การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
โพสต์ที่ 1
ขออนุญาตินำบทความที่น่าอ่านมาลงให้อ่านกันนะครับผม
การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น
โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
หุ้นที่ราคานิ่งมานานเป็นปีมักไม่ได้รับความสนใจจากตลาด ไม่มีใครพูดถึงในห้องค้า นักวิเคราะห์ก็ไม่ cover ราคาหุ้นในแต่ละวันมักเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่แคบมาก เมื่อใดที่ราคาแตะกรอบบนก็จะมีคน take profit ออกมาทันที เพราะรู้ว่าหุ้นแบบนี้ถ้าไม่รีบขายออกมาเดี๋ยวราคาก็จะกลับลงมาใหม่ทำให้พลาดโอกาส ราคาหุ้นจึงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ได้อย่างเคร่งครัด
วันดีคืนดี ราคาหุ้นเกิดบวกขึ้นมา 5% ซึ่งมากกว่าปกติ หลายคนที่ถือหุ้นตัวนี้มานานก็รีบหุ้นออกมาขายเพราะรู้ว่าโอกาสแบบนี้จะอยู่ไม่นานนัก พวกเขานึกในใจว่า หุ้นนิ่งมานานขนาดนี้ มีคนใจดีมาช่วยให้เราออกได้ ช่างดีจริงๆ ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งคือผู้ที่รับซื้อหุ้นนั้นไว้มักเป็น บุคคลลึกลับ แค่หนึ่งหรือสองคนที่รู้อะไรบางอย่างจึงยินดีรับซื้อหุ้นนั้นในราคาที่สูงเลยกรอบปกติ เขารับซื้อมันอย่างไม่จำกัดในลักษณะของการสะสมหุ้นโดยไม่ขายออกมาเลย ทำให้ราคายืนขาแข็งอยู่เหนือกรอบปกติได้ทั้งที่มีคนจำนวนมากที่ขายออกมา
ในตอนนี้ คนที่เห็นราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแต่ไม่เคยมีหุ้นตัวนี้มักจะยังไม่เข้าไปซื้อเพราะคิดในใจว่าประเดี๋ยวถ้ามันปรับฐานลงมาใหม่ค่อยเข้าไปเก็บที่ราคาเดิมก็ได้ เอาเม็ดเงินไปเล่นตัวอื่นที่มีวอลุ่มก่อนดีกว่า ในช่วงนี้กลุ่มคนที่สังเกตเห็นความผิดปกติของหุ้นตัวนี้ยังเป็นวงแคบๆ อยู่เหมือนเดิมและข่าวเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้ก็ยังไม่มีอยู่เหมือนเดิม
แต่แทนที่หุ้นจะปรับฐานให้เห็น ไม่นานนักหุ้นกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีก ครั้งนี้แรงกว่าเดิมมากจนทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่ขายออกมาตลอดในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเอ๊ะใจไม่กล้าขายหุ้นล๊อตท้ายๆ ที่ยังเหลือติดพอร์ตอยู่นิดหน่อย เพราะกลัวว่าจะเป็นการขายหมู แรงขายที่หายไปของผู้ถือหุ้นเดิมเหล่านี้ยิ่งทำให้แนวต้านของหุ้นอ่อนลง ตอนนี้ นักเทคนิค มักสังเกตเห็นสัญญาณกระทิงจากกราฟราคาและเริ่มเข้าผสมโรงเก็บหุ้นบ้าง นักเทคนิคจะเข้ามาเก็บของเลยเมื่อสัญญาณกราฟที่บ่งชี้เริ่มมีน้ำหนักโดยไม่รอตรวจสอบก่อนว่าสาเหตุที่หุ้นขึ้นเป็นเพราะอะไรเพราะจะไม่ทันการณ์ แรงซื้อของนักเทคนิคที่เข้ามายิ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปได้อีกแถมคราวนี้มีวอลุ่มอีกต่างหาก
สัญญาณกราฟผิดสังเกตที่อยู่ในหน้าจอของทุกคนทำให้โทรศัพท์ในห้องของ นักวิเคราะห์เริ่มดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ลูกค้าเริ่มแห่กันโทรมาถามคำถามเดียวกันว่า "หุ้นตัวนี้มีข่าวอะไร หุ้นตัวนี้มีข่าวอะไร" แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบเนื่องจากนักวิเคราะห์ไม่ได้ cover หุ้นตัวนี้มานานแล้ว คำถามของลูกค้าสร้างแรงกดดันให้นักวิเคราะห์ต้องรีบต่อสายไปยังบริษัททันทีเพื่อสอบถามข่าวคราวและในไม่ช้าบทวิเคราะห์ของหุ้นตัวนี้ก็จะเริ่มออกมา
ถึงตอนนี้หุ้นตัวนี้จะเริ่มเป็นที่สนใจของคนอีกกลุ่มหนึ่งได้แก่พวก เดย์เทรดเดอร์ ในห้องค้า เพราะตอนนี้มันไม่ได้มีดีแค่ราคาขึ้นอย่างเดียว แต่มันยังมีวอลุ่มที่ช่วยทำให้เข้าออกได้อย่างรวดเร็ว และยังมีบทวิเคราะห์ที่ช่วยกันเชียร์ให้ซื้ออีกต่างหาก และทันทีที่เดย์เทรดเดอร์เข้ามาร่วมแจมด้วย ชื่อย่อของหุ้นก็มักจะปรากฏอยู่ใน top gainer list ติดต่อกันได้หลายวัน Top gainer list เป็นเสมือนป้ายโฆษณาชั้นเยี่ยม มันยิ่งกระตุ้นความสนใจของคนในวงกว้างมากขึ้นไปอีก
หนังสือพิมพ์หุ้น ก็ทนไม่ได้ต้องรีบทำข่าวเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้เพื่อมิให้หนังสือพิมพ์ของตนเองตกข่าว ถึงตอนนี้ไม่ว่าบริษัทจะมีข่าวอะไรก็จะถูกแปลความออกมาเป็นด้านบวกหมด เพราะราคาที่พุ่งขึ้นอย่างแรงมากช่วยทำให้เกิดความรู้สึกว่ากิจการของหุ้นดีไปด้วยเสมอ ตอนนี้ทุกอย่างเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้จะดูดีมากอย่างไร้ที่ติ ราคาหุ้นจึงพุ่งขึ้นไปอีกคนที่ซื้อไปแล้วรู้สึกอุ่นใจจึงไม่ยอมขายออกมาใหม่ เมื่อไม่มีแรงขาย ราคาหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
มาถึงระดับนี้ราคาหุ้นมักจะเลยพื้นฐานไปไกลมากแล้วเนื่องจากคนที่ซื้อขายหุ้นนี้ในแต่ละวันมักมีแต่ นักเก็งกำไร ที่ไม่เคยสนใจเรื่องพื้นฐาน พวกนักลงทุนที่สนใจพื้นฐานซึ่งเคยถือหุ้นตัวนี้อยู่มักจะขายออกไปหมดแล้ว เนื่องจากราคาที่เลยพื้นฐานไปมากทำให้เงินปันผลน้อยเกินไปพวกเขาจึงขายออกมาโดยไม่กลับเข้าไปเก็บใหม่อีกเลย ในขณะที่ คนที่เหลืออยู่จะมีแต่นักเก็งกำไรที่ไม่เคยมอง Valuation เพราะนักเก็งกำไรคือคนที่ยินดีที่จะซื้อที่ราคาไหนใดก็ได้ ตราบเท่าที่พวกเขาคิดว่าหุ้นยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น พวกเขาซื้อแล้วขายแล้วกลับเข้าไปซื้อใหม่อีกเพื่อเอากำไรสั้นสัปดาห์ละหลายๆ รอบ
ไม่มีงานเลี้ยงไหนที่ไม่มีวันเลิกลา เช่นเดียวกันที่ไม่มีหุ้นไหนที่ออกข่าวดีได้เรื่อยๆ โดยไม่มีวันหมดมุก หุ้นที่ขึ้นไปเรื่อยๆ ที่สุดแล้วจะร่วงลงได้เพราะนักเก็งกำไร "ขาใหญ่" ที่เล่นหุ้นแบบติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด (ที่ทำงานมีหน้าจอเต็มไปหมด) เริ่มมองออกว่าไม่เหลือข่าวดีเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้รออยู่ข้างหน้าอีกแล้ว พวกเขาจะทิ้งหุ้นก่อนคนอื่นทันที และทำให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรงในวันเดียว ซึ่งคนที่จะเข้าไปรับด้วยความดีใจก็คือ นักลงทุนรายย่อย ที่อนุรักษ์นิยมส่วนหนึ่งที่เคยตกรถไฟในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาเข้าไปช้อนเพราะรู้สึกว่าหุ้นถูกลงมาตั้ง 10% อุตส่าห์รอวันนี้มาตั้งนาน แต่พวกเขาลืมไปว่าแม้จะถูกลง 10% จากจุดสูงสุดแต่หุ้นตัวนี้ก็ขึ้นมาแล้วมากกว่า 300% ในช่วงที่ผ่านมา
และที่สำคัญกว่านั้น ต่อให้หุ้นร่วงลงมามากแค่ไหนก็ไม่ "ถูก" ถ้าหากไม่เหลือใครที่อยากได้หุ้นตัวนี้แล้ว พวกเขามักประหลาดที่พบว่าจากนั้นหุ้นยังร่วงลงไปต่อได้อีกอย่างมากเพราะข่าวใหม่ๆ ที่ออกมาหลังจากนั้นเริ่มกลายเป็นข่าวร้ายอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะเจ็บมากเป็นพิเศษถ้าหากพวกเขาเข้าไปซื้อถัวเฉลี่ยเพิ่มอีกตลอดทางที่มันลงมาโดยถัวเฉลี่ยเร็วเกินไป
ส่วนใหญ่แล้วที่หุ้นเคยถูกปั่นขึ้นไปมากกว่าพื้นฐานมากๆ มักถูกทิ้งลงมาอย่างถาวรโดยไม่มีวันกลับขึ้นไปที่จุดเดิมได้อีกเพราะภาพพจน์เสียไปแล้ว ปลุกผีไม่ขึ้นหรือถ้าจะกลับมาได้ก็ต้องอีกรออีกห้าถึงสิบปีข้างหน้า ในระหว่างนั้นมันก็กลายเป็นหุ้นที่ตายไปแล้ว ซึ่งส่วนมากแล้วเมื่อถึงจุดหนึ่ง คนที่เข้าไปรับของเอาไว้มักจะตัดใจขายขาดทุนออกมาก่อนในที่สุดเพราะทนติดดอยนานๆ ไม่ไหว
การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น
โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
หุ้นที่ราคานิ่งมานานเป็นปีมักไม่ได้รับความสนใจจากตลาด ไม่มีใครพูดถึงในห้องค้า นักวิเคราะห์ก็ไม่ cover ราคาหุ้นในแต่ละวันมักเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่แคบมาก เมื่อใดที่ราคาแตะกรอบบนก็จะมีคน take profit ออกมาทันที เพราะรู้ว่าหุ้นแบบนี้ถ้าไม่รีบขายออกมาเดี๋ยวราคาก็จะกลับลงมาใหม่ทำให้พลาดโอกาส ราคาหุ้นจึงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ ได้อย่างเคร่งครัด
วันดีคืนดี ราคาหุ้นเกิดบวกขึ้นมา 5% ซึ่งมากกว่าปกติ หลายคนที่ถือหุ้นตัวนี้มานานก็รีบหุ้นออกมาขายเพราะรู้ว่าโอกาสแบบนี้จะอยู่ไม่นานนัก พวกเขานึกในใจว่า หุ้นนิ่งมานานขนาดนี้ มีคนใจดีมาช่วยให้เราออกได้ ช่างดีจริงๆ ในขณะที่อีกฝั่งหนึ่งคือผู้ที่รับซื้อหุ้นนั้นไว้มักเป็น บุคคลลึกลับ แค่หนึ่งหรือสองคนที่รู้อะไรบางอย่างจึงยินดีรับซื้อหุ้นนั้นในราคาที่สูงเลยกรอบปกติ เขารับซื้อมันอย่างไม่จำกัดในลักษณะของการสะสมหุ้นโดยไม่ขายออกมาเลย ทำให้ราคายืนขาแข็งอยู่เหนือกรอบปกติได้ทั้งที่มีคนจำนวนมากที่ขายออกมา
ในตอนนี้ คนที่เห็นราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแต่ไม่เคยมีหุ้นตัวนี้มักจะยังไม่เข้าไปซื้อเพราะคิดในใจว่าประเดี๋ยวถ้ามันปรับฐานลงมาใหม่ค่อยเข้าไปเก็บที่ราคาเดิมก็ได้ เอาเม็ดเงินไปเล่นตัวอื่นที่มีวอลุ่มก่อนดีกว่า ในช่วงนี้กลุ่มคนที่สังเกตเห็นความผิดปกติของหุ้นตัวนี้ยังเป็นวงแคบๆ อยู่เหมือนเดิมและข่าวเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้ก็ยังไม่มีอยู่เหมือนเดิม
แต่แทนที่หุ้นจะปรับฐานให้เห็น ไม่นานนักหุ้นกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีก ครั้งนี้แรงกว่าเดิมมากจนทำให้ผู้ถือหุ้นเดิมที่ขายออกมาตลอดในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเอ๊ะใจไม่กล้าขายหุ้นล๊อตท้ายๆ ที่ยังเหลือติดพอร์ตอยู่นิดหน่อย เพราะกลัวว่าจะเป็นการขายหมู แรงขายที่หายไปของผู้ถือหุ้นเดิมเหล่านี้ยิ่งทำให้แนวต้านของหุ้นอ่อนลง ตอนนี้ นักเทคนิค มักสังเกตเห็นสัญญาณกระทิงจากกราฟราคาและเริ่มเข้าผสมโรงเก็บหุ้นบ้าง นักเทคนิคจะเข้ามาเก็บของเลยเมื่อสัญญาณกราฟที่บ่งชี้เริ่มมีน้ำหนักโดยไม่รอตรวจสอบก่อนว่าสาเหตุที่หุ้นขึ้นเป็นเพราะอะไรเพราะจะไม่ทันการณ์ แรงซื้อของนักเทคนิคที่เข้ามายิ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปได้อีกแถมคราวนี้มีวอลุ่มอีกต่างหาก
สัญญาณกราฟผิดสังเกตที่อยู่ในหน้าจอของทุกคนทำให้โทรศัพท์ในห้องของ นักวิเคราะห์เริ่มดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ลูกค้าเริ่มแห่กันโทรมาถามคำถามเดียวกันว่า "หุ้นตัวนี้มีข่าวอะไร หุ้นตัวนี้มีข่าวอะไร" แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบเนื่องจากนักวิเคราะห์ไม่ได้ cover หุ้นตัวนี้มานานแล้ว คำถามของลูกค้าสร้างแรงกดดันให้นักวิเคราะห์ต้องรีบต่อสายไปยังบริษัททันทีเพื่อสอบถามข่าวคราวและในไม่ช้าบทวิเคราะห์ของหุ้นตัวนี้ก็จะเริ่มออกมา
ถึงตอนนี้หุ้นตัวนี้จะเริ่มเป็นที่สนใจของคนอีกกลุ่มหนึ่งได้แก่พวก เดย์เทรดเดอร์ ในห้องค้า เพราะตอนนี้มันไม่ได้มีดีแค่ราคาขึ้นอย่างเดียว แต่มันยังมีวอลุ่มที่ช่วยทำให้เข้าออกได้อย่างรวดเร็ว และยังมีบทวิเคราะห์ที่ช่วยกันเชียร์ให้ซื้ออีกต่างหาก และทันทีที่เดย์เทรดเดอร์เข้ามาร่วมแจมด้วย ชื่อย่อของหุ้นก็มักจะปรากฏอยู่ใน top gainer list ติดต่อกันได้หลายวัน Top gainer list เป็นเสมือนป้ายโฆษณาชั้นเยี่ยม มันยิ่งกระตุ้นความสนใจของคนในวงกว้างมากขึ้นไปอีก
หนังสือพิมพ์หุ้น ก็ทนไม่ได้ต้องรีบทำข่าวเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้เพื่อมิให้หนังสือพิมพ์ของตนเองตกข่าว ถึงตอนนี้ไม่ว่าบริษัทจะมีข่าวอะไรก็จะถูกแปลความออกมาเป็นด้านบวกหมด เพราะราคาที่พุ่งขึ้นอย่างแรงมากช่วยทำให้เกิดความรู้สึกว่ากิจการของหุ้นดีไปด้วยเสมอ ตอนนี้ทุกอย่างเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้จะดูดีมากอย่างไร้ที่ติ ราคาหุ้นจึงพุ่งขึ้นไปอีกคนที่ซื้อไปแล้วรู้สึกอุ่นใจจึงไม่ยอมขายออกมาใหม่ เมื่อไม่มีแรงขาย ราคาหุ้นก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
มาถึงระดับนี้ราคาหุ้นมักจะเลยพื้นฐานไปไกลมากแล้วเนื่องจากคนที่ซื้อขายหุ้นนี้ในแต่ละวันมักมีแต่ นักเก็งกำไร ที่ไม่เคยสนใจเรื่องพื้นฐาน พวกนักลงทุนที่สนใจพื้นฐานซึ่งเคยถือหุ้นตัวนี้อยู่มักจะขายออกไปหมดแล้ว เนื่องจากราคาที่เลยพื้นฐานไปมากทำให้เงินปันผลน้อยเกินไปพวกเขาจึงขายออกมาโดยไม่กลับเข้าไปเก็บใหม่อีกเลย ในขณะที่ คนที่เหลืออยู่จะมีแต่นักเก็งกำไรที่ไม่เคยมอง Valuation เพราะนักเก็งกำไรคือคนที่ยินดีที่จะซื้อที่ราคาไหนใดก็ได้ ตราบเท่าที่พวกเขาคิดว่าหุ้นยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น พวกเขาซื้อแล้วขายแล้วกลับเข้าไปซื้อใหม่อีกเพื่อเอากำไรสั้นสัปดาห์ละหลายๆ รอบ
ไม่มีงานเลี้ยงไหนที่ไม่มีวันเลิกลา เช่นเดียวกันที่ไม่มีหุ้นไหนที่ออกข่าวดีได้เรื่อยๆ โดยไม่มีวันหมดมุก หุ้นที่ขึ้นไปเรื่อยๆ ที่สุดแล้วจะร่วงลงได้เพราะนักเก็งกำไร "ขาใหญ่" ที่เล่นหุ้นแบบติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด (ที่ทำงานมีหน้าจอเต็มไปหมด) เริ่มมองออกว่าไม่เหลือข่าวดีเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้รออยู่ข้างหน้าอีกแล้ว พวกเขาจะทิ้งหุ้นก่อนคนอื่นทันที และทำให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรุนแรงในวันเดียว ซึ่งคนที่จะเข้าไปรับด้วยความดีใจก็คือ นักลงทุนรายย่อย ที่อนุรักษ์นิยมส่วนหนึ่งที่เคยตกรถไฟในช่วงที่ผ่านมา พวกเขาเข้าไปช้อนเพราะรู้สึกว่าหุ้นถูกลงมาตั้ง 10% อุตส่าห์รอวันนี้มาตั้งนาน แต่พวกเขาลืมไปว่าแม้จะถูกลง 10% จากจุดสูงสุดแต่หุ้นตัวนี้ก็ขึ้นมาแล้วมากกว่า 300% ในช่วงที่ผ่านมา
และที่สำคัญกว่านั้น ต่อให้หุ้นร่วงลงมามากแค่ไหนก็ไม่ "ถูก" ถ้าหากไม่เหลือใครที่อยากได้หุ้นตัวนี้แล้ว พวกเขามักประหลาดที่พบว่าจากนั้นหุ้นยังร่วงลงไปต่อได้อีกอย่างมากเพราะข่าวใหม่ๆ ที่ออกมาหลังจากนั้นเริ่มกลายเป็นข่าวร้ายอย่างต่อเนื่อง พวกเขาจะเจ็บมากเป็นพิเศษถ้าหากพวกเขาเข้าไปซื้อถัวเฉลี่ยเพิ่มอีกตลอดทางที่มันลงมาโดยถัวเฉลี่ยเร็วเกินไป
ส่วนใหญ่แล้วที่หุ้นเคยถูกปั่นขึ้นไปมากกว่าพื้นฐานมากๆ มักถูกทิ้งลงมาอย่างถาวรโดยไม่มีวันกลับขึ้นไปที่จุดเดิมได้อีกเพราะภาพพจน์เสียไปแล้ว ปลุกผีไม่ขึ้นหรือถ้าจะกลับมาได้ก็ต้องอีกรออีกห้าถึงสิบปีข้างหน้า ในระหว่างนั้นมันก็กลายเป็นหุ้นที่ตายไปแล้ว ซึ่งส่วนมากแล้วเมื่อถึงจุดหนึ่ง คนที่เข้าไปรับของเอาไว้มักจะตัดใจขายขาดทุนออกมาก่อนในที่สุดเพราะทนติดดอยนานๆ ไม่ไหว
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 1254
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณมากคับเขียนได้ดีมากๆ
และทำให้ผมนึกถึงทฤษฎีReflexivityของพ่อมดการเงินที่ท่านอ.ได้อธิบายไว้ในงานสัมมนาบทเรียนจากกูรูหุ้นระดับโลกเลยนำกลับมาดูอีกครั้งคับ
และทำให้ผมนึกถึงทฤษฎีReflexivityของพ่อมดการเงินที่ท่านอ.ได้อธิบายไว้ในงานสัมมนาบทเรียนจากกูรูหุ้นระดับโลกเลยนำกลับมาดูอีกครั้งคับ
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้คือความว่างเปล่า สูงจากว่างเปล่าคือก่อเกิดเปลี่ยนแปลง
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
http://www.fungdham.com/sound/popup-sou ... up-75.html
http://goo.gl/VjQ4cG
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
โพสต์ที่ 8
ขอบคุณมากครับ เพิ่งเคยอ่าน
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 262
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
โพสต์ที่ 9
อธิบายเห็นภาพเลยครับ ขอบคุณมากครับผม
- n_milkka
- Verified User
- โพสต์: 43
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
โพสต์ที่ 10
ขออนุญาติขุดกระทู้มาให้อ่านกันอีกครั้งนะคะ
น่าจะเข้ากับสถานการณ์ค่ะ
Mastor of investor always do wrong
But admit it.
เห็นพี่นุ่นชอบพูดให้ฟังบ่อยๆค่ะ
น่าจะเข้ากับสถานการณ์ค่ะ
Mastor of investor always do wrong
But admit it.
เห็นพี่นุ่นชอบพูดให้ฟังบ่อยๆค่ะ
ทำสิ่งดีๆเถิด อย่าทำสิ่งที่ไม่ดีเลย
เพราะ....ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก
หลายคนใช้ชีวิตอย่างประมาท
หลายคนหาอะไรมาฆ่าเวลา
จนลืมไปว่า "ค่าของเวลาเป็นเช่นไร" คติของพี่ที่เคารพ ^^
เพราะ....ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก
หลายคนใช้ชีวิตอย่างประมาท
หลายคนหาอะไรมาฆ่าเวลา
จนลืมไปว่า "ค่าของเวลาเป็นเช่นไร" คติของพี่ที่เคารพ ^^
-
- Verified User
- โพสต์: 60
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
โพสต์ที่ 11
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1284
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
โพสต์ที่ 12
พอดีอ่านเจอบทความ "นักจัดสรรชีวิติ" เป็นประวัติ เกร็ดการใช้ชีวิตของคุณสุมาอี้ ด้วยครับ อ่านแล้วได้ประโยชน์ดีครับ แต่หาข้อมูลใน internet ไม่เจออ่ะ
อยู่ในนิตยสาร mars ฉบับ August 2011 หน้า 117 ครับ
อยู่ในนิตยสาร mars ฉบับ August 2011 หน้า 117 ครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
In search of super stocks
- sai
- Verified User
- โพสต์: 4090
- ผู้ติดตาม: 2
Re: การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
โพสต์ที่ 13
ขอบคุณครับ เห็นหน้าปกแล้ว ต้องไปรีบหาโหลดมาอ่านเลยครับinvestment biker เขียน:พอดีอ่านเจอบทความ "นักจัดสรรชีวิติ" เป็นประวัติ เกร็ดการใช้ชีวิตของคุณสุมาอี้ ด้วยครับ อ่านแล้วได้ประโยชน์ดีครับ แต่หาข้อมูลใน internet ไม่เจออ่ะ
อยู่ในนิตยสาร mars ฉบับ August 2011 หน้า 117 ครับ
Small Details Make a Big Difference
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1139
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
โพสต์ที่ 14
อ้าว เพิ่งรู้นะว่ามีเรื่องของคุณสุมาอี้อยู่ด้วย อะไรหนอมาดลใจให้เราเปิดข้ามหน้าของคุณสุมาอี้ไป
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1139
- ผู้ติดตาม: 0
Re: การเกิดแก่เจ็บตายของหุ้น โดย พี่นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
โพสต์ที่ 15
ถ้ารู้แต่แรก ตอนซื้อจะได้ยืดอกซื้อแบบมั่นใจ