รุ้งกินน้ำ
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5200
ยังไม่ได้อ่านเลยครับ งานมันเยอะ ส่งจิตออกนอกตลอด
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
- Crested Jay
- Verified User
- โพสต์: 253
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5202
Porjai Pom มาบัดนี้ เส้นอินดิเคเต้อร์ที่จัดว่าช้าอย่างmacd month ได้เริ่มผงกหัวลงให้เห็นแล้ว ง้อมลงมาหาเส้นช้าคู่ชิดคู่เชยที่ห่างหายกันไปนาน ด้วยความคิดถึง
รบกวนขอสอบถามพี่ป้อมว่า ตอนนี้เส้นเร็วเริ่มผงกหัวขึ้นหรือหยุดผงกหัวลงหรือยังครับ
รบกวนขอสอบถามพี่ป้อมว่า ตอนนี้เส้นเร็วเริ่มผงกหัวขึ้นหรือหยุดผงกหัวลงหรือยังครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5203
จัดให้ครับCrested Jay เขียน:Porjai Pom มาบัดนี้ เส้นอินดิเคเต้อร์ที่จัดว่าช้าอย่างmacd month ได้เริ่มผงกหัวลงให้เห็นแล้ว ง้อมลงมาหาเส้นช้าคู่ชิดคู่เชยที่ห่างหายกันไปนาน ด้วยความคิดถึง
รบกวนขอสอบถามพี่ป้อมว่า ตอนนี้เส้นเร็วเริ่มผงกหัวขึ้นหรือหยุดผงกหัวลงหรือยังครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- Crested Jay
- Verified User
- โพสต์: 253
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5205
ขอบคุณครับ พี่ป้อม
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5206
28-31กค.นี้ที่ศูนย์สิริกิตติ์ มีงานน่าสนใจสำหรับคนชอบเที่ยวตจว.ครับ
มีที่น่าสนใจเยอะเชียว
งาน AMAZING THAILAND GRAND SALE FAIR 2011
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/t ... 65529.html
xample
มีที่น่าสนใจเยอะเชียว
งาน AMAZING THAILAND GRAND SALE FAIR 2011
http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/t ... 65529.html
xample
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- vichit
- Verified User
- โพสต์: 15833
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5207
คอลัมน์ : บู๊ลิ้ม
โดย : พชร สมุทวณิช
สำหรับนิยายจีนกำลังภายใน “มังกรหยก” ทั้งสามภาคของ “กิมย้ง” ผมชอบภาคสุดท้ายคือ “ดาบมังกรหยก” มากที่สุด รู้สึกว่าเป็นนิยายจีนกำลังภายในที่ครบเครื่อง ทั้งในส่วนของความเป็นแอ็คชั่น แล้วยังให้อารมณ์ในแบบที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวคือแอบดราม่า ในแง่มุมของการสะท้อนชีวิตมนุษย์ และสุดท้ายก็คือสอดแทรกทัศนคติอะไรบางอย่างเชิงปรัชญา ซึ่ง “ดาบมังกรหยก” เรื่องนี้ สอนเราได้ทั้งแง่มุมปรัชญาชีวิตมนุษย์ แถมสอดแทรกทัศนคติปรัชญาการเมืองทาบซ้อนอย่างแยบยล ทั้งหมดทั้งปวงนี้ผสมผสานกันในสัดส่วนที่เหมาะเจาะพอดีเอามากๆ ไม่เหมือนภาคแรกและภาคที่สองที่ต่างมีจุดเด่นที่ให้น้ำหนักไปในส่วนหนึ่งมากกว่าส่วนอื่นๆ
เบื้องแรก ในตอนที่สองนี้ ผมจะชวนคุยแบบคร่าวๆ ในภาพรวม ก่อนจะลงลึกในแต่ละส่วนภายหลังในตอนต่อๆ ไป ถึงองค์ประกอบสัดส่วนต่างๆ ที่ครบพอดีของ “ดาบมังกรหยก” ที่ผมชอบใจ อันได้แก่
เรื่องแรก ให้ความรู้สึกของความเป็น “บู๊ลิ้ม” ประกอบด้วย มีจอมยุทธมากหน้าหลายตาที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ทั้งพระเอก “เตียบ้อกี๋” และนางเอกทั้งสี่ อันประกอบด้วย “เตียเมี่ยง จิวจี้เยียก ฮึงลี้ และเสี่ยวเจียว” นอกจากนั้นก็มีเรื่องราวของจอมยุทธต่างๆ ทั้งจากฝ่ายสำนักมาตรฐาน และค่ายสายมาร ทั้งในส่วนของระดับปรมาจารย์รุ่นเดอะ ไล่เรียงมายังลูกศิษย์สำนักรุ่นกลางๆ จนถึงรุ่นใหม่ เรียกได้ว่าครบทุกระดับประทับใจ
และยังมีฉากเรื่องราวครบในส่วนของสำนักมาตรฐานต่างๆ แถมผูกโยงเรื่องราวของปรมาจารย์และการก่อตั้งสำนัก ไม่ว่าจะเป็นจุดกำเนิดของ “บู๊ตึ้ง” โดยปรมาจารย์ “เตียซำฮง” และ “ง้อไบ๊” โดย “ก๊วยเซียง” นอกจากนี้ก็มีการเล่าและบรรยายถึงพฤติกรรมต่างๆ ของสำนักมาตรฐานอื่นๆ รวมไปถึง “พรรคกระยาจก” ค่ายพรรคสำคัญอีกองค์กรหนึ่งของบู๊ลิ้ม นอกจากนี้ก็ยังมีการพูดถึง “ฝ่ายมารในตำนาน” อย่างนิกาย “เม้งก่า” หรือที่ผู้คนในยุทธจักรเรียกขานว่า “นิกายอสูร” มาเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญสำหรับค่ายพรรคสำนักยุทธในบู๊ลิ้ม โดยที่ทั้งหมดต่างผูกพันโยงใยเข้าด้วยกันในความสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ มีทั้งบุญคุณความแค้น รักใคร่อาฆาตพยาบาท ครบครันร่วมโครงสร้างเดียวกัน
นอกจากค่ายพรรคสำนักยุทธแล้ว ในส่วนของ “วิทยายุทธ” นั้นก็ครบครัน ทั้งในด้านลมปราณและด้านกระบวนท่าฝ่ามือหมัดกระบี่ดาบ และอื่นๆ ปรากฏทั้งสุดยอดวิชาสายธรรมมะ “เก้าเอี๊ยง” และสายมาร “เคลื่อนย้ายจักรวาล” ตลอดจนกระบวนท่า “ไทเก๊ก” ซึ่ง “เตียบ้อกี้” เป็นตัวแทนในการสำแดงยอดวิชาได้อย่างเร้าใจ
ไม่เพียงแต่ “สุดยอดวิทยายุทธ” เท่านั้น ที่สร้างสีสันให้กับ “ดาบมังกรหยก” และเป็นที่มาของการสร้างสรรโครงเรื่องของ “กิมย้ง” ก็คือ “ยอดศาสตรา” อย่าง “กระบี่อิงฟ้า” และ “ดาบฆ่ามังกร” ที่ซ่อนความลี้ลับของบู๊ลิ้ม(และชาติบ้านเมือง)อยู่ในนั้น
นอกจากนี้ เรื่องราวของประสบการณ์ “ปาฎิหาริย์” ที่นำมาซึ่งการค้นพบยอดวิชา ก็สอดแทรกอยู่ในเรื่องอย่างเหมาะสมกลมกลืน ถือเป็นการสร้างความรู้สึกสนุกในการอ่านตามแนวนิยายจีนกำลังภายใน และให้ความรู้สึกเร้าใจของความเป็น “บู๊ลิ้ม” ได้เป็นอย่างดี
เรื่องที่สอง ก็คือ การนำเอา “โครงสร้างบู๊ลิ้ม” มาสอดคล้องทาบซ้อนกับ “โครงเรื่องประวัติศาสตร์” ได้อย่างลงตัว เอาความรู้สึกของ “สำนึกแห่งชาติบ้านเมือง” เข้ามาร่วมเป็นแก่นแกน ซึ่งแนวทางนี้ผมพบว่า “กิมย้ง” ถือเป็นสุดยอดในการเขียนแนวดังกล่าว ส่วนตัวผมนั้นเห็นว่า กรณีของ “ดาบมังกรหยก” นั้น สองสัดส่วนได้รับการวางโครงให้ “เกี่ยวโยง” กันอย่างไม่เอียงไปยังฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเกินไป
นั่นก็คือสถานการณ์บู๊ลิ้มไม่ได้ถูกครอบงำมากนักภายใต้ร่มเงาของโครงสร้างประวัติศาสตร์ แต่อิงแอบอยู่อย่างมีจังหวะลงตัวพอดี ให้ความรู้สึกในฐานะ “บู๊ลิ้ม” เป็นส่วนหนึ่งของ “ประเทศชาติบ้านเมือง” โดยไม่ต้องสร้างความเด่นชัดมากเกินไปในการบรรยายเนื้อหา
ซึ่งจุดนี้เองที่ “ดาบมังกรหยก” ที่เป็นภาคสุดท้าย ต่างจาก “มังกรหยกภาคแรก” และทำให้เรารู้สึกถึงความแตกต่างในบุคลิกภาพของ “ก้วยเจ๋ง” กับ “เตียบ้อกี๋” ซึ่งในมุมมองนี้ ผมจะพูดถึงในตอนต่อๆ ไป โดยจะชวนคุยลงลึงในเรื่องของตัวละคร มุ่งเฉพาะประเด็น “อุดมการณ์ทางการเมือง” และวิพากษ์ “เตียบ้อกี้” ว่าแม้จะเก่งครบเครื่องทั้งยอดวิชาสายธรรมมะและสายมาร หากแต่ที่ขาดไปก็คือ “จิตวิญญาณแห่งความเป็นผู้นำ” ในฐานะความเป็น “นิยายจีนกำลังภายใน” แล้ว เราไม่สามารถบอกได้ว่า “ก้วยเจ๋ง” หรือ “เตียบ้อกี้” ใครดีใครเด่นกว่ากัน หากแต่ตัวเอกสองคนนี้มีบุคลิกภาพบางส่วนที่ต่างกันอย่างชัดเจน
เรื่องที่สามต่อมา ก็คือ การสะเทือนอารมณ์ของเรื่องราวและตัวละคร ในฐานะความเป็นมนุษย์ที่แวดล้อมด้วยองค์ประกอบรายรอบที่มากระทบและหล่อหลอม “ทัศนคติ” ในการดำรงตน และจัดการตัดสินใจกระทำในเรื่องต่างๆ ซึ่งส่วนตัวผมนั้นตัวละครที่เด่นมากในจุดนี้ นอกจาก “เตียบ้อกี้” แล้วก็ยังมี “จิวจี้เยียก” และ “เจี่ยซุ่น” ที่มีฉายา “ราชสีห์ขนทอง” ซึ่งจะกล่าวถึงในตอนต่อๆ ไป ในประเด็น “ปม” ของคนเหล่านี้ที่สะท้อนออกมาในสิ่งที่พวกเขา “กระทำ” หรือ “ไม่กระทำ” จุดนี้เองที่ทำให้นิยายจีนกำลังภายในเรื่องนี้มีความสะเทือนอารมณ์ในเชิงดราม่า สะท้อนชีวิตมนุษย์ที่ดำรงอยู่ในสังคมที่แวดล้อม
เรื่องที่สี่ เป็นเรื่องของ “ความรัก” ระหว่าง “พระเอก” และ “สี่นางเอก” ซึ่งนางเอกทั้งสี่ “เตียเมี่ยง-จิวจี้เยียก-ฮึงลี้-เสี่ยวเจียว” ต่างมีปูมหลังที่ผูกพันกับ “เตียบ้อกี๋” ต่างๆ กันไป และมีบุคลิกสี่แบบที่แตกต่างชัดเจนในการแสดงออกถึงรูปแบบของความรักต่างๆ กันไป แต่ละรูปแบบของสัมพันธ์รักระหว่าง “เตียบ้อกี๋” และสาวงามทั้งสี่นั้น มีความสมจริงในฐานะสิ่งที่พบเจอในชีวิตมนุษย์ทั่วไป แตกต่างกับความรักตรึงใจสไตล์เทพนิยายของ “เอี้ยก้วย” และ “เซียวเล่งนึ่ง” ใน “มังกรหยกภาคสอง”
ระหว่างที่เราอ่าน “ดาบมังกรหยก” ไป เราก็มักจะคาดการณ์และคาดหวังต่างๆ กันไปว่า “เตียบ้อกี๋” จะเลือกใคร หรือจะกวาดให้หมดครบสี่เหมือนจอมยุทธในเรื่องอื่นๆ อย่างไรก็ดี “ดาบมังกรหยก” เล่มนี้ ระหว่างดำเนินเรื่อง เราก็จะพบว่า การกวาดหมดครบสี่สาวงาม น่าจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้น ผู้อ่านแต่ละท่าน ก็จะสวมวิญญาณเป็น “เตียบ้อกี๋” ไปพร้อมๆ กับอ่านเรื่องราว เท่าที่ผมสอบถามเพื่อนๆ ผู้ได้อ่าน “ดาบมังกรหยก” เรื่องนี้ แต่ละคนต่างก็มีนางเอกที่ตัวเองแอบลุ้นอยู่ในใจเป็นการเฉพาะ ซึ่งผมจะสวมวิญญาณ “เตียบ้อกี๋” เขียนถึงเรื่องนี้แบบลงรายละเอียดในตอนหลังจากนี้นะครับ
เรื่องที่ห้า คือ การเล่าเรื่องที่ถือเป็นจุดเด่นอันหนึ่งของ “กิมย้ง” คือการอธิบายในเรื่อง “เทพ” และ “มาร” ในรูปแบบของ “ในเทพมีมาร” และ “ในมารก็มีเทพ” การแปะป้ายยี่ห้อในสังคมที่ถูกกำหนดขึ้นนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียง “ปัจจัยภายนอกที่มองเห็น” แต่ในส่วนของ “เนื้อใน” นั้น เป็นเรื่องของการพิจารณากันให้ถ่องแท้และลึกซึ้ง ในนิยายเรื่องนี้ “กิมย้ง” ได้สร้างสีสันเอาสำนักสุดยอดธรรมมะอย่าง “เสี่ยวลิ้มยี่” มาสะท้อนภาพในประเด็น “ในเทพก็มีมาร” ได้อย่างท้าทายและน่าประทับใจ ในขณะที่ก็ผูกเรื่องให้ “เม้งก่า” ที่เป็นนิการสายมาร มี “สำนึกส่วนรวม” และให้ “เตียบ้อกี้” ที่จับผลัดจับผลูได้รับตำแหน่ง “หัวหน้าค่ายสายมาร” ได้ทำหน้าที่คลี่คลายปัญหาสาธารณะ
ในตอนต้นของ “ดาบมังกรหยก” ในส่วนที่เป็นเรื่องราวของพ่อแม่ของ “เตียบ้อกี๋” นั่นก็คือ “เตียฉุ่ยซัว” และ “ฮึงซู่ซู่” ได้มีบทสนทนาที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “การประกอบวีรกรรมถือคุณธรรมดีงาม” ที่เป็นบทสนทนาระหว่าง “เจี่ยซุ่น-ราชสีห์ขนทอง” กับ “เตียฉุ่ยซัว” จอมยุทธอันดับห้าใน “เจ็ดจอมยุทธบู๊ตึ้ง” ไว้ดังนี้
หลังจากที่ “ราชสีห์ขนทอง” บ่งบอกความประพฤติชั่วร้ายของผู้นำค่ายสำนักต่างๆ แล้วค่อยประหารฆ่าล้างสิ้น “เตียฉุ่ยซัว” กล่าวว่า
“ท่านประหารฆ่าฟันโดยไม่ไต่ถามผิดถูก ยังมีข้อแตกต่างใดกับคนเหล่านี้”
“ราชสีห์ขนทอง” กล่าวตอบ
“ข้อแตกต่างอันใด เรามีฝีมือสูงเยี่ยม พวกมันฝีมือต้อยต่ำ ผู้ใดเข้มแข็งได้ชัย ผู้อ่อนแอพ่ายแพ้ คือข้อแตกต่าง”
“คนแตกต่างกับสัตว์ที่แยกความผิดถูก เอาแต่เข้มแข็งข่มเหงอ่อนแอ จะต่างอันใดกับสัตว์เดียรัจฉาน”
“หรือในโลกมีการจำแนกผิดถูกจริงๆ ตอนนี้มองโกลยึดครอง คิดฆ่าชาวฮั่นเท่าใดก็ฆ่า หากมองโกลต้องการอิสตรีของมีค่า ก็จะหยิบฉวยช่วงชิง หากชาวฮั่นไม่ยินยอม ก็โดนประหารฆ่าทิ้ง เขาจำแนกผิดถูกกับท่านหรือ”
“เตียฉุ่ยซัว” ได้ยิน “เจี่ยซุ่น” กล่าวดังนั้นจึงตอบว่า “มองโกลโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นสัตว์เดียรัจฉาน ผู้คนล้วนมีปณิธานขับไล่มองโกล กอบกู้แผ่นดินกลับคืน”
“เจี่ยซุ่น” ได้ยินจึงกล่าวสวนว่า “กาลก่อนชาวฮั่นเป็นฮ่องเต้ หรือจำแนกผิดถูกด้วย งักฮุยยอดขุนพล ไยเกาจงสั่งประหารฆ่า ฉิ้งไขว่เป็นกังฉิน ไฉนรั้งตำแหน่งสูงเสพลาภยศสรรเสริญ”
“เตียฉุ่ยซัว” ตอบว่า “ผู้ปกครองชั่วร้าย จึงรับผลกรรม ต่างชาติเข้ามายึดครอง นี่คือผลลัพธ์แห่งผิดถูก”
“เจี่ยซุ่น” สวนกลับว่า “ผิดพลาดของผู้ปกครอง เหตุใดผู้รับกรรมเดือดร้อนเป็นชาวฮั่นทั้งแผ่นดิน ราษฏรกระทำผิดอันใด จึงรับผลเช่นนี้”
แล้วประชาชนคนธรรมดาอยู่เพื่ออะไร?
“พวกเราฝึกวิชาบู๊ ก็เพื่อประกอบวีรกรรมค้ำจุนแผ่นดิน”
“ประกอบวีรกรรมมีอันใดดี ไยต้องประกอบวีรกรรมถือคุณธรรม”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ “เตียฉุ่ยซัว” คิดขึ้น เขาได้รับการอบรมจากซือแป๋แต่เล็ก ให้ฝึกฝีมือสร้างวีรกรรมถือคุณธรรมเป็นมูลฐาน ฝึกฝีมือเป็นปลายเหตุ ในใจไม่เคยคิดว่า “ไยต้องประกอบวีรกรรมถือคุณธรรม” เพียงเห็นว่าเป็นหลักการอันชอบธรรม เป็นเหตุผลที่กระจ่างในตัว ยึดหลักการ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” แต่ในขณะเดียวกัน กลับมีข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง คนที่ทำดีก็มีที่ประสบชะตากรรมรันทด
ในที่สุดแล้วท่ามกลางความสงสัย “เตียฉุ่ยซัว” ได้กล่าววาทะที่ผมรู้สึกกินใจอย่างมากก็คือ
“ธรรมแห่งฟ้ายากบอกกล่าว เรื่องราวคนยากหยั่งทราบ พวกเราเพียงมุ่งประพฤติคุณธรรม แต่เป็นวาสนาหรือคราเคราะห์ไม่จำเป็นต้องนึกถึง”
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000094133
ผมเอา คอลัมน์ : บู๊ลิ้ม มาฝากครับพี่ป้อม
โดย : พชร สมุทวณิช
สำหรับนิยายจีนกำลังภายใน “มังกรหยก” ทั้งสามภาคของ “กิมย้ง” ผมชอบภาคสุดท้ายคือ “ดาบมังกรหยก” มากที่สุด รู้สึกว่าเป็นนิยายจีนกำลังภายในที่ครบเครื่อง ทั้งในส่วนของความเป็นแอ็คชั่น แล้วยังให้อารมณ์ในแบบที่ผมชอบเป็นการส่วนตัวคือแอบดราม่า ในแง่มุมของการสะท้อนชีวิตมนุษย์ และสุดท้ายก็คือสอดแทรกทัศนคติอะไรบางอย่างเชิงปรัชญา ซึ่ง “ดาบมังกรหยก” เรื่องนี้ สอนเราได้ทั้งแง่มุมปรัชญาชีวิตมนุษย์ แถมสอดแทรกทัศนคติปรัชญาการเมืองทาบซ้อนอย่างแยบยล ทั้งหมดทั้งปวงนี้ผสมผสานกันในสัดส่วนที่เหมาะเจาะพอดีเอามากๆ ไม่เหมือนภาคแรกและภาคที่สองที่ต่างมีจุดเด่นที่ให้น้ำหนักไปในส่วนหนึ่งมากกว่าส่วนอื่นๆ
เบื้องแรก ในตอนที่สองนี้ ผมจะชวนคุยแบบคร่าวๆ ในภาพรวม ก่อนจะลงลึกในแต่ละส่วนภายหลังในตอนต่อๆ ไป ถึงองค์ประกอบสัดส่วนต่างๆ ที่ครบพอดีของ “ดาบมังกรหยก” ที่ผมชอบใจ อันได้แก่
เรื่องแรก ให้ความรู้สึกของความเป็น “บู๊ลิ้ม” ประกอบด้วย มีจอมยุทธมากหน้าหลายตาที่มีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ทั้งพระเอก “เตียบ้อกี๋” และนางเอกทั้งสี่ อันประกอบด้วย “เตียเมี่ยง จิวจี้เยียก ฮึงลี้ และเสี่ยวเจียว” นอกจากนั้นก็มีเรื่องราวของจอมยุทธต่างๆ ทั้งจากฝ่ายสำนักมาตรฐาน และค่ายสายมาร ทั้งในส่วนของระดับปรมาจารย์รุ่นเดอะ ไล่เรียงมายังลูกศิษย์สำนักรุ่นกลางๆ จนถึงรุ่นใหม่ เรียกได้ว่าครบทุกระดับประทับใจ
และยังมีฉากเรื่องราวครบในส่วนของสำนักมาตรฐานต่างๆ แถมผูกโยงเรื่องราวของปรมาจารย์และการก่อตั้งสำนัก ไม่ว่าจะเป็นจุดกำเนิดของ “บู๊ตึ้ง” โดยปรมาจารย์ “เตียซำฮง” และ “ง้อไบ๊” โดย “ก๊วยเซียง” นอกจากนี้ก็มีการเล่าและบรรยายถึงพฤติกรรมต่างๆ ของสำนักมาตรฐานอื่นๆ รวมไปถึง “พรรคกระยาจก” ค่ายพรรคสำคัญอีกองค์กรหนึ่งของบู๊ลิ้ม นอกจากนี้ก็ยังมีการพูดถึง “ฝ่ายมารในตำนาน” อย่างนิกาย “เม้งก่า” หรือที่ผู้คนในยุทธจักรเรียกขานว่า “นิกายอสูร” มาเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญสำหรับค่ายพรรคสำนักยุทธในบู๊ลิ้ม โดยที่ทั้งหมดต่างผูกพันโยงใยเข้าด้วยกันในความสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ มีทั้งบุญคุณความแค้น รักใคร่อาฆาตพยาบาท ครบครันร่วมโครงสร้างเดียวกัน
นอกจากค่ายพรรคสำนักยุทธแล้ว ในส่วนของ “วิทยายุทธ” นั้นก็ครบครัน ทั้งในด้านลมปราณและด้านกระบวนท่าฝ่ามือหมัดกระบี่ดาบ และอื่นๆ ปรากฏทั้งสุดยอดวิชาสายธรรมมะ “เก้าเอี๊ยง” และสายมาร “เคลื่อนย้ายจักรวาล” ตลอดจนกระบวนท่า “ไทเก๊ก” ซึ่ง “เตียบ้อกี้” เป็นตัวแทนในการสำแดงยอดวิชาได้อย่างเร้าใจ
ไม่เพียงแต่ “สุดยอดวิทยายุทธ” เท่านั้น ที่สร้างสีสันให้กับ “ดาบมังกรหยก” และเป็นที่มาของการสร้างสรรโครงเรื่องของ “กิมย้ง” ก็คือ “ยอดศาสตรา” อย่าง “กระบี่อิงฟ้า” และ “ดาบฆ่ามังกร” ที่ซ่อนความลี้ลับของบู๊ลิ้ม(และชาติบ้านเมือง)อยู่ในนั้น
นอกจากนี้ เรื่องราวของประสบการณ์ “ปาฎิหาริย์” ที่นำมาซึ่งการค้นพบยอดวิชา ก็สอดแทรกอยู่ในเรื่องอย่างเหมาะสมกลมกลืน ถือเป็นการสร้างความรู้สึกสนุกในการอ่านตามแนวนิยายจีนกำลังภายใน และให้ความรู้สึกเร้าใจของความเป็น “บู๊ลิ้ม” ได้เป็นอย่างดี
เรื่องที่สอง ก็คือ การนำเอา “โครงสร้างบู๊ลิ้ม” มาสอดคล้องทาบซ้อนกับ “โครงเรื่องประวัติศาสตร์” ได้อย่างลงตัว เอาความรู้สึกของ “สำนึกแห่งชาติบ้านเมือง” เข้ามาร่วมเป็นแก่นแกน ซึ่งแนวทางนี้ผมพบว่า “กิมย้ง” ถือเป็นสุดยอดในการเขียนแนวดังกล่าว ส่วนตัวผมนั้นเห็นว่า กรณีของ “ดาบมังกรหยก” นั้น สองสัดส่วนได้รับการวางโครงให้ “เกี่ยวโยง” กันอย่างไม่เอียงไปยังฝั่งใดฝั่งหนึ่งมากเกินไป
นั่นก็คือสถานการณ์บู๊ลิ้มไม่ได้ถูกครอบงำมากนักภายใต้ร่มเงาของโครงสร้างประวัติศาสตร์ แต่อิงแอบอยู่อย่างมีจังหวะลงตัวพอดี ให้ความรู้สึกในฐานะ “บู๊ลิ้ม” เป็นส่วนหนึ่งของ “ประเทศชาติบ้านเมือง” โดยไม่ต้องสร้างความเด่นชัดมากเกินไปในการบรรยายเนื้อหา
ซึ่งจุดนี้เองที่ “ดาบมังกรหยก” ที่เป็นภาคสุดท้าย ต่างจาก “มังกรหยกภาคแรก” และทำให้เรารู้สึกถึงความแตกต่างในบุคลิกภาพของ “ก้วยเจ๋ง” กับ “เตียบ้อกี๋” ซึ่งในมุมมองนี้ ผมจะพูดถึงในตอนต่อๆ ไป โดยจะชวนคุยลงลึงในเรื่องของตัวละคร มุ่งเฉพาะประเด็น “อุดมการณ์ทางการเมือง” และวิพากษ์ “เตียบ้อกี้” ว่าแม้จะเก่งครบเครื่องทั้งยอดวิชาสายธรรมมะและสายมาร หากแต่ที่ขาดไปก็คือ “จิตวิญญาณแห่งความเป็นผู้นำ” ในฐานะความเป็น “นิยายจีนกำลังภายใน” แล้ว เราไม่สามารถบอกได้ว่า “ก้วยเจ๋ง” หรือ “เตียบ้อกี้” ใครดีใครเด่นกว่ากัน หากแต่ตัวเอกสองคนนี้มีบุคลิกภาพบางส่วนที่ต่างกันอย่างชัดเจน
เรื่องที่สามต่อมา ก็คือ การสะเทือนอารมณ์ของเรื่องราวและตัวละคร ในฐานะความเป็นมนุษย์ที่แวดล้อมด้วยองค์ประกอบรายรอบที่มากระทบและหล่อหลอม “ทัศนคติ” ในการดำรงตน และจัดการตัดสินใจกระทำในเรื่องต่างๆ ซึ่งส่วนตัวผมนั้นตัวละครที่เด่นมากในจุดนี้ นอกจาก “เตียบ้อกี้” แล้วก็ยังมี “จิวจี้เยียก” และ “เจี่ยซุ่น” ที่มีฉายา “ราชสีห์ขนทอง” ซึ่งจะกล่าวถึงในตอนต่อๆ ไป ในประเด็น “ปม” ของคนเหล่านี้ที่สะท้อนออกมาในสิ่งที่พวกเขา “กระทำ” หรือ “ไม่กระทำ” จุดนี้เองที่ทำให้นิยายจีนกำลังภายในเรื่องนี้มีความสะเทือนอารมณ์ในเชิงดราม่า สะท้อนชีวิตมนุษย์ที่ดำรงอยู่ในสังคมที่แวดล้อม
เรื่องที่สี่ เป็นเรื่องของ “ความรัก” ระหว่าง “พระเอก” และ “สี่นางเอก” ซึ่งนางเอกทั้งสี่ “เตียเมี่ยง-จิวจี้เยียก-ฮึงลี้-เสี่ยวเจียว” ต่างมีปูมหลังที่ผูกพันกับ “เตียบ้อกี๋” ต่างๆ กันไป และมีบุคลิกสี่แบบที่แตกต่างชัดเจนในการแสดงออกถึงรูปแบบของความรักต่างๆ กันไป แต่ละรูปแบบของสัมพันธ์รักระหว่าง “เตียบ้อกี๋” และสาวงามทั้งสี่นั้น มีความสมจริงในฐานะสิ่งที่พบเจอในชีวิตมนุษย์ทั่วไป แตกต่างกับความรักตรึงใจสไตล์เทพนิยายของ “เอี้ยก้วย” และ “เซียวเล่งนึ่ง” ใน “มังกรหยกภาคสอง”
ระหว่างที่เราอ่าน “ดาบมังกรหยก” ไป เราก็มักจะคาดการณ์และคาดหวังต่างๆ กันไปว่า “เตียบ้อกี๋” จะเลือกใคร หรือจะกวาดให้หมดครบสี่เหมือนจอมยุทธในเรื่องอื่นๆ อย่างไรก็ดี “ดาบมังกรหยก” เล่มนี้ ระหว่างดำเนินเรื่อง เราก็จะพบว่า การกวาดหมดครบสี่สาวงาม น่าจะเป็นเรื่องยาก ดังนั้น ผู้อ่านแต่ละท่าน ก็จะสวมวิญญาณเป็น “เตียบ้อกี๋” ไปพร้อมๆ กับอ่านเรื่องราว เท่าที่ผมสอบถามเพื่อนๆ ผู้ได้อ่าน “ดาบมังกรหยก” เรื่องนี้ แต่ละคนต่างก็มีนางเอกที่ตัวเองแอบลุ้นอยู่ในใจเป็นการเฉพาะ ซึ่งผมจะสวมวิญญาณ “เตียบ้อกี๋” เขียนถึงเรื่องนี้แบบลงรายละเอียดในตอนหลังจากนี้นะครับ
เรื่องที่ห้า คือ การเล่าเรื่องที่ถือเป็นจุดเด่นอันหนึ่งของ “กิมย้ง” คือการอธิบายในเรื่อง “เทพ” และ “มาร” ในรูปแบบของ “ในเทพมีมาร” และ “ในมารก็มีเทพ” การแปะป้ายยี่ห้อในสังคมที่ถูกกำหนดขึ้นนั้นแท้จริงแล้วเป็นเพียง “ปัจจัยภายนอกที่มองเห็น” แต่ในส่วนของ “เนื้อใน” นั้น เป็นเรื่องของการพิจารณากันให้ถ่องแท้และลึกซึ้ง ในนิยายเรื่องนี้ “กิมย้ง” ได้สร้างสีสันเอาสำนักสุดยอดธรรมมะอย่าง “เสี่ยวลิ้มยี่” มาสะท้อนภาพในประเด็น “ในเทพก็มีมาร” ได้อย่างท้าทายและน่าประทับใจ ในขณะที่ก็ผูกเรื่องให้ “เม้งก่า” ที่เป็นนิการสายมาร มี “สำนึกส่วนรวม” และให้ “เตียบ้อกี้” ที่จับผลัดจับผลูได้รับตำแหน่ง “หัวหน้าค่ายสายมาร” ได้ทำหน้าที่คลี่คลายปัญหาสาธารณะ
ในตอนต้นของ “ดาบมังกรหยก” ในส่วนที่เป็นเรื่องราวของพ่อแม่ของ “เตียบ้อกี๋” นั่นก็คือ “เตียฉุ่ยซัว” และ “ฮึงซู่ซู่” ได้มีบทสนทนาที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “การประกอบวีรกรรมถือคุณธรรมดีงาม” ที่เป็นบทสนทนาระหว่าง “เจี่ยซุ่น-ราชสีห์ขนทอง” กับ “เตียฉุ่ยซัว” จอมยุทธอันดับห้าใน “เจ็ดจอมยุทธบู๊ตึ้ง” ไว้ดังนี้
หลังจากที่ “ราชสีห์ขนทอง” บ่งบอกความประพฤติชั่วร้ายของผู้นำค่ายสำนักต่างๆ แล้วค่อยประหารฆ่าล้างสิ้น “เตียฉุ่ยซัว” กล่าวว่า
“ท่านประหารฆ่าฟันโดยไม่ไต่ถามผิดถูก ยังมีข้อแตกต่างใดกับคนเหล่านี้”
“ราชสีห์ขนทอง” กล่าวตอบ
“ข้อแตกต่างอันใด เรามีฝีมือสูงเยี่ยม พวกมันฝีมือต้อยต่ำ ผู้ใดเข้มแข็งได้ชัย ผู้อ่อนแอพ่ายแพ้ คือข้อแตกต่าง”
“คนแตกต่างกับสัตว์ที่แยกความผิดถูก เอาแต่เข้มแข็งข่มเหงอ่อนแอ จะต่างอันใดกับสัตว์เดียรัจฉาน”
“หรือในโลกมีการจำแนกผิดถูกจริงๆ ตอนนี้มองโกลยึดครอง คิดฆ่าชาวฮั่นเท่าใดก็ฆ่า หากมองโกลต้องการอิสตรีของมีค่า ก็จะหยิบฉวยช่วงชิง หากชาวฮั่นไม่ยินยอม ก็โดนประหารฆ่าทิ้ง เขาจำแนกผิดถูกกับท่านหรือ”
“เตียฉุ่ยซัว” ได้ยิน “เจี่ยซุ่น” กล่าวดังนั้นจึงตอบว่า “มองโกลโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นสัตว์เดียรัจฉาน ผู้คนล้วนมีปณิธานขับไล่มองโกล กอบกู้แผ่นดินกลับคืน”
“เจี่ยซุ่น” ได้ยินจึงกล่าวสวนว่า “กาลก่อนชาวฮั่นเป็นฮ่องเต้ หรือจำแนกผิดถูกด้วย งักฮุยยอดขุนพล ไยเกาจงสั่งประหารฆ่า ฉิ้งไขว่เป็นกังฉิน ไฉนรั้งตำแหน่งสูงเสพลาภยศสรรเสริญ”
“เตียฉุ่ยซัว” ตอบว่า “ผู้ปกครองชั่วร้าย จึงรับผลกรรม ต่างชาติเข้ามายึดครอง นี่คือผลลัพธ์แห่งผิดถูก”
“เจี่ยซุ่น” สวนกลับว่า “ผิดพลาดของผู้ปกครอง เหตุใดผู้รับกรรมเดือดร้อนเป็นชาวฮั่นทั้งแผ่นดิน ราษฏรกระทำผิดอันใด จึงรับผลเช่นนี้”
แล้วประชาชนคนธรรมดาอยู่เพื่ออะไร?
“พวกเราฝึกวิชาบู๊ ก็เพื่อประกอบวีรกรรมค้ำจุนแผ่นดิน”
“ประกอบวีรกรรมมีอันใดดี ไยต้องประกอบวีรกรรมถือคุณธรรม”
เมื่อได้ฟังเช่นนี้ “เตียฉุ่ยซัว” คิดขึ้น เขาได้รับการอบรมจากซือแป๋แต่เล็ก ให้ฝึกฝีมือสร้างวีรกรรมถือคุณธรรมเป็นมูลฐาน ฝึกฝีมือเป็นปลายเหตุ ในใจไม่เคยคิดว่า “ไยต้องประกอบวีรกรรมถือคุณธรรม” เพียงเห็นว่าเป็นหลักการอันชอบธรรม เป็นเหตุผลที่กระจ่างในตัว ยึดหลักการ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” แต่ในขณะเดียวกัน กลับมีข้อโต้แย้งที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง คนที่ทำดีก็มีที่ประสบชะตากรรมรันทด
ในที่สุดแล้วท่ามกลางความสงสัย “เตียฉุ่ยซัว” ได้กล่าววาทะที่ผมรู้สึกกินใจอย่างมากก็คือ
“ธรรมแห่งฟ้ายากบอกกล่าว เรื่องราวคนยากหยั่งทราบ พวกเราเพียงมุ่งประพฤติคุณธรรม แต่เป็นวาสนาหรือคราเคราะห์ไม่จำเป็นต้องนึกถึง”
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000094133
ผมเอา คอลัมน์ : บู๊ลิ้ม มาฝากครับพี่ป้อม
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5208
มีหรือครับระดับกิมย้งจะไม่ทราบเรื่องธรรมแห่งฟ้าvichit เขียน: “ธรรมแห่งฟ้ายากบอกกล่าว เรื่องราวคนยากหยั่งทราบ พวกเราเพียงมุ่งประพฤติคุณธรรม แต่เป็นวาสนาหรือคราเคราะห์ไม่จำเป็นต้องนึกถึง”
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000094133
ผมเอา คอลัมน์ : บู๊ลิ้ม มาฝากครับพี่ป้อม
เพียงแต่วิธีนำเสนอกิมย้งก็จะออกแนวพลอตนี้
เป็นแนวกระตุ้นให้ผู้คนสงสัย
แล้วก็อยากค้นคว้าหาทางออกด้วยตัวเอง
ซึ่งจะว่าไปก็อาจเป็นวิธีเดียวที่จะเข้าใจสิ่งนี้ได้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5209
วันนี้ เกิดความ สงสัย ว่า
การซื้อสัตว์มาปล่อย เป็น สิ่งที่ดี ที่ควร ทำจริงหรือไม่ เพราะ ถ้าไม่มี demand ในการซื้อสัตว์มาปล่อย คนก็ไม่จับมาขายให้ ปล่อย สัตว์ก็ไม่ต้องทรมานหรือตาย
การซื้อสัตว์มาปล่อย เป็น สิ่งที่ดี ที่ควร ทำจริงหรือไม่ เพราะ ถ้าไม่มี demand ในการซื้อสัตว์มาปล่อย คนก็ไม่จับมาขายให้ ปล่อย สัตว์ก็ไม่ต้องทรมานหรือตาย
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5210
เวลาใจสงสัย รู้ให้เท่าทันใจว่ากะลังสงสัยPERFECT LUCKY เขียน:วันนี้ เกิดความ สงสัย ว่า
การซื้อสัตว์มาปล่อย เป็น สิ่งที่ดี ที่ควร ทำจริงหรือไม่ เพราะ ถ้าไม่มี demand ในการซื้อสัตว์มาปล่อย คนก็ไม่จับมาขายให้ ปล่อย สัตว์ก็ไม่ต้องทรมานหรือตาย
ก็ได้คะแนนภาวนา1คะแนนแล้วนะ
ดูสิ่งที่เกิดที่กายที่ใจเราเป็นดีสุดครับ
อย่างตอนที่ต้อมไปทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา
ก็ูให้ดูที่ใจครับ
ใจสบาย ได้แผ่เมตตาให้เหล่าสรรพสัตว์ก็ได้อีก1คะแนน
หรือในใจกะลังนึกด่าคนจับสัตว์มาให้ปล่อย
รู้ให้เท่าทันใจในตอนนั้นก็ได้อีก1คะแนน
แต่ถ้าเผลอด่าพวกเขาไป โดยไม่รู้เท่าทันใจ
เสียทั้งเงินเสียทั้งเวลา
ดันมาได้จิตอกุศลหนึ่งดวงแทนของที่เสียไปละครับทีนี้...ฮ่า...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5213
สนใจอยากรู้คำตอบ หาตัวเต็มอ่านเองที่นี่นะครับ
ชื่อหนังสือก็ชีิวิตไม่ใช่ของเล่น
http://www.waluka.com/?name=knowledge&f ... edge&id=61
ดี๊ดี...ฮ่า...
ชื่อหนังสือก็ชีิวิตไม่ใช่ของเล่น
http://www.waluka.com/?name=knowledge&f ... edge&id=61
ดี๊ดี...ฮ่า...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5214
เมื่อก่อนก็มีคนส่งเมล์พวกนี้มาให้นะ
ไม่ค่อยอ่านหรอก
ในใจว่าไร้สาระ
กรูเก่งกว่านี้เยอะ จาไปอ่านทำไม...ฮ่า...
ข้อกรูเก่งนี่ตกข้อสองพอดีเลย...ฮ่า...
ที่ฮ่าที่สุดคือ...ทั้ง14ข้อนี่เก่งกว่ากรูทั้งนั้นเลย...ฮ่า...
คำสอน ของ ท่านพุทธทาส
1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ตัวเราเอง
2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอวดดี
3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกลวง
4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอิจฉาริษยา
5. ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การยอมแพ้ตัวเอง
6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกตัวเอง
7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความถดถอยของตัวเอง
8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอุตสาหะ วิริยะ
9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความสิ้นหวัง
10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ สุขภาพที่สมบูรณ์
11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ หนี้บุญคุณ
12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้อภัยและความเมตตากรุณา
13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล
14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้ทาน
ไม่ค่อยอ่านหรอก
ในใจว่าไร้สาระ
กรูเก่งกว่านี้เยอะ จาไปอ่านทำไม...ฮ่า...
ข้อกรูเก่งนี่ตกข้อสองพอดีเลย...ฮ่า...
ที่ฮ่าที่สุดคือ...ทั้ง14ข้อนี่เก่งกว่ากรูทั้งนั้นเลย...ฮ่า...
คำสอน ของ ท่านพุทธทาส
1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ตัวเราเอง
2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอวดดี
3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกลวง
4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอิจฉาริษยา
5. ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การยอมแพ้ตัวเอง
6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกตัวเอง
7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความถดถอยของตัวเอง
8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอุตสาหะ วิริยะ
9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความสิ้นหวัง
10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ สุขภาพที่สมบูรณ์
11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ หนี้บุญคุณ
12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้อภัยและความเมตตากรุณา
13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล
14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้ทาน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5215
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1219
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5218
งั้นชีวิตนี้ผมติดหนี้ยิ่งใหญ่ในข้อ11 แก่พี่ป้อมซ๊ะแล้วซิครับเนี๊ยะ...por_jai เขียน: เมื่อก่อนก็มีคนส่งเมล์พวกนี้มาให้นะ
ไม่ค่อยอ่านหรอก
ในใจว่าไร้สาระ
กรูเก่งกว่านี้เยอะ จาไปอ่านทำไม...ฮ่า...
ข้อกรูเก่งนี่ตกข้อสองพอดีเลย...ฮ่า...
ที่ฮ่าที่สุดคือ...ทั้ง14ข้อนี่เก่งกว่ากรูทั้งนั้นเลย...ฮ่า...
คำสอน ของ ท่านพุทธทาส
1. ศัตรูที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ตัวเราเอง
2. ความล้มเหลวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอวดดี
3. การกระทำที่โง่เขลาที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกลวง
4. สิ่งที่แสนสาหัสที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอิจฉาริษยา
5. ความผิดพลาดมหันต์ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การยอมแพ้ตัวเอง
6. สิ่งที่เป็นอกุศลที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การหลอกตัวเอง
7. สิ่งที่น่าสังเวชที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความถดถอยของตัวเอง
8. สิ่งที่น่าสรรเสริญที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความอุตสาหะ วิริยะ
9. ความล้มละลายที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ ความสิ้นหวัง
10. ทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ สุขภาพที่สมบูรณ์
11. หนี้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ หนี้บุญคุณ
12. ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้อภัยและความเมตตากรุณา
13. ข้อบกพร่องที่ใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การมองโลกในแง่ร้ายและไร้เหตุผล
14. สิ่งที่ทำให้อิ่มอกอิ่มใจที่สุดในชีวิตเรา ก็คือ การให้ทาน
(แฮ่...แต่ก็ยินดีที่จะติดครับ เพราะถ้าชาตินี้ใช้หนี้ไม่หมด
ชาติหน้าหากมีโอกาสได้เกิดมา จะได้เจอคนดีๆแบบพี่อีก )
ซื้อหุ้นตัวที่เมื่อมองไปในอนาคตแล้ว ที่ปัจจุบันราคายัง undervalue ที่สุด
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5220
ของเล่นแปะติดจอคอม น่ารักดี
เหมาะกับการทำไว้ใช้
จะได้ไม่มือซนไปเทรดหุ้นบ่อยๆ
http://www.cartoonnetwork.com/tv_shows/ ... index.html
เครดิตจากที่นี่ครับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 84817.html
เหมาะกับการทำไว้ใช้
จะได้ไม่มือซนไปเทรดหุ้นบ่อยๆ
http://www.cartoonnetwork.com/tv_shows/ ... index.html
เครดิตจากที่นี่ครับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 84817.html
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า