Thai VI

ผมขอมี Port ลงทุนซัก 1,000 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือนครับ

smith_sanguan เขียน:ไม่retire ครับ
จะทำงานไปเรื่อยๆ แต่จะทำงานน้อยลง
ทำบุญมากขึ้น ก่อนตาย จะขอให้มีสักพันล้าน
จะทำบุญสร้างวัด สักร้อยล้านครับ ที่เหลือให้ลูก

ขอให้สมหวังครับ  การสร้างวัดเป็นกุศลที่ดีเลิศ

8000 เขียน:ผมขอมี Port ลงทุนซัก 1,000 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือนครับ

คงไม่นานคงถึงเป้าหมายครับ เพราะค่าใช้จ่ายรายเดือนแค่ 8000 :lol:

Retire สำหรับผมหมายถึงหยุดทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แล้วมาทำในสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข

ต่างกับทั่ว ๆ ไปที่หมายถึงเขาไม่จ้างแล้วหรือหยุดมีรายได้ครับ

ผมตั้งเป้าไว้ว่าไม่เกิน 30 น่ะครับกับพอร์ท 100 ล้าน

กล้วยไม้ขาว เขียน:Retire สำหรับผมหมายถึงหยุดทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ แล้วมาทำในสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข

ต่างกับทั่ว ๆ ไปที่หมายถึงเขาไม่จ้างแล้วหรือหยุดมีรายได้ครับ

ผมตั้งเป้าไว้ว่าไม่เกิน 30 น่ะครับกับพอร์ท 100 ล้าน

สุดยอดเป้าหมาย

ขอทราบวิธีได้ไหมครับ อยากได้บ้าง  
30 แล้วยังนึกวิธีไปให้ถึง 100 ล้านไม่ออกเลย

retire ที่อายุ 30 ครับ ตั้งเป้าไว้เเรงกล้า

sunrise เขียน: 30 แล้วยังนึกวิธีไปให้ถึง 100 ล้านไม่ออกเลย

พี่ sunrise แต่งงานหรือยังครับ  ถ้าแต่งแล้ว ก็รวมพลัง 2 คนลงทุนหุ้น
ด้วยฝีมือพี่  น่าจะถึงภายใน 10 ปีนะ  

sunrise เขียน:

สุดยอดเป้าหมาย

ขอทราบวิธีได้ไหมครับ อยากได้บ้าง

พี่ กล้วยไม้ขาว เขียน:ผมตั้งเป้าไว้ว่าไม่เกิน 30 น่ะครับ
กับพอร์ท 100 ล้าน

โอ้วผมจะมีพี่เป็นเสี่ย ร้ิอยล้านแล้ว

พี่กล้วยไม้ขาวอย่าลืมผมนะคับ อิอิ

[quote]ผมตั้งเป้าไว้ว่าไม่เกิน 30 น่ะครับ
กับพอร์ท 100 ล้าน[/quote]

ง่ะ ผม 30 แล้ว ยังไม่ไม่ถึง 8 หลักเลย  

smith_sanguan เขียน:ไม่retire ครับ
จะทำงานไปเรื่อยๆ แต่จะทำงานน้อยลง
ทำบุญมากขึ้น ก่อนตาย จะขอให้มีสักพันล้าน
จะทำบุญสร้างวัด สักร้อยล้านครับ ที่เหลือให้ลูก

คิดเหมือนกันเป๊ะ เพียงแต่ผมไม่คิดจะสร้างวัดเท่านั้นเอง

เข้ามาอ่านเห็นแต่ล่ะท่านตั้งเป้าแล้ว ผมไม่รู้ว่าผมจะทำได้หรือป่าวครับ

อันที่จริงการตั้งเป้าของแต่ละคนคงมีปัจจัยแตกต่างกันดังนี้นะครับ

1. จำนวนเงินเริ่มต้นสำหรับลงทุนและเงินลงทุนเพิ่มเติมตามระยะเวลาที่ผ่านไป
2. ระยะเวลาในการลงทุน

สำหรับผมใจจริงก็อยากได้เยอะๆนะครับ แต่เป็นน้องใหม่ในการลงทุน ขอสัก 10% ทบต้นก็หรูแล้วครับ แต่เงื่อนไขขอเพิ่มเป็น รักษาเงินต้นเป็น priority หลักก็แล้วกันครับ แบบว่าเสียค่าวิชาตอนเริ่มลงทุนครั้งแรกเลยเมื่อต้นปีที่แล้วครับ เลยทำให้ต้อง conservative มากขี้น แต่ไม่เคยท้อใจหรือท้อแท้กับมันนะครับ ทุกอย่างเริ่มต้นได้ใหม่เสมอ ตอนนี้ก็พยายามเรียนวิทยายุทธอยู่ครับ ขอขอบคุณพี่ๆน้องๆทุกท่านที่ได้ให้คำแนะนำ ตอบคำถาม และ share ข้อมูลต่างๆที่เป็นประโยชน์ด้วยดีเสมอมาทุกท่านครับ

หวังว่าจะรวยๆและประสบความสำเร็จกันทุกคนนะครับ

ตั้งเป้ากันสูง ระวังเป้าตั้งนะครับ (ยิ่งสูงยิ่งหนาว)  :lol:  :lol:

แนะนำให้ลองสัมนาฟรีอันนี้ครับ เรื่อง "ลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้าน" อย่างง่าย ๆ ของ บลจ. อยุธยา ครับ

www.ayfunds.com

เชื่่อมั้ยครับ ว่าทุกคนก็ลงทุนให้ได้ 100 ล้านได้

แนะนำให้ลองสัมนาฟรีอันนี้ครับ เรื่อง "ลงทุนอย่างไรให้ได้ 100 ล้าน" อย่างง่าย ๆ ของ บลจ. อยุธยา ครับ

www.ayfunds.com

เชื่่อมั้ยครับ ว่าทุกคนก็ลงทุนให้ได้ 100 ล้านได้

สนับสนุนครับ ไปไปอบรมมาแล้ว เยี่ยม

ผมว่าตลาดหุ้นให้ผมตอบแทนแค่ประมาณ 10% ต่อปีเท่านั้นละครับถ้าคิดจะมีอิสระภาพทางการเงินที่อายุเท่าไหร่ก็คูณแบบทบต้นดูเอาละกันว่าได้ไหมหรือใช่วิธี ดอล์ล่า คอส เอฟเวอร์เรส แล้วลองคำนวณดูก็ได้ครับ ว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้าเราจะมีเงินเท่าไหร่ ใกล้มีอิสระภาพหรือยัง  ส่วนคนที่ทำได้เกิน 10 % ต่อปี ก็ขอให้ระลึกไว้เสมอว่าก็ต้องมีคนที่ทำได้น้อยกว่า 10 % อยู่ที่ไหนสักแห่ง หรือถ้าคุณทำได้ 100 % ต่อปี ก็ต้องมีคนบางคนสูญเสีย 90 % ต่อปีให้คุณ ดังนั้นผมคิดว่า ผลตอบแทน 10 % ยืนพื้นก่อนเลยครับ ที่เหลือคือ การพนันแบบถูกกฏหมายครับ ถ้ามีคนได้ก็ต้องมีคนเสีย แต่ฝ่ายที่ได้ ชัวร์ ๆ ก็โบรเกอร์แหละครับ
:lol:  :lol:
สำหรับผม ณ ทรัพย์สินตอนนี้ลงหุ้น 90 % และ  ดอล์ล่า คอส เอฟเวอร์เรส จากรายได้ประจำอีก 30 %  ตอนผมอายุ ซัก 45 ก็พอมีรายได้จากเงินปันผลพอจะ cover รายจ่ายประจำเดือนแบบพอเพียงแล้วละครับ

[quote="support"]ผมว่าตลาดหุ้นให้ผมตอบแทนแค่ประมาณ 10% ต่อปีเท่านั้นละครับถ้าคิดจะมีอิสระภาพทางการเงินที่อายุเท่าไหร่ก็คูณแบบทบต้นดูเอาละกันว่าได้ไหมหรือใช่วิธี ดอล์ล่า คอส เอฟเวอร์เรส แล้วลองคำนวณดูก็ได้ครับ ว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้าเราจะมีเงินเท่าไหร่ ใกล้มีอิสระภาพหรือยัง

[quote="Diablo"][quote="support"]สำหรับผม ณ ทรัพย์สินตอนนี้ลงหุ้น 90 % และ  ดอล์ล่า คอส เอฟเวอร์เรส จากรายได้ประจำอีก 30 %

ผมช่วยตอบครับ


"ใช่วิธี ดอล์ล่า คอส เอฟเวอร์เรส "


ทับศัพท์จากคำนี้ครับ "Dollar Cost Average"


จากข้อความในประโยคหมายถึง เอาเงินเดือน(รายได้) ตัดมา 30% ทุกเดือนมาซื้อหุ้นครับ


โดยหลักการคร่าว ๆ ของ "Dollar Cost Average" คืดการใช้เงินรายได้ทุกเดือน มาซื้อหุ้นอย่างสม่ำเสมอ ครับ ก็จะได้หุ้นที่ราคา average ครับ

เพราะเราไม่รู้ว่าในเดือนไหนในอนาคต หุ้นขึ้น หรือ ลง


********

โดยปกติเงินลงทุนในหุ้น ผมตัดมาได้แค่ 15% เองครับ ค่าใช้จ่ายมันเยอะครับ  :lol:

คงอีกสักพักคงตามคุณ Sunrise กับท่านอื่น ๆ ที่ผ่านไปแล้วทัน  :D



นับถือมากครับ ทั้งคุณ dome@perth กับ คุณ Support

BeSmile เขียน:
จากข้อความในประโยคหมายถึง เอาเงินเดือน(รายได้) ตัดมา 30% ทุกเดือนมาซื้อหุ้นครับ

ขอบคุณครับ   ผมอ่านไม่ดีเอง...ออกมายอมรับผิดครับ  :vm:  
ปกติ ผมก็ชอบใช้ Dollar Average กับกองทุนดัชนีหุ้นจีน  เวลาไม่เจอหุ้นไทยที่ถูกใจ

มันน่าจะอ่านว่า อวีเรจ-อเวเรจ มากกว่านะ
เอเวอเรสต์ =  Everest
จบช่วงภาษาอังกฤษวันละคำ  :lol:

EVEREST  หมายถึง ยอดดอยจริงๆๆ  สูงเสียดฟ้าเลย  :doi:  :vm:

Dollar Cost Average  อ่านว่า  ดอลลาร์  คอสทึ  แอฟเวอเรจ

แอฟเวอเรจ   จะได้ยินเป็น  แอฟ-เวรจ  (ไม่ใช่ เว-รจ นะ)  

อย่าไปลากเสียงยาวว่า  แอฟ-เวอ-เรจ  เด็ดขาด  

ฝรั่งฟังไม่ออกนะครับ  

[quote="support"]

BeSmile เขียน: นับถือมากครับ ทั้งคุณ dome@perth กับ คุณ Support

ขอบคุณครับ
ผมก็แค่"คนจน"คนหนึง ที่ "อยากรวย" ครับ

:lol:

แต่ ถ้าเป็นตลาดขาลง ก็ต้องขาดทุนกันทั้งนั้น

ถ้าเป็นตลาดขาลงไม่ใช่ว่าจะขาดทุนทุกคนเสมอไปนะครับ โดยส่วนตัวของกระผมเองแล้ว ผมคิดว่าจะมีคนบางกลุ่มที่ได้ผลประโยชน์ครับ หนึ่งในนั้นก็มีนักลงทุนแนว VI รวมอยู่ด้วยครับ (คอยเก็บหุ้นราคาถูก)  อย่างตอนปี 40 คุณคิดว่าทุกคนเสียหรือเปล่าครับ ผมว่ามีคนได้ครับ เช่น จอร์จ โซรอส รวมถึงท่านอาจารณ์ VI  ของเราด้วยนะครับ  :lol: 10% ต่อปีนี้คือค่าเฉลี่ยของการลงทุนในหุ้นครับ  แต่คนที่จะได้มากหรือน้อยกว่า 10 % ต่อปี ผมว่าตัวแปรสำคัญน่าจะอยู่ที่ความรู้ครับ นักลงทุนที่ศึกษาการลงทุน แนว VI  ผมว่าได้มากกว่า 10 % สบาย ๆ ครับ ตราบใดที่ยังมีนักลงทุนที่เล่นหุ้นแบบใช่อารมณ์อยู่  โดยส่วนตัวของผม ผมคิดว่าในระยะยาวไปอีกหลาย ๆ ปี ข้างหน้าตลาดทุนจะปรับตัวให้มีเหตุผลมากยิ่งขึ้นครับ นักลงทุนจะได้ผลตอบแทนเข้าใกล็ค่าเฉลี่ยมากยิ่งขึ้น คนที่เคยเสียก็จะปรับตัวไม่ยอมเสียงง่าย ๆ อีกต่อไป    การลงทุนในหุ้นให้ผลตอบแทนมากที่สุดแล้วครับเมื่อคิดถึงความเสี่ยงและค่าเสียโอกาสในการลงทุน    

     ขอให้ทุกคนก้าวถึง อิสระภาพทางการเงินไว ๆ นะครับ จะได้มีเงินเหลือพอคืนให้กับผู้ด้อยโอกาสในสังคมให้เขาได้มีโอกาสอิ่มท้องบ้าง    การแชร์ความคิดทำให้เรามีความรู้มากขึ้นครับ(นั้นก็หมายความว่าทำให้เรามีโอกาสทำกำไรมากกว่า 10 % ต่อปีมากขึ้นอีกด้วยครับ  :8) )

ปล.   ตอนนี้ผมกำลังศึกษาปรัชญาการลงทุนแนว VI อยู่ครับ ส่วนเรื่องขั้นตอน และ วิธีการ ผมแทนไม่รู้อะไรเลยครับ อิ อิ ...  :oops:  :oops:  :oops:  แต่ค่อย ๆ ศึกษากันไปครับ    การลงทุนในความรู้เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดใช่ไหมครับ  

ถ้าไม่คิดจะแต่งงาน
ผมคิดว่า ผมเลิกทำงานได้ ณ วันนี้เลยครับ
สินทรัพย์ที่มี อยู่ หาด้วยมือตัวเอง
สามารถทำดอกผล
ในส่วนที่ไม่มีความเสี่ยง ได้ในระดับที่ พอกิน
และยังเหลือนิดหน่อยครับ
ผมกินน้อย ใช้น้อย อยู่ได้สบายๆ ครับ

ไอ้ที่ลำบากทุกวันนี้
งานประจำก็ต้องทำ
เสาร์อทิตย์ เรียน upgrade ตัวเองอีก
ก็เพราะ ยังมีแผนแต่งงานในหัวนี่แหละ

เคยเกริ่นไปก่อนหน้านี้  ว่า  ไม่ชอบงานประจำที่ทำอยู่  

แต่ต้องไปชุบตัวใหม่ จึงจะเปลี่ยน field งานได้ ปีหน้าเบญจเพศแล้ว

ปกติ การเปลี่ยน field งาน จะให้ดี  ไม่ควรอายุเกิน 30 หรือเปล่าครับ  

จะได้เตรียมตัวหาข้อมูลแนะแนวสาขาอาชีพ และ มุ่งมั่นเตรียมตัวสอบหาทุน

ส่งตัวเองเรียน  :oops:

แรก ๆ เข้าใจว่า ส่วนใหญ่นักลงทุนน่าจะมีช่วงอายุซัก 28 ปี ขึ้นไป
เพราะได้ผ่านช่วงวัยทำงานมาพอสมควร และมีเงินเก็บมากพอในการลงทุน

แต่พออ่าน Webboard มากขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นว่า
นักลงทุนรุ่นใหม่ อายุน้อย ๆ กันทั้งนั้น และมีเยอะมากด้วย  :shock:

 30 ต้น ๆ นึกว่าเริ่มเร็วกว่าเพื่อนแล้วนะ
แต่จริง ๆ ช้าไปเยอะเลยเรา 555  :lol:

PN wrote :

แรก ๆ เข้าใจว่า ส่วนใหญ่นักลงทุนน่าจะมีช่วงอายุซัก 28 ปี ขึ้นไป
เพราะได้ผ่านช่วงวัยทำงานมาพอสมควร และมีเงินเก็บมากพอในการลงทุน

แต่พออ่าน Webboard มากขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นว่า
นักลงทุนรุ่นใหม่ อายุน้อย ๆ กันทั้งนั้น และมีเยอะมากด้วย  

 30 ต้น ๆ นึกว่าเริ่มเร็วกว่าเพื่อนแล้วนะ
แต่จริง ๆ ช้าไปเยอะเลยเรา 555  

แต่ยังไงผมว่า อายุเกิน 30 น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม

กับการลงทุนแบบเน้นคุณค่าที่สุดนะครับ เพราะเป็นวัย

ที่มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่ทนทานต่อสิ่งต่างๆ ได้ดี

เนื่องจากผ่านโลกและมีประสบการณ์พอสมควร

ส่วนเด็กอายุ 20 กว่าๆ ส่วนใหญ่(ไม่ใช่ทั้งหมดนะครับ)

ผมว่ายังไม่นิ่งพอ และค่อนข้างใจร้อน แต่ขณะเดียวกัน

ก็มีความกระตือรือร้น และต้องการความสำเร็จสูง ทำให้

การลงทุนแบบผสมผสาน และได้ผลตอบแทนเร็วๆ

น่าจะเหมาะกับวัยนี้มากกว่า แต่ยังไงก็ต้องยอม

รับว่า ใครเริ่มเมื่ออายุน้อยกว่า ย่อมมีโอกาสประสบความสำเร็จ

ได้มากกว่าแน่นอนครับ สมัยผมยังเด็ก ไม่มีใครนำเอาแนวคิด

การลงทุนแบบเน้นคุณค่ามาเผยแพร่อย่างนี้ ทำให้ตลาด

หลักทรัพย์ตอนนั้นเป็นการพนันล้วนๆ ทำให้ผมซึ่งได้รับ

การสั่งสอนมาว่าอย่ายุ่งกับการพนัน และเคยได้รับบทเรียน

จากการพนันมาแล้ว ไม่มีความคิดจะลงทุนในหุ้นเลย

ไม่เหมือนเด็กสมัยนี้ โชคดีที่มีคนเอาแนวทางมาเผยแพร่

และมีคนที่ประสบความสำเร็จจากแนวทางนี้ให้เห็นเยอะแยะ

[quote="PN"]