news13/11/07
โพสต์แล้ว: อังคาร พ.ย. 13, 2007 2:50 pm
ธนาคารดอยช์แบงก์ ชี้ วิกฤติ Subprime สร้างความเสียหายทั่วโลกเกือบ 14 ล้านล้านบาท
Posted on Tuesday, November 13, 2007
ธนาคารดอยช์แบงก์ ชี้ Subprime อาจเสียหายสูงถึง 13.6 ล้านล้านบาททั่วโลก
นายไมค์ เมโย นักวิเคราะห์จากธนาคารดอยช์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำจากเยอรมนี เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกจะขาดทุนจากวิกฤติสินเชื่อ และตราสารหนี้ Subprime สูงมากถึง 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 13.6 ล้านล้านบาท เนื่องจากทุกๆ 4 รายการของสินเชื่อดังกล่าวของธนาคาร จะมี 1 รายการที่ต้องการลายเป็นหนี้สูญ ทั้งนี้ จากมูลค่าดังกล่าว จะพบว่า ความเสียหายเฉพาะในส่วนสินเชื่อ Subprime จะอยู่ระหว่าง 1.5 2.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5.1 - 8.5 ล้านล้านบาท
ธนาคารดอยช์แบงก์ เผย สิ้นปีนี้ กลุ่มแบงก์ขาดทุนทะลุกว่า 2 ล้านล้านบาท
หากพิจารณาในส่วนที่เหลือ จะเป็นมูลค่าความเสียหายที่อยู่ในส่วนของตราสารหนี้ หรือตราสารอนุพันธ์ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือเรียกกันว่าซีดีโอ มากถึง 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5.1 ล้านล้านบาท นักวิเคราะห์จากธนาคารดอยช์แบงก์ กล่าวเสริมว่า ธนาคารขนาดใหญ่ และบริษัทหลักทรัพย์อาจขาดทุนระหว่าง 1 1.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.4 - 5.1 ล้านล้านบาท เฉพาะสิ้นปีนี้ มูลค่าขาดทุนในกลุ่มดังกล่าวอาจอยู่ระหว่าง 6 - 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2 - 2.4 ล้านล้านบาท
อีเทรด อาจล้มละลายจากวิกฤติสินเชื่อ Subprime
อีเทรด ไฟแนนเชียล คอร์ปอเรชั่น บริษัทที่ให้บริการทางการเงินในระบบออนไลน์ชื่อดังของสหรัฐ อาจต้องถึงขั้นล้มละลาย จากสาเหตุวิกฤตสินเชื่อ Subprime ที่ลุกลามไปถึงลูกค้าของอีเทรด ไฟแนนเชียลส่งผลให้บริษัทดังกล่าวต้องตัดหนี้สูญที่มีมูลค่าสูงมากถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.4 หมื่นล้านบาท มีผลให้นักลงทุนกระหน่ำเทขายหุ้นของอีเทรด ไฟแนนเชียล คอร์ปอเรชั่น อย่างหนาตา กดราคาหุ้นลงมากถึง 59% ทำสถิติราคาต่ำสุดในรอบ 5 ปี ล่าสุด กลต. สหรัฐ อาจเข้าไปตรวจสอบกระบวนการปล่อยสินเชื่อ
นักวิชาการสหรัฐ ชี้ อสังหาริมทรัพย์สหรัฐ ทรุดต่อเนื่องถึง 10 ปี
นายโรเบิร์ต ชิลเลอร์ อาจารย์สาขาเศรษฐศาสตร์ชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยเยลล์ในสหรัฐ และยังเป็นผู้จัดทำค่าดัชนีราคาบ้านที่มีชื่อว่า เอสแอนด์พี เคส ชิลเลอร์ กล่าวว่า ภาวะตกต่ำอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ จะยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดอย่างที่หลายคนตั้งความหวัง ในทางกลับกัน ภาวะดังกล่าวอาจเลวร้ายต่อเนื่องในอีก 5 - 10 ปีข้างหน้าจากนี้ไป นอกจากนี้ ราคาบ้านในสหรัฐที่ตกต่ำในขณะนี้ อาจสร้างความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิมอีก 2 เท่า และในปีหน้า ราคาบ้านในสหรัฐจะตกต่ำมากกว่าในปีนี้ โดยมีโอกาสสูงที่ราคาบ้านจะทรุดลงถึง 10%
คันทรี่ไวด์ ไฟเนนเชียล ชี้ ลดอันดับเรตติ้ง กระทบเงินทุน
บริษัท คันทรี่ไวด์ ไฟแนนเชียล คอร์ปอเรชั่น สถาบันการเงินด้านบริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ กล่าวว่า ความสามารถ และโอกาสในการระดมเงินทุน รวมถึงการเพิ่มปริมาณเงินฝากของธนาคารในเครือ และตามสาขาต่างๆทั่วสหรัฐ ที่ตั้งไว้ 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.87 แสนล้านบาท อาจได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน หากบรรดาบริษัทจัดอันดับ หรือเรตติ้งชั้นนำต่างๆ ตัดสินใจลดอันดับความน่าเชื่อของบริษัทลงไปอยู่ระดับต่ำกว่า การลงทุน
ไอเอ็มเอฟในยุโรป ย้ำ เงินเหรียญสหรัฐมีค่าสูงเกินจริง
นายมิเชล เดรพเพอร์ หัวหน้ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟประจำภาคพื้นยุโรปเปิดเผยว่า ค่าเงินเหรียญสหรัฐยังคงมีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริง ในขณะเดียวกัน ค่าเงินเหรียญยูโร ยังไม่มีมูลค่าในระดับที่สมดุลเมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐ โดยแข็งค่าทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 1.47 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ยูโร ส่งผลให้ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่ามากถึง 10% ตั้งแต่ต้นปีนี้ นายมิเชล เดรพเพอร์ ชี้ว่า ปัญหาที่กดดันค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลง อยู่ที่มูลค่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ระดับ 5% เมื่อเทียบกับมูลค่าจีดีพีของประเทศ
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
Posted on Tuesday, November 13, 2007
ธนาคารดอยช์แบงก์ ชี้ Subprime อาจเสียหายสูงถึง 13.6 ล้านล้านบาททั่วโลก
นายไมค์ เมโย นักวิเคราะห์จากธนาคารดอยช์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ชั้นนำจากเยอรมนี เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ทั่วโลกจะขาดทุนจากวิกฤติสินเชื่อ และตราสารหนี้ Subprime สูงมากถึง 4 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 13.6 ล้านล้านบาท เนื่องจากทุกๆ 4 รายการของสินเชื่อดังกล่าวของธนาคาร จะมี 1 รายการที่ต้องการลายเป็นหนี้สูญ ทั้งนี้ จากมูลค่าดังกล่าว จะพบว่า ความเสียหายเฉพาะในส่วนสินเชื่อ Subprime จะอยู่ระหว่าง 1.5 2.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5.1 - 8.5 ล้านล้านบาท
ธนาคารดอยช์แบงก์ เผย สิ้นปีนี้ กลุ่มแบงก์ขาดทุนทะลุกว่า 2 ล้านล้านบาท
หากพิจารณาในส่วนที่เหลือ จะเป็นมูลค่าความเสียหายที่อยู่ในส่วนของตราสารหนี้ หรือตราสารอนุพันธ์ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือเรียกกันว่าซีดีโอ มากถึง 1.5 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 5.1 ล้านล้านบาท นักวิเคราะห์จากธนาคารดอยช์แบงก์ กล่าวเสริมว่า ธนาคารขนาดใหญ่ และบริษัทหลักทรัพย์อาจขาดทุนระหว่าง 1 1.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.4 - 5.1 ล้านล้านบาท เฉพาะสิ้นปีนี้ มูลค่าขาดทุนในกลุ่มดังกล่าวอาจอยู่ระหว่าง 6 - 7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2 - 2.4 ล้านล้านบาท
อีเทรด อาจล้มละลายจากวิกฤติสินเชื่อ Subprime
อีเทรด ไฟแนนเชียล คอร์ปอเรชั่น บริษัทที่ให้บริการทางการเงินในระบบออนไลน์ชื่อดังของสหรัฐ อาจต้องถึงขั้นล้มละลาย จากสาเหตุวิกฤตสินเชื่อ Subprime ที่ลุกลามไปถึงลูกค้าของอีเทรด ไฟแนนเชียลส่งผลให้บริษัทดังกล่าวต้องตัดหนี้สูญที่มีมูลค่าสูงมากถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 3.4 หมื่นล้านบาท มีผลให้นักลงทุนกระหน่ำเทขายหุ้นของอีเทรด ไฟแนนเชียล คอร์ปอเรชั่น อย่างหนาตา กดราคาหุ้นลงมากถึง 59% ทำสถิติราคาต่ำสุดในรอบ 5 ปี ล่าสุด กลต. สหรัฐ อาจเข้าไปตรวจสอบกระบวนการปล่อยสินเชื่อ
นักวิชาการสหรัฐ ชี้ อสังหาริมทรัพย์สหรัฐ ทรุดต่อเนื่องถึง 10 ปี
นายโรเบิร์ต ชิลเลอร์ อาจารย์สาขาเศรษฐศาสตร์ชื่อดังแห่งมหาวิทยาลัยเยลล์ในสหรัฐ และยังเป็นผู้จัดทำค่าดัชนีราคาบ้านที่มีชื่อว่า เอสแอนด์พี เคส ชิลเลอร์ กล่าวว่า ภาวะตกต่ำอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐ จะยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดอย่างที่หลายคนตั้งความหวัง ในทางกลับกัน ภาวะดังกล่าวอาจเลวร้ายต่อเนื่องในอีก 5 - 10 ปีข้างหน้าจากนี้ไป นอกจากนี้ ราคาบ้านในสหรัฐที่ตกต่ำในขณะนี้ อาจสร้างความเสียหายมากขึ้นกว่าเดิมอีก 2 เท่า และในปีหน้า ราคาบ้านในสหรัฐจะตกต่ำมากกว่าในปีนี้ โดยมีโอกาสสูงที่ราคาบ้านจะทรุดลงถึง 10%
คันทรี่ไวด์ ไฟเนนเชียล ชี้ ลดอันดับเรตติ้ง กระทบเงินทุน
บริษัท คันทรี่ไวด์ ไฟแนนเชียล คอร์ปอเรชั่น สถาบันการเงินด้านบริการสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ กล่าวว่า ความสามารถ และโอกาสในการระดมเงินทุน รวมถึงการเพิ่มปริมาณเงินฝากของธนาคารในเครือ และตามสาขาต่างๆทั่วสหรัฐ ที่ตั้งไว้ 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.87 แสนล้านบาท อาจได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน หากบรรดาบริษัทจัดอันดับ หรือเรตติ้งชั้นนำต่างๆ ตัดสินใจลดอันดับความน่าเชื่อของบริษัทลงไปอยู่ระดับต่ำกว่า การลงทุน
ไอเอ็มเอฟในยุโรป ย้ำ เงินเหรียญสหรัฐมีค่าสูงเกินจริง
นายมิเชล เดรพเพอร์ หัวหน้ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟประจำภาคพื้นยุโรปเปิดเผยว่า ค่าเงินเหรียญสหรัฐยังคงมีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริง ในขณะเดียวกัน ค่าเงินเหรียญยูโร ยังไม่มีมูลค่าในระดับที่สมดุลเมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐ โดยแข็งค่าทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 1.47 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ยูโร ส่งผลให้ค่าเงินยูโรปรับแข็งค่ามากถึง 10% ตั้งแต่ต้นปีนี้ นายมิเชล เดรพเพอร์ ชี้ว่า ปัญหาที่กดดันค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลง อยู่ที่มูลค่าการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดที่ระดับ 5% เมื่อเทียบกับมูลค่าจีดีพีของประเทศ
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx