รุ้งกินน้ำ
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5071
แรกๆคงต้องใช้เวลาฟื้น ผมเคยกลับมาตีแบด ลูกแบดตกใส่หัว ดังต๊อง
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
- Fon^^
- Verified User
- โพสต์: 604
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5072
สวัสดีค่ะพี่ป้อม
ขอบคุณคำแนะนำพี่ป้อมมากๆนะคะ
ฝนพยายามเลิก "เสพติดความยุ่ง" แล้วค่ะ พยายาม"นิ่งดูตัวเอง" ยากจังค่ะ - -"
ฝนเคยอ่านเจอเรื่องเล่าในกระทู้พี่ป้อมนี้ค่ะ แต่หาไม่เจอ ก็เลยถือโอกาสเอามาแปะใหม่ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า...
พ่อค้าคนหนึ่ง ล่องเรือไปที่เกาะแห่งหนึ่งเพื่อจะขายรองเท้า
เมื่อถึงเกาะก็ให้ลูกศิษย์ 2คนไปสำรวจดูรอบเกาะ
ซึ่งพบว่าคนบนเกาะไม่มีใครใส่รองเท้าสักคน
ลูกศิษย์คนแรก เดินกลับมาทำหน้าเศร้าเสียใจ กลับมามาบอกพ่อค้าว่า
"ขายรองเท้าที่เกาะนี้ไม่ได้แน่ๆ เพราะคนบนเกาะ ไม่มีใครใส่รองเท้าเลยซักคนเดียว"
ลูกศิษย์คนที่สอง วิ่งกลับมาด้วยความดีอกดีใจ พูดกับพ่อค้าว่า
"ที่เกาะแห่งนี้เป็นตลาดใหญ่มาก เพราะยังไม่มีใครใส่รองเท้าเลย"
พี่ป้อมคิดดูนะ ถ้าขายให้คนเอเชียได้จะขนาดใหน
ปล. Bias มาก โดยเฉพาะตอนอยู่ในแนวโน้มอุตสาหกรรมขาขึ้น
ขอบคุณคำแนะนำพี่ป้อมมากๆนะคะ
ฝนพยายามเลิก "เสพติดความยุ่ง" แล้วค่ะ พยายาม"นิ่งดูตัวเอง" ยากจังค่ะ - -"
ฝนเคยอ่านเจอเรื่องเล่าในกระทู้พี่ป้อมนี้ค่ะ แต่หาไม่เจอ ก็เลยถือโอกาสเอามาแปะใหม่ค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า...
พ่อค้าคนหนึ่ง ล่องเรือไปที่เกาะแห่งหนึ่งเพื่อจะขายรองเท้า
เมื่อถึงเกาะก็ให้ลูกศิษย์ 2คนไปสำรวจดูรอบเกาะ
ซึ่งพบว่าคนบนเกาะไม่มีใครใส่รองเท้าสักคน
ลูกศิษย์คนแรก เดินกลับมาทำหน้าเศร้าเสียใจ กลับมามาบอกพ่อค้าว่า
"ขายรองเท้าที่เกาะนี้ไม่ได้แน่ๆ เพราะคนบนเกาะ ไม่มีใครใส่รองเท้าเลยซักคนเดียว"
ลูกศิษย์คนที่สอง วิ่งกลับมาด้วยความดีอกดีใจ พูดกับพ่อค้าว่า
"ที่เกาะแห่งนี้เป็นตลาดใหญ่มาก เพราะยังไม่มีใครใส่รองเท้าเลย"
พี่ป้อมคิดดูนะ ถ้าขายให้คนเอเชียได้จะขนาดใหน
ปล. Bias มาก โดยเฉพาะตอนอยู่ในแนวโน้มอุตสาหกรรมขาขึ้น
ผิดหนึ่งพึงจดไว้.....ในสมอง
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
เร่งระวังผิดสอง.....ภายหน้า
สามผิดเร่งคิดตรอง จงหนัก.....เพื่อนเอย
ถึงสี่อีกทีห้า.....หกซ้ำ อภัยไฉน
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5073
หมอฝนจ๋าFon^^ เขียน: พี่ป้อมคิดดูนะ ถ้าขายให้คนเอเชียได้จะขนาดใหน
ปล. Bias มาก โดยเฉพาะตอนอยู่ในแนวโน้มอุตสาหกรรมขาขึ้น
คนเอเซียโดยเฉพาะจีนนะ
บริษัทเขาไปทำอยู่ห้าปี เพิ่งจะโงหัวได้
เมืองจีนอาหารสดเยอะแยะครับ
แถมยังมีคติจนเป็นประเพณีอีกว่า
'กินเฉพาะที่ว่ายน้ำได้'อีกตะหาก
ผมเห็นสินค้่าตัวนี้ตั้งแต่หัวเืท่ากำปั้น
ทุกวันนี้เวลาสั่งมากินก็กินให้หายคิดถึงอดึตเท่านั้นเอง
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5076
สนครับพี่ ผมว่า เทคนิคอลเป็นศาสตร์ที่อุดช่องโหว่ของ VI ครับ เพราะ Fair Value ไม่ได้มีค่าตายตัวเพียงค่าเดียว เนื่องจากเราไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ และข้อมูลที่ปัญญาของเราสามารถรับรู้และวิเคราะห์ได้เป็นไปอย่างจำกัด จึงทำให้ Fair Value ไม่มีค่าตายตัว Technical Analysis จึงเป็นตัวช่วยจำกัดความเสี่ยงของ VI ได้ เวลาราคาหุ้นอยู่ในช่วงที่เริ่ม fairpor_jai เขียน:สนใจเทคนิคอลด้วยหรือpicatos เขียน:
ขอบคุณครับพี่ป้อม
ผมจะว่าไปก็เป็นแฟนตี่เวลาวิเคราะห์หุ้นอะไรซักตัว
แบบว่าแกะยิบๆๆ
อย่างไรก็ตาม ผมก็ใช้ Technical แบบงูๆ ปลาๆ เป็นเครื่องมือรอง ที่ใช้จำกัดความเสี่ยง และป้องกันการขายหมู เท่านั้น ไม่ได้ใช้เป็นเครื่องมือหลัก
ผมว่า นักลงทุนไม่ว่าจะสายไหนสุดท้ายถ้าจะเก่งก็ต้องรู้เขารู้เราบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งผมคิดว่านักเทคนิคบางคนอาจจะรู้พื้นฐานกิจการดีกว่า คนที่เรียกตัวเองว่า VI บางคนด้วยซ้ำ เพียงแต่เค้าใช้เทคนิคเป็นเรื่องมือหลักซะมากกว่า
อันนี้เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ถ้ามีสติเข้าไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับกายและใจของเราอย่างละเอียดๆ เวลามันเป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ การรับรู้ถึงเวลาก็เป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ด้วยเช่นกันเมื่อเอาเวลาเทียบกับจิตแล้ว
เวลายิ่งไม่มีอยู่จริงเข้าไปใหญ่เลยครับ
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5077
พี่ป้อมฝากซื้อ เป๊ปซี่ใส่น้ำแข็งบดถวายพระด้วยครับ ซื้อหลายถุงนะครับ หลวงพี่ชอบแจกพระรูปอื่นหมด จนตัวเองไม่มีฉัน
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5079
พรุ่งนี้ผมไม่ว่างไปส่งหลวงพี่นะ อาจไปพร้อมคุณนั่นแหละศุกร์หน้าsmith_sanguan เขียน:พี่ป้อมฝากซื้อ เป๊ปซี่ใส่น้ำแข็งบดถวายพระด้วยครับ ซื้อหลายถุงนะครับ หลวงพี่ชอบแจกพระรูปอื่นหมด จนตัวเองไม่มีฉัน
นี่ก็สั่งผมซื้อคอมให้วัดไปตัวนึง
ผมเอาไปฝากคุณหน่อยเมื่อกลางวันเรียบร้อยไปแล้ว...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5080
หมอเคคร้าบcrazyrisk เขียน:พี่ป้อมครับ คิป ipad ทางเมลมันเปิดไม่ได้อ่ะ
upload ทาง utube ได้ไหมคับ
ผมใช้galaxy tabนะครับ ไม่ได้ใช้ไอแพด
ปกติถ้าจะโหลดไฟล์ในyoutubeสำหรับคอมที่บ้าน
ก็ใช้โปรแกรมspeedbit videoโหลดครับ
แต่ในไอแพดนี่ไม่ทราบเหมือนกัน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 464
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5081
por_jai เขียน:หมอเคคร้าบcrazyrisk เขียน:พี่ป้อมครับ คิป ipad ทางเมลมันเปิดไม่ได้อ่ะ
upload ทาง utube ได้ไหมคับ
ผมใช้galaxy tabนะครับ ไม่ได้ใช้ไอแพด
ปกติถ้าจะโหลดไฟล์ในyoutubeสำหรับคอมที่บ้าน
ก็ใช้โปรแกรมspeedbit videoโหลดครับ
แต่ในไอแพดนี่ไม่ทราบเหมือนกัน
ipad ก็ใช้ speedbit hd ครับ ใช้ดีทีเดียวครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5082
ได้บุญหลายครับpor_jai เขียน:พรุ่งนี้ผมไม่ว่างไปส่งหลวงพี่นะ อาจไปพร้อมคุณนั่นแหละศุกร์หน้าsmith_sanguan เขียน:พี่ป้อมฝากซื้อ เป๊ปซี่ใส่น้ำแข็งบดถวายพระด้วยครับ ซื้อหลายถุงนะครับ หลวงพี่ชอบแจกพระรูปอื่นหมด จนตัวเองไม่มีฉัน
นี่ก็สั่งผมซื้อคอมให้วัดไปตัวนึง
ผมเอาไปฝากคุณหน่อยเมื่อกลางวันเรียบร้อยไปแล้ว...
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5083
กรรมอย่างหนึ่งของมนุษย์ก็คือ "เวลา"picatos เขียน:por_jai เขียน:picatos เขียน:
อันนี้เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ถ้ามีสติเข้าไปเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับกายและใจของเราอย่างละเอียดๆ เวลามันเป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ การรับรู้ถึงเวลาก็เป็นไปตามกฎของไตรลักษณ์ด้วยเช่นกันเมื่อเอาเวลาเทียบกับจิตแล้ว
เวลายิ่งไม่มีอยู่จริงเข้าไปใหญ่เลยครับ
ร่างกายมนุษย์ประกอบด้วยเซล ๑๐๐ ล้านล้านเซล
แต่ละเซลจะมีนาฬิกาชีวภาพของใครของมัน ทำหน้าที่เหมือนนาฬิกาทรายจับเวลา
การนำพาชีวิตให้รอดไปในแต่ละวันคืองานสำคัญของธรรมชาติมนุษย์ เป็นล้านปีมาแล้ว
จนดูเหมือนธรรมชาติต้องติดตั้งเครื่องจับเวลาเอาไว้ทั่ว
แล้วเวลาก็มาย้อนมาทำร้ายมนุษย์
ทำให้จิตไปยึดติดกับ อดีต ปัจจุบัน อนาคต
เกิดการเปรียบเทียบ
เกิดทุกข์
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5087
นามสกุลคนเขียนน่าจะเขียนอะไรเบาๆกว่านี้นะครับเนี่ย
เพิ่มค่าปรับ...แพทย์หนีใช้ทุน 20 ล้านบาท? บทความโดย นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ
มติชนออนไลน์ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 12:59:39 น.
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 3&grpid=&a mp;catid=02&subcatid=0200
การใช้ทุนของแพทย์ คือการคืนทุนเพื่อรับใช้สังคม...
แม้ว่าการเรียนแพทย์นั้น จะไม่ได้รับทุนที่เป็นตัวเงินเหมือนทุนของโรงเรียนนายร้อยหรือโรงเรียนพยาบา ล เพราะการเรียนแพทย์นั้น ค่าเทอม ค่าเสื้อผ้า ค่าหนังสือ ค่าอาหาร สารพัดค่าใช้จ่ายทางตรงล้วนต้องจ่ายเองทั้งสิ้น
เหตุที่เรียกว่าแพทย์ใช้ทุนก็เพราะ...การเรียนแพทย์เป็นการเรียนการสอนที่ใช ้ทรัพยากรของหลวงอย่างมาก ทั้งอาคารสถานที่ อาจารย์แพทย์ก็ได้เงินเดือนจากภาษีประชาชน การสั่งใช้ยา การสั่งตรวจเลือด การทำหัตถการต่างๆ ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นในการเรียนการสอนทั้งสิ้น
ต้นทุนในการเรียนแพทย์ที่สำคัญที่สุด...ไม่ใช่เงิน แต่คือผู้ป่วยหลายร้อยหลายพันคนที่ยอมให้นักศึกษาแพทย์เย็บแผลทั้งๆ ที่มือยังสั่นอยู่ ทำคลอดลูกสุดที่รักของเขาโดยไร้ประสบการณ์ ผ่าตัดด้วยระยะเวลาการผ่าตัดยาวนานกว่าที่ควรจะเป็น หรือเจาะเลือด เจาะชิ้นเนื้อ ตรวจร่างกาย ตรวจภายใน เพื่อการเรียนรู้ทั้งๆ ที่อาจเกินจำเป็น รวมทั้งการสั่งใช้ยาโดยที่ยังอ่อนประสบการณ์
แม้ทั้งหมดนี้จะมีอาจารย์แพทย์ช่วยดูแลร่วมด้วย แต่ผู้ป่วยที่ยอมอุทิศร่างกายมาให้แพทย์ฝึกหัด ล้วนแต่เป็นผู้ป่วยที่มีฐานะไม่ร่ำรวย ส่วนคนมีฐานะที่พักในห้องพิเศษหรือคนไข้ในโรงพยาบาลเอกชน แทบจะหาไม่ได้ที่จะยอมมาเป็นครูให้นักศึกษาแพทย์เด็กๆ ได้เรียนรู้ ฝึกฝน ลองผิดลองถูกจนจบปริญญา และสิ่งนี้คือต้นทุนมูลค่ามหาศาล จนไม่อาจตีค่าเป็นเงินได้
เมื่อใช้ทรัพยากรหลวงอย่างมหาศาลในการสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา จากเด็กมัธยมกะโปโลจนได้เป็นนายแพทย์ ควรต้องกลับไปรับใช้สังคม ดูแลประชาชนด้วย
จึงมีการกำหนดกติกาให้แพทย์ต้องใช้ทุน 3 ปีหลังเรียนจบ เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินตั้งแต่ปี 2516 เป็นต้นมา
การใช้ทุนของแพทย์ จึงเป็นหัวใจของการคืนทุนเพื่อตอบแทนผู้ป่วย ตอบแทนประชาชนและสังคม ที่ได้อนุเคราะห์ให้แพทย์ได้เรียนรู้ ใช้ทรัพยากรในการฝึกฝน จนมีวิชาชีพที่จะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวให้เป็นคนมีฐานะมีเกียรติในสังคม
แม้แพทย์ส่วนใหญ่จะมีสำนึกของการใช้ทุนอยู่แล้วโดยไม่ต้องบังคับ
แต่แพทย์อีกกลุ่มใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น ต้องการไปทำงานในโรงพยาบาลเอกชนหรือโรงพยาบาลใหญ่ในเมือง เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว ตามวิถีทุนนิยมและบริโภคนิยมต่อไป
การบังคับให้แพทย์ต้องใช้ทุน จึงเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาสมองไหลและขาดแคลนแพทย์ในชนบทของประเทศไทย หากไม่ใช้ทุนก็ต้องจ่ายค่าปรับสูงถึง 400,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมทางสาธารณสุขที่สำคัญยิ่งประการหนึ่ง และทำให้แพทย์กระจายไปในพื้นที่ชนบทรวมทั้งโรงพยาบาลของรัฐในต่างจังหวัด ขยับดีขึ้นตามลำดับ
แต่ปัจจุบัน เงินค่าปรับ 400,000 บาท “น้อย” เกินกว่าที่จะหยุดยั้งแพทย์ให้ใช้ทุนนาน 3 ปีอีกต่อไปแล้ว
แพทย์เกือบ 1 ใน 3 ที่ลาออกจากราชการก่อนใช้ทุนครบ ก็เพราะค่าปรับใช้ทุนเพียง 4 แสนบาทนั้น “เล็กน้อย” จนแทบจะซื้อรถยนต์คันเล็กๆ สักคันยังไม่ได้
มีความเห็นพ้องต้องกันว่า...ควรขึ้นค่าปรับสำหรับแพทย์ที่ไม่ประสงค์จะใช้ทุ น แต่ตัวเลขเงินค่าปรับที่จะกำหนดขึ้นมาใหม่แทนตัวเลข 400,000 บาทที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2516 ยังมีการถกเถียงกันอยู่ ว่าตัวเลขใหม่ควรเป็นเท่าใด และเอาหลักเกณฑ์อะไรมาคิด
ในขณะนี้ตัวเลขที่เป็นทางการและถูกพูดถึงมี 2 ตัวเลขคือ
1. ค่าเทอมตลอด 6 ปีของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นคณะแพทยศาสตร์เอกชนแห่งเดียว โดยค่าเทอมแพทย์รังสิต 350,000 บาท/ปี รวม 6 ปี เป็นเงิน 2,100,000 บาท...เมื่อเทียบกับเงิน 400,000 บาทที่ต้องใช้ทุนเดิม ก็จะเป็นเงินที่เพิ่มขึ้น 5.25 เท่า
2. งบประมาณรายหัวของนักศึกษาในโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบทของกระทรวงสา ธารณสุข ที่ได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นรายหัวๆ ละ 300,000 บาท/ปี รวม 6 ปี เป็นเงิน 1,800,000 บาท...เมื่อเทียบกับเงิน 400,000 บาทที่ต้องใช้ทุนเดิม ก็จะเป็นเงินที่เพิ่มขึ้น 4.5 เท่า
อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปมองจำนวนเงิน 400,000 บาทในอดีตเมื่อ 38 ปีที่แล้ว เงินจำนวนนี้มีค่ามากมายเพียงใด ดัชนีชาวบ้านที่ง่ายที่สุดได้แก่...
-ราคาทองคำในปี 2516 บาทละ 400 บาท ปัจจุบันทองคำราคาบาทละกว่า 20,000 บาท เพิ่มขึ้น 50 เท่า...หากคิดในฐานคิดนี้ ค่าปรับการไม่ใช้ทุนก็ควรจะเป็น 20 ล้านบาท
-ราคาน้ำมันดิบในปี 2516 บาร์เรลละ 3 ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันราคาประมาณ 120 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 40 เท่า...หากคิดในฐานคิดนี้ ค่าปรับการไม่ใช้ทุนก็ควรจะเป็น 16 ล้านบาท
- ราคาก๋วยเตี๋ยวในปี 2516 ชามละ 3 บาท ปัจจุบันชามละ 30-40 บาท เพิ่มขึ้น 10-13เท่า...หากคิดในฐานคิดนี้ ค่าปรับการไม่ใช้ทุนก็ควรจะเป็น 4-5 ล้านบาท
- และที่สำคัญ ปี 2516 เป็นปีแรกที่มีการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนค่าเงินที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง โดยประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับแรก เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ประกาศฉบับที่ 1 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2516 ให้พื้นที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี กำหนดค่าแรงขั้นต่ำที่ 12 บาท ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ประกาศใช้ 1 มกราคม 2554 อยู่ที่ 215 บาท เพิ่มขึ้น 18 เท่า...หากคิดในฐานคิดนี้ ค่าปรับการไม่ใช้ทุนก็ควรจะเป็น 7.2 ล้านบาทจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะนำฐานคิดใดเข้ามาอ้างอิง ตัวเลขค่าปรับการไม่ใช้ทุนต้องเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน
แต่หากนำมูลค่าตามเจตนารมณ์เดิมของการกำหนดให้แพทย์ต้องมีการใช้ทุน ก็ควรเพิ่มค่าปรับอย่างน้อย 7.2 ล้านบาท หรืออาจสูงถึง 10 ล้านบาทก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
เพราะหากแพทย์จบใหม่ที่มีอายุเฉลี่ย 24 ปี ออกไปปฏิบัติงานใช้ทุนครบ 3 ปี ก็ไม่ต้องเสียเงินค่าปรับแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเมื่อครบใช้ทุนก็มีอายุเพียง 27 ปีเท่านั้น ยังมีพลังอีกมากมายในการกลับมาศึกษาต่อหรือย้ายเข้ามาทำงานใกล้ครอบครัวต่อไ ป
ปัจจุบัน กระแสทุนนิยมและบริโภคนิยมที่รุนแรงถั่งโถมเข้าท้าทายอุดมการณ์และจิตสำนึกใ นการรับใช้สังคมของวิชาชีพแพทย์มากพอสมควร การลาออกของแพทย์ไปอยู่ภาคเอกชน สร้างเนื้อสร้างตัว ทอดทิ้งคนชนบทให้ขาดแคลนแพทย์นั้น...มีให้เห็นมากขึ้น
กระทรวงสาธารณสุขจึงควรทำหน้าที่ปกป้องสุขภาพของประชาชน ไม่ใช่เล่นบทเดียวกับองค์กรวิชาชีพที่ทำหน้าที่ปกป้องแพทย์ด้วยการพยายามยกเ ลิกการใช้ทุน หรือยื้อที่จะไม่ปรับเพิ่มค่าปรับการใช้ทุน หรือเพิ่มให้เพียงเล็กน้อย
กระทรวงสาธารณสุขต้องมีจุดยืนที่จะกำหนดค่าปรับในการไม่ใช้ทุนให้สูงมากพอที ่จะทำให้แพทย์เกือบทุกคนยินดีไปใช้ทุน เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินกันอย่างถ้วนหน้า
ซึ่งค่าปรับที่มากกว่า 10 ล้านบาทเท่านั้นที่จะเป็นยาแรง ช่วยลดการลาออกระหว่างการชดใช้ทุนได้อย่างเห็นผล เพราะลำพังการเพิ่มค่าปรับจาก 4 แสนบาทมาเป็น 1.8 ล้านบาทหรือ 2.1 ล้านบาท ยังถือว่า “ไม่สูงพอ” ที่จะทำให้เกิดความเสมอภาคในการใช้ทุนเพื่อรับใช้ประเทศชาติในการดูแลสุขภาพ ของประชาชนไทยโดยเฉพาะในชนบท
ทุกวันนี้ รายได้ของแพทย์ที่ไปใช้ทุนในชนบทนั้น แม้จะไม่มากเท่ากับโรงพยาบาลเอกชน แต่ถ้ารวมกับการอยู่เวรนอกเวลาราชการด้วยแล้ว บางคนอาจมีรายได้เข้าใกล้หลักแสนบาทต่อเดือน ซึ่งไม่เอาเปรียบแพทย์ใช้ทุนจนเกินไปนัก
ที่ผ่านมา ทั่วโลกชื่นชมประเทศไทยที่ใช้มาตรการบังคับใช้ทุนของแพทย์เป็นเวลา 3 ปีหลังจบการศึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์ในชนบท ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพของประชาชนที่อยู่ห่างไกล
แต่ภาวะสมองไหลของแพทย์ “หนี” การใช้ทุน ที่เพิ่มสูงขึ้นจนน่าวิตก จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่กระทรวงสาธารณสุขต้องหาคำตอบว่า...ค่าปรับ 10 หรือ 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการใช้ทุนของแพทย์นาน 3 ปี โดยไม่ต้องจ่ายแม้แต่บาทเดียว คำตอบไหนที่สังคมไทยจะได้ประโยชน์สูงสุด ก่อนที่การขาดแคลนแพทย์ภาครัฐจะวิกฤตมากกว่านี้
เพิ่มค่าปรับ...แพทย์หนีใช้ทุน 20 ล้านบาท? บทความโดย นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ
มติชนออนไลน์ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 12:59:39 น.
http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 3&grpid=&a mp;catid=02&subcatid=0200
การใช้ทุนของแพทย์ คือการคืนทุนเพื่อรับใช้สังคม...
แม้ว่าการเรียนแพทย์นั้น จะไม่ได้รับทุนที่เป็นตัวเงินเหมือนทุนของโรงเรียนนายร้อยหรือโรงเรียนพยาบา ล เพราะการเรียนแพทย์นั้น ค่าเทอม ค่าเสื้อผ้า ค่าหนังสือ ค่าอาหาร สารพัดค่าใช้จ่ายทางตรงล้วนต้องจ่ายเองทั้งสิ้น
เหตุที่เรียกว่าแพทย์ใช้ทุนก็เพราะ...การเรียนแพทย์เป็นการเรียนการสอนที่ใช ้ทรัพยากรของหลวงอย่างมาก ทั้งอาคารสถานที่ อาจารย์แพทย์ก็ได้เงินเดือนจากภาษีประชาชน การสั่งใช้ยา การสั่งตรวจเลือด การทำหัตถการต่างๆ ล้วนเป็นค่าใช้จ่ายที่มองไม่เห็นในการเรียนการสอนทั้งสิ้น
ต้นทุนในการเรียนแพทย์ที่สำคัญที่สุด...ไม่ใช่เงิน แต่คือผู้ป่วยหลายร้อยหลายพันคนที่ยอมให้นักศึกษาแพทย์เย็บแผลทั้งๆ ที่มือยังสั่นอยู่ ทำคลอดลูกสุดที่รักของเขาโดยไร้ประสบการณ์ ผ่าตัดด้วยระยะเวลาการผ่าตัดยาวนานกว่าที่ควรจะเป็น หรือเจาะเลือด เจาะชิ้นเนื้อ ตรวจร่างกาย ตรวจภายใน เพื่อการเรียนรู้ทั้งๆ ที่อาจเกินจำเป็น รวมทั้งการสั่งใช้ยาโดยที่ยังอ่อนประสบการณ์
แม้ทั้งหมดนี้จะมีอาจารย์แพทย์ช่วยดูแลร่วมด้วย แต่ผู้ป่วยที่ยอมอุทิศร่างกายมาให้แพทย์ฝึกหัด ล้วนแต่เป็นผู้ป่วยที่มีฐานะไม่ร่ำรวย ส่วนคนมีฐานะที่พักในห้องพิเศษหรือคนไข้ในโรงพยาบาลเอกชน แทบจะหาไม่ได้ที่จะยอมมาเป็นครูให้นักศึกษาแพทย์เด็กๆ ได้เรียนรู้ ฝึกฝน ลองผิดลองถูกจนจบปริญญา และสิ่งนี้คือต้นทุนมูลค่ามหาศาล จนไม่อาจตีค่าเป็นเงินได้
เมื่อใช้ทรัพยากรหลวงอย่างมหาศาลในการสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมา จากเด็กมัธยมกะโปโลจนได้เป็นนายแพทย์ ควรต้องกลับไปรับใช้สังคม ดูแลประชาชนด้วย
จึงมีการกำหนดกติกาให้แพทย์ต้องใช้ทุน 3 ปีหลังเรียนจบ เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินตั้งแต่ปี 2516 เป็นต้นมา
การใช้ทุนของแพทย์ จึงเป็นหัวใจของการคืนทุนเพื่อตอบแทนผู้ป่วย ตอบแทนประชาชนและสังคม ที่ได้อนุเคราะห์ให้แพทย์ได้เรียนรู้ ใช้ทรัพยากรในการฝึกฝน จนมีวิชาชีพที่จะสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวให้เป็นคนมีฐานะมีเกียรติในสังคม
แม้แพทย์ส่วนใหญ่จะมีสำนึกของการใช้ทุนอยู่แล้วโดยไม่ต้องบังคับ
แต่แพทย์อีกกลุ่มใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น ต้องการไปทำงานในโรงพยาบาลเอกชนหรือโรงพยาบาลใหญ่ในเมือง เพื่อสร้างเนื้อสร้างตัว ตามวิถีทุนนิยมและบริโภคนิยมต่อไป
การบังคับให้แพทย์ต้องใช้ทุน จึงเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาสมองไหลและขาดแคลนแพทย์ในชนบทของประเทศไทย หากไม่ใช้ทุนก็ต้องจ่ายค่าปรับสูงถึง 400,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมทางสาธารณสุขที่สำคัญยิ่งประการหนึ่ง และทำให้แพทย์กระจายไปในพื้นที่ชนบทรวมทั้งโรงพยาบาลของรัฐในต่างจังหวัด ขยับดีขึ้นตามลำดับ
แต่ปัจจุบัน เงินค่าปรับ 400,000 บาท “น้อย” เกินกว่าที่จะหยุดยั้งแพทย์ให้ใช้ทุนนาน 3 ปีอีกต่อไปแล้ว
แพทย์เกือบ 1 ใน 3 ที่ลาออกจากราชการก่อนใช้ทุนครบ ก็เพราะค่าปรับใช้ทุนเพียง 4 แสนบาทนั้น “เล็กน้อย” จนแทบจะซื้อรถยนต์คันเล็กๆ สักคันยังไม่ได้
มีความเห็นพ้องต้องกันว่า...ควรขึ้นค่าปรับสำหรับแพทย์ที่ไม่ประสงค์จะใช้ทุ น แต่ตัวเลขเงินค่าปรับที่จะกำหนดขึ้นมาใหม่แทนตัวเลข 400,000 บาทที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2516 ยังมีการถกเถียงกันอยู่ ว่าตัวเลขใหม่ควรเป็นเท่าใด และเอาหลักเกณฑ์อะไรมาคิด
ในขณะนี้ตัวเลขที่เป็นทางการและถูกพูดถึงมี 2 ตัวเลขคือ
1. ค่าเทอมตลอด 6 ปีของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นคณะแพทยศาสตร์เอกชนแห่งเดียว โดยค่าเทอมแพทย์รังสิต 350,000 บาท/ปี รวม 6 ปี เป็นเงิน 2,100,000 บาท...เมื่อเทียบกับเงิน 400,000 บาทที่ต้องใช้ทุนเดิม ก็จะเป็นเงินที่เพิ่มขึ้น 5.25 เท่า
2. งบประมาณรายหัวของนักศึกษาในโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบทของกระทรวงสา ธารณสุข ที่ได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลเป็นรายหัวๆ ละ 300,000 บาท/ปี รวม 6 ปี เป็นเงิน 1,800,000 บาท...เมื่อเทียบกับเงิน 400,000 บาทที่ต้องใช้ทุนเดิม ก็จะเป็นเงินที่เพิ่มขึ้น 4.5 เท่า
อย่างไรก็ตาม หากย้อนกลับไปมองจำนวนเงิน 400,000 บาทในอดีตเมื่อ 38 ปีที่แล้ว เงินจำนวนนี้มีค่ามากมายเพียงใด ดัชนีชาวบ้านที่ง่ายที่สุดได้แก่...
-ราคาทองคำในปี 2516 บาทละ 400 บาท ปัจจุบันทองคำราคาบาทละกว่า 20,000 บาท เพิ่มขึ้น 50 เท่า...หากคิดในฐานคิดนี้ ค่าปรับการไม่ใช้ทุนก็ควรจะเป็น 20 ล้านบาท
-ราคาน้ำมันดิบในปี 2516 บาร์เรลละ 3 ดอลลาร์สหรัฐ ปัจจุบันราคาประมาณ 120 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 40 เท่า...หากคิดในฐานคิดนี้ ค่าปรับการไม่ใช้ทุนก็ควรจะเป็น 16 ล้านบาท
- ราคาก๋วยเตี๋ยวในปี 2516 ชามละ 3 บาท ปัจจุบันชามละ 30-40 บาท เพิ่มขึ้น 10-13เท่า...หากคิดในฐานคิดนี้ ค่าปรับการไม่ใช้ทุนก็ควรจะเป็น 4-5 ล้านบาท
- และที่สำคัญ ปี 2516 เป็นปีแรกที่มีการกำหนดค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนค่าเงินที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง โดยประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับแรก เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ประกาศฉบับที่ 1 วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2516 ให้พื้นที่กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ปทุมธานี นนทบุรี กำหนดค่าแรงขั้นต่ำที่ 12 บาท ปัจจุบันค่าแรงขั้นต่ำในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่ประกาศใช้ 1 มกราคม 2554 อยู่ที่ 215 บาท เพิ่มขึ้น 18 เท่า...หากคิดในฐานคิดนี้ ค่าปรับการไม่ใช้ทุนก็ควรจะเป็น 7.2 ล้านบาทจะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะนำฐานคิดใดเข้ามาอ้างอิง ตัวเลขค่าปรับการไม่ใช้ทุนต้องเพิ่มสูงขึ้นแน่นอน
แต่หากนำมูลค่าตามเจตนารมณ์เดิมของการกำหนดให้แพทย์ต้องมีการใช้ทุน ก็ควรเพิ่มค่าปรับอย่างน้อย 7.2 ล้านบาท หรืออาจสูงถึง 10 ล้านบาทก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
เพราะหากแพทย์จบใหม่ที่มีอายุเฉลี่ย 24 ปี ออกไปปฏิบัติงานใช้ทุนครบ 3 ปี ก็ไม่ต้องเสียเงินค่าปรับแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเมื่อครบใช้ทุนก็มีอายุเพียง 27 ปีเท่านั้น ยังมีพลังอีกมากมายในการกลับมาศึกษาต่อหรือย้ายเข้ามาทำงานใกล้ครอบครัวต่อไ ป
ปัจจุบัน กระแสทุนนิยมและบริโภคนิยมที่รุนแรงถั่งโถมเข้าท้าทายอุดมการณ์และจิตสำนึกใ นการรับใช้สังคมของวิชาชีพแพทย์มากพอสมควร การลาออกของแพทย์ไปอยู่ภาคเอกชน สร้างเนื้อสร้างตัว ทอดทิ้งคนชนบทให้ขาดแคลนแพทย์นั้น...มีให้เห็นมากขึ้น
กระทรวงสาธารณสุขจึงควรทำหน้าที่ปกป้องสุขภาพของประชาชน ไม่ใช่เล่นบทเดียวกับองค์กรวิชาชีพที่ทำหน้าที่ปกป้องแพทย์ด้วยการพยายามยกเ ลิกการใช้ทุน หรือยื้อที่จะไม่ปรับเพิ่มค่าปรับการใช้ทุน หรือเพิ่มให้เพียงเล็กน้อย
กระทรวงสาธารณสุขต้องมีจุดยืนที่จะกำหนดค่าปรับในการไม่ใช้ทุนให้สูงมากพอที ่จะทำให้แพทย์เกือบทุกคนยินดีไปใช้ทุน เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดินกันอย่างถ้วนหน้า
ซึ่งค่าปรับที่มากกว่า 10 ล้านบาทเท่านั้นที่จะเป็นยาแรง ช่วยลดการลาออกระหว่างการชดใช้ทุนได้อย่างเห็นผล เพราะลำพังการเพิ่มค่าปรับจาก 4 แสนบาทมาเป็น 1.8 ล้านบาทหรือ 2.1 ล้านบาท ยังถือว่า “ไม่สูงพอ” ที่จะทำให้เกิดความเสมอภาคในการใช้ทุนเพื่อรับใช้ประเทศชาติในการดูแลสุขภาพ ของประชาชนไทยโดยเฉพาะในชนบท
ทุกวันนี้ รายได้ของแพทย์ที่ไปใช้ทุนในชนบทนั้น แม้จะไม่มากเท่ากับโรงพยาบาลเอกชน แต่ถ้ารวมกับการอยู่เวรนอกเวลาราชการด้วยแล้ว บางคนอาจมีรายได้เข้าใกล้หลักแสนบาทต่อเดือน ซึ่งไม่เอาเปรียบแพทย์ใช้ทุนจนเกินไปนัก
ที่ผ่านมา ทั่วโลกชื่นชมประเทศไทยที่ใช้มาตรการบังคับใช้ทุนของแพทย์เป็นเวลา 3 ปีหลังจบการศึกษา เพื่อแก้ไขปัญหาขาดแคลนแพทย์ในชนบท ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการดูแลสุขภาพของประชาชนที่อยู่ห่างไกล
แต่ภาวะสมองไหลของแพทย์ “หนี” การใช้ทุน ที่เพิ่มสูงขึ้นจนน่าวิตก จึงเป็นเรื่องเร่งด่วนที่กระทรวงสาธารณสุขต้องหาคำตอบว่า...ค่าปรับ 10 หรือ 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการใช้ทุนของแพทย์นาน 3 ปี โดยไม่ต้องจ่ายแม้แต่บาทเดียว คำตอบไหนที่สังคมไทยจะได้ประโยชน์สูงสุด ก่อนที่การขาดแคลนแพทย์ภาครัฐจะวิกฤตมากกว่านี้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5090
ชอบมีคนมาถามคำถามนี้ครับ
ห้องสมุดไปจน ที่ตลาดหลักทรัพย์พรุ่งนี้ปิดไหมครับ
วันหยุด หลังจากไปทำบุญแล้วอยากไปอ่านหนังสือ ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้ห้องสมุดไปจน ปิดไหมครับและสอบถามเพิ่มเติม มีสัญญาณ WIFI ให้เข้า Internet ไหมครับ..
คำตอบคือไม่มีครับ
อาจเป็นเพราะgeneration gapหรือเปล่า
เพราะผู้บริหารเป็นคนยุคเก่า
ไม่ได้สนใจโลกสมัยใหม่ว่าเขาไปกันถึงไหนแล้ว
แล้วก็ไม่ได้สนใจจะปรับปรุง
เพราะผูกขาด ไม่มีคู่แข่งให้เปรียบเทียบฝีมือ
อะไรๆถ้าให้แข่ง เป็นทุนนิยม การปรับตัวจะเป็นไปเร็วครับ
ไปวิ่งมาหลายๆจังหวัด
ไม่ต้องพูดถึงห้างใหญ่ๆนะ
เอาแค่ร้านกาแฟริมถนน
ส่วนมากก็โชว์passwordให้ลูกค้าใช้เน็ทฟรี
จนเป็นเรื่องปกติแล้ว
นี่ระดับห้องสมุดไปจน ณตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสารขัณท์เชียวน๊า...
ประเทศสารขันท์นี่จะปรับหมอหนีใช้ทุน20ล้านเชียวนะ
คิดได้อย่างไรหนอ...ฮ่า...
ห้องสมุดไปจน ที่ตลาดหลักทรัพย์พรุ่งนี้ปิดไหมครับ
วันหยุด หลังจากไปทำบุญแล้วอยากไปอ่านหนังสือ ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้ห้องสมุดไปจน ปิดไหมครับและสอบถามเพิ่มเติม มีสัญญาณ WIFI ให้เข้า Internet ไหมครับ..
คำตอบคือไม่มีครับ
อาจเป็นเพราะgeneration gapหรือเปล่า
เพราะผู้บริหารเป็นคนยุคเก่า
ไม่ได้สนใจโลกสมัยใหม่ว่าเขาไปกันถึงไหนแล้ว
แล้วก็ไม่ได้สนใจจะปรับปรุง
เพราะผูกขาด ไม่มีคู่แข่งให้เปรียบเทียบฝีมือ
อะไรๆถ้าให้แข่ง เป็นทุนนิยม การปรับตัวจะเป็นไปเร็วครับ
ไปวิ่งมาหลายๆจังหวัด
ไม่ต้องพูดถึงห้างใหญ่ๆนะ
เอาแค่ร้านกาแฟริมถนน
ส่วนมากก็โชว์passwordให้ลูกค้าใช้เน็ทฟรี
จนเป็นเรื่องปกติแล้ว
นี่ระดับห้องสมุดไปจน ณตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสารขัณท์เชียวน๊า...
ประเทศสารขันท์นี่จะปรับหมอหนีใช้ทุน20ล้านเชียวนะ
คิดได้อย่างไรหนอ...ฮ่า...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5091
ผมมีconspiracy theoryอยู่เรื่องนึง
ที่เมืองไทยไม่มี3จีใช้กะเขาซักทีนี่แหละ
รอบๆบ้าน อาเซียน
คงล้าหลังเขาสุดแล้วกระมังครับ
ฮ่า...อาจมีพม่าที่เป็นคู่รบสมัยก่อน ที่ล้าหลังพอๆกัน
ทฤษฎีของผมคือ
อาจจะตกลงกันไว้ตั้งแต่รบกันสมัยก่อนโน้นว่า
เราจะผูกกันไปตลอดกาล
ถ้าพม่าที่สมัยก่อนรบชนะไทย ยังไม่มี3จี
ไทยก็จะไม่มีด้วย...ฮ่า...
ที่เมืองไทยไม่มี3จีใช้กะเขาซักทีนี่แหละ
รอบๆบ้าน อาเซียน
คงล้าหลังเขาสุดแล้วกระมังครับ
ฮ่า...อาจมีพม่าที่เป็นคู่รบสมัยก่อน ที่ล้าหลังพอๆกัน
ทฤษฎีของผมคือ
อาจจะตกลงกันไว้ตั้งแต่รบกันสมัยก่อนโน้นว่า
เราจะผูกกันไปตลอดกาล
ถ้าพม่าที่สมัยก่อนรบชนะไทย ยังไม่มี3จี
ไทยก็จะไม่มีด้วย...ฮ่า...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า