หน้า 5 จากทั้งหมด 5

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 1:35 am
โดย utto
ผมอ่านทุกความเห็น สรุปว่าเป็นกระทู้ที่ดีมากกระทู้หนึ่ง ไหนๆก็มาเยี่ยมแล้วเพื่อมิให้เป็นการพาดพิงสมาชิกในบอร์ด ก็ผมขอแทงข้าง Jim Chanos (Short-Selling Wizard) ก็แล้วกันครับ เหตุผลก็ไม่มีอะไรมากชอบมวยรองเพราะดังน้อยกว่า ^^

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 8:58 am
โดย Green
จริงๆ แล้วการระมัดระวัง วิกฤตฟองสบู่เอาไว้ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร

ตัวผมเองถือหุ้นไว้ 100% ในช่วง Set อยู่ที่ 800-900 จุด และไม่ได้ขายเลยตอนที่ลดลงเหลือ 400 จุด ถือแม้ว่าตอนนี้ พอร์ตผมสามารถกลับมามีมูลค่าเท่าๆ เดิมได้ แต่คิดๆ ดูแล้ว ก็เสียดายโอกาสในการซื้อเพิ่มในช่วงที่ ราคาถูกๆ เพราะตอนนั้นเงินเรา ทั้งหมดอยู่ในหุ้นอยู่ ครั้นจะเล่น มาร์จิ้น ก็ไม่กล้าอีก

อันนี้ถือเป็นบทเรียน ว่าเราขาดความรู้ และ ประมาทไปหน่อย

ตอนนี้ก็เลยพยายามเพิ่มเติม ความรู้เรื่องเศรษฐศาสตร์ให้มากขึ้น ติดตามข่าวสารมากหน่อย  การคัดเลือกหุ้นให้เหมาะสมกับภาวะ มันก็สนุกดีไปอีกแบบนึงเหมือนกัน

อีกอย่างวิกฤตที่ผ่านมามันเปลี่ยนความคิดผมไปสมควรเรื่องการถือหุ้น ร้อยเปอร์เซนต์ตลอดเวลา คือตอนนี้ เก็บเงินสดเอาไว้บ้าง บางส่วนเอาไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ที่ยังมีสภาพคล่อง เอาไว้รอตีโฮมรัน ครับ

สำหรับผมแล้ววววว

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 9:32 am
โดย Defensive_Lover
(ผมเพิ่งเล่นหุ้นได้ไม่ถึงปี อาจจะเข้าใจอะไรผิดพลาด โปรดชี้แนะนะคับ)

สำหรับผม วิกฤตเศรษฐกิจเป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้นเพิ่ม แต่วิกฤตมันจะเป็นความหายนะเสมอ ๆ สำหรับคนที่เล่นหุ้นแบบเก็งกำไร ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าตลาดขึ้น เค้าก็ได้เยอะ แต่ถ้าตลาดตกก็ต้องยอมรับสภาพกันหน่อย

วิกฤตครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่จีนเริ่มแตะเบรก หรือจากข้อเสนอของโอบามา ผมว่ามันดีนะครับ อย่างน้อยก็ทำให้อุ่นใจว่า ทุกคนยังคอยระวังและประคองไม่ให้วิกฤตรอบใหม่เกิดขึ้น (แต่จะทำได้แค่ไหนก็ต้องรอดูกัน)

เลือกลงทุนหุ้นรายตัว โดยดูพื้นฐานการเติบโต คู่แข่ง ราคา ดีกว่าซื้อตามคนอื่นครับผม

ขอบคุณครับ

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 3:06 pm
โดย kmphol
Green เขียน:จริงๆ แล้วการระมัดระวัง วิกฤตฟองสบู่เอาไว้ ก็ไม่ได้เสียหายอะไร

ตัวผมเองถือหุ้นไว้ 100% ในช่วง Set อยู่ที่ 800-900 จุด และไม่ได้ขายเลยตอนที่ลดลงเหลือ 400 จุด ถือแม้ว่าตอนนี้ พอร์ตผมสามารถกลับมามีมูลค่าเท่าๆ เดิมได้ แต่คิดๆ ดูแล้ว ก็เสียดายโอกาสในการซื้อเพิ่มในช่วงที่ ราคาถูกๆ เพราะตอนนั้นเงินเรา ทั้งหมดอยู่ในหุ้น

อีกอย่างวิกฤตที่ผ่านมามันเปลี่ยนความคิดผมไปสมควรเรื่องการถือหุ้น ร้อยเปอร์เซนต์ตลอดเวลา คือตอนนี้ เก็บเงินสดเอาไว้บ้าง บางส่วนเอาไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ที่ยังมีสภาพคล่อง เอาไว้รอตีโฮมรัน ครับ
คนที่ถือหุ้น 100% ตลอดเวลาเป็นเพียง แค่ subset หนึ่งของ VI
VI จึงไม่จำเป็นต้องถือหุ้น 100% ตลอดเวลา แต่สามารถจับจังหวะการลงทุนในแต่ละช่วงเวลา ประเภทของสินทรัพย์ที่ถือคิดเป็น% จึงไม่จำเป็นต้อง fixed มันไว้ตายตัวตลอดเวลา แต่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ โอกาสที่ควรจะเป็น

เวลาที่ผมรู้สึกว่าตลาดโดยรวมมันแพง ผมก็พยายามลดสัดส่วนของหุ้นลง เมื่อมันกลับมาถูก เราจะได้มี CASH (King of Crisis) ไว้ปรับสัดส่วนการลงทุนให้เปนหุ้น 100% :lol:

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 6:16 pm
โดย กุหลาบงามหลังฝน
ผมเข้าใจว่าที่อาจารย์หลายๆ ท่าน ไม่ขายหุ้นในช่วงวิกฤต
เป็นเพราะพอร์ตการลงทุนของท่ายทั้งหลายใหญ่มากกกกก
ทำให้ท่านต้องถือหุ้นอยู่ตลอดเวลา

ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกไหม  :oops:

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 8:01 pm
โดย อะไรดีละ
[quote="กุหลาบงามหลังฝน"]ผมเข้าใจว่าที่อาจารย์หลายๆ ท่าน ไม่ขายหุ้นในช่วงวิกฤต
เป็นเพราะพอร์ตการลงทุนของท่ายทั้งหลายใหญ่มากกกกก
ทำให้ท่านต้องถือหุ้นอยู่ตลอดเวลา

ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกไหม

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 8:20 pm
โดย chatchai
[quote="อะไรดีละ"]กฎเหล็กของ VI คือ ต้องถือหุ้น 100% ครับ

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 8:23 pm
โดย i_sarut
[quote="อะไรดีละ"]กฎเหล็กของ VI คือ ต้องถือหุ้น 100% ครับ

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 8:41 pm
โดย vivitawin
[quote="อะไรดีละ"]
แต่ที่ไม่ขายเพราะว่า กฎเหล็กของ VI คือ ต้องถือหุ้น 100% ครับ

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 9:09 pm
โดย อะไรดีละ
กฏเหล็ก 9 ข้อ รักษาไว้ไม่ได้  เรียก  "หล่อหลักลอย"  
กฎเหล็ก แค่ข้อเดียว  แต่รักษาไว้ไม่ได้  เรียกอะไรดี "หล่อหลักหลุด" ??

ไม่ได้เจตนาว่าใครนะครับ  อาจจะหมายถึงตัวผมเองก็ได้  555

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 9:22 pm
โดย หมักเตา
:pray:  :pray:  :pray: ............

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 9:25 pm
โดย centrady
อะไรดีละ wrote:
กฎเหล็กของ VI คือ ต้องถือหุ้น 100% ครับ  จึงจะเรียกว่าเป็น VI ตัวจริง  


เท่ มากครับ     VI ตัวจริง

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 9:49 pm
โดย ซากคน
มันสำคัญอะไรนัก กับการถือหุ้น 100% หรือไม่ถือ

 การลงทุน เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความเป็นตัวของตัวเอง และไม่ทำสิ่งที่ขัดกับจริตของตัวเอง  

  หากทำไปโดยขาดความเข้าใจ สักแต่ว่าทำตาม ก็สู้อย่าทำเลยดีกว่า
มีแต่เสียความเป็นตัวของตัวเอง

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 10:07 pm
โดย หมีขาว
[quote="กุหลาบงามหลังฝน"]ผมเข้าใจว่าที่อาจารย์หลายๆ ท่าน ไม่ขายหุ้นในช่วงวิกฤต
เป็นเพราะพอร์ตการลงทุนของท่ายทั้งหลายใหญ่มากกกกก
ทำให้ท่านต้องถือหุ้นอยู่ตลอดเวลา

ไม่รู้ว่าผมเข้าใจถูกไหม

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อาทิตย์ ม.ค. 24, 2010 10:38 pm
โดย Green
วู้ ร้อนจริงๆ กระทู้นี้ :D

ตัววอร์เรนเอง ถึงแม้ว่าเงินเค้าจะเอาไปลงทุนในหุ้น BRK กว่า 99% ของ Wealth ของเขาเอง ทั้งหมด

แต่บริษัทต่างๆ ที่เค้าเข้าไปซื้อนั้น ทำในนามของ บริษัท BRK

ดังนั้นหากแฟนๆ วอร์เรน จะติดตามดูการบริหารพอร์ต หรือ การตัดสินใจลงทุนในช่วงต่างๆ ของ วอร์เรนเอง น่าจะสามารถติดตามได้จากงบของ BRK เองจึงน่าจะเหมาะสมที่สุด

หากเข้าไปดูงบของ Berkshire Hathaway ย้อนหลังมา 4-5 ปี

จะเห็นว่า ช่วงปี 2005 - 2007 BRK จะมีเงินสดประมาณ 44 พันล้านเหรียญ ประมาณนั้นตลอด หากเทียบกับ ทรัพย์สินทั้งหมด ประมาณ 200 - 270 พันล้านเหรียญ ก็จะพบว่า BRK เอง จะถือเงินสดประมาณ 20% ของสินทรัพย์ทั้งหมด

และในแต่ละปี เค้าจะลงทุนเพิ่ม ประมาณปีละ 10 พันล้านเหรียญ ซึ่งจะพอๆ กับกำไรที่ BRK ทำได้ในแต่ละปี ทำให้ เงินสดยังคงเหลือประมาณ 44 พันล้านเหรียญ ไว้ได้

แต่พอมาถึงปี 2008 ที่เกิดวิกฤติ จะเห็นว่า BRK ได้ลงทุนเกือบ 27 พันล้านเหรียญ เลยทีเดียว เรียกได้ว่า เกือบๆ 3 เท่าของการลงทุนปกติ

จะเห็นว่าเค้าสามารถ มีเงินมาลงทุน โดยอาศัยการรอจังหวะที่เหมาะสมในการซื้อหุ้น ครั้งใหญ่ๆ เมื่อเกิดวิกฤติ

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 25, 2010 8:34 am
โดย อะไรดีละ
เรื่องที่สาม  สถานการณ์แวดล้อมในระดับโลกในปี 2552 นั้นอยู่ในสภาพ  เลวร้ายที่สุดในช่วงหลายสิบปี ในเมืองไทยเองนั้น  นอกจากผลกระทบที่มาจากโลกแล้ว  เรายังมีปัญหาการเมืองที่รุนแรงภายในประเทศด้วย  ดังนั้น  รัฐบาลของทุกประเทศจึงต้องทำการกระตุ้นเศรษฐกิจและลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงจนเหลือเกือบศูนย์เปอร์เซ็นต์  นี่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ เลวร้าย  มาก   แต่มองแบบ Value Investor ผมกลับเห็นว่านี่คือ โอกาส  เพราะการที่ทุกสิ่งทุกอย่างแย่ที่สุดแล้ว  มันก็มีทางไปทางเดียว  นั่นคือ  มันจะต้อง ดีขึ้น   แต่เมื่อเริ่มปี 2553  เศรษฐกิจที่เลวร้ายก็เริ่มฟื้นตัว  บางประเทศค่อนข้างแรง  หลายประเทศเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อป้องกันเงินเฟ้อ   โลกกำลังพูดถึงการลดการอัดฉีดเงินเข้าระบบของรัฐบาล   ในขณะเดียวกัน  นักเศรษฐศาสตร์หลายคนก็ยังไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะไปได้ด้วยตนเองจริง ๆ  หรือยัง   ความไม่แน่นอนมีอยู่  เศรษฐกิจอาจจะฟุบลงไปใหม่อย่างที่เคยเกิดขึ้นในวิกฤติครั้งก่อน ๆ  ดังนั้น  การเล่นหุ้นในปี 2553 จึงมีทั้งโอกาสที่หุ้นจะขึ้นและลง

จาก บทความล่าสุดของ ท่าน ดร.นิเวศน์ครับ
ไม่น่าเชื่อว่าความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ที่ท่านบอกว่าเป็น "ขยะ" จะถูกนำมาอ้างอิง  เพื่อใช้คาดการณ์ตลาดหุ้น (ซึงท่านบอกเองว่าไม่น่าจะเป็นไปได้)  
สงสัยบทความต่อไป คงเป็นเรื่อง "เปลี่ยนขยะให้เป็นทอง" หรือเปล่าครับ ??
:)

แล้วที่ท่านบอกว่าขาดทุนเกือบ 30% โดยที่ตลาดลงไป 10% นั่นเป็นเพราะอะไรหรือครับ.... หุ้นอะไรจึงทำให้ท่านแพ้ตลาดได้ขนาดนั้นละครับ ??

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 25, 2010 10:16 am
โดย wisut
ปี 2547  ท่าน ดร.  ติดลบเพียงเล็กน้อย
ปี 2546  ท่าน ดร.  ได้มาเกือบ 100 %

ที่ว่า ติดลบ 30 %  อาจเป็นตอนจุดต่ำสุดครับ
แต่ตอนปลายปี 47  ติดลบเพียงเล็กน้อย

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 25, 2010 11:03 am
โดย villa
ตอนตลาดให้ผลตอบแทนน้อย หรือกระทั่งตอนดัชนีเป็นลบ แต่พอร์ตของ ดร.เพิ่มขึ้นเยอะก็มีนี่ครับ อย่าคิดว่าพอเป็นฝั่งตรงข้ามทางความคิดแล้วจะต้องยกมาแต่ด้านไม่ดีสิครับ แบบนี้จะไม่เป็นเหตุเป็นผลกัน

ชื่นชมในความขยันและเก่งของคุณอะไรดีล่ะครับ ติดตามและชอบเรื่องหุ้นเงา และบทความเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์ของคุณอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ชอบการพาดพิงผู้อื่นโดยยกตัวอย่างเพียง ด้านเดียวน่ะครับ มันเหมือนคุณอคติเลือกข้อมูลมา เพื่อให้สิ่งที่คุณพูดมามันมีข้อสนับสนุนที่เป็นเรื่องจริง (แต่ไม่ใช่ทั้งหมด)

ปล.คุณคาดการณ์และวิเคราะห์ได้ดีมากเลยครับ มองต่างดี แต่ขอติเรื่องเอาผู้อื่นมาพาดพิงครับ....อย่าเลยเนอะ

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 25, 2010 4:36 pm
โดย อะไรกันครับ
ยึด login ของผมไป ทั้งๆที่ผมใช้คำพูดสุภาพ  นับถือ ชื่นชมมาตลอดนี่นะ...
งงมากๆ   อะไรกันครับ ???
:roll:

Re: สำหรับผมแล้ววววว

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 25, 2010 4:48 pm
โดย akekarat
Defensive_Lover เขียน:(ผมเพิ่งเล่นหุ้นได้ไม่ถึงปี อาจจะเข้าใจอะไรผิดพลาด โปรดชี้แนะนะคับ)

สำหรับผม วิกฤตเศรษฐกิจเป็นโอกาสดีที่จะซื้อหุ้นเพิ่ม แต่วิกฤตมันจะเป็นความหายนะเสมอ ๆ สำหรับคนที่เล่นหุ้นแบบเก็งกำไร ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติ ถ้าตลาดขึ้น เค้าก็ได้เยอะ แต่ถ้าตลาดตกก็ต้องยอมรับสภาพกันหน่อย

วิกฤตครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่จีนเริ่มแตะเบรก หรือจากข้อเสนอของโอบามา ผมว่ามันดีนะครับ อย่างน้อยก็ทำให้อุ่นใจว่า ทุกคนยังคอยระวังและประคองไม่ให้วิกฤตรอบใหม่เกิดขึ้น (แต่จะทำได้แค่ไหนก็ต้องรอดูกัน)

เลือกลงทุนหุ้นรายตัว โดยดูพื้นฐานการเติบโต คู่แข่ง ราคา ดีกว่าซื้อตามคนอื่นครับผม

ขอบคุณครับ
วิกฤตต้มยำกุ้ง คงเป็นหายนะทั้ง VI VS Gamblers นะครับ ผมว่า
ถ้าไม่ได้ขาย คงไม่รอด ... คนที่รอด คือคนที่หนีออกก่อนเท่านั้น

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 25, 2010 4:53 pm
โดย akekarat
[quote="อะไรกันครับ"]ยึด login ของผมไป ทั้งๆที่ผมใช้คำพูดสุภาพ

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 25, 2010 5:20 pm
โดย Belffet
โดยส่วนตัวนะครับ

ผมตั้งเป้่าไว้ว่า เมื่อไหร่ที่วิกฤติเศรษฐกิจมีชื่อเรียกเป็นอาหารอีกที

เมื่อนั้นเป็นเวลาซื้อหุ้นครับ :)

ปล.ต้องเรียกเหมือนๆกันไปทั่วโลกด้วยนะครับ

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: จันทร์ ม.ค. 25, 2010 5:31 pm
โดย @bangkok
ขอบคุณสำหรับกระทู้นี้
เป็นอีกหนึ่งสาระ อีกหนึ่งมุมมอง
คงจะน่าเสียดายเสียอีกถ้าทุกๆคนมีมุมมองเดียวกัน

มันคงเป็นเรื่องแปลกประหลาด
ถ้านักลงทุนคิดเหมือนกัน
ซื้อสิ่งเดียวกัน และขายสิ่งเดียวกัน ในเวลาเดียวกัน

แต่อย่างไรก็ตามเรื่องเศรษฐกิจ W
ก็เริ่มเป็นกังวลกันอยู่ อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์ของกระทู้
คงอยากให้ทุกๆคน ระวังตัว ส่วนจะเกิด จะไม่เกิดเป็น
เรื่องอนาคต

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 26, 2010 11:29 am
โดย kmphol
อะไรดีละ เขียน:
แล้วที่ท่านบอกว่าขาดทุนเกือบ 30% โดยที่ตลาดลงไป 10% นั่นเป็นเพราะอะไรหรือครับ.... หุ้นอะไรจึงทำให้ท่านแพ้ตลาดได้ขนาดนั้นละครับ ??
น่าจะเปน CP7-11 ตอนยังไม่แตกพาร์ ยังไม่เปลี่ยนชื่อ ยังไม่ได้ขายโลตัส รึป่าวครับ
ตอนที่มันตุบตั๊บราคาอยู่ประมาณ 50 บาท
ถ้าใครซื้อตอนที่ ดร ท่านขาดทุน ถือถึงตอนนี้ก็เกิน 3 เด้งแล้วนะ

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อังคาร ม.ค. 26, 2010 8:45 pm
โดย catty
รอดูเหมือนกันค่ะว่าวิกฤตไหนจะเกิดก่อนกัน :o

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: พุธ ม.ค. 27, 2010 7:29 pm
โดย sakana_sushi
ผมว่า เวลาแสดงความคิดเห็น อย่าพาดพิงบุคคลอื่นตามที่กฏเวบบอกไว้ดีแล้วครับ ไม่งั้นมันจะเละแบบเว็บอื่น เว็บนี้ให้ความรู้ผมมานานตั้งแต่ผมยังไม่สมัคร ผมไม่อยากให้เว็บนี้เละเทะเหมือนเว็บอื่นครับ

ผมว่าถ้าคุณ อะไรดีล่ะ เคารพในความเห็นของผู้อื่น คนอื่นก็จะเคารพความเห็นของคุณอะไรดีล่ะไปโดยอัตโนมัติครับ อยากได้อะไร เราต้องให้เขาก่อน อยากให้เขาเคารพ เราก็ต้องเคารพเขาก่อน

ความคิดเห็นของคุณอะไรดีล่ะ อาจมีทั้งคนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย คุณอะไรดีล่ะก็แสดงความคิดเห็นของคุณไป คนอ่านเขามีจริตมีสติในการวิเคราะห์เองครับว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ความเห็นโต้แย้งอาจมีบ้าง แต่ไม่ควรจะพาดพิงหรือดูถูกความคิดหรือปัญญาของผู้อื่นครับ แต่ละคนมีข้อเด่นด้อยต่างกัน

ทิ้งท้ายครับ "ผู้ใหญ่ไม่ได้ดูที่เกิดก่อน ผู้ดีไม่ได้ดูที่การศึกษา"
ขอบคุณครับ นานๆจะมาแสดงความเห็นกับเขาบ้างปรกติอ่านลูกเดียว เอิ้ก :D ถ้าผมทำผิดกฏเวบหรืออะไรบ้าง ช่วบบอกผมด้วยนะครับ พอดีเข้ามาอ่านแล้วแบบกลัวเวบของเราชาว VI เละครับ

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 16, 2010 3:54 pm
โดย อ่านขาด
ขอชื่นชมคุณอะไรดีล่ะอีกคน ที่เปิดประเด็นน่าคิดมากๆ
และกล้าที่จะชนกูรูต่างๆซึ่งน้อยคนที่จะกล้า ยิ่งเป็นต้นแบบในดวงใจแล้ว
งานนี้คงโดนอ่วม ทัมใจหลายๆเม็ดไว้ จะได้มีแนวคิดดีๆมาให้รับฟังอีก...
สังคมมันเป็นเช่นนี้ ถูกต้องกับถูกใจมันแยกกันยาก พยายามกรองความถูกใจออกไปให้เหลือแต่สาระล้วนๆจะได้ประโยชน์กันอีกมาก
ส่วนถูกผิด ไปว่ากันที่ตลาดใครใคร่ซื้อๆใครใคร่ขายๆ
คิดถูกรวยคิดผิดเจ๊งมีอยู่แค่นั่นล่ะ

ผมอ่านมานานกลัวว่าคุณอะไรดีล่ะจะน้อยใจหนีไป จะอดอ่านแนวคิดดีๆ
ผมไม่ได้ชอบตัวคุณแต่ผมชอบสาระของคุณ

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: อังคาร ก.พ. 16, 2010 6:13 pm
โดย sathaporne
อ่านขาด เขียน:ขอชื่นชมคุณอะไรดีล่ะอีกคน ที่เปิดประเด็นน่าคิดมากๆ
และกล้าที่จะชนกูรูต่างๆซึ่งน้อยคนที่จะกล้า ยิ่งเป็นต้นแบบในดวงใจแล้ว
งานนี้คงโดนอ่วม ทัมใจหลายๆเม็ดไว้ จะได้มีแนวคิดดีๆมาให้รับฟังอีก...
สังคมมันเป็นเช่นนี้ ถูกต้องกับถูกใจมันแยกกันยาก พยายามกรองความถูกใจออกไปให้เหลือแต่สาระล้วนๆจะได้ประโยชน์กันอีกมาก
ส่วนถูกผิด ไปว่ากันที่ตลาดใครใคร่ซื้อๆใครใคร่ขายๆ
คิดถูกรวยคิดผิดเจ๊งมีอยู่แค่นั่นล่ะ

ผมอ่านมานานกลัวว่าคุณอะไรดีล่ะจะน้อยใจหนีไป จะอดอ่านแนวคิดดีๆ
ผมไม่ได้ชอบตัวคุณแต่ผมชอบสาระของคุณ
ผมนึกว่าคุณอะไรดีล่ะกลับมาแล้วโดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "อ่านขาด" แล้วซะอีก

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 19, 2010 7:26 pm
โดย jeew
ชอบมุมมองความคิดเห็นของคุณเฟยหง กล้าดี..    :lol: :lol:

++ นักลงทุน VI ควรระวังฟองสบู่แตกอีกรอบหรือไม่ ++

โพสต์แล้ว: ศุกร์ ก.พ. 19, 2010 7:51 pm
โดย nanchan
[quote="centrady"]อะไรดีละ wrote:
กฎเหล็กของ VI คือ ต้องถือหุ้น 100% ครับ