หน้า 42 จากทั้งหมด 89

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 23, 2009 10:01 pm
โดย ลูกอิสาน
o-bo-ja-ma เขียน:รบกวนถามพี่ลูกอิสานว่า TCB น่าสนใจไหมครับ เพราะเห็น D/E ต่ำดี ยังไม่มีหุ้นนะครับ แต่อยากทราบ พอดีเห็นพี่ลูกอิสานเคยสนใจ :?:
o-bo-ja-ma เขียน:อยากให้ดี่ลูกอิสานแนะนำ TCB ครับ พอดีดูปัจจัยความเสี่ยงแล้วราคาน้ำมันมีผลมาก ถ้าราคาน้ำมันขึ้นจะมีผลกระทบทันที อย่างไรก็ตามถ้าเราเทียบกับการเติบโตของรายได้กับราคาน้ำมัน ผมคิดว่ามันน่าจะสวนทางกัน พอดีผมไม่มีความถนัดทางด้านราคาน้ำมัน ก็เลยอยากสอบถามว่า ธุรกิจ carbon black ในอนาคตควรเป็นอย่างไรในมุมมองของพี่ลูกอิสาน :roll:
leotis เขียน:ขอถามความเห็นพี่โจ เกียวกับหุ้น TCB หน่อยครับ
สินค้าขายและวัตถุดิบของ tcb เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นกำไรจะค่อนข้างผันผวน คาดเดายาก เราไม่รู้ว่าบริษัททำสัญญาซื้อน้ำมันดิบที่ราคาเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าบริษัทตกลงราคาขายกับลูกค้าอย่างไร ผู้บริหารไม่เคยเปิดเผยข้อมูลด้วยซิ ในสภาวะที่วัถตุดิบมีราคาขาขึ้น กำไรจะมากกว่าปกติเเพราะรวมสต็อคเกนในราคาขาย (เข้าใจว่าครึ่งปีแรกของปี 52 มีรายการโอนกลับด้อยค่าสต็อคเยอะ) และหากเป็นขาลงกำไรก็จะน้อยกว่าปกติเช่นกัน ดังนั้นวิธีคิดที่น่าจะเหมาะสมกว่าในการวิเคราะห์กิจการอย่างนี้คือให้ดูที่กำลังการผลิต ราคาสินค้าเราคาดเดาได้ยาก แต่กับกำลังการผลิตเราพอจะรู้ครับ กรณี tcb กิจการเพิ่มกำลังการผลิตสม่ำเสมอ ปัจจุบันประมาณ 2 แสนตัน/ปี และมีแผนเพิ่มเป็น 2.8 แสนตันในต้นปี 52 แต่เจอภาวะเศรษกิจไม่ดีซะก่อนเลยเลื่อนเป็นต้นปี 53 เมื่อแล้วเสร็จจะกลายเป็นโรงงานผลิตผงคาร์บอนเดี่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลกครับ   ที่จริงสินค้าของผลิตไม่ใช่สินค้าคงทน แต่เป็นสินค้าใช้แล้วหมดไป(ยางสึก) ดังนั้นดีมานด์จะสม่ำเสมอ ที่จริงควรจะเพิ่มขึ้นทุกๆปีเพราะรถยนต์มีแต่จะเพิ่ม แต่ในระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบจากความตกต่ำของอุตสาหกรรมยานยนต์บ้าง ในส่วนที่จะนำไปผลิตเป็นยางของรถใหม่

tcb รวมถึง tr และกิจการในเครือ มีงบดุลที่แข็งแกร่ง เพราะมีกำไรมากแต่ปันผลน้อย ส่วนหนึ่งเพราะกำไรได้รวมส่วนแบ่งจากบริษัทร่วมต่างๆ แต่กระแสเงินสดที่ได้รับมาจากปันผลเท่านั้น ดังนั้นดูเหมือนเป็นหุ้นที่ P/E ต่ำแต่ผลตอบแทนเงินปันผลน้อย ก็ด้วยเหตุผลข้างต้นครับ นอกจากนั้นบริษัทมักนำเงินไปลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้งกิจการที่ทำโดยตรง รวมถึงกิจการในเครือ บางครั้งกว่าจะได้รับผลตอบแทนก็ค่อนข้างนาน ไม่รู้ว่าคุ้มกับค่าเสียโอกาสนำเงินไปซื้อพันบัตรหรือเปล่า :evil:   อีกทั้งผู้บริหารซึ่งไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ ดังนั้นมักจะไม่คอ่ยสนใจผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น แต่จะสนใจกิจกรรมที่ทำแล้วตัวผู้บริหารได้รับประโยชน์โดยตรง เช่นการได้รับรางวัลคุณภาพต่างๆมากมาย เพราะนี่เป็นเครื่องหมายแสดงว่าผู้บริหารสามารถบริหารกิจการได้ดี  ที่พูดมาสรุปได้ว่า tcb คงเป็นหุ้นถูกเรื้อรัง ที่P/E จะต่ำตลอดไปถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการจัดสรรเงินทุนครับ... :roll:

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 23, 2009 10:15 pm
โดย ลูกอิสาน
leotis เขียน:และเห็นช่วงกระทู้หน้าแรกๆเห็นพี่โจพูดถึง BGH ในแง่ของหุ้นที่มี GLOWTH แต่ตอนนั้นราคาก็คิด PE ประมาณ 8 มั้งครับถ้าผมจำผิด ถ้าสมมติว่าผมจะถือหุ้นรพ. 1 ตัว โดยไม่ขายทิ้งเป็นเวลา 5 ปีและนำเงินปันผลที่ได้มาซื้อหุ้นเพิ่ม และหลังจากนั้นอีก 5 ปีถึงคิดจะพิจารณาพื้นฐานอีกที พี่โจคิดว่าหุ้นตัวไหนน่าสนใจที่สุดครับระหว่าง

BH - มีการสร้างตึกใหม่เพื่อรองรับคนไข้ที่เพิ่มขึ้น
TNH - ผมเคยได้ข่าวว่า TNH มีการเล็งพื้นที่แถว นานา แต่ไม่แน่ใจนะครับว่าถูกหรือเปล่า และแถบที่เดิมก็มีการขยายตัวของชุมชน
BGH - มีโครงข่าย รพ. อยู่เยอะมาก
KH - เป็น รพ. ระดับ กลางที่มีผู้ใช้บริการค่อนข้างเยอะ และมั่นคง
ความเห็นผม ถ้าจะถือหุ้นโรงพยาบาลสักตัว โดยถือนานๆหลายๆปี อันดับแรกผมคงเลือกกิจการที่มีการเติบโตของรายได้และกำไร ไม่ว่าจะมากจากการปรับราคาค่าบริหารหรือเกิดจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นผมคงเลือกโรงพยาบาลที่มีกระจายตัวของรายได้อย่างมีเสถียรภาพ มีลูกค้าหลายกลุ่ม หลากหลาย ไม่มีผลกระทบจากภาวะเศรษกิจหรือปัจจัยการเมือง นอกจากนั้นผมคงเลือกโรงพยาบาลที่มีกระจายตัวของสาขา เพราะลดความเสี่ยงได้หลายอย่าง เช่นอุบัติภัย อัคคีภัย การกระจุกตัวของลูกค้า  ต่อมาผมคงดูงบดุล ดูหนี้สิน/ทุน ไม่ควรสูงเกินไป ดูประสิทธิภาพการทำกำไรต่อสินทรัพย์ ดูอัตราการทำกำไรสุทธิต่อยอดขาย และสุดท้ายสำคัญที่สุดผมคงดูราคา(P/E)หุ้นด้วย หุ้นดีหากซื้อที่ราคาแพงก็ไม่มีประโยชน์  

จากเหตุผลต่างๆที่ผมโพสต์มาคงเดาออกมาผมชอบตัวไหนนะครับ :D  คำแนะนำสำหรับการลงทุนกลุ่มนี้ ภาพพจน์นั้นมายา ผลประกอบการสิของจริง เพราะไม่เคยหลอกใคร และไม่มีอคติ :P

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 23, 2009 10:21 pm
โดย newbie_12
ลูกอิสาน เขียน:
ความเห็นผม ถ้าจะถือหุ้นโรงพยาบาลสักตัว โดยถือนานๆหลายๆปี อันดับแรกผมคงเลือกกิจการที่มีการเติบโตของรายได้และกำไร ไม่ว่าจะมากจากการปรับราคาค่าบริหารหรือเกิดจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นผมคงเลือกโรงพยาบาลที่มีกระจายตัวของรายได้อย่างมีเสถียรภาพ มีลูกค้าหลายกลุ่ม หลากหลาย ไม่มีผลกระทบจากภาวะเศรษกิจหรือปัจจัยการเมือง นอกจากนั้นผมคงเลือกโรงพยาบาลที่มีกระจายตัวของสาขา เพราะลดความเสี่ยงได้หลายอย่าง เช่นอุบัติภัย อัคคีภัย การกระจุกตัวของลูกค้า

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 23, 2009 10:35 pm
โดย leotis
ขอบคุณพี่โจมากคัฟสำหรับคำตอบทั้ง 2 ข้อเลยคัฟฟละเอียดมากคัฟฟ  พี่โจรอบรู้จิงๆ ขนาดหุ้นบางตัวผมอ่านจากกระทู้พี่โจแล้ว ผมยังต้องกลับมาอ่านอีกเพราะ จำข้อดี และข้อเสีย + แนวคิด ได้ไม่หมด แต่พี่โจนี่ตอบมาน่าจะเกิน 100 ตัวแล้วมั้งคัฟฟนี่  :bow:  :bow:

ขอรบกวนพี่โจอีกสักนิดคัฟฟ
ขอถามความคิดของพี่โจเกี่ยวกับการ swap หุ้น IRP เป็น IVL  หน่อยคัฟฟ
ว่าการ tender offer ครั้งนี้ มีผลดี ผลเสียยังไงบ้างคัฟฟ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 10:07 am
โดย chatchai
leotis เขียน:ขอถามความเห็นพี่โจ เกียวกับหุ้น TCB หน่อยครับ
leotis เขียน:ขอบคุณพี่โจมากคัฟสำหรับคำตอบทั้ง 2 ข้อเลยคัฟฟละเอียดมากคัฟฟ  พี่โจรอบรู้จิงๆ ขนาดหุ้นบางตัวผมอ่านจากกระทู้พี่โจแล้ว ผมยังต้องกลับมาอ่านอีกเพราะ จำข้อดี และข้อเสีย + แนวคิด ได้ไม่หมด แต่พี่โจนี่ตอบมาน่าจะเกิน 100 ตัวแล้วมั้งคัฟฟนี่  :bow:  :bow:

ขอรบกวนพี่โจอีกสักนิดคัฟฟ
ขอถามความคิดของพี่โจเกี่ยวกับการ swap หุ้น IRP เป็น IVL  หน่อยคัฟฟ
ว่าการ tender offer ครั้งนี้ มีผลดี ผลเสียยังไงบ้างคัฟฟ
พิมพ์ภาษาไทยถูกๆก็ดูเรียบร้อยดีนะครับ

ใช้ภาษาไทยผิดๆ  ไม่ได้ช่วยให้ดูดีหรอกนะครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 10:44 am
โดย o-bo-ja-ma
ขอบคุณพี่ลูกอิสานมากครับ สำหรับ TCB เคลียร์มากครับ สุดยอดจริง ๆ ผมเองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าทุก ๆ อย่างน่าจะดีหมด สินค้าเป็นสินค้าใช้แล้วหมดไป แต่รายได้ก็ทรง ๆ ทรุด ๆ ปีที่ดีราคาหุ้นทำไมไม่ไปไหนเสียที มองย้อนหลังไปหลาย ๆ ปี ครับ เหมือนกับพอมีนักลงทุนเข้ามาแล้วก็ออกไป ไม่ลงทุนระยะยาวและต่อเนื่องเท่าไร .. คงต้องคิดหนักแล้วผมว่าจะเข้าทำการซื้อดีหรือไม่ ..  :idea:

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 7:57 pm
โดย o-bo-ja-ma
newbie_12 เขียน:
ความเห็นผม ถ้าจะถือหุ้นโรงพยาบาลสักตัว โดยถือนานๆหลายๆปี อันดับแรกผมคงเลือกกิจการที่มีการเติบโตของรายได้และกำไร ไม่ว่าจะมากจากการปรับราคาค่าบริหารหรือเกิดจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นผมคงเลือกโรงพยาบาลที่มีกระจายตัวของรายได้อย่างมีเสถียรภาพ มีลูกค้าหลายกลุ่ม หลากหลาย ไม่มีผลกระทบจากภาวะเศรษกิจหรือปัจจัยการเมือง นอกจากนั้นผมคงเลือกโรงพยาบาลที่มีกระจายตัวของสาขา เพราะลดความเสี่ยงได้หลายอย่าง เช่นอุบัติภัย อัคคีภัย การกระจุกตัวของลูกค้า

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 8:29 pm
โดย Laziale
o-bo-ja-ma เขียน:
ความเห็นผม ถ้าจะถือหุ้นโรงพยาบาลสักตัว โดยถือนานๆหลายๆปี อันดับแรกผมคงเลือกกิจการที่มีการเติบโตของรายได้และกำไร ไม่ว่าจะมากจากการปรับราคาค่าบริหารหรือเกิดจากจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นผมคงเลือกโรงพยาบาลที่มีกระจายตัวของรายได้อย่างมีเสถียรภาพ มีลูกค้าหลายกลุ่ม หลากหลาย ไม่มีผลกระทบจากภาวะเศรษกิจหรือปัจจัยการเมือง นอกจากนั้นผมคงเลือกโรงพยาบาลที่มีกระจายตัวของสาขา เพราะลดความเสี่ยงได้หลายอย่าง เช่นอุบัติภัย อัคคีภัย การกระจุกตัวของลูกค้า

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 8:51 pm
โดย o-bo-ja-ma
แซวเล่นนะครับคุณ Laziale ผมอ่านของพี่ลูกอิสานแล้วก็เข้าใจว่า พี่ลูกอิสานชอบ KH มากกว่า แต่พอดีเห็นมีแต่คนเชียร์ TNH ครับ คน Post KH น้อยมาก ๆ  :wink:

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 10:16 pm
โดย ลูกอิสาน
YONGYEE เขียน:รบกวนคุณลูกอีสานช่วย Comment BLA ณ ราคา 14 บาท เทียบกับ SCNYL ราคาปัจจุบันหน่อยครับ
พรุ่งนี้จะเข้าซื้อขายแล้วครับสำหรับ BLA..

scnyl & bla เป็นบริษัทประกันชีวิตที่ใกล้เคียงกันมาก ทั้งขนาดและรูปแบบธุรกิจครับ จากราคาจองที่ 13.5 บ.และ scnyl ที่ราคา 288 บ. คิดเป็น P/E ได้เท่ากันๆที่ 11-12 เท่า โดยนำกำไรครึ่งปีแรกคูณสอง ตัว bla ครึ่งปีแรกปีนี้อาจจะมีกำไรจากหุ้นเยอะหน่อย ก็อาจจะลดลงมาให้ใกล้เคียงกับปีก่อนๆ มาเก็ตแค็ปทั้งสองตอนนี้ก็ใกล้เคียงกัน ส่วนแบ่งการตลาดก็พอๆกัน แต่ที่ต่างกันบ้างเป็นอย่างนี้ครับ...

1.ส่วนธุรกิจประกันชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแบบสามัญออมทรัพย์ และขายผ่านธนาคารเป็นส่วนมากที่เรียกว่า Bancassurance ต่างกันตรงที่ scnyl สามารถทำกำไรจากส่วนนี้ได้ โดยดูจากเบี้ยรับ-ค่าใช้จ่ายประกัน-ค่าใช้จ่ายดำเนินงาน หรือที่เรียกว่า combine ratio จะเป็นบวก ส่วน bla ยังขาดทุนจากส่วนนี้ครับ

2.ส่วนธุรกิจการลงทุน scnylมีเงินลงทุน(Float)ปัจจุบันประมาณ 41,500 ล.(เพิ่มก้าวกระโดดในไม่กี่ปี)ส่วนใหญ่ลงทุนในพันธบัตร 90-95% มีหุ้นกู้บ้าง เงินฝากและหุ้นเล็กน้อย ส่วน bla มีเงินลงทุนประมาณ 55,000 ล.ลงทุนในพันธบัตรประมาณ 54% ที่เหลือลงทุนในตั๋วเงิน เงินฝาก และมีหุ้นประมาณ 7% จะเห็นได้ว่านโยบายการลงทุนของ bla จะหลากหลายและรับความเสี่ยงมากกว่า และแน่นอนผลตอบแทนสูงกว่า ถ้าดูผลตอบแทนต่อเงินลงทุนจะสูงกว่า scnyl พอสมควร ซึ่งกำไรจากส่วนการลงทุนนำไปชดเชยกับขาดทุนส่วนประกันชีวิตได้ครับ :o

ประเด็นอื่นๆ scnyl อาจจะมาจากฐานรายได้-กำไรที่เล็กดังนั้นอาจจะเห็นการเติบโตของรายได้และกำไรมากกว่า bla นิดหน่อยครับ  แต่ bla มีจำหนวนหุ้นและจะมีสภาพคล่องสูงกว่า scnylมาก  ประเด็นช่องทางการขายซึ่งสำคัญมากๆ ทั้งคู่ก็มีเหมือนๆกัน ดังนั้นโดนรวมๆผมคิดว่าหุ้นทั้งสองตัวเป็นมวยถูกคู่แล้วครับ  ไม่แน่อนาคต scnyl อาจจะเพิ่มสภาพคล่องและเพิ่มเงินกองทุนโดยการออกหุ้นส่วนที่ยังไม่เรียกชำระอีก 14 ล้านหุ้นออกมาขายก็ได้ นี่เดาเล่นๆนะครับ  :lol:

โดยสรุปผมคิดว่าถือได้ทั้งสองตัวโดยเฉพาะคนที่ไม่มีเวลาติดตามข่าวสาร เพราะธุรกิจประกันชีวิตมีความแน่นอนสูง และประกันที่ขายผ่านธนาคารมีส่วนแบ่งตลาดสูงขึ้นทุกๆปี สวนทางกับรายที่ไม่มีการขายผ่านแบงค์ซึ่งส่วนแบ่งตลาดเล็กลงทุกๆปีครับ แม้บางบริษัทเคยเป็นยักษ์ใหญ่มาก่อนครับ  .. :?

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 10:34 pm
โดย ler109
พี่โจครับ การที่ BLA เข้ามาในตลาดหุ้นจะมีผลอย่างไรต่อ SCNYL บ้างครับ
ทั้งในแง่ของธุรกิจและราคาหุ้นครับ ผมพยายามคิด แต่มองไม่ออกจริง ๆ แล้วมาเจอประเด็นที่พี่โจบอกว่า SCNYL อาจจะมีการเพิ่มสภาพคล่องนั้นเพื่ออะไรครับ หรือว่ากลัวว่าเนื่องจาก SCNYL กับ BLA นั้นใกล้เคียงกันมากแต่สภาพคล่องของ SCNYL น้อยกว่าทำให้นักลงทุนหันไปซื้อ BLA มากกว่า แล้วทำให้ราคาหุ้นของ SCNYL นั้นไม่ขึ้นครับ ตรงนี้ใช่ประเด็นหรือเปล่าครับ ยังไงรบกวนขอความเห็นพี่โจด้วยครับ
ขอบคุณครับ...

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 25, 2009 6:56 am
โดย newbie_12
เพิ่มสภาพคล่องคือแตก par มั้งครับ

หุ้นราคา 200 กว่าบาท ใครๆเห็นก็บอกว่าแพง ซื้อแค่ 100 หุ้นก็ 2 หมื่นกว่าบาทละครับ

แตกลงมาเหลือ 20 กว่าบาท หรือแค่สองบาทกว่า คนจะคิดว่าถูก และซื้อง่ายขายคล่องกว่าเยอะหล่ะมั้งครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 25, 2009 11:07 am
โดย ลูกอิสาน
ler109 เขียน:พี่โจครับ การที่ BLA เข้ามาในตลาดหุ้นจะมีผลอย่างไรต่อ SCNYL บ้างครับ
ทั้งในแง่ของธุรกิจและราคาหุ้นครับ ผมพยายามคิด แต่มองไม่ออกจริง ๆ แล้วมาเจอประเด็นที่พี่โจบอกว่า SCNYL อาจจะมีการเพิ่มสภาพคล่องนั้นเพื่ออะไรครับ หรือว่ากลัวว่าเนื่องจาก SCNYL กับ BLA นั้นใกล้เคียงกันมากแต่สภาพคล่องของ SCNYL น้อยกว่าทำให้นักลงทุนหันไปซื้อ BLA มากกว่า แล้วทำให้ราคาหุ้นของ SCNYL นั้นไม่ขึ้นครับ ตรงนี้ใช่ประเด็นหรือเปล่าครับ ยังไงรบกวนขอความเห็นพี่โจด้วยครับ
ขอบคุณครับ...
BLA เข้าตลาดระดมทุนได้ก็ทำให้บริษัทแข็งแรงขึ้น เป็นที่รู้จักมากขึ้น ครั้งนี้ระดมทุนได้ 200*13.5= 2700 ล้านทำให้ส่วนทุนเพิ่มจาก 3800 เป็น 6500 ล้าน (สังเกตนะครับว่าขายหุ้นเพียง 16% แต่ได้เงินทุนเพิ่มถึง 70% :lol: )  เงินที่ระดมทุนไปอย่างน้อยก็ทำให้กำไรเพิ่มประมาณ 130 ล้าน(แค่เอาเงิน 2700 ไปซื้อพันธบัตรดอกเบี้ย 5%) นอกจากนั้นงบดุลดีขึ้น หนี้สิน/ทุนลดลง อาจทำให้ลูกค้ามั่นใจมากขึ้นครับ นี่เป็นผลโดยตรงของการระดมทุนต่อ BLA   แต่ผลกระทบต่อ SCNYL คงไม่มีอะไร แต่คู่แข่งแข็งแกร่งขึ้น SCNYL ก็ควรศึกษาบ้างนะครับ ว่าการระดมทุนในตลาดทำให้กิจการดีขึ้นอย่างไร ที่จริงบริษัทประกันไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องเงินทุนอยู่แล้ว ที่เข้ามาส่วนใหญ่ก็เพื่อเพิ่มความโปร่งใส เป็นการโฆษณาไปในตัว ทำให้องค์กรมีแรงกระตุ้นและอาจจะได้ลดภาษีบ้างครับ

ส่วนผลต่อราคาหุ้น scnyl ผมคิดว่ามีเพื่อนเข้ามาอีกตัว ก็ทำให้เกิดการเปรียบเทียบกันได้ ราคาหรือมูลค่าก็คงเกาะๆตามกันไป แต่ scnyl เสียเปรียบสภาพคล่องหุ้น อาจจะเทรดพีอีต่ำกว่านิดหน่อยครับ นี่ความเห็นส่วนตัว... :)

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 25, 2009 5:01 pm
โดย young_5432
คนนครพนมขอสวัสดีอ้ายลูกอีสานด้วยคน ครับ  ซำบายดีบ่ครับ ขอบคุณหลายที่ได้บอกสิ่งดีๆ แก่พี่ๆ น้องๆ ครับ ผมพึงเข้ามาใหม่ขอฝากตัวกับอ้ายนำครับ

ผมขอถามซัก 2 ข้อนะครับถ้ามีเวลา ขอเป็นวิทยาธานแก่น้องๆด้วยครับ

1 ผมอ่านหนังสือของวอเร็น คิดว่าอ้ายคงได้อ่าน เห็นเขาบอกว่าจะซื้อหุ้นเมื่อมีผลประกอบการดี  แต่ต้องราคาตำกว่ามูลค่าพื้นฐาน หรือส่วนของเจ้าของ  ซึ่งผมเข้าใจว่าตำกว่า BV (pbv<1)  ซึ่งผมก็ confirm จาก ที่ได้อ่านคอลัมเสี่ยปู่ที่กรุงเทพธุรกิจ เสี่ยบอกว่าจะหาซื้อหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าพื้นฐาน(ต่ำกว่าส่วนของเจ้าของ) เพราะเสี่ยอ่านหนังสือของวอเร็น 10 รอบ ซึ่งผมก็เลยคิดว่าน่าจะใช่ แต่พอผมไปอ่าน block ของเซียนคือพี่YOYO ซึ่งพี่เขาบอกว่าให้ซื้อในราคาที่เหมาะสม และผมไล่อ่านในนี้ ส่วนใหญ่เขาไม่ซื้อที่ PBV<1เพราะมันไม่น่าสนใจ  ตกลงความหมายที่วอเร็นบอกคือยังไงกันแน่ครับพี่ แล้วพี่เลือกยังไงครับ


ข้อ 2 พี่ได้นำข้อมูลที่ web set.or.th มาเปรียบเทียบหุ้นรึป่าวครับ  ทำไม่มันไม่ค่อยตรงกับในงบเลยบางครั้งก็ ตรงบ้าง บางครั้งก็ต่างกันเล็กน้อย แต่ผมเห็นที่ต่างชัดเจนคือ EASTW ครับ รายได้ที่ set.or.th ปี 51 = 634.31 แต่ใน
งบที่โหลดจาก web ทำไม่ 2400 กว่าๆ ครับ

ขอบคุณอ้ายล่วงหน้าเด้อครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.ย. 25, 2009 11:29 pm
โดย SEHJU
[quote="young_5432"]คนนครพนมขอสวัสดีอ้ายลูกอีสานด้วยคน ครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ก.ย. 26, 2009 4:38 am
โดย young_5432
ขอโทษทีครับพี่ที่เข้าใจผิดแต่ยังไง รบกวนช่วยตอบด้วยนะครับ   หรือว่าพี่คนไหนที่รู้เรื่องก็ตอบได้นะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 10:24 am
โดย SoLid_frOg
พี่คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับข่าวที่ศาลสั่งระงับ 76 โครงการที่มาบตาพุดชั่วคราวว่าเป็นปัจจัยลบ "ชั่วคราว"หรือเปล่า

แล้วมีทางเป็นไปได้ไหมที่ผู้เล่นใหญ่อย่าง ปตท. จะโดนสั่งระงับโครงการ หรือสั่งควบคุมการผลิตจนมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการครับ

ส่วนตัวแล้วผมเข้าใจว่าการที่เศรษฐกิจจะฟื้นอย่างที่รัฐบาลคาดหวังนั้น ยังต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมโซนนี้อยู่มาก ทางรัฐไม่น่าจะปล่อยให้เรื่องนี้เลวร้ายจนเกินไป จึงมาถามมุมมองพี่โจว่าเรื่องนี้เป็นข่าวร้ายชั่วคราวหรือเปล่าครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 10:46 am
โดย ลูกอิสาน
SoLid_frOg เขียน:พี่คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับข่าวที่ศาลสั่งระงับ 76 โครงการที่มาบตาพุดชั่วคราวว่าเป็นปัจจัยลบ "ชั่วคราว"หรือเปล่า

แล้วมีทางเป็นไปได้ไหมที่ผู้เล่นใหญ่อย่าง ปตท. จะโดนสั่งระงับโครงการ หรือสั่งควบคุมการผลิตจนมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการครับ

ส่วนตัวแล้วผมเข้าใจว่าการที่เศรษฐกิจจะฟื้นอย่างที่รัฐบาลคาดหวังนั้น ยังต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมโซนนี้อยู่มาก ทางรัฐไม่น่าจะปล่อยให้เรื่องนี้เลวร้ายจนเกินไป จึงมาถามมุมมองพี่โจว่าเรื่องนี้เป็นข่าวร้ายชั่วคราวหรือเปล่าครับ
กระทบผู้ประกอบการแน่นอนครับ ตอนนี้ความเสี่ยงของประเทศก็คงสูงขึ้นมากทั้งภัยพิบัติ ความเสี่ยงการเมือง ความเสี่ยงจากกฎหมาย นอกเหนือจากความเสี่ยงทางเศรษกิจที่ทุกบริษัทต้องเจออยู่แล้ว :?

แต่อย่างไรผมก็คิดว่าความเสี่ยงนี้เป็นเรื่องชั่วคราว(ที่ส่งผลระยะยาว) แต่ไม่รู้จะชั่วคราวนานแค่ไหน 1 ปี 2 3 4 ปีไม่มีใครรู้ แต่ผมคิดว่ารัฐบาลคงต้องต่อสู้ครับ ไม่งั้นเอกชนคงเสียหายมาก เศรษกิจชะงัก เพราะบางโครงการใหญ่ลงทุนเป็นแสนล้าน กำลังจะก่อสร้างเสร็จอยู่แล้ว โดนคำสั่งอย่างนี้ เสียหายเยอะแน่ครับ เสียทั้งเวลา เสียโอกาส ต้นทุนเพิ่ม กระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องด้วย เช่นผู้รับเหมา นิคมอุตสาหกรรม  แต่อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการรายใหญ่ๆอย่าง ptt scc คงกระทบไม่มากเพราะมีธุรกิจหลากหลาย แต่รายกลางและเล็กๆจะกระทบมากกว่าครับ..

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 11:19 am
โดย SoLid_frOg
ถ้าโดนสั่งระงับนี่ผมมีแววตกงานเลยนะเนี่ยครับ  :vm:

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 3:54 pm
โดย march
พี่ครับ รบกวนถาม SSF  กำไร 2Q  ได้ 0.52 กำไรพอๆกับ cpf ( 2q  ได้ 0.59)   อาหารแช่แข็งของSSFพอจะสู้กับ cpf ได้ไหมครับ



ขอบคุณครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 8:07 pm
โดย Laziale
รบกวนถามความเห็นพี่โจหรือพี่ๆทุกคนครับ ถึงความถูกแพงของ CPALL เทียบกับ MINT ว่าบริษัทใดควรได้ premium มากกว่ากัน

สำหรับผมลองเปรียบเทียบโดยการ forecast แบบคร่าวๆหยาบๆ (คร่าวๆจริงๆครับ ใช้เวลา 15 นาที ไม่ได้มีเจตนาเชียร์หรือทุบหุ้นครับ :8) ) โดยประเมิณจากกำไรสุทธิที่ในอีก 2-3 ปีข้างหน้าครับ

CPALL : Profit ~5,760 ล้าน EPS ~1.28 บาท/หุ้น
(สมมติฐานมาจาก กำไรครึ่งปีแรกประมาณ 2,400 ล้าน*2 = 4,800 ล้าน ให้โตถึงปีละ 10% 2 ปีติดกัน ไม่รู้จาทำได้มั๊ย  :roll: )

MINT : Profit ~1,900 ล้าน EPS ~0.58 บาท/หุ้น
(กำไรปีนี้ไม่ต้องพูดถึงเกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่ปกติแน่นอน ผมให้กำไรใน 2-3 ปีหน้า โดยอิงจากกำไรสุทธิของปี 08 ที่ 1,900 ล้าน อันนี้ถือว่าให้เยอะมากเพราะรู้สึกว่าจะมีกำไรจากอสังหาริมทรัพย์เยอะเป็นพิเศษ)

ลองให้ PE ซัก 20 เท่าทั้งคู่จะได้ราคาในอนาคตที่
CPALL = 20*1.28 = 25.6 บาท
MINT = 20*0.58 = 11.6 บาท

ณ ราคาปัจจุบัน
CPALL = 20.10 บาท (Upside = 27%)
MINT = 12.40 บาท (Upside = -6%)

สำหรับตอนนี้คนส่วนใหญ่อาจมองว่า MINT ราคายังไม่แพงเมื่อเทียบกับราคาก่อนหน้าที่เคยไปถึงเกือบ 20 บาท กับ CPALL ที่คนส่วนใหญ่มองว่าแพงมั่กๆแล้ว (พี่แกเล่นทำ new high ตลอดเวลา) แต่ผมมองว่าหากมองกันที่กำไรเป็นหลักแล้ว MINT ถือว่าแพงทีเดียว (จากสมมติฐานแบบคร่าวๆ (เน้น) ข้างต้นของผมถือว่าให้กำไร MINT ค่อนข้างมากทีเดียว เพราะธุรกิจโรงแรมคงกลับมาได้แต่น่าจะใช้เวลาอีกพักใหญ๋ๆทีเดียว ส่วนการทำกำไรที่ต่อเนื่องของ CPALL ในอนาคตน่าจะง่ายกว่าการกลับมาของ MINT ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แล้วพี่โจและพี่ๆคิดยังไงกันครับ หรือ MINT ควรได้รับ premium มากกว่า CPALL ครับ  :D )

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 9:34 pm
โดย Hughes
สวัสดีครับ

เอไม่ทราบมีใครถาม ความเห็นเกี่ยวกับ CPF, IRP แล้วยังครับ

ได้อ่านใน ร้อยคนร้อยหุ้นแล้วแต่อยากฟังความเห็นพี่ลูกอิสานเพิ่ม

ขอบคุณครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พุธ ก.ย. 30, 2009 10:35 pm
โดย newbie_12
Hughes เขียน:สวัสดีครับ

เอไม่ทราบมีใครถาม ความเห็นเกี่ยวกับ CPF, IRP แล้วยังครับ

ได้อ่านใน ร้อยคนร้อยหุ้นแล้วแต่อยากฟังความเห็นพี่ลูกอิสานเพิ่ม

ขอบคุณครับ
CPF มีแล้วครับ ก่อนจากนี้ไม่กี่หน้า ไม่แน่ใจว่าหน้าไหน ลองหาดูครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. ต.ค. 01, 2009 6:52 pm
โดย noooon010

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 1:07 pm
โดย jverakul
เรียนถามพี่โจ เกี่ยวกับ STA ครับ

ในมุมมองของผมจะเป็นอย่างนี้นะครับ

1.รายได้ค่อนข้างผันผวน  และอ้างอิงกับราคาน้ำมันโลก  (น่าจะเป็นวัตถุดิบที่ใช้ทดแทนน้ำมัน ในช่วงน้ำมันราคาสูง)

2.ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าปีหน้ากำไรจะเพิ่ม  หรือขาดทุน  บางปีมีกำไร  แต่กระแสเงินสดจากดำเนินงานติดลบ

3.ธรรมาภิบาลของผู้บริหาร  ออกจะสีขาวปนเทานิดๆ  

4.Margin ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ถูกนำไปแปรรูปอีกต่อหนึ่ง   ส่วนสินค้าที่มี Add value สูง  ก็มีปริมาณน้อย  

5.สิ่งที่ผมสงสัยอีกอย่างก็ืคือถ้าจีนปลูกยางได้เพียงพอ   ผมว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อ STA  อย่างหนักหรือเปล่า



ขอบคุณครับ

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 3:03 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="jverakul"]เรียนถามพี่โจ เกี่ยวกับ STA ครับ

ในมุมมองของผมจะเป็นอย่างนี้นะครับ

1.รายได้ค่อนข้างผันผวน

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 3:20 pm
โดย ลูกอิสาน
[quote="march"]พี่ครับ รบกวนถาม SSF

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 5:07 pm
โดย คนอุดร
อยากถามความเห็นของพี่ลูกอิสานครับผมมีพอร์ตเล็กๆอยู่ถ้าต้องเลือกหุ้น3ตัว จากทั้งหมด5ตัว HMPRO,MINT,KH,GLOW,EASTW ถือยาวได้อยากทราบตัวไหนดีครับ ขอบคุณสำหรับความรู้นะครับ ผมอ่านทุกหน้าเลย

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 03, 2009 9:07 pm
โดย ลูกอิสาน
killyz เขียน:อยากให้พี่โจ ช่วยเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสีย ของ QLT และ TNDT ทีครับ
worapot_ta เขียน:พี่โจครับระหว่าง tndt กับ qlt ตัวไหนน่าลงทุนกว่ากันครับ
จุดเด่นทั้งสองตัวคืออยู่ในอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต เพราะลูกค้าหลักคืออุตสาหกรรมพลังงาน อุตสาหกรรมการกลั่น สำรวจปิโตรเลียม ปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า โครงสร้างเหล็กขนาดใหญ่ อุตสาหกรรมเอทานอล NGV LPG ซึ่งอยู่สภาวะที่กำลังเติบโตสูงทั้งสิ้น ตราบใดที่มีโรงงานต่างๆ โรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ปริมาณงานทดสอบโดยไม่ทำลาย(NDT)จะเพิ่มขึ้นด้วย เพราะส่วนหนึ่งของงาน ndt เป็นงานรักษาบำรุงซึ่งต้องทำอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นอาจจะได้รับผลดีจากปัญหามลพิษ ทำให้ทางการเข้มงวดการรั่วไหล ระเหยของสารพิษโรงงานต่างๆ ซึ่งเป็นงาน ndt ทั้งสิ้น แต่อุตสาหกรรมนี้ก็มีการแข่งขันระดับนึง มีผู้เล่นรายใหญ่ๆประมาณ 4 ราย ที่เหลือเป็นรายเล็กๆ แต่ตราบใดที่อุตสาหกรรมเติบโต การแข่งขันด้านราคาคงไม่รุนแรงมาก  หากดูอัตราการทำกำไรทั้ง qlt tndt ค่อนข้างสูงทั้งคู่ แม้เป็นคู่แข่งกันมาอย่างยาวนาน แสดงว่ากำไรที่แสดงไม่ได้สูงผิดปกติเกินไป ส่วนนึงอาจเป็นเพราะงาน ndt เป็นงานบริหารที่ต้องอาศัยความสามารถของบุคลากร ไม่ใช่งานผลิตซึ่งกำไรจะต่ำกว่า ข้อเสียของอุตสาหกรรมนี้คงเป็นเรื่องความผันผวนของรายได้  งาน ndt  ส่วนใหญ่เป็นการตรวจสอบโรงงานใหม่ที่กำลังก่อสร้าง หากช่วงไหนมีการสร้างโรงงานเยอะ งานจะเยอะกว่าปกติ ถ้าไม่มีโรงงานใหม่ๆ งาน ndt จะหายไปเยอะครับ จากข่าวศาลปกครองสั่งระงับการก่อสร้างโรงงานถึง 76 โรง ทำให้งาน ndt เหล่านี้ชะงักงัน ผมยังเชื่อว่าน่าจะสร้างต่อได้ไม่อย่างนั้นประเทศจะเสียหายสูงมาก แต่คงมีมาตรการควบคุมที่เข้มข้นขึ้น ทั้งqlt tndt เป็นผู้นำอุตสาหกรรม มีรายได้และกำไรใกล้เคียงกัน แต่มีรายละเอียดที่ต่างกันเล็กๆน้อยๆ ดังนี้ครับ

qlt มีสัดส่วนรายได้จากการทดสอบไม่ทำลาย(NDT)/ตรวจสอบรับรอง ประมาณ 60/40 ในขณะที่ tndt มีสัดส่วนเป็น 95/5 ดังนั้นจะเห็นว่า qlt จะมีเสถียรภาพของรายได้มากกว่าเนื่องจากงานตรวจสอบและรับรองเป็นงานที่รับรู้ต่อเนื่องทุกๆปี และลูกค้าประมาณ 90% จะใช้บริหารต่อ ในขณะที่ tndt จะเน้นงาน ndt ซึ่งมีปริมาณงานค่อนข้างมาก แต่ต้องอาศัยการประมูลงานให้ได้อย่างต่อเนื่องครับ  งานตรวจสอบและรับรองมีมาร์จินที่ค่อนข้างดี ดังนั้นเราจะเห็นว่าประสิทธิภาพการทำกำไรของ qlt จะสูงกว่าเล็กน้อย แต่ก็แลกมาด้วยความเสี่ยงเพราะงานตรวจสอบและรับรองต้องประกันความเสียหายหากประเมินผิดพลาด แม้บริษัทจะมีการซื้อประกันความเสียหายส่วนเกิน 30 ล้านแล้วก็ตาม ตัว tndt จะมีภาษีดีกว่าในแง่งานในมือ ซึ่งมีค่อนข้างมากต่อเนื่องไปในปีถัดๆไป ในแง่ผู้บริหารสูงสุดของ tndt เป็นสุภาพสตรี ส่วนของ qlt เป็นผู้ชาย ผมไม่แน่ใจว่าสไตร์การบริหารจะต่างกันหรือเปล่า ด้านบุคลากร qlt มีผู้ตรวจสอบ level III 4 ท่านเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 ท่าน ดังนั้นความเสี่ยงการโดนแย่งพนักงานระดับสูงน่าจะน้อยครับ แต่ tndt เข้าใจว่ามี 2 ท่าน ถ้าจำไม่ผิด ceo คุณชมเดือนก็เป็นหนึ่งในนั้น  แต่ด้านจำนวนบุคลากรรวมน่าจะพอๆกันครับ ... :o

ขอถามคุณลูกอีสาน เรื่องเทคนิคการปรับพอร์ตครับ

โพสต์แล้ว: เสาร์ ต.ค. 03, 2009 9:29 pm
โดย i_sarut
[quote="i_sarut"][quote="ลูกอิสาน"]นอกจากหุ้นทั้ง 5 ตัวข้างต้นแล้ว ผมแนะนำหุ้นบางตัวที่ปันผลค่อนข้างดี มีความต่อเนื่องและผมเชื่อว่ามีโอกาสกำไรจากราคาหุ้นด้วย เช่น bafs eastw it scsmg tpac twfp tisco แต่ต้องถือยาวๆนะครับ และติดตามพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอด้วย แม้ผมเชื่อว่าอย่างน้อย 2-3 ปีพื้นฐานของหุ้นเหล่านี้ไม่น่าจะเปลี่ยนไปมาก แต่ไม่รับรองเพราะไม่มีอะไรแน่นอนในโลกธุรกิจ ส่วนจำนวนหุ้นที่ถือเหมาะสมดีแล้วครับ..