Thai VI

คนที่ผมเลือกนี้ส่วนหนึ่งจะกลับมาช่วยกันแบ่งปันความรู้ให้พวกท่านภายในเวลาไม่นานจากนี้ไป

จากประโยคนี้กับความเห็นของคุณ songsomjai
ผมเห็นด้วยว่า หาก อัดลงCD แล้วสามารถกระจายให้ผู้สนใจได้มากกว่า
จะเป็นการแบ่งปันความรู้ โดยตรงอย่างทั่วถึงกว่า
และมีประโยชน์มากกว่า (หรือจะขายแบบงานไทย
วีไอครั้งที่แล้วก็ได้ครับ)

อยากให้อาจารย์ได้พิจารณาความเห็นนี้ด้วยครับ

ไม่ทราบว่าคนที่สนใจเข้าร่วม ต้องมีความรู้พื้นฐานก่อนไหมครับ เพราะว่าผมสนใจมากแต่ว่าผมเป็นมือใหม่ที่ยังรู้อะไรเกี่ยวกับการลงทุนมากนัก ผมพึ่งสมัครเว็บบอร์ดนี่ได้ 2 เดือน พยายามเข้ามาอ่านหาความรู้ทุกวันแล้วก็ซื้อหนังสือที่หลายคนแนะนำมาอ่านบ้างแต่ก็ยังไม่ก้าวหน้ามากเท่าไร  ถ้าหากเป็นการสัมมนาแบบแลกเปลี่ยนความรู้กัน ผมคงไม่มีคุณสมบัติพอเข้าร่วม(ถ้าไปคงไปนั่งฟังอย่างเดียว) แต่ถ้าเป็นการบรรยายเริ่มตั้งแต่ปูพื้นฐานผมอยากขอสมัครเข้าร่วมด้วยคนครับ

ขอตอบคำถามนะครับ

1.เรียนอะไร ?

- เรียนรู้ศาสตร์แห่งการลงทุนโดยเน้นปัจจัยพื้นฐาน ไม่เฉพาะวิชาบัญชี มือใหม่อย่างผมยังมีเรื่องต้องเรียนรู้อีกมากมาย

2.เอาไปทำอะไร ?

- เพื่อนำไปขัดเกลาตนเองและประยุกต์ใช้ในการบริหารเงินออมของตัวเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ผ่านมา ผมเรียนจบมาประมาณ 5 ปี ทำงานกับแม่ช่วยกิจการเล็กๆที่บ้าน แม่ก็จ่ายค่าเหนื่อยให้แต่ไม่มาก ทุกเดือนผมก็เอาส่วนที่เหลือใช้ไปใส่บัญชีออมทรัพย์ไว้ ซึ่งผมก็รู้ดีแต่แรกว่ามันไม่ใช่ทางออกที่ดีเลยในการออมเงินแต่เนื่องจากไม่มีประสบการณ์ในการลงทุนด้านอื่นเลยจึงปล่อยให้เงินในบัญชี โดนเงินเฟ้อทำลายมูลค่าไปเฉยๆทุกปีๆ จนกระทั่งได้มาเจอเว็บนี้โดยบังเอิญเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน หลังจากอ่านกระทู้หลายๆกระทู้ อ่านทั้งๆที่ไม่มีความรู้พื้นฐานอะไรเลย ตอนอ่านครั้งแรก P/E คืออะไรผมยังไม่รู้เลย ผมก็เลยไปซื้อหนังสือที่พี่ๆหลายคนแนะนำมาอ่านบ้างตอนนี้ก็พอรู้อะไรมากขึ้น
 สาเหตุสำคัญที่ผมอยากจะหาความรู้เพิ่มเติมคือ อยากจะสามารถตอบโจทย์ตัวเองได้ว่าหุ้นตัวไหนน่าลงทุนด้วย น่าลงทุนด้วยเพราะอะไร ทุกวันนี้เวลาผมเข้าไปอ่านห้องร้อยคนร้อยหุ้น เวลาเห็นคนพูดถึงข้อดีของหุ้นผมก็จะคล้อยตามว่าตัวนี้น่าซื้อแฮะ แต่พอมีคนพูดถึงข้อเสีย ผมก็จะรู้สึกว่าหุ้นตัวนี้น่ากลัวจัง โดยที่ ตัวเองไม่มีความสามารถจะวิเคราะห์แล้วตอบโจทย์ตัวเองได้โดยไม่หวั่นไหวกับคำวิเคราะห์ของคนอื่น

3.เชื่อไหมว่าจะเอาไปใช้งานได้จริง ?

- เชื่อครับ หลายปีมานี้ผมคิดมาตลอดเรื่องจะทำอย่างไรให้เงินออมมันงอกเงยได้ บางครั้งก็แบ่งเงินไปร่วมลงทุนกับเพื่อนบ้าง กับพี่บ้าง ถึงได้รู้ว่าการเริ่มธุรกิจของตัวเองนั้นมันไม่ง่ายเลย เงินลงทุนที่ลงขันก็สูญไปหลายส่วน จนมาอ่านเจอเว็บบอร์ดนี้แล้วอ่านหนังสือหลายๆเล่ม ยิ่งอ่านก็ยิ่งแน่ใจว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดทางหนึ่งในการบริหารเงินออมให้เกิดประโยชน์ แน่นอนมันมีความเสี่ยงแต่เราสามารถควบคุมมันด้วยการหาข้อมูลให้มากเข้า

ปล.อย่างที่เกริ่นไว้ครับผมเป็นมือใหม่ที่อ่อนประสบการณ์ ถ้าหากโครงการนี้รับบุคลากรที่มีพื้นฐานอยู่แล้วก็มองผ่านผมไปได้เลยนะครับ ขออภัยที่เขียนซะยาว

สวัสดีครับพี่มน  ก่อนตอบคำถาม ขออนุญาตเล่าประวัติการเข้ามาเกี่ยวข้องกับแวดวงการลงทุนนะครับ

ผมได้ติดตามเว็บนี้มาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว คงเหมือนหลาย ๆคนที่ได้บังเอิญอ่านหนังสือตีแตกแล้ว
เกิดความหวัง เกิดความฝัน  เกิดไอเดีย
เกิดความเชื่อมั่นในการลงทุนอย่างมีเหตุมีผลที่เรียกว่า value investor
ซึ่งตอนอ่านตีแตกรู้สึกว่าการลงทุนในหุ้นไม่ยากเลย แค่ เลือกหุ้น PE ต่ำ และ PB ต่ำ แล้วถือเอาไว้ยาว ๆ จน PE สูงขึ้นค่อยขาย  เป็นการลงทุนที่น่าสนใจมาก
ก็พยายามศึกษาการลงทุนแนวนี้เพิ่มเติมครับ  ได้มาเจอ เว็บไทยวีไอ อ่านไปอ่านมาไปเจอบทความ "คุณภาพของกำไร" ของคุณ IH อ่านเสร็จ
รู้สึกเหมือนโดนดับไฟซึ่งพึ่งจุดติดเมื่อไม่กี่วันก่อน เข้าใจเพิ่มขึ้นอีกหน่อยว่า  " หุ้น PE ต่ำอาจจะไม่ดีก็ได้ !!!"

เริ่มรู้สึกว่าการลงทุนไม่ง่ายเลยครับ ต้องมีความรู้เยอะมากกว่านี้ในการวิเคราะห์กำไรในอนาคตของบริษัทต่าง ๆ
ก็พยายามศึกษาทุกอย่างที่จะทำให้ตัวเองเก่งขึ้นในแนวทางการลงทุนแบบเน้นคุณค่า อ่านหนังสือทุกเล่มที่พี่ ๆ
ในเว็บแนะนำ เช่น The Intelligent Investor, One up on Wall street ,ลงทุนอย่าง...ปีเตอร์ ลินซ์ ,Value investing MADE EASY, หุ้นสามัญกับกำไรที่ไม่สามัญ,ลงทุนแบบ จอห์น เนฟฟ์, วาทะของวอร์เรน บัฟเฟตทท์ ,The Essential Buffet,5 key to value investing,การวัดมูลค่าหุ้นของพี่สุมาอี้, วิถีเซียนหุ้นมูลค่า,หนังสือทุกเล่มของ ดร.นิเวศน์

อ่านเสร็จแม้จะเข้าใจในการลงทุนมากขึ้น แต่ผมไม่คิดว่าตัวเองเก่งขึ้นเลย กลับกัน รู้สึกว่ายังมีเรื่องที่เราไม่รู้อีกมาก ไม่เข้าใจอีกมาก
และตลอดชีวิตเราอาจไม่มีทางเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ เชื่อแล้วครับว่าการลงทุนเป็นศิลปะจริงๆ  แต่น่าแปลกผมยิ่งรักมันมากกว่าเดิม
จากที่ได้อ่านหนังสือมา ผมเข้าใจว่าวีไอมันยังมีซับเซตย่อยของมันอีก มันมีหลายแนว หลายสาย นักลงทุนแต่ละคนแม้จะบอกว่า เป็นวีไอ เหมือนกัน แต่กลับลงทุนไม่เหมือนกัน !!!
แค่ ปีเตอร์ลินซ์ บัฟเฟตต์ จอห์น เนฟฟ์ ยังมีวิธีการลงทุนไม่เหมือนกันเลย

ต่อมาผมได้อ่านบัญชีอีก 2 เล่ม คือ รู้บัญชีมีประโยชน์ และอ่านงบการเงินให้เป็น  หนังสือสองเล่มนี้ล่ะครับเป็นสาเหตุ
ที่ทำให้ผมโพสกระทู้นี้อยู่ตอนนี้   อ่านหนังสือทั้งสองเล่มแล้วไม่เข้าใจครับเนื่องด้วยผมไม่มีพื้นฐานด้านบัญขีเลย
พออ่านรอบที่ 2 ดีขึ้นหน่อย แต่รู้สึกว่ายังไม่กระจ่างครับ รู้เพียงแค่ผิวเผิน ทรัพย์สิน หนี้สิน กำไรขาดทุน เงินสดจากกิจกรรมต่าง ๆ

แต่ยังคิดว่า เอาไปประยุกต์ใช้ยังไม่ค่อยได้เท่าไร
ยิ่งหากถูกบัญชีหลอก ไม่ว่าจะเป็น
การรีบรับรู้รายได้ ชะลอการรับรู้รายจ่าย  ระยะเวลาการรับรู้ค่าเสื่อม หรือเงื่อนบัญชีอื่น ๆ
ที่หนังสือไม่ได้เขียน คงจะแย่เอาเหมือนกันครับถ้าเราลงทุนในหุ้นตัวนั้น

เกริ่นมานาน ขออนุญาตตอบคำถามนะครับ

1.เรียนอะไร ?

คำถามนี้จนปัญญาครับ ไม่ทราบจริง ๆ สุดแท้แต่อาจารย์มนจะกรุณาสอนครับ แต่ถ้าถามว่า คาดว่าจะได้เรียนอะไร ผมคาดว่า จะได้เรียน การวิเคราะห์ Five Forces Model ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ  ในบริษัทต่าง ๆ,
การดู Biz Model ในบริษัทต่าง ๆ  ว่าBiz Modelแบบไหนน่าลงทุน  , การอ่านบัญชี ให้กระจ่าง รู้ลึก รู้จริงต้องดูอะไรบ้าง
ข้อควรระวังในการอ่านบัญชี มีตรงจุดไหนบ้าง  และ ประสบการณ์การลงทุน ของอาจารย์ เหตุผลในการเลือกบริษัท
ลงทุนของอาจารย์ครับ

2.เอาไปใช้อะไร ?

เพื่อนำความรู้มาประยุกต์ใช้กับตนเอง ในการวิเคราะห์บริษัทต่าง ๆ เพื่อให้มีความมั่นใจในการถือหุ้นตัวนั้น
มีความคิดเป็นอิสระ
ไม่ถูกกระทู้ในบอร์ดชักจูง ทำให้มองเป็นบวกมากไป หรือ ลบมากเกินไป
เอาไปใช้เป็นตระแกรงกร่อนหุ้นสำหรับตนเอง  เอาไปใช้พัฒนาเพิ่มความสามารถให้กับตนเอง
ในแนวทางการลงทุนแบบ วีไอ
และ เป็นอาสาสมัครในการช่วยอาจารย์มนในการถ่ายทอดความรู้ต่อไป ตามจุดประสงค์ของโครงการนี้ครับ

3.เชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้ได้จริง ?

เชื่อมั่นล้านเปอร์เซ็นต์ครับว่าเรียนแล้วเอาไปใช้ได้จริง  จากประสบการณ์การลงทุนของผมเอง การลงทุนแบบวีไอ ทำผลตอบแทนให้ผมอย่างน่าพอใจ แม้จะรู้บัญชี
งู ๆ ปลา ๆ ก็ตาม ดังนั้น  ผมคิดเหตุผลที่จะไม่เชื่อไม่ออกเลยว่า หากเรารู้วิธีการอ่านบัญชีเก่งขึ้น  เข้าใจธุรกิจได้มากขึ้น
มองธุรกิจขาดมากขึ้น จาก Five Forces Model,Biz Model
แล้วผลตอบแทนการลงทุนจะไม่ดีขึ้นได้อย่างไร  

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับพี่มน ผมเป็นสมาชิก เว็บ vi ไม่นาน แล้วเห็นหัวข้อ เปิดสอนบัญชีนี้ผมขอเรียนด้วยครับ เพื่อให้เป็นไปตามกติกาผมต้องตอบคำถามเพื่อให้พี่พิจารณาก่อน
ขอแนะนำตัวครับ ผมลงทุนในตลาดหุ้นเกือบจะครบปีแล้วครับ ตอนหนักสุดขาดทุนอยู่ประมาณ 12% แต่ตอนนี้หลังจากเปลี่ยนแนวทางมาเป็น กึ่ง vi กึ่ง เก็งกำไรแต่เก็งกำไรในระยะกลางนะครับ ทำให้ตอนนี้เหลือขาดทุนประมาณ 7% และช่วงนี้ถือเงินสดอยู่ทั้งหมดครับ  ผมอาศัยข้อมูลจากนักวิเคราะห์ของโบรกเกอร์ต่างๆ ประกอบการตัดสินใจครับ ผมขอตอบคำถามของพี่นะครับ

1.เรียนอะไร   จากประสบการณ์อันไม่มาก รวมทั้งการอ่านหนังสือเกี่ยวกับหุ้นผมพอสรุปปัจจัย 4 ประการเพื่อการเป็นผู้ลงทุนในหุ้นได้ดังนี้ครับ
1 การวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน
2 วิเคราะห์ทางเทคนิค
3 ข่าวสารประจำวัน
4 พฤติกรรมของผู้ลงทุนรายใหญ่  ซึ่งอาจหมายถึง ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนต่างประเทศ และขาใหญ่ในตลาดหุ้น

โดยปัจจัยทั้ง 4 นี้ มีข้อ 1 กับ ข้อ 2 เท่านั้นที่ผู้ลงทุนรายย่อยพอจะควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยการวิเคราะห์ทำการบ้านแล้วแต่ทางเลือกตามถนัดของแต่ละคน ส่วน2 ข้อหลังนั้นยากจะควบคุมได้ เพราะไม่สามารถรู้อนาคตและจิตใจของขาใหญ่ได้ ดังนั้น จากการที่เคยอ่านหนังสือของพี่ มน ที่เขียนกับ พี่วิบูลย์  ซึ่งเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานนั้นผมขอตอบคำถามคือ เรียน การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน  ซึ่งครอบคลุมประเด็นทางเศรษฐกิจการเมือง ที่มีผลต่อบริษัทเป้าหมาย รายละเอียดของบริษัทฯ เช่น ลักษณะธุรกิจ จริยธรรมของผู้บริหาร(ข้อนี้สำคัญมากสำหรับผม) เงินทุนจดทะเบียน จำนวนหุ้นที่circulateในตลาด  ,ราคาpar, market price ผลการดำเนินงานเป็นอย่างไร กำไรขาดทุนตามเป้าหมายในแต่ละไตรมาศเป็นอย่างไร ศึกษาตารางการเงินการบัญชีว่ามีเงื่อนงำใดซ่อนอยู่หรือไม่ รายได้ที่ได้มานั้นมาจากกิจกรรมทางธุรกิจที่ทำประจำ หรือ ว่ารายได้นั้นมาจากกิจกรรมที่นานๆจะเกิดขึ้นที  ,มีกำไรมาตรฐานเท่าใดเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจเดียวกัน ฯลฯ  โดยนำข้อมูลต่างๆเหล่านี้มาประเมินหามูลค่าที่เหมาะสมของบริษัทซึ่งจะสะท้อนกลับไปที่ราคาหุ้นที่เหมาะสมของบริษัท

2.เอาไปใช้ทำอะไร   หลังจากได้มูลค่าของราคาหุ้นที่เหมาะสมของบริษัทเป้าหมาย แล้วเราจึงนำมาเปรียบเทียบกับราคาในตลาดหุ้นว่า ถูกหรือแพงเท่าไร ถ้าราคาตลาดแพงกว่ามูลค่าเหมาะสม ถ้าเรามีหุ้นนี้อยู่เราก็ขาย แต่ถ้าราคาตลาดถูกกว่ามูลค่าเหมาะสมเราต้องซื้อ ซึ่งข้อนี้จะขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน ว่าจะมีส่วนต่างเป็นกี่เปอร์เซ็นต์  แล้วเรานำรายได้ที่ได้มานี้ในการดำรงชีพของเราและครอบครัวได้ ซึ่งผมตั้งความหวังไว้นะครับว่าสักวันนึงได้เป็นนักลงทุนเต็มตัว ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร และได้นำเอาความรู้ส่วนนี้มาเผยแพร่ให้กับบุคคลทั่วไป เพื่อพัฒนาตลาดหุ้นของเราให้มีทิศทางที่สดใสสำหรับหุ้นที่มีผลประกอบการดีครับ
3.เชื่อมั้ยว่าใช้งานได้จริง เชื่อครับเพราะปัจจัยพื้นฐานสามารถชี้นำราคาหุ้นได้จริงในระยะยาวครับ แต่ถ้าในระยะสั้นและระยะปานกลางนั้นต้องประกอบกันทั้ง 4 ปัจจัยที่ผมได้กล่าวไว้ในตอนต้นครับ เพราะตลาดหุ้นของไทยมีการเล่นเก็งกำไรระยะสั้นเป็นสัดส่วนที่สูงครับ

ขอบคุณครับพี่มน [email protected]

เรียนอะไร?

- การเป็น value invester นั้นมีความรู้ที่ต้องนำมาใช้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น business model , บัญชี , การตลาด , หรือแม้แต่ จิตวิทยาในการลงทุน

ก่อนหน้านี้ผมได้เรียนกับพี่มนมาแล้ว หลาย course ซึ่งทำให้ผมมีความเข้าใจ และรักการลงทุนหุ้น VI มากขึ้นเยอะทีเดียวครับ

แต่การเรียนนั้น
1.หากเป็นการเรียนแบบ 1 - way communication
พี่มนคงไม่ชอบ
ผู้เรียนเอง ก็อาจหลับได้(ไม่งั้นก็มึนตึ๊บๆเหมือนที่ผมเคยเรียน :lol: )

ดังนั้นผมอยากเรียนแบบ 2- way communication ครับ
ยิ่งถ้าได้คุยกันแบบ workshop หรือ เป็นแบบ PBL (problem base learning)
ซึ่ง จะทำให้ผู้เรียน และผู้สอน มี active learning
และสิ่งที่ได้จากการเรียน แม้จะจบการศึกษาแล้ว

ผู้เรียนและผู้สอนสามารถนำสิ่งที่ได้เรียนมาประยุกต์ใช้กับตนเองได้เสมอๆครับ

สรุป:ผมอยากเรียนแบบ 2 way communication ครับ
สำหรับเวลาเรียน ถ้าผมได้เรียน ผมคงต้อง "แบ่งเวลาให้เป็น" ครับ

แบ่งเวลารับผิดชอบงานที่ทำ
รับผิดชอบ หากต้องทำงานที่เรียนอยู่

จะพยายามเต็มที่ครับ
..เพราะผมมีความสุขกับการลงทุนหุ้นคุณค่าครับ

เอาไปทำอะไร?

ใช้กับการลุงทุนของผมเอง และถ่ายทอดไปให้ผู้อื่นครับ
ผมดีใจมากๆที่ผมได้เรียน ได้ศึกษาการลงทุนแบบ VI
และผมนำสิ่งที่ได้ไปพูดคุยกับคนรอบๆข้างของผม(อย่าเรยีกว่าสอนเลยครับ)

สิ่งที่ได้ เราจะได้องค์ความรู้(=ปัญญา)
และรู้จักบริษัท รู้จักคนอื่นๆ
มีมุมมองที่กว้างขึ้น

และเชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้งานได้จริง

ผมเชื่อแบบนั้นครับพี่

มีความสุขกับการลงทุนหุ้นคุณค่าครับ

ปล.ขอบคุณพี่มนมากๆนะครับ
สิ่งที่ผมได้จากการเรียนกับพี่
มันทำให้ผมเข้าใจคำว่า Value Invester มากขึ้นเยอะเลยครับ

ถึงการเขียนตอบกลับในกระทู้นี้ อาจไม่ได้วัดอะไรมากมายว่าผู้เรียนนั้น จะเป็นนักเรียนที่ดี ที่ถูกใจของพี่หรือไม่

อย่างน้อย ผมก็มีความสุขที่ได้ลงทุนหุ้นคุณค่า และได้รู้จักคนมากมายครับ

เรียนอะไร

อยากเรียนบัญชีครับ ต้องการอ่านงบให้เป็น รู้ว่ามันแต่งกันตรงไหนบ้าง เรียนโทมันได้เรียนวิชาเดียวไม่คุ้ม เลยอยากจะเรียนเพิ่ม นี่ผมก็กะไปหาจารย์ที่เค้าเชิญมาเป็นวิทยากรวิชาบัญชีที่เรียน จะได้เขี้ยวลากดินเป็นมั่ง จารย์ที่เป็นวิทยากร เค้ารับจ้างแต่งงบเลยอ่ะ

เอาไปทำอะไร

เอาไปแยกแยะบริษัทที่ดีและไม่ดี ว่าแต่งเพื่อความจำเป็นหรือเพื่อปั่นหุ้น

เชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้งานได้จริง

เรียนกับคนที่ประสบความสำเร็จแล้ว มันต้องใช้ได้จริงสิ ก็เฮียสอนจากของจริงนี่

สวัสดีครับ อ.มน ผมชื่อ สุธี ครับ มีความตั่งใจอยากจะเรียนกับ อ.มนจริงๆ
ได้พบกับพี่หนึ่งครั้งที่งาน ประชุมผู้ถือหุ้น MAKRO และผมก็เข้าไปสวัสดีพี่พร้อมกับขอฝากตัวกับพี่มนและได้คุยกับพี่อยู่พักหนึ่งและพี่ยังถามผมว่าเคยเจ้งไปเท่าไหร่ แต่ผมไม่ค่อยกล้าตอบเท่าไหร่ ผมยืนข้างๆ คุณภากับพี่เสือครับ ไม่แน่ใจว่าพี่จะจำได้ไหมครับ เรื่องเรียนจะเป็นวันไหนก็ได้ครับได้ทุกวันขอให้ได้เรียนจะดีใจมากครับ(ตั่งใจจริงๆครับ)
ขอตอบคำถามนะครับ

1 เรียนอะไร
เรียนหลักการลงทุนที่ถูกต้องโดยใช้ เหตุ และ ผล โดยดูปัจจัยพื้นฐานในการวิเคราะห์ ธุรกิจที่จะลงทุน (ขอใช้คำว่าธุรกิจแทนคำว่าหุ้นนะครับเพราะเข็ดกับการเล่นหุ้นแล้ว) โดยปราศจากอารมณ์

2 เอาไปทำอะไร
เพื่อเอาไปวิเคราะห์แยกแยะหาบริษัทที่ดีจากหลากหลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เพื่อที่จะเข้าไปลงทุนในระยะยาวและคอยติดตามวิเคราะห์ผลประกอบและงบการเงินการเป็นระยะ

3 เชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้งานได้จริง
เชื่อครับผมเชื่อว่าการเรียนรู้กับคนที่ประสบความสำเร็จและทำตามเขาอย่างมุ่งมั่นจะทำให้เราประสบความสำเร็จได้ในที่สุด

อ.มน ช่วยพิจราณาด้วยครับขอบคุณครับ

เรียนอะไร?
วิธีคิดและวิธีการของคนประสบความสำเร็จในการลงทุน

เอาไปทำอะไร?
ใช้ในการลงทุน

และเชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้งานได้จริง?
เชื่ออย่างไม่มีข้อสงสัย

ผมเป็นข้าราชการตำรวจอยู่ จ.พิษณุโลก ทำงานมา 24 ปี เงินเดือน ยังไม่ถึง 2 หมื่นเลย อาชีพรับราชการก็รู้  ไม่รวยแน่นอน  ผมเห็นหนูถีบจักรในสังคมเพื่อนร่วมงาน เพื่อนเรียน ญาติพี่น้องและคนใกล้ชิด  ล้วนเป็นนักผ่อนทั้งนั้นทั้งบ้าน รถฯ ผมเข้าอบรมกับ อ.มน 2 คอร์ส จากวันนั้น ถึงวันนี้ก็เกือบ 1 ปีแล้ว เริ่มลงทุนเพื่อเรียนรู้บทเรียนให้กับตัวเองไปด้วย รวมอ่านหนังสืออีกหลายเล่มมาก ก็ยังมั่นใจไม่มากพอ  สนใจและรักที่จะศึกษาจากผู้ที่ทุ่มเททั้งกำลังกายกำลังทรัพย์และกำลังสติปัญญา  มาอย่างเหนื่อยยาก จนถือว่าเป็นผู้มีอิสระภาพทางการเงินอย่างแท้จริง ผมขอตอบคำถามครับ
     เรียนอะไร / เรียนการแปลภาษาตัวเลข(งบการเงินทั้ง3)  ให้ออกมาเป็นตัวชี้วัดที่เปรียบได้เสมือน สุขภาพทางการเงินของบริษัท ให้ถูกต้องหรือใกล้เคียงความจริงให้มากที่สุด  กับการนำตัวเลขจากงบฯ  มาหาอัตราส่วนทางการเงิน  ที่สามารถพลิกแพลงประยุกต์ใช้  ให้บ่งบอกอาการสุขภาพบริษัทได้เป็นอย่างดีอีกทาง
     เอาไปใช้ทำอะไร/ เมื่อสุขภาพทางการเงินเป็นเชิงปริมาณ  ก็นำไปทำเป็นโปรแกรม 2 ทางว่า ใช่กับไม่ใช่   ก็คือ  ไม่ใช่ก็หยุด ถ้าใช่ก็ทำขั้นตอนที่ 2 ต่อไป ถ้าใช่อีกก็ทำต่ออีกอย่างนี้ไปเรื่อยๆ  จนพอใจขั้นตอนเชิงปริมาณ  จึงมาพิจารณาเลือกเชิงคุณภาพต่ออีก โดยทำเหมือนเชิงปริมาณเลย  สิ่งนี้น่าจะช่วยเหลือชาวvi รุ่นใหม่ๆได้ไม่น้อย  แม้ชาวvi จะนำไปสอนใครก็น่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนในอนาคตได้บ้าง นี่ไม่ใช่เป็นการบอกตัวหุ้นเลย
     เชื่อไหมว่าเอาไปใช้งานได้จริง/ ในเมื่อเราพิจารณาพื้นฐานว่าเข้าขั้นดีแล้ว  เรื่องอืนๆซึ่งง่ายกว่านี้  เช่นไปopp day / visit โรงงาน / หรืออ่าน นสพ./ดู web / อ่านวิเคราะห์จากโบรก   ก็ขึ้นกับความสามารถค้นหาตามความขยันของแต่ละคนแล้ว ดังนั้นผมจึงเชื่อว่าผมสามารถนำความรู้ที่จะศึกษานี้ไปใช้งานได้อย่างแน่นอนและเป็นประโยชน์อย่างมากด้วย

ไม่รู้ว่ายังจะมีโอกาสอยู่หรือเปล่า แต่ก็อยากลองนะดูครับ

ผมเลือกลงทุนในหุ้นไม่ใช่ว่าต้องการรวย ผมไม่อยากเป็นทาสของเงิน อยากมีอิสรภาพทางการเงิน ผมเชื่อว่าการลงทุนหุ้นในแนว VI สามารถทำให้มีอิสระภาพทางการเงินได้ ความตั้งใจหากมีอิสรภาพทางการเงินเมื่อไหร่ ผมอยากสละเวลาที่ไม่ต้องใช้ในการหาเงินมาทำประโยชน์ต่างๆให้กับสังคม

ผมได้อ่านหนังสือต่างๆที่ไม่ว่าจะเป็น ตีแตก , ชนะอย่างเต่า , One up on wallstreet , Buffetology , อ่านงบการเงินให้เป็น เป็นต้น ร่วมทั้งกระทู้ตะแกรงร่อนของพี่วิบูลย์ และกระทู้ต่างๆในห้องคุณค่า และอีกมากมาย

แต่รู้สึกว่าผมยังไม่สามารถเชื่อมโยงความรู้ต่างๆที่ได้จากหนังสือและกระทู้เหล่านี้ได้เลยครับ และผมคิดว่าหลายคนก็คงเป็นเหมือนผม
ขอตอบคำถามพี่มนตรีครับ

เรียนอะไร?

- การดูปัจจัยพื้นฐานของบริษัทในอดีตและปัจจุบัน เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจในอนาคต ผ่านงบการเงิน , business model และอื่นๆ

- การเชื่อมโยงความรู้ต่างๆ ที่ได้จากหนังสือ กระทู้ต่างๆใน thaivi เพื่อสำหรับวิเคราะห์ธุรกิจ

เอาไปทำอะไร?
คัดเลือกบริษัทที่เราจะร่วมเป็นเจ้าของ และแบ่งปันให้คนอื่นผ่านทางเว็ป thaivi เท่าที่จะทำได้

เชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้งานได้จริง?
ผมเชื่อมั่นในแนวทาง IV ว่ามันจะทำให้ผมมีอิสรภาพทางการเงิน

1.เรียนอะไร
- เรียนรู้การอ่านงบการงินให้รู้เท่าทันวัตถุประสงค์ของผู้จัดทำ มองงบในมุมของผู้มีประสบการณ์ ไม่หลงกลบัญชี และ เข้าใจเจตนาของผู้จัดทำงบ
- เรียนรู้การมองกิจการในเชิงคุณภาพ

2. เอาไปทำอะไร
- นำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดเพื่อใช้ในการวิเคราะห์กิจการที่เราสนใจ
- ขยายลัทธิ VI

3. เชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้ได้จริง
- แน่นอนครับ ความรู้ยิ่งใช้ยิ่งเพิ่ม

ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าผมเป็นนักลงทุนหน้าใหม่ ขอตอบคำถามพี่มนตามนี้ครับ
1. เรียนอะไร
ตอบว่า คำถามนี้กว้างมากๆ แต่ผู้ที่จะสอนและผู้ที่จะเรียนก็ต้องเข้าใจตรงกันก่อนจะสอนและจะเรียน เพื่อที่จะได้ไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตรงกัน
2. เอาไปทำอะไร
ตอบว่า ข้อนี้ก็ต้องย้อนกลับไปดูข้อแรกว่าเราได้เรียนอะไรไป เราถึงจะรู้ว่าเราสามารถนำไปใช้ทำอะไรได้จากเรื่องที่เราได้เรียนไป  
3. และเชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้งานได้จริง
ตอบว่า ผมเชื่อ เพราะอะไรที่เกิดจากความตั้งใจจริงบวกกับศรัทธาในตัวผู้สอนด้วยก็สามารถนำไปใช้ได้จริง ขอเพียงแต่ให้รู้และเข้าใจมันจริงๆ เท่านั้น ทุกเรื่องก็ไม่น่าจะยากเกินไปสำหรับเรา ทุกอย่างมีทางออกเสมอ
ขอบคุณครับ

อีเมล์ของผม : [email protected]

ไม่มีความรู้เรื่องบัญชีมาก่อน จบสายวิทย์ ป.ตรี จะเรียนได้ไหมคะ ถ้าเรียนได้ ขอสมัครคนนึง ค่ะ

วันจันทร์หน้าท่านที่ตอบคำถามเข้ามาให้เข้าไปดูที่ PMของท่าน ทุกคนจะได้PMจากผม แต่คนที่ผมเลือกผมจะให้LinkไปDownload เนื้อหามาอ่านก่อน

ส่วนท่านที่ไม่ได้ Link จะได้รับเหตุผลว่าทำไมผมตอบปฎิเสธ แต่ท่านไม่ต้องห่วง ว่าจะไม่ได้เรียน ได้เรียนแน่เพราะทุกท่านที่ตอบคำถามผมมา ผมถือว่าตั้งใจจริงๆ เห็นคุณค่าของการเรียนรู้ แต่ขอผมฝึกรุ่นแรกมาช่วยพวกท่านก่อน มีคนช่วยจะทำให้รุ่นหลังๆไปได้เร็วขึ้น ดีขึ้น และมีกลุ่มก้อนมากขึ้น

1. เรียนอะไร
เรียนการวิเคาระห์ในแนวทางของ VI และการหามูลค่าของบ.ที่เราสนใจ

2. เอาไปทำอะไร
เพี่อไปหาอิสระภาพทางการเงิน, มองแนวโน้มของธุรกิจที่เราถือหุ้นว่าอนาคตเป็นอย่างไรและเป็นเกราะป้องกันจะการตกแต่งงบของบ.


3. และเชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้งานได้จริง
ถ้าไม่เชื่อผมคงไม่มาตอบคำถามของพี่ครับ

=========================
ชีวิตมีแค่สองหมื่นกว่าวันจะมัวรอมันไปถึงไหนก้าวเดินออกไปแล้วทำมัน

ลุ้น PM ดีกว่าลุ้น ไปรษณียบัตร 54 ล้าน ของไทยรัฐ เสียอีกล่ะเนี่ย

ผมนึกว่าพี่มน ทยอยแจ้งผลไปซะแล้วนะคับเนี่ย

กำลังนั่งทำใจอยู่พอดี

กลับมามีความหวังอีกล่ะ  :D

1. เรียนอะไร

เรียนหลักการในการอ่านบัญชี ของกิจการเพื่อให้เราได้เข้าใจถึงคุณภาพและสุขภาพที่ผ่านมาของบริษัทนั้นๆ

2. เอาไปทำอะไร

ผมเองก็มีความตั้งใจเป็นอย่างมากที่อยากจะเป็นนักลงทุนที่ดี แต่เริ่มต้นช้ากว่าใครเพราะไม่ได้จบมาทางด้านนี้ แต่ก็ด้วยความตั้งใจจึงอ่านหนังสือเองแล้วตอนนี้มาทำงานด้านการลงทุน จากนั้นจึงเรียนต่อปริญญาโทด้านการเงิน แต่ก็ต้องยอมแพ้เลยครับ เมื่อเจอการอ่านบัญชี โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ๆที่มีบริษัทย่อยๆ นั้น ทำให้ผมงงมาก ตอนที่เรียนโทเองก็ไม่ได้มี workshop จริงจัง ในการอ่านงบด้วย ผมจึงพยายามหา workshop ที่มีการอบรมมานานแล้วครับ ดีใจครับที่พี่มนให้โอกาศพวกเราในครั้งนี้


3. และเชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้งานได้จริง

ผมต้องการจะเป็นนักวิเคราะห์ที่ดีครับ ตอนนี้มีใบอณุญาติแล้ว แต่ยังไม่ครับทำ paper สักบริษัทเดียวเลยครับ ถ้าผมได้อบรมครั้งนี้ละก็ จะนำมาหัดทำ paper เอง วิเคราะห์เองแล้ว อาจจะนำไปสู่อาชีพที่ผมต้องการอยากจะทำมานาน อีกด้วยครับ

ยังไงจะได้หรือไม่ได้ก็ต้องขอบคุณพี่มาไว้ด้วยนะครับที่ให้โอกาศกับพวกเราในครั้งนี้

สวัสดีครับ โล่งอกที่ยังเข้ามาทันเวลาก่อนที่พี่มนจะประกาศผลการคัดเลือก

โดยส่วนตัวผมจะเป็นคนที่ค้นคว้า หาข้อมูลก่อนที่จะลงมือทำหรือตัดสินใจ ครับ

ในการคัดเลือกบริษัทที่มีคุณภาพดีที่จะร่วมลงทุนด้วย เป้นเหตุผลสำคัญที่ผมจะต้องทำการบ้านอย่างหนัก เพื่อหาข้อมูลมาสนีบสนุนการตัดสินใจ

และเนื่องจากผมอยู่ในช่วงเริ่มต้นศึกษาจึงไม่รู้ว่าข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการชี้วัดว่า "บริษัทไหนมีคุณภาพดี ที่จะร่วมลงทุน" นั้นหาได้จากที่ไหนบ้างจึงจะครบถ้วนต่อการตัดสินใจ และมี KPI อะไรบ้าง

และผมก็คิดว่าเพื่อน ๆ ที่อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการศึกษาก็คงจะมีข้อสงสัยเช่นเดียวกัน ดังนั้นผมจึงขอเป็น 1 ในลูกศิษย์ของพี่มนที่จะได้รับคัดเลือกเข้าศึกษาใน "โรงเรียนการลงทุน" ของพี่มน เพื่อที่จะถ่ายทอดความรู้ไปยังนักลงทุนรุ่นต่อ ๆ ไปครับ

สำหรับคำตอบของ 3 คำถามของพี่มน มีดังนี้ครับ

1. เรียนอะไร
       เรียนศาสตร์และศิลป์ทุกอย่างที่จำเป็นต่อการชี้วัด "บริษัทที่มีคุณภาพ ที่จะร่วมลงทุน"

2. เอาไปใช้อะไร
       1. เพื่อค้นหา "บริษัทที่มีคุณภาพ ที่จะร่วมลงทุน"
       2. เพื่อนำความรู้ที่ได้รับถ่ายทอดให้กับนักลงทุนที่สนใจ และตั้งใจที่จะลงทุนในแนวทางของ VI

3. เชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้ได้จริง
       ในช่วงเริ่มต้นที่เข้ามาศึกษาเรื่องการลงทุนในหุ้น ผมได้เห็นแนวทางการลงทุนแบต่าง ๆ เช่น เก็งกำไร หรือ VI เป็นต้น และผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีความคิดว่า ตัวอักษรย่อบนกระดาน ไม่ควรถูกมองเป็นเพียง "อักษรย่อ" เท่านั้น แต่ควรจะมองลึกลงไปของแต่ละ "อักษรย่อบนกระดาน" ให้เป็นบริษัทที่เราจะร่วมลงทุน (เหมือนกับเราจะตัดสินใจร่วมลงทุนกับเพื่อน เราจะต้องดูปัจจัยอะไรบ้างจึงจะตัดสินใจร่วมลงทุนกับเพื่อน) ดังนั้นแนงทางการลงทุนแบบ Value investor จึงเป็นแนวทางที่ผมเชื่อมั่นว่าเป็นแนวทางการลงทุนที่แท้จริง และสามารถนำไปใช้งานได้จริงครับ

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีครับ อ.มนตรี
ผมได้ติดตามกระทู้ตะแกรงร่อนหุ้นของ อ.วิบูลย์ มาได้ระยะหนึ่งแล้วครับ แต่อ่านไปก็รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง
เนื่องจากไม่ได้จบมาทางด้านบริหารหรือเศรษฐศาสตร์ครับ แต่ก็พยายามหาอ่านจากหนังสือบ้างครับ แต่ก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่นักครับ
ได้อ่านในกระทู้ของ อ.วิบูลย์ในตอนหลังๆ เพิ่งทราบว่ามีการอบรมเรื่องการดูงบการเงินของ อ.มนตรี เลยสนใจมากๆเลยครับ เนื่องจากอ่านหนังสือตีแตกของ อ.นิเวศน์ มาประมาณหลายรอบได้ครับ ก็สนใจในการลงทุนสไตล์ value investor ครับ และได้เปิดพอร์ทเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่มีความรู้ทางด้านงบการเงินเลยครับ ก็ยังไม่ได้ลงทุนเลยครับ หวังว่าคงได้เป็นส่วนหนี่งของการอบรมครั้งนี้ด้วยนะครับ ขอตอบคำถามเลยครับ
เรียนอะไร?
งบการเงิน และตัวแปรต่างๆที่เกี่ยวกับงบการเงิน
เอาไปทำอะไร?
วิเคราะห์งบการเงินของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผมถือว่าเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ของนักลงทุนสไตส์ value investor ครับ
และเชื่อไหมว่าเรียนแล้วจะเอาไปใช้งานได้จริง
เชื่อครับ แต่ในหลักของกาลามสูตรนะครับ คือรู้หลักการของอาจารย์มนตรีแล้ว แต่คงต้องไปปรับใช้ตามประสบการณ์จริงอีกทีครับ เหมือนกับได้อาวุธที่สำคัญอีกชิ้นเพื่อออกรบในสนามจริงอีกครั้งครับ

ปล. หวังว่าผมคงเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมในการอบรมของอาจารย์นะครับ

**** เรียนอะไร? เอาไปทำอะไร? และเชื่อไหม ****

1) เรียนอะไร
    - ต้องการเรียนเรื่องบัญชี ทั้งพื้นฐาน และ advance ถ้าเป็นไปได้ เพราะส่วนนึงผมจบมาทางสายวิทย์ทำให้ความรู้เรื่องพวกนี้จะด้อยๆไปครับ

2) เอาไปทำอะไร
    - ส่วนนึงผมต้องการนำไปใช้กับการดูงบการเงินของบริษัทต่างๆ ในตลาดหลักทรัำพย์เป็นหลัก เพื่อที่จะได้มีความรู้เป็นภูมิคุ้มกันทางการเงินไปในตัวครับ เพราะก่อนหน้านี้ผมดูเป็นแค่แนวธุรกิจ ค่า PE EPS เพียงเท่านี้ ซึ่งมันก็ใช้ได้ดีในระดับนึง แต่ผมคิดว่าไม่เพียงพอครับ

3) เชื่อไหมว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้
    - ตอนนี้ยังไม่มั่นใจเต็ม 100% ครับว่าจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ให้เกิดผลอย่างเต็มที่ แต่ผมมั่นใจในระดับนึงว่า หากผมได้เข้าเรียนบัญชีในครั้งนี้ผมจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันในการเลือกหุ้นสักตัวเข้าพอร์ตได้แน่นอนครับ




ปล. ต้องแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมจบ สายวิทยาศาสตร์-เคมีมา ไม่มีความรู้ด้านบัญชีเลยแม้แต่น้อย

ที่แรกเลยก็ว่าจะตอบทาง E-mail แต่นับดูแล้วคงตอบไม่ไหวแน่ เลยขอประกาศตรงนี้เลย

ตามที่ประกาศไว้ว่ารับแค่20 คนนั้น ผมเลือกได้ยากจริงๆ พยายามเลือกแบบไม่ให้มีBiasที่สุด ผมเลือกได้ 30คน เชื่อว่าจะมีคนสละสิทธิบ้าง อย่างไรก็ตาม จะมาหรือไม่มาผมขอประกาศไว้ว่าท่านผ่านการคัดเลือก

ส่วนท่านที่ไม่มีชื่อปรากฎ ก็ไม่ต้องเสียใจ เสียดาย รออีกไม่นาน จะได้เรียนครับ

ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือก ดังนี้

krisy
niphon55
paul_n
Samaha
Bport
Anakinnet
noppakung
911
Mrj052
densin
นะโม
Jung_oh
earthcu
mac69
kanakum
fujung
koppakhun
wormhole
nuttipol
cantona_z
foobar
viewview
koei
Teathink
nadeandw
Value_indy
auspicja
noooon010
sutee-luck
alongkot2507
Weerayuth
RONNAPUM

สำหรับท่านที่ปรากฎนามแฝงข้างบนกรุณาส่ง ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และ E-mail Address มาที่ [email protected] ภายในวันที่ 21 กรกฎาคม ผมจะส่ง Link ไปให้

Mon money เขียน:
ประกาศรายชื่อผู้ได้รับคัดเลือก ดังนี้

krisky

สำหรับท่านที่ปรากฎนามแฝงข้างบนกรุณาส่ง ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และ E-mail Address มาที่ [email protected] ภายในวันที่ 14 กรกฎาคม ผมจะส่ง Link ไปให้

เนื่องจาก user = krisky ไม่มีในเวป ลอง search หาดูแล้วค่ะ ไม่ทราบว่าเข้าข้างตัวเองว่าเป็น krisy จะได้หรือเปล่าหนอ  :oops:

แต่ยังไง krisy ส่งรายละเอียดไปให้พี่มนแล้วนะคะ เพราะหมดเขตพรุ่งนี้

ขอบคุณมากค่ะ

ขอบคุณอาจารย์มนตรีที่กรุณาให้โอกาสผมได้เรียนครับ
       
   ผมได้ส่งชื่อและที่อยู่ให้แล้วนะครับ

ขอบคุณพี่มนมากครับที่ให้โอกาส ผมได้ส่งรายละเอียดไปให้แล้วครับ

ขอบคุณมากครับ.

ไม่เป็นไรรอรอบหน้าก็ได้    



=========================
ชีวิตมีแค่สองหมื่นกว่าวันจะมัวรอมันไปถึงไหนก้าวเดินออกไปแล้วทำมัน

ขอบคุณครับ อ.มน

ผมส่งรายละเอียดไปที่เมลแล้วนะครับ

ยินดีกับผู้ได้เรียนด้วยนะครับ ยังไงรอบหน้าผมจะลองใหม่ครับ

ขอบคุณมากครับ อ. มนตรี