สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1141

โพสต์

ADVANC เล็งเปิด 3G ภายใน 1H56 ตั้งงบกว่า 2 พันลบ.รองรับบริการ data


วันพุธที่ 12 ธันวาคม 2555 เวลา 16:17:46 น.


นายวิเชียร เมฆตระการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส หรือ ADVANC เปิดเผยว่า บริษัทได้ตรียมความพร้อมมาอย่างต่อเนื่องในการให้บริการ 3G โดยเน้นการส่งมอบบริการอย่างมีคุณภาพสูงสุดในทุกด้าน ทั้งการพัฒนางานด้าน Customer Service หรือบริการลูกค้า อาทิ การเสริมศักยภาพงานบริการของ AIS Shop, AIS Call Center และร้านเทเลวิซ โดยได้เตรียมเงินลงทุนไว้กว่า 2,000 ล้านบาท ในปี 56 เพื่อพัฒนาศักยภาพรองรับการใช้งาน Data ของลูกค้า ประเดิมด้วยการเปิดตัว AIS Flagship Store ในวันที่ 12 ธันวาคม 2555

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตร Smart Device พร้อมการพัฒนา Application เพื่อตอบพฤติกรรมใช้งาน 3G มีการขออนุมัติเลขหมายจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เพื่อพร้อมต่อการให้บริการได้อย่างรวดเร็วในช่วงของการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ขณะนี้บริษัทได้เร่งติดตั้งเครือข่าย 3G คลื่น 2.1 GHz เพื่อเตรียมพร้อมในการเปิดตัวการให้บริการ 3G อย่างรวดเร็วที่สุด และคาดว่าจะสามารถให้บริการได้ภายในครึ่งปีแรกของปี 56 และคณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติงบลงทุนเบื้องต้นในการเปิดให้บริการในเฟสแรกเป็นเงินประมาณ 13,000 ล้านบาท

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1142

โพสต์

รูปภาพ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1143

โพสต์

***หุ้นโค้งสุดท้าย...SET พุ่งทำ New high

ดัชนี SET วันนี้ปิดตลาดอยู่ที่ระดับ 1,354.57 จุด เพิ่มขึ้น +13.24 จุด
หรือ +0.99% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43,485.08 ล้านบาท

- นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ +150.89 ล้านบาท
- บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ขายสุทธิ -150.89 ล้านบาท
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ +4,387.76 ล้านบาท
- นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ -3,635.77 ล้านบาท




นางสาววิริยา ลาภพรหมรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายพัฒนาธุรกิจ บล.เกียรตินาคิน บอกในรายการหุ้นโค้งสุดท้ายว่า หุ้นไทยวันนี้พุ่งทำ New high ปิดที่ 1,354 จุด ซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ โดยได้รับปัจจัยบวกจาก 2 ประเด็นหลัก ทั้งประเด็นการประชุม FOMC น่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังมาตรการ Operation twist จะสิ้นสุดลง ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 0.5% รวมถึงในช่วงท้ายสัปดาห์มีความหมายว่าการพูดคุยเรื่องหน้าผ้าทางการคลังของสหรัฐ (Fiscal cliff) น่าจะมีความคืบหน้า นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจจีนก็ดี ทำให้ตลาดหุ้นไทยทำนิวไฮ


กลยุทธ์การลงทุน ถ้าถือหุ้นและราคาปรับขึ้นน้อยว่าตลาดฯ แต่ผลประกอบการเด่น แนะนำถือต่อ แต่หากราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นโดดเด่นมากๆ หรือขึ้นมาหลายวันแล้ว แนะขายทำกำไร

จากการรวบรวมของ Money Channel บริษัทหลักทรัพย์ต่าง ๆ ให้กรอบการลงทุนทางด้านเทคนิคและหุ้นแนะนำในวันพรุ่งนี้ดังนี้
บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,350-1,360 จุด หุ้นเด่น PTT
บล.คันทรี่ กรุ๊ป ให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีไว้ที่ 1,345-1,360 จุด หุ้นเด่น SOLAR


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1144

โพสต์

รูปภาพ

หุ้นไทยปิดพุ่งรับความหวังเฟดออกมาตรการใหม่

ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดบวก 13.24 จุด ตามตลาดต่างประเทศ- เทรดบนความคาดหวังเฟดจะมีมาตรการเพิ่ม
วันนี้ (12 ธ.ค. 55)ตลาดหุ้น ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,354.57 จุด เพิ่มขึ้น 13.24 จุด(+0.99%)มูลค่าการซื้อขาย 43,485.08 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นดีกว่าคาด-วอลุ่มเทรดใช้ได้ ทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาค-ยุโรป มองเป็นการเทรดบนความคาดหวังเฟดจะมีมาตรการใหม่มาเสริมหลัง Operation Twist หมดอายุลงเดือนนี้ ลุ้นเม็ดเงินใหม่เข้ามาหมุนเวียน โดยเฉพาะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้พื้นฐานเศรษฐกิจไทยดีต่อเนื่องปีหน้าจากแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในที่มาจากโครงการภาครัฐฯ เชื่อดึง Flow เข้ามาต่อเนื่อง พรุ่งนี้หากเฟดมีมาตรการเสริมจริงตลาดฯก็มีลุ้นขึ้นต่อ พร้อมให้แนวรับ 1,345-1,340 แนวต้าน 1,360 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 1,354.57 จุด เพิ่มขึ้น 13.24 จุด(+0.99%)มูลค่าการซื้อขาย 43,485.08 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวในแดนบวกตลอดทั้งวัน โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,354.84 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,345.36 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 357 หลักทรัพย์ ลดลง 226 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 161 หลักทรัพย์

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นดีกว่าที่คาดไว้ และวอลุ่มเทรดโดยรวมก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีใช้ได้ ซึ่งตลาดบ้านเราปรับตัวขึ้นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนบวก และบ่ายนี้ตลาดยุโรปบวกเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ มองว่าเป็นการเทรดบนความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะมีมาตรการใหม่เพิ่มเข้ามา ภายหลังจากมาตรการ Operation Twist กำลังจะหมดอายุลงสิ้นเดือนนี้ ตลาดฯคาดว่าอาจจะมีเงินใหม่เข้ามา หากเป็นจริงมาตรการใหม่จะดีกว่า Operation Twist เพราะเหมือนกับการเพิ่มสภาพคล่องและอาจมีเงินไหลเข้ามาที่สินทรัพย์เสี่ยง หมายรวมถึงตลาดหุ้นด้วย

นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราก็มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีต่อเนื่องในปีหน้า(2556)จากแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในที่มาจากโครงการภาครัฐฯที่จะเป็นตัวผลักดันเศรษฐกิจไทย และกำไรของบริษัทจดทะเบียนให้มีการเติบโตดี จึงน่าจะเป็นตัวดึง Flow ให้ไหลเข้ามาต่อเนื่องในตลาดบ้านเรา แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(13 ธ.ค.)น.ส.ธีรดา กล่าวว่า หากเฟดมีมาตรการเพิ่มเข้ามาจริง ตลาดฯก็มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้ แต่คงจะไม่แรงกว่าวันนี้ เพราะวันนี้ตลาดฯได้ปรับตัวขึ้นมารับข่าวไปบ้างแล้ว พร้อมให้แนวรับ 1,345-1,340 จุด แนวต้าน 1,360 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

BEAUTY มูลค่าการซื้อขาย 2,983.60 ล้านบาท ปิดที่ 16.10 บาท จากราคา IPO 8.00 บาท
CPF มูลค่าการซื้อขาย 1,916.81 ล้านบาท ปิดที่ 34.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,591.85 ล้านบาท ปิดที่ 194.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,547.18 ล้านบาท ปิดที่ 192.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,472.43 ล้านบาท ปิดที่ 157.50 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1145

โพสต์

สรุปข่าววันที่ 12 ธ.ค.2555 เวลา 06.00 น.-18.00 น.

รูปภาพ

"ยิ่งลักษณ์" นั่งหัวโต๊ะถกแก้ปมโจรพุ่งเป้ายิงครูใต้ ยอมรับปัญหาเกิดจากเร่งฝึกตำรวจไม่ทัน และยุทโธปกรณ์ไม่เพียงพอ "เฉลิม" ซัดแก๊งน้ำมันเถื่อนเอี่ยว ชี้เริ่มจนตรอกเลยก่อเหตุรุนแรง ขณะที่“เสริมศักดิ์” เสนอตั้งศูนย์เฉพาะกิจถาวรทำให้ครูมั่นใจมากขึ้น ประธาน กกต.หนุน ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก่อนโหวตวาระ 3 เชื่อลดความขัดแย้งได้...

http://www.thairath.co.th/content/region/312911


รูปภาพ
โดย ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์
12 ธันวาคม 2555, 18:05 น.
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1146

โพสต์

ดัชนีหุ้นไทยปีหน้า มีโอกาสแตะ 1,700 จุด


บลจ.กรุงศรี ระบุ ตลาดหุ้นปีหน้ายังลงทุนได้ คาด ดัชนีอาจจะไปถึง 1,700 จุด
พร้อมยืนยัน ไม่เกิดฟองสบู่


ในงานสัมมนา “อนาคตเศรษฐกิจไทย สร้างโอกาสลงทุน ลุ้นผลตอบแทนปี 2556” ซึ่งจัดโดย Money Channel นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี บอกถึงภาวะตลาดหุ้นในช่วงปีหน้าว่า จะมีความน่าสนใจ โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตที่ 6-7% ขึ้นไป ที่อัตราเงินเฟ้อ 4% ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะช่วยหนุนให้มีความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น

โดยในปัจจุบันตลาดหุ้นเติบโตถึง 30% จากปีก่อน แต่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนก็ปรับเติบโตขึ้น 10% เป็นการรองรับปัจจับพื้นฐานในปีหน้าด้วย ซึ่งมองว่าในปีหน้าจะยังคงสามารถลงทุนได้ โดยดัชนีจะอยู่ในกรอบ 1,250 จุด ถึง 1,650 จุด และอาจไปถึง 1,700 จุดได้ในปีหน้าด้วย

ส่วนความกังวลว่าตลาดหุ้นไทย อาจเกิดภาวะฟองสบู่ได้นั้น ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.กรุงศรี บอกว่า แม้ตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนอยู่ แต่เราสามารถสังเกตได้จากราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีว่าในภาวะตลาดช่วงนั้น เกินกว่า 3 เท่าหรือไม่ ซึ่งในขณะนี้เอง ยังอยู่ที่ระดับ 1.8 – 2 เท่า จึงยังไม่น่ากังวลอะไร แต่หากดัชนีหลักทรัพย์ปรับขึ้นไปถึง 3,000 – 4,000 จุด ก็อาจเป็นช่วงที่ต้องกังวลถึงภาวะฟองสบู่ ซึ่งภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้น มักจะเกิดหลังจากฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ไปแล้ว

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1147

โพสต์

เซ็นทรัล รีเทล ตั้งเป้าโตกว่า 20% ปี 56


เซ็นทรัล รีเทล คาด ธุรกิจค้าปลีกปีหน้าสดใส ตั้งเป้าโตกว่า 20% รับอานิสงค์ AEC

นายพจน์ จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น ประเมิน แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกปีหน้า ยังคงขยายตัวได้อย่างเนื่องจากปีนี้ โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่ ประเทศไทย จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ที่จะทำให้ประชาชนมีรายได้สูงขึ้น และส่งผลดีต่อธุรกิจภายในประเทศ โดยในส่วนของ เซ็นทรัลฯ ตั้งเป้าเติบโตทางด้านยอดขายในปี 2556 กว่า 20%

พร้อมมีแผนที่รุกตลาดอาเซียน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในประเทศอื่นๆ หลังจากเข้าไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย

ทั้งนี้ นายพจน์ บอกต่อว่า เซ็นทรัลฯ ยังมีแผนที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ในประเทศ ให้มีความแข็งแรงขึ้น ด้วยการสานต่อโครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ OTOP โดยนำสินค้าของชุมนุมมาวางขาย โดยตั้งเป้ายอดขายสินค้า OTOP ไว้ที่อัตราการเติบโต 5% ในปี 2556

ซึ่งโครงการนี้ นอกจากจะเป็นการเตรียมความพร้อมของ SME ให้ก้าวสู่ ACE ในอนาคตแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ให้กับ เซ็นทรัลฯ อีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน เซ็นทรัลฯ มีส่วนแบ่งยอดขายจากผู้ประกอบการไทย 80% และสินค้านำเข้า 20%

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1148

โพสต์

12/12/12 ตอน เม้าท์มอย เศรษฐีหุ้นไทย 2012
สรุปภาวะหุ้นแบบฮาๆ ประจำวันที่ 12/12/12

รูปภาพ

http://ibizchannel.com/view.aspx?cid=504
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1149

โพสต์

SET: SET News : ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดบวกเหนือระดับ 1,350 จุด
แนะผู้ลงทุนติดตามข้อมูล



ฉบับที่ 149/2555
12 ธันวาคม 2555

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดบวกเหนือระดับ 1,350 จุด แนะผู้ลงทุนติดตามข้อมูล
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในวันนี้ (12 ธันวาคม
2555) ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ปิดปรับขึ้น 13.24 จุด หรือ 0.99% อยู่ที่ 1,354.57 จุด
ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดของปีนี้ และทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 16 ปี 10 เดือน (นับจากวันที่ 22 กุมภาพันธ์
2539 ซึ่งปิดที่ 1,361.42 จุด) ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียส่วนใหญ่ปรับขึ้น 0.5-0.8%

การปรับขึ้นของ SET Index อย่างต่อเนื่อง ได้รับปัจจัยสนับสนุนทั้งจากการเมืองไทยที่มีเสถียรภาพ
และปัจจัยนอกประเทศ ได้แก่ การที่ MSCI เพิ่มหลักทรัพย์ไทยเพื่อใช้ในการคำนวณ ดัชนี MSCI Global
Standard Indices จำนวน 4 หลักทรัพย์ และเพิ่ม 9 หลักทรัพย์ไทยในดัชนี MSCI Small-cap Indices
มีผลบังคับใช้ในสิ้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อสุทธิจากผู้ลงทุนต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศในยุโรป และอัตราการว่างงานในสหรัฐอเมริกาออกมาในทิศทางที่ดี
ส่งผลให้ผู้ลงทุนทั่วโลกคลายความกังวลในการแก้ปัญหาการคลังของสหรัฐอเมริกา
และคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางสหรัฐฯ เพิ่มเติมอีก ทั้งนี้ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น
30.8% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2554 สูงเป็นอันดับสองของตลาดหุ้นหลักในภูมิภาคเอเชีย

จากการที่มีข่าวต่าง ๆ ส่งผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ผู้ลงทุนควรติดตามข่าวสาร ข้อมูล
บทวิเคราะห์เพื่อติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และพิจารณากระจายความเสี่ยงในการลงทุนให้เหมาะสม

กลุ่มตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย "สานโอกาสการลงทุน เพื่อคุณ เพื่อธุรกิจ"
______________________________________________________________________
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1150

โพสต์

ไอเอ็มเอฟเตือนฮ่องกง เสี่ยงฟองสบู่อสังหาฯแตก

รูปภาพ

ไอเอ็มเอฟเตือนฮ่องกง เสี่ยงเจอภาวะฟองสบู่แตกในตลาดอสังหาฯ หลังดอกเบี้ยต่ำ-อุปทานจำกัดดันราคาบ้านพุ่งกระฉูด โดยช่วง 4 ปีที่ผ่านมาปรับเพิ่มแล้วกว่า 2 เท่า...

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า ฮ่องกงเสี่ยงเผชิญภาวะฟองสบู่แตกในตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ และปริมาณอุปทานที่จำกัด ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยในฮ่องกงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

"ภาคอสังหาริมทรัพย์คือต้นเหตุแห่งความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของฮ่องกง ซึ่งหากเกิดการปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วของราคาอสังหาริมทรัพย์ ผลกระทบรุนแรงจะเกิดขึ้นกับภาคเศรษฐกิจและการเงิน อาจจะยังคงไม่รุนแรงในระยะสั้น" ไอเอ็มเอฟ ระบุ

ทั้งนี้ ฮ่องกงกลายเป็นเมืองที่ราคาที่อยู่อาศัยแพงที่สุดในโลก หลังราคาบ้านเพิ่มขึ้นมาแล้ว 2 เท่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลต้องจำกัดการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ และเพิ่มจำนวนอุปทานในตลาด ขณะที่ในปีนี้ราคาที่อยู่อาศัยในฮ่องกงเพิ่มขึ้นมาแล้ว 20% อย่างไรก็ตาม สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ คิดเป็นสัดส่วนกึ่งหนึ่งของสินเชื่อทั้งหมดในฮ่องกง ทำให้เป็นความเสี่ยงใหญ่สำหรับภาคการเงินฮ่องกง

ขณะเดียวกัน ไอเอ็มเอฟคาดว่า จีดีพีฮ่องกงปี 2013 จะขยายตัวในอัตรา 3% ดีขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายตัว 1.25% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3.75% ในปีนี้ ส่วนปีหน้าจะอยู่ที่ 3.5%.


รูปภาพ
โดย ไทยรัฐออนไลน์
12 ธันวาคม 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1151

โพสต์

สมาคมกุ้งไทยวอนรัฐเร่งแก้ปัญหาส่งออกสหรัฐฯ-อียู

รูปภาพ
สมาคมกุ้งไทย วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ และอียูอย่างจริงจัง ก่อนถูกตัดสิทธิจีเอสพี ส่วนการส่งออกกุ้งไทยปี 55 อยู่ที่ 285,264 ตัน ลดลงจากปีก่อน 12.31%...

เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายสมศักดิ์ ปณีตัธยาศัย นายกสมาคมกุ้งไทย กล่าวถึงสถานการณ์กุ้งของไทย ปี 2555 ว่า ผลผลิตกุ้งปี 2555 โดยรวมประมาณ 540,000 ตัน หรือลดลงจากปีที่แล้วประมาณร้อยละ 10 ตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากปัญหาโรคระบาด แต่ถือเป็นผลผลิตที่ค่อนข้างเหมาะสม ทำให้ราคาไม่ตกลงมากนัก อย่างไรก็ตาม ขอให้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหาการถูกกล่าวหาเรื่องการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ รวมถึงเร่งเปิดเจรจาการค้าเสรีไทย-อียู ก่อนถูกตัดสิทธิจีเอสพี

“คาดปี 2555 ผลผลิตกุ้งไทยอยู่ที่ประมาณ 540,000 ตัน ลดลงจากปี 2554 ที่ผลิตกุ้งได้ 600,000 ตัน หรือลดลงร้อยละ 10 เนื่องจากปัญหาการผลิต แต่ถือเป็นปริมาณที่รับได้ เพราะตลาดต่างประเทศไม่ได้เอื้ออำนวยให้ขยายตัว ส่งผลให้ราคากุ้งไม่ตกต่ำมากนัก ในขณะปีนี้คาดว่าผลผลิตกุ้งทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 2,024,500 ตัน ลดลงจากปี 2554 ประมาณร้อยละ 13"

นายสมศักดิ์ กล่าวถึงการส่งออกกุ้งไทยว่า จากข้อมูลล่าสุดการส่งออกกุ้ง เดือน ม.ค.–ต.ค. ปีนี้อยู่ที่ 285,264 ตัน มูลค่า 79,134 ล้านบาท เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2554 ปริมาณลดลงร้อยละ 12.31 มูลค่าลดลงร้อยละ 12.67 โดยตลาดที่มีการส่งออกลดลง ได้แก่ สหรัฐฯ และอียู ในขณะที่ตลาดเอเชีย ญี่ปุ่น และจีน เพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า

สำหรับข้อเรียกร้องที่อยากฝากถึงภาครัฐ ได้แก่ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดของสหรัฐฯ หรือเอดี (AD) ที่ยังคงเป็นอุปสรรคการส่งออกกุ้งไปยังตลาดนี้ นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องแรงงาน ซึ่งไทยติดอยู่ในสถานะ Tier 2 Watch list เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งหากถูกจัดสถานะเป็น Tier 3 จะทำให้ถูกใช้มาตรการกีดกันทางการค้ารูปแบบอื่นๆ ต่อไป รวมถึงมาตรการจีเอสพีของสหภาพยุโรป ซึ่งมีแนวโน้มสูงที่ไทยจะถูกตัดสิทธิตามกฎระเบียบจีเอสพีใหม่ และถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงมาก และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของไทยอย่างมาก ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมากสำหรับอุตสาหกรรม.


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1152

โพสต์

รูปภาพ
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด(มหาชน)

“ณุศาศิริ” ลงทุน800ล้าน ผุดโครงการสวนน้ำใหญ่สุดในเอเชียเนื้อที่ 100ไร่เมืองพัทยา รับเทรนด์ตลาดท่องเที่ยวโต-เปิดเออีซี พร้อมเปิดคอนโดเทล5ดาว
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทเตรียมแผนขยายธุรกิจรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(เออีซี) ในปี 2558 ซึ่งเชื่อว่าจะมีต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวและลงทุนในประเทศไทยและในกลุ่มประเทศเออีซีมากขึ้น ทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งรูปแบบให้เช่าและซื้อเพิ่มขึ้น ดังนั้นบริษัทใช้เงินลงทุนกว่า 800 ล้านบาท สร้างสวนน้ำขนาดใหญ่ บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ในเมืองพัทยาภายใต้ชื่อ ”ณุศา เวอเตอร์แลนด์” ซึ่งถือเป็นสวนน้ำที่ใหญ่สุดในเอเชีย

“พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวมีการเติบโตสูง ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งต่างชาติและคนไทยเดินทางมาท่องเที่ยวราว 10 ล้านคนต่อปี และเมื่อพัทยามีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆเป็นสวนน้ำ เชื่อว่าจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น เห็นได้จากมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวสวนนงนุชประมาณ 6 พันคนต่อวัน ส่วนณุศา เวอเตอร์แลนด์ เราตั้งเป้าว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการสวนน้ำราว 2 พันคนต่อวันก็พอใจแล้ว”นายวิษณุกล่าว

นอกจากนี้ภายในโครงการยังพัฒนาเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวสูง 14 ชั้น บนเนื้อที่ 30 ไร่ มูลค่า 5 พันล้านบาท เป็นโรงแรมรูปแบบคอนโดเทล ที่เปิดให้ผู้ซื้อสามารถเป็นเจ้าของโรงแรมได้ โดยรับประกันรายได้ 3 ปี ผลตอบแทนขั้นต่ำ 5% ห้องขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 35 ตร.ม ราคา 3.5 ล้านบาท ขณะที่ผู้ซื้อได้สิทธิเข้าพัก 30 วันต่อปี

“การให้สิทธิเป็นเจ้าของโรงแรม ถือเป็นคอนเซปต์ใหม่ในเมืองไทย เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ไม่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียม เพราะต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนกลาง แต่ต้องการที่พักมาผ่อนได้ และยังสามารถทำรายได้ให้เจ้าของอีกด้วย” นายวิษณุกล่าว

สำหรับแผนในปีหน้าบริษัทเดินหน้าขยายเฟสใหม่ในโครงการเดิมและโครงการใหม่อย่างน้อย 6 โครงการ อาทิ โครงการณุศาชีวานี่ พระราม 2, ณุศากรีนเนอรี่ พระราม 2, ณุศาเลค โคโม พระราม2 รวมถึงโครงการใหม่ ณุศาชีวานี่ พัทยา รวมมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท โดยปีหน้าตั้งเป้ายอดขาย 4 พันล้านบาท และคาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ 2 พันล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ 1 พันล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า เชื่อว่ายังเติบโตต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยเรื่องดอกเบี้ยต่ำกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ รวมถึงการเปิดเออีซี จะทำให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น จะมีปัจจัยเสี่ยงเดียว คือวิกฤติเศรษฐกิจยุโรป แต่คาดว่าไม่กระทบกับตลาดเพราะเชื่อว่าคนไทยสามารถปรับตัวได้


รูปภาพ

วันที่ 12 ธันวาคม 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1153

โพสต์

สธ.ชงคณะกก.นโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติออกประกาศสำนักนายกฯห้ามซื้อ-ขายเหล้าริมทางหวังบังคับใช้ช่วงปีใหม่

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการเห็นชอบให้เสนอร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี 3 ฉบับต่อคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพื่อพิจารณาลงนามออกเป็นประกาศสำนักนายกฯต่อไป โดยประกาศดังกล่าวประกอบด้วย

1.ร่างประกาศสำนักนายกฯเรื่องกำหนดสถานที่
หรือบริเวณห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทาง พ.ศ...ยกเว้นทางที่เป็นที่ส่วนบุคคล

2.ประกาศสำนักนายกฯเรื่อง กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสวนสาธารณะของทางรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ พ.ศ... และร่างประกาศสำนักนายกฯ เรื่อง เวลา ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ....เนื่องจากมีการยกเลิกประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 253 ที่ให้ขายได้เฉพาะช่วง 11.00-14.00 น. และ17.00-24.00 น.

ทั้งนี้การเสนอให้มีการประกาศดังกล่าวก็เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากหากปล่อยให้มีการซื้อขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ข้างทางอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย รถวิ่งผ่านไปมาก็ซื้อมาดื่มได้ โดยจะพยายามเร่งให้มีการประกาศในช่วงปีใหม่ เพื่อให้มาตรการในการลดการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทยทั้งหมด

ขณะที่ นพ.สมาน ฟูตระกูล ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้กำลังขอวันประชุมจากนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ แต่ไม่รู้ว่าที่ประชุมจะเห็นอย่างไร ถ้าเห็นชอบก็ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เพราะก่อนหน้านี้มีการออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในทางสาธารณะขณะขับขี่ หรือโดยสารอยู่บนรถทุกประเภทโดยมีผลบังคับใช้แล้ว

"หากประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางออกมา
บังคับใช้ก่อนปีใหม่คงช่วยได้มาก เพราะถนนที่รถวิ่ง ฟุตบาท ไหล่ทาง
ไม่สามารถขายได้"
นพ.สมาน กล่าว

นพ.สมาน กล่าวว่า ถ้าขายและดื่มในร้านได้ แต่ถ้ามาขายบนถนนหรือฟุตบาทไม่ได้ การยกมาเสิร์ฟ ยกมาบริการถือเป็นการขาย กรณีนี้ผู้ขายมีความผิด มีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับเช่นกัน

รูปภาพ
สธ.ชงออกประกาศห้ามขายเหล้าข้างทาง
12 ธันวาคม 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1154

โพสต์

รูปภาพ

ช่วงวัยกับการลงทุน

คอลัมน์ Money Tips

การลงทุนที่เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคลนั้นมีความแตกต่างกัน เนื่องจากพื้นฐานครอบครัว ฐานะการเงิน การศึกษา การใช้ชีวิต ความต้องการ และการยอมรับความเสี่ยงได้ของแต่ละบุคคลไม่เท่ากัน แต่เมื่อพิจารณาองค์ประกอบร่วมต่างๆ แล้ว ยังสามารถจัดกลุ่มหลักๆ ตามช่วงวัยเมื่อเข้าสู่วัยทำงานได้ 4 ช่วงอายุ ที่มีลักษณะร่วม และรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสมใกล้เคียงกัน ซึ่งพอที่จะใช้เป็นแนวทางตั้งต้นการวางแผนจัดสรรเงินออมของแต่ละบุคคลได้

a. ช่วงเริ่มทำงาน

ลักษณะทั่วไป กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มทำงานอาจจะเพิ่งเรียนจบ หรือเรียนพร้อมทำงานในระดับอนุปริญญา/ปริญญาตรี กลุ่มนี้จะมีอายุยังไม่มากประมาณ 20-29 ปี เริ่มต้นมีรายได้เป็นของตนเอง โดยรายได้แม้จะยังไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอต่อรายจ่ายซึ่งยังมีไม่มากเช่นเดียวกัน มีค่าใช้จ่ายเพื่อสันทนาการ และท่องเที่ยวกับกลุ่มเพื่อน เริ่มมีภาระหนี้สิน เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ หากบริหารจัดการได้ดีจะพอมีเงินเหลือเก็บออม

พื้นฐานการลงทุน สามารถลงทุนในตราสารที่มีความเสี่ยงได้ เนื่องจากอายุยังน้อย มีความสามารถในการสะสมความมั่งคั่งได้อีกนาน

b. ช่วงสร้างครอบครัว

ลักษณะทั่วไป กลุ่มคนที่เริ่มสร้างครอบครัว เริ่มแต่งงาน เริ่มมีบุตร 1-2 คน อายุประมาณ 30-39 ปี เริ่มมีรายได้ของครอบครัวมากขึ้นตามหน้าที่การงาน ขณะที่ค่าใช้จ่ายเพื่อการดำรงชีพบางอย่างลดลงได้เนื่องจากมีการใช้ร่วมกัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายทางสังคมสูงขึ้น และหากมีบุตรจะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มสูงขึ้นมาก

พื้นฐานการลงทุน รายได้ที่มากขึ้นทำให้สามารถลงทุนได้มากขึ้น แต่ต้องการความปลอดภัยของเงินลงทุนมากขึ้น เนื่องจากมีภาระหนี้สิน และค่าใช้จ่ายสำหรับครอบครัวสูงขึ้น โดยเฉพาะครอบครัวที่มีบุตร

c. ช่วงมั่นคง

ลักษณะทั่วไป ครอบครัว หรือบุคคลที่มีอายุประมาณ 40-59 ปี มีฐานะการงานมั่นคงขึ้น การเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าค่าใช้จ่าย เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพ และในช่วงท้ายของช่วงมั่นคงจะเป็นช่วงเตรียมตัวเกษียณ

พื้นฐานการลงทุน สามารถลงทุนได้ในจำนวนเงินที่สูงขึ้น ต้องการผลตอบแทนที่มากกว่าเงินเฟ้อ แต่ต้องการความปลอดภัยของการลงทุนที่มากขึ้นด้วย ยอมรับความเสี่ยงได้น้อยลง ควรให้ความสำคัญต่อการลงทุนเตรียมพร้อมเพื่อเกษียณ

d. ช่วงหลังเกษียณอายุ

ลักษณะทั่วไป กลุ่มบุคคลที่เกษียณอายุแล้ว โดยปกติมีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีเวลามากขึ้น ไม่มีรายได้ประจำ อาจยังคงมีรายได้เสริม ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพและสันทนาการต่างๆ สูงขึ้น

พื้นฐานการลงทุน ต้องการความปลอดภัยของเงินลงทุนมากกว่าช่วงอายุอื่น ต้องบริหารจัดการเงินออมให้เพียงพอต่อการใช้ชีวิต


รูปภาพ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 ธันวาคม 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1155

โพสต์

วิกรม กรมดิษฐ์ จรดปากกาแบ่งปัน "คาถาชีวิต"

รูปภาพ


>>เชื่อว่าหลายๆคนคงจะมีปรัชญาประจำใจกันอยู่แล้ว และอีกหลายๆ คนอาจกำลังมองหาประโยคเด็ดโดนใจ ไว้เป็นแรงกระตุ้นหรือเป็นแนวคิดให้กับตนเอง วาทะจำนวนมากมายทั้งที่คุ้นเคยกันดี หรือยังไม่คุ้นหูคุ้นตา ส่วนใหญ่แล้วมักมาจากผู้ที่ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านโลกมามากจนประสบผลสาเร็จ และเป็นที่ยอมรับให้เป็นไอดอลจากสังคม ไม่ว่าจะเป็นนักปราชญ์เพลโต, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, ท่านติช นัท ฮันห์, หรือ สตีฟ จอบส์ และล่าสุด วิกรม กรมดิษฐ์ นักธุรกิจผู้ประสบความสาเร็จในชั้นแนวหน้าของไทย

วิกรม กรมดิษฐ์ เจ้าของผลงานพ็อคเก็ตบุ๊คหลายเล่มที่ได้รับการยอมรับจากผู้อ่านว่าเป็นหนังสือที่ให้ข้อคิดและเป็นตัวอย่างแนวทางในการดำเนินชีวิต ได้รวบรวมประโยคเตือนใจที่ได้มาจากประสบการณ์ของตน มานำเสนอให้กับผู้อ่านในรูปแบบของ “คาถาชีวิต” พ็อคเก็ตบุ๊คที่บรรจุด้วยคาถาสอนชีวิตกว่า 60 คาถา อาทิเช่น “เรียนก่อนที่จะรู้ รู้ก่อนที่จะทำ” “เกียรติยศของคน อยู่ที่ผลของความดี” “ตัวเราเล็กลงเมื่อเห็นโลกกว้างขึ้น” “ให้ ก่อน ได้” “ความหวังคือ พลังชีวิต” และ “ตนคือผู้กำหนดหนทางของตน” เตรียมพบกับ “คาถาชีวิต” หนังสือดีราคาสุดพิเศษเพียง 20 บาท อีกหนึ่งผลงานที่อาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของปรัชญาบันดาลใจของคุณได้ 18 ธันวาคม 55 นี้ ที่แผงหนังสือบุ๊คสไมล์ :: Report by FLASH

รูปภาพ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 ธันวาคม 2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1156

โพสต์

รูปภาพ

'เอสโซ่'รุกผุดปั๊มปรับโฉม-ขายเบนซิน95

'เอสโซ่' รุกตลาดเต็มสูบ เร่งเพิ่มปั๊มตั้งเป้า 3 ปี ขยายอีก 100 แห่ง พร้อมปรับโฉมปั๊มเก่าและร้านไทเกอร์ เตรียมแผนกลับมาขายเบนซิน 95 แทน 91



12 ธ.ค. 55 นายยอดพงศ์ สุตธรรม กรรมการและผู้จัดการการตลาดขายปลีก บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่ปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปีหน้าเอสโซ่จะหันมาทำตลาดเชิงรุกอย่างเต็มตัว เนื่องจากมั่นใจในความพร้อมของสถานีให้บริการและคุณภาพน้ำมันที่เป็นจุดแข็งของเอสโซ่ อีกทั้งมองว่าตลาดค้าปลีกน้ำมันมีการแข่งขันรุนแรงขึ้น โดยปีนี้เอสโซ่เปิดสถานีบริการเพิ่มราว 13 แห่ง และปีหน้าต่อเนื่องไปถึงปี 2558 หรือภายใน 3 ปี ตั้งเป้าเปิดเพิ่มอีก 100 แห่ง รวมมีสถานีบริการ 550 แห่ง จากปัจจุบันอยู่ 515 แห่ง

นอกจากนี้ ยังเริ่มปรับปรุงสถานีบริการที่มีอยู่เดิมให้มีความทันสมัย รวมถึงร้านสะดวกซื้อไทเกอร์ด้วย โดยปีนี้ปรับปรุงไปแล้ว 160 แห่ง ใช้งบไปกว่า 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือน่าจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นในปีหน้า พร้อมกับการเปิดสาขาใหม่ประมาณ 30 แห่ง ซึ่งตั้งเป้าใช้งบลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ใช้ไป 600 ล้านบาท ส่วนงบการตลาดน่าจะอยู่หลักร้อยล้านบาทที่จะทำต่อเนื่องทั้งปีหน้า

นายยอดพงศ์ กล่าวต่อ ในเดือนมกราคมปีหน้าเอสโซ่จะกลับมาขายน้ำมันเบนซิน 95 แทน การยกเลิกขายเบนซิน 91 ตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน และในบางพื้นที่อาจจะเปลี่ยนไปขายน้ำมัน อี20 แทน ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ

ขณะที่นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุม กบง. เห็นชอบปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับน้ำมันเบนซินและน้ำมันแก๊สโซฮอล์ทุกชนิดอีก 50 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้นน้ำมันอี 85 และปรับเพิ่มอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลอีก 80 สตางค์ต่อลิตร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม เป็นต้นไป ซึ่งการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนเพิ่ม จะทำให้กองทุนมีรายได้เข้าวันละ 52 ล้านบาท จากเดิมติดลบ 2.37 ล้านบาทต่อวัน


รูปภาพ
คมชัดลึกออนไลน์วันที่ 12-12-2555
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1157

โพสต์

รูปภาพ

ศาลสั่งไม่ทุเลาคำสั่ง กสทช.

ปรับพรีเพด ค่ายทรูมูฟวันละแสน


ศาลปกครองกลางมีคำสั่งยกคำขอบริษัท ทรูมูฟ จำกัด ไม่ทุเลาการบังคับคำสั่งทางปกครองของ กสทช. ที่ห้ามผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเรียกเก็บค่าบริการล่วงหน้า (pre-paid) กำหนดระยะเวลาให้ผู้บริโภคเร่งใช้งาน รวมทั้งไม่ทุเลาการบังคับของ กสทช. กรณีมีคำสั่งปรับทางปกครองวันละ 100,000 บาทต่อผู้ให้บริการที่ฝ่าฝืน “หลอลี่” ระบุผู้ให้บริการมือถือทุกค่ายควรเคารพคำพิพากษาศาล โดยเร่งจ่ายค่าปรับและยุติการทำผิดกฎหมายเรื่องนี้ พร้อมทั้งชี้ว่า ในยุคของบริการ 3G จะต้องไม่มีการกำหนดระยะเวลาใช้บริการมือถือแบบเติมเงินอีกต่อไป

นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เปิดเผยว่า เมื่อประมาณกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลปกครองกลางได้มีการพิพากษาในคดีที่บริษัท ทรูมูฟ จำกัด เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเลขาธิการ กสทช. และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.)

จากกรณีที่เลขาธิการ กสทช. มีคำสั่งกำหนดห้ามผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมกำหนดเวลาการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเรียกเก็บเงินล่วงหน้า (pre-paid) และสั่งปรับผู้ประกอบการที่ฝ่าฝืนในอัตราวันละ 100,000 บาท เพื่อขอให้ศาลกำหนดมาตรการและวิธีการเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา

โดยศาลพิจาณาเห็นว่า คำสั่งของ เลขาธิการ กสทช.ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย คือข้อ 11 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 และเมื่อผู้ฟ้องคดียังคงมีการกำหนดเงื่อนไขการให้บริการ ในลักษณะเป็นการบังคับให้ผู้ใช้บริการต้องใช้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด คำสั่งกำหนดค่าปรับทางปกครองของเลขาธิการ กสทช. จึงเป็นมาตรการบังคับ เพื่อให้ผู้ฟ้องคดีปฏิบัติตาม ซึ่งมีการใช้มาตรการลงโทษดังกล่าวกับผู้ประกอบการรายอื่นด้วย

ดังนั้น หากมีการทุเลาการบังคับตามคำสั่งดังกล่าวตามที่ฟ้อง ก็จะก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม อันจะเป็นปัญหาและอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ หรือแก่บริการสาธารณะ

นายประวิทย์ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำตัดสินศาลปกครองกลาง ว่า โดยสรุปก็คือ ศาลมีคำสั่งยกคำขอตามคำฟ้องของทางทรูมูฟทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองของสำนักงาน กสทช. และตามมติ กทค. รวมทั้งคำขอกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครอง เพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา

โดยศาลเห็นว่า หากในภายหลังศาลพิพากษาว่า คำสั่งของทางเลขาธิการ กสทช. หรือมติ กทค. ไม่ชอบ ผู้ฟ้องคดีก็ย่อมมีสิทธิได้รับชำระค่าปรับคืน ซึ่งไม่ใช่ความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง ตรงกันข้าม หากมีการกำหนดมาตรการหรือวิธีการคุ้มครองเพื่อบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนการพิพากษา โดยให้ระงับการใช้มาตรการบังคับทางปกครอง กลับจะเป็นปัญหาและอุปสรรคแก่การบริหารงานของเลขาธิการ กสทช. และ กทค. ในการคุ้มครองผู้บริโภคมิให้ถูกเอาเปรียบจากการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเรียกเก็บค่าบริการล่วงหน้า

กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค และการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชนยังเปิดเผยเพิ่มเติมด้วยว่า คำพิพากษาของศาลปกครองกลางยังชี้ด้วยว่า ข้อกำหนดตามข้อ 11 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม พ.ศ. 2549 นั้น ไม่ใช่บทบังคับในลักษณะเด็ดขาด หากแต่มีข้อยกเว้นให้ผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมสามารถกำหนดระยะเวลาได้ โดยขอรับความเห็นชอบเป็นการล่วงหน้าจาก กทช. หรือ กทค. ในปัจจุบัน

ส่วนในประเด็นที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่า การไม่กำหนดระยะเวลาการใช้บริการทำให้ผู้ฟ้องคดีต้องรับภาระต้นทุนในการให้บริการเป็นจำนวนมาก ศาลเห็นว่า แต่ในเมื่อผู้ฟ้องคดียังมีการกำหนดเงื่อนไขในลักษณะเป็นการบังคับให้ผู้ใช้บริการต้องใช้บริการภายในระยะเวลาที่กำหนด ผู้ฟ้องคดีก็ย่อมได้รับประโยชน์จากเงินที่เหลืออยู่ของผู้ใช้บริการเมื่อครบกำหนดระยะเวลาการใช้งาน

“จากคำสั่งของศาลปกครองจะเห็นได้ว่า ศาลเข้าใจในประเด็นปัญหาในเรื่องของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทเรียกเก็บเงินล่วงหน้า และการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. ในเรื่องดังกล่าว ดังนั้น ผมจึงอยากเรียกร้องให้ผู้ประกอบกิจการมือถือประเภทพรีเพด ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมาย อันจะส่งผลเป็นการให้ความยุติธรรมต่อผู้บริโภคด้วย

โดยสมควรยกเลิกการกำหนดระยะเวลาเร่งใช้บริการโดยเร็ว และเร่งจ่ายค่าปรับทางปกครองตามคำสั่งของสำนักงาน กสทช. ด้วย ซึ่งหากผู้ประกอบการยังละเลย ก็เป็นหน้าที่ของเลขาธิการ กสทช. ที่จะต้องดำเนินการบังคับให้เป็นผล” กสทช. ประวิทย์ฝากเสียงเรียกร้องถึงผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่และเลขาธิการ กสทช. ไปพร้อมกัน นอกจากนี้ กสทช. ยังระบุว่า สำหรับการให้บริการในระบบ 3G นั้น เป็นที่ชัดเจนว่า จะต้องไม่มีการกำหนดระยะเวลาการใช้งานอีกต่อไป ทั้งนี้ตามที่มีกฎหมายห้ามไว้

“เนื่องจาก 3G เป็นบริการใหม่ที่ไม่เคยมีสัญญาบริการระหว่างผู้ประกอบการกับผู้ใช้บริการมาก่อน และประกาศ กทช. เรื่อง มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม ก็มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ พ.ศ.2549 แล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจอ้างเรื่องข้อสัญญาเก่าเช่นเดียวกับบริการระบบ 2G ปัจจุบัน ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่ กทค. จะต้องกำกับดูแลให้เกิดการปฏิบัติตามกฎหมายโดยเคร่งครัดต่อไป รวมทั้งอยากฝากไปยังผู้ใช้บริการให้ทราบสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายนี้ด้วย เพื่อจะไม่ถูกเอาเปรียบอย่างไม่สมควร” กสทช. ประวิทย์ กล่าวในที่สุด

วันที่ 12/12/2555
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1158

โพสต์

เปิด10หุ้นเด่นขวัญใจกองทุนรวม
ลงทุน11เดือนฟันกำไรดันรีเทิร์นพุ่งปรี๊ดกว่า50%



นายกิตติคุณ ธนรัตนพัฒนกิจ นักวิเคราะห์ข้อมูล บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการรวบรวมข้อมูลในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา (1 ม.ค.-30 พ.ย.) พบว่ากองทุนรวมที่สร้างรีเทิร์นสูงนั้นมักให้น้ำหนักการลงทุนในหลักทรัพย์ที่ใกล้เคียงกัน โดยกองทุนที่ลงทุนหุ้นขนาดใหญ่ (Equity Large Cap) ซึ่งสร้างผลตอบแทนได้สูงสุด 5 อันดับแรกของอุตสาหกรรมเน้นลงทุนใน 5 หลักทรัพย์ดังนี้

ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL)
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT)
บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) (BJC)
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY)
บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL)

ส่วนกองทุนรวมที่ลงทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (Equity General)
ที่สร้างผลตอบแทนสูง 5 อันดับแรก นิยมลงทุนใน 5 หลักทรัพย์ คือ


บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) (MAKRO)
บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) (SCCC)
บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN)
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC)
บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO)

"กองทุนที่ให้ผลตอบแทนดี ถ้าเป็นกองทุนขนาดใหญ่ จะนิยมลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร รองลงมาเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม ต่างจากกองทุนหุ้นเล็กที่ไม่โฟกัสว่าจะลงทุนกลุ่มไหนเป็นพิเศษ แต่จะกระจายการลงทุนไปหลาย ๆ หลักทรัพย์ อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่กองทุนพวกนี้ได้รับผลตอบแทนดีเป็นเพราะเขาใช้กลยุทธ์ถือลงทุนยาว และที่สำคัญกองทุนที่โดดเด่นจะไม่เลือกลงทุนหุ้นพลังงานมากนัก เพราะถ้าให้น้ำหนักเยอะก็จะกลายเป็นกลุ่มที่แพ้ตลาดทันที"

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาภาพรวมของกองทุนหุ้นไทยช่วง 11 เดือนถือว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี โดยกองทุนหุ้นขนาดใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ราว 32% โดย 5 อันดับแรกคือ กองทุนเปิดบัวหลวงทศพล กองทุนเปิดวรรณเอเอ็มหุ้นคุณค่าปันผล กองทุนเปิดบัวหลวงธนคม กองทุนเปิดทรัพย์บัวหลวง กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาว และกองทุนหุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็กเฉลี่ยอยู่ที่ราว 36% มี 5 อันดับแรก คือ กองทุนเปิดยูโอบี สมาร์ท ดิวิเดนด์-โฟกัส อิควิตี้ฟันด์ อเบอร์ดีน สมอลแค็๋พ กองทุนเปิดบัวหลวงโครงสรส้างพื้นฐานเพื่อการเลี้ยงชีพ อเบอร์ดีน สมาร์ท แคปปิตอล เพื่อการเลี้ยงชีพ และอเบอร์ดีน หุ้นระยะยาว ซึ่งรีเทิร์นถือว่าสูงกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่สร้างรีเทิร์นได้ไม่เกิน 10%

สำหรับปี 2556 นายกิตติคุณประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีโอกาสปรับตัวขึ้น แต่จะยังคงผันผวนจากปัจจัยลบทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นเชื่อว่าการลงทุนในลักษณะถือลงทุนยาวจะสร้างผลตอบแทนที่ดี

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝ่ายวิจัยของบริษัทได้ให้เป้าหมายดัชนีปีหน้าไว้ที่ระดับ 1,450 จุด และมีโอกาสปรับเป้าหมายขึ้นได้อีก เพราะยังมีปัจจัยบวกรออยู่มาก ทั้งจากแรงหนุนของฟันด์โฟลที่จะเข้ามาลงทุนต่อ การลดหย่อนภาษีนิติบุคคลให้แก่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) เหลือ 20% จากปีนี้ที่อยู่ 23% ซึ่งจะส่งผลให้กำไรต่อหุ้น (EPS) ของ บจ.ปีหน้าอยู่ที่ราว 15-20% จากปีนี้ที่ 14-15%

ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่ควรจับตาคือ ปัญหาหนี้สินในยุโรปและสหรัฐ ที่เข้ามากดดันการลงทุนเป็นระลอก ดังนั้นจึงประเมินกรอบแนวรับไว้ที่ระดับ 1,300 จุด

รูปภาพ

12 ธ.ค. 2555
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1159

โพสต์

รูปภาพ

เครือเจริญโภคภัณฑ์ขอส่งแถลงการณ์
เรื่องการซื้อหุ้นบางส่วนจาก Ping An บริษัทประกันของจีน


ตามที่ปรากฏข่าวทั่วไปเรื่องเครือเจริญโภคภัณฑ์ซื้อหุ้นบริษัท PING AN INSURANCE จำกัดนั้น หลังจากการหารือกับธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน)แล้ว เครือเจริญโภคภัณฑ์เข้าทำสัญญาซื้อหุ้นจำนวนประมาณ 15.57% ในบริษัท PING AN INSURANCE จำกัด มูลค่าประมาณ 9.39 พันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือเทียบเท่า 2.88 แสนล้านบาทจากกลุ่มธนาคาร HSBC โดยได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก China Development Bank สาขาฮ่องกง ดังที่ปรากฏในสื่อทั่วไป

เครือเจริญโภคภัณฑ์ขอเรียนชี้แจงว่า การซื้อขายดังกล่าวยังต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ของสำนักงานประกันของรัฐบาลจีน ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องจะทำการเปิดเผยข้อมูลต่างๆ ผ่านตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงต่อไปให้แก่ผู้ที่สนใจรับทราบ

อย่างไรก็ดี เครือเจริญโภคภัณฑ์ ขอแสดงความชื่นชมและเชื่อมั่นในบริษัท PING AN INSURANCE จำกัด และทีมงานผู้บริหารที่มีความสามารถสูงภายใต้การนำของ ดร. ปีเตอร์ มา ผู้เป็นประธานกรรมการ บริษัท Ping An Insurance จำกัด ให้บริการรับประกันวินาศภัย รับประกันทรัพย์สิน และรับประกันชีวิต และยังให้บริการทางการเงินด้วย โดยเป็นบริษัทประกันที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน มีผลประกอบการดี มีอนาคต เครือเจริญโภคภัณฑ์มีความยินดีที่จะมีโอกาสเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะแสวงหาโอกาสที่จะเสริมสร้างและพัฒนาธุรกิจที่เกิดประโยชน์ร่วมกันในอนาคต

เครือเจริญโภคภัณฑ์เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าพันธมิตรทางธุรกิจกับ Ping An ที่จะได้รับการพัฒนาขึ้นคราวนี้นั้นจะนำมาซึ่งผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างพันธมิตรและบริษัทในเครือของเครือเจริญโภคภัณฑ์


สำนักกิจกรรมสื่อสารองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์
โทรศัพท์ 02 625 8127-30 / 089 188 39 89 / 089 115 1889
Email : [email protected]
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1160

โพสต์

รูปภาพ

จุฬา ร่วมกับ เวิร์คพอยท์
จัด Siam Street Fest ชม โชว์ ช้อป เที่ยงวันถึง เที่ยงคืน 22-23 ธันวาคม 55


สยามสแควร์ และ เวิร์คพอยท์ฯ มอบความสุขปีใหม่ก่อนใครในงาน We Love Siam Square ด้วยแนวคิด Siam Street Fest การแสดงนานาชาติตามท้องถนนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ชมการแสดงโชว์จากทุกมุมโลก เชิญเหล่าศิลปินสร้างสรรค์ มาโชว์ในกิจกรรมศิลปินเปิดหมวก ช้อปสนั่นเที่ยงวันถึงเที่ยงคืนกับสินค้าและบริการลดมากกว่า 50% ทุกร้านค้าที่ร่วมรายการ ระหว่างวันที่ 22-23 ธันวาคม พ.ศ. 2555 นี้เท่านั้น
รองศาสตราจารย์ นาวาอากาศเอก นายแพทย์เพิ่มยศ โกศลพันธุ์ รองอธิการบดี ที่กำกับดูแลสำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลพื้นที่เขตพาณิชย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดรวมพลคนปั่นจักรยานกว่า 500 ชีวิต นิสิต เจ้าหน้าที่ และบุคคลทั่วไปขี่จักรยานจากลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า บริเวณสระน้ำจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มายังลานกิจกรรมที่ 2 ด้านหน้า Hard Rock Cafe รณรงค์การประหยัดพลังงานและส่งเสริมสุขภาพ เพื่อมาเปิดงาน We Love Siam Square พร้อมเปิดเผยว่า “การจัดงานในครั้งนี้ เป็นการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้ว หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการจัดงานในครั้งที่ผ่านมา กอปรกับเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบครึ่งศตวรรษของสยามสแควร์ และเนื่องในโอกาสเทศกาลคริสมาสต์และวันปีใหม่ จึงจัดงานยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยแนวคิด Siam Street Fest การแสดงนานาชาติตามท้องถนน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี เนรมิต 7 เวทีสร้างสรรค์ แสดงผลงานศิลปะและการแสดงของ ศิลปินจากทั่วทุกมุมโลก เต็มอิ่มกับศิลปะบนกำแพง (Grafiti) 11 จุดรอบสยามสแควร์ ให้ทุกคนได้มาถ่ายภาพบันทึกความประทับใจ รวมทั้งเปิดพื้นที่ให้แก่ทุกคนที่มีใจรักศิลปะในพื้นที่ ศิลปินเปิดหมวก หากใครมั่นใจว่า มีดี สามารถมาแสดงได้ในวันดังกล่าว ที่สำคัญ ได้รับความร่วมมือจากร้านค้าภายในสยามสแควร์ ลดกระหน่ำราคาสินค้าและบริการมากกว่า 50% ที่ทุกคนไม่ควรพลาด”
กิจกรรม We Love Siam Square จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยเปิดเวทีกิจกรรมสร้างสรรค์ให้กลุ่มเป้าหมาย วัยรุ่น บุคคลทั่วไปที่หัวใจยังคุกรุ่น (Young at Heart) ได้มาร่วมสนุกร่วมกิจกรรมท่ามกลางบรรยากาศและสีสันของเทศกาลสำคัญต่างๆ รวมทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการค้าภายในสยามสแควร์ผ่านความร่วมมือจากร้านค้า บริการต่างๆ ที่ลดกระหน่ำราคาสินค้าในช่วงระยะเวลาพิเศษ ตลอดจนเป็นการสร้างชื่อเสียงสยามสแควร์ ในฐานะแหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมืองหลวงแหล่งท่องเที่ยวแฟชั่นให้เป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้นทั้งนักท่องเที่ยวไทยและ นักท่องเที่ยวจากต่างชาติ
รูปแบบการจัดงานในแนวคิด Siam Street Fest การแสดงนานาชาติตามท้องถนนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี สามารถแบ่งได้เป็น 5 ส่วนได้แก่
Super street show เป็นการรวบรวมศิลปินสร้างสรรค์ชั้นนำ 25 ชุดการแสดง จาก 5 ประเทศทั่วโลก โดยผลัดเปลี่ยน หมุนเวียนการแสดงไปตามเวทีต่างๆ รอบสยามสแควร์ จำนวน 7 เวที ได้แก่ บริเวณ Park@Siam (ลานกิจกรรมที่ 2 ด้านหน้า Hard Rock Cafe) สยามสแควร์ซอย 2 และซอย 3 โรงภาพยนตร์ลิโด 3 ดิจิตอลเกตเวย์ และอาคารสยามกิตติ์
International star parade ขบวนพาเหรดสุดอลังการ ตื่นตากับการชุดการแสดง และเครื่องแต่งกายหลากสีสัน เต็มอิ่ม 2 วันตั้งแต่ 15.00 น. จนถึงเที่ยงคืน
Street show street you โอกาสทองของศิลปินอิสระที่สยามสแควร์เปิดโอกาสให้ทุกคนได้มาร่วมแสดงผลงาน หรือการแสดงให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติได้ประทับใจ ในกิจกรรม ศิลปินเปิดหมวก
Street wall กำแพงเพ้นท์ลวดลายสุดเก๋ 11 จุดทั่วพื้นที่สยามสแควร์ ในแนวคิด The Alternative Future Of Siam Square ให้ทุกคนได้ถ่ายภาพเป็นที่ระลึกและเป็นที่ประทับใจ ได้แก่ บริเวณด้านข้างโบนันซ่า S&P OOTOYA Swensen ร้านอาหารสีฟ้า Oriental Princess คลินิกทันตแพทย์จุไร Art Hair ธนาคารกรุงเทพ และ Vertex Clinic
Siam Square super sale กิจกรรมลดกระหน่ำราคาสินค้าและบริการมากกว่า 50% กว่า 90 ร้านค้าทั่วทั้งพื้นที่สยามสแควร์
กิจกรรมไฮไลท์ภายในงานที่ไม่ควรพลาด อีกอย่างได้แก่การแสดงจากศิลปิน Room 39 , สิงโตนำโชค และน้องเกล TGT นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดกิจกรรมแรลลี่สะสมตราประทับ ณ 7 เวทีการแสดง เพื่อรับของที่ระลึกภายในงาน ซึ่งจะมีแจกวันละ 100 รางวัล
“สำหรับการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นเปิดโอกาสและโลกทัศน์ใหม่ให้แก่กลุ่มเป้าหมายทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศได้ชมการแสดงศิลปะจากเหล่าศิลปินชั้นนำจากประเทศต่างๆทั่วโลกรวมทั้งเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวของประเทศไทยตามนโยบายของรัฐบาลปีมหัศจรรย์ประเทศไทย (MiracleThailandYear) และถือเป็นของขวัญเนื่องในโอกาสก้าวเข้าสู่วาระดิถีปีใหม่จากสยามสแควร์ที่มอบให้แก่ทุกคนก่อนใครด้วยบรรยากาศสนุกสนาน เต็มไปด้วยสีสัน แสง สี และเสียง ตลอดทั้งวัน ทั้งคืน” รองอธิการบดี กล่าวสรุป

สำหรับผู้สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ส่วนบริหารกิจการศูนย์การค้าสยามสแควร์ โทร.02-218-9855 ต่อ 401-403

ข่าวชิ้นนี้เผยแพร่โดย Thai PR
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1161

โพสต์

รูปภาพ

“เทนยุ แกรนด์” ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม
ใจกลางสาทร เปิดตัวยิ่งใหญ่รวมพลคนดังนักธุรกิจ-ดาราดังร่วมยินดีคับคั่ง


กนกรัตน์ แอนด์ เฟรนด์ — 12 ธันวาคม 2555

ปลุกกระแสธุรกิจร้านอาหารให้กลับมาคึกคักต้อนรับเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปีมังกรอย่างยิ่งใหญ่ สำหรับ “เทนยุ แกรนด์” ร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมหนึ่งเดียวที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจ สาทร สไตล์โคโลเนียล บริหารงานโดย คุณชวยศ รัตตกุล และคุณเยาวรัตน์ นิรันดร จึงถือโอกาสนี้ จัดงานเปิดตัวร้านอย่างเป็นทางการ ด้วยรูปลักษณ์ที่ทันสมัย เรียบหรู ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Enjoy the Best Premium Japanese Foods & Drinks” ตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการสัมผัสอาหารญี่ปุ่นชั้นเยี่ยมและบริการชั้นเลิศ ภายในงานได้รับเกียรติจาก ดร.ดิสธร วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชา เป็นประธานในพิธีเปิด โดยมีแขกผู้มีเกียรติและเหล่าเซเลบริตี้ อาทิ ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ พิชัย จิราธิวัฒน์ ปัญญชลี-ปวริศา เพ็ญชาติ พะเพื่อน มลฤชา สกุลไทย จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี และครอบครัว ม.ล.ชโยทิต กฤดากร และครอบครัว มรว.ธีรเดช-ม.ล.ศศิพร รัชนี ขจร-ทิวาลักษณ์ เจียรวนนท์ ธรรม์ จิราธิวัฒน์ ประจิตรา เธียรประสิทธิ์ ปภัชญา สิริวัฒนภักดี หทัยเทพ ธีระธาดา อุษณีย์ มหากิจศิริและครอบครัว อากรศรี ตัณมานะศิริ พิชชา ประกายเลิศลักษณ์ ธีรวัลคุ์ ปังศรีวงศ์ เพ็ญสุภา คชเสนี และครอบครัว ศรีเฟื่องฟุ้ง พร้อมด้วยดาราพิธีกรระดับแม่เหล็กอย่างพอล-ภัทรพล ศิลปาจารย์ อ๊ก พัชร์ศร ทองสลวย ที่พร้อมใจกันมาร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ ร้าน เทนยุ แกรนด์ สาทร
ชวยศ รัตตกุล ผู้บริหาร เทนยุ แกรนด์ เปิดเผยว่า “เทนยุ แกรนด์” เปรียบเสมือน “ความร่ำรวยจากสรวงสวรรค์” สอดคล้องกับสโลแกนที่ว่า Sushi Heaven (สวรรค์ของซูชิ) ที่สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อเข้ามารับประทานอาหารญี่ปุ่นที่เทนยุ แกรนด์แห่งนี้จะได้ลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมที่รังสรรค์จากฝีมือของเชฟผู้มากประสบการณ์ พร้อมด้วยวัตถุดิบที่สดที่สุด ดีที่สุดที่นำเข้าจากญี่ปุ่นโดยตรง และทั่วทุกมุมโลกแบบสดๆ ทุกวัน เปรียบได้กับการรับประทานอาหารชั้นยอดจากสวรรค์ สำหรับอาหารจานเด่นที่ทางร้านแนะนำ คือ “ซาชิมิชิ้นโต” การันตีความสดและคุณภาพวัตถุดิบชั้นเยี่ยม เกรดพรีเมี่ยมที่สุดในเมืองไทยครับ” ฟากน้องตั้น-จิตภัสร์ ภิรมย์ภักดี กล่าวว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะที่ได้รับเชิญมามีส่วนร่วมเซอร์ไพรส์ในไฮไลท์เปิดงานนำขบวนแห่ปลาบลูฟินหรือเป็นที่รู้จักกันในญี่ปุ่นว่า “มากุโร่” ขนาดกว่า 150 กิโลกรัม ที่ส่งตรงจากญี่ปุ่น ซึ่งตั้นทานอาหารญี่ปุ่นบ่อยมากค่ะ เพราะช่วยให้สุขภาพแข็งแรงดี อย่างที่ทราบกันชาวญี่ปุ่นอายุยืนแข็งแรง เพราะชอบทานปลาดิบ อาหารสด จึงเป็นเรื่องที่ดีค่ะ ที่เมืองไทยมีร้านอาหารที่มีวัตถุดิบที่คัดสรรความสดใหม่ทุกวันเพื่อผู้บริโภค แถมอร่อยเต็มไปด้วยคุณภาพค่ะ”
แหวนแหวน ปวริศา เพ็ญชาติ กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “รู้สึกเป็นเกียรติมากค่ะ ที่ได้มาร่วมแสดงความยินดี โดยส่วนตัวเป็นคนชอบทานอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว พอทราบว่ามีร้านที่มีวัตถุสดใหม่ทุกวันจากทั่วทุกมุมโลก อร่อยเต็มคำแบบนี้ยิ่งอยากทานเป็นพิเศษ และรู้สึกทันทีที่เข้ามาทานอาหารที่ร้านนี้เหมือนอยู่ญี่ปุ่นจริงๆ เพราะสไตล์การตกแต่งผสานความเป็นญี่ปุ่นด้วยสวนหินสวยเชื่อมต่อระหว่างโถงทางเดินด้วยต้นซากุระให้บรรยากาศเหมือนเดินเล่นชมดอกซากุระบานที่ประเทศญี่ปุ่น ทั้งยังเหมาะนัดสังสรรค์พบปะกลุ่มเพื่อนเพราะมีห้องส่วนตัวแบบเอ็กซ์คลูซีฟอีก ชอบมากค่ะ”
ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ สวรรค์ของนักชิมใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร ที่ร้าน “เทนยุ แกรนด์” สาทร ได้แล้ววันนี้ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.30-14.30 น. และ 17.30-24.00 น. โทร 02 632 1777

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
บริษัท กนกรัตน์ แอนด์ เฟรนด์ จำกัด (ที่ปรึกษาด้านงานประชาสัมพันธ์)
โทร.02-2842662 แฟกซ์. 02-284-2287,2291 http://www.kanokratpr.com
คุณกนกรัตน์ วีรานุวัตติ์ E-mail: [email protected]


รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1162

โพสต์

12 Dec 2012 11:29:44 GMT

แจ๊คกี้ ชาน ตัวจริง ฟัดจริง บินตรงสู่ไทย 17 ธันวาคมนี้

มงคลภาพยนตร์ ร่วมส่งมอบของขวัญส่งท้ายปีเพื่อคนไทยทั้งประเทศ!
กับการบินตรงมาเยือนเมืองไทยของแอ๊คชั่นสตาร์เจ้าของฉายา “ฟัดข้ามโลก


รูปภาพ

มงคลภาพยนตร์ ร่วมส่งมอบของขวัญส่งท้ายปีเพื่อคนไทยทั้งประเทศ! กับการบินตรงมาเยือนเมืองไทยของแอ๊คชั่นสตาร์เจ้าของฉายา ฟัดข้ามโลก อย่าง เฉินหลง หรือ แจ๊คกี้ ชาน เพื่อส่งมอบความสุขต้อนรับปีใหม่ให้กับแฟนๆ ทุกคนพร้อมลงานภาพยนตร์ล่าสุด Chinese Zodiac (ไชนิสโซดิแอค) หรือ วิ่งปล้นฟัด ในงาน Chinese Zodiac Thailand Charity Premiere

ร่วมต้อนรับ แจ๊คกี้ ชาน ตัวจริง! พร้อมพาคนไทยทั้งประเทศ ต้อนรับปีใหม่ด้วยที่สุดแห่งความมันส์กันแบบเต็มๆ ในวันที่ 17 ธันวาคม 2555 ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ณ โรงภาพยนตร์ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า ชั้น 7 เซ็นทรัลเวิลด์

ที่มาข้อมูล : สหมงคลฯ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1163

โพสต์

รูปภาพ

'ประสาร ไตรรัตน์วรกุล'คว้านักการเงินแห่งปี

"ประสาร ไตรรัตน์วรกุล"คว้านักการเงินแห่งปี ถือเป็นผู้บริหารแบงก์ชาติคนที่ 2 ในรอบ 30 ปี
ที่คว้ารางวัล "มืออาชีพ-รักษาผลประโยชน์ชาติ"


วารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2555 ที่กำลังวางแผงในขณะนี้ได้ประกาศผลการตัดสิน รางวัลเกียรติยศ "นักการเงินแห่งปี" ประจำปี 2555 (Financier of the Year 2012) ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับ ผู้บริหารในแวดวงการเงินการธนาคารตลาดเงินตลาดทุน ที่มีผลงานโดดเด่นและมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ครบถ้วน โดยในปีนี้คณะกรรมการตัดสินรางวัล "นักการเงินแห่งปี"ลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ มอบรางวัลเกียรติยศ "นักการเงินแห่งปี" ประจำปี 2555 ให้กับ ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ทั้ง 4 ข้อ

ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล นับเป็นผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยรายที่สองที่ได้รับรางวัล นักการเงินแห่งปี ในรอบ 30 ปี ตั้งแต่ การเงินธนาคาร ริเริ่มรางวัลเกียรติยศ "นักการเงินแห่งปี" มาตั้งแต่ปี 2525 ต่อเนื่องติดต่อกันมาถึง 30 ปี เพื่อยกย่องนักการเงินที่มีความโดดเด่นในแวดวงการเงินการธนาคาร ด้วยการกลั่นกรองและพิจารณาอย่างเข้มข้นของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากการติดตามผลงานและการพัฒนาที่เกิดขึ้นในวงการธนาคารและการเงิน โดยยึดหลักเกณฑ์การพิจารณานักการเงินแห่งปี ใน 4 ด้านที่ การเงินธนาคาร กำหนดเป็นหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกนักการเงินแห่งปี โดย ดร.ประสาร มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การคัดเลือก นักการเงินแห่งปี ทั้ง 4 ข้อคือ

1. เป็นนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย

ดร.ประสาร เข้ารับตำแหน่งที่ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2553 และจากประสบการณ์ทั้งในหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่สั่งสมมากว่า 30 ปี ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย ภายใต้บริบทเศรษฐกิจโลกที่มีการปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการ ผสมผสานเครื่องมือทางด้านนโยบายการเงิน เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งยังได้จัดทำ "แผนแม่บทเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและเงินตราต่างประเทศ" เพื่อให้การหมุนเวียนของเงินทุนเข้าออกระหว่างประเทศของไทยมีความสมดุลมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจในระยะยาว

ดร.ประสารยังได้ ลงนามในบันทึกความเข้าใจกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) เพื่อจัดตั้งสำนักงานให้ความช่วยเหลือทางด้านวิชาการแห่งแรกในเอเชียที่ประเทศไทย (Technical Assistance Office) เพื่อช่วยเหลือประเทศเพื่อบ้าน ควบคู่ไปกับการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นอกจากนี้ยังได้จัดตั้ง สำนักงานตัวแทนธปท. ในประเทศจีน ซึ่งจะเป็นผู้นำในการสร้างการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้กับประเทศในภูมิภาค

2.เป็นนักการเงินมืออาชีพ ที่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ

ดร.ประสาร แสดงถึงภาวะผู้นำได้อย่างชัดเจนในหลายสถานการณ์ บริหารความสมดุลของบทบาทหน้าที่ธนาคารกลางความมีอิสระในการดำเนินนโยบายการเงิน กับ ข้อเสนอแนะและความต้องการของนโยบายทางการเมือง เพราะตระหนักถึงความมั่นคงและการรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติตลอดเวลา รวมทั้งวางแนวทางการบริหารเงินทุนสำรองระหว่างประเทศให้มีความยืดหยุ่นแต่ยังคงยึดวัตถุประสงค์หลักตามที่กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจน

ดร.ประสารได้ทำหนังสือลงวันที่ 9 มกราคม 2555 ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อแสดงความเห็นต่อการออกพระราชกำหนดปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ เพื่อแก้ไขหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งส่งผลให้มีการกำหนดแนวทางแก้ไขหนี้กองทุนฟื้นฟูฯที่ชัดเจน คือ โอนหนี้กองทุนฟื้นฟูฯให้ธปท.บริหาร ขณะที่การชำระหนี้มาจากเงินกำไรสุทธิ ธปท.ไม่น้อยกว่า 90 %เพื่อชำระเงินต้น และส่วนหนึ่งจากการเก็บเงินนำส่งจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งคำนวณจากฐานเงินฝากในอัตรา0.47%

3. เป็นนักการเงินที่สร้างความเจริญเติบโตให้กับองค์กร

ดร.ประสารและพนักงาน ธปท.ทุก ถือเป็นคุณลักษณะที่สำคัญของธนาคารกลางที่ดี ที่จะสร้างความเข้าใจร่วมกันกับทุกฝ่ายถึงทิศทางนโยบาย และแนวคิดที่มาของนโยบาย เพื่อสร้างเสริมให้เกิดความโปร่งใสในการทำงานของ ธปท. จึงได้จัดให้มีการแถลงสื่อสารต่อประชาชน ถึงแนวทางการดำเนินนโยบายเป็นประจำทุกปีนับตั้งแต่เข้าทำหน้าที่ รวมไปถึงยังมุ่งที่จะทำให้ธปท.เป็นทางเลือกแรกของนิสิตนักศึกษา และผู้มีประสบการณ์ความรู้ความสามารถให้มาร่วมงาน เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของประเทศ

4. เป็นนักการเงินที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม

ดร.ประสาร ไม่เคยมองข้าม “สังคม” เพราะการมุ่งรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย คือ การดูแลประชาชนคนไทย หรือ สังคมนั่นเอง จึงสนับสนุนให้สถาบันการเงินมีบริการทางการเงินที่มีคุณภาพ หลากหลาย ทั่วถึง ในราคาที่เหมาะสม โดยเฉพาะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด

นอกจากนี้ยังได้ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินให้แก่ประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น ซึ่งนำมาสู่การเลือกใช้ได้ตรงกับความต้องการ โดยได้เปิด ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ให้บริการในลักษณะ One-touch service เน้นทำงานทั้งเชิงรับและเชิงรุก อาทิ การรับและดูแลเรื่องร้องเรียนด้านการบริการของสถาบันการเงินภายใต้การกำกับดูแลของแบงก์ชาติ ผ่านสายด่วนหมายเลข 1213


BangkokBizNews
Last update : 12/12/2012
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1164

โพสต์

จุฬาฯ เผยโฉมผู้อัญเชิญพระเกี้ยวประจำงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 69

รั้วสีชมพู จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดการคัดเลือกผู้อัญเชิญพระเกี้ยวประจำงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 69 โดยมีรายชื่อผู้ที่ได้รับตำแหน่งต่างๆ ดังต่อไปนี้

รูปภาพ

ผู้อัญเชิญพระเกี้ยว
นาย วิศรุต โชคเฉลิมวัฒน์ (อาร์ม) คณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3
นางสาว ปรียานุช นิยมมาลัย (หลา) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชั้นปีที่ 4


รูปภาพ

รูปภาพ

ผู้อัญเชิญถ้วยรางวัลพระราชทาน
นาย ชานน ชำนาญเวช (ตั้ว) คณะเศรษฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 1
นางสาว ภาดารี อุตสาหจิต (นาว) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชั้นปีที่ 3

ผู้อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัย
นาย บุญยเกียรติ ธรรมเศรษฐ์ (แจ็พ) คณะแพทยศาสตร์ ชั้นปีที่ 2
นาย วีรพล วีระโชติวศิน (วี) คณะวิศวกรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 2
นาย บุรินทร์ แดงดีเลิศ (บุริน) คณะวิทยาศาสตร์ ชั้นปีที่ 3
นางสาว เอื้อพันธ์ เอื้อเสริมพงศ์ (เบสท์) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชั้นปีที่ 3
นางสาว มิญชยา บูรณะเศรษฐกุล (แพร) คณะครุศาสตร์ ชั้นปีที่ 4ผู้อัญเชิญพานพุ่ม
นาย ชัยกฤต อัศววิชัยโรจน์ (โจ๊ก) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชั้นปีที่ 4
นางสาว ฑิตยา บูรณะรัชตะกุล (ปุ๊ก) คณะรัฐศาสตร์ ชั้นปีที่ 2


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ


จากเว็บ.. รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1165

โพสต์

ศุภาลัย เอลีท (Supalai Elite) สาทร-สวนพลู
คอนโดใหม่ 23 ชั้น ติดถนนสวนพลู จากศุภาลัย เปิด Presale 15-16 ธ.ค.นี้


December 12, 2012

รูปภาพ

ศุภาลัย เอลีท (Supalai Elite) สาทร-สวนพลู เป็นโครงการคอนโดมิเนียมตึกสูงโครงการใหม่ สไตล์ไทยประยุกต์ (Modern Thai style) จากศุภาลัย กำลังจะเปิดตัวขายในวันที่ 15-16 ธ.ค.2555 ทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางสาทร ติดถนนสวนพลู เพียง 200 เมตร จากถนนสาทร เชื่อมต่อถนนสีลม, สุรวงศ์, พระราม 3, พระราม 4, วิทยุ, สุขุมวิท, อโศก อีกทั้งยังใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี, รถไฟฟ้า MRT สถานีลุมพินี และ BRT สถานีสาทร ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนด่านพระราม 4 ค่ะ

Fact @ 11 December 2012
■ศุภาลัย เอลีท สาทร-สวนพลู
■บมจ. ศุภาลัย
■คอนโด High Rise 23 ชั้น 1 อาคาร 180 ยูนิต
■ที่ดินประมาณ 1-2-62.1 ไร่
■1 – 4 Bedrooms
■ขนาดพื้นที่ใช้สอย 50 – 243 ตร.ม.
■ราคาเริ่มต้น 4.7 ล้านบาท
■เปิดตัวโครงการวันที่ 15-16 ธ.ค.2555
www.supalai.com

รูปภาพ
แผนที่ของโครงการ ตั้งอยู่บนถนสวนพลู ห่างจากถนนสาทรเพียง 200 เมตร

รูปภาพ
หน้าตา LOBBY โครงการ

รูปภาพ

รูปภาพ
ห้อง Fitness และสระว่ายน้ำ อยู่ชั้นที่ 6

รูปภาพ
ชั้นบนสุดของโครงการ (Roof Garden)

รูปภาพ
แปลนชั้น 1 ของโครงการ

รูปภาพ
แปลนชั้นที่ 6 มี Fitness และสระว่ายน้ำ


จากเว็บ.... รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1166

โพสต์

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1167

โพสต์



รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1168

โพสต์

รูปภาพ

ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1169

โพสต์

บล.โกลเบล็ก มองหุ้นปีหน้า นิวไฮกลางปีที่ 1,478 จุด
แนะกลุ่มพลังงานทดแทน-เติบโตสูง-โครงสร้างพื้นฐาน



นายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก เปิดเผย “ลับคมกลยุทธ์จัดทัพพอร์ตรับการลงทุนปี 2013” ว่า ในปี 2556 ภาครัฐจะมีการลงทุนถึง 2.3 ล้านล้านบาทส่งผลให้กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้างมีน้ำหนักมากกว่าตลาด ส่วน zกลุ่มปิโตรเคมีและอสังหาริมทรัพย์เท่ากับตลาด และกลุ่มโรงพยาบาล สื่อสาร โรงแรมและสื่อน้อยกว่าตลาด ขณะที่กลุ่มส่งออกไม่แนะนำให้ลงทุน

ในปีหน้า นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยและเพิ่มสัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (พี/อี) เป็น 15 เท่า เทียบกับปีนี้ที่ 11-13 เท่า เนื่องจากไทยมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและสถาบันการเงินยังมีความแข็งแรง

“ปีหน้าเรามองดัชนีจะทำนิวไฮที่ 1,478 จุด ซึ่งจะเกิดขึ้น|ในช่วงกลางปี และกำไรสุทธิบริษัทจดทะเบียน (บจ.)โต 10% แต่ไตรมาส 1 อาจเห็นดัชนีปรับตัวลงจากการแก้ปัญหาหน้าผาการคลังของสหรัฐ จึงเป็นจังหวะทยอยสะสมหุ้นได้” นายจักรกริช กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทแนะนำจัดพอร์ตการลงทุนในปีหน้า เป็นการลงทุนในหุ้นไทย 60% กองทุนโครงสร้างพื้นฐานและทองคำอย่างละ 5% ซึ่งราคาทองคำจะถึง 2,000 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ได้ ส่วนพอร์ตที่เหลือซื้อหุ้นในกองทุนยุโรป สหรัฐ และจีน รวมถึงกระจายถือเงินสด

สำหรับพอร์ตการลงทุนหุ้นแบ่งเป็น 3 กลุ่มที่เน้นการถือยาวได้ประมาณ 1 ปี คือ กลุ่มที่มีผลประกอบการโดดเด่น ให้น้ำหนัก|ถึง 40% มีทั้งหมด 8 ตัว คือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) บริษัท ไทยคม (THCOM) บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ (THRE) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) และธนาคารกรุงไทย (KTB)

กลุ่มพลังงานทดแทน 25% เช่น บริษัท ยูนิเวอร์แซล แอดซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) และบริษัท เด็มโก้ (DEMCO) และกลุ่มเกี่ยวข้องโครงสร้างพื้นฐาน 35% เช่น บริษัท ช.การช่าง (CK) บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) หรือ CNT |บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC)

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

Re: สรุปข่าว ประจำวัน บันเทิง วาไรตี้

โพสต์ที่ 1170

โพสต์

สรุปข่าววันที่ 12-13 ธ.ค.55 ตั้งแต่เวลา 18.00-06.00 น.

รูปภาพ

"ในหลวง" พระราชทานพระบรมราโชวาทแก่คณะตุลาการศาลทหาร-พระธรรมนูญ และคณะอัยการ รักษาหน้าที่อย่างเคร่งครัด คงความยุติธรรม ขณะที่สมาพันธ์ครูฯ ประกาศปิดโรงเรียนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อรอดูแนวทางการรักษาความปลอดภัยจากรัฐบาล โดยวันนี้ (13 ธ.ค.) นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ลงพื้นที่รับทราบปัญหาด้วยตัวเอง …

http://www.thairath.co.th/content/region/313023

รูปภาพ

โดย ไทยรัฐออนไลน์
13 ธันวาคม 2555, 06:29 น.