รุ้งกินน้ำ
- Packy_Kittiworawut
- Verified User
- โพสต์: 242
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5311
กระทู้แบบนี้ทำไมกด Like ไม่ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 464
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5312
por_jai เขียน:พี่ป้อมเคยบอกว่า รวย หรือ ไม่รวย เป็นไปตามแต่กรรม
พุทธไม่ได้บอกให้เรางอมืองอเท้า
พุทธบอกว่าเรามีหน้าที่ทำเต็มที่สุดกำลังของเราเลยนะ
แต่ผลนั้นสุดแต่เหตุที่เราทำมาทั้งในอดีตและในปัจจุบัน
ฝนคิดๆดู เวลาฝนอุปทานว่าฝนเป็นหรือมีอะไรหรือกำลังจะมีอะไร
ก็เอาตัวเองเข้าไปยึด
อย่างเวลาอยากได้ผลตอบแทนซัก 30% ต่อปี
ผลจากการกระทำ การพยายามคิดวิเคราะห์ของตัวเอง ส่วนนึง
นี่คือสิ่งที่เราทำได้
แต่ความจริงเป็นผลจากสิ่งแวดล้อมนอกเหนือตัวเอง อีกส่วนนึง
อันนี้คือสิ่งที่เราทำไม่ได้
ไปยุ่งเกี่ยวควบคุมอะไรไม่ได้
ถ้าคิดหรืออยากจะไปควบคุมเรื่องนี้ละทุกข์แน่
สมมติเวลาผ่านไป ผลเกิดขึ้นแล้ว
ดังนั้นถึงแม้ฝนจะได้มี,ได้เป็นหรือไม่ได้มี,ไม่ได้เป็น
ผลก็ไม่เปลี่ยนแปลง
ก็ตามที่อธิบายไว้ ส่วนที่ทำได้ ควบคุมได้ ก็ทำไปแล้ว
ส่วนที่ทำไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ ก็เข้าใจธรรมชาติของมันแล้ว
ผลก็เกิดแล้ว
จะไปทุกข์ใจอะไรอีก
ก็เลยไม่ควรยึดติดเพราะจะทำให้เกิดทุกข์
ยึดติดก็ต้องทุกข์ใจไปเองเพราะเราไม่ยอมเข้าใจธรรมชาติไง
ธรรมชาติเขาก็บอกเป็นขั้นเป็นตอนแล้ว
ใจเราไม่ยอมรับเอง
ก็ต้องค่อยๆฝึกไป
ฝนไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกรึเปล่านะคะ
ผมก็ไม่แน่ใจว่าที่รู้นะถูกหรือเปล่า
เพราะที่ได้รู้ได้เห็นด้วยใจตัวเอง
ก็แค่ส่วนน้อยเหลือเกินที่หลวงพ่อสอนมาทั้งหมด
แต่เราเป็นพี่น้องกันนี่นา
คุยกันแลกเปลี่ยนกัน ดีออกเนอะ
ข้างบนนั้นคล้ายๆคำคมจากดาบมังกรหยกที่พี่วิชิตเอามาฝากอันนี้เลย
“ธรรมแห่งฟ้ายากบอกกล่าว เรื่องราวคนยากหยั่งทราบ พวกเราเพียงมุ่งประพฤติคุณธรรม แต่เป็นวาสนาหรือคราเคราะห์ไม่จำเป็นต้องนึกถึง”
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5314
ไม่ควรหลุด 1079
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
- Verified User
- โพสต์: 1165
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5317
คิดได้ไง..ฮ่าดำ เขียน:ขอเดาว่าหลุดแล้ว ก็ 1078เกล้า เขียน:หลุดแล้วเป็นยังไงเหรอครับ..ขอความอนุเคราะห์..smith_sanguan เขียน:ไม่ควรหลุด 1079
ขอเข้ามาคารวะพี่ป้อมเป็นครั้งแรกครับ..
ควรทุ่มเทเจริญให้มาก..ในงานที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง..
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5318
แถวๆ1075-1080ทางสายกราฟเขาว่าเป็นแนวรับเกล้า เขียน:หลุดแล้วเป็นยังไงเหรอครับ..ขอความอนุเคราะห์..smith_sanguan เขียน:ไม่ควรหลุด 1079
เหตุผลก็ว่ามีคนมีทุนอยู่แถวนั้นกันเยอะ(ดังรูป)
ก็จะมีคนที่เคยซื้อหุ้นด้วยคิดว่าเป็นราคาที่มีเหตุผลสำหรับเขาคนนั้น
พอหุ้นตกลงมาเขาก็พากันหาตังมารับหุ้นตัวนั้นในราคานั้นๆกัน
เมื่อมีคนต้องการซื้อ
ณ.ราคาดังกล่าวก็เลยมักกลายเป็นที่ประลองกำลังของซัพพลายกับดีมานด์ไป
กาลจำเนียรผ่านมาปรากฏว่าแนวรับที่ว่ารับไม่อยู่
ก็แปลว่าจำนวนของคนอยากขายมีมากกว่า
คนอยากขายเยอะๆ เขาอาจรู้อะไรที่เราไม่รู้
(หรือเขาอาจจะอยากกดหุ้นทุบหุ้นลงมาเพื่อเก็บกลับก็เป็นได้)
ดังนั้นพอหลุดแนวรับ
คนมีหุ้นอยู่บ้างก็ตัดสินใจขาย
เพราะไม่อยากอยู่บนดอยโดยไม่จำเป็นนะครับ...ฮ่า...
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5319
เพิ่งรู้ว่า สตีฟ จอบส์ ปฏิบัติธรรมตั้งแต่อายุ 21 ปี
สตีฟ จอบส์..CEO แสนล้านกับการดำเนิน ชีวึตตามหลักพุทธศาสนา
วิถีแห่งเซน ' ของสตีฟ จอบส์ ซีอีโอแสนล้านค่าย Apple ยักษ์ใหญ่วงการคอมพิวเตอร์ แม้จะเป็นนักธุรกิจร่ำรวยระดับแสนล้าน แต่ไม่ว่าจะปรากฏกาย ณ ที่แห่งใด หรือแม้แต่ในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple คนทั่วไปมักชินตากับภาพ สตีฟ จอบส์ ในชุดแต่งกายเรียบง่าย สวมเสื้อยืดคอเต่าแขนยาวสีดำ ยี่ห้อ St. Croix กางเกงยีนส์ลีวายส์ รุ่น 501 และสวมรองเท้ากีฬายี่ห้อ New Balance รุ่น 992 เป็นประจำ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของเขา
สตีฟ จอบส์ หรือ สตีเฟน พอล จอบส์ (Steven Paul Jobs) เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน ซีอีโอใหญ่แห่งค่าย Apple Inc. ยักษ์ใหญ่ในวงการคอมพิวเตอร์ ผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องแรกของโลก รวมทั้งเป็น ผู้บริหารระดับสูงของค่ายพิกซาร์ แอนิเมชัน สตูดิโอ ( Pixar Animation Studios) ด้วย
กว่าจะถึงวันนี้ ชีวิตของซีอีโอใหญ่ได้เผชิญปัญหามานับครั้งไม่ถ้วน แต่ด้วยหลักธรรมคำสอนในพุทธศาสนานิกายเซน ที่เขาได้ศึกษาเรียนรู้ ช่วยให้เขาก้าวผ่านอุปสรรคทั้งปวงมาได้
• ชีวิตช่วงแรก ไม่ได้ปริญญา แต่ได้วิชา
เริ่มสนใจศึกษาพุทธศาสนา
สตีเฟน พอล จอบส์ เกิดเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 1955 ที่เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นบุตรนอกสมรสของนักศึกษาสาวมหาวิทยาลัย กับศาตราจารย์ทางด้านรัฐศาสตร์ มารดาแท้ๆ ยกเขาให้เป็นบุตรบุญธรรมแก่ครอบครัว “ จอบส์ ” ซึ่งมีหัวหน้าครอบครัวเป็นช่างเครื่อง โดยขอสัญญาว่า บุตรชายของเธอจะต้องได้รับการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
เมื่อโตขึ้นจอบส์เข้าศึกษาต่อที่ Reed College ในเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐโอเรกอน ได้เพียง 6 เดือน ก็ลาพักเรียน เพราะไม่เห็นความน่าสนใจของสิ่งที่เขาเรียนอยู่ แต่เขาก็กลับเข้าศึกษาใหม่อีก 1 ปีครึ่ง โดยลงเรียนเฉพาะ คอร์สที่เขาสนใจ เช่น การประดิษฐ์ตัวอักษร ( ซึ่งภายหลังเขาได้นำไปใช้ประโยชน์ในการออกแบบตัวพิมพ์ของคอมพิวเตอร์ Macintosh) หลังจากนั้น เขาหยุดเรียนถาวรและไม่ได้ศึกษาจนจบมหาวิทยาลัยตามที่มารดาแท้ๆ ของเขาหวังไว้
ในช่วงเรียนมหาวิทยาลัยนี้เองที่จอบส์เริ่มหันมา ศึกษาพุทธศาสนานิกาย เซน เขาสนใจอ่านวรรณกรรมทางพุทธศาสนาหลายเล่ม และหนังสือที่มีอิทธิพล สูงสุดกับเขาคือ Zen Mind, Beginner’s Mind ซึ่งเขียนโดยชุนริว ซูซุกิ กล่าวกันว่า หลังการศึกษาหลักธรรมของเซน จอบส์เริ่มมีความเชื่อว่า การหยั่งรู้โดยสัญชาตญาณนั้น ก่อให้เกิดปัญญา เขาจึงเริ่มฝึกสมาธิในห้องนอนแคบๆ ที่แชร์ร่วมกับ “ แดเนียล คอตคี ” เพื่อนสนิท ท่ามกลางกลิ่นธูป
• ออกแสวงหาตัวตนที่แท้จริง
ในปี 1974 จอบส์ ในวัย 19 ปี ได้ขอลาพักงานประจำ ที่เขาทำอยู่ในบริษัทเครื่องเล่นวิดีโอเกมส์ Atari เพื่อเดินทางไปอินเดีย เป็นเวลา 1 เดือน พร้อมกับเพื่อนรัก “ แดเนียล คอตคี ” เพื่อแสวงหาคำตอบเกี่ยวกับการรู้แจ้งเห็นจริงด้านจิตวิญญาณ และเมื่อเดินทางกลับสหรัฐฯ อีกครั้งหนึ่ง เขาได้กลายเป็นพุทธศาสนิกชน สวมเสื้อผ้าแบบอินเดียโบราณและโกนศีรษะ
หลังจากนั้น เขาได้แวะเวียนไปที่ศูนย์เซน ลอส อัลทอส ในเมืองลอส อัลทอส รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นประจำ ที่นี่เขาเริ่มฝึกการบำบัดแบบกรีดร้องดังๆ และรับประทานผลไม้เป็นอาหาร และผลไม้ที่เขาโปรดปรานเป็นพิเศษก็คือ แอปเปิ้ล นั่นเอง
ในปี 1976 ขณะอายุ 21 ปี จอบส์ได้เข้าทำงานกับบริษัทฮิวเลตต์-แพคการ์ด และเริ่มต้นศึกษาพุทธศาสนานิกายเซนอย่างจริงจังกับ “ โกบุน ชิโนะ โอโตโกวะ ” พระอาจารย์ชาวญี่ปุ่น ที่ศูนย์เซน ลอส อัลทอส (ซึ่งภายหลัง เมื่อจอบส์เข้าพิธีแต่งงานแบบเซน กับ “ ลอรีน เพาเวล ” ในวันที่ 18 มีนาคม 1991 พระอจารย์โอโตโกวะได้มาเป็นประธานในพิธี)
• เริ่มก่อตั้งบริษัท Apple
ดีไซน์สินค้าด้วยแนวคิดเซน
ในปี 1976 จอบส์และเพื่อนสมัยเรียนที่ชื่อ “ สตีฟ วอซเนียก ” ได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัท Apple Computer ขึ้นที่โรงรถในบ้านของจอบส์ เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่จอบส์กับวอซเนียกได้นำเสนอออกสู่สายตา ได้แก่เครื่อง Apple I และเพียง 10 ปีให้หลัง Apple ก็เติบโตจากคนเพียง 2 คนกลายเป็นบริษัทใหญ่โตที่มีมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ และพนักงานมากกว่า 4,000 คน!!
จอบส์เคยกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Wired ของอเมริกาว่า “ มีคำคำหนึ่งในศาสนาพุทธ คือ จิตของผู้เริ่มต้น มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ทุกคนควรจะมีจิตของผู้เริ่มต้น ” ซึ่งเขาอธิบายต่อไปว่า มันเป็นจิตที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง ซึ่งค่อยๆทำให้เราตระหนักถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านั้น จิตของผู้เริ่มต้น ก็คือการนำหลักการของเซนมาปฏิบัติจริง เป็นจิตบริสุทธิ์ที่ปราศจากอคติ การคาดหวัง การตัดสิน ความลำเอียงให้คิดว่า จิตของผู้เริ่มต้น เป็นเหมือนจิตของเด็กน้อย ซึ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความสงสัย และความ ประหลาดใจ
ด้วยความเชื่อดังกล่าว สตีฟ จอบส์ จึงนำแนวคิดแบบเซนมาใช้กับบริษัท Apple Inc ของเขา ในการออกแบบรูปลักษณ์และการใช้งานของสินค้าให้มีแนวทางบริสุทธิ์ ครบถ้วนสมบูรณ์ และง่ายต่อการใช้งาน
• พบมรสุมชีวิต แต่พิชิตด้วยความรักในงาน
เมื่อจอบส์อายุ 30 ปี หลังจากเพิ่งเปิดตัว Macintosh เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ดีที่สุดของตัวเองได้ปีเดียว เขาถูกไล่ออกจากบริษัทที่ตนเองเป็นผู้ก่อตั้ง หลังจากทะเลาะกับผู้บริหาร และกรรมการบริษัทก็เข้าข้างผู้บริหารคนนั้น
เรื่องนี้เป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตของเขา จอบส์กล่าวว่า เขาได้สูญเสียสิ่งที่ได้ทำมาตลอดชีวิตไปในพริบตา ถึงกับคิดจะออกจากวงการคอมพิวเตอร์ไปชั่วชีวิต เขาไม่ได้ทำอะไรหลังจากนั้นอีกหลายเดือน
แต่แล้วความรู้สึกอย่างหนึ่งก็สว่าง ขึ้นข้างในตัวของจอบส์ ซึ่งเขาค้นพบว่า ตัวเองยังคงรักในสิ่งที่ทำมาแล้ว ความล้มเหลวที่ Apple ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความรักที่เขามีต่อสิ่งที่ได้ทำมาแล้วได้ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งต่อมาเขาได้พบว่า การที่เขาถูกไล่ออกจาก Apple ได้กลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นในชีวิต เพราะภาระอันหนักจากการประสบความสำเร็จในอดีตที่เขาแบกไว้นั้น ได้ถูกแทนที่ด้วยความเบาสบายในการเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ซึ่งช่วยปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ นั่นก็คือเขาได้ปล่อยวางความสำเร็จเก่านั้นลง และเริ่มต้นใหม่ด้วยใจที่เบาสบาย เบิกบาน เป็นจิตของผู้เริ่มต้นอย่างที่เขาเคยบอกไว้นั่นเอง
จอบส์กล่าวว่า ความล้มเหลวเป็นยาขม แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนไข้ เมื่อชีวิตเล่นตลกกับคุณ จงอย่าสูญเสียความเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณรัก ดังนั้นคุณจะต้องหาสิ่งที่คุณรักให้เจอ เพราะวิธีเดียวที่จะทำให้คุณเกิดความพึงพอใจอย่างแท้จริง คือการได้ทำในสิ่งที่คุณเชื่อว่ามันยอดเยี่ยม และวิธีเดียวที่จะทำให้คุณสามารถทำสิ่งที่ยอดเยี่ยมได้ก็คือ คุณจะต้องรักในสิ่งที่คุณทำ และถ้าหากคุณยังหามันไม่พบ อย่าหยุดหาจนกว่าจะพบ และคุณจะรู้ได้เองเมื่อคุณได้ค้นพบสิ่งที่คุณรักแล้ว
หลังจากนั้น เขาได้เริ่มตั้งบริษัทใหม่ชื่อ NeXT และ Pixar ( ซึ่งขณะนี้เป็นสตูดิโอผลิตการ์ตูนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก) ได้สร้างภาพยนตร์การ์ตูนจากคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องแรกของโลกนั่นคือ Toy Story
ส่วน Apple ซึ่งไร้เงาของจอบส์นั้น ไม่ได้เฟื่องฟูขึ้นเลย ดังนั้นบริษัทฯจึงได้หันมาซื้อบริษัท NeXT เพื่อทำให้จอบส์ได้กลับคืนสู่ Apple อีกครั้ง รวมทั้งเทคโนโลยีที่เขาคิดค้นขึ้นที่ NeXT ก็ได้กลายเป็นหัวใจในยุคฟื้นฟูของ Apple
• ใช้การเจริญมรณสติทุกวัน
เป็นเครื่องมือช่วยการตัดสินใจในชีวิต
เมื่ออายุ 17 ปี จอบส์ประทับใจข้อความหน่งที่เขาได้อ่านจากหนังสือ ซึ่งสอนให้ทุกคนมีชีวิตอยู่โดยคิดว่า วันนี้ เป็นวันสุดท้ายของชีวิต และตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาจะถามตัวเองในกระจกทุกเช้าว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิตของเขา เขาจะยังคงต้องการทำสิ่งที่กำลังจะทำในวันนี้หรือไม่ ถ้าหากคำตอบเป็น “ ไม่ ” ติดๆ กันหลายวัน เขาก็รู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลง
จอบส์เล่าว่า วิธีคิดว่าคนเราอาจจะตายวัน ตายพรุ่ง เป็นเครื่องมือที่สำคัญที่สุดเท่าที่เขาเคยรู้จักมา ซึ่งได้ช่วยให้เขาสามารถตัดสินใจครั้งใหญ่ๆ ในชีวิตได้ เพราะเมื่อความตายมาอยู่ตรงหน้า แทบทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความคาดหวังของคนอื่น ชื่อเสียงเกียรติยศ ความกลัวที่จะต้องอับอายขายหน้าหรือล้มเหลว จะหมดความหมายไปสิ้น เหลือไว้ก็แต่เพียงสิ่งที่มีคุณค่ามีความหมายและความสำคัญที่แท้จริงเท่า นั้น
“ วิธีคิดเช่นนี้ยังเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะช่วยให้คุณไม่ตกลงไปในกับดักความคิดที่ว่า คุณมีอะไรที่จะต้องสูญเสีย เพราะความจริงแล้ว เราทุกคนล้วนมีแต่ตัวเปล่าๆ ด้วยกันทั้งนั้น ”
จอบส์พูดถึงความตายว่า กลางปี 2004 เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งตับอ่อนชนิดรุนแรงและไม่มีทางรักษา เขาจะมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 3-6 เดือน แพทย์ที่รักษาแนะนำให้เขากลับบ้านและจัดการสะสางภารกิจที่มีอยู่ให้เรียบ ร้อย ซึ่งความหมายก็คือให้ “ เตรียมตัวตาย ”
แต่แล้วในเย็นนั้นเมื่อแพทย์ได้ตัดชิ้นเนื้อที่ตับอ่อน ไปตรวจอย่างละเอียด ผลปรากฏว่า เขาเป็นมะเร็งตับอ่อน ชนิดที่พบเพียงแค่ 1 เปอร์เซนต์ของผู้ป่วย ซึ่งรักษาได้ด้วยการผ่าตัด ในปี 2009 จอบส์เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายตับที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี่ และกลับไปทำงานที่ Apple อีกครั้ง หลังลาหยุดเป็นเวลา 6 เดือน
ซีอีโอใหญ่ของ Apple กล่าวว่า นี่เป็นประสบการณ์เฉียดตายที่สุดของเขา ซึ่งทำให้เขาสามารถพูดได้เต็มปากยิ่งกว่าเมื่อตอนที่ใช้ความตายมาเตือนตัว เองเป็นมรณานุสติ และเมื่อผ่านห้วงเวลานั้นมาได้ เขาบอกว่าความตายคือประดิษฐกรรมที่ดีที่สุดของ “ ชีวิต ” ความตายคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิต เขาได้พูดถึงความตายไว้ว่า
“ ไม่ มีใครอยากตาย แม้ว่าคนที่อยากขึ้นสวรรค์ ก็ไม่อยากตายเพื่อจะได้ไปที่นั่น แต่เราทุกคนต้องตาย ไม่มีใครรอดพ้นไปได้ ดังนั้นความตายก็คือตัวเปลี่ยนแปลงชีวิต มันจะกำจัดคนเก่าออกไป(ตาย) เพื่อเปิดทางให้คนใหม่ได้เข้ามา(เกิด) ตอนนี้คนใหม่ก็คือพวกคุณ แต่ในไม่ช้า พวกคุณก็จะค่อยๆแก่ และถูกกำจัดออกไป(ตาย) นี่คือหลักความจริง ”
จอบส์ได้เตือนว่า “ เวลาของคุณจึงมีจำกัด และอย่ายอมเสียเวลามีชีวิตอยู่ในชีวิตของคนอื่น จงอย่ามีชีวิตอยู่ด้วยผลจากความคิดของคนอื่น และอย่ายอมให้เสียงของคนอื่นๆ มากลบเสียงที่อยู่ภายในตัวของคุณ และที่สำคัญที่สุดคือ คุณจะต้องมีความกล้าที่จะก้าวไปตามที่หัวใจคุณปรารถนาและสัญชาตญาณของคุณจะ พาไป เพราะหัวใจและสัญชาตญาณของคุณรู้ดีว่ คุณต้องการจะเป็นอะไร ”
ทุกวันนี้ จอบส์ในวัย 55 ปียังคงถือปฏิบัติตามแบบเซน ที่มีวิถีแห่งความเรียบง่ายแต่ลุ่มลึก และเขามักอ้างคำพูดของอาจารย์เซนหลายๆท่าน และหลักปรัชญาเซน ในระหว่างการแสดงสุนทรพจน์ในที่ต่างๆ
9 บทเรียนทองของสตีฟ จอบส์
9 คำพูดที่ดีที่สุดที่คัดเลือกมานี้ จะช่วยให้คุณทำงานได้สำเร็จตามสไตล์ซีอีโอแสนล้าน
1. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ นวัตกรรมเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างผู้นำและผู้ตาม ”
นวัตกรรมหรือวิธีการใหม่ เป็นสิ่งไร้ขีดจำกัด มีเพียงจินตนาการเท่านั้นที่มีขอบเขต ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเริ่มคิดนอกกรอบ ถ้าคุณทำงานในภาคธุรกิจที่กำลังเติบโต ต้องรู้จักคิดหาทางทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และอยากจะทำธุรกรรมด้วย แต่ถ้าคุณอยู่ในธุรกิจท่กำลังหดตัว ต้องรีบออกมาจากธุรกิจนั้นโดยเร็ว และเปลี่ยนแปลงก่อนที่คุณจะกลายเป็นคนตกยุค ตกงาน หรือธุรกิจล่มสลาย และต้องจำไว้เสมอว่า คุณจะผัดวันประกันพรุ่งไม่ได้ ต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงเดี๋ยวนี้
2. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ จงเป็นคนที่มีคุณภาพสูง คนบางคนไม่เคยชินกับการอยู่ในสภาพแวดล้อมที่คาดหวังความเป็นเลิศ ”
ไม่มีหนทางลัดสู่ความเป็นเลิศ คุณจะต้องตั้งใจและให้ความสำคัญ ใช้ความสามารถ ทักษะ และพรสวรรค์ที่มี พยายามทำให้มากกว่าคนอื่น มีมาตรฐานสูงกว่า และใส่ใจในรายละเอียดที่ทำให้เกิดความแตกต่าง ความเป็นเลิศไม่ใช่เรื่องยาก แต่คุณต้องลงมือทำทันที แล้วคุณจะประหลาดใจในสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นในชีวิต
3. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ วิธีเดียวที่จะทำงานให้ได้ผลดีเยี่ยม คือ คุณต้องรักในสิ่งที่ทำ ถ้าคุณยังไม่เจอสิ่งที่รักในตอนนี้ จงมองหาไปเรื่อยๆ อย่าด่วนสรุป เพราะมันเป็นเรื่องของหัวใจ คุณจะรู้ได้เอง เมื่อเจอสิ่งที่รัก ”
จงทำในสิ่งที่รัก มองหาอาชีพการงานที่ทำให้คุณมีจุดประสงค์ ทิศทาง และความพึงพอใจในชีวิต เมื่อคุณมีเป้าหมายและพยายามไปให้ถึง มันจะทำให้ชีวิตของคุณมีความหมาย ทิศทาง และความพอใจ ซึ่งไม่เพียงช่วยให้มีสุขภาพดีและอายุยืนยาว แต่ยังจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นเมื่อต้องเผชิญอุปสรรค
4. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ คุณก็รู้ว่า อาหารส่วนใหญ่ที่เรากิน เราไม่ได้ผลิตด้วยตัวเราเอง เราสวมใส่เสื้อผ้าที่คนอื่นผลิต เราพูดภาษาที่คนอื่นพัฒนาขึ้น เราใช้คณิตศาสตร์ที่คนอื่นค่อยๆปรับปรุงมาเรื่อยๆ ผมหมายถึงว่า เราเป็นฝ่ายรับอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น คงเป็นความรู้สึกที่น่าปลาบปลื้มอย่างยิ่งที่เราสามารถสร้างสรรค์บางสิ่ง บางอย่าง ที่เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ”
จงใช้ชีวิตตามหลักศีลธรรม พยายามทำให้เกิดความแตกต่างบนโลกใบนี้และมีส่วนร่วมให้เกิดสิ่งที่ดีงามยิ่ง ขึ้น คุณจะพบว่า มันจะทำให้ชีวิตของคุณมีความหมายมากยิ่งขึ้น แถมยังเป็นยาแก้ความเบื่อหน่ายที่ได้ผลดีอีกด้วย ลองมองไปรอบๆตัว แล้วคุณจะพบว่า มีสิ่งต่างๆให้คุณทำอยู่เสมอ และจงพูดคุยกับผู้อื่นถึงสิ่งที่คุณกำลังทำ แต่อย่าพร่ำสอน หรือคิดว่าตัวเองถูกต้อง หรือหลงตัวเอง เพราะจะทำให้คนอื่นไม่อยากคุยด้วย ขณะเดียวกัน คุณต้องไม่กลัวที่จะทำตนเป็นตัวอย่าง และใช้โอกาสที่มี บอกเล่าถึงสิ่งที่คุณกำลังทำ
5. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ มีคำพูดในพุทธศาสนาว่า จิตของผู้เริ่มต้น มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ทุกคนควรจะมีจิตของผู้เริ่มต้น ” ซึ่งเขาอธิบายต่อไปว่า
มันเป็นจิตที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง ซึ่งค่อยๆทำให้เราตระหนักถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านั้น จิตของผู้เริ่มต้น ก็คือการนำหลักการของเซนมาปฏิบัติจริง เป็นจิตบริสุทธิ์ที่ปราศจากอคติ การคาดหวัง การตัดสิน ความลำเอียง ให้คิดว่า จิตของผู้เริ่มต้น เป็นเหมือนจิตของเด็กน้อย ซึ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความสงสัย และความประหลาดใจ
6. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ เราคิดว่า โดยทั่วไปแล้ว คุณดูโทรทัศน์เพื่อพักสมอง และคุณใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อต้องการให้สมองทำงาน ”
ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีรายงานการศึกษาจำนวนมากที่ยืนยันหนักแน่นว่า การดูทีวีส่งผลเสียด้านจิตใจและมีอิทธิพลด้านศีลธรรม และคนที่ติดทีวีส่วนมาก แม้จะรู้ว่า มันทำให้ชินชาและเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ แต่ก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่นั่งอยู่หน้าจอสี่เหลี่ยม ดังนั้น จงปิดทีวีซะ เพื่อถนอมเซลล์สมอง แต่ต้องระวัง เพราะการใช้คอมพิวเตอร์ก็อาจเป็นการพักสมองได้เช่นกัน ลองเปลี่ยนมาเล่นเกมที่พัฒนาสติปัญญาดีกว่า
7. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ ผมสูญเงินไป 250 ล้านดอลลาร์ภายใน 1 ปี มันทำให้ผมรู้จักตนเองดีขึ้น ”
อย่ามองว่า การทำผิดกับความผิดเป็นเรื่องเท่าเทียมกัน เพราะคนที่ประสบความสำเร็จ โดยไม่เคยล้มเหลวหรือทำผิดเลยนั้น ไม่มีหรอก มีแต่คนที่ประสบความสำเร็จ เคยทำผิดพลาดและรู้จักเปลี่ยนแปลงแก้ไข เพื่อทำให้ถูกต้องในครั้งต่อไป พวกเขามองความผิดพลาดเป็นเครื่องเตือนสติ มากกว่าความสิ้นหวัง การไม่เคยทำผิดเลย แสดงว่า คนนั้นไม่เคยใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
8. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ ในโลกนี้ไม่เคยมีใครที่ไม่เคยทำผิดพลาด เราเกิดมาบนโลกใบนี้แล้วก็ได้ทำสิ่งผิดพลาดเช่นกัน ไม่งั้นแล้ว เราจะเกิดมาทำไม ”
คุณรู้หรือไม่ว่า มีเรื่องใหญ่ๆหลายเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จในชีวิต และรู้หรือไม่ว่า เรื่องสำคัญเหล่านั้นจะถูกฝุ่นจับ เมื่อคุณใช้เวลามัวแต่นั่งคิดมากกว่าลงมือทำ เราทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมของขวัญชิ้นหนึ่งที่จะมอบให้กับชีวิตของเราเอง ของขวัญที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ความสนใจ ความหลงใหล และความอยากรู้อยากเห็น ของขวัญชิ้นนี้ แท้จริงแล้ว มันคือเป้าหมายของเรานั่นเอง และคุณตั้งเป้าหมายของคุณได้โดยไม่ต้องขออนุญาตใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้างาน ครู พ่อแม่ นักบวช หรือเจ้าหน้าที่ ก็ไม่อาจเลือกเป้าหมายให้คุณได้ คุณต้องหาจุดมุ่งหมายด้วยตัวคุณเอง
9. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ เวลาของ คุณมีจำกัด จงอย่าเสียเวลาใช้ชีวิตตามแบบคนอื่น อย่าติดอยู่ในหลักความเชื่อ ซึ่งทำให้คุณใช้ชีวิตตามผลความคิดของผู้อื่น อย่ายอมให้เสียงความคิดของคนอื่น มากลบเสียงที่อยู่ภายในตัวของคุณ และทีสำคัญที่สุด คือ คุณต้องมีความกล้า ที่จะทำตามหัวใจปรารถนาและสัญชาติญาณ เพราะมันรู้ดีว่า จริงๆแล้ว คุณต้องการเป็นอะไร เรื่องอื่นๆกลายเป็นเรื่องรองไปโดยสิ้นเชิง ”
คุณเบื่อหรือเปล่าต่อการใช้ชีวิตตามความฝันของคนอื่น ไม่ต้องสงสัยเลย ก็มันเป็นชีวิตของคุณเอง คุณมีสิทธิใช้ชีวิตในแบบที่คุณต้องการ โดยไม่ต้องมีใครมาคอยขัดขวาง ลองให้โอกาสตัวเองฝึกความคิดริเริ่มในบรรยากาศที่ปราศจากความกลัวและแรงกด ดัน จงใช้ชีวิตตามแบบที่คุณเลือก และเป็นเจ้านายตัวเอง
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- Verified User
- โพสต์: 1647
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5320
ผมมีประสบการณ์คล้ายๆ steve jobs
ผมถามตัวเองว่า ถ้าพรุ่งนี้ไม่มี วันนี้จะทำอะไร
และ"ผม"มันก็ตอบว่า ถ้าวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย ก็จะภาวนาไปเรื่อยๆจนสิ้นกันไป
ถ้าเป็นเช่นนั้น ทุกวันก็ควรทำดั่งพรุ่งนี้ไม่มี
วันไหนขี้เกียจ ก็ให้นึกถึงความคิดนี้ที่เคยคิดไว้แบบนี้ มันจะขยันเอง
ผมถามตัวเองว่า ถ้าพรุ่งนี้ไม่มี วันนี้จะทำอะไร
และ"ผม"มันก็ตอบว่า ถ้าวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย ก็จะภาวนาไปเรื่อยๆจนสิ้นกันไป
ถ้าเป็นเช่นนั้น ทุกวันก็ควรทำดั่งพรุ่งนี้ไม่มี
วันไหนขี้เกียจ ก็ให้นึกถึงความคิดนี้ที่เคยคิดไว้แบบนี้ มันจะขยันเอง
. . .
-
- Verified User
- โพสต์: 439
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5322
5. สตีฟ จอบส์ พูดว่า “ มีคำพูดในพุทธศาสนาว่า จิตของผู้เริ่มต้น มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ทุกคนควรจะมีจิตของผู้เริ่มต้น ” ซึ่งเขาอธิบายต่อไปว่า
มันเป็นจิตที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง ซึ่งค่อยๆทำให้เราตระหนักถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านั้น จิตของผู้เริ่มต้น ก็คือการนำหลักการของเซนมาปฏิบัติจริง เป็นจิตบริสุทธิ์ที่ปราศจากอคติ การคาดหวัง การตัดสิน ความลำเอียง ให้คิดว่า จิตของผู้เริ่มต้น เป็นเหมือนจิตของเด็กน้อย ซึ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความสงสัย และความประหลาดใจ
จิตของผู้เริ่มต้น ถ้าแปลเป็นไทยๆหน่อย น่าจะหมายถึง จิตเดิมแท้
มันเป็นจิตที่มองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง ซึ่งค่อยๆทำให้เราตระหนักถึงแก่นแท้ของสิ่งเหล่านั้น จิตของผู้เริ่มต้น ก็คือการนำหลักการของเซนมาปฏิบัติจริง เป็นจิตบริสุทธิ์ที่ปราศจากอคติ การคาดหวัง การตัดสิน ความลำเอียง ให้คิดว่า จิตของผู้เริ่มต้น เป็นเหมือนจิตของเด็กน้อย ซึ่งเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ความสงสัย และความประหลาดใจ
จิตของผู้เริ่มต้น ถ้าแปลเป็นไทยๆหน่อย น่าจะหมายถึง จิตเดิมแท้
-
- Verified User
- โพสต์: 1165
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5325
ตามอ่านความเห็นของพี่ป้อมได้ความรู้มากมายครับ..
เห็นพี่ป้อมชอบคุยทางธรรมอยู่พอประมาณ..
ผมพอได้บวชเรียนมาบ้าง..ตอนบวชเคยได้อยู่ป่าทางภาคอีสาน
มาเดือนสองเดือนครับ..พ่อแม่ครูอาจารย์เคยอบรมผมมาบ้าง
ดัดนิสัยดื้อลั้นและมีอัตตาของผม..ตอนบวชผมเคยไม่ยอมฉัน 1 วัน
เพราะความอยากรู้..พระท่านว่าให้จิตสงบง่ายๆอย่าเติมอาหารกิเลส
ให้มันมากมาย..ผมคิดได้วันนั้นไม่บิณฑบาตรหยุดฉันท์ข้าวกินแต่น้ำ
ไม่รู้วิตกวิจารณ์มันมาจากไหนเต็มไปหมด..ทั้งความกลัวตาย..จะอยู่
อย่างไรต้องตายแน่ๆร่างกายไม่แข็งแรง..มันมาเต็มไปหมด..พอเริ่มมี
สติกับมาคิดไหนๆก็ไม่ฉันท์แล้วก็ลองนั่งสมาธิดู..เดินจงกรมดู..ก็พอ
ได้จิตใจสงบที่ง่ายขึ้น..ครูอาจารย์ท่านว่าอันนี้ที่เป็นได้ก็ต้องด้วยจริต
ของแต่ละบุคคล..ขอบคุณพี่ป้อมอีกครั้งครับสำหรับความรู้ที่ถ่ายทอด
ให้น้องๆมากมาย
เห็นพี่ป้อมชอบคุยทางธรรมอยู่พอประมาณ..
ผมพอได้บวชเรียนมาบ้าง..ตอนบวชเคยได้อยู่ป่าทางภาคอีสาน
มาเดือนสองเดือนครับ..พ่อแม่ครูอาจารย์เคยอบรมผมมาบ้าง
ดัดนิสัยดื้อลั้นและมีอัตตาของผม..ตอนบวชผมเคยไม่ยอมฉัน 1 วัน
เพราะความอยากรู้..พระท่านว่าให้จิตสงบง่ายๆอย่าเติมอาหารกิเลส
ให้มันมากมาย..ผมคิดได้วันนั้นไม่บิณฑบาตรหยุดฉันท์ข้าวกินแต่น้ำ
ไม่รู้วิตกวิจารณ์มันมาจากไหนเต็มไปหมด..ทั้งความกลัวตาย..จะอยู่
อย่างไรต้องตายแน่ๆร่างกายไม่แข็งแรง..มันมาเต็มไปหมด..พอเริ่มมี
สติกับมาคิดไหนๆก็ไม่ฉันท์แล้วก็ลองนั่งสมาธิดู..เดินจงกรมดู..ก็พอ
ได้จิตใจสงบที่ง่ายขึ้น..ครูอาจารย์ท่านว่าอันนี้ที่เป็นได้ก็ต้องด้วยจริต
ของแต่ละบุคคล..ขอบคุณพี่ป้อมอีกครั้งครับสำหรับความรู้ที่ถ่ายทอด
ให้น้องๆมากมาย
ควรทุ่มเทเจริญให้มาก..ในงานที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง..
- Packy_Kittiworawut
- Verified User
- โพสต์: 242
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5326
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 11000.html
ไม่รู้ว่าพี่ป้อมได้ดูรึยังครับ พอดีไปเจอมา เหอๆๆ
ไม่รู้ว่าพี่ป้อมได้ดูรึยังครับ พอดีไปเจอมา เหอๆๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5327
รอตลาดลงไปทำไดเวอร์เจนใหม่ครับ รอการกลับตัว ดาวโจนมีโอกาศ จะลงไปทดสอบ 10600 ใหม่ แนวรับถัดไป 10000 กับ 9500 จุด
ไม่ถดถอยครับ พักฐานเดือน สี่ถึงห้าเดือน อีก 12-14 เดือนจะขึ้นไปแตะ 14000 ใหม่ super divergence เวปห้า
อีกสองปี เซตไป 1700 หลวงพี่สึกออกมาพอดีเลย
ไม่ถดถอยครับ พักฐานเดือน สี่ถึงห้าเดือน อีก 12-14 เดือนจะขึ้นไปแตะ 14000 ใหม่ super divergence เวปห้า
อีกสองปี เซตไป 1700 หลวงพี่สึกออกมาพอดีเลย
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5329
ฝนนั่งทบทวนความคิดเรื่อง รวย หรือ ไม่รวย เป็นไปตามแต่กรรมpor_jai เขียน: พี่ป้อมเคยบอกว่า รวย หรือ ไม่รวย เป็นไปตามแต่กรรม
พุทธไม่ได้บอกให้เรางอมืองอเท้า
พุทธบอกว่าเรามีหน้าที่ทำเต็มที่สุดกำลังของเราเลยนะ
แต่ผลนั้นสุดแต่เหตุที่เราทำมาทั้งในอดีตและในปัจจุบัน
แต่ความจริงเป็นผลจากสิ่งแวดล้อมนอกเหนือตัวเอง อีกส่วนนึง
อันนี้คือสิ่งที่เราทำไม่ได้ ไปยุ่งเกี่ยวควบคุมอะไรไม่ได้
ถ้าคิดหรืออยากจะไปควบคุมเรื่องนี้ละทุกข์แน่
ก็ตามที่อธิบายไว้ ส่วนที่ทำได้ ควบคุมได้ ก็ทำไปแล้ว
ส่วนที่ทำไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ ก็เข้าใจธรรมชาติของมันแล้ว
ผลก็เกิดแล้ว จะไปทุกข์ใจอะไรอีก
ก็เลยไม่ควรยึดติดเพราะจะทำให้เกิดทุกข์
ยึดติดก็ต้องทุกข์ใจไปเองเพราะเราไม่ยอมเข้าใจธรรมชาติไง
ธรรมชาติเขาก็บอกเป็นขั้นเป็นตอนแล้ว
ใจเราไม่ยอมรับเอง ก็ต้องค่อยๆฝึกไป
มองมุมหนึ่ง จากความจริงทางโลก ซึ่งวัดที่ หุ้นขึ้นแล้วรวย หรือ หุ้นลงแล้วจน
โดยหุ้นขึ้นหรือลงส่วนหนึ่งสาเหตุนอกเหนือจากการกระทำของตัวเองเป็นจากผลบุญหรือกรรม
แต่ถ้ามองความจริงอีกมุมหนึ่ง ทางด้านจิต ประโยคที่ว่า รวย หรือ ไม่รวย เป็นไปตามแต่กรรม
โดยให้ราคาหุ้นขึ้นหรือลง ความรวยหรือจนเป็นสิ่งสมมติ(สิ่งเร้า)
ประโยคที่ว่า รวย หรือ ไม่รวย เป็นไปตามแต่กรรม
น่าจะหมายถึง การกระทำของตัวเองในการฝึกให้วางเฉยต่อสิ่งเร้าภายนอก
เหตุคือ การวางเฉยหรือการยึดติด สิ่งเร้าคือ หุ้นขึ้นหรือลง(รวยหรือไม่รวย) ผลคือการปล่อยวางได้หรือการทุกข์
ดังนั้น การรวย หรือ ไม่รวย จึงเป็นแต่จิตที่ปล่อยวางหรือยึดติด
ฝนพอเข้าใจธรรมะกับเค้าบ้างแล้วค่ะ
ขอบคุณพี่ป้อมมากค่ะ
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5330
รอดู 1025
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5331
ใจร้ายกดทะลุแบน
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5332
อาทิตย์ที่แล้ว ฝันว่าไปเที่ยวบ้านพี่ป้อมมา เห็นเป็นร้านขายหนังสือ ได้พูดคุยกะลูกชายพี่ป้อมอายุประมาณ 10 ขวบที่กำลังเล่นไอแพดอยู่ด้วย พอถามชื่อเขาตอบผมว่า "ไม่มี"
แค่แวะมาเล่าความฝันฮะ..
แค่แวะมาเล่าความฝันฮะ..
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5333
คุยกับพี่หนึ่ง กับพี่หน่อย ถามเรื่องหลวงพี่ เห็นได้ข่าววิ่งกันสนุกสนาน เต็มไปด้วยสาระมากมาย
มูสตลาดไม่ดี ผมขอดูความแข็งแกร่งของหุ้นก่อน ถ้าคิดเห็นประการใดคง ได้โทรสายตรงถึง หัวหน้าก๊วนวิ่งโดยพลันครับ
ตอนนี้ขอเดินตัวเปล่าครับ รักและเคารพหัวหน้าก๊วนวิ่งที่เคารพ ฮิฮิฮิ
มูสตลาดไม่ดี ผมขอดูความแข็งแกร่งของหุ้นก่อน ถ้าคิดเห็นประการใดคง ได้โทรสายตรงถึง หัวหน้าก๊วนวิ่งโดยพลันครับ
ตอนนี้ขอเดินตัวเปล่าครับ รักและเคารพหัวหน้าก๊วนวิ่งที่เคารพ ฮิฮิฮิ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
- Verified User
- โพสต์: 464
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5334
วันนี้ต่างชาติขายเยอะแต่หุ้นไม่ลงครับ
ผมเอาแผนป้องกันการตกรถส่วนตัว ที่แปะไว้ที่เวปมวยวัด มาฝากครับ
ผมเอาแผนป้องกันการตกรถส่วนตัว ที่แปะไว้ที่เวปมวยวัด มาฝากครับ
วันนี้ต่างชาติขาย 5 พันกว่าล้าน แต่หุ้นไม่ลง
ถ้าคืนนี้ดาวโจนส์ดูดี และพรุ่งนี้ปู่เราเปิดข้าม 1070 ไปได้
ผมคงจะเริ่มเก็บหุ้นเข้าพอร์ต เพื่อเอาไว้ลุ้น 1080 แล้วก็ 1100 ต่อไป
ถ้ามันทำได้ดีก็จะเก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้ามันเหี่ยวเมื่อไรก็โยนทิ้งไป
ผมว่าถ้ามันกลับไปยืนเหนือ 1100 ได้ อาจมีก้อนใหญ่ๆให้ได้เฮกันอีกรอบ
จริงๆแต่เดิมเคยตั้งใจไว้ว่าจะเก็บกลับตอนยืนเหนือ 1100 ได้
แต่คิดไปคิดมาตรงนี้ก็อาจจะพอเล่นได้อยู่ ถ้ามันทำแบบที่คิด
ขึ้นรถตรงนี้ ถ้ามันไปต่อก็ได้เยอะหน่อย
แต่ถ้ารอจนยืนเหนือ 1100 อาจจะปลอดภัยกว่า (รึเปล่าไม่รู้) แต่ก็จะได้น้อยลง
เล่นหุ้นมาตั้งหลายปี เพิ่งจะมาปีนี้เองที่รู้สึกว่าตัวเอง พอจะเข้าใจการขายหุ้นของต่างชาติบ้าง
ตามที่เข้าใจนะครับ (อาจจะไม่ถูกนะครับ)
เวลาต่างชาติจะขายหุ้น เขาก็ต้องการจะขายให้ได้ราคาดีเหมือนกับเรานั่นแหละ
เขาไม่ได้ต้องการจะขาย เพื่อทุบดัชนีแล้วลงไปซื้อที่ต่ำอย่างที่คิดกัน
แต่เวลาที่เขาจะขายก็เพราะ มันเข้าเงื่อนไข ที่ต้องขายตามที่เขากำหนดไว้ในการบริหารพอร์ต
ยังไงก็ต้องขาย ที่นี้ถ้าช่วงนั้นมีแรงซื้อน้อยหุ้นก็จะลงแรง ไม่ใช่เพราะเขาต้องการทุบ
ส่วนช่วงไหนที่ขายแล้วหุ้นไม่ลง ก็เพราะช่วงนั้นมีแรงซื้อเยอะ ก็แค่นั้นเอง
ที่ผ่านมาเราคิดมากไปเองนี่หว่า มัวแต่ไปเดาใจต่างชาติ
-
- Verified User
- โพสต์: 464
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5335
ccc111 เขียน:วันนี้ต่างชาติขายเยอะแต่หุ้นไม่ลงครับ
ผมเอาแผนป้องกันการตกรถส่วนตัว ที่แปะไว้ที่เวปมวยวัด มาฝากครับ
วันนี้ต่างชาติขาย 5 พันกว่าล้าน แต่หุ้นไม่ลง
ถ้าคืนนี้ดาวโจนส์ดูดี และพรุ่งนี้ปู่เราเปิดข้าม 1070 ไปได้
ผมคงจะเริ่มเก็บหุ้นเข้าพอร์ต เพื่อเอาไว้ลุ้น 1080 แล้วก็ 1100 ต่อไป
ถ้ามันทำได้ดีก็จะเก็บเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ถ้ามันเหี่ยวเมื่อไรก็โยนทิ้งไป
ผมว่าถ้ามันกลับไปยืนเหนือ 1100 ได้ อาจมีก้อนใหญ่ๆให้ได้เฮกันอีกรอบ
จริงๆแต่เดิมเคยตั้งใจไว้ว่าจะเก็บกลับตอนยืนเหนือ 1100 ได้
แต่คิดไปคิดมาตรงนี้ก็อาจจะพอเล่นได้อยู่ ถ้ามันทำแบบที่คิด
ขึ้นรถตรงนี้ ถ้ามันไปต่อก็ได้เยอะหน่อย
แต่ถ้ารอจนยืนเหนือ 1100 อาจจะปลอดภัยกว่า (รึเปล่าไม่รู้) แต่ก็จะได้น้อยลง
เล่นหุ้นมาตั้งหลายปี เพิ่งจะมาปีนี้เองที่รู้สึกว่าตัวเอง พอจะเข้าใจการขายหุ้นของต่างชาติบ้าง
ตามที่เข้าใจนะครับ (อาจจะไม่ถูกนะครับ)
เวลาต่างชาติจะขายหุ้น เขาก็ต้องการจะขายให้ได้ราคาดีเหมือนกับเรานั่นแหละ
เขาไม่ได้ต้องการจะขาย เพื่อทุบดัชนีแล้วลงไปซื้อที่ต่ำอย่างที่คิดกัน
แต่เวลาที่เขาจะขายก็เพราะ มันเข้าเงื่อนไข ที่ต้องขายตามที่เขากำหนดไว้ในการบริหารพอร์ต
ยังไงก็ต้องขาย ที่นี้ถ้าช่วงนั้นมีแรงซื้อน้อยหุ้นก็จะลงแรง ไม่ใช่เพราะเขาต้องการทุบ
ส่วนช่วงไหนที่ขายแล้วหุ้นไม่ลง ก็เพราะช่วงนั้นมีแรงซื้อเยอะ ก็แค่นั้นเอง
ที่ผ่านมาเราคิดมากไปเองนี่หว่า มัวแต่ไปเดาใจต่างชาติ
จริงๆแล้วในภาพใหญ่นั้น ผมยังคงมองว่า ตลาดน่าจะเป็นขาลงต่อนะครับ
ซึ่งผมอาจะคิดผิด ดังนั้นผมเลยต้องมีแผนป้องกันการตกรถ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5336
ตอนเล่นโป๊กเก้อร์
เริ่มต้นเลยมีผู้เล่น8คน
แจกไพ่คนละ2ใบ
กองกลางเปิดทีละใบจนครบ5ใบ
เซียนกลุ่มนึงเน้นรับ
พอไพ่ไม่ดีพอเป็นต้องหมอบไว้ก่อน
เซียนอีกส่วนนึงเน้นรุก
ชอบตามขอลุ้น ขอมีส่วนร่วมทุกรอบ
ก็เห็นผลัดกันแพ้ ชนะ
พวกเน้นรับได้เหนียวแน่น แพ้ยาก แพ้ช้า
แต่ก็ต้องอดทนอีดอัดกับการค่อยๆเดินหมากไปทีละแต้ม
พวกเน้นรุกก็ได้เร็วเสียเร็ว ชนะงามๆซักตา
จะเล่นพลิกแพลงได้สบายขึ้นมาก
ส่วนตอนสุดท้ายใครชนะยากจะบอก...เหมือนกัน
ใครถนัดอย่างไรก็ควรเล่นอย่างนั้นแหละดี...นะ...
เริ่มต้นเลยมีผู้เล่น8คน
แจกไพ่คนละ2ใบ
กองกลางเปิดทีละใบจนครบ5ใบ
เซียนกลุ่มนึงเน้นรับ
พอไพ่ไม่ดีพอเป็นต้องหมอบไว้ก่อน
เซียนอีกส่วนนึงเน้นรุก
ชอบตามขอลุ้น ขอมีส่วนร่วมทุกรอบ
ก็เห็นผลัดกันแพ้ ชนะ
พวกเน้นรับได้เหนียวแน่น แพ้ยาก แพ้ช้า
แต่ก็ต้องอดทนอีดอัดกับการค่อยๆเดินหมากไปทีละแต้ม
พวกเน้นรุกก็ได้เร็วเสียเร็ว ชนะงามๆซักตา
จะเล่นพลิกแพลงได้สบายขึ้นมาก
ส่วนตอนสุดท้ายใครชนะยากจะบอก...เหมือนกัน
ใครถนัดอย่างไรก็ควรเล่นอย่างนั้นแหละดี...นะ...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- ก้อนหิน
- Verified User
- โพสต์: 2344
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5338
por_jai เขียน: ตอนเล่นโป๊กเก้อร์
เริ่มต้นเลยมีผู้เล่น8คน
แจกไพ่คนละ2ใบ
กองกลางเปิดทีละใบจนครบ5ใบ
เซียนกลุ่มนึงเน้นรับ
พอไพ่ไม่ดีพอเป็นต้องหมอบไว้ก่อน
เซียนอีกส่วนนึงเน้นรุก
ชอบตามขอลุ้น ขอมีส่วนร่วมทุกรอบ
ก็เห็นผลัดกันแพ้ ชนะ
พวกเน้นรับได้เหนียวแน่น แพ้ยาก แพ้ช้า
แต่ก็ต้องอดทนอีดอัดกับการค่อยๆเดินหมากไปทีละแต้ม
พวกเน้นรุกก็ได้เร็วเสียเร็ว ชนะงามๆซักตา
จะเล่นพลิกแพลงได้สบายขึ้นมาก
ส่วนตอนสุดท้ายใครชนะยากจะบอก...เหมือนกัน
ใครถนัดอย่างไรก็ควรเล่นอย่างนั้นแหละดี...นะ...
พี่ป้อมลองไปเล่น Texas Hodem กันใน facebook มั้ยครับ ผมว่าเล่นแล้วได้เรียนรู้เยอะดีนะครับ
ผมว่าอารมณ์มันเหมือนเป็น trader ในตลาดหุ้นมากทีเดียว
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5340
เล่นกันเกินแบนเดือน เหมือนหุ้นปั่น offer ก็หาย โวลุ่มบาง จะขึ้นเท่าไหร่ก็ขั้นได้ สวิงเป็นร้อยเหรียญ เข้ามาในแบนที ลงทีเป็นร้อยเหรียญ วันนี้ 24 มีเวลามีหลายวัน เดี๋ยวก็สวิงขึ้น กับดักหมี ต้องทำหลุมขอบมันชันๆหน่อยsmith_sanguan เขียน:ทองมีไดเวอร์เจน วิ่งชนแบนบนอีก ผมว่าใกล้ล่ะ น่าจะพีคที่ 1751
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล