเริ่มลงทุนใหม่ๆ แต่ฐานหลักยังเป็นเมืองไทยเพราะยังมีธีมให้หาเล่นได้ จากความรู้ที่สั่งสมมานานแล้ว เล่นในไทยแน่นอนกว่าชัวร์กว่าเพราะรู้จักหุ้นดีแล้ว
low risk High return!
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1322
ผมว่าที่นลท.รายใหญ่ เค้าไปตปท.กันในช่วงนี้ ผมคิดว่าส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะพอร์ตที่ใหญ่ด้วยมั๊งครับ ด้วยเม็ดเงินจำนวนมาก ทำให้ยากที่จะหาหุ้นที่ใหญ่พอและราคาไม่แพงอย่างในปัจจุบัน ลองคิดดูเล่น ๆ ก็ได้ครับว่าถ้าดร.นิเวศน์ขาย CPALL ทิ้ง จะมีหุ้นตัวไหนที่รองรับเงินจำนวนมากขนาดนั้นได้ ถ้ามีก็คงต้องกระจัดกระจายกลายเป็นเบี้ยหัวแตกครับ
ผมคิดว่านี่คือความลำบากของนลท.ที่พอร์ตใหญ่ ๆ ครับ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ต้องเริ่มมองไปที่ตปท.
จริง ๆ แล้ว การไปที่ ๆ เราไม่คุ้น ไม่รู้จักหุ้น ไม่รู้สภาพตลาด ผมคิดว่านี่ก็คือความเสี่ยงอย่างหนึ่งครับ
ผมคิดว่านี่คือความลำบากของนลท.ที่พอร์ตใหญ่ ๆ ครับ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ต้องเริ่มมองไปที่ตปท.
จริง ๆ แล้ว การไปที่ ๆ เราไม่คุ้น ไม่รู้จักหุ้น ไม่รู้สภาพตลาด ผมคิดว่านี่ก็คือความเสี่ยงอย่างหนึ่งครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1323
ประเด็นที่ผมถามเกี่ยวกับการช็อตหุ้นเพื่อเฮ็จจิ่งพอร์ต หรือประกันพอร์ต คือจริงๆ ผมถามเพราะว่าผมยังอยากถือหุ้นต่ออะครับแต่อีกใจนึงรู้สึกว่าตลาดขึ้นมาสูงๆ เคยคิดว่าจะขายหุ้นตอน 1600 จุดแต่ไม่เคยทำได้สักที มีคนแนะนำว่าถ้าถึงจุดที่เราอยากขายแต่เราก็ไม่อยากขายหุ้นที่มี (งงมั้ยครับ ผมก็งงตัวเองเหมือนกัน คงเป็นกลไกเกี่ยวกับความโลภความกลัวในตัวผมต่อสู้กันแต่หาคนชนะไม่ได้ กลัวจะพลาดบิ๊กช็อตตอนวิกฤติ แล้วก็กลัวว่าเงินไม่อยู่ในหุ้นแล้วมันจะไม่โต) ก็เอาเงินสัก 10% มาช็อต หรือซื้อ Put option ไว้ เหมือนเราซื้อประกันให้พอร์ตมันจะมาชดเชยกับดัชนีที่ตกลงไปได้
1. การช็อตฟิวเจอร์เป็นท่ายากมือใหม่ๆ ยังไม่อยากให้ทำ พี่โจผ่านวิกฤติมาทั้งต้มยำกุ้ง ซัพไพรม์ ไม่ต้องใช้ท่ายาก แล้วก็ถือหุ้นจัดเต็มเหมือนเดิมยัง ให้เรากลับไปดูที่พื้นฐานถ้าหุ้นที่เราถือดี เดี๋ยวมันก็จะกลับไปอยู่ที่เดิมได้เอง ไม่ต้องกลัว พี่โจผ่านมาหมดอยู่รอดมีพอร์ตโตขนาดนี้ได้ไม่เห็นต้องใช้ ดังนั้นการทำแบบนี้คงไม่จำเป็น
2. การช็อตฟิวเจอร์เหมือนการวิ่งทวนน้ำจะเหนื่อยเพราะระยะยาวจะตลาดหุ้นต้องให้ผมตอบแทนที่ดีขึ้นเสมอ
3. ถ้าอยากได้เงินเพิ่มตอนหุ้นตกเยอะๆ อาจใช้มาร์จิ้นเข้าช่วย(ดอก 5-6%) มาร์จิ้นแม่ยายดีสุด ไม่เสียดอก (เด๋วต้องหาแม่ยายรวยๆ แผล็บ)
ถ้าดร.นิเวศน์ตอบ คงตอบว่า ทำทำไม! ทำไปก็ไม่ได้ประโยชน์ เราเสียเงินเปล่าๆ ไปปีละ10เปอร์เซนต์มันเยอะอยู่นะ ถ้ากิจการดีอยู่แล้วเราก็ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวมันก็กลับไปที่เดิม ถ้ากังวลมากให้เดินไปหน้าปากซอยก็ดูว่า เออกิจการเรายังดีอยู่คนเข้าเต็มร้าน กลับบ้านไปนั่งกระดิกเท้ารับปันผลเหมือนเดิม แหง๋มๆ
1. การช็อตฟิวเจอร์เป็นท่ายากมือใหม่ๆ ยังไม่อยากให้ทำ พี่โจผ่านวิกฤติมาทั้งต้มยำกุ้ง ซัพไพรม์ ไม่ต้องใช้ท่ายาก แล้วก็ถือหุ้นจัดเต็มเหมือนเดิมยัง ให้เรากลับไปดูที่พื้นฐานถ้าหุ้นที่เราถือดี เดี๋ยวมันก็จะกลับไปอยู่ที่เดิมได้เอง ไม่ต้องกลัว พี่โจผ่านมาหมดอยู่รอดมีพอร์ตโตขนาดนี้ได้ไม่เห็นต้องใช้ ดังนั้นการทำแบบนี้คงไม่จำเป็น
2. การช็อตฟิวเจอร์เหมือนการวิ่งทวนน้ำจะเหนื่อยเพราะระยะยาวจะตลาดหุ้นต้องให้ผมตอบแทนที่ดีขึ้นเสมอ
3. ถ้าอยากได้เงินเพิ่มตอนหุ้นตกเยอะๆ อาจใช้มาร์จิ้นเข้าช่วย(ดอก 5-6%) มาร์จิ้นแม่ยายดีสุด ไม่เสียดอก (เด๋วต้องหาแม่ยายรวยๆ แผล็บ)
ถ้าดร.นิเวศน์ตอบ คงตอบว่า ทำทำไม! ทำไปก็ไม่ได้ประโยชน์ เราเสียเงินเปล่าๆ ไปปีละ10เปอร์เซนต์มันเยอะอยู่นะ ถ้ากิจการดีอยู่แล้วเราก็ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวมันก็กลับไปที่เดิม ถ้ากังวลมากให้เดินไปหน้าปากซอยก็ดูว่า เออกิจการเรายังดีอยู่คนเข้าเต็มร้าน กลับบ้านไปนั่งกระดิกเท้ารับปันผลเหมือนเดิม แหง๋มๆ
low risk High return!
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1324
ผมว่าอ.ตี้ เห็นว่าเสี่ยงมากเลยต้องไปส่องๆดูก่อน เหมือนส่องสาว แอบดูนิสัยใจคอ ว่าพอคบได้มั้ย?leky เขียน:จริง ๆ แล้ว การไปที่ ๆ เราไม่คุ้น ไม่รู้จักหุ้น ไม่รู้สภาพตลาด ผมคิดว่านี่ก็คือความเสี่ยงอย่างหนึ่งครับ
ส่วน ดร.นิเวศน์เหมือนจะเริ่มลงมือจีบจริงจัง แต่สาวเล่นตัวไม่ยอมง่ายๆ (เห็นว่ายังไม่กำไรเลย)
low risk High return!
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1325
เรียน อ.หมอ หนึ่ง ขอบพระคุณอย่างสูงครับ รายงานสรุปที่ หมอนึ่งเขียนมามันเหมือนน้ำข้นๆเลย
ข้นไปด้วยสาระ
ข้นไปด้วยสาระ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1326
ท่านptaseekerมาช่วยพอดี.. (อ.ลูกอิสานแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกหน้าใหม่ดีเด่น)
ตะลุมบอนข้อมูลมาเยอะๆนะฮะ เห็นนั่งฟังทางอ.tyตลอด
ผมนั่งทางอ.ลูกอิสาน อ.worapong มีเรื่องหุ้นญวนมารายงาน อ.lekyราวๆ
อ.ลูกอิสาน
ลงหุ้นญวน13ตัวแล้ว ยังขาดทุนอยู่ ระยะยาวน่าจะโอเค( อ.นิเวศน์ลง50ตัว ยังขาดทุน)
บทวิแคะภาษาด่อง อ่านไม่รู้เรื่อง
ไปลงหุ้นสนามบิน หลังจากพลาดAOT มัวต่อราคา60แล้วมันหนีไป300
หุ้นบ.ยา ก็มีสิบกว่าตัว (ฟังดูคล้ายMEGA( มีเพื่อนสมาชิกถามผมว่าเป็นไง ผมตอบมั่วๆไปว่า ราวๆโรงงานOEM บ.ยาถ้ามีลิขสิทธ์เจ๋งๆที่เข้าในguidelineแบบsoftwareเจ๋งๆ น่าจะดีกว่า))
ลงหุ้นเมกาnuskin(ไม่ได้ถามไอเดีย)ขาดทุนยังไม่หายเข็ด
อ.worapong
ได้ข่าวบ.ขายปลาดอรี่(ชื่อฝรั่งฟังเพราะของปลาสวายที่ชอบกินขี้ตามท่าน้ำ)ญวน
กำไรดีมาก อยู่ๆมาขาดทุน โดนตลาดdelistไปเลย นักลงทุนเงิบเป็นแถบๆ
ตะลุมบอนข้อมูลมาเยอะๆนะฮะ เห็นนั่งฟังทางอ.tyตลอด
ผมนั่งทางอ.ลูกอิสาน อ.worapong มีเรื่องหุ้นญวนมารายงาน อ.lekyราวๆ
อ.ลูกอิสาน
ลงหุ้นญวน13ตัวแล้ว ยังขาดทุนอยู่ ระยะยาวน่าจะโอเค( อ.นิเวศน์ลง50ตัว ยังขาดทุน)
บทวิแคะภาษาด่อง อ่านไม่รู้เรื่อง
ไปลงหุ้นสนามบิน หลังจากพลาดAOT มัวต่อราคา60แล้วมันหนีไป300
หุ้นบ.ยา ก็มีสิบกว่าตัว (ฟังดูคล้ายMEGA( มีเพื่อนสมาชิกถามผมว่าเป็นไง ผมตอบมั่วๆไปว่า ราวๆโรงงานOEM บ.ยาถ้ามีลิขสิทธ์เจ๋งๆที่เข้าในguidelineแบบsoftwareเจ๋งๆ น่าจะดีกว่า))
ลงหุ้นเมกาnuskin(ไม่ได้ถามไอเดีย)ขาดทุนยังไม่หายเข็ด
อ.worapong
ได้ข่าวบ.ขายปลาดอรี่(ชื่อฝรั่งฟังเพราะของปลาสวายที่ชอบกินขี้ตามท่าน้ำ)ญวน
กำไรดีมาก อยู่ๆมาขาดทุน โดนตลาดdelistไปเลย นักลงทุนเงิบเป็นแถบๆ
samatah
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1327
อ.leky ครับ ขอร่วมแจมเรื่องกราฟครับ
ในความเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ คนที่ซื้อขายหุ้นด้วยกราฟต่างกับแนววีไอที่เห็นได้ชัดคือ
แนววีไอมีหลักการชัดเจนไม่กี่อย่าง ใครที่ศึกษาจริงจังซักพักใหญ่ๆ จะมีความเชื่อ มีหลักการไปในทางเดียวกัน เปรียบไปก็คล้ายกับ "ก๊วยเจ๋ง" ถ้ามีความศรัทธา มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง พอผ่านปี 2 ปีแรกไปได้ ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จแทบทุกราย
สายกราฟ ตอนแรกๆ เหมือนจะง่าย เพราะดูรูปเอา ไม่ต้องวิเคราะห์ตัวเลขการเงินให้ยุ่งยาก ไม่ต้องรู้บัญชี การตลาด การวิเคราะห์ธุรกิจ ... มีแค่ถ้าดูรูปแล้วเดาว่าขึ้นก็ซื้อ ถ้ามองว่าลงก็ขาย ถ้าโชคดี เข้าตลาดตอนกระทิง ก็อาจรวยแบบไม่รู้เรื่อง (แต่ตัวเองอาจหลงคิดว่ารู้เรื่อง)
แต่จุดที่ต่างกับแนววีไออย่างมากคือ ยิ่งศึกษาเรื่องกราฟไปเรื่อยๆ ทำไมหลักการมันแตกแขนงออกไปเรื่อยๆ แถมหลายอย่างเหมือนจะขัดแย้งกันเองด้วยซ้ำ บางอย่างก็ยากจะหาเหตุผลรองรับ และเนื่องจากมันเหมือนเอารูปมานั่งดู "ภาพๆ เดียวแทนคำเป็นพันๆ คำ" มันเลยสร้างจินตนาการให้คนดูรูปได้มาก (ถ้าวัดจากจำนวน Indicators มีเป็นพันตัว เพราะที่จริงมันก็คือ Derivatives ของข้อมูลการซื้อขาย "ราคากับปริมาณ" จะสร้างสูตรคำนวณสักกี่สูตรก็ได้สุดแต่จินตนาการ)
ทีนี้หุ้นมันมีจำนวนหลายร้อยตัว (ตลาดหุ้นไทย) เลยมีรูปให้ดูหลายร้อยรูป (อันนี้ว่ากันแค่ใน Time Frame เดียวก่อน) บางทีเลยกลายเป็นยิ่งดูมาก ศึกษามาก ยิ่งสับสน ความเป็นไปได้มันเต็มไปหมด มองรูปแล้วจินตนาการพลิกไปพลิกมา เผลอๆ ตอนอารมณ์ดี ตอนเช้า มองอย่างนึง ตามหลักการนึง พอตกบ่ายๆ อารมณ์เสีย มองอีกอย่างนึง (ลองตามดูที่มีนักวิเคราะห์พูดให้ฟังทุกเช้า-เย็นดูเป็นตัวอย่างได้ครับ)
ในความเห็นของผม จุดต่างจริงๆ ระหว่างแนววีไอกับสายกราฟคือ แนววีไอมองเห็นองค์รวม เห็นภาพใหญ่ของธุรกิจที่จะซื้อขาย แต่สายกราฟเหมือนมองทีละส่วนๆ ได้ชัด แต่มองภาพใหญ่ไม่ออก การคาดการณ์ระยะยาวมีโอกาสผิดพลาดได้สูง
ยกตัวอย่างกรณี "ตาบอดคลำช้าง" แล้วกันครับ สายกราฟเหมือนเข้าไปสัมผัสทีละส่วน ทีนึงก็ว่าช้างยาวๆ แข็งๆ (เจองา) ทีนึงก็ว่าช้างยาวๆ อ่อนๆ (เจอหาง) ทีนึงก็ว่าช้างแบนๆ (เจอหู) ... ส่วนแนววีไอเหมือนตาดีแต่เห็นจากระยะไกลๆ มองไปแล้วรู้แหละว่ารูปร่างคร่าวๆ ประมาณนี้คือช้าง แต่จะหูแหว่ง หางกุด ไม่ต้องมองให้ชัดหรอก
ในความเห็นและประสบการณ์ส่วนตัวนะครับ คนที่ซื้อขายหุ้นด้วยกราฟต่างกับแนววีไอที่เห็นได้ชัดคือ
แนววีไอมีหลักการชัดเจนไม่กี่อย่าง ใครที่ศึกษาจริงจังซักพักใหญ่ๆ จะมีความเชื่อ มีหลักการไปในทางเดียวกัน เปรียบไปก็คล้ายกับ "ก๊วยเจ๋ง" ถ้ามีความศรัทธา มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง พอผ่านปี 2 ปีแรกไปได้ ส่วนใหญ่ประสบความสำเร็จแทบทุกราย
สายกราฟ ตอนแรกๆ เหมือนจะง่าย เพราะดูรูปเอา ไม่ต้องวิเคราะห์ตัวเลขการเงินให้ยุ่งยาก ไม่ต้องรู้บัญชี การตลาด การวิเคราะห์ธุรกิจ ... มีแค่ถ้าดูรูปแล้วเดาว่าขึ้นก็ซื้อ ถ้ามองว่าลงก็ขาย ถ้าโชคดี เข้าตลาดตอนกระทิง ก็อาจรวยแบบไม่รู้เรื่อง (แต่ตัวเองอาจหลงคิดว่ารู้เรื่อง)
แต่จุดที่ต่างกับแนววีไออย่างมากคือ ยิ่งศึกษาเรื่องกราฟไปเรื่อยๆ ทำไมหลักการมันแตกแขนงออกไปเรื่อยๆ แถมหลายอย่างเหมือนจะขัดแย้งกันเองด้วยซ้ำ บางอย่างก็ยากจะหาเหตุผลรองรับ และเนื่องจากมันเหมือนเอารูปมานั่งดู "ภาพๆ เดียวแทนคำเป็นพันๆ คำ" มันเลยสร้างจินตนาการให้คนดูรูปได้มาก (ถ้าวัดจากจำนวน Indicators มีเป็นพันตัว เพราะที่จริงมันก็คือ Derivatives ของข้อมูลการซื้อขาย "ราคากับปริมาณ" จะสร้างสูตรคำนวณสักกี่สูตรก็ได้สุดแต่จินตนาการ)
ทีนี้หุ้นมันมีจำนวนหลายร้อยตัว (ตลาดหุ้นไทย) เลยมีรูปให้ดูหลายร้อยรูป (อันนี้ว่ากันแค่ใน Time Frame เดียวก่อน) บางทีเลยกลายเป็นยิ่งดูมาก ศึกษามาก ยิ่งสับสน ความเป็นไปได้มันเต็มไปหมด มองรูปแล้วจินตนาการพลิกไปพลิกมา เผลอๆ ตอนอารมณ์ดี ตอนเช้า มองอย่างนึง ตามหลักการนึง พอตกบ่ายๆ อารมณ์เสีย มองอีกอย่างนึง (ลองตามดูที่มีนักวิเคราะห์พูดให้ฟังทุกเช้า-เย็นดูเป็นตัวอย่างได้ครับ)
ในความเห็นของผม จุดต่างจริงๆ ระหว่างแนววีไอกับสายกราฟคือ แนววีไอมองเห็นองค์รวม เห็นภาพใหญ่ของธุรกิจที่จะซื้อขาย แต่สายกราฟเหมือนมองทีละส่วนๆ ได้ชัด แต่มองภาพใหญ่ไม่ออก การคาดการณ์ระยะยาวมีโอกาสผิดพลาดได้สูง
ยกตัวอย่างกรณี "ตาบอดคลำช้าง" แล้วกันครับ สายกราฟเหมือนเข้าไปสัมผัสทีละส่วน ทีนึงก็ว่าช้างยาวๆ แข็งๆ (เจองา) ทีนึงก็ว่าช้างยาวๆ อ่อนๆ (เจอหาง) ทีนึงก็ว่าช้างแบนๆ (เจอหู) ... ส่วนแนววีไอเหมือนตาดีแต่เห็นจากระยะไกลๆ มองไปแล้วรู้แหละว่ารูปร่างคร่าวๆ ประมาณนี้คือช้าง แต่จะหูแหว่ง หางกุด ไม่ต้องมองให้ชัดหรอก
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1328
ขออนุญาตต่อนะครับ...
ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่า ผมจะมองว่าสายกราฟประสบความสำเร็จไม่ได้นะครับ เพราะผมก็มีโอกาสได้รู้จักกับคนที่รวยจากการใช้กราฟอย่างเดียว โดยไม่สนใจพื้นฐานหุ้นเลย และทำได้ต่อเนื่องผ่านช่วงวิกฤตหนักๆ ด้วย
หลักการก็คือ ในเมื่อกราฟมันตีความได้หลากหลาย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งตรงนี้ทำให้เกิดข้อจำกัดในการวิเคราะห์แบบ Manual เพราะหลายครั้งจะกลายเป็นการเลือกปฏิบัติ (มี Human Bias) จึงมีการนำเครื่องมือทางสถิติมาบริหารจัดการ ใช้การทำ Back Test กับข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา เพื่อหารูปแบบเงื่อนไขแนวโน้มราคาที่จะก่อให้เกิดแนวโน้มขาขึ้นแรงๆ ตามมา โดยอาศัยความเชื่อว่า ประวัติศาสตร์น่าจะซ้ำรอย
เท่าที่ทราบ จุดสำคัญอยู่ที่ว่า ถ้าเกิดซ้ำขึ้นมาจริงๆ จะต้องมี Upside สูงพอที่จะชดเชยในส่วนที่จะต้อง Cut Loss เนื่องจากแนวทางนี้มีความแม่นยำต่ำ (โอกาสซื้อแล้วกำไรมีต่ำกว่า 50% สำหรับแนววีไออาจฟังดูแปลกๆ ผมคิดว่ามันคล้ายชาวประมงที่เลือกจับปลาใหญ่ ย่อมมีโอกาสมากที่หลายครั้งจะตกไม่ได้และเสียเหยื่อไป) แต่ Upside ในกรณีที่กำไรจะสูง ขณะที่กรณีที่ขาดทุนจะ Limit Loss
เแนวทางที่ว่านี้เป็นไปตามที่ Soros เคยกล่าวไว้ว่า "ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะกำไรหรือขาดทุน แต่ที่สำคัญคือ เวลากำไรนั้นกำไรเท่าไหร่ แล้วเวลาขาดทุนนั้นขาดทุนเท่าไหร่" ในวงการเรียกว่า "System Trade" ครับ
ทั้งนี้ไม่ได้แปลว่า ผมจะมองว่าสายกราฟประสบความสำเร็จไม่ได้นะครับ เพราะผมก็มีโอกาสได้รู้จักกับคนที่รวยจากการใช้กราฟอย่างเดียว โดยไม่สนใจพื้นฐานหุ้นเลย และทำได้ต่อเนื่องผ่านช่วงวิกฤตหนักๆ ด้วย
หลักการก็คือ ในเมื่อกราฟมันตีความได้หลากหลาย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ข้อมูลจำนวนมหาศาล ซึ่งตรงนี้ทำให้เกิดข้อจำกัดในการวิเคราะห์แบบ Manual เพราะหลายครั้งจะกลายเป็นการเลือกปฏิบัติ (มี Human Bias) จึงมีการนำเครื่องมือทางสถิติมาบริหารจัดการ ใช้การทำ Back Test กับข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา เพื่อหารูปแบบเงื่อนไขแนวโน้มราคาที่จะก่อให้เกิดแนวโน้มขาขึ้นแรงๆ ตามมา โดยอาศัยความเชื่อว่า ประวัติศาสตร์น่าจะซ้ำรอย
เท่าที่ทราบ จุดสำคัญอยู่ที่ว่า ถ้าเกิดซ้ำขึ้นมาจริงๆ จะต้องมี Upside สูงพอที่จะชดเชยในส่วนที่จะต้อง Cut Loss เนื่องจากแนวทางนี้มีความแม่นยำต่ำ (โอกาสซื้อแล้วกำไรมีต่ำกว่า 50% สำหรับแนววีไออาจฟังดูแปลกๆ ผมคิดว่ามันคล้ายชาวประมงที่เลือกจับปลาใหญ่ ย่อมมีโอกาสมากที่หลายครั้งจะตกไม่ได้และเสียเหยื่อไป) แต่ Upside ในกรณีที่กำไรจะสูง ขณะที่กรณีที่ขาดทุนจะ Limit Loss
เแนวทางที่ว่านี้เป็นไปตามที่ Soros เคยกล่าวไว้ว่า "ไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะกำไรหรือขาดทุน แต่ที่สำคัญคือ เวลากำไรนั้นกำไรเท่าไหร่ แล้วเวลาขาดทุนนั้นขาดทุนเท่าไหร่" ในวงการเรียกว่า "System Trade" ครับ
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1329
ภาคจบครับ...
"เลือกหุ้นแบบวีไอ แต่มาซื้อขายแบบกราฟเทคนิค" มันเป็นไปได้จริงหรือ?
ผมมองว่าทั้งวีไอทั้งกราฟ ต่างมีข้อจำกัดของตัวเอง
แนววีไอ ข้อจำกัดคือ ไม่สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะสั้นได้ ในขณะที่จุดเด่นคือ ใช้คาดการณ์แนวโน้มราคาในระยะยาวได้ (ผ่านการคาดการณ์แนวโน้มอนาคตของธุรกิจ)
สายกราฟ (ในความเชื่อของผม) ข้อจำกัดคือ ไม่สามารถคาดการณ์แนวโน้มราคาในระยะยาวได้แม่นยำพอ ในขณะที่จุดเด่นคือ พอจะใช้ประเมินความเสี่ยงในระยะสั้นได้แม่นยำในระดับหนึ่ง
ส่วนที่ว่าจะนำศาสตร์ทั้ง 2 มาใช้รวมกันให้เกิด Synergy ได้หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงการหาเรื่องใ่ส่ตัว จับปลาสองมือ มีแต่จะทำให้ธาตุไฟเข้าแทรก ลมปราณแตกซ่าน ตัวผมเองนั้นก็ยังต้องเดินทางพิสูจน์แนวทางในฝันนี้ต่อไปครับ
ป.ล. สำหรับใครที่ยังปวดหัวไม่พอกับ 2 แนวทางนี้ ผมภูมิใจเสนอแนวทางระบบผลประโยชน์ (ปลาใหญ่กินปลาเล็ก) กับแนวทางราคาย้อนกลับมากำหนดสถานการณ์ (Reflexivity ของ Soros) เพิ่มเติมให้ครับ
"เลือกหุ้นแบบวีไอ แต่มาซื้อขายแบบกราฟเทคนิค" มันเป็นไปได้จริงหรือ?
ผมมองว่าทั้งวีไอทั้งกราฟ ต่างมีข้อจำกัดของตัวเอง
แนววีไอ ข้อจำกัดคือ ไม่สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของราคาในระยะสั้นได้ ในขณะที่จุดเด่นคือ ใช้คาดการณ์แนวโน้มราคาในระยะยาวได้ (ผ่านการคาดการณ์แนวโน้มอนาคตของธุรกิจ)
สายกราฟ (ในความเชื่อของผม) ข้อจำกัดคือ ไม่สามารถคาดการณ์แนวโน้มราคาในระยะยาวได้แม่นยำพอ ในขณะที่จุดเด่นคือ พอจะใช้ประเมินความเสี่ยงในระยะสั้นได้แม่นยำในระดับหนึ่ง
ส่วนที่ว่าจะนำศาสตร์ทั้ง 2 มาใช้รวมกันให้เกิด Synergy ได้หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงการหาเรื่องใ่ส่ตัว จับปลาสองมือ มีแต่จะทำให้ธาตุไฟเข้าแทรก ลมปราณแตกซ่าน ตัวผมเองนั้นก็ยังต้องเดินทางพิสูจน์แนวทางในฝันนี้ต่อไปครับ
ป.ล. สำหรับใครที่ยังปวดหัวไม่พอกับ 2 แนวทางนี้ ผมภูมิใจเสนอแนวทางระบบผลประโยชน์ (ปลาใหญ่กินปลาเล็ก) กับแนวทางราคาย้อนกลับมากำหนดสถานการณ์ (Reflexivity ของ Soros) เพิ่มเติมให้ครับ
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1330
วงอ.ตี้ เน้นเลือกหุ้นจาก bottom up เหมือนเดิม แต่จะพี่ตี้คุยเกี่ยวกับประเด็นที่เป็นแม็คโครมากกว่า
1. เศรษฐกิจชะลอตัว GPD = C + I + G (X-M) เหลือตัวเดียวที่ทำให้โตได้ คือ G รัฐบาลต้องทำโปรเจ็ค ท่านประจินก็แสดงความมุ่งมันจะทำเต็มที่ งานภาครัฐคาดว่าน่าจะทำก่อนคือ รถไฟฟ้า เพราะทำง่าย เห็นประโยชน์ชัดเจน หุ้นได้ประโยชน์ก็ตามขึ้นตอน
1.1 ปักเสาเข็ม (มีสองตัวแต่เลือกตัวเก๋ากว่าใหญ่กว่า เมื่อก่อนเอาคนไปทำงานที่กำไรน้อยๆ ย้ายมาทำงานกำไรเยอะๆ เลิกฉุดแถมได้เพิ่มกำไรพลิก แต่บ.ไทยจะมีข้อจำกัดด้านเพดานของการทำงานเพราะลงทุนซื้อเครื่องจัักรเยอะไม่ได้ ตอนงานหดไม่รู้จะเอาเครื่องไปไหน อาจมีต่างชาติมาร่วมแจมถ้างานเยอะเกินไป)
2.2 ทำคานก็รับเหมาตัวใหญ่เล่นกันทั่วไป
3.3 งานวางระบบวิ่ง ชอบบนฟ้ามากกว่าตันทุนถูกกว่า
2. Aging Society คนแก่ในเมืองก็ชอบอยู่ในเมือง อยู่คอนโดบำรุงรักษาง่าย อันนี้น่าจะเป็นเมก้าเทรดเช่นเดิม คนติดชีวิตในเมืองยากจะย้ายออกไปอยู่ในชนบท โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า หุ้นทำคอนโดรับเหมาอาจยังพอไปได้ ช่วงนี้ศก.ยังไม่ดีก็ต้องระวังตัวกันเอง แต่แนวโน้นระยะยาวยังเป็นที่ต้องการ
3. ยังเน้นลงทุนไทยเหมือนเดิม 99% ไปนอก แค่1% แต่เตรียมความรู้ไว้
4. ดูตัวลูกไปเก็บแม่ ถ้าราคาลูกมันขี่พายุทะลุฟ้า แม่ไม่ได้รับรู้แน่นอนไม่ได้ประโยชน์ เพราะขายจริงไม่ได้ เดี๋ยวลูกก็ต้องกลับไปสู่พื้นฐาน ยิ่งถ้าบ.แม่ขายปุ๊บจะรีบวิ่งหาพื้นฐานอย่างเร็ว ฟองสบู่แตกดังโพละ บ.แม่จะได้แต่ประโยชน์จากกำไรที่บุ๊คเข้างบเท่านั้น ลูกสวยก็เก็บลูกแม่สวยก็เก็บแม่ สวยทั้งคู่ก็รวบหัวรวบหางยกครัวไปเลย
5. เชื่อว่าหุ้นไทยมีประเด็นให้เล่นอยู่เรื่อยๆ ต้องขยันหาข่าวอ่านข้อมูลเยอะๆ รู้ก่อนจับประเด็นได้ไวก็รวยกว่า
6. พลัง modern trade ต้องดูให้รอบคอบบางตัวกำลังภายในเสื่อมถอย เช่น หุ้นเบอร์เกอร์ชื่อดัง เพราะเจ้าของเลือกเข้ามาในตอนที่เปิดสาขาในจุดสำคัญๆ หมดแล้ว เข้ามาในตลาด เหลือแต่ทำเลไม่สวยตามปั้มไรงี้ พลัง modern trade มันหมดพอดี (เจ้าของเก่งขายกิจการได้ราคาดี) เช่นเดียวกับกับหุ้นจุ้มจิม มาตอนพีคเลยไม่ไปไหน หุ้นหรูเจ้าของสวยก็เหมือนหมดกำลังภายในเช่นกัน ส่วนหุ้นขวัญใจมหาชนขายวัสดุมองว่าเทียบกับคู่แขงไม่ได้เด่นกว่า ไม่เหมือนโชว์ห่วยไฮโซยังกินขาดหายช่วงตัว (ดอกเบี้ยจ่ายลดแล้วปีนี้คงกลับมาโตได้ตามเดิม จ่ายดอกหายไป 8000 ล้าน)
ถาม-ตอบหุ้นรายตัว
1. หุ้นยางมะตอย ขึ้นแรงให้ระวัง ที่ได้เยอะมานี้ไม่ยั่งยืน ตอนนี้เค้ารู้แล้วว่าต้นทุนถูกสัญญาที่จะเซ็นต์ใหม่ๆ ต่อรองราคากันสนุกสนานแน่ๆ
2. หุ้นตู้กินเงินอัตโนมัติสาระพัดประโยชน์ ไปลุยเมืองฟิลลิปปินส์ มองว่าธุรกิจไหนสำเร็จเมืองไทยแล้วไปเมืองนอก = เริ่มต้นใหม่ ไม่ให้ค่าความสำเร็จในไทย เพราะสำเร็จประเทศนึงอาจจะไม่สำเร็จอีกที่หนึ่งก็ได้
3. หุ้นเครื่องดื่มพันกิโล ลุยอินโด มองเป็นหุ้นดีราคาแพง
4. หุ้นเฟอร์นิเจอร์บางกอกดอย PE 30 เท่า มองว่าแพงไปสำหรับธุรกิจนี้
5. หุ้นท่อแอร์พิมพ์นิยม ผู้บริหารยอดเยี่ยมใส่ใจนักลงทุน CG ดีมาก ถ้าตัวฉุดที่ลงทุนใหม่น่าจะดีขึ้น บ.แม่อาจไม่ต้องอุ้ม ก็พลิกมาเป็นกำไร โพซิชั่นเหมือนป้ายบริษัท มีอุปกรณ์ทุกอย่างให้เลือกสรร พี่โจแซวว่ารถถอยมารับทำไมไม่ขึ้นละ
6. หุ้นยังเก็บไม่ครบไม่บอก อันนี้เหนี่ยวแน่นมาก เหมือน% จะถึงผถญ.แล้วด้วยแต่ตลาดยังไม่มีรายงาน คราวหน้าต้องหาคนมีวิทยายุทธในการสะกดใจมาช่วยกันหน่อยซะแล้ว
7. หุ้นแผ่นฟิลม์ที่เคยเชิดฉายเมื่อหลายปีก่อน เป็นวัฏจักรตอนพีคอาจไม่เจออีกแล้วในชาตินี้ ฟิลม์ใช้น้อยลง กระทบจากdigital Economy
8. หุ้นขายออนไลน์ให้ห้างดัง ผู้บริหารเก่ง แต่แพงเวอร์
9. หุ้นช่างตรวจทำโรงไฟฟ้า ถือว่ายังไม่ชัดเลยยังไม่พุ่ง
10. หุ้นถังแก็ส คงดีเหมือนเดิม ดูเหมือนง่ายแต่สร้างความน่าเชื่อถือทำยาก ทำมานานควบคุมค่าใช้จ่ายดีแล้ว ใครมาทำแข่งราคาถ้าขายราคาเท่ากันเค้าก็ขอซื้อกับคนเดิมดีกว่า แต่ต้องส่งไปแถวแอฟริกาเป็นล็อตใหญ่ๆ เมืองไทยมีทุกบ้าน ประเทศพัฒนาแล้วใช้ท่อแทนหมด
11. หุ้นขายแก๊สเปลี่ยนที่ไปขายเมืองนอก เดิมทุนเท่ากันกินค่าการตลาด กำไรเสถียงแต่ไม่โต กลับมามี book stock gain stock loss จากราคาแก๊สที่ผันผวน มองว่าราคาแก๊สลงมาถึง bottom ถือได้ถ้าทรงๆ ก็เท่าตัวแต่ถ้าแก๊สขึ้นก็ได้ลุ้นได้เสียว วิ่งฉวัดเฉวียง จับจังหวะดีๆ ซื้อถูกขายแพง ขายแก๊สรายได้ดีจนเปลื้องหนี้ที่ลงทุนพลาดไปจนหมดแล้ว
1. เศรษฐกิจชะลอตัว GPD = C + I + G (X-M) เหลือตัวเดียวที่ทำให้โตได้ คือ G รัฐบาลต้องทำโปรเจ็ค ท่านประจินก็แสดงความมุ่งมันจะทำเต็มที่ งานภาครัฐคาดว่าน่าจะทำก่อนคือ รถไฟฟ้า เพราะทำง่าย เห็นประโยชน์ชัดเจน หุ้นได้ประโยชน์ก็ตามขึ้นตอน
1.1 ปักเสาเข็ม (มีสองตัวแต่เลือกตัวเก๋ากว่าใหญ่กว่า เมื่อก่อนเอาคนไปทำงานที่กำไรน้อยๆ ย้ายมาทำงานกำไรเยอะๆ เลิกฉุดแถมได้เพิ่มกำไรพลิก แต่บ.ไทยจะมีข้อจำกัดด้านเพดานของการทำงานเพราะลงทุนซื้อเครื่องจัักรเยอะไม่ได้ ตอนงานหดไม่รู้จะเอาเครื่องไปไหน อาจมีต่างชาติมาร่วมแจมถ้างานเยอะเกินไป)
2.2 ทำคานก็รับเหมาตัวใหญ่เล่นกันทั่วไป
3.3 งานวางระบบวิ่ง ชอบบนฟ้ามากกว่าตันทุนถูกกว่า
2. Aging Society คนแก่ในเมืองก็ชอบอยู่ในเมือง อยู่คอนโดบำรุงรักษาง่าย อันนี้น่าจะเป็นเมก้าเทรดเช่นเดิม คนติดชีวิตในเมืองยากจะย้ายออกไปอยู่ในชนบท โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า หุ้นทำคอนโดรับเหมาอาจยังพอไปได้ ช่วงนี้ศก.ยังไม่ดีก็ต้องระวังตัวกันเอง แต่แนวโน้นระยะยาวยังเป็นที่ต้องการ
3. ยังเน้นลงทุนไทยเหมือนเดิม 99% ไปนอก แค่1% แต่เตรียมความรู้ไว้
4. ดูตัวลูกไปเก็บแม่ ถ้าราคาลูกมันขี่พายุทะลุฟ้า แม่ไม่ได้รับรู้แน่นอนไม่ได้ประโยชน์ เพราะขายจริงไม่ได้ เดี๋ยวลูกก็ต้องกลับไปสู่พื้นฐาน ยิ่งถ้าบ.แม่ขายปุ๊บจะรีบวิ่งหาพื้นฐานอย่างเร็ว ฟองสบู่แตกดังโพละ บ.แม่จะได้แต่ประโยชน์จากกำไรที่บุ๊คเข้างบเท่านั้น ลูกสวยก็เก็บลูกแม่สวยก็เก็บแม่ สวยทั้งคู่ก็รวบหัวรวบหางยกครัวไปเลย
5. เชื่อว่าหุ้นไทยมีประเด็นให้เล่นอยู่เรื่อยๆ ต้องขยันหาข่าวอ่านข้อมูลเยอะๆ รู้ก่อนจับประเด็นได้ไวก็รวยกว่า
6. พลัง modern trade ต้องดูให้รอบคอบบางตัวกำลังภายในเสื่อมถอย เช่น หุ้นเบอร์เกอร์ชื่อดัง เพราะเจ้าของเลือกเข้ามาในตอนที่เปิดสาขาในจุดสำคัญๆ หมดแล้ว เข้ามาในตลาด เหลือแต่ทำเลไม่สวยตามปั้มไรงี้ พลัง modern trade มันหมดพอดี (เจ้าของเก่งขายกิจการได้ราคาดี) เช่นเดียวกับกับหุ้นจุ้มจิม มาตอนพีคเลยไม่ไปไหน หุ้นหรูเจ้าของสวยก็เหมือนหมดกำลังภายในเช่นกัน ส่วนหุ้นขวัญใจมหาชนขายวัสดุมองว่าเทียบกับคู่แขงไม่ได้เด่นกว่า ไม่เหมือนโชว์ห่วยไฮโซยังกินขาดหายช่วงตัว (ดอกเบี้ยจ่ายลดแล้วปีนี้คงกลับมาโตได้ตามเดิม จ่ายดอกหายไป 8000 ล้าน)
ถาม-ตอบหุ้นรายตัว
1. หุ้นยางมะตอย ขึ้นแรงให้ระวัง ที่ได้เยอะมานี้ไม่ยั่งยืน ตอนนี้เค้ารู้แล้วว่าต้นทุนถูกสัญญาที่จะเซ็นต์ใหม่ๆ ต่อรองราคากันสนุกสนานแน่ๆ
2. หุ้นตู้กินเงินอัตโนมัติสาระพัดประโยชน์ ไปลุยเมืองฟิลลิปปินส์ มองว่าธุรกิจไหนสำเร็จเมืองไทยแล้วไปเมืองนอก = เริ่มต้นใหม่ ไม่ให้ค่าความสำเร็จในไทย เพราะสำเร็จประเทศนึงอาจจะไม่สำเร็จอีกที่หนึ่งก็ได้
3. หุ้นเครื่องดื่มพันกิโล ลุยอินโด มองเป็นหุ้นดีราคาแพง
4. หุ้นเฟอร์นิเจอร์บางกอกดอย PE 30 เท่า มองว่าแพงไปสำหรับธุรกิจนี้
5. หุ้นท่อแอร์พิมพ์นิยม ผู้บริหารยอดเยี่ยมใส่ใจนักลงทุน CG ดีมาก ถ้าตัวฉุดที่ลงทุนใหม่น่าจะดีขึ้น บ.แม่อาจไม่ต้องอุ้ม ก็พลิกมาเป็นกำไร โพซิชั่นเหมือนป้ายบริษัท มีอุปกรณ์ทุกอย่างให้เลือกสรร พี่โจแซวว่ารถถอยมารับทำไมไม่ขึ้นละ
6. หุ้นยังเก็บไม่ครบไม่บอก อันนี้เหนี่ยวแน่นมาก เหมือน% จะถึงผถญ.แล้วด้วยแต่ตลาดยังไม่มีรายงาน คราวหน้าต้องหาคนมีวิทยายุทธในการสะกดใจมาช่วยกันหน่อยซะแล้ว
7. หุ้นแผ่นฟิลม์ที่เคยเชิดฉายเมื่อหลายปีก่อน เป็นวัฏจักรตอนพีคอาจไม่เจออีกแล้วในชาตินี้ ฟิลม์ใช้น้อยลง กระทบจากdigital Economy
8. หุ้นขายออนไลน์ให้ห้างดัง ผู้บริหารเก่ง แต่แพงเวอร์
9. หุ้นช่างตรวจทำโรงไฟฟ้า ถือว่ายังไม่ชัดเลยยังไม่พุ่ง
10. หุ้นถังแก็ส คงดีเหมือนเดิม ดูเหมือนง่ายแต่สร้างความน่าเชื่อถือทำยาก ทำมานานควบคุมค่าใช้จ่ายดีแล้ว ใครมาทำแข่งราคาถ้าขายราคาเท่ากันเค้าก็ขอซื้อกับคนเดิมดีกว่า แต่ต้องส่งไปแถวแอฟริกาเป็นล็อตใหญ่ๆ เมืองไทยมีทุกบ้าน ประเทศพัฒนาแล้วใช้ท่อแทนหมด
11. หุ้นขายแก๊สเปลี่ยนที่ไปขายเมืองนอก เดิมทุนเท่ากันกินค่าการตลาด กำไรเสถียงแต่ไม่โต กลับมามี book stock gain stock loss จากราคาแก๊สที่ผันผวน มองว่าราคาแก๊สลงมาถึง bottom ถือได้ถ้าทรงๆ ก็เท่าตัวแต่ถ้าแก๊สขึ้นก็ได้ลุ้นได้เสียว วิ่งฉวัดเฉวียง จับจังหวะดีๆ ซื้อถูกขายแพง ขายแก๊สรายได้ดีจนเปลื้องหนี้ที่ลงทุนพลาดไปจนหมดแล้ว
low risk High return!
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1331
<<< หนังสือนักลงทุนดันโดที่อ.โจพูดถึง ภาคภาษาไทย พี่เว็บพรชัยเป็นคนแปลครับ หน้าตาคล้ายๆ แต่เป็นภาษาไทย
ผมโชคดีที่มีีอาจารย์ใจดีมอบมาให้ผมตอนรับปริญญา เป็นหนังสือหุ้นเล่มแรกที่ได้เป็นเจ้าของโดยไม่ซื้อเองด้วย ก่อนหน้านี้ อาจารย์ให้ยืมอ่านไปหลายเล่ม
ผมโชคดีที่มีีอาจารย์ใจดีมอบมาให้ผมตอนรับปริญญา เป็นหนังสือหุ้นเล่มแรกที่ได้เป็นเจ้าของโดยไม่ซื้อเองด้วย ก่อนหน้านี้ อาจารย์ให้ยืมอ่านไปหลายเล่ม
low risk High return!
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1332
รอบนี้ "เนื้อ ๆ เน้น ๆ" ครับ แต่ยอมรับว่า เห็นโพยจากทางใต้แล้ว แทบไม่เคยตรงกับของตัวเองเลยptaseeker เขียน: 2. Aging Society คนแก่ในเมืองก็ชอบอยู่ในเมือง อยู่คอนโดบำรุงรักษาง่าย อันนี้น่าจะเป็นเมก้าเทรดเช่นเดิม คนติดชีวิตในเมืองยากจะย้ายออกไปอยู่ในชนบท โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า หุ้นทำคอนโดรับเหมาอาจยังพอไปได้ ช่วงนี้ศก.ยังไม่ดีก็ต้องระวังตัวกันเอง แต่แนวโน้นระยะยาวยังเป็นที่ต้องการ
ผมว่าพวกหุ้นอสังหาฯ นี่เปราะบางต่อสภาวะเศรษฐกิจมากนะครับ แล้วถ้าย้อนไปดูอดีต บางช่วงที่ตลาด "ไม่เอา" หุ้นกลุ่มนี้ บางตัว PE ประมาณ 5 ยังไม่มีใครอยากซื้อเลยครับ มีเป็นสิบเจ้า แล้วแบรนด์ก็ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้ลูกค้าต้องตามไปซื้อ ขึ้นกับทำเลเป็นหลัก หุ้นบางตัวมีบิ๊กเนมถืออยู่ยังออกอาการสาระวันเตี้ยลงซะงั้น ทั้ง ๆ ที่เป็นหุ้นแนวหน้าของกลุ่ม หุ้นกลุ่มนี้ต้องมีส่วนลดมาก ๆ จริง ๆ ครับ ถึงจะปลอดภัย
6. พลัง modern trade ต้องดูให้รอบคอบบางตัวกำลังภายในเสื่อมถอย เช่น หุ้นเบอร์เกอร์ชื่อดัง เพราะเจ้าของเลือกเข้ามาในตอนที่เปิดสาขาในจุดสำคัญๆ หมดแล้ว เข้ามาในตลาด เหลือแต่ทำเลไม่สวยตามปั้มไรงี้ พลัง modern trade มันหมดพอดี (เจ้าของเก่งขายกิจการได้ราคาดี) เช่นเดียวกับกับหุ้นจุ้มจิม มาตอนพีคเลยไม่ไปไหน หุ้นหรูเจ้าของสวยก็เหมือนหมดกำลังภายในเช่นกัน ส่วนหุ้นขวัญใจมหาชนขายวัสดุมองว่าเทียบกับคู่แขงไม่ได้เด่นกว่า ไม่เหมือนโชว์ห่วยไฮโซยังกินขาดหายช่วงตัว (ดอกเบี้ยจ่ายลดแล้วปีนี้คงกลับมาโตได้ตามเดิม จ่ายดอกหายไป 8000 ล้าน)
นึกไม่ออกเลยครับ
หุ้นเบอร์เกอร์ ?
หุ้นจุ้มจิม? คือหุ้นสุกี้?
หุ้นหรูเจ้าของสวย? คือหุ้นทีห้างแปลว่าตรงกลาง?
ถาม-ตอบหุ้นรายตัว
1. หุ้นยางมะตอย ขึ้นแรงให้ระวัง ที่ได้เยอะมานี้ไม่ยั่งยืน ตอนนี้เค้ารู้แล้วว่าต้นทุนถูกสัญญาที่จะเซ็นต์ใหม่ๆ ต่อรองราคากันสนุกสนานแน่ๆ
ยอมรับว่าเห็นวิ่งมาแบบนี้ ยอมรับว่างงมากเหมือนกันครับ ว่าเป็นพลังจากไหน แล้วก็เสียวแทนว่าถ้าถือไปเรื่อย ๆ รองบออกครั้งต่อไป อาจจะได้เจอรายการ "วัดใจ" ผมคงมองหุ้นตัวนี้เร็วไปสองปี ทนความผันผวนมันไม่ไหว เคยเข้าลูกเจอรถไฟเหาะเกือบตาย เลยได้แต่ดูห่าง ๆ มาตลอด
คุณดำครับ เชิญร่ายวิทยายุทธได้เลยครับ ผมรอชมอยู่ครับดำ เขียน:
ป.ล. สำหรับใครที่ยังปวดหัวไม่พอกับ 2 แนวทางนี้ ผมภูมิใจเสนอแนวทางระบบผลประโยชน์ (ปลาใหญ่กินปลาเล็ก) กับแนวทางราคาย้อนกลับมากำหนดสถานการณ์ (Reflexivity ของ Soros) เพิ่มเติมให้ครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1335
แอร๊ยยย ถอดรหัสชื่อหุ้นนี่อย่างชอบเลยฮ่ะ วางผ้าอ้อมเด็กแล้วรีบเข้ามาตอบอย่างไว
4
แมค?
ถาม-ตอบหุ้นรายตัว
ผิด ถูกยังไง แก้ไขให้ด้วยนะฮะ
ซีฟโก้?1.1 ปักเสาเข็ม (มีสองตัวแต่เลือกตัวเก๋ากว่าใหญ่กว่า เมื่อก่อนเอาคนไปทำงานที่กำไรน้อยๆ ย้ายมาทำงานกำไรเยอะๆ เลิกฉุดแถมได้เพิ่มกำไรพลิก แต่บ.ไทยจะมีข้อจำกัดด้านเพดานของการทำงานเพราะลงทุนซื้อเครื่องจัักรเยอะไม่ได้ ตอนงานหดไม่รู้จะเอาเครื่องไปไหน อาจมีต่างชาติมาร่วมแจมถ้างานเยอะเกินไป)
ซีเค, ไอทีดี?2.2 ทำคานก็รับเหมาตัวใหญ่เล่นกันทั่วไป
???3.3 งานวางระบบวิ่ง ชอบบนฟ้ามากกว่าตันทุนถูกกว่า
อันนี้งงฮ่ะ น่าจะหมายถึงหุ้นทีทำทั้งคอนโด+รับเหมา ด้วยป่ะครับ[เพร็พ?]2. Aging Society คนแก่ในเมืองก็ชอบอยู่ในเมือง อยู่คอนโดบำรุงรักษาง่าย อันนี้น่าจะเป็นเมก้าเทรดเช่นเดิม คนติดชีวิตในเมืองยากจะย้ายออกไปอยู่ในชนบท โดยเฉพาะตามแนวรถไฟฟ้า หุ้นทำคอนโดรับเหมาอาจยังพอไปได้ ช่วงนี้ศก.ยังไม่ดีก็ต้องระวังตัวกันเอง แต่แนวโน้นระยะยาวยังเป็นที่ต้องการ
4
อันนี้อยากรู้เหมือนกันฮ่ะ จะเป็นพวกทีโพลี กะทีพีซีเอชป่ะครับ. ดูตัวลูกไปเก็บแม่ ถ้าราคาลูกมันขี่พายุทะลุฟ้า แม่ไม่ได้รับรู้แน่นอนไม่ได้ประโยชน์ เพราะขายจริงไม่ได้ เดี๋ยวลูกก็ต้องกลับไปสู่พื้นฐาน ยิ่งถ้าบ.แม่ขายปุ๊บจะรีบวิ่งหาพื้นฐานอย่างเร็ว ฟองสบู่แตกดังโพละ บ.แม่จะได้แต่ประโยชน์จากกำไรที่บุ๊คเข้างบเท่านั้น ลูกสวยก็เก็บลูกแม่สวยก็เก็บแม่ สวยทั้งคู่ก็รวบหัวรวบหางยกครัวไปเลย
6. พลัง modern trade ต้องดูให้รอบคอบบางตัวกำลังภายในเสื่อมถอย เช่น หุ้นเบอร์เกอร์ชื่อดัง เพราะเจ้าของเลือกเข้ามาในตอนที่เปิดสาขาในจุดสำคัญๆ หมดแล้ว เข้ามาในตลาด เหลือแต่ทำเลไม่สวยตามปั้มไรงี้ พลัง modern trade มันหมดพอดี (เจ้าของเก่งขายกิจการได้ราคาดี)
แมค?
เอ็มเค?เช่นเดียวกับกับหุ้นจุ้มจิม มาตอนพีคเลยไม่ไปไหน
จูบิลิ่ววววหุ้นหรูเจ้าของสวยก็เหมือนหมดกำลังภายในเช่นกัน
โกบอล, โฮมโป???ส่วนหุ้นขวัญใจมหาชนขายวัสดุมองว่าเทียบกับคู่แขงไม่ได้เด่นกว่า
แมกโฆ?ไม่เหมือนโชว์ห่วยไฮโซยังกินขาดหายช่วงตัว (ดอกเบี้ยจ่ายลดแล้วปีนี้คงกลับมาโตได้ตามเดิม จ่ายดอกหายไป 8000 ล้าน)
ถาม-ตอบหุ้นรายตัว
แทสโก้1. หุ้นยางมะตอย ขึ้นแรงให้ระวัง ที่ได้เยอะมานี้ไม่ยั่งยืน ตอนนี้เค้ารู้แล้วว่าต้นทุนถูกสัญญาที่จะเซ็นต์ใหม่ๆ ต่อรองราคากันสนุกสนานแน่ๆ
เอฟสมาร์ท2. หุ้นตู้กินเงินอัตโนมัติสาระพัดประโยชน์ ไปลุยเมืองฟิลลิปปินส์ มองว่าธุรกิจไหนสำเร็จเมืองไทยแล้วไปเมืองนอก = เริ่มต้นใหม่ ไม่ให้ค่าความสำเร็จในไทย เพราะสำเร็จประเทศนึงอาจจะไม่สำเร็จอีกที่หนึ่งก็ได้
อิชิตัน???3. หุ้นเครื่องดื่มพันกิโล ลุยอินโด มองเป็นหุ้นดีราคาแพง
บีเคดี4. หุ้นเฟอร์นิเจอร์บางกอกดอย PE 30 เท่า มองว่าแพงไปสำหรับธุรกิจนี้
เอสเอ็นซี5. หุ้นท่อแอร์พิมพ์นิยม ผู้บริหารยอดเยี่ยมใส่ใจนักลงทุน CG ดีมาก ถ้าตัวฉุดที่ลงทุนใหม่น่าจะดีขึ้น บ.แม่อาจไม่ต้องอุ้ม ก็พลิกมาเป็นกำไร โพซิชั่นเหมือนป้ายบริษัท มีอุปกรณ์ทุกอย่างให้เลือกสรร พี่โจแซวว่ารถถอยมารับทำไมไม่ขึ้นละ
พีทีแอล, เอเจ ???7.หุ้นแผ่นฟิลม์ที่เคยเชิดฉายเมื่อหลายปีก่อน เป็นวัฏจักรตอนพีคอาจไม่เจออีกแล้วในชาตินี้ ฟิลม์ใช้น้อยลง กระทบจากdigital Economy
โอเอฟเอ็ม เอ้ยย ต้องเรียก โคล แล้ว8.หุ้นขายออนไลน์ให้ห้างดัง ผู้บริหารเก่ง แต่แพงเวอร์
พีเอสทีซี???9.หุ้นช่างตรวจทำโรงไฟฟ้า ถือว่ายังไม่ชัดเลยยังไม่พุ่ง
เอสเอ็มพีซี10. หุ้นถังแก็ส คงดีเหมือนเดิม ดูเหมือนง่ายแต่สร้างความน่าเชื่อถือทำยาก ทำมานานควบคุมค่าใช้จ่ายดีแล้ว ใครมาทำแข่งราคาถ้าขายราคาเท่ากันเค้าก็ขอซื้อกับคนเดิมดีกว่า แต่ต้องส่งไปแถวแอฟริกาเป็นล็อตใหญ่ๆ เมืองไทยมีทุกบ้าน ประเทศพัฒนาแล้วใช้ท่อแทนหมด
เอสจีพี11. หุ้นขายแก๊สเปลี่ยนที่ไปขายเมืองนอก เดิมทุนเท่ากันกินค่าการตลาด กำไรเสถียงแต่ไม่โต กลับมามี book stock gain stock loss จากราคาแก๊สที่ผันผวน มองว่าราคาแก๊สลงมาถึง bottom ถือได้ถ้าทรงๆ ก็เท่าตัวแต่ถ้าแก๊สขึ้นก็ได้ลุ้นได้เสียว วิ่งฉวัดเฉวียง จับจังหวะดีๆ ซื้อถูกขายแพง ขายแก๊สรายได้ดีจนเปลื้องหนี้ที่ลงทุนพลาดไปจนหมดแล้ว
ผิด ถูกยังไง แก้ไขให้ด้วยนะฮะ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1336
ตัวที่ชัดเจนเลยมีตัวเดียวนะ ต้องปักเสาดีกว่าต้อง S-grade แนบ paper ที่พี่ตี้แนะนำให้ดู ตรงการคาดการณ์การใช้เสาเข็มในเปเปอร์เพื่อนบ้าน
http://inv3.asiaplus.co.th/web_research ... 580529.pdf
หุ้นเบอร์เกอร์แต่ขายกางเกงครับ อ.leky
วิ่งรถไฟฟ้าบนฟ้าค่าทำถูกกว่า
เรื่องคอนโดพูดภาพรวมไม่ลงหุ้น
หุ้นแม่ลูกพูดหลายตัว ทั้ง F ทั้ง T
ตัวแม่ที่แย่งงานโชว์ห่วยเลยครับ ผมเขียนเองอ่านแล้วงงเองขออภัยด้วย modern trade ซูเปอร์สต็อกในตำนาน
http://inv3.asiaplus.co.th/web_research ... 580529.pdf
หุ้นเบอร์เกอร์แต่ขายกางเกงครับ อ.leky
วิ่งรถไฟฟ้าบนฟ้าค่าทำถูกกว่า
เรื่องคอนโดพูดภาพรวมไม่ลงหุ้น
หุ้นแม่ลูกพูดหลายตัว ทั้ง F ทั้ง T
ตัวแม่ที่แย่งงานโชว์ห่วยเลยครับ ผมเขียนเองอ่านแล้วงงเองขออภัยด้วย modern trade ซูเปอร์สต็อกในตำนาน
low risk High return!
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1337
ในเมื่อ อ.เรียกร้องมา ก็ขอแสดงความทุเรศสักนิด เอาแค่พอหอมปากหอมคอก่อนนะครับ กลัวถูกยึด login เพิ่งต่ออายุไปเองอ่ะครับleky เขียน:คุณดำครับ เชิญร่ายวิทยายุทธได้เลยครับ ผมรอชมอยู่ครับดำ เขียน:ป.ล. สำหรับใครที่ยังปวดหัวไม่พอกับ 2 แนวทางนี้ ผมภูมิใจเสนอแนวทางระบบผลประโยชน์ (ปลาใหญ่กินปลาเล็ก) กับแนวทางราคาย้อนกลับมากำหนดสถานการณ์ (Reflexivity ของ Soros) เพิ่มเติมให้ครับ
ทฤษฎีระบบผลประโยชน์ ไม่แน่ใจว่าตรงกับที่เมืองนอกเค้าใช้ว่า "Conspiracy Theory" รึเปล่านะครับ แต่ในเมืองไทย เซียนในแนวทางนี้ก็คือ คุณพิชัย จาวลา เจ้าของเครือ Budget Hotel B2 ครับ แนวคิดของทฤษฎีนี้คือ ในระบบทุนนิยม (รวมทั้งตลาดหุ้น) คนส่วนน้อยจะเป็นผู้ได้กำไร คนส่วนใหญ่จะขาดทุน รายละเอียดหาดูใน Youtube มีเยอะครับ หรือจะลองหาหนังสือของแกอ่านดูก็ได้ครับ
ส่วน Reflexitvity ของ Soros อธิบายว่า ในตลาดหุ้น ราคาไม่ได้เคลื่อนไหวไปตามเหตุผลเสมอไป หลายครั้งที่นักลงทุนตัดสินใจซื้อขายตามการเปลี่ยนแปลงของราคา (ตัวอย่างเช่น ราคาหุ้นที่ขยับขึ้นจูงใจให้เกิดความสนใจต้องการซื้อมากขึ้น โดยที่พื้นฐานกิจการไม่ได้เปลี่ยนแปลง หรืออีกตัวอย่างนึง บริษัทนึงใช้กลยุทธ์ดำเนินธุรกิจที่เสี่ยงๆ แต่กลับได้ผล ทำให้กำไรออกมาดี และสะท้อนไปที่ราคาหุ้นที่สูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเริ่มใช้กลยุทธ์เสี่ยงๆ บ้าง สุดท้ายทำให้เสียสมดุล ความเสี่ยงในระบบมากเกินไป นำไปสู่ภาวะฟองสบู่) เรื่องนี้ผมอ่านมาจากหนังสือของ Soros ชื่อ The New Paradigm for Financial Markets จัดว่าเป็นหนังสือที่อ่านเข้าใจยากที่สุดเล่มนึงเท่าที่เคยอ่านมาครับ
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1338
เสริมอีกนิดครับ...
ทฤษฎีระบบผลประโยชน์เชื่อว่า สุดท้ายแล้วปลาใหญ่จะกินปลาเล็กเสมอ ราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับผลประโยชน์ของคนส่วนน้อยที่เป็นรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้กำหนดเหตุผลให้คนส่วนมากนำไปใช้ตัดสินใจ
Reflexivity สำหรับแฟนนิยายของโกวเล้ง พอจะกล้อมแกล้มได้ว่าตรงกับสำนวน "คนอยู่ในยุทธจักร ไม่เป็นตัวของตัวเอง"
ทฤษฎีระบบผลประโยชน์เชื่อว่า สุดท้ายแล้วปลาใหญ่จะกินปลาเล็กเสมอ ราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับผลประโยชน์ของคนส่วนน้อยที่เป็นรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้กำหนดเหตุผลให้คนส่วนมากนำไปใช้ตัดสินใจ
Reflexivity สำหรับแฟนนิยายของโกวเล้ง พอจะกล้อมแกล้มได้ว่าตรงกับสำนวน "คนอยู่ในยุทธจักร ไม่เป็นตัวของตัวเอง"
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1339
ขอบคุณท่านดำ ที่มาเติมข้อมูลทางเทคนิคนะฮะ
เรื่องกราฟ,system trading,algorithm,robot,high frequency รึอะไรที่ทำให้นึกถึง"เครื่อง"ที่ไม่ใช่"คน"เนี่ย
ฟังแล้วสงสัยทุกที ว่า คนจะไวสู้เครื่องได้มั้ย รึเครื่องสู้กับเครื่องจะเป็นไง (ราวๆแข่งหมากรุกระหว่างคนกับเครื่อง)
แล้วถ้าระบบได้ผล เงินที่หมักหมมมากขึ้น จะกลายเป็นตัวลากกราฟพุ่งขึ้นพุ่งลงเอง แบบมีpositive-negative feedbackด้วยเครื่อง รึreflexologyด้วยคน มั้ยน่ะฮะ ขอรอดูไปเรื่อยๆนะฮะ
แต่เรื่องกราฟเนี่ย ขอสารภาพมั่ง ว่าผมก็ใช้ฮะ แต่ใช้สวนฮะ คือสั่งมาร์ว่าตัดลง,หลุดแนวรับเมื่อไรจะซื้อ(ราคาถูก)
ตัดขึ้น ทะลุแนวต้านเมื่อไร จะขาย (ราคาแพง)
มโนเอาเองว่าถ้าเราเอากราฟมาเล่นกะตัวเอง โดยซื้อขายหุ้นที่พื้นฐานไม่เปลี่ยน ในช่วงตลาดส่ายๆ(sideway)
มันจะทำให้ผอร์ทเราโตกว่าอยู่เฉยๆมั้ยน้อ
เพราะเคยทำงี้กะหุ้นเติบโต ปรากฎว่าขายหมู แล้วไปซื้อหมูตัวเดิมกลับมาแพงกว่าเก่า แบบที่อ.ลิ้นช์บอกไว้ฮะ
ว่าหุ้นหลายเด้งเนี่ย รอมันไปเรื่อยๆดีกว่าไปเล่นซื้อๆขายๆมันให้เสียค่าโบรคเปล่าๆ
อ.lekyฮะ
อ.ตั้งglobal healthcare growth fund เมื่อไร ผมขอเป็นสมาชิกเบอร์แรกเลยนะฮะ
เรื่องเมกะเทรนด์สุขภาพเนี่ย อ.ตามติดจริงๆ เพิ่งรู้ว่าเทรนด์พลาสติกมาแรงกว่าเทรนด์วัสดุโลหะแล้ว
หมอผ่ากระดูก(orthopaedics,ที่จ้องแต่จะscrewไปทั่ว)บ.เครื่องมือ,โลหะดามของสวิส(AO)โดนจอห์นสัน(ขายแป้งเด็ก)เทคไปแล้ว อีกหน่อยคงดามกระดูกด้วยพลาสติก
Sybronendoขายสว่านใชรากฟัน(สวิสเหมือนกัน,orthodonticsหมอรากฟัน)ก็โดนมาลิเฟอร์เทคไป
เรื่องยา เดาว่ายาหัวใจ ยาสมอง ยามะเร็ง ยาโรคคนแก่รวย ที่ไปล็อบบี้จนได้เข้าในguideline และยังมีลิขสิทธ์อยู่ น่าจะรวยฮะ
เรื่องโรงบาล ผมว่าdouble standard ชัดเจนฮะ อันนึงรถไฟฟรี ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง อีกอันเครื่องบิน
ช่องว่างการตลาดคงเป็นaffordable healthcare ,DIY medical serviceมั้งฮะ
รึขายชุดทำแผล ฉีดวัคซีน ล้างตา ทำคลอด สวนทวารต่างๆ(ล้างตา ล้างหู ล้างจมูก )พร้อมQR code
scanวิธีทำเองจากyoutube ทำเองรึให้ญาติที่ไม่ใช่หมอทำ
อุปกรณ์ เครื่องวัดเครื่องตรวจติดมาพร้อมของใช้ นาฬิกาวัดชีพจร ความดัน ส้วมตรวจฉี่ ผ้าอนามัยตรวจเลือด
Appจิตแพทย์ จิตบำบัด คุยกับมือถือ เชคลิสต์ครบcriteria พิมพ์ใบสั่งยาไปซื้อทางเนตเองเลยไรงี้
ท่านptaseekerฮะ
ผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกตอนเพื่อนๆกะอ.เดาหุ้นที่ผมโพสต์ตอนนี้เองฮะ
เราน่าจะเสนอสมาคมนะฮะ ขอเปลี่ยนวิธีเซนเซ่อร์จากลบทั้งโพสต์ เป็นให้ลบชื่อหุ้น ชื่อคน รึราคา
ที่อาจเป็นเหตุให้เกิดการกระทำการอันควรขายหน้าสมาคมออกได้ แบบกบว.ดูดเสียงไงฮะ
ส่วนการกรองโดยสมาชิก ก็ให้มีหลากหลายกว่า+,- นิสนุง
จะเป็น ถูกใจ ขำกลิ้ง สยอง ซึ้ง หลงรัก แบบเจ้าใหญ่เค้า ก็จะดูเลียนแบบไป
เอาแบบสัญญานมือดีมั้ยฮะ ยกนิ้วโป้งขึ้น=like โป้งลง=unlike โป้ง,ชี้,ก้อย=love ชี้,กลาง=VIสู้ๆ ,ให้กำลังใจ
กลาง(อันนี้ขอไม่แปล) กำหมัดมีนิ้วโป้งโผล่ระหว่างชี้,กลาง(กรีกกะอินโดแปลว่าอวยพรให้โชคดี, ไทยไม่แน่ใจ
..)
ท่านromeeฮะ
คำถามท่าน..เลือกหุ้นจากเบาะแสที่ไหน ตีมูลค่าไง บริหารผอร์ทอย่างไร ได้คำตอบไอเดียมาแร้ววฮะ
อ.ty
Buttom up มองไปเรื่อยๆ ข่าวจากset ,นสพ.,oppday,money channel(รายการbusiness model)
บางทีใช้กรอบความคิดกว้างๆ+จินตนาการ บางส่วนใช้ตัวเลข เช่นราคาถูก พีอีต่ำ เซียนใช้วิธีเดียวกันก็ได้หุ้นคล้ายกัน
เพราะหุ้นบ้านเราก็วนไปวนมาอยู่แค่นี้แหละ ทำบ่อยๆก็จำหุ้นได้มากขึ้นๆ เข้าใจมากขึ้นๆ จนเห็นอนาคตทะลุ
ช่วงดีๆก็ขาย ช่วงแย่ๆก็กลับไปซื้อใหม่ 14-15ปีนี้มีหลายช่วง
พยามวางกฎให้ตัวเองศึกษาหุ้นให้ได้วันละ2ตัว บางช่วงก็ทำได้ บางช่วงทำได้น้อย ผ่านไปหลายๆปีสะสมความรู้หุ้นไปเรื่อยๆ
ช่วงหลังๆนี่ สังเกตว่า storyจะเป็นตัวผลักดันให้ราคาหุ้นไปได้ไกลๆนะ ถ้าคาดผิด ราคาก็ไม่แย่เกินไป แค่เสมอตัว
แต่ถ้าความคิดเราถูก ราคาหุ้นจะวิ่งไปหาราคาเป้าหมาย เราต้องรอให้ได้ ไม่ต้องรีบขาย
แต่ช่วงที่ราคาแตะมูลค่าที่ประเมินไว้ ก็จะมีลงๆ ชะงักๆอยู่บ้าง สุดท้าย 70%จะวิ่งเลยเป้าไปอีก
ต้องเชื่อว่า ปล่อยมันไป รอให้นานหน่อย ไม่ต้องรีบ มักมีแรงส่งตอนท้ายๆเสมอ
อ.worapong
เริ่มจากความสนใจ สนใจอะไรจะเริ่มเห็นรายละเอียดมากขึ้น จากthaiVI จากข่าว จากlineกลุ่ม(กลุ่มอ.มีอ.thanwaเงียะ โห..) มีคนเล่าให้ฟัง เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ
หุ้นที่ถือก็ สิบปีผ่านมาเป็นไง สิบปีต่อไปก็เป็นงั้น เช่นฟาร์มเฮ้าส์(PB,ขายไปแล้ว)ซื้อตอนกำไรไม่ดี แต่คู่แข่งตายไปเลย,makroซื้อ70,scblifeซื้อ20
พอแพงมากๆ แล้วมีหุ้นตัวอื่นที่อยากซื้อ ก็จะขายไปเปลี่ยนตัวใหม่(ผอร์ทหุ้นโตแกร่ง ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องทำไรมาก)
อ.ลูกอิสาน
ตลาดหุ้นไทย600ตัว ตัดเหลือ300ตัว มีอะไรทำตลอด
ผอร์ทมีหุ้นหลายตัว เพราะศึกษาเท่าไรก็รู้ไม่หมด อาจผิดได้ ผิดก็ไม่เสียหายมาก
รู้จักหุ้นมาก เพิ่มขอบข่ายกว้างมาก circle of competence กว้างขึ้น ความรู้ทบต้นในตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ
หุ้นหลายตัวในผอร์ทจะมีจังหวะขึ้นลงตลอดเวลา เหมือนดนตรี
ขายตัวที่ขึ้น ไปเติมตัวที่ลง เกิดการทบต้นในตัวเองตลอดเวลา
SVI เข้าๆออกๆ4รอบ SCBLIFE 2-3รอบ (เคยฟังคล้ายๆเคยมีMJD TWS TKS STAและอื่นๆอีกฮะ)
บางทีก็ใช้marketcapนะ TASCO ซื้อ60 แคป7,000ล้าน ยอดขาย4-50,000ล้าน
SGP แคป ต่ำกว่า10,000 ยอดขาย60,000 PTG แคปต่ำ10,000 ยอดขาย30,000
แต่STA,BANPU อาจไม่ใช้วิธีนี้ ระวังanchoring bias หุ้นวัฐจักรตอนขึ้นสุดกันด้วยนะ
ล่าสุดมีหุ้นcap 500ล้าน (บ.ขาดทุน) ลองไปหากันดู
คำถามromeeน่าสนใจมาก ฝากพี่บัวดินเก็บตังค์romeeสองร้อยด้วย(ฮาหนักมาก..ย้ำสองครั้งก่อนปิดประชุมด้วย ฮ่า..)
เรื่องกราฟ,system trading,algorithm,robot,high frequency รึอะไรที่ทำให้นึกถึง"เครื่อง"ที่ไม่ใช่"คน"เนี่ย
ฟังแล้วสงสัยทุกที ว่า คนจะไวสู้เครื่องได้มั้ย รึเครื่องสู้กับเครื่องจะเป็นไง (ราวๆแข่งหมากรุกระหว่างคนกับเครื่อง)
แล้วถ้าระบบได้ผล เงินที่หมักหมมมากขึ้น จะกลายเป็นตัวลากกราฟพุ่งขึ้นพุ่งลงเอง แบบมีpositive-negative feedbackด้วยเครื่อง รึreflexologyด้วยคน มั้ยน่ะฮะ ขอรอดูไปเรื่อยๆนะฮะ
แต่เรื่องกราฟเนี่ย ขอสารภาพมั่ง ว่าผมก็ใช้ฮะ แต่ใช้สวนฮะ คือสั่งมาร์ว่าตัดลง,หลุดแนวรับเมื่อไรจะซื้อ(ราคาถูก)
ตัดขึ้น ทะลุแนวต้านเมื่อไร จะขาย (ราคาแพง)
มโนเอาเองว่าถ้าเราเอากราฟมาเล่นกะตัวเอง โดยซื้อขายหุ้นที่พื้นฐานไม่เปลี่ยน ในช่วงตลาดส่ายๆ(sideway)
มันจะทำให้ผอร์ทเราโตกว่าอยู่เฉยๆมั้ยน้อ
เพราะเคยทำงี้กะหุ้นเติบโต ปรากฎว่าขายหมู แล้วไปซื้อหมูตัวเดิมกลับมาแพงกว่าเก่า แบบที่อ.ลิ้นช์บอกไว้ฮะ
ว่าหุ้นหลายเด้งเนี่ย รอมันไปเรื่อยๆดีกว่าไปเล่นซื้อๆขายๆมันให้เสียค่าโบรคเปล่าๆ
อ.lekyฮะ
อ.ตั้งglobal healthcare growth fund เมื่อไร ผมขอเป็นสมาชิกเบอร์แรกเลยนะฮะ
เรื่องเมกะเทรนด์สุขภาพเนี่ย อ.ตามติดจริงๆ เพิ่งรู้ว่าเทรนด์พลาสติกมาแรงกว่าเทรนด์วัสดุโลหะแล้ว
หมอผ่ากระดูก(orthopaedics,ที่จ้องแต่จะscrewไปทั่ว)บ.เครื่องมือ,โลหะดามของสวิส(AO)โดนจอห์นสัน(ขายแป้งเด็ก)เทคไปแล้ว อีกหน่อยคงดามกระดูกด้วยพลาสติก
Sybronendoขายสว่านใชรากฟัน(สวิสเหมือนกัน,orthodonticsหมอรากฟัน)ก็โดนมาลิเฟอร์เทคไป
เรื่องยา เดาว่ายาหัวใจ ยาสมอง ยามะเร็ง ยาโรคคนแก่รวย ที่ไปล็อบบี้จนได้เข้าในguideline และยังมีลิขสิทธ์อยู่ น่าจะรวยฮะ
เรื่องโรงบาล ผมว่าdouble standard ชัดเจนฮะ อันนึงรถไฟฟรี ถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่าง อีกอันเครื่องบิน
ช่องว่างการตลาดคงเป็นaffordable healthcare ,DIY medical serviceมั้งฮะ
รึขายชุดทำแผล ฉีดวัคซีน ล้างตา ทำคลอด สวนทวารต่างๆ(ล้างตา ล้างหู ล้างจมูก )พร้อมQR code
scanวิธีทำเองจากyoutube ทำเองรึให้ญาติที่ไม่ใช่หมอทำ
อุปกรณ์ เครื่องวัดเครื่องตรวจติดมาพร้อมของใช้ นาฬิกาวัดชีพจร ความดัน ส้วมตรวจฉี่ ผ้าอนามัยตรวจเลือด
Appจิตแพทย์ จิตบำบัด คุยกับมือถือ เชคลิสต์ครบcriteria พิมพ์ใบสั่งยาไปซื้อทางเนตเองเลยไรงี้
ท่านptaseekerฮะ
ผมเพิ่งเข้าใจความรู้สึกตอนเพื่อนๆกะอ.เดาหุ้นที่ผมโพสต์ตอนนี้เองฮะ
เราน่าจะเสนอสมาคมนะฮะ ขอเปลี่ยนวิธีเซนเซ่อร์จากลบทั้งโพสต์ เป็นให้ลบชื่อหุ้น ชื่อคน รึราคา
ที่อาจเป็นเหตุให้เกิดการกระทำการอันควรขายหน้าสมาคมออกได้ แบบกบว.ดูดเสียงไงฮะ
ส่วนการกรองโดยสมาชิก ก็ให้มีหลากหลายกว่า+,- นิสนุง
จะเป็น ถูกใจ ขำกลิ้ง สยอง ซึ้ง หลงรัก แบบเจ้าใหญ่เค้า ก็จะดูเลียนแบบไป
เอาแบบสัญญานมือดีมั้ยฮะ ยกนิ้วโป้งขึ้น=like โป้งลง=unlike โป้ง,ชี้,ก้อย=love ชี้,กลาง=VIสู้ๆ ,ให้กำลังใจ
กลาง(อันนี้ขอไม่แปล) กำหมัดมีนิ้วโป้งโผล่ระหว่างชี้,กลาง(กรีกกะอินโดแปลว่าอวยพรให้โชคดี, ไทยไม่แน่ใจ
..)
ท่านromeeฮะ
คำถามท่าน..เลือกหุ้นจากเบาะแสที่ไหน ตีมูลค่าไง บริหารผอร์ทอย่างไร ได้คำตอบไอเดียมาแร้ววฮะ
อ.ty
Buttom up มองไปเรื่อยๆ ข่าวจากset ,นสพ.,oppday,money channel(รายการbusiness model)
บางทีใช้กรอบความคิดกว้างๆ+จินตนาการ บางส่วนใช้ตัวเลข เช่นราคาถูก พีอีต่ำ เซียนใช้วิธีเดียวกันก็ได้หุ้นคล้ายกัน
เพราะหุ้นบ้านเราก็วนไปวนมาอยู่แค่นี้แหละ ทำบ่อยๆก็จำหุ้นได้มากขึ้นๆ เข้าใจมากขึ้นๆ จนเห็นอนาคตทะลุ
ช่วงดีๆก็ขาย ช่วงแย่ๆก็กลับไปซื้อใหม่ 14-15ปีนี้มีหลายช่วง
พยามวางกฎให้ตัวเองศึกษาหุ้นให้ได้วันละ2ตัว บางช่วงก็ทำได้ บางช่วงทำได้น้อย ผ่านไปหลายๆปีสะสมความรู้หุ้นไปเรื่อยๆ
ช่วงหลังๆนี่ สังเกตว่า storyจะเป็นตัวผลักดันให้ราคาหุ้นไปได้ไกลๆนะ ถ้าคาดผิด ราคาก็ไม่แย่เกินไป แค่เสมอตัว
แต่ถ้าความคิดเราถูก ราคาหุ้นจะวิ่งไปหาราคาเป้าหมาย เราต้องรอให้ได้ ไม่ต้องรีบขาย
แต่ช่วงที่ราคาแตะมูลค่าที่ประเมินไว้ ก็จะมีลงๆ ชะงักๆอยู่บ้าง สุดท้าย 70%จะวิ่งเลยเป้าไปอีก
ต้องเชื่อว่า ปล่อยมันไป รอให้นานหน่อย ไม่ต้องรีบ มักมีแรงส่งตอนท้ายๆเสมอ
อ.worapong
เริ่มจากความสนใจ สนใจอะไรจะเริ่มเห็นรายละเอียดมากขึ้น จากthaiVI จากข่าว จากlineกลุ่ม(กลุ่มอ.มีอ.thanwaเงียะ โห..) มีคนเล่าให้ฟัง เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ
หุ้นที่ถือก็ สิบปีผ่านมาเป็นไง สิบปีต่อไปก็เป็นงั้น เช่นฟาร์มเฮ้าส์(PB,ขายไปแล้ว)ซื้อตอนกำไรไม่ดี แต่คู่แข่งตายไปเลย,makroซื้อ70,scblifeซื้อ20
พอแพงมากๆ แล้วมีหุ้นตัวอื่นที่อยากซื้อ ก็จะขายไปเปลี่ยนตัวใหม่(ผอร์ทหุ้นโตแกร่ง ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องทำไรมาก)
อ.ลูกอิสาน
ตลาดหุ้นไทย600ตัว ตัดเหลือ300ตัว มีอะไรทำตลอด
ผอร์ทมีหุ้นหลายตัว เพราะศึกษาเท่าไรก็รู้ไม่หมด อาจผิดได้ ผิดก็ไม่เสียหายมาก
รู้จักหุ้นมาก เพิ่มขอบข่ายกว้างมาก circle of competence กว้างขึ้น ความรู้ทบต้นในตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ
หุ้นหลายตัวในผอร์ทจะมีจังหวะขึ้นลงตลอดเวลา เหมือนดนตรี
ขายตัวที่ขึ้น ไปเติมตัวที่ลง เกิดการทบต้นในตัวเองตลอดเวลา
SVI เข้าๆออกๆ4รอบ SCBLIFE 2-3รอบ (เคยฟังคล้ายๆเคยมีMJD TWS TKS STAและอื่นๆอีกฮะ)
บางทีก็ใช้marketcapนะ TASCO ซื้อ60 แคป7,000ล้าน ยอดขาย4-50,000ล้าน
SGP แคป ต่ำกว่า10,000 ยอดขาย60,000 PTG แคปต่ำ10,000 ยอดขาย30,000
แต่STA,BANPU อาจไม่ใช้วิธีนี้ ระวังanchoring bias หุ้นวัฐจักรตอนขึ้นสุดกันด้วยนะ
ล่าสุดมีหุ้นcap 500ล้าน (บ.ขาดทุน) ลองไปหากันดู
คำถามromeeน่าสนใจมาก ฝากพี่บัวดินเก็บตังค์romeeสองร้อยด้วย(ฮาหนักมาก..ย้ำสองครั้งก่อนปิดประชุมด้วย ฮ่า..)
samatah
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1340
ส่วนตัวผมมองว่า คน กะ ระบบ มีข้อดีข้อด้อยต่างกันครับdr1 เขียน:เรื่องกราฟ,system trading,algorithm,robot,high frequency รึอะไรที่ทำให้นึกถึง"เครื่อง"ที่ไม่ใช่"คน"เนี่ย
ฟังแล้วสงสัยทุกที ว่า คนจะไวสู้เครื่องได้มั้ย รึเครื่องสู้กับเครื่องจะเป็นไง (ราวๆแข่งหมากรุกระหว่างคนกับเครื่อง)
แล้วถ้าระบบได้ผล เงินที่หมักหมมมากขึ้น จะกลายเป็นตัวลากกราฟพุ่งขึ้นพุ่งลงเอง แบบมีpositive-negative feedbackด้วยเครื่อง รึreflexologyด้วยคน มั้ยน่ะฮะ ขอรอดูไปเรื่อยๆนะฮะ
ในงานที่ต้องทำซ้ำๆ มากๆ พร้อมๆ กัน มีรูปแบบตายตัวชัดเจน คนคงจะสู้ระบบไม่ได้ เหมือนการผลิตแบบอุตสาหกรรม
แต่ในงานที่ต้องอาศัยศิลปะ ไม่ตายตัว ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ยืดหยุ่นสูง ยากที่จะสร้างระบบให้มีเงื่อนไขครอบคลุมทุกความเป็นไปได้ แบบนี้คนยังไงก็น่าจะดีกว่าครับ
สาย System Trade หรือ High Frequency Trade หรือ Quant ที่เก่งจริง เอาตัวรอดได้จริง เค้าต้องมองให้ออกว่าระบบที่ใช้มีจุดอ่อนตรงไหน แล้วหาทางปิด หรือออกแบบการเทรดให้สามารถรองรับความเสี่ยงตรงนี้ให้ได้ ไม่งั้นก็เหมือนนั่งทับระเบิดเวลา (กำไรไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจ๊งในที่สุด) อย่าลืมว่าระบบไหนที่เป็นที่นิยมสูง สุดท้ายก็จะมี Hacker พยายามใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของระบบนั้นๆ
ความจริงในโลกนั้นมีหลากหลายมากมายและซับซ้อนเกินกว่าที่มนุษย์จะสามารถรู้ได้ทั้งหมดครับ แถมมันมีวิวัฒนาการด้วย ผลไม่ได้เกิดจากเหตุเพียงอย่างเดียว แต่ผลยังไปสร้างเหตุใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน ดังนั้นระบบที่สมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริง เพราะยังไงผู้ที่สร้างระบบขึ้นมาก็คือมนุษย์เรานั่นเองครับ
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
-
- Verified User
- โพสต์: 432
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1341
จริงๆ ผมต้องสารภาพว่า ดูกราฟทุกวันครับ เพราะผมว่างมาก ถ้าดู ข้อมูลหุ้นตัวไหนก็ต้องเปิดไปดูกราฟทุกครั้ง ดูไปเรื่อยๆ ดูเป็นความรู้ แล้วก็แนวโน้มของราคา ผมว่า VI กับกราฟ บางทีก็มีประโยชน์ และบางครั้งก็ไปด้วยกันได้ [แล้วแต่วิธีคนดูด้วยครับ คนดูกราฟแยกเป็น 2 แบบง่ายๆ
1. คนเก็งกำไร ซื้อแพงไปขายแพงกว่า ชอบซื้อหุ้นที่ยอดๆ พวกนี้จะเล่นสั้นภายในวันหรือไม่เกิน 1 สัปดาห์ พวกนี้ชอบหุ้นเบรคนิวไฮ เข้าไปซื้อเก็งกำไรว่าจะไปต่อแรงๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าไรแนวต้าน [คนเล่นกราฟส่วนใหญ่จะชอบวิธีนี้ คนดังๆ ด้านนี้ เช่น เสี่ยป๋อง ถือคติซื้อแพงไปขายที่แพงกว่า]
2. คนเล่นรอบ ซื้อหุ้นตรงที่ถูกๆ กราฟลงมาเยอะๆ แล้วหาจุดกลับตัว ถือไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีสัญญาณให้ขาย [หมู] เล่นรอบไปยาวๆ กราฟการเล่นแบบนี้อาจถือหุ้นเป็นเดือนๆ หรือเป็นปีก็ได้ [ผมว่าแนวนี้อาจสามารถปรับใช้กับ VI ได้] คนกลุ่มนี้จะเข้าค่ายพวกซื้อถูกขายแพง ซึ่งตรงกับจริตของ VI /อย่ารับมีดที่ตกมาจากฟ้า รอให้มันปักลงพื้นก่อนแล้วค่อยเดินเข้าไปเก็บ คนที่ดูกราฟกลุ่มนี้จะรู้ว่าตรงไหนยังไม่ควรเข้าไปรับ ตรงไหนเริ่มรับหุ้นได้แล้ว [แต่ไม่ได้หมายความว่าจะลงต่อไม่ได้นะ] หรือจุดไหนที่มันลงไปแต่คนไม่ได้อยากขายมากแล้ว [ราคาลงแต่อินดิเคเตอร์กลับหัวขึ้น]
3. พวกแนวcontrarian หรือผู้ที่ใช้ทฤษฎีผลประโยชน์ แบบที่คุณดำว่า กราฟมันแสดงพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ในตลาดเราก็ไปยื่นฝั่งตรงข้ามซะเลย ตรงไหนขายเยอะๆในปริมาณมากๆ ก็สวนไป ฟังดูง่ายนะแต่ทำยาก
พอดูกราฟไปเยอะมันก็อาจเห็นอะไรบางอย่างเช่น
หุ้นขายของอุปกรณ์ก่อสร้าง ราคาก่อนหน้านี้มีอินเคเตอร์แบบโมเมนตัมเริ่มหักหัวขึ้น คนเล่นรอบเค้าจะรู้ว่ามีคนเริ่มเก็บหุ้น แถวๆ 6.6-6.7 เป็นแนวรับแล้วต้องมีใครสักคนมารับไว้แน่เลย [พอไปงานมิตติ้งก็เลยถึงบางอ๋อ] แต่ก็รู้เพียงว่า ราคาหุ้นก็มีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากลงหน้าตั้งเป็นเลิกลงหน้าตั้งแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะวิ่งไปข้างๆ หรือจะกลับตัวกลับเป็นขาขึ้นยังก็ต้องรอดูกันต่อไป ถ้านักเล่นรอบใจเย็นเค้าจะรอให้มีสัญญาณว่ากลับตัวเป็นขาขึ้นแน่ๆ ค่อยเข้าไปซื้อ ถ้าใจร้อนหน่อยก็เข้าไปรับเลย แล้วบางคนก็ตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ที่ 6.6-6.7 ไว้ บางคนก็ยอมให้หลุดลงไปได้ถ้าโมเมนตั้มไม่ชี้หัวลงตามก็ถือว่าแสดงว่ายังไม่คนแอบเก็บหุ้นอยู่ถือต่อได้ มีวิธีเล่นได้หลากหลายมาก
ถ้าศึกษาพวกทฤษฎีดาว มันก็กราฟมันก็เป็นหนทางนึงที่แสดงให้เห็นอารมณ์โลภและกลัวของคนส่วนใหญ่ในตลาด จุดตรงนี้คนกลัวตรงนี้คนโลภ ลองดูบางทีมันก็สามารถหาจังหวะซื้อตรงที่คนส่วนใหญ่กลัว แล้วก็ไปขายตรงที่ส่วนใหญโลภ
แต่ผมไม่ค่อยได้ซื้อขายตามกราฟเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะขายตามเหตุผลของกิจการมากกว่า แล้วก็ดูกราฟเพื่อศึกษาความเป็นไปของราคา แต่ก็มีบางตัวก็ขายเช่นกัน
เช่นหุ้นท่อเหล็ก ที่ก่อนหน้านี้ปันผลดีตลอด PE ต่ำมากแล้วมาบันทึก stock loss เมื่อไม่นานนี้ ทำให้รู้ว่า บ.นี้ค่อยข้างมีธรรมาธิบาลที่ดี เพราะราคาหุ้นไม่นำข่าว งบออกก็ตกกันวันนั้นเลย บางบริษัทขายก่อนงบออก[เลววววว] แต่กราฟมันก็บอกๆ ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่าหุ้นไม่มีแรงไปต่อจริงๆ ควรจะทะยอยขายไปบ้างก็ได้ พองบออกมาแย่ทางพื้นฐานถือว่าผิดคาดมากก็ต้องขายไปก่อน ส่วนทางกราฟหลุดทุกแนวรับก็บอกให้ขายไปก่อนเช่นกัน ผมก็ขายไปก่อนเพราะมีอ.ที่พอร์ตใหญ่กว่าผม เค้าเล่นตามงบดุลลดพอร์ตอยู่ ผมบอกเลย ขอผม ATO ก่อนนะครับ _/l\_ จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ลงมา 20% ถ้าอ่านจากกราฟตอนนี้เหมือนจะมีคนทะยอยเก็บของอยู่คงเป็นคนที่เล่นรอบ หรือ VI ที่คิดว่าราคานี้พอรับได้เริ่มมาเก็บหุ้น ถ้าเป็นกลุ่มคนเล่นรอบเค้าก็อาจจะจับจังหวะแล้วเริ่มเก็บหุ้นกันได้เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นนี้จะขึ้นหรือลงนะครับ
หุ้นถุงซิบล็อกแปดชั้นงบกระโดดสวยงาม กราฟบอกเลยหุ้นนี้ไม่ค่อยมีคนซื้อขายที่ผ่านๆมาขึ้นลงตามงบอย่างเด๋วนะจ๊ะ
ธนาคารที่หนี้เสียกระฉูด ถ้าตอนลงวันแรกที่งบออก vol เยอะราคาลงมาก หลุดทุกแนวรับ เทคนิคบอกขาย พื้นฐานก็ขายไปก่อน เราก็ไม่รู้จะไปสวนตรงไหนดี แต่ถ้ากลุ่มแรกไม่สนอยู่แล้วหุ้นขาลง กลุ่มสองมาดูบอกจับตาดูแต่ตอนนี้อย่าไปยุ่งก่อนนะกราฟยังบอกว่าจะลง ส่วนตัวผมไม่ชอบแบงค์อยู่แล้วเลยดูเพื่อความบันเทิงเฉยๆ [จริงๆ ผมประเมินมูลค่าแบงค์ไม่เป็นฮะ] จะเป็นคนส่วนน้อยนิมันยากจริงๆ
กรณีน้องหิ่งห้อย ถ้ามองทางเทคนิค ถ้าราคาหลุด 6.15 จริงๆ ควรจะขายไปก่อนนะ[แต่ผมก็ไม่ได้ขายผมเป็น VI ต้องอดทน] ถ้าเอาทฤษฏีกราฟมาวัดมันอาจจะลงไปแถวๆ 5.5 บาทได้นะจ๊ะ แต่ระหว่างทางก็ต้องดูไปเรื่อยๆ มันอาจจะไม่ไปตรงนั้นก็ได้ โมเมนตั้มมันบอกผมทุกวันว่ากำลังลงนะจ๊ะ ผมก็ดูไว้เพื่อปลงเฉยๆ เออลงไป ลงไป ลงปายยยย ตอนนี้โมเมนตั้มมันเริ่มบอกว่าจะ"อาจจะ"กลับใจแล้วนะ [ย้ำว่า."อาจจะ" เพราะทางเทคนิคไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์] ราคาหุ้นก็แค่นี้ไม่ขึ้นก็ลง มีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป #ความรักก็เช่นกัน
1. คนเก็งกำไร ซื้อแพงไปขายแพงกว่า ชอบซื้อหุ้นที่ยอดๆ พวกนี้จะเล่นสั้นภายในวันหรือไม่เกิน 1 สัปดาห์ พวกนี้ชอบหุ้นเบรคนิวไฮ เข้าไปซื้อเก็งกำไรว่าจะไปต่อแรงๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าไรแนวต้าน [คนเล่นกราฟส่วนใหญ่จะชอบวิธีนี้ คนดังๆ ด้านนี้ เช่น เสี่ยป๋อง ถือคติซื้อแพงไปขายที่แพงกว่า]
2. คนเล่นรอบ ซื้อหุ้นตรงที่ถูกๆ กราฟลงมาเยอะๆ แล้วหาจุดกลับตัว ถือไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีสัญญาณให้ขาย [หมู] เล่นรอบไปยาวๆ กราฟการเล่นแบบนี้อาจถือหุ้นเป็นเดือนๆ หรือเป็นปีก็ได้ [ผมว่าแนวนี้อาจสามารถปรับใช้กับ VI ได้] คนกลุ่มนี้จะเข้าค่ายพวกซื้อถูกขายแพง ซึ่งตรงกับจริตของ VI /อย่ารับมีดที่ตกมาจากฟ้า รอให้มันปักลงพื้นก่อนแล้วค่อยเดินเข้าไปเก็บ คนที่ดูกราฟกลุ่มนี้จะรู้ว่าตรงไหนยังไม่ควรเข้าไปรับ ตรงไหนเริ่มรับหุ้นได้แล้ว [แต่ไม่ได้หมายความว่าจะลงต่อไม่ได้นะ] หรือจุดไหนที่มันลงไปแต่คนไม่ได้อยากขายมากแล้ว [ราคาลงแต่อินดิเคเตอร์กลับหัวขึ้น]
3. พวกแนวcontrarian หรือผู้ที่ใช้ทฤษฎีผลประโยชน์ แบบที่คุณดำว่า กราฟมันแสดงพฤติกรรมของคนส่วนใหญ่ในตลาดเราก็ไปยื่นฝั่งตรงข้ามซะเลย ตรงไหนขายเยอะๆในปริมาณมากๆ ก็สวนไป ฟังดูง่ายนะแต่ทำยาก
พอดูกราฟไปเยอะมันก็อาจเห็นอะไรบางอย่างเช่น
หุ้นขายของอุปกรณ์ก่อสร้าง ราคาก่อนหน้านี้มีอินเคเตอร์แบบโมเมนตัมเริ่มหักหัวขึ้น คนเล่นรอบเค้าจะรู้ว่ามีคนเริ่มเก็บหุ้น แถวๆ 6.6-6.7 เป็นแนวรับแล้วต้องมีใครสักคนมารับไว้แน่เลย [พอไปงานมิตติ้งก็เลยถึงบางอ๋อ] แต่ก็รู้เพียงว่า ราคาหุ้นก็มีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากลงหน้าตั้งเป็นเลิกลงหน้าตั้งแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะวิ่งไปข้างๆ หรือจะกลับตัวกลับเป็นขาขึ้นยังก็ต้องรอดูกันต่อไป ถ้านักเล่นรอบใจเย็นเค้าจะรอให้มีสัญญาณว่ากลับตัวเป็นขาขึ้นแน่ๆ ค่อยเข้าไปซื้อ ถ้าใจร้อนหน่อยก็เข้าไปรับเลย แล้วบางคนก็ตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ที่ 6.6-6.7 ไว้ บางคนก็ยอมให้หลุดลงไปได้ถ้าโมเมนตั้มไม่ชี้หัวลงตามก็ถือว่าแสดงว่ายังไม่คนแอบเก็บหุ้นอยู่ถือต่อได้ มีวิธีเล่นได้หลากหลายมาก
ถ้าศึกษาพวกทฤษฎีดาว มันก็กราฟมันก็เป็นหนทางนึงที่แสดงให้เห็นอารมณ์โลภและกลัวของคนส่วนใหญ่ในตลาด จุดตรงนี้คนกลัวตรงนี้คนโลภ ลองดูบางทีมันก็สามารถหาจังหวะซื้อตรงที่คนส่วนใหญ่กลัว แล้วก็ไปขายตรงที่ส่วนใหญโลภ
แต่ผมไม่ค่อยได้ซื้อขายตามกราฟเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะขายตามเหตุผลของกิจการมากกว่า แล้วก็ดูกราฟเพื่อศึกษาความเป็นไปของราคา แต่ก็มีบางตัวก็ขายเช่นกัน
เช่นหุ้นท่อเหล็ก ที่ก่อนหน้านี้ปันผลดีตลอด PE ต่ำมากแล้วมาบันทึก stock loss เมื่อไม่นานนี้ ทำให้รู้ว่า บ.นี้ค่อยข้างมีธรรมาธิบาลที่ดี เพราะราคาหุ้นไม่นำข่าว งบออกก็ตกกันวันนั้นเลย บางบริษัทขายก่อนงบออก[เลววววว] แต่กราฟมันก็บอกๆ ไว้ก่อนหน้านั้นแล้วว่าหุ้นไม่มีแรงไปต่อจริงๆ ควรจะทะยอยขายไปบ้างก็ได้ พองบออกมาแย่ทางพื้นฐานถือว่าผิดคาดมากก็ต้องขายไปก่อน ส่วนทางกราฟหลุดทุกแนวรับก็บอกให้ขายไปก่อนเช่นกัน ผมก็ขายไปก่อนเพราะมีอ.ที่พอร์ตใหญ่กว่าผม เค้าเล่นตามงบดุลลดพอร์ตอยู่ ผมบอกเลย ขอผม ATO ก่อนนะครับ _/l\_ จากตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ลงมา 20% ถ้าอ่านจากกราฟตอนนี้เหมือนจะมีคนทะยอยเก็บของอยู่คงเป็นคนที่เล่นรอบ หรือ VI ที่คิดว่าราคานี้พอรับได้เริ่มมาเก็บหุ้น ถ้าเป็นกลุ่มคนเล่นรอบเค้าก็อาจจะจับจังหวะแล้วเริ่มเก็บหุ้นกันได้เช่นกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นนี้จะขึ้นหรือลงนะครับ
หุ้นถุงซิบล็อกแปดชั้นงบกระโดดสวยงาม กราฟบอกเลยหุ้นนี้ไม่ค่อยมีคนซื้อขายที่ผ่านๆมาขึ้นลงตามงบอย่างเด๋วนะจ๊ะ
ธนาคารที่หนี้เสียกระฉูด ถ้าตอนลงวันแรกที่งบออก vol เยอะราคาลงมาก หลุดทุกแนวรับ เทคนิคบอกขาย พื้นฐานก็ขายไปก่อน เราก็ไม่รู้จะไปสวนตรงไหนดี แต่ถ้ากลุ่มแรกไม่สนอยู่แล้วหุ้นขาลง กลุ่มสองมาดูบอกจับตาดูแต่ตอนนี้อย่าไปยุ่งก่อนนะกราฟยังบอกว่าจะลง ส่วนตัวผมไม่ชอบแบงค์อยู่แล้วเลยดูเพื่อความบันเทิงเฉยๆ [จริงๆ ผมประเมินมูลค่าแบงค์ไม่เป็นฮะ] จะเป็นคนส่วนน้อยนิมันยากจริงๆ
กรณีน้องหิ่งห้อย ถ้ามองทางเทคนิค ถ้าราคาหลุด 6.15 จริงๆ ควรจะขายไปก่อนนะ[แต่ผมก็ไม่ได้ขายผมเป็น VI ต้องอดทน] ถ้าเอาทฤษฏีกราฟมาวัดมันอาจจะลงไปแถวๆ 5.5 บาทได้นะจ๊ะ แต่ระหว่างทางก็ต้องดูไปเรื่อยๆ มันอาจจะไม่ไปตรงนั้นก็ได้ โมเมนตั้มมันบอกผมทุกวันว่ากำลังลงนะจ๊ะ ผมก็ดูไว้เพื่อปลงเฉยๆ เออลงไป ลงไป ลงปายยยย ตอนนี้โมเมนตั้มมันเริ่มบอกว่าจะ"อาจจะ"กลับใจแล้วนะ [ย้ำว่า."อาจจะ" เพราะทางเทคนิคไม่มีอะไรร้อยเปอร์เซ็นต์] ราคาหุ้นก็แค่นี้ไม่ขึ้นก็ลง มีเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป #ความรักก็เช่นกัน
low risk High return!
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1343
เรียนเหล่าสมาชิก ท่านผู้นำ ได้เจิมศีรษะให้พวกเราที่เข้ามาในห้องนี้แล้วครับ เหมือนเป็นใบผ่านทาง "เคลียร์" ได้ทุกด่านครับดำ เขียน:เรียนถามเหล่าท่านผู้นำในโรงเจแห่งนี้ครับ ที่เราแอบเอาเนื้อมาต้มทานกันแบบนี้ไม่ถือว่าผิดกฎใช่มั้ยครับ จะได้ถือโอกาสหิ้วสุรามาด้วยเลย
"Become a risk taker, not a risk maker"
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1344
เกมส์บีบหัวใจครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1345
ตอนนี้ ผมเตรียมตัวใช้ แพลนบี แล้วครับ
ปล. เรื่องกราฟ ผมใช้ครับ
ปล. เรื่องกราฟ ผมใช้ครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1346
มาต่อยุทธศาสตร์ของตัวผมเอง แชร์กันนะครับNevercry.boy เขียน:ตอนนี้ ผมเตรียมตัวใช้ แพลนบี แล้วครับ
ปล. เรื่องกราฟ ผมใช้ครับ
(Plan AA: เสี่ยงน้อยสุด เมื่อหุ้นขึ้น) เมื่อหุ้นขึ้นถึงเท่าไรไม่รู้ ผมจะใช้อาวุธธรรมดา เช่น ซื้อ หุ้นสามัญ บวกกับมีเงินสดจำนวนหนึ่งและถือไปเรื่อย ๆ รับปันผลไป
(Plan A: เสี่ยงปานกลางขึ้นเมื่อหุ้นเริ่มลง) เมื่อหุ้นลง ทางเทคนิก อาจเรียก correction หรืออะไรก็แล้วแต่ ในภาวะตลาด (มิใช่พื้นฐานของหุ้นตัวนั้น) ก็จะใช้ฟิว เข้ามาและเน้นซื้อเป็นขา long ให้เทียบเท่ากับ collateral asset หรือมากกว่า
(Plan B: เสี่ยงมาก) เมื่อ collateral asset ลงหนัก พอร์ตฟิวเริ่มสร้างความเสียหาย ผมจะลดพอร์ตหุ้นเพิ่มพอร์ตฟิว ในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มน้ำหนักปรับลดตามความเสี่ยงโดยสมมติฐานคือ เมื่อหุ้นลงควรต้องเพิ่มพอร์ต แต่เมื่อลงมาถึงจุดหนึ่ง ต้องเพิ่มพอร์ต เราจะขายหุ้นเพื่อเอาน้ำหนักทั้งหมดมาเพิ่มจำนวนสัญญาในฟิว
...................................
สัญญาณ Red Alert เข้าใกล้จุดที่จะต้องปรับกำลังพลมาก ๆ แล้ว
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1347
อ่านพี่ดำ เพลินเลย ทั้งทฤษฎีสมคบคิด และ Reflexivityดำ เขียน:เรียนถามเหล่าท่านผู้นำในโรงเจแห่งนี้ครับ ที่เราแอบเอาเนื้อมาต้มทานกันแบบนี้ไม่ถือว่าผิดกฎใช่มั้ยครับ จะได้ถือโอกาสหิ้วสุรามาด้วยเลย
เหม่ แอบมีโกวเล้ง ด้วยนะพี่
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1348
พี่ NB วรยุทธ์ ลำลึก ออกอาวุธได้หลากหลาย นับถือๆ ครับ
จริงๆ อยากขอเสวนาเรื่องฟิว เพิ่ม เหมือนกัน
แต่ไร้พื้นฐาน เกรงว่าจะได้แต่ฟัง แต่หาเข้าใจไม่
ทำให้ยิ่งรู้สึกว่า ด้อยวรยุทธ์ยิ่งนัก
ช่วงนี้เลยขอเล่นบทผู้ชม
ถือเงินสดเป็นส่วนใหญ่ (PE 100 เท่า)
ไม่รู้ทำไรดี
จริงๆ อยากขอเสวนาเรื่องฟิว เพิ่ม เหมือนกัน
แต่ไร้พื้นฐาน เกรงว่าจะได้แต่ฟัง แต่หาเข้าใจไม่
ทำให้ยิ่งรู้สึกว่า ด้อยวรยุทธ์ยิ่งนัก
ช่วงนี้เลยขอเล่นบทผู้ชม
ถือเงินสดเป็นส่วนใหญ่ (PE 100 เท่า)
ไม่รู้ทำไรดี
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- ดำ
- Verified User
- โพสต์: 4214
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1349
อ่านเอาความบันเทิงเป็นหลัก อย่าอ่านเอาเรื่อง เกรงว่าเดี๋ยวจะพานเป็นเรื่องอ่ะครับNevercry.boy เขียน:อ่านพี่ดำ เพลินเลย ทั้งทฤษฎีสมคบคิด และ Reflexivityดำ เขียน:เรียนถามเหล่าท่านผู้นำในโรงเจแห่งนี้ครับ ที่เราแอบเอาเนื้อมาต้มทานกันแบบนี้ไม่ถือว่าผิดกฎใช่มั้ยครับ จะได้ถือโอกาสหิ้วสุรามาด้วยเลย
เหม่ แอบมีโกวเล้ง ด้วยนะพี่
กราฟที่มองไม่เห็นกับกราฟที่มองเห็น
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 1350
พี่หมอหนึ่งมักมีโพยมาให้ขบคิดตลอดเลยนะครับ...เท่าที่ดูจากคำใบ้แบ๊ะๆ มันมีอยู่ไม่กี่ตัวที่มีmkcap และยอดขายแถวๆ500ล้าน บางตัวก็ฟรีโฟรทซื้อขายน้อยมาก...ทั่นพี่นายกคงไม่น่าสนใจ...ส่วนตัวที่ดูใกล้เคียง ก็เหมือนจะเป็นกิ๊กเก่าของทั่นพี่นายก แต่อันนี้ผมก็มั่วๆอ่ะนะ ใครตามdr1 เขียน:ล่าสุดมีหุ้นcap 500ล้าน (บ.ขาดทุน) ลองไปหากันดู
เอ่อมาถาม พี่หมอleky หรือพี่ๆคนอื่นดีกว่าครับ
ถ้าหุ้น C(นามสมมุติ) ตัวแม่มี warrant ที่ราคาต่ำกว่าราคาแปลง เช่นราคาแปลง3บาท แต่ตัวแม่ยังไม่ถึง2บาท
ถ้าผมเป็นเจ้ามือ เอ้ยเจ้าของกิจการ ก็ต้องอยากให้คนมาแปลงwarrant ราคาแม่ก็ควรจะถึง3บาทใช่ป่ะครับ...
แล้วมันเคยหุ้นที่ท้ายสุด ก็ไม่มีคนถือwarrantไปแปลงมั้ยครับ...แบบว่า ออกwarrantมาเก้อซะงั้น
ปล.2 เงินสองร้อย ถือซะว่าผมถามเผื่อให้พี่พ้องน้องเพื่อนในนี้แว้วกันคับ เอาเป็นว่ารอบหน้าจะฝากเอาโพยหุ้นจากคนกทม. ลงไปให้บ้างฮ่ะ
You only live once, but if you do it right, once is enough.