เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
-
คนเรือ VI
- Verified User
- โพสต์: 1647
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ผมถนัดเรียนปรัชญา หลักธรรม
ธรรมะเป็น ปัจจัตตัง ครับ
เรียนรู้ได้ด้วยการปฏิบัติเท่านั้นครับ
การถกเถียงทางปราชญ์ ไม่ก่อให้เกิดความเขาใจในธรรมะนะครับ
คนที่ปฏิบัติได้เห็น logic ของธรรมชาติครับ
คนไม่ลงมือ ก็ไม่เห็นนะครับ คุยกันไปก็ไม่เข้าใจหรอกครับ approach มันคนละอันกัน
. . .
-
ซากคน
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
คนเรือ VI เขียน: approach มันคนละอันกัน
ผมกลัวก็อันนี้ล่ะครับพี่ นอกจากต่างวิธี แล้วให้ผลไม่ตรงกับวัตถุประสงค์
แล้วกลัวจะสลายพลัง กลายเป็นหงอย
ผมว่าผมขอเริ่มต้นกับ ธรรมที่ใช้กับทางโลกก่อน ปลอดภัยกว่า :oops:
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
คนเรือ VI เขียน:
ธรรมะเป็น ปัจจัตตัง ครับ
เรียนรู้ได้ด้วยการปฏิบัติเท่านั้นครับ
การถกเถียงทางปราชญ์ ไม่ก่อให้เกิดความเขาใจในธรรมะนะครับ
คนที่ปฏิบัติได้เห็น logic ของธรรมชาติครับ
คนไม่ลงมือ ก็ไม่เห็นนะครับ คุยกันไปก็ไม่เข้าใจหรอกครับ approach มันคนละอันกัน
ขอบคุณ สำหรับคำตอบครับ (โดนใจมากครับ)
ฟังคำสอนหลวงพ่อ ที่บอกว่า ตอนนี้ยังมีรอยเท้า ของคู่บาอาจารย์ ให้เดินตามอยู่ รีบปฏิบัติ-เดินตาม
ถ้าปล่อยผ่าน เดี่ยวมันจะหายไป แล้วหนาวเลยครับ
นี่ถ้าไม่ได้ขอ CD จากพี่พอใจมาฟัง คงไม่รู้จักธรรม
***************
ในความเห็นของผม (อาจผิด หรือ ถูก ก็ได้)
คุณ Voldtrest ครับ คุณ Voldtrest มีตัวกู (อัตตา) สูงมาก ลองไปนับจากข้อความที่เขียนนะครับ ว่ามีคำว่า
ผม กี่คำ
แต่ถ้าวันไหน มีความคิดอยากจะลองลด อัตตา ลง ลองเขียน ข้อความ ที่ไม่มีคำว่า ผม ดูสิครับ
ยินดีด้วยนะครับ ที่เปลี่ยน Signature
หมายเหตุ โดยธรรม(ชาติ)นั้น ทุกอย่างควรมีแต่พอดี
(อัตตา)
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
-
smith_sanguan
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
พี่พอใจไม่มา อู้งาน 555 แซวเล่นครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ศรัทธาของผู้ที่ภาวนาแล้วเห็นธรรมไม่ว่าจะัเบื้องต้นเพียงใด
ย่อมรู้ว่าธรรมนี้มีจริง
ด้วยรู้สึกได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
ธรรมนั้นอาศัยการปฏิบัติแถมเป็นปัจจัตตังอย่างที่ธันวาบอก
ศรัทธาเหล่านี้คลอนแคลนยาก
นี่เป็นข้อที่ยากแต่ถ้าใครรู้ได้ตามหลวงพ่อสอนก็จะได้ประโยชน์
อย่างน้อยก็เช่นในสถานการณ์อย่างเช่นตอนนี้
ส่วนพวกบัวแล้งน้ำ ก็แล้วแต่
เพราะเขาไม่เห็นธรรม
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด
เห่อตามกระแส
ไม่ภาวนา
กิเลสมันห่อหุ้มอยู่เยอะไป
ศรัทธาก็ย่อมคลอนแคลน
มีเหตุเช่นนั้น ผลก็ออกมาเช่นนี้
ก็ตรงตามธรรมของพระพุทธเจ้าที่หลวงพ่อสอนนั่นแล...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
smith_sanguan
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
มาแว๊วๆๆๆๆ :lol: ดีใจเห็นพี่พอใจเขียน :lol:
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
ซากคน
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
[quote="BeSmile"]
ในความเห็นของผม (อาจผิด หรือ ถูก ก็ได้)
คุณ Voldtrest ครับ
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
smith_sanguan
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
คำชี้แจงของสวนสันติธรรมฉบับที่ ๘
เรื่องการสร้างข้อมูลเท็จเพื่อใส่ร้ายป้ายสีหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
--------------------------------------------------------------------------------
ตลอดเวลาประมาณ ๒ ปีที่ผ่านมา ได้มีการสร้างข้อมูลเท็จนานาชนิดเพื่อสร้างความเสื่อมเสียให้กับหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช จนมีข่าวความเสื่อมเสียมากมายหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งค่อนข้างเหลือเชื่อว่าใครจะเลวร้ายได้สมบูรณ์แบบปานนั้น และช่างเป็นคนร้ายที่แสนโง่ ที่ปล่อยให้คนจับผิดได้เป็นรายวัน
ข่าวความเสื่อมเสียทั้งหลายนั้น พอจะจำแนกได้หลายประเภทคือ (๑) ความเลวร้ายก่อนที่จะบรรพชาอุปสมบท เพื่อปูพื้นให้เห็นว่าหลวงพ่อปราโมทย์ชั่วร้ายโดยสันดาน เมื่อบวชแล้วก็คงจะชั่วร้ายต่อไป (๒) ความเลวร้ายในขณะครองเพศบรรพชิต เช่นการดูถูกเหยียดหยามครูบาอาจารย์ของตนเอง และครูบาอาจารย์สำนักอื่นๆ การมีปัญหาเรื่องผู้หญิง การมีปัญหาเรื่องฉ้อโกง ทั้งโกงเงินวัดและเงินของญาติโยม ด้วยวิธีการนานาชนิด และการสอนกรรมฐานด้วยวิธีที่ไม่เหมาะสม ฯลฯ ถ้าจะประมวลความชั่วร้ายทั้งหมด น่าจะต้องใช้เวลาพูดหลายชั่วโมงทีเดียว
การสร้างข่าวความเลวร้ายเกือบทั้งหมดจะมีลักษณะสำคัญ ๒ อย่างคือ (๑) การบิดเบือนข้อมูลเก่า และ (๒) การสร้างข้อมูลใหม่ กล่าวคือ
๑. การบิดเบือนข้อมูลเก่า จะเป็นการนำข้อมูลที่มีอยู่เพียงเล็กน้อย หรือไม่ปะติดปะต่อ มาบอกเล่าผ่านการพูด การเขียนหนังสือ การส่งอีเมล์ การโพสต์ความเห็น ฯลฯ โดยแต่งเติมและบิดเบือนให้ทุกอย่างเลวร้ายไปหมด เช่นเมื่อหลวงพ่อปราโมทย์เล่าว่า เคยศึกษาธรรมะของท่านอาจารย์พุทธทาส แล้วเกิดมิจฉาทิฏฐิโดยสำคัญผิดว่าท่านสอนว่าตายแล้วสูญ ทั้งนี้เพราะศึกษาคำสอนของท่านอย่างไม่ถ่องแท้ ก็บิดเบือนเป็นว่า หลวงพ่อปราโมทย์ปรามาสว่าท่านพุทธทาสภิกขุเป็นมิจฉาทิฏฐิ หรือเมื่ออ่านข้อเขียนสมัยที่หลวงพ่อปราโมทย์ยังเป็นฆราวาส ก็โจมตีว่าเป็นการหลอกลวง ซึ่งการพูดอย่างสบายปากเช่นนั้น ไม่มีหลักฐานใดๆ มารองรับเลย
๒. การสร้างข้อมูลใหม่ หลายกรณีโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่เป็นความผิดร้ายแรงสำหรับพระ จะมีการสร้างเรื่องและเผยแพร่ออกไปทาง internet บ้าง การพูดคุยบ้าง เมื่อข่าวแพร่ไปกว้างขวางจนไม่ว่าจะไปที่ใดก็มีคนพูดถึงเรื่องนั้น ก็จะเกิดภาพลวงตาว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะใครๆ ก็รู้เหมือนๆ กัน เช่นเรื่องที่ว่าหลวงพ่อปราโมทย์เขียนอีเมล์ไปเล่าเรื่องความลามกให้คุณดังตฤณฟัง ทั้งที่ผู้มีวิจารณญาณแม้เพียงเล็กน้อยก็น่าจะได้คิดว่า หากหลวงพ่อปราโมทย์จะทำชั่วเช่นนั้นจริง ที่ไหนจะโอ้อวดให้คนอื่นรู้
บางกรณีก็ไม่ใช่เพียงการพูดหรือการเขียน แต่ถึงกับมีการลงทุนจัดฉากเพื่อบันทึกภาพและเสียง เช่นมีการปล่อยข่าวว่าหลวงพ่อปราโมทย์เรียกร้องเงินทองจากหญิงคนหนึ่งซึ่งป่วยหนัก เพื่อแลกกับการช่วยรักษาโรคให้ ซึ่งเมื่อแรกที่สงฆ์สวนสันติธรรมได้ยินเรื่องนี้ ก็คิดว่าเป็นข่าวลืออย่างเลื่อนลอยเช่นเดียวกับข่าวอื่นๆ ต่อเมื่อทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก จึงนึกได้ว่ามีการจัดฉากในเรื่องนี้ขึ้นจริงๆ โดยในวันหนึ่งขณะที่หลวงพ่อปราโมทย์สอนญาติโยมและสนทนากับพระอาคันตุกะเสร็จแล้ว และสงฆ์พากันกราบพระประธานในศาลาใหญ่พร้อมกันแล้ว ได้มีพระกราบเรียนหลวงพ่อปราโมทย์ก่อนจะกลับเข้าห้องพักว่า ขอให้เมตตาช่วยรับปัจจัยทำบุญของหญิงผู้หนึ่งซึ่งป่วยหนักใกล้ตาย และญาติพาตัวมา เพื่อสงเคราะห์ให้เธอผู้นั้นได้ชื่นใจ (ปกติหลวงพ่อปราโมทย์ไม่รับการถวายสิ่งใดโดยตรงจากญาติโยมเพราะไม่ค่อยมีเวลา) เมื่อหลวงพ่อปราโมทย์ถามพระว่า เป็นใครหรือ? พระก็ตอบว่า ไม่เคยเห็นหน้า
จากนั้นพระได้เรียกคณะของคนป่วย(มีประมาณ ๔ คน) ให้มาถวายใบปวารณาที่ริมอาสนะสงฆ์ซึ่งมีคนเดินผ่านไปมาวุ่นวายอยู่ด้านข้าง โดยทั้งผู้ถวายและหลวงพ่อปราโมทย์ต่างก็ยืนอยู่ในที่เปิดเผยนั้นเอง จุดที่น่าประหลาดใจก็คือ มีหญิงคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ด้านขวามือของหลวงพ่อปราโมทย์ ได้ขออนุญาตถ่ายภาพและต่อด้วยการถ่ายวีดิโอด้วยกล้องถ่ายรูป แต่อีกคนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ทางด้านซ้ายได้ยื่นโทรศัพท์มือถือเข้ามาใกล้หลวงพ่อปราโมทย์เพื่อบันทึกเสียง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเห็นใครทำกันอย่างนั้น เพราะราวกับจะรุมกันบันทึกข้อมูลอย่างเต็มที่ และเมื่อหญิงสูงอายุที่ว่าเป็นคนป่วย ยื่นพานถวายใบปวาราณาและหลวงพ่อปราโมทย์รับแล้ว หญิงอีกคนหนึ่งที่ยืนประคองหญิงสูงอายุอยู่ทางด้านหลัง ได้ถามนำขึ้นในทำนองว่า ทำบุญแล้วจะหายป่วยไหมคะ ซึ่งคำถามเช่นนี้เป็นการบีบให้พระจำเป็นต้องพูดให้กำลังใจ เพราะคงไม่มีพระที่ไหนใจร้ายพอที่จะกล่าวว่า ตายแน่ หลวงพ่อปราโมทย์ก็ต้องตอบไปด้วยความเมตตาในทำนองที่ว่า ทำบุญแล้วก็หายป่วยได้ และหลวงพ่อปราโมทย์ได้อธิบายขยายความให้อีกหน่อยหนึ่งว่า แต่ขอให้คิดถึงบุญที่ทำแล้วบ่อยๆ จนจิตเกิดปีติ เมื่อจิตเกิดปีติแล้วโรคภัยบางอย่างก็พอจะหายได้ จากนั้นหลวงพ่อปราโมทย์ก็ส่งใบปวารณาให้พระซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ได้สนใจด้วยซ้ำไปว่าใบปวารณานั้นลงชื่อใครและเขียนยอดเงินไว้เท่าใด เพราะหลวงพ่อปราโมทย์มีปกติขึ้นชื่อว่าไม่เน้นให้ลูกศิษย์ถวายเงินทอง แต่เน้นให้ปฏิบัติถวาย
สวนสันติธรรมเข้าใจว่าจะเป็นเหตุการณ์รายนี้เอง ที่อาจมีการนำภาพและเสียงไปต่อเติมเสริมแต่งเรื่องราวและตัดต่อ ให้กลายเป็นว่าหลวงพ่อปราโมทย์หลอกลวงให้มาทำบุญ เพื่อแลกกับการรักษาโรค
สวนสันติธรรมขอให้เพื่อนชาวพุทธทบทวนเรื่องราวเกี่ยวกับพระภิกษุผู้มีชื่อเสียง และถูกกล่าวโทษร้ายแรงในอดีตดูเถิดว่า แต่ละท่านถูกโจมตีด้วยข่าวร้ายแรงเพียงไม่กี่เรื่อง และกว่าจะหาข้อมูลมาเปิดโปงได้ก็ต้องใช้ความพยายามมากมาย แต่กรณีหลวงพ่อปราโมทย์กลับปรากฏข่าวความเสียหายผ่านทาง internet เป็นรายวันและต่อเนื่องเป็นปีๆ ซึ่งหากหลวงพ่อปราโมทย์ทำผิดจริง ก็ต้องนับว่าเป็นคนที่ทำความชั่วได้มากมายในทุกด้าน และเป็นการทำความผิดที่ไม่มีการปกปิดด้วย จึงมีผู้รู้เห็นนำมาเปิดโปงได้ง่ายๆ ตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความจงใจที่จะสร้างข่าวความเสียหายขึ้นมา ซึ่งการใส่ร้ายป้ายสีด้วยวิธีการอันเป็นเท็จทั้งหลายนี้ เป็นศิลปะที่กลุ่มผู้มุ่งทำลายหลวงพ่อปราโมทย์บางคนมีความเชี่ยวชาญมากเป็นพิเศษ
นอกเหนือจากการใส่ร้ายแล้ว กลุ่มผู้มุ่งทำลายหลวงพ่อปราโมทย์ยังมีแผนการทำงานต่อเนื่องอย่างเป็นขั้นตอน เช่น (๑) การดึงตัวบุคคลบางคนไปเป็นพวก ด้วยการข่มขู่บ้าง หรือโดยอาศัยความน่าศรัทธาของครูบาอาจารย์รูปหนึ่ง ซึ่งมีคนส่งข้อมูล ความเลวร้าย ทุกชนิดของหลวงพ่อปราโมทย์ไปรวมไว้ที่ท่าน แล้วให้ท่านออกมาโจมตีหลวงพ่อปราโมทย์เพื่อทำลายศรัทธาบ้าง หรือเชิญผู้ที่เคารพหลวงพ่อปราโมทย์ไปสนทนากับท่านบ้าง เพื่อดึงบุคคลเหล่านั้นไปเป็นพวก แล้วนัดหมายให้กระทำการบางอย่างพร้อมๆ กัน เพื่อสร้างข่าวที่น่าตื่นเต้นให้เกิดขึ้น รวมทั้งให้บุคคลเหล่านั้นไปชักชวนผู้อื่นมาร่วมขบวนการณ์ด้วย (๒) การจัดฉากจะให้เกิดการจับกุมในที่สาธารณะ (๓) การเตรียมการแถลงข่าวภายหลังการจับกุม (๔) การติดต่อนักกฏหมายที่มีประสบการณ์ในการทำคดีพระดังในอดีต เพื่อเตรียมการฟ้องร้องกล่าวโทษ ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้น่าจะวิเคราะห์ได้ว่าเป็นการวางแผนการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ สมควรที่สังคมจะช่วยกันจับตาดูว่า ใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวและวางแผนการอันซับซ้อนนี้ ซึ่งหากไม่ใช่ผู้ที่มีความอาฆาตแค้นหลวงพ่อปราโมทย์อย่างรุนแรง ก็ไม่น่าจะมีแรงจูงใจให้พยายามทำลายล้างหลวงพ่อปราโมทย์ได้รุนแรงและต่อเนื่องยาวนานถึงขนาดนี้
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
หมักเตา
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
น้อง Voldtrest ครับ พี่เองไม่ค่อยรู้หรือเข้าใจธรรมมะนะครับ ได้ศึกษามาน้อยมาก
ในภาษาอังกฤษ ตัว I ก็มาก่อนตัว U แถมทิ้งห่างหลายก้าวเลยด้วย เป็นเรื่องธรรมชาติ
ร่างกายมนุษย์ 'ผม' ก็เป็นสิ่งที่อยู่สูงสุด เป็นเรื่องธรรมชาติอีกเหมือนกัน
การจะละอัตตา คงต้องเป็นการฝืนธรรมชาติบ้าง นี่หรือเปล่าคือสาเหตุที่ภิกษุจึงปลง 'ผม' และไม่ 'ฉัน' มากเกินความจำเป็น
คนที่ยังละไม่ได้ จะให้ไปฝืนธรรมชาติอยู่ตลอดเวลาก็คงจะลำบาก แต่กระนั้น ถ้าได้ลองฝืนบ้าง มองโลกในมุมกลับหัวบ้าง
ให้ตัว U ได้มาก่อนตัว I
ให้ 'ผม' ไปอยู่ด้านล่างสุด
อาจจะได้เห็นมุมมองอะไรดีๆ แตกต่างไปบ้าง
ความอยากก็เช่นกัน ถ้ายังละไม่ได้ ก็ใช้ให้เป็นประโยชน์เป็นแรงขับให้ไปถึงเป้าหมาย ด้วยสมาธิที่เข้มรวมศูนย์จนเป็นแสงเลเซอร์แบบที่พี่หมอบอก
เป้าหมายสูงสุดของน้อง Hierarchy of Needs ขั้นที่ 5 ก็เป็นไปเพื่อคนรอบข้างทั้งนั้น
อาจจะเพราะวิธีการตอนนี้ คือ จะใช้ความอยากผลักดันตัวเองให้ถึงเป้าหมาย เพื่อทำการแจกจ่ายให้คนรอบข้าง
เป้าหมายอันหนักอึ้ง แถมระยะทางแบบมาราธอน โดยมีคนรอบข้างรออยู่ปลายทาง สิ่งต่างๆ จึงถาโถมเข้ามาที่ตัวกู
ลองปรับวิธีสักนิดไหมครับ ให้มีเป้าหมายรองระยะสั้นด้วย เหมือนจุดจ่ายน้ำ จ่ายเกลือแร่ เป็นระยะๆ เวลาวิ่งมาราธอน คนรอบข้างก็ไม่ต้องให้เขาไปรอที่ปลายทางหรอก แต่ให้เขานั่งรถสบายๆ เชียร์เราไประหว่างทางด้วยเลย
ถึงจุดจ่ายน้ำปุ๊บ ได้อะไรมา แจกออกไปให้คนรอบข้างทันทีเลยครับ ไม่ต้องให้มันมาผ่านตัวกู แบกน้ำหนักมากๆ มันจะวิ่งได้ช้าลง และจะไม่ถึงเอา
วิ่งมาราธอน ตัวต้องเบาครับ !!!
-
หมักเตา
- Verified User
- โพสต์: 232
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ขออภัย พี่ๆ ในกระทู้นี้ไว้ด้วยนะครับ ลืมนึกไปเลยว่าเป็นหัวข้อด้านธรรมมะ ผมก็พล่ามไปถึงมาราธอนอะไรก็ไม่รู้ เพิ่งจะได้ย้อนกลับมาอ่านทวน อย่างนี้เรียกว่า ทำไปโดยขาดสติ น่าจะหลังไมค์ให้น้องเค้ามากกว่า
เผอิญรู้สึกว่าเห็นน้องเค้าแล้วเหมือนเห็นตัวเองสมัยก่อน รวมไปถึงบางส่วนที่ยังติดมาเป็นตัวตนจนถึงทุกวันนี้ ประสบการณ์ด้านธรรมมะของผมกับน้องเค้าละม้ายกันมากครับ ขออภัยอีกครั้งครับ
-
f.escape
- Verified User
- โพสต์: 439
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
ที่กำลังพูดถึงตัวกูอยู่ตอนนี้ หมายถึง มานะ (กูเก่ง, กูด้อย) หรือเปล่า
หรือกำลังพูดถึงตัวกูที่หมายถึงอัตตา
ถ้าเป็นมานะ ก็ไม่ต้องตั้งใจละ (เพราะมันจะอึดอัด) ขอให้มีซักแว่บเดียวที่ฉุกรู้ว่า กำลังมีมานะ ก็พอเพียงแล้ว
ขั้นนี้มันมีกันทุกคนน่ะ เช่นคิดว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าเขา เลยมีแรงกระตุ้นให้สร้างฐานะ เพื่อให้คนที่เคยดูถูกเรายอมรับ
-
ซากคน
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
หมักเตา เขียน:ขออภัย พี่ๆ ในกระทู้นี้ไว้ด้วยนะครับ ลืมนึกไปเลยว่าเป็นหัวข้อด้านธรรมมะ ผมก็พล่ามไปถึงมาราธอนอะไรก็ไม่รู้ เพิ่งจะได้ย้อนกลับมาอ่านทวน อย่างนี้เรียกว่า ทำไปโดยขาดสติ น่าจะหลังไมค์ให้น้องเค้ามากกว่า
เผอิญรู้สึกว่าเห็นน้องเค้าแล้วเหมือนเห็นตัวเองสมัยก่อน รวมไปถึงบางส่วนที่ยังติดมาเป็นตัวตนจนถึงทุกวันนี้ ประสบการณ์ด้านธรรมมะของผมกับน้องเค้าละม้ายกันมากครับ ขออภัยอีกครั้งครับ
เรื่องราวที่พี่หมักเตา กำลังชี้แนะผม
เป็นส่วนหนึ่ง Introduction to Dhamma for Stubborn Person :D
ตอนที่เข้ามาห้องนี้ตอนแรก ผมก็ไม่รู้หรอกครับว่า จะเริ่มจากอันไหนดี
รู้แต่ว่า ก้าวไปข้างหน้าไม่ได้ เหมือนมีอะไรมาฉุดรั้ง
ก็เลยอาศัยเล่าเรื่อง แลกเปลี่ยนกับพี่ๆ จนเริ่มเห็น แสงรำไรข้างหน้า
อย่างน้อยก็เห็น ก้าวต่อไปครับ
ไม่ถือว่านอกหัวข้อหรอกครับ
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
คนเรือ VI เขียน:
ธรรมะเป็น ปัจจัตตัง ครับ
เรียนรู้ได้ด้วยการปฏิบัติเท่านั้นครับ
การถกเถียงทางปราชญ์ ไม่ก่อให้เกิดความเขาใจในธรรมะนะครับ
คนที่ปฏิบัติได้เห็น logic ของธรรมชาติครับ
คนไม่ลงมือ ก็ไม่เห็นนะครับ คุยกันไปก็ไม่เข้าใจหรอกครับ approach มันคนละอันกัน
ขอบคุณครับลืมนึกถึงจุดนี้ไป สรุปเอาแบบที่พี่ว่าดีที่สุดครับแล้วสำหรับเคสนี้
คนเรือ VI เขียน:
ทำไปเลยไอ้น้อง .....
อย่าลืมฉุกคิดบ่อยๆก็แล้วกันว่าตอนนี้กำลังเป็นอย่างไรอยู่
-
Stock Broker
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
เรื่องที่มีผู้ไม่หวังดีต่อพระอาจารย์ปราโมทย์ คงจะเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับผลประโยชน์บางอย่าง ซึ่งผมก็คงไม่อาจล่วงรู้
ผมเชื่อว่าตัวพระอาจารย์เองคงจะไม่ค่อยรู้สึกเดือดร้อน หากจะมีก็น่าจะเป็นความสังเวช สมเพชเวทนา ต่อคนเหล่านั้นเสียมากกว่า เพราะผลกรรมจากกการกระทำเหล่านี้ไม่รู้จะส่งผลให้ต้องใช้กรรมไปอีกกี่ชาติภพ
แต่เหล่าลูกศิษย์ที่เคารพรักพระอาจารย์นี่สิ คงจะยอมไม่ได้ที่จะมีใครมาลบหลู่ครูบาอาจารย์ของตน
ยังไงก็แล้วแต่ หวังว่าการหาทางออกของเรื่องนี้ จะคำนึงถึงวิธีการใดก็ตามที่ส่งผลกระทบต่อพระอาจารย์ให้น้อยที่สุด อย่าให้พระอาจารย์ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวายทางโลกนี้เลยครับ
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
หมักเตา เขียน:ขออภัย พี่ๆ ในกระทู้นี้ไว้ด้วยนะครับ ลืมนึกไปเลยว่าเป็นหัวข้อด้านธรรมมะ ผมก็พล่ามไปถึงมาราธอนอะไรก็ไม่รู้ เพิ่งจะได้ย้อนกลับมาอ่านทวน อย่างนี้เรียกว่า ทำไปโดยขาดสติ น่าจะหลังไมค์ให้น้องเค้ามากกว่า
เผอิญรู้สึกว่าเห็นน้องเค้าแล้วเหมือนเห็นตัวเองสมัยก่อน รวมไปถึงบางส่วนที่ยังติดมาเป็นตัวตนจนถึงทุกวันนี้ ประสบการณ์ด้านธรรมมะของผมกับน้องเค้าละม้ายกันมากครับ ขออภัยอีกครั้งครับ
ไม่เห็นรู้สึกอย่้างนั้นเลย
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
[quote="f.escape"]ที่กำลังพูดถึงตัวกูอยู่ตอนนี้ หมายถึง มานะ (กูเก่ง, กูด้อย) หรือเปล่า
หรือกำลังพูดถึงตัวกูที่หมายถึงอัตตา
ถ้าเป็นมานะ ก็ไม่ต้องตั้งใจละ (เพราะมันจะอึดอัด) ขอให้มีซักแว่บเดียวที่ฉุกรู้ว่า กำลังมีมานะ ก็พอเพียงแล้ว
ขั้นนี้มันมีกันทุกคนน่ะ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
คนเรือ VI
- Verified User
- โพสต์: 1647
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
คุณเอฟนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ
้เป็นพวกไชยา มิตรชัยหรือเปล่าครับ
:lol: :lol: :lol: :lol:
ธรรมะพี่พอใจเด็ดขาดจริงๆ
ขอชื่นชมด้วยใจครับ
. . .
-
ซากคน
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
คนเรือ VI เขียน:
ธรรมะเป็น ปัจจัตตัง ครับ
เรียนรู้ได้ด้วยการปฏิบัติเท่านั้นครับ
การถกเถียงทางปราชญ์ ไม่ก่อให้เกิดความเขาใจในธรรมะนะครับ
คนที่ปฏิบัติได้เห็น logic ของธรรมชาติครับ
คนไม่ลงมือ ก็ไม่เห็นนะครับ คุยกันไปก็ไม่เข้าใจหรอกครับ approach มันคนละอันกัน
ขอแสดงทิฐิเฮือกสุดท้ายสำหรับวันนี้ นะครับ
แสดงว่าธรรมะ ไม่ใช่ของง่าย ที่ใครจะอธิบายออกเป็นภาษาคนแล้ว เข้าใจทันที เลยแปลกพิลึกดี พออธิบายต้องใช้ศัพท์แสงแปลกๆ ที่อ่านแล้วชวนปวดหัว แล้วบอกว่า ภาษานั้นๆ เป็นภาษาของพระพุทธศาสนา เป็น index ที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปเปลี่ยนแปลง หรือ บัญญัติคำที่ง่ายกว่านี้ใช้แทน แล้วบอกว่า ภาษานั้นๆ เป็นภาษาของพระพุทธศาสนา
ปล. หากผมฝึกแล้วติดอะไร จะเข้ามาถกกับพี่ๆใหม่อีกทีครับ
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
คนเรือ VI เขียน:
ธรรมะพี่พอใจเด็ดขาดจริงๆ
ขอชื่นชมด้วยใจครับ
เนื่องจากทำอะไรก็คิดเองไม่ค่อยเป็น
ลอกคนเก่ง ลอกคนที่ได้ที่หนึ่งมาตลอด
เรื่องธรรมะผมก็เลยฉวยโอกาสลอกของหลวงพ่อปราโมทย์มาครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
smith_sanguan
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
หุ้นตก พี่พอใจ หายเงียบไปเลย เล่นทีเฟกสิพี่ เอาไว้เล่นตอนขาลง เหมือนผม สนุกดี เล่นได้ยามหุ้นตกนะ ขาขึ้นก็เล่นหุ้น ขาลงก็ทีเฟก ขำๆ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
คนเรือ VI
- Verified User
- โพสต์: 1647
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
เนื่องจากทำอะไรก็คิดเองไม่ค่อยเป็น
ลอกคนเก่ง ลอกคนที่ได้ที่หนึ่งมาตลอด
เรื่องธรรมะผมก็เลยฉวยโอกาสลอกของหลวงพ่อปราโมทย์มาครับ
อ่อ ครับ งั้นผมขอลอกบ้างครับพี่ ที่ได้ยินได้ฟังมาจากครูบาอาจารย์
แต่ผมลอกไม่เก่งครับ ผมจำได้ว่าฟังมาจาก CD หลวงพ่อ quote คำพูดหลวงปู่มา
"การปฏิบัตินั้นไม่ยาก ยากเฉพาะผู้ไม่ปฏิบัติ"
โดนใจจริงๆ
. . .
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
smith_sanguan เขียน:หุ้นตก พี่พอใจ หายเงียบไปเลย เล่นทีเฟกสิพี่ เอาไว้เล่นตอนขาลง เหมือนผม สนุกดี เล่นได้ยามหุ้นตกนะ ขาขึ้นก็เล่นหุ้น ขาลงก็ทีเฟก ขำๆ
หุ้นขึ้นเป็นเรื่องตลก
หุ้นตกเป็นเรื่องธรรมดา
แก้ไขล่าสุดโดย
por_jai เมื่อ พฤหัสฯ. ม.ค. 21, 2010 9:54 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
smith_sanguan
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
por_jai เขียน:
หุ้นขึ้นเป็นเรื่องตลก
หุ้นตกเป็นเรื่องธรรมดา
จะขึ้นจะลง มันก็ไม่ใช้เรา เราก็ไม่ทุข :lol:
ตามรู้ตามดู ตามเล่นไป อะไรก็ควบคุมไม่ได้สักอย่าง :lol:
พี่พาผม มาเจอการพ้นทุข ชีวิตผม สุขมากขึ้น ทุขน้อยลงครับ ผมเป็นหนี้ชีวิต พี่นะครับ ตามมาช่วยผมหลายๆชาตินะพี่ อย่ารีบไปนิพพานล่ะ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
smith_sanguan
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
รูปกบน่าเกียจอ่ะพี่
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
จริงๆเป็นเขียดนะไม่ใช่กบ
ย่อลงหน่อยก็ได้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
smith_sanguan
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
เขียด
ผมแยกไม่ออก พี่อธิบายหน่อยสิ ต่างกันยังไง
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
smith_sanguan เขียน:
พี่พาผม มาเจอการพ้นทุข ชีวิตผม สุขมากขึ้น ทุขน้อยลงครับ ผมเป็นหนี้ชีวิต พี่นะครับ ตามมาช่วยผมหลายๆชาตินะพี่ อย่ารีบไปนิพพานล่ะ
ผมแค่ชี้ทางไปวัด
แก้ไขล่าสุดโดย
por_jai เมื่อ ศุกร์ ม.ค. 22, 2010 8:39 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
smith_sanguan เขียน:เขียด
ผมแยกไม่ออก พี่อธิบายหน่อยสิ ต่างกันยังไง
คือตายซี๊มะก้องด้อง
เขาเรียกตายหยังเขียด
ไม่มีใครเขาเรียก
ตายหยังกบ หรอก
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
[quote="Voldtrest"]
แสดงว่าธรรมะ ไม่ใช่ของง่าย ที่ใครจะอธิบายออกเป็นภาษาคนแล้ว เข้าใจทันที
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
smith_sanguan
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
|0 คอมเมนต์
เกิดแล้วรวยก็ดี รวยก็มีทุข ทุขแบบคนรวย
ผมขอไม่เกิดแล้วได้ไม๊ครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล