มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า

[Paul VI]

ต่อครับ

พาลิโอ นี่อยู่ติดรร. จุลดิศ เขาใหญ่เดิมเลยครับ

ใครที่ชอบถ่ายรูปวิว สวยๆไม่ผิดหวังครับ

ผมก็ถ่ายมาเยอะ แต่ นายแบบ นางแบบ ไม่ยอมให้โพสต์ลงครับ เขินกัน

แวะไปเยี่ยม พริฌม พอสโต ด้วยครับ แต่ดันปิดซ่อมแซมซะ เสียดายจริงๆ

[Paul VI]

อิ่มแล้วต้องเดินเล่นกันหน่อย

มุมข้างหลังของที่นี่ ผมว่าสวยกว่ามุมข้างหน้าอีก แต่บังเอิญขี้เกียจเดินลงไปถ่ายย้อนขึ้นมา

เลยเดินขึ้นไปชั้นบนๆ ถ่ายรูปปราสาท ขนาดย่อมๆมาฝากครับ

ภาพพระอาทิตย์อัสดง ที่นี่สวยทีเดียวครับ

[Paul VI]

วงดนตรีเล่น แจ๊สเบาๆ

พระอาทิตย์อัสดง โรแมนติกมากๆครับ

จัดไปครับ

ขอโทษที่ภาพเบลอไปนิดครับ

[Paul VI]

อีกมุมนึงครับ

[Paul VI]

วิวข้างบนครับ

แล้วก็เดินลงมาถ่ายรอบๆ กับข้างในอีกทีครับ

[Paul VI]

ถ่ายด้านหน้าอีกครั้งครับ

ตอนบรรยากาศ พระอาทิตย์ตกดินแล้ว

[Paul VI]

ตอนเย็นไปทานข้าวกัน

ไม่ผิดหวังจริงๆครับ สำหรับ ร้าน Smoke House

สมัยก่อน ใช้ชื่อบ้านรมควัน ผมว่า ชื่อไม่ค่อยดึงดูดเลย สู้ชื่อตอนนี้ไม่ได้

แถมไปกินก็ราคาพอสมควร แต่คุ้มค่ากับความสวยงาม ความสะอาด การบริการ ความหรูหรา และรสชาดอาหารซึ่งอร่อยมาก

[Paul VI]

ยิ่งถ้าใครชอบ outdoor ไม่ผิดหวังแน่ๆครับ

วันที่ผมไปถือว่าว่างแล้ว ก็ยังมีคนเข้ามเรื่อยๆครับ

ข้างในตกแต่งสวยมาก บรรยากาศดี

ถ้าเป็นหน้าหนาวที่นี่คงสวยมากๆ และ outdoor มีดนตรีมาเล่นด้วยนะครับ

ใครไปเป็นคู่ รับรองว่าเคลิ้มแน่ๆ

ของผมขอนั่งในครับ เป็นพวกแพ้ยุง กับอากาศร้อนครับ

[Paul VI]

อาหารที่สั่งไปแต่ละจาน อร่อยๆทั้งนั้นเลย

ก่อนอาหารจะมา มีตะกร้าขนมปัง มาให้ ขอบอกว่า อร่อยมาก ทานเปล่าๆก็อร่อย ปาดกับเนยก็สุดยอดครับ

ข้อเสียอย่างเดียว เอามาน้อยไปหน่อย

[Paul VI]

ต่อครับ

จำเมนูแทบไม่ได้แล้ว รู้แต่ว่า หิวจนตาลาย

ยกมาถึง เกือบลืมถ่ายรูปเลย

[Paul VI]

โพสต์รูปอาจสลับลำดับนะครับ ขี้เกียจย้ายแล้วครับ

เพราะบังเอิญไปโพสต์ผิดห้อง

ขออภัยด้วยครับ เริ่มแก่แล้ว

แล้วจะมาต่อใหม่ครับ

มีร้านธรรมดา ๆ ร้านนึง อร่อยมาก แล้วก็ไม่แพงด้วยครับ จะมาโพสต์อีกทีภายหลังครับ

บางรูปเบลอๆนะครับ ขออภัยด้วย

[teatree]

รูปสวยดีครับ

[Paul VI]

รูปสวยดีครับ

ขอบคุณครับ พี่ teatree

ของจริง ผมว่าบรรยากาศดีครับ

แต่หน้่าหนาว น่าจะดีกว่า เพียงแต่ผมไปช่วงมีฝนเล็กน้อย บรรยากาศก็ดูเย็นสบายหน่อยครับ

[Paul VI]

มาต่อกันครับ

ไปเที่ยว ที่ กรานต์ มอนเต้ ครับ เป็นสวนองุ่นที่อยู่ทางเชื่อมระหว่างเขาใหญ่ กับ เส้นมิตรภาพช่วงมวกเหล็ก

เป็นทางที่ผมเพิ่งทราบเหมือนกัน เอาไว้รถติดจัดๆงวดหน้า จะหลบเข้ามาเส้นนี้ล่ะครับ

ระหว่างทางไป จะแวะ พริโม กร็อตโต ดันปิดซะนี่ครับ เสียดายจริงๆ แต่ก็ไม่เป็นไร

ระหว่างทาง มีเด็กๆมาสาดน้ำสงกรานต์ เรียกว่าสาดรถ ก็เอา

เป็นเพราะคงไม่มีใครผ่านมาให้สาดเท่าไหร่

[Paul VI]

จะถ่ายไร่องุ่น ดันเก็บไปหมดแล้ว เสียดายจริงๆ

แต่ชดเชยโดยการชิมทั้งน้ำองุ่น และไวน์ทุกชนิดซะชุ่มปอดเลยทีเดียว คุ้มครับ

เลยเหมาซื้อน้ำองุ่นมาเพียบเลย เพราะเจ้าตัวเล็กผมฟาดน้ำองุ่นแล้วบอกอร่อยๆมั่กๆ ซึ่งปกติไม่ค่อยจะยอมกินอะไรง่ายๆกับใครเค้า

[stemcell]

บรรยากาศดีจังครับ

[Paul VI]

ต่อครับ

มาแนะนำร้านอาหารแบบง่ายๆ แต่อร่อย ใช้ได้เลย

ไม่แพง กินกันรากเลือด ยังไม่เท่าไหร่เลยครับ

ซัดซะเต็มคราบ ที่ผมว่าอร่อยมากๆคือ เกี๊ยวซ่า ผมว่าใช้ได้ ไส้เยอะ ลูกชายผม ปกติกินยากๆให้เต็ม 10

ผมว่าเย็นตาโฟ อร่อย ที่อร่อยอีกอย่างก็ เส้นเล็กต้มยำ เครื่องเยอะ ใช้ได้ครับ

[เกล้า]

เห็นภาพแล้วหิวเลยครับ..พี่หมอครับ

[Paul VI]

เห็นภาพแล้วหิวเลยครับ..พี่หมอครับ

นั่นทำให้ผมน้ำหนักขึ้นมา 2 โล เลย 555

แต่ตอนนี้เริ่มลงแล้วครับ

เดี๋ยวจะทะยอยลงเพิ่มอีกครับ

[Paul VI]

มาต่ออีกนิด ตามเวลาที่ว่างเป็นช่วงๆ

ก๊วยเตี๊ยวหลอดทรงเครื่องของร้าน

เครื่องเคราเยอะเลยทีเดียว สนนราคา value สุดๆ 20 บาท แถมอร่อยต้องเบิ้ล

[Paul VI]

ขอคั่นเวลา ด้วยความรู้และประสบการณ์ดีๆจาก คุณ IH คเชนทร์

ซึ่งเป็นนักลงทุน ที่ให้แนวความคิดที่ดีในแนว VI ของผมในช่วงแรกๆครับ

มีโอกาสได้คุยได้ทานข้าวกัน นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากของการลงทุนแนว VI

[Paul VI]

เอาข่าวการเปลี่ยนแปลงของโลก มาฝากครับ

ใดๆ ในโลกก็ล้วนอนิจจัง การมองอนาคตเรื่องป้อมปราการในการป้องกันคู่ต่อสู้ มีผลต่อเรื่องการเลือกหุ้นของพวกเราชาว VI จริงๆ

เมืองซาโลรวมถึงอีกหลายเมืองในประเทศฟินแลนด์ที่มีความเกี่ยวข้องกับโนเกีย กำลังเผชิญกับอนาคตที่ไม่แน่นอน หลังจากการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดสมาร์ทโฟนทำให้โนเกีย ซึ่งเคยผงาดอยู่ในตลาดโทรศัพท์มือถือจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายด้วยการย้ายฐานการผลิตมายังเอเชีย
โนเกียปิดโรงงานผลิตในเยอรมนี ฮังการี และโรมาเนียไปแล้ว และเวลานี้ถึงคราวของโรงงานในฟินแลนด์บ้าง โรงงานในซาโลซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการผลิตโทรศัพท์มือถือของโนเกีย กำลังจะถูกลดจำนวนพนักงานลง 1,000 จาก 3,500 ตำแหน่งในปีนี้ "การเลิกจ้างพนักงานจะส่งผลกระทบต่อเราอย่างหนัก" อันติ รันทาโกกโก้ นายกเทศมนตรีของซาโล กล่าว
โนเกียจ่ายภาษีให้กับเมืองซาโลคิดเป็นมูลค่าถึง 95% ของภาษีเงินได้นิติบุคคลทั้งหมดของเมืองแห่งนี้ โดยโนเกียเคยจ่ายภาษีให้กับเมืองมากถึง 60 ล้านยูโรในปี 2553 สำนักงานนายกเทศมนตรีแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดใช้งานเมื่อ 4 เดือนก่อน ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างส่วนหนึ่งก็มาจากเงินภาษีของโนเกียนี่เอง "โนเกียเป็นสัญลักษณ์ของเรามานาน แต่ที่สำคัญกว่านั้น บริษัทแห่งนี้เป็นแหล่งรายได้หลัก" รันทาโกกโก้ กล่าวเพิ่มเติม
จากบริษัทที่เริ่มก่อตั้งในทศวรรษ 1890 ด้วยการผลิตกระดาษ และเปลี่ยนมาผลิตผลิตภัณฑ์จากยาง เคเบิล และโทรทัศน์ โนเกียย้ายฐานการผลิตมาที่ซาโลซึ่งเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของฟินแลนด์ในปี 2526 จากนั้นในปี 2534 โนเกียเริ่มการผลิตโทรศัพท์มือถือเป็นครั้งแรก และอีก 7 ปีต่อมาโนเกียสามารถก้าวแซงหน้าโมโตโรล่าขึ้นมาเป็นผู้ผลิตโทรศัพท์มือถืออันดับหนึ่งของโลกได้สำเร็จ ทั้งยังถือเป็นหน้าตาให้กับฟินแลนด์ที่เคยประสบปัญหาในการฟื้นฟูประเทศหลังจากถูกกองทัพโซเวียตสมัยโจเซฟ สตาลิน บุกรุก
โนเกียกลายมาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ สร้างงานให้กับชาวฟินแลนด์เป็นจำนวนมาก ในปี 2550 โนเกียจ่ายภาษีให้รัฐบาลมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1,200 ล้านยูโร ในปี 2551 โนเกียครองส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์มือถือโลกถึง 40% แต่หลังจากนั้นยอดขายกลับตกลงอย่างต่อเนื่องเมื่อถูกนวัตกรรมใหม่ๆ จากคู่แข่งเข้ามาตีตลาด และนั่นก็ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องเข้ามาช่วยอุ้มท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากการลดค่าใช้จ่ายของโนเกีย
โฆษกของโนเกียกล่าวว่า ฟินแลนด์เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จของบริษัท และจะยังคงเป็นต่อไป บริษัทยังจ้างพนักงาน 12,000 ตำแหน่งในฟินแลนด์ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 5 ของจำนวนพนักงานโนเกียทั่วโลก รวมถึงจะคงฝ่ายวิจัยและพัฒนา ฝ่ายวางแผนการผลิต และฝ่ายพัฒนาสมาร์ทโฟนสำหรับลูกค้าภาคธุรกิจไว้ที่เมืองซาโล และรักษาโรงงานอีกสองแห่งในฟินแลนด์เอาไว้
กระนั้น โนเกียยังจะต้องตัดสินใจว่าจะย้ายการผลิตทั้งหมดมายังโรงงานในเอเชีย ซึ่งมีอยู่ที่จีนสองแห่ง และในเกาหลีใต้และอินเดียประเทศละหนึ่งแห่งหรือไม่ นีล มอว์สตัน นักวิเคราะห์จากสแทรทิจี อนาไลติกส์ กล่าวว่า โนเกียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือรายใหญ่รายสุดท้ายที่ย้ายฐานการผลิตจากยุโรปมายังเอเชีย ตามรอยซัมซุง โมโตโรล่า และโซนี่ อีริคสัน "นี่คือทิศทางในเวลานี้ ผลิตในตลาดเกิดใหม่ที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลก และทำวิจัยและพัฒนาในตลาดพัฒนาแล้ว" มอว์สตันกล่าว และเสริมว่าโนเกียมีประวัติที่ดีในการออกแบบโทรศัพท์มือถือในฟินแลนด์ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่จะทำเช่นนั้นต่อไป
ในปี 2551 โนเกียสร้างงานให้ประชาชนในซาโล 5,000 ตำแหน่ง หรือเกือบ 10% ของประชากรทั้งหมด และอีก 2,000 ตำแหน่งในบริษัทด้านไอทีที่เป็นซัพพลายเออร์ให้โนเกีย แต่นายกเทศมนตรีซาโลคาดว่ารายได้จากภาษีนิติบุคคลในปีนี้จะลดลง 14 ล้านยูโร สาเหตุหลักเนื่องจากการจ่ายภาษีที่ลดลงของโนเกีย "การเลิกจ้างกระทบเรา แต่เราจะไม่ให้มันทำให้เราล้ม โนเกียยังมีพนักงาน 2,500 คนที่นี่ และจะยังมีความสำคัญต่อเราต่อไป" รันทาโกกโก้ กล่าวสรุป

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,732 19-21 เมษายน พ.ศ. 2555

http://www.thanonline.com/index.php?opt ... Itemid=460

[Paul VI]

มาต่อเรื่องเที่ยวต่อครับ

ตอนเย็นมาทานที่ ร้านครัวเขาใหญ่ ร้านนี้คนเยอะทีเดียว

อาหารจานเด่นๆ ก็คือ แฮมซี่โครง มีแบบแข็งกับอ่อน อร่อยคนละแบบ

แต่ส่วนตัวผมชอบแบบแข็ง เพราะว่า ไขมันน้อยกว่า แต่หลายคนคงชอบแบบติดมัน แต่ผมห่วงสุขภาพกว่าน่ะครับ

[Paul VI]

แฮมซี่โครง ที่ลือชื่อของร้านนี้เค้าครับ

มาทายดูครับ ว่าจานไหนซี่โครงอ่อน กับ แข็ง

ทายไม่ยากครับ อร่อยคนละแบบ

[Paul VI]

ต่อครับ

เป้นผัดเห็ดรวมมิตร อร่อยมากครับ เห็ดหลายอย่างมากครับ เป็นเมนูสุขภาพ

ราคาก็ไม่แพงด้วยครับ รู้สึกจะแค่ 80 บาท เองจานนี้

[Paul VI]

ต่อด้วย ไข่เจียวปลาเค็ม อร่อยอีกเช่นเคย

ข้าวสวยร้อนๆ กับเจ้านี่ ก็อร่อยมากๆเลยครับ

ไม่คาว แต่ได้สรชาติปลาเค็ม ก็อร่อยไปอีกแบบ ปกติลูกสาวผมไม่หม่ำปลาเค็็ม ยังยอมทานเจ้านี่ได้เลยครับ

ถ่ายช้าไปนิด แหว่งไปหน่อยแล้ว

[Paul VI]

ต้มยำหรือต้มโคล้งปลากรอบ ประมาณนี้ครับ พอดีจานนี้ไม่ได้สั่งเอง เลยจะลืมไปบ้าง

ส่วนตัว ผมว่า ผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ แต่ก็เห็นว่า คนอื่นบอกอร่อยดีเหมือนกัน

[Paul VI]

เอาเรื่องราวของคุณหมอ นักปีนเขาผู้โด่งดังมาฝากครับ

แหะๆ เพื่อนผมเอง ครับ

'อาคม กิจวนิชประเสริฐ' คุณหมอ 'ผู้พิชิตเอเวอเรสต์'




“เอเวอเรสต์” ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก เป็นฝันของใครหลายคนที่ต้องการจะ “พิชิต” และระยะหลัง ๆ ก็มีคนไทยที่พยายามจะพิชิต มีคนไทยที่พิชิตสำเร็จ รวมอยู่ด้วย และก็รวมถึงคนไทยคนนี้... “นพ.อาคม กิจวนิชประเสริฐ”

@@@@

ในความเย็นเยียบจากกระแสลมที่พัดพาความหนาวเย็นของไอหิมะ ในระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 8,848 เมตร กลับปรากฏไฟร้อนของความมุ่งมั่นในหัวใจของ นพ.อาคม กิจวนิชประเสริฐ หมอหนุ่มชาวไทยจากจังหวัดเชียงราย ในการจะพิชิตยอดเขาในฝันที่ชื่อ “เอเวอเรสต์” ซึ่ง วันที่ 21 พ.ค. 2554 คงเป็นวันที่หมอหนุ่มผู้นี้จดจำไม่รู้ลืม เมื่อเขาพิชิตยอดเขาแห่งนี้ได้สำเร็จ ถือเป็นคนไทยคนที่ 2 ที่ทำสำเร็จ และเป็นคนไทยคนแรกที่ขึ้นสู่ยอดเขาแห่งนี้ทางด้านประเทศทิเบต!!..

ในความเงียบเชียบท่ามกลางความสำเร็จ นพ.อาคม มีรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากตลอด แม้จะอิดโรยไปบ้าง ทว่าแววตาท่าทางยังสดใส เรานั่งลงคุยกับเขาข้างกองสัมภาระหนักกว่า 40 กิโลกรัมกลางสนามบินสุวรรณภูมิ ทันทีที่เขาเดินทางถึงประเทศไทย หลังหายไปเกือบ 2 เดือน “น้ำหนักลดลงไปหลายกิโลกรัมเหมือนกัน มาเห็นตัวเองในกระจกถึงรู้ว่าผอมลงมาก” เราแอบนั่งฟังบทสนทนาทางโทรศัพท์ที่ นพ.อาคม รีบติดต่อคนปลายสายทันทีที่เดินทางถึง

หลังวางสาย หมอหนุ่มหันมายิ้มและบอกว่าโทรศัพท์กลับไปบอกคนทางบ้านว่าถึงเมืองไทยแล้ว จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมากนัก เราเริ่มบทสนทนากับ “หมอนักเดินเขา-ปีนเขา” โดยเขาเล่าว่า เริ่มชอบการเดินเขาและปีนเขามานานกว่าสิบปี หลังจากที่ครั้งหนึ่งได้เคยมีโอกาสเดินทางร่วมไปกับช่างภาพและนักเขียนสารคดีผจญภัยมืออาชีพ “ดวงดาว สุวรรณรังสี” บรรณาธิการนิตยสารเนเจอร์ เอ็กซพลอเลอร์ โดยครั้งนั้นได้ร่วมเดินทางไปสำรวจเส้นทาง แชง กรี-ล่า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสสัมผัสกับภูเขาหิมะ ครั้งนั้นหมอหนุ่มถึงกับลงทุนถอดเสื้อผ้าเพื่อที่จะสัมผัสกับหิมะแบบเต็ม ๆ !!

จากนั้นก็เริ่มติดใจการเดินเขาที่เรียกว่า..เทรคกิ้ง และเริ่มเก็บสั่งสมประสบการณ์ในการเดินเขาและปีนเขาในสถานที่ต่าง ๆ ทุก ๆ ปีทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยแต่ละครั้งเมื่อกลับมาก็จะนำมาบอกเล่าผ่านตัวอักษรและภาพถ่ายในนิตยสารดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ

ประสบการณ์ปีนเขาของหมอหนุ่มเรียกว่าเพียบ อาทิ ยอดเขายายามาริ ความสูง 5,400 เมตร ในเปรู, ยอดเขาคิรีมันจาโร ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปแอฟริกา ความสูง 5,895 เมตร, ยอดเขามองต์บลังก์ ยอดเขาที่สูงที่สุดของยุโรปตะวันตก ความสูง 4,810 เมตร, ยอดเขาเคทู ที่สูงเป็นอันดับ 2 ของโลก ที่ปากีสถาน ความสูง 5,940 เมตร, ยอดเขาอะคอนคากัว ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ความสูง 6,962 เมตร, ยอดเขาเอลบรัส ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป ความสูง 5,642 เมตร และล่าสุด เอเวอเรสต์ ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก ความสูง 8,848 เมตร ด้านทิเบต ในเส้นทางที่เรียกว่า “นอร์ท ริด (North Ridge)” ซึ่งการเดินทางที่ผ่านมาหมอหนุ่มรายนี้ใช้ทุนส่วนตัวในการเดินตามความฝัน

“ครั้งนี้ผมใช้ไปประมาณล้านกว่าบาท (หัวเราะ) ราคานี้ถือว่าเป็นราคามาตรฐานนะครับ ถูกกว่านี้ก็มี แต่ก็ต้องลดจำนวนลูกทีมเชอร์ปา ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหมดผมก็ค่อย ๆ เก็บสะสมจากเงินส่วนตัวของตัวเอง เพราะตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องออกเดินเขาและปีนเขาปีละหนึ่งครั้ง ในทุก ๆ ปี” เป็นสิ่งที่ นพ.อาคม บอกเรา

เราถามต่อไปว่า เป็นหมอรักษาคนไข้ แต่ทำไมถึงติดใจการเดินทางและปีนเขา หาเวลาพักรบกับโรคไปอิงแอบยอดเขาสูงเป็นประจำ นพ.อาคม เผยว่า ชอบ และชอบเดินเขามากกว่าปีนเขา เพราะการเดินสามารถมองเห็นและมีโอกาสชื่นชมทิวทัศน์ได้ตลอดเวลา ขณะที่การปีนเขานั้น เกิดขึ้นเพราะบางเส้นทางนั้นการจะขึ้นไปเพื่อชมวิวจำเป็นต้องผ่านปราการทางธรรมชาติที่กั้นขวางอยู่ จึงต้องฝึกฝนทักษะการปีนเขาเพิ่มขึ้นด้วย สาเหตุที่ทำให้มุ่งมั่นกับการเดินและปีนเขานั้น เขาบอกว่า เพราะต้องการที่จะทดสอบตนเองว่าสามารถทำได้หรือไม่ เพราะหลายคนมักพูดกันว่า ยาก พูดว่า ลำบาก ก็เลยต้องการรู้ว่า..จริง ๆ แล้ว ยากและลำบากอย่างที่ชอบพูดกันหรือไม่? จนกลายเป็นซึมลึก ชื่นชอบไปโดยไม่รู้ตัว

สำหรับยอดเขาเอเวอเรสต์นั้น นพ.อาคมเผยว่า ไม่ค่อยชอบลักษณะนี้เท่าไหร่ เพราะเป็นการเดินขึ้นเดินลงเพื่อปรับสภาพร่างกายและตรวจเช็กเส้นทางตลอด ซึ่งไม่ค่อยชอบ เพราะต้องอยู่ซ้ำที่เดิมเป็นเวลานาน แต่ต้องปฏิบัติตามเพราะมีกฎระบุไว้ ถ้าไม่ทำตามก็จะเป็นการเสี่ยงถึงชีวิต และอาจไปเพิ่มภาระให้ผู้ร่วมทางคนอื่น ๆ

“ก็ยากนะครับ คือจะรีบร้อนไม่ได้ ทุกอย่างมีขั้นตอน จริง ๆ การออกไปเที่ยวเดินเขาปีนเขานี่ ผมตั้งเป้าว่าปีละครั้ง ครั้งนี้ไปนานที่สุดคือเกือบ 2 เดือน และเกิดปัญหาสุขภาพมากที่สุดครั้งหนึ่ง เพราะไออยู่อย่างต่อเนื่อง ส่วนที่ถามว่าเป็นหมอได้เปรียบกว่าคนอื่นไหม ก็อาจจะมีบ้าง เพราะเราจะรู้ว่าตอนนี้ร่างกายเราเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ซึ่งคนอื่น ๆ อาจจะไม่ทราบสาเหตุ แต่เรารู้ ส่วนที่เหลือก็ไม่มีอะไร ต้องทำตามเหมือนกันหมด หลักการเดียวกัน”

การเดินทางไปในแต่ละครั้ง บางสถานที่ก็อาจจะต้องขาดการติดต่อกับคนทางบ้าน กับครอบครัว เรื่องนี้คนข้างหลังมีความกังวลใจไหม? นพ.อาคม บอกว่า แรก ๆ ก็มีบ้างที่เป็นห่วง แต่ก่อนไปทุกครั้งก็จะทำ “พินัยกรรม” ไว้ล่วงหน้าเลย ยิ่งครั้งนี้ไปนานหน่อยก็จะต้องทำทุกอย่างไว้ให้เรียบร้อย เพราะไม่รู้ว่าระหว่างหนทางข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น

“ผมว่าทุกคนที่มีชีวิตชื่นชอบกิจกรรมแบบนี้ ก็คงทำเหมือนกับผมหมด ก็เพื่อความสบายใจ หากเราเป็นอะไรไปก็จะได้ไม่มีอะไรที่ทำให้คนข้างหลังต้องเกิดปัญหา” เป็นความแน่วแน่ของ นพ.อาคมที่เรารับรู้ได้

ก่อนที่จะพิชิตยอดเขาสูงที่สุดในโลก นพ.อาคมเล่าว่า ออกเดินทางจากประเทศไทยไปตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. ซึ่งเป็นการนั่งรถเข้าไปจนถึงจุดที่เรียกว่า “เบสท์ แคมป์” ระดับความสูง 5,400 เมตร จากนั้นพักและเตรียมตัวเพื่อขึ้นไปสู่ “อินเตอร์ริมแคมป์” ที่ระดับความสูงราว 5,800 เมตร เพื่อปรับสภาพร่างกายให้พร้อม ก่อนจะขึ้นไปที่ “จุดเอบีซี” ซึ่งระหว่างจากเบสท์แคมป์ไปที่อินเตอร์ริมนั้น นพ.อาคมบอกว่า ร่างกายแย่มาก ๆ เพราะเป็นช่วงของการปรับตัวกับระดับความสูงที่ต่างกันมาก แต่พอผ่านมาได้ก็คิดในใจว่า...รอดแล้ว และน่าจะทำได้ โดยในวันที่จะขึ้นสู่ยอดนั้น ก่อนหน้านั้นจะต้องมีการเดินเขาขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างจุดเอบีซี ไป-กลับระหว่างแคมป์ 1- 2- 3 และ 4 เพื่อปรับสภาพ

รออยู่ที่จุดเพื่อที่จะขึ้น “ซัมมิท” ซึ่งเป็นจุดที่สูงที่สุดของยอดเขา อยู่ 18 วัน เนื่องจากรอสภาพอากาศและรอให้ทีมสำรวจเส้นทางและทำทาง หรือที่เรียกว่า “ฟิกซ์โรป” ทำทางขึ้นไป ซึ่งเป็นทีมเจ้าหน้าที่จากสมาคมปีนเขาของประเทศจีนเป็นคนดูแลควบคุมรับผิดชอบตรงนี้ ซึ่งถ้าเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตก็จะไม่สามารถขึ้นไปได้เลย ถือเป็นช่วงเวลาที่นานแสนนาน จนบางครั้งมีความคิดว่า...อยากจะเลิก ไม่เดินต่อแล้ว!! ขณะที่อีกใจหนึ่งก็คิดอยู่ตลอดว่า...มาถึงจุดนี้แล้ว ต้องอดทน!! จนทางทีมเจ้าหน้าที่ระบุว่า สภาพอากาศของวันที่ 18 พ.ค. เหมาะสมกับการปีนขึ้น จากนั้นจึงออกเดินทาง และมาสำเร็จในการขึ้นสู่จุดสุดยอดเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา

“ผมใช้ออกซิเจนไปประมาณ 10 ถังเห็นจะได้ ซึ่งสำหรับคนเอเชียถ้าใช้ที่ 5 ถังตามที่เขากำหนดมา คือเป็นราคาที่เขาตั้งไว้จากค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย ไม่มีทางพอ ผมก็ต้องซื้อออกซิเจนไปเพิ่ม ซึ่งราคาต่อถังก็แพงมาก อยู่ที่เฉลี่ยถังละ 400-450 ดอลลาร์สหรัฐ” นพ.อาคมบอกเล่าประสบการณ์การเดินทางพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ให้ฟัง

เราถามต่อว่า ชีวิตการเป็นหมอรักษาคนไข้ สลับกับชีวิตการเป็นนักบุกเบิกผจญภัย ค่อนข้างแตกต่างกับบรรดาคนไข้ที่รักษามีความรู้สึกอย่างไร นพ.อาคมยิ้ม และตอบกลับมาว่า แรก ๆ คนไข้ก็ยังไม่ค่อยรู้ แต่เมื่อเห็นหมอหายไปบ่อย ๆ ก็จะเริ่มเข้ามาถาม พอรู้ว่าเราไปเที่ยว ไปปีนเขา แรก ๆ คนไข้ก็รู้สึกงง แต่พอนานไปคนไข้ก็ชิน เพราะแต่ละปีจะเห็นว่าหมอคนนี้จะหายไปเป็นช่วง ๆ จากนั้นเราถามต่อไปว่า วันนี้สามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของความใฝ่ฝัน หลังการพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกสำเร็จแล้ว วันนี้มีความฝันที่จะพิชิตอะไรอีกหรือไม่? หมอหนุ่มหัวเราะพร้อมยืนยันว่า...การพิชิตยอดเขาแห่งนี้ ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นความต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเองมากกว่า เป็นการเติมเต็มให้กับชีวิตเท่านั้น

“ถามว่าถ้าทำอีกจะทำได้ไหม ก็น่าจะได้นะ แต่ตอนแรกยอมรับว่ามืดมนมาก ไม่รู้ว่าขึ้นไปแล้วจะต้องเจออะไร ต้องเจอกับสถานการณ์อะไร พอผ่านไปได้ก็รู้แล้วว่าครั้งต่อไปจะต้องเตรียมตัวแบบไหน ถือว่าถึงที่สุดของที่สุดหรือยัง ผมไม่ได้มองว่าเป็นที่สุดหรือเป็นความฝันอะไร แค่เราต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าทำได้ไหม ที่คนเขาบอกว่ายาก ว่าลำบากนั้น เราจะทำได้ไหม เหมือนเราเก็บสะสมไมล์ สะสมแต้มให้กับประสบการณ์ของชีวิตมากกว่า” นพ.หนุ่มกล่าว

@@@@

และนี่ก็เป็นบางมุม ของอีกหนึ่ง “คนไทย” ที่สามารถก้าวไปเป็นส่วนหนึ่งของ “ผู้พิชิตเอเวอเรสต์” ยอดเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นที่สุดของที่สุด ที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยใฝ่ฝัน และเลือกใช้เพื่อการพิสูจน์หัวจิตหัวใจของตนเอง

กับ “นพ.อาคม กิจวนิชประเสริฐ” คุณหมอนักปีนเขา ผู้พิชิตยอดเขาสูงที่สุดในโลก...

@@@@@

'ใครๆ ก็ปีนได้ครับ'

“ใคร ๆ ก็ปีนได้ครับ” เล่นเอาอึ้ง?! หลังหมอหนุ่มหลุดประโยคนี้มา ก่อนเฉลยว่า เหตุที่คิดอย่างนั้นเพราะเชื่อว่าทุกคนมีโอกาสพิชิตยอดเขาแห่งนี้ได้เหมือนกันหมด แต่ต้องมี “3 พร้อม” คือ 1. ร่างกายพร้อม 2. จิตใจพร้อม 3. สภาพอากาศพร้อม โดย 3 ส่วนนี้สำคัญที่สุด ซึ่งก่อนเดินทางไปก็ต้องเตรียมความพร้อมร่างกายอย่างมาก

อาทิ การวิ่งออกกำลังกายกว่าสิบกิโลเมตรสัปดาห์ละหลาย ๆ ครั้ง การว่ายน้ำเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของปอด รวมถึงต้องฝึกแบกสัมภาระความหนักกว่า 20 กิโลกรัมเป็นประจำ เพื่อให้เกิดความเคยชิน และจุดนี้ก็อาจเป็นเบื้องหลังความสำเร็จของเขา ในการก้าวขึ้นสู่ยอดเขาที่เป็นจุดสูงสุดของเทือกเขาหิมาลัย...

ศิริโรจน์ ศิริแพทย์ http://www.dailynews.co.th/newstartpage ... tId=143082

[sorn adis]

หมออาคมเพื่อนพี่มุขใช้ชีวิตได้สุดยอดไปเลย

อาชีพหมอมักมีภาระงานประจำมากซะจนทำแบบนั้นไม่ได้

นอกจากนี้ภาระงานยังส่งผลเสียต่อสุขภาพพื้นฐานอีก

เนื่องจากทั้งความเคร่งเครียดของงานและความประมาทในการดำเนินชีวิต

โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินและการขาดการออกกำลังกาย

พี่มุขเป็นตัวอย่างที่ดีของเพื่อนร่วมวิชาชีพนะเนี่ย

รักและมีความสุขกับการลงทุน รักและมีความสุขกับครอบครัว

รักและมีความสุขกับตัวเองและงานประจำ

ว่าแต่ว่าพี่ใช้กล้องอะไรครับ ทำไมบางภาพส๊วยสวย

แต่บางภาพกลับไม่ค่อยชัดซะงั้น

[Paul VI]

ว่าแต่ว่าพี่ใช้กล้องอะไรครับ ทำไมบางภาพส๊วยสวย

แต่บางภาพกลับไม่ค่อยชัดซะงั้น

พี่ใช้กล้องแบบออโต้ ธรรมดาครับหมอศร เป็นของ pana lumix แต่ซื้อมานานแล้ว

เดิมพี่ใช้กล้องแบบ semi annual ครับ แต่ถ้าใช้ตอนไปเที่ยว 2 คนกับแฟนก็ไม่มีปัญหา

แต่พอมีลูกๆ และสัมภาระเยอะๆ หลังๆก็เอาแค่เจ้าตัวนี้ครับ วื้อมานานพอควร ตอนนั้น 10 ล้านพิกเซล นี่หรูมาก

เดี๋ยวนี้้ถือว่าธรรมดาเลยครับ

รูปที่เอามาอาจะเป็นรูปที่พี่รีบๆถ่ายครับ บางรูปก็เป็นรูปที่ลูกสาวถ่ายให้ มันก็เลยไหวๆ ไปหน่อย

แต่กล้องตัวนี้ พี่ถือว่า คุ้มสุดๆครับ ใช้ไปถ่ายมาหลายที่ หลายประเทศแล้ว แบตก็ยังใช้ได้ดีอยู่

แล้วก็ใช้งานง่ายดี

คิดว่ารูปที่ถ่ายตอนหลังๆนี้ เอาเป็นแบบให้เป้น memory ว่าเคยไปด้วยกันซะมากกว่าแล้วครับ


ส่วนหมออาคม เพื่อนพี่ อ่านบทความนี้ พี่ย้อนคิดตาม เข้าใขความรู้สึก ความคิด และทัศนคติ ตอนนั้นเลยครับ

ว่ากำลังเผชิญปัญหาอะไร แล้ว มีทัศนคติ ต่อปัญหาขณะนั้นเป็นอย่างไร

อันนี้เป็นโจทย์ที่ไม่ง่ายครับ