VI หาดใหญ่

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1021

โพสต์

ดำ เขียน: รอ อ.อ่านแล้วมา commnent นี่ล่ะครับ คันมือมาตั้งแต่อ่านจบแล้ว เล่มนี้เป็นหนังสือเล่มเดียวในรอบหลายปีที่ผมใช้เวลาถึง 3 วัน 2 คืนอ่านแบบรวดเดียวจบ (ก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกนิยายกำลังภายในครับ อิอิ)

หนังสือเล่มนี้ช่วยเปิดโลกทัศน์ด้านความเสี่ยงให้ผมเลยครับ ที่ผ่านมาผมเคยพอเข้าใจเรื่องนี้มาบ้างและคิดว่าตัวเองได้ใส่ใจพอสมควรแล้ว แต่พออ่านเล่มนี้จบปุ๊บ รู้เลยว่าที่ผ่านมายังประมาทในการตัดสินใจอยู่อีกมาก (และน่าจะเป็น 1 ในเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ยังไม่ประสบความสำเร็จในการลงทุน) จุดเด่นของหนังสือเล่มนี้อีกอย่างน่าจะเป็นเรื่องมุมมองในการลงทุนทั้งในแง่ศาสตร์และศิลป์อย่างที่อ.ว่าล่ะครับ เพราะไม่ได้มองการลงทุนด้วยเหตุผลด้านเดียว แต่ให้ความสำคัญในการมองด้านจิตวิทยาด้วย (อธิบายจุดอ่อนจุดแข็งของ Efficient Market Theory ได้ดีครับ)

เรื่องความขยัน ที่จริงต้องมีแนวคิดหรือความเชื่อหรือหลักการที่ถูกต้องเป็นตัวกำกับเพื่อนำทาง ความขยันถึงจะเห็นผลสัมฤทธิ์ครับ ถ้าไม่งั้นจะเข้าข่าย "โง่แต่ขยัน" ซึ่งอาจเป็นโทษมหันต์ได้ด้วยซ้ำครับ ในทางพุทธศาสนาถึงยกสัมมาทิฏฐิ (ความเห็นถูก) ว่ามีความสำคัญอันดับแรกในองค์มรรคครับ
ผมว่าที่เรามักจะมองข้ามความเสี่ยง ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะข้อมูลรอบตัวเรามักจะสื่อไปในทาง upside ครับ story ของหุ้นต่าง ๆ ตามสื่อ หรือที่ใคร ๆ บอกมาก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องทำนองนี้ ประมาณว่า ซื้อได้หรือไม่ได้ก็ไปพิจารณาเอาเองนั่นเอง คือในความเป็นจริงมันไม่ได้มีหมายเหตุมาต่อท้ายคอยเตือนเราทุกครั้ง พอเราได้ยิน ความโลภก็เกิด ความกลัวตกรถก็เกิด ยิ่งสภาวะตลาดแบบนี้ยิ่งกระตุ้นความโลภ เห็นเค้าลุยแล้วหุ้นขึ้นเอา ๆ ก็กลัวจะไม่ทันคนรอบข้าง ระเบียบวินัยที่เคยตั้งไว้ก็หย่อนยาน พอลองทำไปซักครั้ง ก็รู้สึกว่าเอ่อมันก็ไม่มีอะไรนี่นา เราอาจจะเวอร์ ขี้กลัวเกินไป

หารู้ไม่ว่าจริง ๆ แล้ว downside, risk, MOS ซึ่งจะเรียกอย่างไรก็แล้วแต่ "เราจะไม่ค่อยเห็นประโยชน์ของมันยามตลาดเป็นขาขึ้น แต่เราจะเห็นประโยชน์ของมันก็ต่อเมื่อตลาดเป็นขาลง" เปรียบเสมือนถังดับเพลิง ยามภาวะปกติเราไม่เคยสนใจมัน บางทีเรากลับมองว่าคนที่เอามาติดเสียเงินเอาของมาตั้งทิ้งไว้ให้รกด้วยซ้ำ แต่ถ้าเมื่อไหร่เกิดไฟไหม้นั่นแหละเราถึงจะเข้าใจประโยชน์ของถังดับเพลิง ฉันใดก็ฉันนั้นครับ

การประเมินความเสี่ยงผมว่ามันขึ้นกับตัวของเราด้วยครับ ผมเองก็อ่านหนังสือมาหลายเล่ม จะว่าไปก็ไม่เคยมีเล่มไหนที่กล้าเขียนไว้ชัดเจนว่า ที่เรียกว่า MOS นั้นมันควรจะอยู่ในระดับเท่าไหร่ ผมเคยคิดว่ามันคงขึ้นอยู่กับเราครับ อย่างผมเองรู้ตัวเองว่าเป็นคนมีนิสัยไม่ชอบคัทลอสหุ้น (ถ้าไม่จำเป็น) นั่นแปลว่าผมจะไม่พยายามเข้าไปซื้ออะไรให้ผิดพลาดตั้งแต่ตอนแรก ในขณะที่บางคนเค้าอาจจะยอมรับได้มากกว่า ยอมผิดบ่อยขึ้นแค่ต้องรู้ตัวให้เร็วและรีบคัทลอสก่อน จะด้วยวิธีอะไรก็แล้วแต่ เค้าอาจจะมี MOS ที่น้อยกว่าเราก็ได้ครับ

ไม่ว่าหุ้นจะดีหรือไม่ดี มีตำหนิหรือไม่ ตัวผมเองถ้ารู้ว่าหุ้นตัวนั้นมีตำหนิ ผมก็จะยิ่งให้ MOS ที่ว่ามันมากขึ้น เหมือนต้องคิดหลาย ๆ สถานการณ์ว่าถ้าตัวเร่งแต่ละตัวมันไม่ทำงาน มันจะเกิดอะไรขึ้น เราจะคาดการณ์มันได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าความเสี่ยงแต่ละอย่างมันเกิดขึ้นเราจะเสียหายมากน้อยแค่ไหน เอาด้านบวกด้านลบมาหักล้าง ถ้าด้านบวกมากกว่าลบมาก ๆ ก็น่าสนใจครับ

ตัวเร่งแต่ละตัวก็ต้องวางน้ำหนักให้ชัดเจนครับ ว่าตัวไหนมีผลมาก ก็ต้องเจาะข้อมูลตรงนั้นให้มาก ส่วนตัวเร่งประเภทคาดเดาไม่ได้หรือประเภทน้ำจิ้มจะไม่เน้น ถ้าได้ก็ถือว่าเป็นโบนัส

ว่ากันตามตรง หลัง ๆ ตัวเองก็เลยไม่ค่อยเน้นเรื่องการพยายามประเมินอะไรออกมาเป็นตัวเลข บางทีเหมือนใช้ความน่าจะเป็นมากกว่าด้วยซ้ำ แต่เราเลือกได้ครับ หุ้นตัวไหนเสี่ยงเกินไปก็อย่าไปซื้อ หุ้นที่เสี่ยงน้อย low risk high return ผมว่ามันมีอยู่จริงครับ ขอแต่เพียงอดทน เข้าใจ เราจะได้เจอแน่นอนครับ แล้วคำว่า low risk มันไม่ได้แปลว่าไม่มี risk นะครับ เพียงแต่เทียบกับหุ้นตัวอื่น ๆ มันน้อยกว่ามากครับ

แต่ในหนังสือเขียนเรื่องการซื้อเฉลี่ยขาลงได้ไม่ค่อยชัดเจนนะครับ เหมือนจะแนะนำให้ทำ ซึ่งจริง ๆ แล้วผมว่าคนเขียนเค้าอาจจะลืมไปเรื่องหนึ่งว่าก่อนจะทำต้องแน่ใจก่อนว่าเราไม่ได้คิดผิด พอดีผมยังอ่านไม่จบถ้ามีประเด็นน่าสนใจจะมาว่ากันอีกทีครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1022

โพสต์

dr1 เขียน:สัมมาทิฎฐิแล้วตามด้วยสัมมาวายามะ(ขยันแบบถูกทาง)ด้วยใช่มั้ยฮะ
รอทั้งสองท่าน ยกประเด็นในหนังสือมาเปรียบเทียบสถานการณ์จริง มาเล่าสู่กันฟังต่อไปนะฮะ

โบรคทน(ลงทุนไปทั้ง)ชาติจัดงานยุหุ้นอีกแล้วฮะ เริ่มก็บอกเลย ว่าปีนี้1700 ติดที่1600นิสนึง
อาจไปถึง1820(เอาเข้าไป..)กลางๆ1560 อย่างแย่ก็1200 (พี่เล่นเหวี่ยงแหยังงี้ มันต้องถูกซักจุดล่ะนะ)
เพราะคิวอียุโรปเยอะ ยุ่นก็อัดคิวอี จีนอัดห้าหมื่นล้าน ดอกเมกาต่ำ ลามถึงดอกไทย
ภาพใหญ่น้ำมันลด(อุปสงค์ลดจากพลังงานทางเลือก อุปทานเพิ่มจากเมกา4-10ล้านบาเรลล์)
เงินเหลือ หนี้รัฐ46-48%เงินไม่จำนำข้าวเอาไปทำรถไฟได้5เส้นฝรั่งไม่มีของขาย กลับมาซื้อหกพันล้าน
เศรษฐกิจไทยโต1-4%กำไรบมจ.โต4-20%(ไม่ได้บอกว่าราคาหุ้นไปดอยไหนแล้ว)
พีคQ1-2 แต่ระวังกลางปี ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน เลือกตั้งไม่ได้ เฝดจะขึ้นดอก Q3ไม่ดี Q4รอดู

หุ้นแนะนำเจ็ดกลุ่ม
1. หุ้นใหญ่รอเงินฝร่ัง ธนาคาร สื่อสาร ขนส่ง(สนามบิน)
2. ลงทุนพื้นฐาน
ก็สนามบินอีก มโนว่าเกือบครึ่งพัน(สนามบินแห่งละแสนกว่าล้านละมั้งเนี่ย)
ก่อสร้างที่มีทางด่วน โรงไฟฟ้า รถใต้ดิน พ่วงด้วยเสาเข็มคู่หูพ่วงมา
ปูนเจ้าที่เพิ่มกำลังผลิต50%กะโรงไฟฟ้า90MW
3. พวกกำไรดีขึ้น
หุ้นเฮียฮ้อ จากดิจิตัลทีวีเพิ่มค่าโฆษณา แต่ก่อน7>3>5>9 ตอนนี้7>3>W>9>M>R(แนะนำอันน้อยสุดเนี่ยนะ)
Wกำไรมาน่าจะกลับไปที่เดิม Mโต300%หุ้นอากู๋รอดูอีก2Qจากเรตติ้งละครคุณบอย(คนละบอยกับบอย แลมโบ)
หุ้นเงินติดล้อ เก็บดอก25%ทุน5% โต40%อีก4ปี แทนเงินนอกระบบ หนี้เสียคุมได้
ผ่อนไปสองปีทวงน้อยลงให้ผิดนัด จะได้คิดค่าปรับ(โห..) แต่ราคาไม่มีอัพไซด์แล้ว
หุ้นน้ำแสบปี๋ แก้ตัว เอ๊ยให้เหตุผลว่าฝร่ังซื้อแล้ว ไม่มีสภาพคล่อง ราคาเลยไม่ไป หุ้นปลากระป๋อง
4. พวกปันผลดี
กองทุนเสาโทรศัพท์ทุย7% แต่ระวังดอกเบี้ยขึ้นเร็ว แต่คงไม่ เพราะกลัวเงินคิวอีมา
5. พลังงานทางเลือก
หุ้นบริสุทธ์ หุ้น"CAN"(ยังยุอีกแฮะ)ว่าเป็นหุ้นไฮบริด ทั้งสื่อสารกะโรงไฟฟ้าขยะ40MW ถ่านหินเขมร1000MW
แถมแจกวอแร้นต์5:1ราคาราวๆ6บาท(ตัวเร่งจริงปลอมไม่รุ)
6. แบงค์ชาวนา รอฝรั่ง
7. หุ้นเด็ดชีพ (ถูกใจพวกชอบเสียว)
หุ้นที่ไม่ใช่STEREO หุ้นเอ็นผัก หุ้นรวย หุ้นอ่านชื่อฟังคล้าย"JAIL"

สุดท้ายหุ้นที่ไม่เคยแนะนำมาก่อน คือหุ้นยางมะตอยที่อ.lekyเคยเปรยๆไว้ฮะ ว่างบคิวสี่น่าจะกระฉูด(ฉูดลงฉูดขึ้นรอดูกันไป)
555 ผมว่าโบรกเค้าเข้าใจทำนะครับ เล่นปูพรมแบบนี้ มันคงต้องโดนซักตัวสองตัวแน่ครับ ดีไม่ดีคนอาจจะไปรุมตรงหุ้นข้อ 7 ครับ :D
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1023

โพสต์

ไม่ทราบว่ามีใครได้ศึกษาหุ้น IPO ตัวสุดท้ายของปี 57 มั้ยครับ ที่เจ้าของถือหุ้นอยู่ 75%

อยากขอแขร์ไอเดียด้วยครับ
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1024

โพสต์

dr1 เขียน: สุดท้ายหุ้นที่ไม่เคยแนะนำมาก่อน คือหุ้นยางมะตอยที่อ.lekyเคยเปรยๆไว้ฮะ ว่างบคิวสี่น่าจะกระฉูด(ฉูดลงฉูดขึ้นรอดูกันไป)
อ.ครับ ผมว่าเค้าแนะนำช้าไปหน่อยนะครับ มันคงอย่างที่อ.เคยบอกโบรกแนะนำซื้อแปลว่า โบรกเตรียมโยนของ :D

ตอนที่ผมยังไม่ค่อยรู้อิโหน่อิเหน่ ตอนที่ซับไพร์มกำลังจะเริ่มเคยซื้อเข้าพอร์ต หลังจากนั้นมันก็ดิ่งตามตลาด ขายขาดทุนบานครับ แล้วเจ้าของก็เก็บหนัก ๆ หุ้นขึ้นไปพีค

กลับมาเจอเค้าอีกทีก็ตอนไปซื้อ W ของเค้ากะว่าใช้เงินไม่มาก ไม่ต้องซื้อแม่ ถ้าติดก็ค่อยเอาเงินเข้าไปแปลง เสียอย่างมันใกล้จะหมดอายุ อันนี้เรารู้อยู่เลยระวัง อยู่ ๆ มันดิ่งหนัก (เอาอีกแล้ว) รุ่นน้องที่ซื้อด้วยกัน ทนไม่ไหวทิ้งหนี เรากัดฟันน่ะครับ ท่องคาถาว่าถ้ามันหมดอายุเราจะแปลง ๆ ๆ สุดท้ายมันมีลูกฮึดครับ วิ่งกลับขึ้นมาได้กำไรนิดหน่อย แต่ที่มันวิ่งขึ้นมาจากที่มันลงไป low จนถึงราคาผม ถ้าจำไม่ผิดเป็น 1000% นะครับ เรียกได้ว่า โกงความตายมาได้อย่างหวุดหวิด ไม่ต้องเอาเงินเข้าไปเติม

หุ้นตัวนี้ถ้าไม่ติดเรื่องชอบขาดทุนค่าเงินกับสต๊อกน้ำมันนี่ ผมว่าเป็นหุ้นที่น่าสนใจตัวหนึ่งครับ ตอนนี้ผมไม่ได้มีหุ้นนะครับ ไม่มีเอี่ยว :D

ก่อนยุคต้มยำกุ้ง วิ่งไม่มีถอย 300 กว่าบาท ผมว่าน้อง ๆ พวกหุ้นปูน

แต่เดี๋ยวนี้เหมือนเป็นหุ้น chronic inexpensive stock ถ้าลองไปอ่านโบรกเจ้าที่เค้าตามหุ้นตัวนี้ เคยให้ราคาถึง 100 บาท

หุ้นแทบจะผูกขาดธุรกิจยางมะตอย ยอดขายโตขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าจำไม่ผิดส่งออกมากกว่าขายในประเทศ ยิ่งในอาเซียนนี่ถ้าประเทศรอบ ๆ ต้องพัฒนา ผมว่าได้ประโยชน์เต็ม ๆ ครับ เพียงแต่พอผลประกอบการลุ่ม ๆ ดอน ๆ จากพวกค่าเงินและสต๊อกน้ำมัน มันก็เลยเข้าอีหรอบหุ้นแก๊ส ดูเหมือนเป็นหุ้นที่มีความเติบโตผสมความเป็นวัฏจักรอยู่ครับ เลยไม่โตซักที

ที่ผมว่าเค้าแนะนำช้าไปหน่อยเพราะ จังหวะซื้อที่ดีควรเป็นตอนที่งบออกมาไม่ดีครับ ซึ่งมักจะมีเป็นระยะ ๆ ยิ่งเจ้าของส่งสัญญาณซื้อนี่มักจะตามได้ครับ เค้ามักจะซื้อได้ถูกเสมอครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
romee
Verified User
โพสต์: 1850
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1025

โพสต์

อร๊ายยยยย ซ้อหนึงมาแล้ว (คู่แข่งซ้อ7)
มาแปลหุ้นตามที่หมอหนึ่งใบ้แบ๊ะๆ ดีกว่า

1. หุ้นใหญ่รอเงินฝร่ัง ธนาคาร สื่อสาร ขนส่ง(สนามบิน)
BAY 5555, KBANK, advanc, AOT

2. ลงทุนพื้นฐาน
ก็สนามบินอีก มโนว่าเกือบครึ่งพัน(สนามบินแห่งละแสนกว่าล้านละมั้งเนี่ย)
AOT
ก่อสร้างที่มีทางด่วน โรงไฟฟ้า รถใต้ดิน พ่วงด้วยเสาเข็มคู่หูพ่วงมา
CK?, PYLON, SEAFCO

ปูนเจ้าที่เพิ่มกำลังผลิต50%กะโรงไฟฟ้า90MW
TPOLY

3. พวกกำไรดีขึ้น
หุ้นเฮียฮ้อ จากดิจิตัลทีวีเพิ่มค่าโฆษณา แต่ก่อน7>3>5>9 ตอนนี้7>3>W>9>M>R(แนะนำอันน้อยสุดเนี่ยนะ)
RS

Wกำไรมาน่าจะกลับไปที่เดิม
work

Mโต300%
(Mono?)

หุ้นอากู๋รอดูอีก2Qจากเรตติ้งละครคุณบอย(คนละบอยกับบอย แลมโบ)
Grammy

หุ้นเงินติดล้อ เก็บดอก25%ทุน5% โต40%อีก4ปี แทนเงินนอกระบบ หนี้เสียคุมได้
ผ่อนไปสองปีทวงน้อยลงให้ผิดนัด จะได้คิดค่าปรับ(โห..) แต่ราคาไม่มีอัพไซด์แล้ว
Sawad

หุ้นน้ำแสบปี๋ แก้ตัว เอ๊ยให้เหตุผลว่าฝร่ังซื้อแล้ว ไม่มีสภาพคล่อง ราคาเลยไม่ไป หุ้นปลากระป๋อง
SAPPE

4. พวกปันผลดี
กองทุนเสาโทรศัพท์ทุย7% แต่ระวังดอกเบี้ยขึ้นเร็ว แต่คงไม่ เพราะกลัวเงินคิวอีมา
JASIF

5. พลังงานทางเลือก
หุ้นบริสุทธ์
EA

หุ้น"CAN"(ยังยุอีกแฮะ)ว่าเป็นหุ้นไฮบริด ทั้งสื่อสารกะโรงไฟฟ้าขยะ40MW ถ่านหินเขมร1000MW
แถมแจกวอแร้นต์5:1ราคาราวๆ6บาท(ตัวเร่งจริงปลอมไม่รุ)
SAMART

6. แบงค์ชาวนา รอฝรั่ง
KBANK?

7. หุ้นเด็ดชีพ (ถูกใจพวกชอบเสียว)
หุ้นที่ไม่ใช่STEREO หุ้นเอ็นผัก หุ้นรวย หุ้นอ่านชื่อฟังคล้าย"JAIL"
mono, npark, rich, gel

ปล.ถ้าผมโดนยึดล็อกอิน จะขอเงินหมอหนึ่งมาสมัครล็อกอินใหม่ :la:
You only live once, but if you do it right, once is enough.
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1026

โพสต์

เสริมครับ :D หลายตัวประเมิน MOS ด้วยนะครับ เห็นแล้วเสียวครับ :D
romee เขียน:อร๊ายยยยย ซ้อหนึงมาแล้ว (คู่แข่งซ้อ7)
มาแปลหุ้นตามที่หมอหนึ่งใบ้แบ๊ะๆ ดีกว่า

1. หุ้นใหญ่รอเงินฝร่ัง ธนาคาร สื่อสาร ขนส่ง(สนามบิน)
BAY 5555, KBANK, advanc, AOT

ธนาคารน่าจะเป็น BBL SCB KBANK ส่วน KTB ????? แต่เห็นราคา BAY แล้วพระเจ้า

2. ลงทุนพื้นฐาน
ก็สนามบินอีก มโนว่าเกือบครึ่งพัน(สนามบินแห่งละแสนกว่าล้านละมั้งเนี่ย)
AOT
ก่อสร้างที่มีทางด่วน โรงไฟฟ้า รถใต้ดิน พ่วงด้วยเสาเข็มคู่หูพ่วงมา
CK?, PYLON, SEAFCO

ปูนเจ้าที่เพิ่มกำลังผลิต50%กะโรงไฟฟ้า90MW
TPOLY

น่าจะเป็น TPIPL

3. พวกกำไรดีขึ้น
หุ้นเฮียฮ้อ จากดิจิตัลทีวีเพิ่มค่าโฆษณา แต่ก่อน7>3>5>9 ตอนนี้7>3>W>9>M>R(แนะนำอันน้อยสุดเนี่ยนะ)
RS

Wกำไรมาน่าจะกลับไปที่เดิม
work

Mโต300%
(Mono?)

หุ้นอากู๋รอดูอีก2Qจากเรตติ้งละครคุณบอย(คนละบอยกับบอย แลมโบ)
Grammy

หุ้นเงินติดล้อ เก็บดอก25%ทุน5% โต40%อีก4ปี แทนเงินนอกระบบ หนี้เสียคุมได้
ผ่อนไปสองปีทวงน้อยลงให้ผิดนัด จะได้คิดค่าปรับ(โห..) แต่ราคาไม่มีอัพไซด์แล้ว
Sawad

หุ้นน้ำแสบปี๋ แก้ตัว เอ๊ยให้เหตุผลว่าฝร่ังซื้อแล้ว ไม่มีสภาพคล่อง ราคาเลยไม่ไป หุ้นปลากระป๋อง
SAPPE

4. พวกปันผลดี
กองทุนเสาโทรศัพท์ทุย7% แต่ระวังดอกเบี้ยขึ้นเร็ว แต่คงไม่ เพราะกลัวเงินคิวอีมา
JASIF

น่าจะเป็น TREIT

5. พลังงานทางเลือก
หุ้นบริสุทธ์
EA

หุ้น"CAN"(ยังยุอีกแฮะ)ว่าเป็นหุ้นไฮบริด ทั้งสื่อสารกะโรงไฟฟ้าขยะ40MW ถ่านหินเขมร1000MW
แถมแจกวอแร้นต์5:1ราคาราวๆ6บาท(ตัวเร่งจริงปลอมไม่รุ)
SAMART

6. แบงค์ชาวนา รอฝรั่ง
KBANK?

7. หุ้นเด็ดชีพ (ถูกใจพวกชอบเสียว)
หุ้นที่ไม่ใช่STEREO หุ้นเอ็นผัก หุ้นรวย หุ้นอ่านชื่อฟังคล้าย"JAIL"
mono, npark, rich, gel

ปล.ถ้าผมโดนยึดล็อกอิน จะขอเงินหมอหนึ่งมาสมัครล็อกอินใหม่ :la:
"Become a risk taker, not a risk maker"
syj
Verified User
โพสต์: 4241
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1027

โพสต์

4. พวกปันผลดี
กองทุนเสาโทรศัพท์ทุย7% แต่ระวังดอกเบี้ยขึ้นเร็ว แต่คงไม่ เพราะกลัวเงินคิวอีมา
JASIF

น่าจะเป็น TREIT
ผมว่าน่าจะ TRUEIF นะครับ
// Stay Hungry, Stay Foolish.
// Stay Calm, Stay Invest.
// Price is what you pay, Value is what you get.
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1028

โพสต์

syj เขียน:
4. พวกปันผลดี
กองทุนเสาโทรศัพท์ทุย7% แต่ระวังดอกเบี้ยขึ้นเร็ว แต่คงไม่ เพราะกลัวเงินคิวอีมา
JASIF

น่าจะเป็น TREIT
ผมว่าน่าจะ TRUEIF นะครับ
ใช่แล้วครับ พิมพ์ผิดต้ว :oops:
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1029

โพสต์

ผมอ่านหนังสือ ”แก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า” หรือ The Most Important Thing Illuminated" ผ่านไปครึ่งเล่มเท่าที่เวลาที่ตัวเองมี

สรุปเอาเองว่า การที่จะประสบความสำเร็จได้นั้น ประกอบด้วยปัจจัย 3 ส่วน

1) ความรู้ในการประเมินหุ้น
2) การเข้าใจจิตวิทยาของตลาดและ "ตัวเอง"
3) มุมมอง การคิดต่าง คิดสองชั้น

ดูแล้วการที่จะมีทั้ง 3 ข้อครบนี่ไม่ง่ายเอาเสียเลยครับ โดยเฉพาะข้อ 2 และ 3 ซึ่งผมคิดว่า ศึกษาได้ แต่จะเอามาใช้ให้ประสบความสำเร็จ ไม่สามารถเลียนแบบคนอื่นได้เลย

สิ่งที่หนังสือกล่าวไว้ได้ดีอีกเรื่องหนึ่งคือ MOS เหมือนสิ่งที่ปิดทองหลังพระ ต่อให้เราซื้อหุ้นตัวหนึ่งจนขายทำกำไรออกไป บางทีเราก็อาจจะไม่เห็นประโยชน์ของ MOS ในหุ้นตัวนั้น แต่มันจะเห็นคุณค่าก็ต่อเมื่อ หุ้นมันลง ซึ่งมันอาจจะเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ หนังสืออ้างคำพูดของบัฟเฟตที่ว่า "ถ้าน้ำลง เดี๋ยวจะได้เห็นเองว่าใครแก้ผ้าว่ายน้ำอยู่"

สภาวะตลาดตอนนี้ ทำให้ผมต้องข่มใจอย่างมาก กับระเบียบวินัย กับสิ่งที่เหมือนสิ่งที่ปิดทองหลังพระนั้น เพราะแม้แต่หุ้นที่ไม่มีอะไรยังซิลลิ่งได้ 2 วันติดกัน ใครจิ้มหุ้นตัวไหน ก็อาจจะได้เฮ หุ้นที่เราคิดว่ามันพื้นฐานไม่ดี ประเภทหุ้นเล่นข่าว หุ้นที่น่าจะมีมือที่มองไม่เห็นกำกับอยู่ กลับวิ่งแรงกว่าหุ้นที่เราคิดว่าดี

แม้แต่หุ้นที่เราอยากซื้อ แค่ช้าไป 1-2 วัน ราคาก็ขยับขึ้นไป จนต้องมาคิดว่าจะไล่ตามหรือไม่ไล่ดี

ผมว่าต้องใช้ความอดทนสูงมากครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1030

โพสต์

ผมขอเสริม อ.leky ในส่วน MOS อย่างนี้ครับ

ในบางสถานการณ์จริง เราเคยเห็นคนเอาสินค้าย้อมแมวมาขายมากมายตามตลาดนัด เราเห็นคนซื้อ แต่เราไม่เคยรู้สึกสนใจ ครั้งนึงในบ้านเมืองเราเคยมีกระแสจตุคามรามเทพ ที่คนขายสามารถทำกำไรในอัตรามาร์จิ้นไม่ต่ำกว่า 80-90% ตอนนี้ไม่ทราบว่ายังมีหลงเหลืออยู่บ้างรึเปล่า?

ในอีกตัวอย่างนึง เราเคยเห็นคนที่ขับรถที่เบรคไม่ดี เกียร์หลวม ช่วงล่างใกล้พัง แต่ก็ไม่เป็นไร ตัวคนใช้รถเองเค้าใช้ไปๆ ก็คงคิดว่าเออ.. ไม่เป็นไร แต่เราก็ยังคงเอารถเราเข้าตรวจเช็คตามระยะทาง เปลี่ยนอะไหล่ที่สึกหรอ ตามความสบายใจของเราต่อไป
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1031

โพสต์

อ.ครับ ณ ตอนนี้ผมมองการลงทุนในตลาดหุ้นว่า โดยสรุปแล้ว มันก็อยู่ตรง 2 เรื่อง คือ Risk กับ Return

การมอง Risk ก็เปรียบเสมือนกับ โล่ห์ ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ที่เราเพลี่ยงพล้ำ เราจะบาดเจ็บหรือเสียหายแค่ไหน

ส่วนการมอง Return ก็เปรียบเสมือนกับ ดาบ

ส่วนใครจะถนัดถือดาบสองมือ หรือดาบมือนึงโล่ห์มือนึง ก็สุดแล้วแต่ทักษะและประสบการณ์
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1032

โพสต์

ส่วนตัวแล้วพอย้อนนึกดู ที่ผ่านมาลงทุนในตลาดหุ้นแล้วไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะชอบถือดาบสองมือครับ เห็นนักสู้บางคนเค้าถือแบบนี้ พลังโจมตีสูงดี เวลาบุกตะลุยตอนได้เปรียบเห็นแล้วทั้งมันส์ทั้งตื่นเต้น เลยเลียนแบบวิธีนี้มาตลอด

ตอนหลังมาทบทวนดูว่า ทำไมนักสู้ที่ถือดาบสองมือชั้นยอดบางคนเค้าถึงประสบความสำเร็จได้ ต่างกับเราที่ตอนได้เปรียบก็ย่ามใจ แต่สุดท้ายก็ทยอยเสียนิ้วบ้าง แขนบ้าง :'O ก็ได้คำตอบว่า พวกมือระดับชั้นยอดที่เค้าถือดาบสองมือ เค้าไม่ได้ชะล่าใจแบบเรา เวลาได้เปรียบเค้า "จัดเต็ม" เวลามีสัญญาณอันตรายเค้ามียอดวิชา "เผ่นพันลี้" ไม่มัวรอให้โดนข้าศึกฟัน (แบบผม :wall: ) หรอกครับ พวกนี้ sense ในการระวังภัยของเค้าดีมากๆ

หลังจากที่ได้ทบทวนดูแล้ว ก็พบว่าเราไม่เหมาะกับดาบสองมือ เพราะไม่มี sense ในการระวังภัยแบบนั้น (พยายามลองพัฒนาทักษะด้านนี้หลายรอบแล้ว มันไปไม่รอด ไม่ถูกจริตเอาซะเลย) ตอนนี้เลยเปลี่ยนมาใช้ดาบกับโล่ห์แทนครับ คิดว่าเหมาะกับตัวเองมากกว่า มากไปกว่านั้น จากเดิมที่ชอบเป็นทหารแนวหน้า ตอนนี้ถอยลงมาสังกัดอยู่กองบัญชาการเรียบร้อยครับพ้ม :B
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1033

โพสต์

เปรียบได้เยี่ยมครับ ผมเองตอนนี้แทบจะถือโล่ห์สองมือแล้ว กะว่าถ้าคู่ต่อสู้ตีใส่โลห์ผมจนหมดแรง ผมจะเอารองเท้าที่ออกแบบพิเศษมีปลายมีดที่หัวรองเท้าเตะใส่คู่ต่อสู้ :D

ถึงจะเห็นผมบ่น ๆ เรื่องหุ้นสูง แต่ผมก็ยังหาหุ้นถูก ๆ อยู่ตลอดเวลานะครับ ล่าสุดก็เกือบตกรถกับหุ้นอิเลกโทรนิคส์ มีเวลาหาข้อมูลอยู่แค่ 3 วัน ก่อนที่ยอดขายมันจะออก เพราะรู้อยู่ว่าถ้าออกเมื่อไหร่ เตรียมได้จ่ายค่าพรีเมี่ยมแน่ ๆ ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้ซื้อหุ้นกลุ่มนี้มานานมากแล้ว

หุ้นถูกผมว่าผมยังหาเจออยู่นะครับ ประเภท PE PB ต่ำ ๆ แต่บางตัวมันทำใจยากเพราะเราก็รู้สึกว่า มันจะ "ถูกเรื้อรัง" หรือเปล่า บางทีเห็นชื่อผบห.ก็รู้ ๆ อยู่ว่า "เขี้ยวลาก"

แต่จะให้ผมถือโลห์สี่อันก็กระไรอยู่น่ะครับ ขอแค่สองอันแต่ใหญ่หน่อย มีช่องให้ตาผมมองเห็น ไม่เอาแบบกระดองเต่าแบบเข้าไปหลบได้ก็บุญแล้วครับ :D
เห็นนักสู้บางคนเค้าถือแบบนี้ พลังโจมตีสูงดี เวลาบุกตะลุยตอนได้เปรียบเห็นแล้วทั้งมันส์ทั้งตื่นเต้น
ผมว่าสิ่งที่เราเห็นมันอาจจะไม่ใช่แบบที่เราเห็นก็ได้ครับ นักสู้แบบที่ว่าอาจจะถือดาบสองมือจริง แต่ฉากหลังอาจจะมีกองกำลังหนึ่งกองพันยืนคอยระวังอยู่ก็ได้ครับ :D
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1034

โพสต์

leky เขียน:เปรียบได้เยี่ยมครับ ผมเองตอนนี้แทบจะถือโล่ห์สองมือแล้ว กะว่าถ้าคู่ต่อสู้ตีใส่โลห์ผมจนหมดแรง ผมจะเอารองเท้าที่ออกแบบพิเศษมีปลายมีดที่หัวรองเท้าเตะใส่คู่ต่อสู้ :D
จุดที่อ.ว่านี่น่าสนใจครับ ประเด็นนี้ผมก็สังเกตมาเหมือนกัน จุดที่แยกมือระดับชั้นยอดออกจากมือสมัครเล่นอีกอย่างนึงคือ "ความอดทน (ต่อวินัยของตนเอง)" นี่ล่ะครับ

บางคนตอนแรกเลือกถือโล่ห์สองมือ เพราะพิจารณาตามเหตุผลแล้วว่า "เสี่ยงเกินไป" เลยเลือกโยนดาบทิ้งไปก่อน แต่สุดท้ายโดนกระแสชั่ววูบทำให้เผลอปล่อยโล่ห์หลุดมือเพราะทนถือยิ่งนานก็ยิ่งหนักแถมไม่ได้อะไร เห็นคนที่ถือดาบยังไล่ทะลวงฟันกันอยู่เต็มเลย ที่เหลือขอละไว้ในฐานที่เข้าใจครับ (RIP ให้กับการตัดสินใจพลาดของผมเองหลายครั้งในอดีต)
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1035

โพสต์

ผมว่าเราต้องมองกันที่ระยะยาวครับ ผมหมายถึง ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้นต่อปี มันจะมีปีที่สะดุดบ้างก็ช่างมันครับ ยิ่งพอร์ตยิ่งใหญ่ขึ้น ตัวเลขเฉลี่ยถึงจะเท่าเดิม แต่มันจะดึงมูลค่าโดยรวมได้มากครับ

ถ้าเราเล่นกับว่าต้องเอาให้ "เต็มเม็ด" ผมว่าสุดท้าย มันก็จะเป็นแบบนั้นแหละครับ ผมเองก็เคยโดนครับ เข้าใจสัจธรรมข้อดีนี้

ตอนนี้ก็ถือโอกาส เอาหุ้นวัชพืชออก เก็บหุ้นดีไว้ มองว่าก็ยังดีว่าถ้าตลาดไม่ดี คงขายหุ้นวัชพืชไม่ได้ราคา

รอบนี้ขนาดผมจะซื้อหุ้นเก่าที่ผมมีอยู่เพิ่ม ผมยังตกรถไป 2-3 ครั้ง แต่ไม่อยากวิ่งตาม กลัวขึ้นไม่ทันสะดุดขาตัวเอง โดนรถทับซะก่อน ก็ปล่อยให้มันออกจากป้ายไป รอรถคันใหม่ก็เท่านั้นครับ :D
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1036

โพสต์

วันก่อนผมเห็นคุณดำบอกว่าชอบอ่านนิยายกำลังภายใน ทำให้ผมนึกถึง "อาฮุย" กับกระบี่ของอาฮุย

ผมอ่านเรื่องเซียวลี้ปวยตอตั้งแต่เกือบ 20 ปีก่อน แต่ผมก็ยังจำคำพูดที่บรรยายถึงกระบี่ของอาฮุยได้

"กระบี่ของอาฮุยเป็นเพียงเศษเหล็ก ด้ามกระบี่เป็นเพียงไม้สองแผ่นที่มาประกบกันเป็นด้ามกระบี่"

กระบี่ของอาฮุยดูเหมือนไม่ใช่กระบี่ แต่มีพลานุภาพยี่งนัก พลานุภาพของมันหาใช่ที่ตัวของกระบี่ไม่ แต่เป็นพลานุภาพของผู้ใช้กระบี่มากกว่า (อันนี้ความเห็นผม :D )

เช่นกัน ความรู้ทั้งหลาย เราทุกคนอ่าน เราทุกคนศึกษาเรียนรู้ แต่การจะใช้ให้มีผลสำเร็จขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยเช่นกัน ว่าจะสามารถดึงความรู้เหล่านั้นออกมาใช้ให้มีประสิทธิภาพได้มากเท่าไหร่ ไม่อย่างน้้นแล้วคนที่อ่านตำราเล่มเดียวกัน เรียนที่เดียวกัน คงจะเก่งเหมือนกันหมดแล้ว
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1037

โพสต์

เห็นด้วยกับอ.ครับ ความรู้จากคนอื่นมันเป็นองค์ประกอบหนึ่ง การทำความเข้าใจความรู้จากคนอื่นก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่ง และที่สำคัญที่สุด ผมเชื่อว่ามันคือองค์ประกอบสุดท้ายครับที่เรียกว่า "ประสบการณ์" ครับ (อันนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตนเองเท่านั้น ไม่มีใครทำแทนใครได้)


อ.ครับ ผมได้ค้นพบความจริงจากตลาดหุ้นอย่างนึงคือ การใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติ High Risk High Return ของตลาดหุ้นให้ได้ประสิทธิภาพ

เราเห็นกันมานักต่อนักแล้วว่า ตลาดหุ้นเวลามัน High Return ไม่ว่าระยะสั้น-ระยะยาว มันเป็นไปได้จนเกินคาดด้วยซ้ำในหลายครั้ง แม้แต่กับหุ้นที่พื้นฐานไม่รองรับก็ตาม ในอีกมุมนึง High Risk เราก็เห็นชัดเช่นกันว่า ในหลายครั้ง โดยเฉพาะระยะสั้น ที่ตลาดสามารถผันผวนรุนแรงได้อย่างไร้เหตุผล

จากเรื่องนี้ ทำให้ผมพบว่า ที่จริงแล้ว เราไม่ควรไปให้ความสำคัญด้าน Return มากจนเกินไป
ในระยะยาว ขอเพียงเราปิดด้าน Risk ให้มันจำกัดอยู่ในขอบเขตที่เรารับได้ (สามารถกินอิ่มนอนหลับ) สุดท้ายแล้ว ด้าน Return จะทำงานของมันเอง
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1038

โพสต์

พูดถึง เซียวลี้ปวยตอ หรือ ลี้น้อยมีดบิน ผมก็นึกถึงฉายาของเค้าคือ "มีดบินไม่พลาดเป้า"

ถามว่าทำได้อย่างไรถึง ซัดมีดบินทุกครั้ง ถูกเป้าทุกครั้ง

คำตอบก็คือ ก่อนซัดมีดออกไปทุกครั้ง ลี้คิมฮวงได้พิจารณา วิเคราะห์อย่างรอบคอบแล้ว ว่าโอกาสถูกเป้า 100% เค้าถึงลงมือ ส่วนครั้งที่โอกาสไม่อำนวยเค้าก็ไม่ซัดมีดออกไป ถ้าจำได้ทั้งเรื่องมีดบินถูกซัดออกไปแค่ไม่กี่ครั้งเองนะครับ

ก็สงสัยว่าสำนวนบัฟเฟตต์เรื่อง รอตีลูกโฮมรัน นี่ แกได้มาหลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้รึเปล่าครับ :8)
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1039

โพสต์

ดำ เขียน:เห็นด้วยกับอ.ครับ ความรู้จากคนอื่นมันเป็นองค์ประกอบหนึ่ง การทำความเข้าใจความรู้จากคนอื่นก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่ง และที่สำคัญที่สุด ผมเชื่อว่ามันคือองค์ประกอบสุดท้ายครับที่เรียกว่า "ประสบการณ์" ครับ (อันนี้ต้องเรียนรู้ด้วยตนเองเท่านั้น ไม่มีใครทำแทนใครได้)


อ.ครับ ผมได้ค้นพบความจริงจากตลาดหุ้นอย่างนึงคือ การใช้ประโยชน์จากคุณสมบัติ High Risk High Return ของตลาดหุ้นให้ได้ประสิทธิภาพ

เราเห็นกันมานักต่อนักแล้วว่า ตลาดหุ้นเวลามัน High Return ไม่ว่าระยะสั้น-ระยะยาว มันเป็นไปได้จนเกินคาดด้วยซ้ำในหลายครั้ง แม้แต่กับหุ้นที่พื้นฐานไม่รองรับก็ตาม ในอีกมุมนึง High Risk เราก็เห็นชัดเช่นกันว่า ในหลายครั้ง โดยเฉพาะระยะสั้น ที่ตลาดสามารถผันผวนรุนแรงได้อย่างไร้เหตุผล

จากเรื่องนี้ ทำให้ผมพบว่า ที่จริงแล้ว เราไม่ควรไปให้ความสำคัญด้าน Return มากจนเกินไป
ในระยะยาว ขอเพียงเราปิดด้าน Risk ให้มันจำกัดอยู่ในขอบเขตที่เรารับได้ (สามารถกินอิ่มนอนหลับ) สุดท้ายแล้ว ด้าน Return จะทำงานของมันเอง
จริงครับ จากประสบการณ์ส่วนตัว บางครั้งหุ้นที่เราซื้อในสัดส่วนที่เยอะ เพราะคิดว่า upside สูง กลับไปไม่ได้ไกลมาก แต่ตัวที่รอง ๆ ลงไปกลับขึ้นไปได้มากกว่า จริง ๆ แล้ว return เราอาจจะพอคาดเดาได้ แต่ในความเป็นจริงจะมากจะน้อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างมากครับ

หลังจากผมอ่านหนังสือแก่นแท้ของการลงทุนฯ ทำให้ผมเห็นภาพชัดยิ่งขึ้น จะว่าไปตัวผมเอง จะเน้นเรื่องการปิดความเสี่ยงเป็นอันดับแรก ๆ มาตลอด คือต่อให้ upside สูง ถ้าเสี่ยงมาก ผมก็ไม่เอา หรือบางทีตั้งใจซื้อหุ้นไว้แล้วราคามันไม่ได้หรือเกือบได้ ผมก็ตัดใจปล่อยมันไป บางทีก็เหมือนเสียโอกาส แต่ตรงนี้ทำให้ผมเข้าใจได้มากขึ้นว่าอย่างน้อยสิ่งที่ตัวเองวางกรอบเอาไว้ มันน่าจะถูกต้องในระดับหนึ่ง

อีกตัวอย่างหนึ่งที่จะเล่าให้ฟังคือ หุ้นตัวที่ผมถือไว้ตัวหนึ่งในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง ที่เคยเล่าให้ฟังไปว่าเคยพีคที่บวก 60% แต่พอเจอวันที่หุ้นลงไปหนัก ๆ จากข่าวลือ กลายเป็นลบไป 10% นั้น หุ้นตัวนี้ทุกวันนี้ก็ยังถืออยู่ มองมุมหนึ่งอาจจะเป็นหุ้นพื้นฐานไม่ดี มองอีกมุมหนึ่งอาจจะมองได้ว่าพื้นฐานกำลังเปลี่ยน ตั้งแต่ผมซื้อหุ้นตัวนี้ หุ้นโดนแช่แข็ง ติด cash ไปน่าจะราว ๆ 4-5 ครั้ง จนจำแทบจะไม่ได้แล้ว เพราะด้วยคุณสมบัติมันเสี่ยงที่จะเข้าเกณฑ์ พอออกจาก "ช่องแช่แข็ง" ได้ไม่กี่วัน ก็เก็งกำไรกันไปอีก แล้วก็โดนอีก โดนซ้ำซาก หุ้นขึ้นไปแรง ๆ พอติด cash ก็ร่วงลงแรง ๆ สิ่งที่รู้สึกได้คือกำไรมาก ๆ สามารถหายไปได้ทันที ได้ฝึกจิตใจว่าของพวกนี้เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง แม้แต่น้องคนหนึ่งที่ซื้อหุ้นตัวนี้เหมือนกันแต่เป็นแนวเทคนิค ก็ยังบอกกับผมว่า นี่ถ้าไม่ใช่เพราะทุนเราต่ำ ป่านนี้คงลำบาก ผมจะบอกว่า ไม่ว่าหุ้นพื้นฐานดีหรือไม่ดี ถ้าเราซื้อผิดราคา (แพง) มันก็สามารถจะสร้างความลำบากใจให้เราได้เสมอครับ ยิ่งหุ้นพื้นฐานไม่ดี เรายิ่งต้อง "กดราคารับซื้อ" ให้หนัก ให้คุ้มกับความเสี่ยงที่เราประเมินและเราต้องแบกรับมันไว้ครับ

เรื่องการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าตัวเองทำได้ดีขึ้นมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ตรงนี้ก็ต้องพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1040

โพสต์

ดำ เขียน:พูดถึง เซียวลี้ปวยตอ หรือ ลี้น้อยมีดบิน ผมก็นึกถึงฉายาของเค้าคือ "มีดบินไม่พลาดเป้า"

ถามว่าทำได้อย่างไรถึง ซัดมีดบินทุกครั้ง ถูกเป้าทุกครั้ง

คำตอบก็คือ ก่อนซัดมีดออกไปทุกครั้ง ลี้คิมฮวงได้พิจารณา วิเคราะห์อย่างรอบคอบแล้ว ว่าโอกาสถูกเป้า 100% เค้าถึงลงมือ ส่วนครั้งที่โอกาสไม่อำนวยเค้าก็ไม่ซัดมีดออกไป ถ้าจำได้ทั้งเรื่องมีดบินถูกซัดออกไปแค่ไม่กี่ครั้งเองนะครับ

ก็สงสัยว่าสำนวนบัฟเฟตต์เรื่อง รอตีลูกโฮมรัน นี่ แกได้มาหลังจากอ่านนิยายเรื่องนี้รึเปล่าครับ :8)
ผมจำฉากตอนจบในหนังสือตอนที่ลี้คิมฮวงสู้กับเซี่ยงกัวกิมฮ้ง ประมุขพรรคเหรียญทองไม่ได้แล้ว แต่ตอนที่ผมดูเวอร์ชั่นไต้หวันตอนเด็ก ๆ ผมจำได้ว่าในครั้งนี้ ลี้คิมฮวง ซัดมีดออกไปแต่ไม่โดน แต่มีดลอยไปกระทบกับต้นไม้แล้วลอยกลับมาแทงที่ข้างหลังเซียงกัวกิมฮ้งอีกที แบบที่เซี่ยงกัวกิมฮ้งเองก็คิดไม่ถึง จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจเลยว่า การซัดมีดออกไปในครั้งนี้จริง ๆ แล้วมันผิดพลาดแต่บังเอิญฟลุ๊คหรือว่าเค้าตั้งใจให้มันชิ่งกับต้นไม้อีกที :D

ผมว่ายิ่งเราซื้อขายหุ้นมาก มันก็ตรงไปตรงมาว่าโอกาสพลาดมันก็ต้องมีมากครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1041

โพสต์

พูดถึงเรื่องมุมมอง ตอนนั้นที่ผมเคยโพสต์เรื่องหุ้นน้ำมัน จนถึงตอนนี้ยิ่งทำให้ผมเข้าใจเรื่องมุมมองมากขึ้น

ก่อนอื่นผมต้องบอกไว้ก่อนว่า ผมเองก็ตกรถ PTTGC ด้วยเช่นกัน ยอมรับว่าช้าไปหลายก้าว

ก่อนหน้านี้ถ้าไปอ่านในบทวิเคราะห์ของหุ้นน้ำมัน ส่วนใหญ่หนีไม่พ้นว่าควรจะหลีกเลี่ยง ราคาหุ้นปักหัวลงหนัก ผู้คนในตลาดมองไปถึงว่าราคาน้ำมันจะลดลงไปอีก

อย่างกรณีของ TOP จาก 50 ดิ่งมา 40 ต้น ๆ PTTGC จาก 62 เหลือ 50 ต้น ๆ PB ~ 1 PTT จาก 380 เหลือ 320

ผ่านมาซักพัก พอไปอ่านบทวิเคราะห์ของโบรกเจ้าเดียวกัน กลายเป็นว่า ราคาหุ้นได้สะท้อนผลประกอบการ Q4 ไปหมดแล้ว ตอนนี้มีข่าวดีคือเรื่องการลอยตัวราคาแก๊ส พร้อมกับให้ราคาเป้าหมายที่ค่อนข้างสูง

หลังจากนั้นไม่นาน ราคาหุ้นกลุ่มน้ำมันขยับขึ้น ณ วันนี้ TOP อยู่แถว 52 PTTGC 59 PTT 360

ถ้าเทียบราคาก่อนที่หุ้นจะดิ่ง ถ้าไม่นับ PTTEP แล้ว หุ้นหลายตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนัก เออ แล้วนี่มันเล่นอะไรกันนี่ :D

ตัวผมเองที่ตกรถ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้สึกว่า ณ ราคานั้น มันซื้อได้นะ เพราะผมเองก็ตั้งธงเอาไว้ว่ากับหุ้นบลูชิพแบบนี้กำไรแค่ 20-30% ในสภาพตลาดที่สูงแบบนี้ มันก็ไม่เลวนัก เพราะผมเองก็ไม่ค่อยได้ซื้อหุ้นบลูชิพบ่อยนัก แต่สุดท้ายก็ติดกับดัก เอ๊ มันจะแค่รีบาวนด์หรือเปล่า เอ๊ เดี๋ยวงบ Q4 ออกมาขาดทุนหนัก มันจะลงมาอีกหรือเปล่า สองจิตสองใจไปเรื่อย ๆ พร้อมกับราคาหุ้นของ PTTGC ที่ขยับขึ้นไปทีละนิด ๆ จนตอนหลังถึงขยับแบบแรง ๆ

ผมว่าดีไม่ดีการคิดสองชั้นอาจจะไม่เพียงพอแล้วมั๊งครับ คงต้องคิดเร็ว และคาดการณ์ได้อีกว่าตลาดจะ action ยังไง
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1042

โพสต์

อ.ครับ จำที่ผมเคยถามได้มั้ยครับ ที่ว่าถ้าเจอหุ้นที่อนาคตกำไรจะโตมาก แต่ระยะสั้นกำไรจะออกมาไม่ดี

สุดท้าย หุ้นตัวอย่างในกรณีนี้ มันวิ่งขึ้นไป 50% ภายในไม่ถึงเดือนครับ โดยตลาดก็ยกเอาข่าวดีที่จะทำให้กำไรในอนาคตโตมาอธิบายการขึ้นของราคาหุ้น และผมก็ตกรถเรียบร้อยครับ :wall:
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1043

โพสต์

หลักการที่อ.เคยสอน 4 ประการ
Catalyst / Upside / Downside / Timing
สุดท้ายมันก็คือ ศิลปะในการผสมผสาน ให้น้ำหนักปัจจัยทั้ง 4 เข้ากับสถานการณ์จริงของตลาด

ใครสามารถเลือกส่วนผสมได้ดี เข้ากับตลาด ก็จะได้รับผลตอบแทนอันหอมหวานเป็นการตอบแทน
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1044

โพสต์

ดำ เขียน:อ.ครับ จำที่ผมเคยถามได้มั้ยครับ ที่ว่าถ้าเจอหุ้นที่อนาคตกำไรจะโตมาก แต่ระยะสั้นกำไรจะออกมาไม่ดี

สุดท้าย หุ้นตัวอย่างในกรณีนี้ มันวิ่งขึ้นไป 50% ภายในไม่ถึงเดือนครับ โดยตลาดก็ยกเอาข่าวดีที่จะทำให้กำไรในอนาคตโตมาอธิบายการขึ้นของราคาหุ้น และผมก็ตกรถเรียบร้อยครับ :wall:
ใบ้ให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ ว่ามันคือหุ้นอะไร น่าสนใจดีครับ ว่าบทสรุปมันจะเป็นยังไง ผมว่าถ้ามันขึ้นไป 50% ทั้ง ๆ ที่มันยังไม่ดี ส่วนหนึ่งก็คงเป็นกระแสบวกกับคนที่เก็งกำไร ซึ่งถ้ากำไรจริงออกมาไม่ดีหรือตลาดไม่ดีจนนักเก็งกำไรหายไป สุดท้ายเดี๋ยวมันก็คงจะลงมาเองครับ แต่จะลงมากน้อยแค่ไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง เราอาจจะยังไม่ตกรถก็ได้ครับ รอบนี้มันอาจจะวิ่งไปซัก 10 ป้าย แต่ถ้ามันกลับมารับเรา รอบต่อไปมันอาจจะวิ่งไป 20-30 ป้ายก็ได้ครับ :D

หุ้นหลายตัวมีลักษณะแบบนั้นครับ ตอนมีข่าว หุ้นวิ่งแรง แต่พอข่าวซา กระแสตก หรือแม้แต่เจอ "แช่เข็ง" มันก็จะไหลกลับลงมา บางทีถ้าต้องรอนานกว่าผลของเรื่องใหม่ ๆ จะเกิดขึ้น บางครั้งที่หุ้นมันวิ่งขึ้นไปและกลับลงมาก็อาจจะเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

หุ้นหลายตัว เช่น WAVE นี่ ถ้าไปดูพัฒนาการ story ต่าง ๆ มันออกมาในวงแคบก่อนนั้นนั้น เช่น การประชุมผถห. ซึ่งมีการพูดถึงเรื่องพลังงานมาก่อนหน้านั้นน่าจะราว ๆ 2-3 ปี ช่วงนั้นหุ้นก็เหมือนไม่ตอบสนองมาก แม้แต่ตอนเข้าไปทำธุรกิจพลังงานแล้ว แต่กำไรยังไมดี หุ้นก็ขึ้นแล้วก็ลงแรง ๆ คนที่ประเมินธุรกิจได้ถูกต้องจริงว่า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน บ.จะทำกำไรได้เท่าไหร่ นั่นแหละ ถึงจะใจแข็งพอที่จะถือหุ้นจนถึงทุกวันนี้ได้ ที่เหลือก็คงเข้า ๆ ออก ๆ ระหว่างทาง

หลัง ๆ ถ้าจะไปขุดหุ้น บางทีต้องเล่นกันไปถึงดูรายงานการประชุมย้อนหลังกันเลยครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1045

โพสต์

ดำ เขียน:หลักการที่อ.เคยสอน 4 ประการ
Catalyst / Upside / Downside / Timing
สุดท้ายมันก็คือ ศิลปะในการผสมผสาน ให้น้ำหนักปัจจัยทั้ง 4 เข้ากับสถานการณ์จริงของตลาด

ใครสามารถเลือกส่วนผสมได้ดี เข้ากับตลาด ก็จะได้รับผลตอบแทนอันหอมหวานเป็นการตอบแทน
มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอาจจะไม่เคยพูดหรือพูดถึงน้อยมาก แต่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ

เราต้องพัฒนา software ของเราให้มี "ความไว" ในการตรวจจับสัญญาณของ catalyst ครับ

เพราะว่าปัจจุบัน ตัวผมเองเท่าที่สังเกต ข่าวที่เราได้รับ ข่าวของหุ้นที่ใครมาเล่าให้ฟัง ผมว่าส่วนใหญ่มันมาจากแหล่งเดียวกันทั้งนั้นครับ นสพ.ธุรกิจ นสพ.หุ้น โบรกฯ พวกนี้คือแหล่งข้อมูลแหล่งใหญ่ ซึ่งถ้าทุกคนที่เข้ามาเล่นในตลาดหุ้นแห่งนี้ เสพข้อมูลเหมือนกันหมด เราจะสู้คนอีกเป็นแสนคนไหวหรือครับ

พวกช่องทางที่คนเค้าไม่ค่อยดู เช่น ผลิตภัณฑ์ ข้อมูลการขยายงานที่ไม่ได้ออกสื่อเป็นข่าว แต่เป็นแผนของบ. รายงานการประชุม ฯลฯ ตรงนี้จะตัดคนที่รับข้อมูลออกไปได้จำนวนหนึ่งเลยทีเดียวครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1046

โพสต์

leky เขียน:มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอาจจะไม่เคยพูดหรือพูดถึงน้อยมาก แต่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ

เราต้องพัฒนา software ของเราให้มี "ความไว" ในการตรวจจับสัญญาณของ catalyst ครับ

เพราะว่าปัจจุบัน ตัวผมเองเท่าที่สังเกต ข่าวที่เราได้รับ ข่าวของหุ้นที่ใครมาเล่าให้ฟัง ผมว่าส่วนใหญ่มันมาจากแหล่งเดียวกันทั้งนั้นครับ นสพ.ธุรกิจ นสพ.หุ้น โบรกฯ พวกนี้คือแหล่งข้อมูลแหล่งใหญ่ ซึ่งถ้าทุกคนที่เข้ามาเล่นในตลาดหุ้นแห่งนี้ เสพข้อมูลเหมือนกันหมด เราจะสู้คนอีกเป็นแสนคนไหวหรือครับ

พวกช่องทางที่คนเค้าไม่ค่อยดู เช่น ผลิตภัณฑ์ ข้อมูลการขยายงานที่ไม่ได้ออกสื่อเป็นข่าว แต่เป็นแผนของบ. รายงานการประชุม ฯลฯ ตรงนี้จะตัดคนที่รับข้อมูลออกไปได้จำนวนหนึ่งเลยทีเดียวครับ
เรื่องนี้ผมก็เคยคิดครับ อ. แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่าตัวเองคงแข่ง "ความไว" กับนักลงทุนอื่นๆ ไม่ไหว เพราะมันจะไปจบที่การเข้าหา ผบห. ไป Company Visit หรือไม่ก็โทร.หา IR บ่อยๆ ซึ่งมันไม่ใช่แนวทางของผมเลย

ผมเลยต้องหาทางอื่นในการใช้ข้อมูลเพื่อมาชดเชยข้อเสียเปรียบเรื่อง "ความไว" และผมก็ตัดสินใจเลือก "การมองภาพใหญ่" และ "ความอดทนรอ" ครับ เรื่องนี้จะไปตรงกับ "การเข้าใจจิตวิทยา" ในหนังสือ ”แก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า”

ผมเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะยังคงมีจุดอ่อนด้านนี้ต่อไปในอนาคตเหมือนที่เคยเป็นมาตลอดไม่ว่ายุคใดสมัยใด ไม่ว่าที่ต่างประเทศหรือในประเทศไทย ผมมองว่าจุดนี้น่าจะเป็นจุดได้เปรียบของผมได้ครับ
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1047

โพสต์

ดำ เขียน:
leky เขียน:มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมอาจจะไม่เคยพูดหรือพูดถึงน้อยมาก แต่ก็มีความสำคัญไม่แพ้กันก็คือ

เราต้องพัฒนา software ของเราให้มี "ความไว" ในการตรวจจับสัญญาณของ catalyst ครับ

เพราะว่าปัจจุบัน ตัวผมเองเท่าที่สังเกต ข่าวที่เราได้รับ ข่าวของหุ้นที่ใครมาเล่าให้ฟัง ผมว่าส่วนใหญ่มันมาจากแหล่งเดียวกันทั้งนั้นครับ นสพ.ธุรกิจ นสพ.หุ้น โบรกฯ พวกนี้คือแหล่งข้อมูลแหล่งใหญ่ ซึ่งถ้าทุกคนที่เข้ามาเล่นในตลาดหุ้นแห่งนี้ เสพข้อมูลเหมือนกันหมด เราจะสู้คนอีกเป็นแสนคนไหวหรือครับ

พวกช่องทางที่คนเค้าไม่ค่อยดู เช่น ผลิตภัณฑ์ ข้อมูลการขยายงานที่ไม่ได้ออกสื่อเป็นข่าว แต่เป็นแผนของบ. รายงานการประชุม ฯลฯ ตรงนี้จะตัดคนที่รับข้อมูลออกไปได้จำนวนหนึ่งเลยทีเดียวครับ
เรื่องนี้ผมก็เคยคิดครับ อ. แต่สุดท้ายก็ยอมรับว่าตัวเองคงแข่ง "ความไว" กับนักลงทุนอื่นๆ ไม่ไหว เพราะมันจะไปจบที่การเข้าหา ผบห. ไป Company Visit หรือไม่ก็โทร.หา IR บ่อยๆ ซึ่งมันไม่ใช่แนวทางของผมเลย

ผมเลยต้องหาทางอื่นในการใช้ข้อมูลเพื่อมาชดเชยข้อเสียเปรียบเรื่อง "ความไว" และผมก็ตัดสินใจเลือก "การมองภาพใหญ่" และ "ความอดทนรอ" ครับ เรื่องนี้จะไปตรงกับ "การเข้าใจจิตวิทยา" ในหนังสือ ”แก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า”

ผมเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะยังคงมีจุดอ่อนด้านนี้ต่อไปในอนาคตเหมือนที่เคยเป็นมาตลอดไม่ว่ายุคใดสมัยใด ไม่ว่าที่ต่างประเทศหรือในประเทศไทย ผมมองว่าจุดนี้น่าจะเป็นจุดได้เปรียบของผมได้ครับ
ผมว่าเราพยายามทำอะไรให้มันง่ายเข้าไว้ครับ เอาให้มัน hit to the point ไปเลย อย่างกรณีการเข้าหาผบห.นี่ ในความเป็นจริงทำได้มากแค่ไหน ผมว่าไม่ง่ายนักครับ ยกเว้นจะมี company visit ซึ่งมันก็ไม่ได้มีทุกบ. ต่อให้เราได้คุยกับผบห.จริง ๆ เราคิดว่าเราจะได้ข้อมูลจริงมากแค่ไหน การโทรหา IR ถ้าเจอ IR ดี หรือเป็นผบห.ด้วย ซึ่งผมก็เคยเจอนะครับ อันนี้ก็โชคดีไป แต่ถ้าเจอแค่คนรับเรื่องตอบอะไรไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย บางทีเมลไปเค้าก็ไม่ค่อยอยากตอบ เพราะมันเหมือนมีเอกสารผูกมัดตัวเค้าเอง เค้าอาจจะสบายใจที่จะคุยทางโทรศัพท์มากกว่า

อย่างการคุยกับ IR ส่วนใหญ่ผมจะเลือกคุยเฉพาะบ.ที่ผมอยากรู้ข้อมูลบางเรื่องที่สำคัญจริง ๆ โดยเฉพาะก่อนซื้อหุ้น ซึ่งถ้าซื้อไปแล้วเราก็จะ monitor สิ่งที่มันเกิดขึ้น เพราะเราจะต้องถามล่วงหน้าไว้ก่อนในหลาย ๆ คำถาม อาจจะถามอีกครั้งถ้ามันมีเรื่องที่มันไม่เป็นไปตามนั้นแล้วเราอยากรู้สาเหตุ ตรงนี้ผมกลับมองว่าใช้เวลาไม่นานเลยครับ น้อยกว่าเวลาที่เราเอามานั่งดูจอหุ้นแน่นอน แต่ความสบายใจต่างกันมากครับ

ยิ่งช่วงนี้ ข่าวออกหุ้นวิ่งขึ้นไปแล้ว บ.ยังไม่ทันจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันด้วยซ้ำ แบบนี้เราเองก็ต้องระวังอย่าไปแห่ตาม เหมือนอย่างที่เคยมีคนเล่าให้ฟังว่า มีเรื่องเล่าว่ามีชายคนหนึ่ง ตายไปแล้วมีคนพาไปสวรรค์ แต่ในสวรรค์ไม่มีที่ว่างที่จะรับได้ ชายคนนี้จะเข้าไปได้ก็ต้องมีที่ว่างหนึ่งที่ เค้าเลยตัดสินใจตะโกนเข้าไปว่า "ในนรกมีทองคำ" ทันใดนั้นฝูงชนกลุ่มใหญ่วิ่งออกจากสวรรค์ไปนรก แต่สุดท้ายชายคนที่ตะโกน กลับวิ่งตามคนกลุ่มนั้นไปด้วย คนที่พาไปสวรรค์จึงถามว่าแล้วจะวิ่งตามไปทำไม ชายคนนั้นตอบว่า "บางทีในนรกอาจจะมีทองคำอยู่จริงก็ได้" :D
"Become a risk taker, not a risk maker"
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1048

โพสต์

โดยส่วนตัวผมจะใช้วิธีแบบนี้ครับ ผมจะเลือกจำเรื่องราวเกี่ยวกับ "ตัวเร่ง" ของบ.ต่าง ๆ ไว้ เช่น บ.นี้มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้เท่านั้นเท่านี้ บ.นี้จะมีรายได้ก้อนใหญ่เข้ามาเท่านั้นเท่านี้ บ.นี้จะสร้างโรงงานซึ่งจะเริ่มผลิตในปีนั้นปีนี้ เน้นเฉพาะที่มี IMPACT ประเภทปลาซิวปลาสร้อย ไม่ significant ผมจะไม่ค่อยสนใจมากนัก เพราะความจำผมมีจำกัด

ส่วนใหญ่ข่าวพวกนี้มันมักจะออกนำมาก่อนเป็นปีครับ บางครั้ง 2-3 ปี ซึ่งราคาหุ้นตอนที่ข่าวออกจะตอบรับในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่เหมือน ๆ กันก็คือ พอเวลาผ่านไป "คนส่วนใหญ่" มักจะลืมเรื่องเหล่านี้ไปครับ ยิ่งถ้าไปเจอความผันผวนของตลาดระหว่างทางนี่ไม่ต้องพูดถึง เรื่องที่เคยมองว่าดี เค้าอาจจะไม่สนใจอะไรแล้ว ราคาหุ้นที่มันเคยตอบรับขึ้นไปบางทีมันก็กลับลงมาใหม่ มากน้อยก็อีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม Timing ได้ ก็ได้เวลาของเราครับ บ.เหล่านี้มีมากมายครับ ยืนยันว่ามีเรื่อย ๆ เราจะเห็นหรือไม่เห็นมันอยู่ที่เราครับ ขอแต่เพียงปีหนึ่งเจอไม่กี่บ.ก็คุ้มค่าแล้วครับ ไม่ต้องเจอถึงขนาดเป็นสิบ ถ้าคนอื่นเค้าเห็นแต่เราไม่เห็นก็ปล่อย ๆ ไปไม่ต้องไปเสียดายมันครับ คุณเดินไปตามท้องถนน เจอผู้หญิงสวย เดี๋ยวคุณเดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอเรื่อย ๆ

แต่คนส่วนใหญ่จะเห็นเพราะมันลงข่าวทางสื่อ ถ้าเป็นบ.ที่เค้าไม่ค่อยเป็นข่าว ส่วนหนึ่งมันก็หลุดรอด เหมือนไม่มีคนเห็น บางทีผมก็รู้สึกแปลกทั้ง ๆ ที่นลท.ในตลาดมีเป็นแสน

ทีนี้พอทุกอย่างมันได้เวลา บ.ส่วนหนึ่งเค้าก็จะออกสื่ออีกครั้ง ราคาหุ้นมันก็จะตอบรับขึ้นไปใหม่อีกรอบครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
ภาพประจำตัวสมาชิก
ดำ
Verified User
โพสต์: 4214
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1049

โพสต์

leky เขียน:โดยส่วนตัวผมจะใช้วิธีแบบนี้ครับ ผมจะเลือกจำเรื่องราวเกี่ยวกับ "ตัวเร่ง" ของบ.ต่าง ๆ ไว้ เช่น บ.นี้มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้เท่านั้นเท่านี้ บ.นี้จะมีรายได้ก้อนใหญ่เข้ามาเท่านั้นเท่านี้ บ.นี้จะสร้างโรงงานซึ่งจะเริ่มผลิตในปีนั้นปีนี้ เน้นเฉพาะที่มี IMPACT ประเภทปลาซิวปลาสร้อย ไม่ significant ผมจะไม่ค่อยสนใจมากนัก เพราะความจำผมมีจำกัด

ส่วนใหญ่ข่าวพวกนี้มันมักจะออกนำมาก่อนเป็นปีครับ บางครั้ง 2-3 ปี ซึ่งราคาหุ้นตอนที่ข่าวออกจะตอบรับในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่เหมือน ๆ กันก็คือ พอเวลาผ่านไป "คนส่วนใหญ่" มักจะลืมเรื่องเหล่านี้ไปครับ ยิ่งถ้าไปเจอความผันผวนของตลาดระหว่างทางนี่ไม่ต้องพูดถึง เรื่องที่เคยมองว่าดี เค้าอาจจะไม่สนใจอะไรแล้ว ราคาหุ้นที่มันเคยตอบรับขึ้นไปบางทีมันก็กลับลงมาใหม่ มากน้อยก็อีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม Timing ได้ ก็ได้เวลาของเราครับ บ.เหล่านี้มีมากมายครับ ยืนยันว่ามีเรื่อย ๆ เราจะเห็นหรือไม่เห็นมันอยู่ที่เราครับ ขอแต่เพียงปีหนึ่งเจอไม่กี่บ.ก็คุ้มค่าแล้วครับ ไม่ต้องเจอถึงขนาดเป็นสิบ ถ้าคนอื่นเค้าเห็นแต่เราไม่เห็นก็ปล่อย ๆ ไปไม่ต้องไปเสียดายมันครับ คุณเดินไปตามท้องถนน เจอผู้หญิงสวย เดี๋ยวคุณเดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอเรื่อย ๆ

แต่คนส่วนใหญ่จะเห็นเพราะมันลงข่าวทางสื่อ ถ้าเป็นบ.ที่เค้าไม่ค่อยเป็นข่าว ส่วนหนึ่งมันก็หลุดรอด เหมือนไม่มีคนเห็น บางทีผมก็รู้สึกแปลกทั้ง ๆ ที่นลท.ในตลาดมีเป็นแสน

ทีนี้พอทุกอย่างมันได้เวลา บ.ส่วนหนึ่งเค้าก็จะออกสื่ออีกครั้ง ราคาหุ้นมันก็จะตอบรับขึ้นไปใหม่อีกรอบครับ
วิธีนี้ตรงกับ "การมองภาพใหญ่" และ "ความอดทนรอ" ที่ผมเกริ่นไว้เลยครับ

ผมเองก็ค่อยๆ เก็บข้อมูล catalyst ที่จะ impact กำไรในอนาคตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญเอาไว้เรื่อยๆ ทีละตัวๆ จากนั้นก็ทำอย่างที่ อ.ว่าล่ะครับ "อดทนรอ" เพื่อใช้ความผันผวนของตลาดให้เป็นประโยชน์ ซื้อในจุดที่มองว่าความเสี่ยงต่ำ MOS สูงพอ

ยิ่งถ้าเราเก็บข้อมูลไว้ได้มากเท่าไหร่ เราก็มีตัวเลือกไว้มากเท่านั้น โอกาสสร้างกำไรก็น่าจะมากตามไปด้วยครับ
leky
Verified User
โพสต์: 1803
ผู้ติดตาม: 0

Re: VI หาดใหญ่

โพสต์ที่ 1050

โพสต์

ดำ เขียน:
leky เขียน:โดยส่วนตัวผมจะใช้วิธีแบบนี้ครับ ผมจะเลือกจำเรื่องราวเกี่ยวกับ "ตัวเร่ง" ของบ.ต่าง ๆ ไว้ เช่น บ.นี้มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้เท่านั้นเท่านี้ บ.นี้จะมีรายได้ก้อนใหญ่เข้ามาเท่านั้นเท่านี้ บ.นี้จะสร้างโรงงานซึ่งจะเริ่มผลิตในปีนั้นปีนี้ เน้นเฉพาะที่มี IMPACT ประเภทปลาซิวปลาสร้อย ไม่ significant ผมจะไม่ค่อยสนใจมากนัก เพราะความจำผมมีจำกัด

ส่วนใหญ่ข่าวพวกนี้มันมักจะออกนำมาก่อนเป็นปีครับ บางครั้ง 2-3 ปี ซึ่งราคาหุ้นตอนที่ข่าวออกจะตอบรับในระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่เหมือน ๆ กันก็คือ พอเวลาผ่านไป "คนส่วนใหญ่" มักจะลืมเรื่องเหล่านี้ไปครับ ยิ่งถ้าไปเจอความผันผวนของตลาดระหว่างทางนี่ไม่ต้องพูดถึง เรื่องที่เคยมองว่าดี เค้าอาจจะไม่สนใจอะไรแล้ว ราคาหุ้นที่มันเคยตอบรับขึ้นไปบางทีมันก็กลับลงมาใหม่ มากน้อยก็อีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม Timing ได้ ก็ได้เวลาของเราครับ บ.เหล่านี้มีมากมายครับ ยืนยันว่ามีเรื่อย ๆ เราจะเห็นหรือไม่เห็นมันอยู่ที่เราครับ ขอแต่เพียงปีหนึ่งเจอไม่กี่บ.ก็คุ้มค่าแล้วครับ ไม่ต้องเจอถึงขนาดเป็นสิบ ถ้าคนอื่นเค้าเห็นแต่เราไม่เห็นก็ปล่อย ๆ ไปไม่ต้องไปเสียดายมันครับ คุณเดินไปตามท้องถนน เจอผู้หญิงสวย เดี๋ยวคุณเดินไปเรื่อย ๆ ก็เจอเรื่อย ๆ

แต่คนส่วนใหญ่จะเห็นเพราะมันลงข่าวทางสื่อ ถ้าเป็นบ.ที่เค้าไม่ค่อยเป็นข่าว ส่วนหนึ่งมันก็หลุดรอด เหมือนไม่มีคนเห็น บางทีผมก็รู้สึกแปลกทั้ง ๆ ที่นลท.ในตลาดมีเป็นแสน

ทีนี้พอทุกอย่างมันได้เวลา บ.ส่วนหนึ่งเค้าก็จะออกสื่ออีกครั้ง ราคาหุ้นมันก็จะตอบรับขึ้นไปใหม่อีกรอบครับ
วิธีนี้ตรงกับ "การมองภาพใหญ่" และ "ความอดทนรอ" ที่ผมเกริ่นไว้เลยครับ

ผมเองก็ค่อยๆ เก็บข้อมูล catalyst ที่จะ impact กำไรในอนาคตของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญเอาไว้เรื่อยๆ ทีละตัวๆ จากนั้นก็ทำอย่างที่ อ.ว่าล่ะครับ "อดทนรอ" เพื่อใช้ความผันผวนของตลาดให้เป็นประโยชน์ ซื้อในจุดที่มองว่าความเสี่ยงต่ำ MOS สูงพอ

ยิ่งถ้าเราเก็บข้อมูลไว้ได้มากเท่าไหร่ เราก็มีตัวเลือกไว้มากเท่านั้น โอกาสสร้างกำไรก็น่าจะมากตามไปด้วยครับ
ยิ่งเรามีลิสต์หุ้นอยู่มาก เราก็จะหาหุ้นดี ๆ ได้อยู่เรื่อย ๆ ครับ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าคิดว่ามันใกล้เวลาที่ตัวเร่งจะเริ่มทำงาน เราก็ต้องมาประเมินกันอีกทีว่า ณ เวลานั้น ราคาหุ้นเหมาะสมที่จะซื้อด้วยหรือไม่ครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"