พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
-
- Verified User
- โพสต์: 24
- ผู้ติดตาม: 0
พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 1
อยากถามนะครับ ว่าพอร์ตลงทุนของคุณ
เคยติดลบสูงสุดกี่เปอร์เซ็นต์ (หากบอกเป็นตัวเงินได้ยิ่งดี)
ลงทุนในหุ้นตัวไหน แล้วเอาตัวรอดผ่านวิกฤตินั้นได้อย่างไรครับ
ตอนนี้กำลังอยากได้กำลังใจครับ พอร์ตขาดทุนอยู่หลายแสน
เคยติดลบสูงสุดกี่เปอร์เซ็นต์ (หากบอกเป็นตัวเงินได้ยิ่งดี)
ลงทุนในหุ้นตัวไหน แล้วเอาตัวรอดผ่านวิกฤตินั้นได้อย่างไรครับ
ตอนนี้กำลังอยากได้กำลังใจครับ พอร์ตขาดทุนอยู่หลายแสน
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 229
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 2
เคยติดลบมากสุดตอนเข้ามาเล่นใหม่ๆแล้ววันหนึ่งก็เปลี่ยนวิธีเล่นไปเล่นตามนักวิเคราะห์ได้ผลทันตา เจ๊งทั้งพอร์ตผมจำไม่ได้จริงๆว่าเท่าไหร่ รู้แต่ว่าเซ็งไปทั้งวัน อ้อ จำได้ว่าเป็นวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์มานั่งถามตัวเองว่าทำอะไรผิด ได้คำตอบเดียวครับคือ "ไม่รู้" ไม่มีความรู้เรื่องหุ้นที่ควรต้องมี จันทร์ล้างพอร์ตทิ้งเลยครับ รู้สึกเบาสบายมากครับ แล้วก็เข้าห้องนั่งอ่านหนังสือ อยู่ประมาณ2อาทิตย์ ก็ออกมาจากถ้ำใหม่ คราวนี้เริ่มลงทุนแบบวีไอ ทั้งหมดเกิดจากสิ่งๆสิ่งเดียวที่ทำให้ผมเจอสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมในปัจจุบัน "หนังสือตีแตก" ครับ หลังจากนั้นพอร์ตรวมผมไม่เคยขาดทุนอีกเลย ตอนนี้ก็เกือบสองปีแล้ว (ประมาณ สค กย นี้ก็จะสองปีแล้วครับ) อาจมีขาดทุนบ้างในบางตัวที่เล่นแบบน้อยๆ ก็ได้รับผลจากความมันมือคือขาดทุน แต่เนื่องจากลงทุนตัวนั้นไม่มาก เลยไม่มีผลต่อพอร์ตโดยรวมเท่าไหร่ ตอนนี้ตัวที่ขาดทุนมากสุดน่าจะไม่เกิน5%แต่ถ้าหักปันผลแล้วคงไม่ถึง 3% นอกนั้นเขียวหมด โดยส่วนตัวแล้วเวลาเจอปัญหาผมจะทำดังนี้ครับ
1.ยอมรับ ถ้าพลาดแสดงว่าต้องมีอะไรผิดครับ ยอมรับที่จะแก้ไขครับ
2.หาเหตุครับ ของผมคือ ความไม่รู้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นสาเหตุของคนส่วนใหญ่ครับ
3.แก้เหตุ ผมมาอ่านหนังสือ จนผมรู้สึกว่า มั่นใจในระดับหนึ่ง ผมถึงกลับมาครับ แต่ก็เริ่มด้วยการลงทุนไม่มาก
4.ติดตามผล อดทนครับ ไม่รีบท่่ีจะได้คำตอบในวันสองวัน ผมว่าผลตอบแทนที่ดีจากแนววีไอ บางทีใช้เวลาเป็นปีก็มีครับ
5.ปรับปรุง ผมว่าความรู้มันมีให้อ่านไม่หมดหรอกครับ ทุกวันนี้ไล่ซื้อหนังสือมาอ่านเรื่อยๆแต่สารภาพครับว่าอ่านไม่ทัน แต่ก็พยายามต่อไป
ผมอาจตอบไม่ตรงกับที่คุณถาม แต่ผมว่าทางออกของปัญหาสำคัญกว่าการที่จะรู้ว่าใครขาดทุนเท่าไหร่ เพราะการที่คนบางคนไม่ขาดทุนช่วงนี้ไม่ได้หมายความว่า เขาเข้าใจการลงทุนมาก แต่เขาอาจโชคดีจากการที่เขาได้รับผลพลอยได้จากขาขึ้นของตลาดหลักทรัพย์ การถอยหลังหนึ่งก้าวไม่ได้หมายความว่าเราแพ้ตลอดไปครับ แต่ถ้าถอยแล้วก้าวใหม่อย่างมั่นคง ผมว่านี้คือสิ่งสำคัญกว่าครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ
1.ยอมรับ ถ้าพลาดแสดงว่าต้องมีอะไรผิดครับ ยอมรับที่จะแก้ไขครับ
2.หาเหตุครับ ของผมคือ ความไม่รู้ ซึ่งผมคิดว่าเป็นสาเหตุของคนส่วนใหญ่ครับ
3.แก้เหตุ ผมมาอ่านหนังสือ จนผมรู้สึกว่า มั่นใจในระดับหนึ่ง ผมถึงกลับมาครับ แต่ก็เริ่มด้วยการลงทุนไม่มาก
4.ติดตามผล อดทนครับ ไม่รีบท่่ีจะได้คำตอบในวันสองวัน ผมว่าผลตอบแทนที่ดีจากแนววีไอ บางทีใช้เวลาเป็นปีก็มีครับ
5.ปรับปรุง ผมว่าความรู้มันมีให้อ่านไม่หมดหรอกครับ ทุกวันนี้ไล่ซื้อหนังสือมาอ่านเรื่อยๆแต่สารภาพครับว่าอ่านไม่ทัน แต่ก็พยายามต่อไป
ผมอาจตอบไม่ตรงกับที่คุณถาม แต่ผมว่าทางออกของปัญหาสำคัญกว่าการที่จะรู้ว่าใครขาดทุนเท่าไหร่ เพราะการที่คนบางคนไม่ขาดทุนช่วงนี้ไม่ได้หมายความว่า เขาเข้าใจการลงทุนมาก แต่เขาอาจโชคดีจากการที่เขาได้รับผลพลอยได้จากขาขึ้นของตลาดหลักทรัพย์ การถอยหลังหนึ่งก้าวไม่ได้หมายความว่าเราแพ้ตลอดไปครับ แต่ถ้าถอยแล้วก้าวใหม่อย่างมั่นคง ผมว่านี้คือสิ่งสำคัญกว่าครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 5011
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 3
ลองคิดทบทวนดูสิว่า
-ความรู้เพียงพอหรือยัง
-วิธีการถูกต้องไหม
-บริษัทที่เลือกลงทุนดีและเป็นไปตามconcept ที่ตั้งไว้หรือไม่
หากทุกอย่างโอเค สิ่งที่ต้องทำเพิ่มก็คือ
อดทน
เป็นกำลังใจให้ครับ
-ความรู้เพียงพอหรือยัง
-วิธีการถูกต้องไหม
-บริษัทที่เลือกลงทุนดีและเป็นไปตามconcept ที่ตั้งไว้หรือไม่
หากทุกอย่างโอเค สิ่งที่ต้องทำเพิ่มก็คือ
อดทน
เป็นกำลังใจให้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2606
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 4
ทั้งพอร์ตเคย ลดลงจากจุดสูงสุดก็เกินกว่า 50% ครับ
ช่วงแรกๆเริ่มลงทุนใหม่ๆ ตอนนั้นเพิ่งเริ่มต้นทำงานมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง เหลือเงินเก็บเท่าไหร่ก็เอามาลงในหุ้นหมด กะว่า เริ่มก่อนได้เปรียบก่อน ถือหุ้น ช่วงแรกๆ พอร์ตไปได้ค่อนข้างดีมากๆ หุ้นตัวเล็กๆ มีกำลังจะแสดงผลประกอบการณ์ สูงหลายๆตัวทำกำไรได้ดี เช่น PG ตอน Lacoste เร่งเปิดสาขาเยอะๆ UMS ตอนเพิ่งเริ่มสร้างโกดังและรับพนักงานขายเพิ่มขึ้นมาก จากเดิมที่ไม่ยอมรับคนเพิ่มซักที ถือไปซักพักแรกๆ พอผลประกอบการณ์ออกมาดีราคามันก็ค่อยๆ วิ่งไป วิ่งไป ตอนนั้นมั่นใจในแนวทางวีไอเต็มที่ ความเชื่อที่ว่าเราไม่สนใจตัวเลขเศรษฐกิจและสถานการณ์การเงินของโลกเลย
และต่อมาก็ได้ไปเจอหุ้นตัวนึงคือ PTL ตอนนั้น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสร้างโรงงานใหม่ใน ตุรกี เรียบร้อยแล้ว ศึกษาข้อมูลตอนนั้นเค้าว่า พวกฟิลม์มันมีวัฏจักร ตอนช่วงพีคนี้ เนตมาร์จิ้นจะเยอะมากๆๆ ตอน Down นี้ เนตมาร์จิ้นหายไปเลย ซึ่งช่วงที่ซื้อตอนนั้นคิดว่าเป็นช่วงdownมาซักพักแล้ว เพราะมาร์จิ้นหดมาก เราคิดว่าพอโรงงานใหม่ที่ตุรกี เสร็จแล้ว กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเยอะมาก ลูกค้าใหม่ Volume จะเพิ่มขึ้นเยอะมาก (กว่า2 เท่า) นี้ขนาดเป็นช่วงที่มาร์จิ้นต่ำขนาดนี้ ราคาหุ้นยังถูกขนาดนี้ ถ้ารวมกับvolume ที่เพิ่มขึ้นจากตุรกี แล้วเป็นช่วงที่พีคได้พอดี กำไรมันจะมากขนาดไหน ต่อให้ไม่พีคซักทีก็ยังมีการขยายตัวจากVolume การผลิตที่เพิ่มขึ้น ก็เลย weight สัดส่วนพอร์ตมาที่ตัวนี้เยอะหน่อย ไล่ซื้อตั้งแต่ 3.2 ไปตลอดทาง ไปๆมาๆ เฉลี่ยได้ซัก 4-5 บาท แต่ราคาหุ้นมันก็ไม่ไปไหน ซักที เต็มที่ก็ได้ 7 บาท ขึ้นๆ ลงๆ อยู่อย่างนั้น เรามีเงินเดือนมา ก็ใส่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เรามั่นใจว่า MOS เรามากราคาไงๆ ก็ไม่น่าลงได้เกินต้นทุนเรา คือเรียกว่านั่งรอให้เป็นวัฏจักรขาขึ้นอย่างเดียว
รอไปรอมา ตอนแรกๆ ก็มีบริษัทปัญหาเรื่อง Raw Material ราคาเพิ่มสูงขึ้นจัด จากที่โรงงาน Supplier ไฟไหม้หรือระเบิดไม่รู้ ราคาวิตถุดิบพีคไปหลายเดือนเลยทีเดียว เราก็ว่าไม่เป็นไรปัญหาช่วงคราว (ไปหลายไตรมาส) หลังจากนั้นนึกว่าจะดีขึ้นแล้ว ราคาน้ำมันก็ขึ้นทำให้ ต้นทุนยังสูงอีก พวกนี้หากเป็นช่วง Supply over demand แบบช่วงนั้น ก็ส่งผ่านราคาไปให้ลูกค้าได้ยาก คือขึ้นได้ไม่ทันต้นทุนที่วิ่งขึ้นแรง จากนั้นพอน้ำมันหักหัวลงจาก 140 ลงมาเรื่อยๆ ลูกค้าก็ De-stock ดีมานต์หด เป็นอะไรที่มีแต่ข่าวร้าย ราคาหุ้นตอนแรกๆ ที่ตลาดลงกัน PTL ก็ลงไม่ค่อยเยอะนะ แต่อยู่ๆ ก็ลงพรวดพราด เลย เหมือนประหนึ่งว่า เออ ชาวบ้านเค้าลงกันแล้ว เราลงบ้างดีกว่า จากสูงสุด 7.5 เหลือ 2.8 เลยยังจำได้เลย ว่าไหงมันลงมาเหลือเท่านี้ได้หว่าต่ำกว่าต้นทุนเราอีก ทำให้พอร์ตลดลงไปเกินกว่าครึ่งนึง จากจุดที่เคยสูงสุด
ถามว่า ตอนนั้นก็เสียดายนะ เพราะถ้าเทียบกับเงินเดือนเราตอนนั้นมันก็เหมือนว่า เอาไปละลายน้ำหมดเลยตั้งแต่เริ่มทำงานมา เรียกได้ว่าหายไปกับหุ้นหมด เราก็ทนถือไปเรื่อยๆ เพราะบริษัทเองขนาดเจอแบบนี้ ก็ยังมีกำไร มีปันผล (ค่อนข้างดี) ให้ได้อยู่ และด้วยแนวทางวีไอ และที่เราศึกษาบริษัทมันมานาน และคิดว่าเข้าใจมันดี เป็นอะไรที่ทำให้เรามีความเชื่อมั่นกับมันอยู่ว่า สุดท้ายแล้วมันคงไม่แย่อยู่แบบนี้ ตลอดไปหรอก หากเราขายไปตอนนั้นก็จะเป็น discount price มากๆ จะขายทำไมล่ะ แต่ช่วงนั้นผมก็ตัดขาดทุนตัวอื่นๆ ที่เราคิดว่าเราไม่ค่อยมั่นใจออกไปก่อนเยอะแล้วนะครับ ติดอยู่กะ PTL นี้แหละที่มั่นใจมากก็เลยถือเยอะและกอดนาน และดันเป็นตัวที่ ทำให้พอร์ตดิ่งลงมากที่สุด และสุดท้ายมันก็เป็นตัวที่ทำให้พอร์ตเรากลับมาได้ และเติบโตขึ้นมาได้
กลับมาคิดถึงตอนนี้ ก็ยังเสียวไม่หาย คิดดู ถ้าเกิด อเมริกาไม่อุ้มเอกชนเค้า ไม่อัดฉีดเงินและปั้มเงินออกมาจนล้นโลกขนาดนี้ ไม่รู้ว่าพอร์ตผมมันจะซืมยาวขนาดไหน มันคงไม่ได้กลับมาได้เร็วขนาดนี้
ช่วงแรกๆเริ่มลงทุนใหม่ๆ ตอนนั้นเพิ่งเริ่มต้นทำงานมีเงินเดือนเป็นของตัวเอง เหลือเงินเก็บเท่าไหร่ก็เอามาลงในหุ้นหมด กะว่า เริ่มก่อนได้เปรียบก่อน ถือหุ้น ช่วงแรกๆ พอร์ตไปได้ค่อนข้างดีมากๆ หุ้นตัวเล็กๆ มีกำลังจะแสดงผลประกอบการณ์ สูงหลายๆตัวทำกำไรได้ดี เช่น PG ตอน Lacoste เร่งเปิดสาขาเยอะๆ UMS ตอนเพิ่งเริ่มสร้างโกดังและรับพนักงานขายเพิ่มขึ้นมาก จากเดิมที่ไม่ยอมรับคนเพิ่มซักที ถือไปซักพักแรกๆ พอผลประกอบการณ์ออกมาดีราคามันก็ค่อยๆ วิ่งไป วิ่งไป ตอนนั้นมั่นใจในแนวทางวีไอเต็มที่ ความเชื่อที่ว่าเราไม่สนใจตัวเลขเศรษฐกิจและสถานการณ์การเงินของโลกเลย
และต่อมาก็ได้ไปเจอหุ้นตัวนึงคือ PTL ตอนนั้น ถ้าจำไม่ผิดน่าจะสร้างโรงงานใหม่ใน ตุรกี เรียบร้อยแล้ว ศึกษาข้อมูลตอนนั้นเค้าว่า พวกฟิลม์มันมีวัฏจักร ตอนช่วงพีคนี้ เนตมาร์จิ้นจะเยอะมากๆๆ ตอน Down นี้ เนตมาร์จิ้นหายไปเลย ซึ่งช่วงที่ซื้อตอนนั้นคิดว่าเป็นช่วงdownมาซักพักแล้ว เพราะมาร์จิ้นหดมาก เราคิดว่าพอโรงงานใหม่ที่ตุรกี เสร็จแล้ว กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นเยอะมาก ลูกค้าใหม่ Volume จะเพิ่มขึ้นเยอะมาก (กว่า2 เท่า) นี้ขนาดเป็นช่วงที่มาร์จิ้นต่ำขนาดนี้ ราคาหุ้นยังถูกขนาดนี้ ถ้ารวมกับvolume ที่เพิ่มขึ้นจากตุรกี แล้วเป็นช่วงที่พีคได้พอดี กำไรมันจะมากขนาดไหน ต่อให้ไม่พีคซักทีก็ยังมีการขยายตัวจากVolume การผลิตที่เพิ่มขึ้น ก็เลย weight สัดส่วนพอร์ตมาที่ตัวนี้เยอะหน่อย ไล่ซื้อตั้งแต่ 3.2 ไปตลอดทาง ไปๆมาๆ เฉลี่ยได้ซัก 4-5 บาท แต่ราคาหุ้นมันก็ไม่ไปไหน ซักที เต็มที่ก็ได้ 7 บาท ขึ้นๆ ลงๆ อยู่อย่างนั้น เรามีเงินเดือนมา ก็ใส่เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เรามั่นใจว่า MOS เรามากราคาไงๆ ก็ไม่น่าลงได้เกินต้นทุนเรา คือเรียกว่านั่งรอให้เป็นวัฏจักรขาขึ้นอย่างเดียว
รอไปรอมา ตอนแรกๆ ก็มีบริษัทปัญหาเรื่อง Raw Material ราคาเพิ่มสูงขึ้นจัด จากที่โรงงาน Supplier ไฟไหม้หรือระเบิดไม่รู้ ราคาวิตถุดิบพีคไปหลายเดือนเลยทีเดียว เราก็ว่าไม่เป็นไรปัญหาช่วงคราว (ไปหลายไตรมาส) หลังจากนั้นนึกว่าจะดีขึ้นแล้ว ราคาน้ำมันก็ขึ้นทำให้ ต้นทุนยังสูงอีก พวกนี้หากเป็นช่วง Supply over demand แบบช่วงนั้น ก็ส่งผ่านราคาไปให้ลูกค้าได้ยาก คือขึ้นได้ไม่ทันต้นทุนที่วิ่งขึ้นแรง จากนั้นพอน้ำมันหักหัวลงจาก 140 ลงมาเรื่อยๆ ลูกค้าก็ De-stock ดีมานต์หด เป็นอะไรที่มีแต่ข่าวร้าย ราคาหุ้นตอนแรกๆ ที่ตลาดลงกัน PTL ก็ลงไม่ค่อยเยอะนะ แต่อยู่ๆ ก็ลงพรวดพราด เลย เหมือนประหนึ่งว่า เออ ชาวบ้านเค้าลงกันแล้ว เราลงบ้างดีกว่า จากสูงสุด 7.5 เหลือ 2.8 เลยยังจำได้เลย ว่าไหงมันลงมาเหลือเท่านี้ได้หว่าต่ำกว่าต้นทุนเราอีก ทำให้พอร์ตลดลงไปเกินกว่าครึ่งนึง จากจุดที่เคยสูงสุด
ถามว่า ตอนนั้นก็เสียดายนะ เพราะถ้าเทียบกับเงินเดือนเราตอนนั้นมันก็เหมือนว่า เอาไปละลายน้ำหมดเลยตั้งแต่เริ่มทำงานมา เรียกได้ว่าหายไปกับหุ้นหมด เราก็ทนถือไปเรื่อยๆ เพราะบริษัทเองขนาดเจอแบบนี้ ก็ยังมีกำไร มีปันผล (ค่อนข้างดี) ให้ได้อยู่ และด้วยแนวทางวีไอ และที่เราศึกษาบริษัทมันมานาน และคิดว่าเข้าใจมันดี เป็นอะไรที่ทำให้เรามีความเชื่อมั่นกับมันอยู่ว่า สุดท้ายแล้วมันคงไม่แย่อยู่แบบนี้ ตลอดไปหรอก หากเราขายไปตอนนั้นก็จะเป็น discount price มากๆ จะขายทำไมล่ะ แต่ช่วงนั้นผมก็ตัดขาดทุนตัวอื่นๆ ที่เราคิดว่าเราไม่ค่อยมั่นใจออกไปก่อนเยอะแล้วนะครับ ติดอยู่กะ PTL นี้แหละที่มั่นใจมากก็เลยถือเยอะและกอดนาน และดันเป็นตัวที่ ทำให้พอร์ตดิ่งลงมากที่สุด และสุดท้ายมันก็เป็นตัวที่ทำให้พอร์ตเรากลับมาได้ และเติบโตขึ้นมาได้
กลับมาคิดถึงตอนนี้ ก็ยังเสียวไม่หาย คิดดู ถ้าเกิด อเมริกาไม่อุ้มเอกชนเค้า ไม่อัดฉีดเงินและปั้มเงินออกมาจนล้นโลกขนาดนี้ ไม่รู้ว่าพอร์ตผมมันจะซืมยาวขนาดไหน มันคงไม่ได้กลับมาได้เร็วขนาดนี้
- ซุนเซ็ก
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 6
-60%
ซื้อ TOP ตอน 56 บาท ช่วงก่อนซัมไพร์ม
จากนั้น TOP ก็ 50 40 30 20 19
ตอนนั้นเป็นเม่ามือใหม่ กราฟไม่รู้ งบไม่เป็น
ออกจากตลาดไปเลยครับ ทิ้งพอร์ตไว้อย่างนั้น
จนตลาดดีขึ้น TOP กลับมา 40 กว่าก็ขายไป
และหันมาดูกราฟ แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไร
เลยหันมาเป็นวีไอ ก็กู้พอร์ตที่ -60% กลับมาได้ ใช้เวลา เกือบ 2 ปีครับ
ซื้อ TOP ตอน 56 บาท ช่วงก่อนซัมไพร์ม
จากนั้น TOP ก็ 50 40 30 20 19
ตอนนั้นเป็นเม่ามือใหม่ กราฟไม่รู้ งบไม่เป็น
ออกจากตลาดไปเลยครับ ทิ้งพอร์ตไว้อย่างนั้น
จนตลาดดีขึ้น TOP กลับมา 40 กว่าก็ขายไป
และหันมาดูกราฟ แต่ก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไร
เลยหันมาเป็นวีไอ ก็กู้พอร์ตที่ -60% กลับมาได้ ใช้เวลา เกือบ 2 ปีครับ
ผมไม่ได้อยู่ในเว็บนี้แล้ว, มีอะไรติดต่อได้ทาง FB - 27/9/2555
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
"วิธีการที่ถูกต้อง มีได้มากกว่าหนึ่งวิธี"
สมุดบันทึกของผม http://suntse.wordpress.com
Facebook https://www.facebook.com/giggswalk
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 7
สัก 70% ครับ โดนไปหลายล้าน ช่วง subprime
เอาตัวรอดอย่างไร ก็กลับมาพิจารณาว่าวิเคราะห์ธุรกิจผิดพลาดอะไรหรือไม่ มูลค่ากิจการเปลี่ยนเป็นเท่าไหร่ แล้วก็ focus อยู่กับหลักการที่ถูกต้อง สุดท้ายก็ทำใจ รอคอยแค่เวลา
ถ้าเราลงทุนตามหลัก VI ถูกต้อง วิเคราะห์ถูกต้อง กระทำได้ถูกต้อง ยังไงเราก็ต้องกำไรตั้งแต่ตอนซื้อ สุดท้ายก็เหลือแค่รอคอยให้ตลาดสะท้อนมูลค่า
เอาตัวรอดอย่างไร ก็กลับมาพิจารณาว่าวิเคราะห์ธุรกิจผิดพลาดอะไรหรือไม่ มูลค่ากิจการเปลี่ยนเป็นเท่าไหร่ แล้วก็ focus อยู่กับหลักการที่ถูกต้อง สุดท้ายก็ทำใจ รอคอยแค่เวลา
ถ้าเราลงทุนตามหลัก VI ถูกต้อง วิเคราะห์ถูกต้อง กระทำได้ถูกต้อง ยังไงเราก็ต้องกำไรตั้งแต่ตอนซื้อ สุดท้ายก็เหลือแค่รอคอยให้ตลาดสะท้อนมูลค่า
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 8
อ่านที่พี่ Green เขียนแล้วเข้าใจเลยครับ หัวอกเดียวกัน ผมก็เป็นอีกคนนึงที่ถือ PTL เกือบทั้งพอร์ทผ่านช่วง subprime มา แต่สุดท้ายก็ไปขายหมู ให้เหล่าเทพเหล่าเซียน
วันคืนล่วงไปๆ บัดนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 9
50% ช่วงซับไพรม ปิดจอหนีครับ...ช่วงนั้นอ่านกระทู้ของพี่โจ ย้อมใจไปเรื่อยๆเพราะว่าตอนนั้น กระทู้ในไทยวีไอเงียบมากกกก จะมีก็กระทู้พี่โจนั้นแหละ ที่ยังวิ่งอยู่เรื่อยๆ (ไม่นับห้องนั่งเล่น)
แล้วก็รู้ตัวว่า ตัวเองไม่กล้าเรื่องการสวิตซ์ตัวหุ้น...ไม่กล้าคัทลอส...ไม่กล้าซื้อเพิ่ม ส่วนใหญ่จะผิดพลาดเรื่อง "พฤติกรรมการลงทุน" ซะมากกว่าครับ
แล้วก็รู้ตัวว่า ตัวเองไม่กล้าเรื่องการสวิตซ์ตัวหุ้น...ไม่กล้าคัทลอส...ไม่กล้าซื้อเพิ่ม ส่วนใหญ่จะผิดพลาดเรื่อง "พฤติกรรมการลงทุน" ซะมากกว่าครับ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 11
ช่วงนึ้ตลาดดึ ลบหลายแสนถ้าไม่ได้เป็นเปอร์เซนต์น้อยๆของพอร์ตทึ่ใหญ่ ก็ต้องถามหน่อยครับว่าทำไมลบได้เยอะขนาดนั้น
ไปซื้ออะไรทึีความคาดหวังอะไร แล้วความคาดหวังยังดีอยู่หรือเปล่า หรือไปซื้อมาแต่ดอก tulip
ไปซื้ออะไรทึีความคาดหวังอะไร แล้วความคาดหวังยังดีอยู่หรือเปล่า หรือไปซื้อมาแต่ดอก tulip
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
- supparsorn
- Verified User
- โพสต์: 77
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 12
พอร์ตลดลงสัก 40% (หลายล้านบาทครับ) ตอนนั้นเช็คพื้นฐานหุ้นของเราดูว่ามันเปลี่ยนแปลงไหม? (ในกรณีของผมพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง) ก็เลยไม่ได้ทำอะไรครับ พอได้เงินปันผลมา ก็ซื้อหุ้นตัวเดิมเพ่ิมอีก เพราะราคากำลังถูก ปัจจุบันตัวเลขเปลี่ยนจากสีแดง เป็นสีเขียวแล้วครับ
"ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้ว่าสงครามโลกครั้งที่ 3 ใช้อะไรสู้กัน แต่สงครามโลกครั้งที่ 4 จะต่อสู้กันด้วยท่อนไม้และก้อนหิน"
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์
- Chun-Li
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 107
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 13
เข้ามาลงทุนครั้งแรกก่อนวิกฤตซับไพรม์พอดี
ยังเล่นหุ้นแบบไม่มีแนวทาง
ซื้อหุ้นแล้ว ราคาก็ไหลลงทุกวัน
ราคาลงก็ขาย ซักพักก็ซื้อใหม่ ราคาก็ลงไม่สุดซักที
เปลี่ยนตัวเล่นไปเรื่อยๆ จนมีเหตุต้องใช้เงินพอดี
ก็เลยขายหมด เอาเงินออกจากพอร์ต
รวมๆแล้ว ขาดทุนไปประมาณ 30%ได้
ผ่านไป 6เดือน ถึงได้กลับมาลงทุนใหม่ พร้อมความมั่นใจในแนว VI
โชคดี ที่กลับมาทันตลาดขาขึ้น
ยังเล่นหุ้นแบบไม่มีแนวทาง
ซื้อหุ้นแล้ว ราคาก็ไหลลงทุกวัน
ราคาลงก็ขาย ซักพักก็ซื้อใหม่ ราคาก็ลงไม่สุดซักที
เปลี่ยนตัวเล่นไปเรื่อยๆ จนมีเหตุต้องใช้เงินพอดี
ก็เลยขายหมด เอาเงินออกจากพอร์ต
รวมๆแล้ว ขาดทุนไปประมาณ 30%ได้
ผ่านไป 6เดือน ถึงได้กลับมาลงทุนใหม่ พร้อมความมั่นใจในแนว VI
โชคดี ที่กลับมาทันตลาดขาขึ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1165
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 14
ตอนเข้าตลาดหุ้นตอนแรกมีเงินเริ่มต้น 100,000 บาทถ้วน
ประมาณปี 2547 เคยซื้อหุ้นรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็กตัว
เดียวทั้งพอร์ต..ไม่เคยมีความรู้ที่ตัวเองศึกษาเรื่องการลงทุน
เลยนักวิเคราะห์ว่าดีก็ดีด้วย..จากหนึ่งแสน..เหลืออยู่..
สองหมื่นห้าพันบาทจำได้ดี..ติดลบประมาณ 75 เปอร์เซนต์
นอนไม่หลับน้ำตาตกใน..เพราะยังเรียนอยู่ด้วยเป็นเงินก้อนแรก
แต่สุดท้ายหุ้นมันเด้งขึ้นเกินราคาทุน..แถมกลับมาได้กำไร..
ที่รอดมาได้คงเพราะบุญเก่าค้ำชู..(เอาง่ายๆว่าปฏิหารย์..แต่ไม่ขอมี
อีกแล้ว)..
ประมาณปี 2547 เคยซื้อหุ้นรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็กตัว
เดียวทั้งพอร์ต..ไม่เคยมีความรู้ที่ตัวเองศึกษาเรื่องการลงทุน
เลยนักวิเคราะห์ว่าดีก็ดีด้วย..จากหนึ่งแสน..เหลืออยู่..
สองหมื่นห้าพันบาทจำได้ดี..ติดลบประมาณ 75 เปอร์เซนต์
นอนไม่หลับน้ำตาตกใน..เพราะยังเรียนอยู่ด้วยเป็นเงินก้อนแรก
แต่สุดท้ายหุ้นมันเด้งขึ้นเกินราคาทุน..แถมกลับมาได้กำไร..
ที่รอดมาได้คงเพราะบุญเก่าค้ำชู..(เอาง่ายๆว่าปฏิหารย์..แต่ไม่ขอมี
อีกแล้ว)..
ควรทุ่มเทเจริญให้มาก..ในงานที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง..
-
- Verified User
- โพสต์: 1220
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 15
-45% ก่อนวิกฤติรอบล่าสุดเหมือนกันครับ พอซื้อมาราคาก็ค่อยๆไหลลงพอดี เพราะตรงกับช่วงวิกฤติพอดี
รอบนั้นสอนให้เรารู้ว่า "หุ้นดีแต่มีหนี้เยอะ อาจจะไม่ดีในช่วงวิกฤติแบบนี้ ทำให้ผมเข้าใจเรื่องที่ต้องดูงบกระแสเงินสดเทียบด้วย"
สรุปตัวนี้ขาดทุนของจริงครับ เพราะถือไว้ตัวเดียวทั้งพอร์ต แต่เป็นสมัยเริ่มลงทุนแรกๆ ยังเริ่มด้วยเงินเพียงเล็กน้อย ถือว่าได้ประสบการณ์
ชีวิตผ่านหุ้นหนึ่งด้วย เป็นบทเรียนที่ล้ำค่าจริงๆ พอปี 52 ก็กลับมาหาหุ้นอีกรอบ( ปี51 ปอดว่างเลย )ก็ได้หุ้นตัวนึงที่คนไม่ค่อยสนใจหาข้อมูลก็ยาก แต่ปัจจุบันทำให้คนรู้จักหุ้นตัวนี้เยอะขึ้นครับ แฮะๆ เล่าไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกจะนอกประเด็นไปเยอะเลย
รอบนั้นสอนให้เรารู้ว่า "หุ้นดีแต่มีหนี้เยอะ อาจจะไม่ดีในช่วงวิกฤติแบบนี้ ทำให้ผมเข้าใจเรื่องที่ต้องดูงบกระแสเงินสดเทียบด้วย"
สรุปตัวนี้ขาดทุนของจริงครับ เพราะถือไว้ตัวเดียวทั้งพอร์ต แต่เป็นสมัยเริ่มลงทุนแรกๆ ยังเริ่มด้วยเงินเพียงเล็กน้อย ถือว่าได้ประสบการณ์
ชีวิตผ่านหุ้นหนึ่งด้วย เป็นบทเรียนที่ล้ำค่าจริงๆ พอปี 52 ก็กลับมาหาหุ้นอีกรอบ( ปี51 ปอดว่างเลย )ก็ได้หุ้นตัวนึงที่คนไม่ค่อยสนใจหาข้อมูลก็ยาก แต่ปัจจุบันทำให้คนรู้จักหุ้นตัวนี้เยอะขึ้นครับ แฮะๆ เล่าไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกจะนอกประเด็นไปเยอะเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 24
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 16
simplelife เขียน:ช่วงนึ้ตลาดดึ ลบหลายแสนถ้าไม่ได้เป็นเปอร์เซนต์น้อยๆของพอร์ตทึ่ใหญ่ ก็ต้องถามหน่อยครับว่าทำไมลบได้เยอะขนาดนั้น
ไปซื้ออะไรทึีความคาดหวังอะไร แล้วความคาดหวังยังดีอยู่หรือเปล่า หรือไปซื้อมาแต่ดอก tulip
...................................................................................................
ติดptl 70,000@30
jas 500,[email protected]
ps50,000@20
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 20
กะไว้แล้วเชียว ว่าต้องเกี่ยวอะไรกับสองตัวนี้ นี่โดนทั้งสองตัวเลย จะบอกว่าราคาจะขึ้นไป"รับลงดอย"เมื่อไร จะถามใครก็คงไม่มีใครรู้ ราคาจะลงไปจากตรงนี้หรือเปล่า ก็คงไม่มีใครตอบได้แน่ๆเหมือนกัน ลองเข้าไปคุยในร้อยหุ้นดูสิครับ จะได้เห็นภาพอะไรดีขึ้น อย่าง PTL หมดวัฎจักรแล้วจะกำไรต่อหุ้นเท่าไร อย่าง JAS ถ้าปีหน้าจะมี EPS เท่าไร ปีโน้นจะมี EPS เท่าไร ถ้าลองดูมูลค่าดีๆแล้วมันไม่ดีพอที่ราคาปัจจุบัน ก็น่าจะขายไปตั้งหลักครับ แล้วเห็นโอกาสดีๆใหม่ค่อยเข้าไปลงทุนครับ
ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ
"I believe what I said yesterday. I don't know what I said, but I know what I think... and I assume it's what I said." -- Donald Rumsfeld
-
- Verified User
- โพสต์: 1165
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 21
พอเริ่มเข้าใจ จขกท แล้วครับ...avast เขียน:simplelife เขียน:ช่วงนึ้ตลาดดึ ลบหลายแสนถ้าไม่ได้เป็นเปอร์เซนต์น้อยๆของพอร์ตทึ่ใหญ่ ก็ต้องถามหน่อยครับว่าทำไมลบได้เยอะขนาดนั้น
ไปซื้ออะไรทึีความคาดหวังอะไร แล้วความคาดหวังยังดีอยู่หรือเปล่า หรือไปซื้อมาแต่ดอก tulip
...................................................................................................
ติดptl 70,000@30
jas 500,[email protected]
ps50,000@20
อันนี้แก้ไม่ยากเลย..ครับ..ถ้าเรามีความรู้ความเข้าใจบริษัท
ที่เราลงทุนได้เป็นอย่างดี..สามารถประเมินมูลค่าของกิจการ
ที่เราถือลงทุนนั้นได้..เราจะรู้เลยว่าวันนี้เราจะทำยังไงกับบริษัท
ที่เราถือลงทุน..
ควรทุ่มเทเจริญให้มาก..ในงานที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง..
- cashcycle
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 327
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 22
-40% ตอนช่วง subprime ครับ
ตอนนั้นจำแม่นว่ามี PTT ที่ 424 บาท
แล้วก็มี TRUE, PTL, TEAM ไปยกชุดเลยครับตอนนั้น
หนึ่งปีผ่านไป ดูไม่น่าจะรอดก็ตัดขาดทุน ออกจากตลาดหันไปศึกษา
หาความรู้เพิ่มเติม กลับมาใหม่ปีที่แล้ว ตอนนี้คืนหมดแล้วครับ
ตอนนั้นจำแม่นว่ามี PTT ที่ 424 บาท
แล้วก็มี TRUE, PTL, TEAM ไปยกชุดเลยครับตอนนั้น
หนึ่งปีผ่านไป ดูไม่น่าจะรอดก็ตัดขาดทุน ออกจากตลาดหันไปศึกษา
หาความรู้เพิ่มเติม กลับมาใหม่ปีที่แล้ว ตอนนี้คืนหมดแล้วครับ
"One good day out of 365 does not make a champion - It takes a lifetime of dedication." - Adam Copeland
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1018
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 23
ลบเกิน 50% ครับ ตอนปี 51 ประมาณว่าเล่นหุ้นมา 6 ปี ไต่ระดับเกือบแตะเลข 8 หลัก เป็นครั้งแรก ไม่เคยขาดทุนเลยได้กำไรเฉลี่ยปีละ 25-30 % ทบต้นตลอด แล้วถูกถีบกลับลงมาเหลืออยู่ 4 ล้าน เหมือนถูกย้อนเวลากลับไป 3 ปี โดนคืนทั้งต้นทั้งดอก แถมหุ้นที่ติดเป็นหุ้นแนว asset play ที่ไม่มีสภาพคล่องเลย PA 30% ของ port แล้วก็เป็น svi-w2 อีก 50 % ของ port ถือไว้ต้นทุน .70 บาท วันที่เลวร้ายสุดมันลงมาเหลือ .20 บาท ยิ่งถ้าเทียบราคาตัวแม่ขณะนั้นตัวลูกไม่มีมูลค่าเลยด้วยซ้ำ ตอนนั้นเป็นช่วงเริ่มเปลี่ยนแนวลงทุนมาเป็น VI ปีแรกๆ ใช้การแกะงบ ฟังข้อมูลผู้บริหารจากการประชุมผู้ถือหุ้น ความรู้สึกที่ได้ช่วงนั้นเหมือนกับสร้างปราสาททรายขึ้นมาอย่างสวยงามแล้วโดนคลื่นซัดราบไป เหลือแต่กองทรายเปล่าๆ แต่ถ้ามาคิดตอนนี้ก็เหมือนกับโดนรับน้องใหม่ ทดสอบสภาพจิตใจตัวเองว่าจะสามารถเปลี่ยนเป็น VI ได้หรือไม่ บททดสอบกินเวลา 4 เดือน กับความเครียดมหาศาล สภาพตอนนั้นต้องเอางบมานั่งเปิดดูทุกวันเอา research มานั่งอ่านซ้ำไปซ้ำมา (เหมือนคนบ้าเลยครับ) ดูแล้วดูอีกเรียกกำลังใจไม่ให้ตก ช่วงแรกโดนแค่ subprime ก็เหนื่อยแล้ว มาเจอช่วงเลวร้ายสุดคือช่วงปิดสนามบิน อาทิตย์นั้นแหละครับคือช่วงที่กำลังใจทุกอย่างตกจนสุดแล้ว อยากขายหุ้นออกให้หมดไม่อยากเล่นอะไรอีกแล้ว แต่ก็ขายไม่ได้เพราะหุ้นไม่มีสภาพคล่องให้ขาย เหมือนอยู่ในที่มืดไม่เห็นแสงสว่างจริงๆครับ ตอนนี้ผ่านเหตุการณ์นั้นมา 2 ปี ครึ่ง สิ่งที่ผมได้ก็คือหุ้นที่ดี ยังไงก็ยังเป็นหุ้นที่ดีวันยังค่ำ ราคาในกระดานจะเป็นยังไง ไม่สำคัญเท่ากำไรของกิจการที่เราถือถ้ามันยังโตซะอย่าง สุดท้ายราคาก็จะกลับมาหาจุดที่มันควรจะเป็นเองหุ้นตัวที่ผมเคยเจ็บหนักเมื่อตอนนั้น สุดท้ายก็กลายเป็นหุ้นที่เปลี่ยนชีวิตผมในวันนี้ ตอนนี้เวลาเจออะไรที่เลวร้ายผมจะย้อนนึกถึงตอนนั้นว่าร้ายขนาดนั้นยังผ่านมาได้ ถ้าจิตใจเรามั่นคงและศึกษาธุรกิจที่เราลงทุนเป็นอย่างดี อุปสรรคทุกอย่างเราสามารถเอาชนะมันได้หมดครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1401
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 24
แต่ของผมแปลกแฮะ ช่วง supprime ผมมีคาถาป้องกันภัย พอหุ้นตก ผมก็หนีหน้าจอไปเลย ไม่ได้ขายด้วยซักตัว เพราะอ่านหนังสือของท่าน ดร. ว่า ประเทศไทยเศรษฐกิจยังดีอยู่ ยังไงก็ต้องขึ้นมาหาเวลาที่เหมาะสม เลยไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ (เพราะเชื่อ ดร.มากๆ) แต่พอหุ้นขึ้นมาเท่าเดิมกลับขายหมูออกไปตั้งหลายตัว
-
- Verified User
- โพสต์: 93
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 26
ขอบคุณครับ อธิบายเห็นภาพชัดเจนเลยครับNotelio เขียน:ความรู้สึกที่ได้ช่วงนั้นเหมือนกับสร้างปราสาททรายขึ้นมาอย่างสวยงามแล้วโดนคลื่นซัดราบไป เหลือแต่กองทรายเปล่าๆ แต่ถ้ามาคิดตอนนี้ก็เหมือนกับโดนรับน้องใหม่ ทดสอบสภาพจิตใจตัวเองว่าจะสามารถเปลี่ยนเป็น VI ได้หรือไม่ บททดสอบกินเวลา 4 เดือน กับความเครียดมหาศาล สภาพตอนนั้นต้องเอางบมานั่งเปิดดูทุกวันเอา research มานั่งอ่านซ้ำไปซ้ำมา (เหมือนคนบ้าเลยครับ) ดูแล้วดูอีกเรียกกำลังใจไม่ให้ตก ช่วงแรกโดนแค่ subprime ก็เหนื่อยแล้ว มาเจอช่วงเลวร้ายสุดคือช่วงปิดสนามบิน อาทิตย์นั้นแหละครับคือช่วงที่กำลังใจทุกอย่างตกจนสุดแล้ว อยากขายหุ้นออกให้หมดไม่อยากเล่นอะไรอีกแล้ว แต่ก็ขายไม่ได้เพราะหุ้นไม่มีสภาพคล่องให้ขาย เหมือนอยู่ในที่มืดไม่เห็นแสงสว่างจริงๆครับ ตอนนี้ผ่านเหตุการณ์นั้นมา 2 ปี ครึ่ง สิ่งที่ผมได้ก็คือหุ้นที่ดี ยังไงก็ยังเป็นหุ้นที่ดีวันยังค่ำ ราคาในกระดานจะเป็นยังไง ไม่สำคัญเท่ากำไรของกิจการที่เราถือถ้ามันยังโตซะอย่าง สุดท้ายราคาก็จะกลับมาหาจุดที่มันควรจะเป็นเองหุ้นตัวที่ผมเคยเจ็บหนักเมื่อตอนนั้น สุดท้ายก็กลายเป็นหุ้นที่เปลี่ยนชีวิตผมในวันนี้ ตอนนี้เวลาเจออะไรที่เลวร้ายผมจะย้อนนึกถึงตอนนั้นว่าร้ายขนาดนั้นยังผ่านมาได้ ถ้าจิตใจเรามั่นคงและศึกษาธุรกิจที่เราลงทุนเป็นอย่างดี อุปสรรคทุกอย่างเราสามารถเอาชนะมันได้หมดครับ
Learn the past.
Match the present.
Creat the future.
Match the present.
Creat the future.
-
- Verified User
- โพสต์: 2606
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 27
อูย โดนกันหนักๆ ทั้งนั้นเลย หวังว่า จขกท คงได้ กำลังใจไปบ้างนะครับ
หุ้นที่เราถืออยู่ดีไม่ดีอย่างไหน จะกลับมาได้หรือป่าว ในอนาคตราคาจะเป็นเท่าไหร่
คงไม่มีใครตอบได้ นอกจากตัวเองนะคับ
หุ้นที่เราถืออยู่ดีไม่ดีอย่างไหน จะกลับมาได้หรือป่าว ในอนาคตราคาจะเป็นเท่าไหร่
คงไม่มีใครตอบได้ นอกจากตัวเองนะคับ
-
- Verified User
- โพสต์: 393
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 28
หลายปีมาแล้ว เพราะเชื่อข่าว"วงใน" MME จากประมาณ 20 บาท เหลือ 1 บาท
ชื่นใจ
ชื่นใจ
"If you took our top fifteen decisions out, we’d have a pretty average record. It wasn’t hyperactivity,but a hell of a lot of patience. You stuck to your principles and when opportunities came along,you pounced on them with vigor"-Charlie Munger
- blackninja
- Verified User
- โพสต์: 176
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 29
ตอนนั้นโดน 911 ครับ ดันถือหุ้นกลับบ้านเยอะที่สุดที่เคยถือ กะไว้ว่าอาจโดนประมาณ 5ล้าน เปิดมาจริงโดนไป 2ล้านกว่าบาท คัทเรียบ
-
- Verified User
- โพสต์: 915
- ผู้ติดตาม: 0
Re: พอร์ตคุณเคยติดลบสูงสุดเท่าไหร่ แล้วเอาตัวรอดอย่างไร
โพสต์ที่ 30
เห็นหุ้น จขกท แล้วหนาว คือ เป็นราคาที่ผมไม่กล้าเข้าเยอะขนาดนั้นแน่ครับ
เอาเป็นว่า ลองเข้าไปทบทวนดูครับว่า บริษัทเหล่านี้ในความคิดของ จขกท แล้วเป็นยังไงบ้าง
ถ้ายังมั่นใจก็ถือต่อครับ
แต่ถ้าไม่มั่นใจเลย ผมแนะนำให้ออก แล้วเข้าไปลงทุนตัวที่เรามั่นใจดีกว่าครับ
กำไรไม่ต้องเยอะ แต่นอนหลับสบาย ผมว่าน่าจะดีกว่านะครับ
เอาเป็นว่า ลองเข้าไปทบทวนดูครับว่า บริษัทเหล่านี้ในความคิดของ จขกท แล้วเป็นยังไงบ้าง
ถ้ายังมั่นใจก็ถือต่อครับ
แต่ถ้าไม่มั่นใจเลย ผมแนะนำให้ออก แล้วเข้าไปลงทุนตัวที่เรามั่นใจดีกว่าครับ
กำไรไม่ต้องเยอะ แต่นอนหลับสบาย ผมว่าน่าจะดีกว่านะครับ