ขอเอามาโพสต์ไว้ให้เพื่อนๆอ่านนะครับเผื่อมีประโยชน์สำหรับท่านที่ชอบกลุ่มยานยนต์ เป็นวิธีสังเกตง่ายๆครับ อาจมีถูกผิดไม่ว่ากันนะครับ... เนื้อหานี้เอามาจากที่ผมคุยกับน้องคนหนึ่งแล้วก็ค่อยๆอัพเดตเพิ่มเข้าไปเวลานึกอะไรออก
To: SEHJU
Posted: Thu Apr 15, 2010 4:53 pm
Subject: Re: เรียนถามคุณ SEHJU
SEHJU wrote:
พี่ว่ายานยนต์นี่มันขึ้นมาได้ซักระยะแล้วนะครับ คนที่ดูเป็นเค้าเล่นเก็บกันไปมากแล้วอ่ะครับ
ส่วนพี่ก็ขายออกไปเยอะแล้วที่ถือ SAT ไว้ เพราะถือว่าผลตอบแทนที่ได้มันมาไวกว่าที่คิด ก็เลยไปเล่นตัวใหม่ตามภาษาวัยรุ่นหน่ะ
เอาตามประสบการณ์ของพี่แล้วกันนะครับ ในคำถามที่ว่าเราจะมองยังไงว่าเป็นจุดกลับตัว วิธีการที่พี่ใช้เข้าลงทุนก็มีดังนี้ครับ
พี่ขอตอบเป็นข้อๆนะตามสไตล์ที่พี่ถนัด...
1.ต้องอ่านหนังสือ Beating the Street ของ ปีเตอร์ ลินซ์ ก่อนนะจะได้มีไอเดียอะไรดีๆเกี่ยวกับหุ้นวัฎจักร
พี่ก็เอามาจากหนังสือเล่มนี้แหละครับ แล้วก็มาประยุกต์เพิ่ม
2.ปีเตอร์ ลินซืเค้าเอากราฟมาพล็อตระหว่าง "ยอดขายจริง" กับ "ยอดขายที่ควรจะเป็น"
ยอดขายที่ควรจะเป็นนั้นบริษัทผลิตรถยนต์เค้าวิจัยมาว่ามันต้องเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากร
ดังนั้น เส้นกราฟมันจะต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือค่อยๆเติบโตไปทุกปี... แต่ทีนี้ยอดขายจริงนั้น มันกลับไม่เป็นยังงั้น
เพราะว่า สินค้ายานยนต์ นั้นมันเป็น economic cyclical มันจึงสามารถยืดระยะเวลาในการซื้อออกไปได้
ของพวกนี้มันขึ้นอยู่กับความมันใจของผู้บริโภคและสภาพเศรษฐกิจของผู้ซื้อส่วนใหญ่ แต่มันก็จำเป็น มันจึงมีดีมานด์ที่อั้นอยู่
3.เมื่อยอดขายที่ควรจะเป็นควรจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ยอดขายจริงลดต่ำลง
เพราะผู้บริโภคจึงเลื่อนการซื้อออกไป ดังนั้น มันจึงมีดีมานด์ที่ อั้น อยู่ รอวันระเบิดออกมาในตอนอะไรๆเริ่มดูดี...
4.จากข้อมูลของอเมริกาพบว่าวัฎจักรจากจุดเฟื่องฟูมาถึงจุดเฟื่องฟู หรือ จุดตกต่ำมาถึงจุดตกต่ำ
มันอยู่ที่ประมาณ 7-8 ปี ประมาณนี้ แต่มันก็ไม่ได้ตรงเป๊ะๆ ต้องประยุกต์เอาอีกที
5.แต่จากการเอาตัวเลขของประเทศไทยมาพล็อตกราฟ ทั้งในส่วนของยอดขายกับยอดผลิต พี่พบว่า ของไทยอยู่ประมาณ 4-5 ปี
น่าจะมีเหตุผลของมัน ประเทศเราน่าจะเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ทำให้ไซเคิลมันสั้นกว่ามั้ง เดาอ่ะ
6.อินดิเคเตอร์ที่ชี้ชัดอีกตัวนึงที่บ่งบอกถึงวัฎจักรก็คือ eps ของ บ.ในอุตสาหกรรมนี้
พี่ก็เอา eps ของ SAT มาพล็อตดูหาความสัมพันธ์ระหว่าง ยอดผลิตรถยนต์ในประเทศกับ eps ของ บ. พบว่ามันค่อนข้างสัมพันธ์
7.อินดิเคเตอร์อื่นๆที่ใช้ดูประกอบก็คือ พวกยอดจดทะเบียนรถใหม่ อัตราการเก็บภาษีสรรพสามิต (ลินซ์ดูราคารถมือสองด้วย..)
หากมันดูดีก็แสดงว่าความมั่นใจ ผบภ เริ่มกลับมา
ลิงค์เหล่านี้ดูไหวมั้ยคับ
http://apps.dlt.go.th/statistics_web/statistics.html
http://www.thaiauto.or.th/statistic/veh ... uction.asp?
http://www.thaiauto.or.th/index.asp
http://www.dlt.go.th/statistics_web/statistics.html
http://www.toyota.co.th/th/sale_volum.asp
http://www.aic.or.th/data.aspx
http://www.thaiautoparts.or.th/
http://www.satpcl.co.th/investor/index_th.php
8.อีกอย่างที่มันใช้ได้ผลมากๆคือ สังเกตจากคนรอบตัว อย่าง บ. พี่ ตั่งแต่ เดือน พย (2009) ก็เริ่มมีรถป้ายแดงออกกันมาเยอะ มาตอนนี้ก็สิบกว่าคันแล้ว
9.พี่ทราบข่าวจากพรรคพวกว่าในตอนนั้น บ.สมบูรณ์แอดวานซ์ ประกาศรับสมัครวิศวกรหลายเพิ่มหลายอัตรา นี่คืออินดิเคเตอร์ที่ดีตัวนึงเลยทีเดียว
10.ตอนสามบาทพี่ไม่ได้สนใจซื้อ มาห้าบาทเพื่อนชวนก็ยังไม่เอา แต่ตอนนั้นราคามาแถวเจ็ดแปดบาท
พี่เช็คข่าวดูพบว่าตัวเลขยอดขาย mom ของยุโรปนี่แหละเริ่มดีกว่าเดือนที่แล้ว พี่จะดูตัวเลขเทียบกับเดือนที่แล้ว
ไม่ได้เอาไปเปรียบเทียบกับของปีวิกฤตเพราะว่ามันเป็นปีที่ไม่ปรกติอ่ะ
11.พี่ตั้งใจไว้ก่อนหน้าแล้วว่า จะเล่นเมื่อเห็นสัญญาณกลับตัว เพราะไม่อยากให้เงินทุนจมนาน...
แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะขึ้นมาเมื่อไหร่นะ แต่โอกาสขาดทุนมันน้อยมากๆ
12.อีกอย่างพี่จ้องจะเล่นหุ้นวัฎจักรอยู่แล้ว เพราะอยากได้เด้ง ดูอย่างดร.นิเวศน์ก็ร่ำรวยมาจากSTANLY เสี่ยยักษ์รวยมาจากPTT
พี่หมอสามัญชนก็รวยSATไปเยอะมากๆ นี่แหละนะเล่นหุ้นเมืองไทยต้องเน้นวัฎจักร
13.ลองสังเกตดู eps ตั้งแต่อดีตเลยนะ ซักสิบปีย้อนหลังก็ได้ อย่างของ STANLY เอามาพล็อตดูเลย จะเห็นวัฎจักรได้ดีทีเดียว
แล้วก็มาดูว่ามันไปพีคแถวไหน ลองสังเกตดูไม่ยาก
14.พี่เน้นสังเกตตัวอุตสาหกรรม เพราะเชื่อว่า อุตสาหกรรม มัน leading ผลประกอบการของ บ.
ผลงาน บ. พวกนี้ทั่วโลกบอกเราอยู่แล้วว่ามันแพ้อุตสาหกรรม
15.ถ้าจะรอดู eps คงไม่ทัน เราต้องดูยอดขายและผลิต เพราะมันอัพเดตเดือนต่อเดือนจะไวกว่าให้ eps มายืนยัน
16.ลินซ์บอกว่า สัญญาณซื้อที่ชัดเจนจะเกิดขึ้นเมื่อ epsที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ มันต่ำกว่าที่ บ. ทำได้จริง
ตรงนี้พี่ก็รอดู ปรากฎว่าเข้าตำราครับ SAT ทำได้ดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์พอสมควรทีเดียว ของไตรมาสสอง 09 มั้ง ลองไปเช็คดูเองนะ
17.สมัยก่อนพีครอบที่แล้ว eps ของ SAT เคยไปพีคที่ปีละ 2.4-2.5 บาท/หุ้น เลยทีเดียว...
ทีนี้เราก็ต้องพยายามมองว่ายอดขายรถรอบนี้มันจะมากกว่ารอบที่แล้วมั้ย
18.ดังนั้นไตรมาสละ 0.5 บ/ห น่าจะไม่ยาก แล้วเราก็เอาไปดูว่า P/E ขณะนั้นมันเท่าไหร่
19.การดู p/e เราจะต้องรู้ว่าเราอยู่ช่วงไหนของวัฎจักร นี่จึงบอกเราว่าการเข้าไปเล่นหุ้นวัฎจักรตอน p/e ต่ำๆมันอันตราย
เพราะ EPS มันกำลังพีคนั่นเอง.. เมื่อมันพีคแล้ว แน่นอนว่าต่อไป ขาลงมันมีโอกาสเกิดมากกว่าขาขึ้น...
20.การเล่นหุ้นวัฎจักรนั้น เมื่อรอให้อะไรๆมันชัดเจน ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว...
ดังนั้นเราต้องหาช็อตเข้าลุยก่อนนักลงทุนคนอื่น และหาช็อตถอยเอาไว้ด้วยเด้อ!!
21.SAT กราฟสวยที่สุด มันเป็นกราฟหุ้นเทพของเสี่ยยักษ์ คือ หุ้นขึ้นวอลุ่มหาย มีคนดูดซัพพลายไปเข้าปี๊บเก็บไว้บ้าน... นั่นคือซื้อเก็บๆ ของดีแน่ๆ อิอิ
ตอนดูกราฟแท่งเทียนของ(กราฟปี) SAT กลับตัวจาก 3 บาท เห็นมันเป็น doji (ขาลงไม่รู้จะให้สัญญาณแบบนี้รึป่าว) ตรงนี้ดูประกอบเฉยๆ
22.ดูปัจจัยภายในอุตสาหกรรมว่ามีตัวเร่งใดมั้ยที่จะทำให้ บ. อุตสาหกรรมนี้ได้รับประโยชน์ เช่น อีโคคาร์ จะทำให้ผลักดันยอดการผลิตรถเพิ่มขึ้นมาก,
รัฐบาลลดภาษี ลดดอกเบี้ย ก็ทำนองนี้ครับ
23.กลุ่มยานยนต์ใน set ดูดีจริงๆมีไม่กี่ตัว.. ต้องคัดๆไว้แล้วโฟกัสเอาตัวที่โดดเด่น
24.อุตสาหกรรมพวกนี้มันเป็นวัฏจักรความยืดหยุ่นมันต่ำเพราะ fixed cost สูง ให้ดูว่าต้นทุนขายต่อยอดขายเป็นอย่างไร เพิ่มหรือลด
เค้าต้องลงทุนอะไรเพิ่มรึป่าวเพื่อเพิ่มยอดขาย หรือ ไม่ต้องลงทุนอะไรมากก็กำไรบาน
สินค้าพวกนี้จะไปปรับราคาขายก็ลำบาก ฉะนั้น ดีมานด์-ซัพพลาย จึงสำคัญมาก!! เราต้องไปดูว่าดีมานด์จะมาได้จากไหน รถยนต์คนจะซื้อเพราะอะไร
25.หาเพื่อนที่ทำงานในอุตสาหกรรมนี้ แล้วสอบถามข้อมูล นั่นคือ ดัชนีชี้นำที่ให้สัญญาณรวดเร็ว