โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 4
ถ้าเป็น VI และคิดจะฝากอนาคตไว้กับโจ๊กอากู๋ ขอแนะนำให้ทำความ
เข้าใจในสองสิ่งนี้อย่างถ่องแท้
1. อนาคตของธุรกิจบันเทิง ผลกระทบของ MP3 และ technology
พฤติกรรมผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่น
2. ความสามารถทางการเงินของอากู๋ ความสัมพันธ์ของ GRAMMY
กับ GMMM
อย่างที่สองมีผลต่อ GRAMMY มากกว่าอย่างที่หนึ่งครับ
แต่ถ้าคิดจะเก็งกำไร จุดนี้เป็นจุดน่าลุ้นครับ ลงมา 61.8% พอดี
(เทียบ high กับ low ในรอบ 5 ปี)
เข้าใจในสองสิ่งนี้อย่างถ่องแท้
1. อนาคตของธุรกิจบันเทิง ผลกระทบของ MP3 และ technology
พฤติกรรมผู้บริโภคโดยเฉพาะวัยรุ่น
2. ความสามารถทางการเงินของอากู๋ ความสัมพันธ์ของ GRAMMY
กับ GMMM
อย่างที่สองมีผลต่อ GRAMMY มากกว่าอย่างที่หนึ่งครับ
แต่ถ้าคิดจะเก็งกำไร จุดนี้เป็นจุดน่าลุ้นครับ ลงมา 61.8% พอดี
(เทียบ high กับ low ในรอบ 5 ปี)
- มือเก่าหัดขับ
- Verified User
- โพสต์: 1112
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 5
แถม:
"แรงร้องเพลงของพี่เบิร์ด"
อีกอย่างหนึ่ง
"แรงร้องเพลงของพี่เบิร์ด"
อีกอย่างหนึ่ง
คนอื่นเขาสะสมอย่างอื่น เราขอสะสมความดี, ความรู้, ประสบการณ์, เงินทอง, กับหุ้นก็แล้วกัน
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
- chansaiw
- Verified User
- โพสต์: 703
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 6
เห็นด้วยกับคุณck แต่คิดว่าปัจจัยที่ 1ของคุณ ck ก็มีผลไม่น้อยเลย
ยังมองอนาคตตลาดเทป cd ไม่ออก เลยว่าจะกลับมาดีได้ไง จะออก mp3 ก็คงไม่คุ้ม ถ้าต้องรวมหลายอัลบั้ม ผมต้องเททิ้งทั้งชามเลยหลังงบ q1 ออก
ยังมองอนาคตตลาดเทป cd ไม่ออก เลยว่าจะกลับมาดีได้ไง จะออก mp3 ก็คงไม่คุ้ม ถ้าต้องรวมหลายอัลบั้ม ผมต้องเททิ้งทั้งชามเลยหลังงบ q1 ออก
"Failure is the only way to start again intelligently"
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 7
ตอนนี้ค่ายเพลงในบ้านเรามีอยู่กี่เจ้าครับ
และแนวหน้า คือค่ายไหน ???
GRAMMY ถือเป็นผู้นำ ค่ายเพลง ผลิตศิลปิน งานเพลงไทย งานละคร ดีที่สุดไหม
ค่ายเพลงอื่นๆ เริ่มตาย หายไปจากเมืองไทย ในอนาคตที่ยังเหลือ ก็บอกได้ว่ามีความแข็งแกร็งเพียพอที่จะต่อสู้ได้ (ในที่สุดก็คงเหลือแต่ grammy , RS)
การละเมิดลิขสิทธิ์เป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน และคุณคิดว่า ธุรกิจผลิตงานเพลงจะหมดไปจากเมืองไทยหรือ (ผมยังมองไม่เห็น จะมีบริษัทไหนกระโดดเข้ามาผลิต งานเพลงไทย ศิลปินไทย ตลอดจนหนัง ละคร ได้ดีไปกว่า grammy ยังไงการบริโภคเพลง ศิลปิน หนังไทย ไม่มีวันหมดไปจากเมืองไทยหรอก)
ความบันเทิง ไม่มีวันตายไปจากชีวิตเรา และธุรกิจที่แข็งแกร็งที่สุดในไทย ในเวลานี้คือ GRAMMY
และแนวหน้า คือค่ายไหน ???
GRAMMY ถือเป็นผู้นำ ค่ายเพลง ผลิตศิลปิน งานเพลงไทย งานละคร ดีที่สุดไหม
ค่ายเพลงอื่นๆ เริ่มตาย หายไปจากเมืองไทย ในอนาคตที่ยังเหลือ ก็บอกได้ว่ามีความแข็งแกร็งเพียพอที่จะต่อสู้ได้ (ในที่สุดก็คงเหลือแต่ grammy , RS)
การละเมิดลิขสิทธิ์เป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืน และคุณคิดว่า ธุรกิจผลิตงานเพลงจะหมดไปจากเมืองไทยหรือ (ผมยังมองไม่เห็น จะมีบริษัทไหนกระโดดเข้ามาผลิต งานเพลงไทย ศิลปินไทย ตลอดจนหนัง ละคร ได้ดีไปกว่า grammy ยังไงการบริโภคเพลง ศิลปิน หนังไทย ไม่มีวันหมดไปจากเมืองไทยหรอก)
ความบันเทิง ไม่มีวันตายไปจากชีวิตเรา และธุรกิจที่แข็งแกร็งที่สุดในไทย ในเวลานี้คือ GRAMMY
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
- มือเก่าหัดขับ
- Verified User
- โพสต์: 1112
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 8
คิดอีกแนวหนึ่ง
ยี่ห้อ อยู่ที่ค่าย หรือนักร้อง
อาจจะต้องดูให้ดีๆ เหมือนกัน
แต่... ผมว่า Grammy ยังไปได้เรื่อยๆ นะครับ อาจจะเติบโตไม่โดดเด่น
ที่เห็นว่าเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ก็คือการนำลิขสิทธิ์มาหาประโยชน์ให้มากขึ้น โดยหลีก
เลี่ยงช่องทางของเทปผีซีดีเถื่อนทั้งหลาย ถ้าทำได้ดีขึ้น ก็มีโอกาสมากขึ้นครับ
ว่าแต่พี่เบิร์ด จะออกอัลบั้มอีกเมื่อไรล่ะ
ยี่ห้อ อยู่ที่ค่าย หรือนักร้อง
อาจจะต้องดูให้ดีๆ เหมือนกัน
แต่... ผมว่า Grammy ยังไปได้เรื่อยๆ นะครับ อาจจะเติบโตไม่โดดเด่น
ที่เห็นว่าเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ก็คือการนำลิขสิทธิ์มาหาประโยชน์ให้มากขึ้น โดยหลีก
เลี่ยงช่องทางของเทปผีซีดีเถื่อนทั้งหลาย ถ้าทำได้ดีขึ้น ก็มีโอกาสมากขึ้นครับ
ว่าแต่พี่เบิร์ด จะออกอัลบั้มอีกเมื่อไรล่ะ

คนอื่นเขาสะสมอย่างอื่น เราขอสะสมความดี, ความรู้, ประสบการณ์, เงินทอง, กับหุ้นก็แล้วกัน
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
http://www.muegao.blogspot.com หุ้น การเงิน การลงทุน ธุรกิจ
-
- Verified User
- โพสต์: 64
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 10
วันก่อนผมเพิ่งโดนโจ๊กอากู๋ลวกปากเอาเองครับ ดันทานเร็งไปนิด เลยยอมจำนน ที่13.3 บ.ขายเกลี้ยงเลยครับ เพราะดูแนวโน้มไม่ค่อยสู้ดี เห็นกำไรออกมาแล้วหนาวเลย กำไร 40กว่าล้าน ถ้าทั้งปีคูณ4 ก็เท่ากับ 160 แถมให้อีก 40 เป็น 200 สู้ปีที่แล้วที่กำไร 700 ไม่ได้ หรือ เอา700-42 = 658 ล.ถ้าต้องทำกำไรเท่าปีที่แล้ว เหลืออีก 3 ไตรมาศต้องทำให้ได้ไตรมาศละ 218 ล.รู้สึกว่ายากมากๆๆ เลยตัดใจขายทิ้งหมดเลยครับ cry cry...
-
- Verified User
- โพสต์: 2326
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 11
รายได้ไม่ดีจริงๆครับ ในไตรมาสนี้ เนื่องจากผลิตรายการเพลงออกมาน้อย ช่วงนี้ grammy เน้นโดดลงไปเล่น งานละครทีวี , ภาพยนต์มากขึ้น (ละครดังๆก็มี บางรักซอยเก้า , เฮงเฮงเฮง , คลื่นรักสีคราม หนังเข้าใหม่ก็ มหาลัยเหมืองแร่ ) ว่าแต่เรื่องธุรกิจหนังเนี่ย ไม่ว่าค่ายไหนๆทั่วโลก ถ้าเขาสร้างมา 10 เรื่อง หวังเพียง 2-3 เรื่องที่เป็นตัวทำกำไรให้เขาได้ ธุรกิจก็ไปได้อย่างราบรื่นเห็นกำไรออกมาแล้วหนาวเลย กำไร 40กว่าล้าน ถ้าทั้งปีคูณ4 ก็เท่ากับ 160 แถมให้อีก 40 เป็น 200 สู้ปีที่แล้วที่กำไร 700 ไม่ได้ หรือ เอา700-42 = 658 ล.ถ้าต้องทำกำไรเท่าปีที่แล้ว เหลืออีก 3 ไตรมาศต้องทำให้ได้ไตรมาศละ 218 ล.รู้สึกว่ายากมากๆๆ เลยตัดใจขายทิ้งหมดเลยครับ cry cry...
และที่ผมไม่ค่อยชอบ เรื่องงบการเงิน โยกไปมากับ GMMM นี่ซิ (งบไตรมาสหน้า grammy ได้เงินปันผลจาก gmmm อีกเยอะ และก็จะเสียเงินไปกับการรับซื้อหุ้น GMMM )
มีอีกตัวราคาใกล้เคียงกับ grammy คือ major ผมว่าน่าสนนะ ตรงที่ว่า ถือครองธุรกิจโรงภาพยนต์สมัยใหม่ที่ถือว่าผูกขาดในตลาดบ้านเรา ในปัจจุบันคงไม่มีรายใหม่ๆหาญกล้ากระโดดลงมาเล่นได้ง่ายๆ(เสียอย่างเดียวดูหนี้สินเยอะไปหน่อย)
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
- nana
- Verified User
- โพสต์: 209
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 12
บริษัทที่หวังพึ่ง กระแส ความดังของหนัง
ของอัลบั้มซึ่งนานๆทีจะเกิด.........จะมีความแน่นอนได้อย่างไร
ยังกะเล่นปั่นแปะ
แล้ว ศิลปินเบอร์หนึ่งอย่างเบิร์ด แม้จะขายได้ แล้วค่าตัวแพงไหม บริษัทรวยหรือนักร้องรวย อยากรู้จัง อิอิ
ของอัลบั้มซึ่งนานๆทีจะเกิด.........จะมีความแน่นอนได้อย่างไร
ยังกะเล่นปั่นแปะ
แล้ว ศิลปินเบอร์หนึ่งอย่างเบิร์ด แม้จะขายได้ แล้วค่าตัวแพงไหม บริษัทรวยหรือนักร้องรวย อยากรู้จัง อิอิ
Markets can remain irrational longer than you can remain solvent. -John Maynard Keynes
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 13
เมื่อวานไปนั่งฟังที่ห้องบรรยายของดร.นิเวศน์มาก
มีคนถามเรื่องGMMอยู่เหมือนกัน
ท่านดร.เราก็บอกว่า มีแต่ตัวนี้ขาดทุน ฮาเลยอ่ะ
มีไม่กี่ตัวที่ท่านดร.ของเราจะขาดทุน
แต่ท่านดร. ก็ให้ข้อคิดดี เพราะวงการนี้ มีคนทำสำเร็จไม่กี่ราย
มีบริษัทไหนบ้างที่ทำแล้วดังแบบRS กับ GMM ในเรื่องของเพลง
แต่มันก็มีวิบากกรรมคือ การละเมิดลิขสิทธิ์ในรูปแบบต่างๆๆๆ
ถ้าแก้ไขอันนี้ได้ รุ่งเพราะคนเราถ้ามีเงินมันต้องการความบันเทิงควบคู่กันไปด้วย
มีคนถามเรื่องGMMอยู่เหมือนกัน
ท่านดร.เราก็บอกว่า มีแต่ตัวนี้ขาดทุน ฮาเลยอ่ะ
มีไม่กี่ตัวที่ท่านดร.ของเราจะขาดทุน
แต่ท่านดร. ก็ให้ข้อคิดดี เพราะวงการนี้ มีคนทำสำเร็จไม่กี่ราย
มีบริษัทไหนบ้างที่ทำแล้วดังแบบRS กับ GMM ในเรื่องของเพลง
แต่มันก็มีวิบากกรรมคือ การละเมิดลิขสิทธิ์ในรูปแบบต่างๆๆๆ
ถ้าแก้ไขอันนี้ได้ รุ่งเพราะคนเราถ้ามีเงินมันต้องการความบันเทิงควบคู่กันไปด้วย

-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 15
วันอาทิตย์ก็มีท่าน ดร. พูดครับ เป็นช่วงเย็นๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 17
สงสัยเมื่อตอนเย็นผมจะต้องสวนกับคุณ miracle ในห้องสัมมนาแน่ๆ หรือไม่ก็ตอนที่เดินไปหยิบรายงานประจำปีของ AOT ใช่มั้ยเอ่ย?
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 18
ผมนั่งอยู่แถวหน้า (นั่งพื้นเลย) ทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์
ผมเอาเพื่อนผมที่จะคิดลงทุนไปฟังด้วย
ได้แนะนำพวกพื้นฐานไปสอง-สามเล่ม คือ อยากรวย ต้องรู้เล่ม 1 หุ้นห่านทองคำ อีกเล่มจำไม่ได้
แล้วก็เข้าไปนั่งฟังท่าน ดร.บรรยายเลย
มันบอกว่าท่านดร.บรรยายได้ดี ชาวบ้านชาวช่องฟังได้รู้เรื่อง เป็นสิ่งที่จับต้องได้
ผมเองก็ฟังแล้วก็ได้ข้อคิดดี ว่าหุ้นดีจริงมันต้องผ่านอะไรมามากมาย ต้องดูที่เบอร์ 1-2 เท่านั้น เบอร์อื่นเลิกพูดเลย ฟังแล้วได้ข้อคิดดีเลย
ปล บรรยายเสร็จก็แอบไปดูว่ารายงานประจำปี เหลืออะไรบ้าง เหลือแค่ 4 ตัว คือ TMB BAY KTB AOT ตัวที่ต้องการไม่มีตั้งแต่ตอนไปวันที่สองแล้ว รู้แบบนี้แบกกลับวันนี้ก็ได้ เพราะว่าวันศุกร์แบกกลับหนักมากๆๆ
ผมเอาเพื่อนผมที่จะคิดลงทุนไปฟังด้วย
ได้แนะนำพวกพื้นฐานไปสอง-สามเล่ม คือ อยากรวย ต้องรู้เล่ม 1 หุ้นห่านทองคำ อีกเล่มจำไม่ได้
แล้วก็เข้าไปนั่งฟังท่าน ดร.บรรยายเลย
มันบอกว่าท่านดร.บรรยายได้ดี ชาวบ้านชาวช่องฟังได้รู้เรื่อง เป็นสิ่งที่จับต้องได้
ผมเองก็ฟังแล้วก็ได้ข้อคิดดี ว่าหุ้นดีจริงมันต้องผ่านอะไรมามากมาย ต้องดูที่เบอร์ 1-2 เท่านั้น เบอร์อื่นเลิกพูดเลย ฟังแล้วได้ข้อคิดดีเลย
ปล บรรยายเสร็จก็แอบไปดูว่ารายงานประจำปี เหลืออะไรบ้าง เหลือแค่ 4 ตัว คือ TMB BAY KTB AOT ตัวที่ต้องการไม่มีตั้งแต่ตอนไปวันที่สองแล้ว รู้แบบนี้แบกกลับวันนี้ก็ได้ เพราะว่าวันศุกร์แบกกลับหนักมากๆๆ

-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 20
ผมไม่ได้ใบ้หุ้นล่ะกัน ขอออกตัวไว้ก่อน
คือกลุ่มพวกกิจการค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่ตอนนี้เห็นชัดว่า ประชาชนโดนทั่วไปถ้าซื้อของปริมาณมากๆๆมักจะเดินไปซื้อที่ไหน ในประเทศไทยมันตั้ง 76 จังหวัด ตอนนี้กิจการพวกนี้กำลังขยายตัว ไปในแค่จังหวัด ใหญ่ๆๆ หรือเมืองใหญ่ๆๆ เช่นกรุงเทพ หาดใหญ่ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ เป็นต้น ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวอีกมากๆๆ
ดร.แกยกตัวอย่างในหุ้นในกลุ่มที่ดร.สนใจ คือกลุ่มนี้ให้คิดว่า การตีแตกมันต้องดูในหลายด้านประกอบกัน ไม่ใช้ดูแต่ ตัวงบอย่างเดียว
ปล ไม่ได้ใบ้หุ้น ไปศึกษากันก่อนซื้อล่ะกันครับ
ตอนนี้กำลังศึกษาหาตัวที่เก็บเหมือนกัน แต่พอจะรู้แล้วว่าตัวไหนจะได้เวลาเก็บเข้ากรุบ้าง แต่ต้องดูกำลังทรัพย์ด้วย
คือกลุ่มพวกกิจการค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่ตอนนี้เห็นชัดว่า ประชาชนโดนทั่วไปถ้าซื้อของปริมาณมากๆๆมักจะเดินไปซื้อที่ไหน ในประเทศไทยมันตั้ง 76 จังหวัด ตอนนี้กิจการพวกนี้กำลังขยายตัว ไปในแค่จังหวัด ใหญ่ๆๆ หรือเมืองใหญ่ๆๆ เช่นกรุงเทพ หาดใหญ่ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ เป็นต้น ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวอีกมากๆๆ
ดร.แกยกตัวอย่างในหุ้นในกลุ่มที่ดร.สนใจ คือกลุ่มนี้ให้คิดว่า การตีแตกมันต้องดูในหลายด้านประกอบกัน ไม่ใช้ดูแต่ ตัวงบอย่างเดียว
ปล ไม่ได้ใบ้หุ้น ไปศึกษากันก่อนซื้อล่ะกันครับ
ตอนนี้กำลังศึกษาหาตัวที่เก็บเหมือนกัน แต่พอจะรู้แล้วว่าตัวไหนจะได้เวลาเก็บเข้ากรุบ้าง แต่ต้องดูกำลังทรัพย์ด้วย

-
- Verified User
- โพสต์: 94
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 22
เกิดอะไรขึ้นกับ..."GRAMMY-GMMM" ธุรกิจสู่วงจร "อิ่มตัว" และ "เสื่อมถอย"
จาก http://www.bangkokbizweek.com/
การเปลี่ยนแปลงของผลการดำเนินการไตรมาส 1 ปี 2548 ของ "เครือแกรมมี่" (GRAMMY-GMMM) ที่ทรุดตัวลงอย่าง "ฮวบฮาบ" แสดงให้เห็นว่า "วัฏจักรธุรกิจ" บันเทิงที่แข็งแกร่งของอาณาจักรแห่งนี้กำลังเข้าสู่ระยะ "อิ่มตัว" (Maturity) และ "เสื่อมถอย" (Decline) ตามวงจรเศรษฐกิจค่อนข้างชัดเจนแล้วใช่หรือไม่!
เพราะหากพิจารณาธุรกิจแวดล้อมในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น อาร์.เอส.โปรโมชั่น (RS) บีอีซี เวิลด์ (BEC) มีเดีย ออฟ มีเดียส์ (MEDIAS) รวมถึง ทราฟฟิก คอร์นเนอร์ (TRAF) หุ้นเหล่านี้ได้เข้าสู่วัฏจักร "เสื่อมถอย" มาแล้วพักใหญ่
สิ่งที่ตอกย้ำชัด ก็คือ ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2548 ของ "จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" (GRAMMY) ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ตัวเลข "รายได้รวม" ในไตรมาส 1 จะลดลงเพียง 17% จาก 1,531 ล้านบาท เหลือ 1,275 ล้านบาท แต่ตัวเลขที่น่าตกใจกลับเป็น "กำไรสุทธิ" ที่ลดลงอย่างฮวบฮาบถึง 72% โดยลดลงจาก 165.16 ล้านบาท ที่กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.34 บาท เหลือเพียง 45.21 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 บาท ต่ำที่สุดในรอบหลายปี
โดยเฉพาะเมื่อสิ้นปี 2547 แกรมมี่แถลงข่าวผลประกอบการประจำปีสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี ทำได้ 700.20 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.43 บาท...เวลาผ่านไปเพียง 1 ไตรมาสภาพธุรกิจกลับ "ตาลปัตร" เหมือนกับดูหนังคนละม้วน
เนื้อหาที่ลึกซึ้งของงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2548 อยู่ที่ "เนื้อใน" ของรายได้จาก "ธุรกิจหลัก" แสดงถึงอาการ "อิ่มตัว" และ "เสื่อมถอย" ลงเกือบหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเปรียบเทียบผลประกอบการ "ไตรมาส" ต่อ "ไตรมาส" รายได้จาก "ธุรกิจเพลง และลิขสิทธิ์" ซึ่งครองส่วนแบ่งรายได้สูงที่สุดประมาณ 48% ของรายได้รวม..ลดลงไป 21% จาก 726 ล้านบาท เหลือเพียง 576 ล้านบาท
รายได้จาก "ธุรกิจวิทยุ" (จาก "บ.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย" (GMMM) แกรมมี่ถือหุ้น 79.50%) มีสัดส่วนรายได้ 16% ของรายได้รวม..ส่วนนี้ลดลงไป 12% จาก 242 ล้านบาท เหลือ 213 ล้านบาท
รายได้จาก "ธุรกิจโทรทัศน์" (สัดส่วนรายได้ 16% ของรายได้รวม) เทียบไตรมาส 1 ปีนี้กับปีที่แล้วแม้มีรายได้เพิ่มขึ้น 9% จาก 194 ล้านบาท เป็น 213 ล้านบาท แต่กลับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2547 ที่มีรายได้ในส่วนนี้ 232 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น รายได้ "ค่าบริหารศิลปิน" ก็ลดลง 28% รายได้จาก "ธุรกิจคอนเสิร์ต และละครเวที" หายไป 77% แต่รายได้ที่เติบโตขึ้นมากลับเป็น "ธุรกิจภาพยนตร์" และ "สื่อสิ่งพิมพ์" แต่รายได้จาก 2 ส่วนนี้มีสัดส่วนรายได้รวมกันไม่ถึง 10% ของรายได้รวม จึงไม่สามารถมาทดแทนรายได้จากธุรกิจหลักที่หายไปได้
ถ้าวิเคราะห์โจทย์ของ GRAMMY โอกาสที่จะกลับมาทำกำไรสุทธิได้เท่ากับปี 2547 ที่ 700.20 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.43 บาท แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย...ในสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ต้องถือว่าสุดหินสำหรับ "ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม" อย่างยิ่ง
ค่าเฉลี่ย "รายได้" ของ GRAMMY ในปี 2547 อยู่ที่ไตรมาสละ 1,667 ล้านบาท "กำไรสุทธิ" เฉลี่ยทำได้ไตรมาสละ 175 ล้านบาท แยกออกมาเป็นส่วนๆจะพบว่ามาจากธุรกิจ "เพลง และค่าลิขสิทธิ์" เฉลี่ยไตรมาสละ 808 ล้านบาท หรือ 48% ของรายได้รวม มาจากธุรกิจ "โทรทัศน์" เฉลี่ยไตรมาสละ 234 ล้านบาท และมาจากธุรกิจ "วิทยุ" เฉลี่ยไตรมาสละ 243 ล้านบาท
ถ้าเรานำ "รายได้" โดยเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย(รายไตรมาส)ของปี 2547 กับไตรมาส 1 ปี 2548 ข้อมูลนี้จะอธิบายว่ารายได้ 80% ของรายได้รวมที่มาจาก ธุรกิจเพลง, วิทยุ และโทรทัศน์ ของ GRAMMY "หลุดเป้า" ทั้งหมด ที่แย่ยิ่งกว่านั้น ก็คือ รายได้ในไตรมาส 1 ปี 2548 ยังต่ำกว่า "รายได้" และ "กำไรสุทธิ" เฉลี่ย(รายไตรมาส)ของปี 2546 อีกด้วย
แสดงว่าการ "ถอยหลัง" ของ GRAMMY หนนี้ เป็นการถอยหลังย้อนกลับไปไม่น้อยกว่า 2 ปี
เพราะฉะนั้นถ้า "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ตั้งสมมติฐานว่า "อากู๋...ไพบูลย์" สามารถพลิกฟื้นธุรกิจกลับมาได้ในอีก 3 ไตรมาสที่เหลือ..อย่าง "ดีที่สุด" ก็ไม่น่าจะทำรายได้ "ดีกว่า" ปี 2546 ทั้งปีที่มีรายได้รวม 5,986 ล้านบาท เฉลี่ยไตรมาสละ 1,496 ล้านบาท และสามารถรักษา "กำไรสุทธิ" ไว้ได้ที่ 525.16 ล้านบาท เฉลี่ยไตรมาสละ 131.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS)เท่ากับ 1.07 บาท
จากข้อมูลนี้ถ้าเราตั้งโจทย์ว่าหุ้น GRAMMY ควรจะ "ซื้อ-ขาย" ที่ พี/อี เรโช 10 เท่า(ใกล้เคียงกับค่าพี/อีในปัจจุบัน) ราคาหุ้นก็ควรจะอยู่ที่ 10.70 บาท(10 คูณ 1.07) ขณะที่ไตรมาส 1 ปี 2548 บริษัททำกำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS)ได้เพียง 0.09 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าผิดหวังมากๆ
ถ้าเทียบเคียงกับหุ้น BEC ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS) ในไตรมาส 1 ปี 2548 เท่ากับ 0.08 บาท ใกล้เคียงกับของ GRAMMY ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ก็ใกล้เคียงกัน แต่กลับมีราคาซื้อขายที่ "ต่ำกว่า" มาก
หรือจะเปรียบเทียบกับหุ้น ITV ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) สูงกว่า ในไตรมาส 1 ปี 2548 เท่ากับ 0.13 บาท หรือเปรียบเทียบกับหุ้น MAJOR ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ในไตรมาส 1 ปี 2548 เท่ากับ 0.18 บาท แต่ราคาหุ้นทั้ง ITV และ MAJOR ก็ยังซื้อขายต่ำกว่าที่ 12-12.50 บาท
ไม่ว่าจะมองในแง่ของ "ศักยภาพ" ในการทำกำไรที่เริ่มเสื่อมถอย หรือ เปรียบเทียบกับหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกันแทบจะ "ฟันธง" ได้เลยว่าราคาหุ้น GRAMMY ในปัจจุบันยังค่อนข้าง "แพง" กว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่มที่มีความเข้มแข็งทางการเงินไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
การเดินแผนแก้เกมของ "อากู๋" จึงพยายามใช้ "เงินสดในมือ" กว่า 2,470 ล้านบาท ไปซื้อกิจการมาเสริมรายได้ พร้อมๆ กับปรับกระบวนทัพธุรกิจใหม่ เพื่อให้ GRAMMY ย้อนกลับมาสู่ยุคของการ "ลงทุนใหญ่" อีกครั้ง ทั้งในธุรกิจ "สื่อสิ่งพิมพ์" ธุรกิจ E-Business ธุรกิจภาพยนตร์ และธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์
แต่ธุรกิจที่ถดถอยลงอย่างมาก คือ ธุรกิจวิทยุ ภายใต้ "บ.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย" (GMMM) ที่พยายามปรับตัวไปซื้อหุ้น "อินเด็กซ์ อีเวนท์ เอเจนซี่" 50% มูลค่าประมาณ 183 ล้านบาท เพื่อขยายฐานธุรกิจสื่อในรูปแบบอื่นให้กับบริษัท
ถ้าพิจารณาผลประกอบการของ "GMMM" ก็แย่พอๆ กับ "GRAMMY" เพราะมีกำไรสุทธิเพียง 42.88 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาท) เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 91.22 ล้านบาท(กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.48 บาท) ลดลง 53%
ล่าสุด GRAMMY ก็เลือกที่จะ "พยุงหุ้น" GMMM อีกครั้งโดยอนุมัติวงเงิน "ซื้อหุ้นคืน" (Treasury Stocks) อีก 155 ล้านบาท จากเดิมที่ซื้อหุ้น GMMM กลับมาแล้ว 7,744,500 หุ้น 3.87% ใช้เงินไปแล้ว 231.30 ล้านบาท และมีต้นทุนเฉลี่ย "สูงมาก" ถึงหุ้นละ 29.86 บาท
ขณะที่ GRAMMY ก็ซื้อหุ้นตัวเองกลับคืนจำนวน 10 ล้านหุ้น 2% ในวงเงิน 156.60 ล้านบาท และมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 15.66 บาท ความผิดพลาดจากการซื้อหุ้น "GRAMMY" และ "GMMM" คืนทำให้เครือแกรมมี่ต้อง "ขาดทุน" ไปแล้ว 134.32 ล้านบาท
กราฟฟิค-โครงสร้างรายได้ GRAMMY
โครงสร้างรายได้ GRAMMY ในไตรมาส 1 ปี 2548 เทียบกับปี 2547
ไตรมาส 1 ไตรมาส 1 เปลี่ยนแปลง
ปี 2548 ปี 2547 (%)
(ล้านบาท) (ล้านบาท)
รายได้จากธุรกิจเพลง และค่าลิขสิทธิ์ 576.37 726.7 -20.69
รายได้จากธุรกิจวิทยุ 213.22 242.02 -11.90
รายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ 212.59 194.68 9.20
รายได้ค่าบริหารศิลปิน 74.87 104.29 -28.21
รายได้อื่นๆ 51.04 86.51 -41.00
รายได้จากธุรกิจภาพยนตร์ และโฆษณา 49.79 24.37 104.31
รายได้ค่าโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ 43.01 34.46 24.81
รายได้จากธุรกิจคอนเสิร์ต และละครเวที 22.75 98.4 -76.88
รายได้จากธุรกิจหนังสือ และนิตยสาร 20.31 15.38 32.05
รายได้รวม 1,275.03 1,531.40 -16.74
ต้นทุนขายและผลิต 718.84 911.64 -21.15
ค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหาร 456.64 367.42 24.28
รวมค่าใช้จ่าย 1,175.71 1,279.19 -8.09
กำไรก่อนดอกเบี้ย และภาษี(EBIT) 99.32 252.21 -60.62
EBITDA 169.97 315.15 -46.07
กำไรสุทธิ 45.21 165.46 -72.68
กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 0.34 -73.53
จาก http://www.bangkokbizweek.com/
การเปลี่ยนแปลงของผลการดำเนินการไตรมาส 1 ปี 2548 ของ "เครือแกรมมี่" (GRAMMY-GMMM) ที่ทรุดตัวลงอย่าง "ฮวบฮาบ" แสดงให้เห็นว่า "วัฏจักรธุรกิจ" บันเทิงที่แข็งแกร่งของอาณาจักรแห่งนี้กำลังเข้าสู่ระยะ "อิ่มตัว" (Maturity) และ "เสื่อมถอย" (Decline) ตามวงจรเศรษฐกิจค่อนข้างชัดเจนแล้วใช่หรือไม่!
เพราะหากพิจารณาธุรกิจแวดล้อมในอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น อาร์.เอส.โปรโมชั่น (RS) บีอีซี เวิลด์ (BEC) มีเดีย ออฟ มีเดียส์ (MEDIAS) รวมถึง ทราฟฟิก คอร์นเนอร์ (TRAF) หุ้นเหล่านี้ได้เข้าสู่วัฏจักร "เสื่อมถอย" มาแล้วพักใหญ่
สิ่งที่ตอกย้ำชัด ก็คือ ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2548 ของ "จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่" (GRAMMY) ถดถอยลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ตัวเลข "รายได้รวม" ในไตรมาส 1 จะลดลงเพียง 17% จาก 1,531 ล้านบาท เหลือ 1,275 ล้านบาท แต่ตัวเลขที่น่าตกใจกลับเป็น "กำไรสุทธิ" ที่ลดลงอย่างฮวบฮาบถึง 72% โดยลดลงจาก 165.16 ล้านบาท ที่กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.34 บาท เหลือเพียง 45.21 ล้านบาท มีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 บาท ต่ำที่สุดในรอบหลายปี
โดยเฉพาะเมื่อสิ้นปี 2547 แกรมมี่แถลงข่าวผลประกอบการประจำปีสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปี ทำได้ 700.20 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.43 บาท...เวลาผ่านไปเพียง 1 ไตรมาสภาพธุรกิจกลับ "ตาลปัตร" เหมือนกับดูหนังคนละม้วน
เนื้อหาที่ลึกซึ้งของงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2548 อยู่ที่ "เนื้อใน" ของรายได้จาก "ธุรกิจหลัก" แสดงถึงอาการ "อิ่มตัว" และ "เสื่อมถอย" ลงเกือบหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเปรียบเทียบผลประกอบการ "ไตรมาส" ต่อ "ไตรมาส" รายได้จาก "ธุรกิจเพลง และลิขสิทธิ์" ซึ่งครองส่วนแบ่งรายได้สูงที่สุดประมาณ 48% ของรายได้รวม..ลดลงไป 21% จาก 726 ล้านบาท เหลือเพียง 576 ล้านบาท
รายได้จาก "ธุรกิจวิทยุ" (จาก "บ.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย" (GMMM) แกรมมี่ถือหุ้น 79.50%) มีสัดส่วนรายได้ 16% ของรายได้รวม..ส่วนนี้ลดลงไป 12% จาก 242 ล้านบาท เหลือ 213 ล้านบาท
รายได้จาก "ธุรกิจโทรทัศน์" (สัดส่วนรายได้ 16% ของรายได้รวม) เทียบไตรมาส 1 ปีนี้กับปีที่แล้วแม้มีรายได้เพิ่มขึ้น 9% จาก 194 ล้านบาท เป็น 213 ล้านบาท แต่กลับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2547 ที่มีรายได้ในส่วนนี้ 232 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าธุรกิจเกี่ยวเนื่อง เช่น รายได้ "ค่าบริหารศิลปิน" ก็ลดลง 28% รายได้จาก "ธุรกิจคอนเสิร์ต และละครเวที" หายไป 77% แต่รายได้ที่เติบโตขึ้นมากลับเป็น "ธุรกิจภาพยนตร์" และ "สื่อสิ่งพิมพ์" แต่รายได้จาก 2 ส่วนนี้มีสัดส่วนรายได้รวมกันไม่ถึง 10% ของรายได้รวม จึงไม่สามารถมาทดแทนรายได้จากธุรกิจหลักที่หายไปได้
ถ้าวิเคราะห์โจทย์ของ GRAMMY โอกาสที่จะกลับมาทำกำไรสุทธิได้เท่ากับปี 2547 ที่ 700.20 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.43 บาท แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย...ในสถานการณ์เศรษฐกิจขณะนี้ต้องถือว่าสุดหินสำหรับ "ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม" อย่างยิ่ง
ค่าเฉลี่ย "รายได้" ของ GRAMMY ในปี 2547 อยู่ที่ไตรมาสละ 1,667 ล้านบาท "กำไรสุทธิ" เฉลี่ยทำได้ไตรมาสละ 175 ล้านบาท แยกออกมาเป็นส่วนๆจะพบว่ามาจากธุรกิจ "เพลง และค่าลิขสิทธิ์" เฉลี่ยไตรมาสละ 808 ล้านบาท หรือ 48% ของรายได้รวม มาจากธุรกิจ "โทรทัศน์" เฉลี่ยไตรมาสละ 234 ล้านบาท และมาจากธุรกิจ "วิทยุ" เฉลี่ยไตรมาสละ 243 ล้านบาท
ถ้าเรานำ "รายได้" โดยเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ย(รายไตรมาส)ของปี 2547 กับไตรมาส 1 ปี 2548 ข้อมูลนี้จะอธิบายว่ารายได้ 80% ของรายได้รวมที่มาจาก ธุรกิจเพลง, วิทยุ และโทรทัศน์ ของ GRAMMY "หลุดเป้า" ทั้งหมด ที่แย่ยิ่งกว่านั้น ก็คือ รายได้ในไตรมาส 1 ปี 2548 ยังต่ำกว่า "รายได้" และ "กำไรสุทธิ" เฉลี่ย(รายไตรมาส)ของปี 2546 อีกด้วย
แสดงว่าการ "ถอยหลัง" ของ GRAMMY หนนี้ เป็นการถอยหลังย้อนกลับไปไม่น้อยกว่า 2 ปี
เพราะฉะนั้นถ้า "กรุงเทพธุรกิจ BizWeek" ตั้งสมมติฐานว่า "อากู๋...ไพบูลย์" สามารถพลิกฟื้นธุรกิจกลับมาได้ในอีก 3 ไตรมาสที่เหลือ..อย่าง "ดีที่สุด" ก็ไม่น่าจะทำรายได้ "ดีกว่า" ปี 2546 ทั้งปีที่มีรายได้รวม 5,986 ล้านบาท เฉลี่ยไตรมาสละ 1,496 ล้านบาท และสามารถรักษา "กำไรสุทธิ" ไว้ได้ที่ 525.16 ล้านบาท เฉลี่ยไตรมาสละ 131.29 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS)เท่ากับ 1.07 บาท
จากข้อมูลนี้ถ้าเราตั้งโจทย์ว่าหุ้น GRAMMY ควรจะ "ซื้อ-ขาย" ที่ พี/อี เรโช 10 เท่า(ใกล้เคียงกับค่าพี/อีในปัจจุบัน) ราคาหุ้นก็ควรจะอยู่ที่ 10.70 บาท(10 คูณ 1.07) ขณะที่ไตรมาส 1 ปี 2548 บริษัททำกำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS)ได้เพียง 0.09 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าผิดหวังมากๆ
ถ้าเทียบเคียงกับหุ้น BEC ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น(EPS) ในไตรมาส 1 ปี 2548 เท่ากับ 0.08 บาท ใกล้เคียงกับของ GRAMMY ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมต่างๆ ก็ใกล้เคียงกัน แต่กลับมีราคาซื้อขายที่ "ต่ำกว่า" มาก
หรือจะเปรียบเทียบกับหุ้น ITV ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) สูงกว่า ในไตรมาส 1 ปี 2548 เท่ากับ 0.13 บาท หรือเปรียบเทียบกับหุ้น MAJOR ที่มีกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ในไตรมาส 1 ปี 2548 เท่ากับ 0.18 บาท แต่ราคาหุ้นทั้ง ITV และ MAJOR ก็ยังซื้อขายต่ำกว่าที่ 12-12.50 บาท
ไม่ว่าจะมองในแง่ของ "ศักยภาพ" ในการทำกำไรที่เริ่มเสื่อมถอย หรือ เปรียบเทียบกับหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกันแทบจะ "ฟันธง" ได้เลยว่าราคาหุ้น GRAMMY ในปัจจุบันยังค่อนข้าง "แพง" กว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่มที่มีความเข้มแข็งทางการเงินไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
การเดินแผนแก้เกมของ "อากู๋" จึงพยายามใช้ "เงินสดในมือ" กว่า 2,470 ล้านบาท ไปซื้อกิจการมาเสริมรายได้ พร้อมๆ กับปรับกระบวนทัพธุรกิจใหม่ เพื่อให้ GRAMMY ย้อนกลับมาสู่ยุคของการ "ลงทุนใหญ่" อีกครั้ง ทั้งในธุรกิจ "สื่อสิ่งพิมพ์" ธุรกิจ E-Business ธุรกิจภาพยนตร์ และธุรกิจผลิตรายการโทรทัศน์
แต่ธุรกิจที่ถดถอยลงอย่างมาก คือ ธุรกิจวิทยุ ภายใต้ "บ.จีเอ็มเอ็ม มีเดีย" (GMMM) ที่พยายามปรับตัวไปซื้อหุ้น "อินเด็กซ์ อีเวนท์ เอเจนซี่" 50% มูลค่าประมาณ 183 ล้านบาท เพื่อขยายฐานธุรกิจสื่อในรูปแบบอื่นให้กับบริษัท
ถ้าพิจารณาผลประกอบการของ "GMMM" ก็แย่พอๆ กับ "GRAMMY" เพราะมีกำไรสุทธิเพียง 42.88 ล้านบาท (กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.22 บาท) เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2547 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 91.22 ล้านบาท(กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.48 บาท) ลดลง 53%
ล่าสุด GRAMMY ก็เลือกที่จะ "พยุงหุ้น" GMMM อีกครั้งโดยอนุมัติวงเงิน "ซื้อหุ้นคืน" (Treasury Stocks) อีก 155 ล้านบาท จากเดิมที่ซื้อหุ้น GMMM กลับมาแล้ว 7,744,500 หุ้น 3.87% ใช้เงินไปแล้ว 231.30 ล้านบาท และมีต้นทุนเฉลี่ย "สูงมาก" ถึงหุ้นละ 29.86 บาท
ขณะที่ GRAMMY ก็ซื้อหุ้นตัวเองกลับคืนจำนวน 10 ล้านหุ้น 2% ในวงเงิน 156.60 ล้านบาท และมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 15.66 บาท ความผิดพลาดจากการซื้อหุ้น "GRAMMY" และ "GMMM" คืนทำให้เครือแกรมมี่ต้อง "ขาดทุน" ไปแล้ว 134.32 ล้านบาท
กราฟฟิค-โครงสร้างรายได้ GRAMMY
โครงสร้างรายได้ GRAMMY ในไตรมาส 1 ปี 2548 เทียบกับปี 2547
ไตรมาส 1 ไตรมาส 1 เปลี่ยนแปลง
ปี 2548 ปี 2547 (%)
(ล้านบาท) (ล้านบาท)
รายได้จากธุรกิจเพลง และค่าลิขสิทธิ์ 576.37 726.7 -20.69
รายได้จากธุรกิจวิทยุ 213.22 242.02 -11.90
รายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ 212.59 194.68 9.20
รายได้ค่าบริหารศิลปิน 74.87 104.29 -28.21
รายได้อื่นๆ 51.04 86.51 -41.00
รายได้จากธุรกิจภาพยนตร์ และโฆษณา 49.79 24.37 104.31
รายได้ค่าโฆษณาในสื่อสิ่งพิมพ์ 43.01 34.46 24.81
รายได้จากธุรกิจคอนเสิร์ต และละครเวที 22.75 98.4 -76.88
รายได้จากธุรกิจหนังสือ และนิตยสาร 20.31 15.38 32.05
รายได้รวม 1,275.03 1,531.40 -16.74
ต้นทุนขายและผลิต 718.84 911.64 -21.15
ค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหาร 456.64 367.42 24.28
รวมค่าใช้จ่าย 1,175.71 1,279.19 -8.09
กำไรก่อนดอกเบี้ย และภาษี(EBIT) 99.32 252.21 -60.62
EBITDA 169.97 315.15 -46.07
กำไรสุทธิ 45.21 165.46 -72.68
กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.09 0.34 -73.53
-
- Verified User
- โพสต์: 160
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 24
The ones who surely loses is "retail investors" while "Grammy and its subsidiaries" is still questionableล่าสุด GRAMMY ก็เลือกที่จะ "พยุงหุ้น" GMMM อีกครั้งโดยอนุมัติวงเงิน "ซื้อหุ้นคืน" (Treasury Stocks) อีก 155 ล้านบาท จากเดิมที่ซื้อหุ้น GMMM กลับมาแล้ว 7,744,500 หุ้น 3.87% ใช้เงินไปแล้ว 231.30 ล้านบาท และมีต้นทุนเฉลี่ย "สูงมาก" ถึงหุ้นละ 29.86 บาท
ขณะที่ GRAMMY ก็ซื้อหุ้นตัวเองกลับคืนจำนวน 10 ล้านหุ้น 2% ในวงเงิน 156.60 ล้านบาท และมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 15.66 บาท ความผิดพลาดจากการซื้อหุ้น "GRAMMY" และ "GMMM" คืนทำให้เครือแกรมมี่ต้อง "ขาดทุน" ไปแล้ว 134.32 ล้านบาท

-
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 25
จะเอา 6.50 บาทเหรอครับ :lol: :lol:เคี่ยวให้ข้นเหลือครึ่งหม้อ จะอร่อยน่ากิน .................
มนุษย์เห่อลูก :lol:
http://tyakon.multiply.com
http://tyakon.multiply.com
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
โจ๊กอากู๋ ชามละ 13 บาท กล้าซื้อกินกันไหมครับ
โพสต์ที่ 28
อย่าว่าแต่โจ๊กเลยครับ
ตอนนี้แค่เครื่องในโจ๊ก ผมยังผะอืดผะอมเลยอะ

ตอนนี้แค่เครื่องในโจ๊ก ผมยังผะอืดผะอมเลยอะ
