สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
-
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 63
-
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 64
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 65
อ.ไพบูลย์ ฝากบอกครับว่า
ตัว paper ฉบับจริงก่อน Publish จะมีการแก้ไขดัดแปลงเพิ่มเติมอีกหน่อยครับ
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
-
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 67
ผมลองแกะ ๆ ดูแล้ว จริง ๆ สูตรของ อาจารย์ Joel Greenblatt นี่ แกก็มีความยืดหยุ่น อยู่มากทีเดียว โดยมีแนวทางหลัก ๆ คือ return on capital กับ P/E (ในหนังสือแกเืลือกใช้ ROA เป็นตัวแทนของ return on capital แต่เท่าที่ดู ก็มีประเด็นระหว่างว่า ROA หรือ ROE (เหมือนพี่อาจารย์ไพบูลย์ปรับใช้) หรือ ROIC (อันนี้ผมเห็นบางคนเค้าเขียน ไม่ชำนาญครับ)
ที่ผมว่า แกยืดหยุ่น เพราะในหนังสือแกนี่ บางทีก็เลือกหุ้นออกหน้าตาเฉย เช่น แกเขียนว่า Eliminate all utilities and financial stocks ฯลฯ แถมแกก็เขียนว่า ถ้าหุ้นไหน P/E ต่ำกว่า 5 แสดงว่า อาจจะมีอะไรเหนือธรรมดา (ไปหน่อย) ก็ให้กรองออกด้วย ฯลฯ
ในเว็บแกมีให้กรองขนาดของ Market Cap อีกด้วย ผมเลยอนุมานว่า จริง ๆ มันก็ค่อนข้างจะตามใจฉันแหละครับ (ผมเห็นแวบ ๆ เหมือนกับว่า มีบอกว่า บริษัทไหนไม่ชอบเป็นการส่วนตัว ก็ไม่ต้องเอาด้วย)
ในหนังสือแกมีกลไก ป้องกัน January Effect ด้วย เพราะ ว่า ถ้าซื้อมกราคม กันหมด ราคาก็จะไปโป่งตอนนั้น จริง ๆ แกไม่ได้ระบุเวลาชัดเจนด้วยว่าจะปรับพอร์ตวันไหน เมื่อไหร่ (แถม P/E เดือน ม.ค. ที่เห็น จริง ๆ เป็นผลประกอบการของ 4 ไตรมาศก่อนหน้า คือ ไม่รวมไตรมาศที่ 4 ปีที่ผ่านมา) ผมก็เลยคิดว่า จริง ๆ สูตรแกไม่ได้ สนใจเรื่อง Timing เป็นพิเศษ แถมเวลาเอาหุ้นเข้าพอร์ต แกก็ไม่ได้เอาเข้าพร้อมกัน แต่แกขอแค่ว่า เอาเข้าไปในพอร์ตแล้ว ให้อยู่ประมาณ 1 ปี (ของมะกัน มี trick นิดนึงเกี่ยวกับเรื่องภาษีด้วย คือ แกว่า ถ้าขาดทุน ขายก่อนครบปี นิดนึง จะได้ถือว่าเป็นการลงทุนระยะสั้น ตัวไหนกำไร ขายหลังถือครบหนึ่งปีนิดนึง จะได้ถือว่าเป็นการลงทุนระยะยาว แล้วมีผลต่อเรื่องภาษี ฯลฯ)
หลัก ๆ คือ แกเชื่อว่า ตราบเท่าที่ หุ้นที่เราเลือกมันมี return on capital อยู่ลำดับต้น ๆ และ P/E ranking ดี ก็ "ควรจะ" ได้ผลตอบแทน ดีกว่า Index ของตลาดฯ ส่วนผลตอบแทนจริง ๆ จะเป็นเท่าไหร่ คือ มันไม่ได้ตายตัว
ผมเข้าใจว่า งานวิจัย นี้ คือ ให้เห็นกรอบคร่าว ๆ แล้วทำการทดสอบย้อนหลัง ซึ่งก็ได้ผลนะครับ คือ ทำให้ผมเห็นว่า เออ แนวของอาจารย์ Joel นี่ มันก็พอไปได้ (จากข้อมูลในอดีต) แนวคิดเบื้องต้น ก็ครอบคลุม (คือ เลือกบริัษัทดี ที่ราคายังถูก)
ผมคิดเอาเองว่า สูตรของอาจารย์ Joel นี่ คงสู้ VI แบบ เลือกเป็นตัว ๆ เก่ง ๆ เ้น้น ๆ ไปเลย ไม่ได้ แต่ก็มีข้อดีคือ ความสม่ำเสมอในการเลือกใช้สูตร
ถ้าจะีมีคำถามอยู่บ้าง คือ ผมอยากรบกวนถามอาจารย์ไพบูลย์ว่า ถ้าข้อมูลย้อนหลัง ทำแบบเดียวกัน กับที่ อาจารย์ Modify มาใช้ ROE ในการหา Return on Capital ผมสงสัยว่า ถ้าใช้ ROA ตามสูตร ผลการทดสอบกับข้อมูลในอดีต มันแย่กว่า ROE มากหรือเปล่าครับ? (อืม ไม่แน่ผมอาจจะพอทำได้ เดี๋ยวต้องดูก่อนว่า แฟ้ม EPS16YEAR ของพี่ครรชิต มีข้อมูลย้อนหลัง เพียงพอไหม 555 ขอพี่เค้ามาแล้วยังไม่ได้ลองเปิดเลยครับ ^-^)
ที่ผมว่า แกยืดหยุ่น เพราะในหนังสือแกนี่ บางทีก็เลือกหุ้นออกหน้าตาเฉย เช่น แกเขียนว่า Eliminate all utilities and financial stocks ฯลฯ แถมแกก็เขียนว่า ถ้าหุ้นไหน P/E ต่ำกว่า 5 แสดงว่า อาจจะมีอะไรเหนือธรรมดา (ไปหน่อย) ก็ให้กรองออกด้วย ฯลฯ
ในเว็บแกมีให้กรองขนาดของ Market Cap อีกด้วย ผมเลยอนุมานว่า จริง ๆ มันก็ค่อนข้างจะตามใจฉันแหละครับ (ผมเห็นแวบ ๆ เหมือนกับว่า มีบอกว่า บริษัทไหนไม่ชอบเป็นการส่วนตัว ก็ไม่ต้องเอาด้วย)
ในหนังสือแกมีกลไก ป้องกัน January Effect ด้วย เพราะ ว่า ถ้าซื้อมกราคม กันหมด ราคาก็จะไปโป่งตอนนั้น จริง ๆ แกไม่ได้ระบุเวลาชัดเจนด้วยว่าจะปรับพอร์ตวันไหน เมื่อไหร่ (แถม P/E เดือน ม.ค. ที่เห็น จริง ๆ เป็นผลประกอบการของ 4 ไตรมาศก่อนหน้า คือ ไม่รวมไตรมาศที่ 4 ปีที่ผ่านมา) ผมก็เลยคิดว่า จริง ๆ สูตรแกไม่ได้ สนใจเรื่อง Timing เป็นพิเศษ แถมเวลาเอาหุ้นเข้าพอร์ต แกก็ไม่ได้เอาเข้าพร้อมกัน แต่แกขอแค่ว่า เอาเข้าไปในพอร์ตแล้ว ให้อยู่ประมาณ 1 ปี (ของมะกัน มี trick นิดนึงเกี่ยวกับเรื่องภาษีด้วย คือ แกว่า ถ้าขาดทุน ขายก่อนครบปี นิดนึง จะได้ถือว่าเป็นการลงทุนระยะสั้น ตัวไหนกำไร ขายหลังถือครบหนึ่งปีนิดนึง จะได้ถือว่าเป็นการลงทุนระยะยาว แล้วมีผลต่อเรื่องภาษี ฯลฯ)
หลัก ๆ คือ แกเชื่อว่า ตราบเท่าที่ หุ้นที่เราเลือกมันมี return on capital อยู่ลำดับต้น ๆ และ P/E ranking ดี ก็ "ควรจะ" ได้ผลตอบแทน ดีกว่า Index ของตลาดฯ ส่วนผลตอบแทนจริง ๆ จะเป็นเท่าไหร่ คือ มันไม่ได้ตายตัว
ผมเข้าใจว่า งานวิจัย นี้ คือ ให้เห็นกรอบคร่าว ๆ แล้วทำการทดสอบย้อนหลัง ซึ่งก็ได้ผลนะครับ คือ ทำให้ผมเห็นว่า เออ แนวของอาจารย์ Joel นี่ มันก็พอไปได้ (จากข้อมูลในอดีต) แนวคิดเบื้องต้น ก็ครอบคลุม (คือ เลือกบริัษัทดี ที่ราคายังถูก)
ผมคิดเอาเองว่า สูตรของอาจารย์ Joel นี่ คงสู้ VI แบบ เลือกเป็นตัว ๆ เก่ง ๆ เ้น้น ๆ ไปเลย ไม่ได้ แต่ก็มีข้อดีคือ ความสม่ำเสมอในการเลือกใช้สูตร
ถ้าจะีมีคำถามอยู่บ้าง คือ ผมอยากรบกวนถามอาจารย์ไพบูลย์ว่า ถ้าข้อมูลย้อนหลัง ทำแบบเดียวกัน กับที่ อาจารย์ Modify มาใช้ ROE ในการหา Return on Capital ผมสงสัยว่า ถ้าใช้ ROA ตามสูตร ผลการทดสอบกับข้อมูลในอดีต มันแย่กว่า ROE มากหรือเปล่าครับ? (อืม ไม่แน่ผมอาจจะพอทำได้ เดี๋ยวต้องดูก่อนว่า แฟ้ม EPS16YEAR ของพี่ครรชิต มีข้อมูลย้อนหลัง เพียงพอไหม 555 ขอพี่เค้ามาแล้วยังไม่ได้ลองเปิดเลยครับ ^-^)
-
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 68
เพิ่มเติมครับ คือ ในหนังสือของอาจารย์ Joel นี่ ในรายละเอียด แกไม่ได้ใ้ช้ทั้ง ROE และ ROA (แกยก ROA ขึ้นมาให้เห็นง่าย หรือ เข้าใจง่ายเท่านั้น)
แกเขียนเหตุผลของแกไว้ละเอียดในส่วน Appendix
แกใช้คำว่า Return on Capital ซึ่งแกหมายถึง
EBIT/(Net Working Capital + Net Fixed Assets)
(555 ยากละ สำหรับผม มึนครับ แต่แกบอกว่า แกจงใจใช้แบบนี้ แทนที่จะใช้ ROA หรือ ROE อืม แต่ Appendix นี่ แกบอกประมาณว่า เผื่อคนมีความรู้ด้านนี้ สนใจอยากรู้ละเอียด ทั้ง ๆ ที่ตอนแกยกตัวอย่าง แกใช้ ROA ซึ่งผมก็ตีความไปเองว่า จริง ๆ จะใช้ ROE, ROA หรือ สูตรนี้ ก็คงได้ผลตอบแทนแตกต่างกันไป แต่ก็คงไม่ถึงขั้นทำให้ผลลัพธ์ของมา แย่กว่า return ของ ตลาดโดยรวมฯ หรือเปล่า)
ส่วน Earnings Yield แกใช้
EBIT/Enterprise Value
แกอธิบายว่า มันดีกว่า การใช้ P/E อย่างเดียว ยังไง ฯลฯ แล้วก็บอกว่า Enterprise Value มันคืออะไร ฯลฯ
ซึ่งก็ detail นะครับ กรอบคร่าว ๆ ของแก ดูเหมือนจะมีแค่
First, buying good companies at bargain prices makes sense. On average, this is what the magic formula does.
Second, it can take Mr. Market several years to recognize a bargain. Therefore, the magic to recognize a bargain. Therefore, the magic formula strategy requires patience.
ที่ขำคือตอนสุดของเล่ม แกว่า
So, here’s the point. The magic formula appears to perform very well. I think and hope it will continue to perform well in the future.
แกเขียนเหตุผลของแกไว้ละเอียดในส่วน Appendix
แกใช้คำว่า Return on Capital ซึ่งแกหมายถึง
EBIT/(Net Working Capital + Net Fixed Assets)
(555 ยากละ สำหรับผม มึนครับ แต่แกบอกว่า แกจงใจใช้แบบนี้ แทนที่จะใช้ ROA หรือ ROE อืม แต่ Appendix นี่ แกบอกประมาณว่า เผื่อคนมีความรู้ด้านนี้ สนใจอยากรู้ละเอียด ทั้ง ๆ ที่ตอนแกยกตัวอย่าง แกใช้ ROA ซึ่งผมก็ตีความไปเองว่า จริง ๆ จะใช้ ROE, ROA หรือ สูตรนี้ ก็คงได้ผลตอบแทนแตกต่างกันไป แต่ก็คงไม่ถึงขั้นทำให้ผลลัพธ์ของมา แย่กว่า return ของ ตลาดโดยรวมฯ หรือเปล่า)
ส่วน Earnings Yield แกใช้
EBIT/Enterprise Value
แกอธิบายว่า มันดีกว่า การใช้ P/E อย่างเดียว ยังไง ฯลฯ แล้วก็บอกว่า Enterprise Value มันคืออะไร ฯลฯ
ซึ่งก็ detail นะครับ กรอบคร่าว ๆ ของแก ดูเหมือนจะมีแค่
First, buying good companies at bargain prices makes sense. On average, this is what the magic formula does.
Second, it can take Mr. Market several years to recognize a bargain. Therefore, the magic to recognize a bargain. Therefore, the magic formula strategy requires patience.
ที่ขำคือตอนสุดของเล่ม แกว่า
So, here’s the point. The magic formula appears to perform very well. I think and hope it will continue to perform well in the future.
-
- Verified User
- โพสต์: 71
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 69
ไม่มีฉบับภาษาไทยหรือครับ
หรือใครก็ได้ใจดีช่วยแปลให้หน่อยครับ
กรุณาหน่อยนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 454
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 70
ไม่ทราบว่าในงานวิจัยฉบับบนี้มี Survivor Bias รึเปล่าครับ? คือถ้าเอาสถิตของหุ้นที่เหลือในตลาด ณ ปัจจุบันมา จะเป็นหุ้นที่ไม่เจ๋งมาแล้วทั้งนั้น แต่เวลาใช้ หลักการกรองหุ้นตามวิธีนี้จริงๆ แล้ว หุ้นที่มีราคาถูกที่โผล่มาในการกรอง ถ้าหากมันเจ๋งหรือมีการแต่งบัญชีนี่มันโดย exclude ออกจาก list รึเปล่าครับ?
แล้วยังมีผลจากการเพิ่มทุนอะไรพวกนี้อีกต่างหาก
แล้วยังมีผลจากการเพิ่มทุนอะไรพวกนี้อีกต่างหาก
-
- Verified User
- โพสต์: 54
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 72
ขอบคุณมากครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 73
ขออนุญาตแชร์ครับ
คือผมก็สนใจตัว magic formula (EBIT/EV & ROIC) เหมือนกัน ก็ study มาพอสมควร แล้วก็ทำการทดลองกับตลาดหุ้นไทย (โดยไม่รวมพวกหุ้นการเงิน) ได้ Geometric mean 10 ปี ประมาณ 49%
แต่จริงๆก็ยังมีข้อจำกัดที่ว่า หุ้นบางตัวอาจไม่มีสภาพคล่องพอ ที่จะทำให้เราซื้อแล้วได้ราคาตามที่ rank ออกมา หรือแม้กระทั่งตอนขาย จริงๆแล้วยังต้องพิจารณาเรื่องสภาพคล่องของหุ้นเข้าไปด้วย สูตรนี้พอเวลาที่พอร์ตเราใหญ่มากขึ้นก็ค่อนข้างมีปัญหา ยังต้องทดลองเข้าไปอีกโดยใส่หลาย factor ครับ
คือผมก็สนใจตัว magic formula (EBIT/EV & ROIC) เหมือนกัน ก็ study มาพอสมควร แล้วก็ทำการทดลองกับตลาดหุ้นไทย (โดยไม่รวมพวกหุ้นการเงิน) ได้ Geometric mean 10 ปี ประมาณ 49%
แต่จริงๆก็ยังมีข้อจำกัดที่ว่า หุ้นบางตัวอาจไม่มีสภาพคล่องพอ ที่จะทำให้เราซื้อแล้วได้ราคาตามที่ rank ออกมา หรือแม้กระทั่งตอนขาย จริงๆแล้วยังต้องพิจารณาเรื่องสภาพคล่องของหุ้นเข้าไปด้วย สูตรนี้พอเวลาที่พอร์ตเราใหญ่มากขึ้นก็ค่อนข้างมีปัญหา ยังต้องทดลองเข้าไปอีกโดยใส่หลาย factor ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 45
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 76
อยากถาม 2 ข้อครับ
ไม่ทราบว่า ดร.ไพบูลย์ เอาหลักทรัพย์ทุกตัวใน SET มา ranking เพื่อจัดพอร์ตเลยใช่ไหมครับ
มีการตัดหลักทรัพย์กลุ่มไหนออกหรือเปล่า เช่น ธนาคาร, ไฟแนนซ์
และอีกประการหนึ่ง หลักทรัพย์ที่งบปีไม่ได้สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม เช่น KSL, TNH
เอามาคิดด้วยหรือเปล่าครับ
ไม่ทราบว่า ดร.ไพบูลย์ เอาหลักทรัพย์ทุกตัวใน SET มา ranking เพื่อจัดพอร์ตเลยใช่ไหมครับ
มีการตัดหลักทรัพย์กลุ่มไหนออกหรือเปล่า เช่น ธนาคาร, ไฟแนนซ์
และอีกประการหนึ่ง หลักทรัพย์ที่งบปีไม่ได้สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม เช่น KSL, TNH
เอามาคิดด้วยหรือเปล่าครับ
- ton31530
- Verified User
- โพสต์: 28
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 77
30 ตัวแรก ของผม ณ วันที่ 12/4/2011
UT
CWT
GRAND
BLISS
STPI
MALEE
PTL
ACAP
NMG
BROOK
NOBLE
THANA
GL
MCS
KCAR
CSL
KKC
THAI
AP
SPALI
BANPU
ROCK
PICO
TCCC
SENA
RS
SIRI
TRC
TLUXE
KCE
ข้อมูล เอาจาก http://siamchart.com/stock/ ครับ >>>>ถูกผิดยังไง บอกด้วยนะครับ ไม่ค่อยก่งคำนวณ
มีเรื่องขอคำชี้แนะครับ
ใน
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 1&start=90
เค้ามีการทำการประมาณ โดยใช้ค่า ROA + P/e เค้าจะตัด กลุ่ม การเงินทิ้ง และเอา กลุ่มที่ แปลกๆ ออกไป และคัดอยู่ประมาณ 20 ตัว
มาใช้ การผสมผสานแบบนี้ ดูจะเป็นการลดความเสี่ยงจริงหรือเปล่าครับ ^^
UT
CWT
GRAND
BLISS
STPI
MALEE
PTL
ACAP
NMG
BROOK
NOBLE
THANA
GL
MCS
KCAR
CSL
KKC
THAI
AP
SPALI
BANPU
ROCK
PICO
TCCC
SENA
RS
SIRI
TRC
TLUXE
KCE
ข้อมูล เอาจาก http://siamchart.com/stock/ ครับ >>>>ถูกผิดยังไง บอกด้วยนะครับ ไม่ค่อยก่งคำนวณ
มีเรื่องขอคำชี้แนะครับ
ใน
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 1&start=90
เค้ามีการทำการประมาณ โดยใช้ค่า ROA + P/e เค้าจะตัด กลุ่ม การเงินทิ้ง และเอา กลุ่มที่ แปลกๆ ออกไป และคัดอยู่ประมาณ 20 ตัว
มาใช้ การผสมผสานแบบนี้ ดูจะเป็นการลดความเสี่ยงจริงหรือเปล่าครับ ^^
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 79
ขอความเห็นหน่อยครับ ผมทำจำลองไว้โดยใช้ earn per share ของพี่ครรชิตซึ่ง ณ วันที่ผมเลืดได้หุ้นมาเกือบ 30 ตัว แต่ผมเลือก แค่ 33% ได้มาทั้งหมด 7 ตัว ถือมา 3 เดือน return ประมาณ 25% รวมปันผล แต่ผมตัด DRACO ออกนะครับเพราะตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นสักอย่างที่ทำให้ผมเข้าใจว่า Draco ผิดสเปก และตอนหลังมาอ่านหนังสือ The little book that beat market ผมก็ตัด prop fund อย่าง URBNPF ออก (ซึ่งตัวที่ตัดออก Draco หากดู performance ตอนนี้จะขาดทุน แต่ URBNPF จะกำไร หับลบกันแล้วจะกำไรนิดๆ) สรปว่าผมเลยไม่ได้ทำตามสูตรเป๊ะๆแต่เป็นการคัดชุดแรกผมก็เลยแช่ไว้อย่างนั้น ไม่ได้ซื้อเพิ่มอะไร
สรุปหุ้นที่เลือก
Thip +27%
City
LALIN
MK
SC +68%
ตัวอื่นในพอร์ตก็เขียวหมด แต่ไม่ได้บวกอะไรเท่าไหร่ จากที่อ่านมาพบว่า JOEL Greenblatt เจ้าตำรับก็มีการปรับพอร์ตเหมือนกัน ผมจึงอยากลองดู โดยปรับพอร์ตทุกๆครึ่งไป เพื่อนๆคิดว่าเป็นไงครับ
สรุปหุ้นที่เลือก
Thip +27%
City
LALIN
MK
SC +68%
ตัวอื่นในพอร์ตก็เขียวหมด แต่ไม่ได้บวกอะไรเท่าไหร่ จากที่อ่านมาพบว่า JOEL Greenblatt เจ้าตำรับก็มีการปรับพอร์ตเหมือนกัน ผมจึงอยากลองดู โดยปรับพอร์ตทุกๆครึ่งไป เพื่อนๆคิดว่าเป็นไงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 3
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 81
สงสัยครับ มือใหม่มาก
ผมลองกรองหุ้นใช้ data จาก http://siamchart.com/stock/
วิธีที่ 1
ตั้งกรองหุ้น : P/E < 10, P/BV < 1, ROE > 15%, Yield > 3%
ผลคือได้หุ้นมา 8 ตัว แถมส่วนใหญ่เป็นอสังหาฯ
วิธีที่ 2 : P/E < 10, P/BV < 1, Yield > 3%
ได้มาประมาณ 80 กว่าตัว เรียงตาม P/BV แล้วเลือก 33 percentile แรก
ก็ได้มา 30 ตัว
คำถาม
1) ควรทำยังไงต่อครับ เมื่อเราเลือกหุ้นที่อยากให้ปันผลดีๆ ก็ต้องคำนึงถึง ROE ด้วยใช่มั้ยครับ
2) ข้อมูลนี้ update ทุกวันใช่มั้ยครับ หมายความว่า ราคาหุ้นที่เปลี่ยน ก็ทำให้ ROE เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
หุ้นที่เราเลือกมา 30 ตัวแรกของวันนี้ ก็อาจจะไม่เหมือนกับสัปดาห์ก่อน
ประเด็นคือ อยากได้หุ้นที่กรองแล้วสักชุด เพื่อไปดูข้อมูลพื้นฐานฯ, งบดุล, งบกำไร ฯลฯ ต่อน่ะครับ
ผมลองกรองหุ้นใช้ data จาก http://siamchart.com/stock/
วิธีที่ 1
ตั้งกรองหุ้น : P/E < 10, P/BV < 1, ROE > 15%, Yield > 3%
ผลคือได้หุ้นมา 8 ตัว แถมส่วนใหญ่เป็นอสังหาฯ
วิธีที่ 2 : P/E < 10, P/BV < 1, Yield > 3%
ได้มาประมาณ 80 กว่าตัว เรียงตาม P/BV แล้วเลือก 33 percentile แรก
ก็ได้มา 30 ตัว
คำถาม
1) ควรทำยังไงต่อครับ เมื่อเราเลือกหุ้นที่อยากให้ปันผลดีๆ ก็ต้องคำนึงถึง ROE ด้วยใช่มั้ยครับ
2) ข้อมูลนี้ update ทุกวันใช่มั้ยครับ หมายความว่า ราคาหุ้นที่เปลี่ยน ก็ทำให้ ROE เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
หุ้นที่เราเลือกมา 30 ตัวแรกของวันนี้ ก็อาจจะไม่เหมือนกับสัปดาห์ก่อน
ประเด็นคือ อยากได้หุ้นที่กรองแล้วสักชุด เพื่อไปดูข้อมูลพื้นฐานฯ, งบดุล, งบกำไร ฯลฯ ต่อน่ะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 124
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 82
น่าสนใจตรงที่ตอนวิกฤตต้มยำกุ้ง ดัชนีจาก 1700 ลงไปเหลือ 300
port จากงานวิจัยยังเป็นบวก
.............. แต่ตอน subprime crisis ทำไมติดลบได้
ต้องไปหาข้อมูลปี 1996-2000 มาเรียงดูจริงอีกที
port จากงานวิจัยยังเป็นบวก
.............. แต่ตอน subprime crisis ทำไมติดลบได้
ต้องไปหาข้อมูลปี 1996-2000 มาเรียงดูจริงอีกที
-
- Verified User
- โพสต์: 124
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 86
หมายเหตุ: 1.ไม่ได้ดูสภาพคล่อง
2.ไม่ได้ตรวจสอบการแตกพาร์ และยังไม่ได้เอาเงินปันผลมาลงทุนต่อ
3. price คงเป็น 30 ธ.ค. แต่ EPS และ book value ไม่รู้เป็นรอบบัญชีไหน ถ้าเป็นรอบบัญชี 1 มค - 31 ธค ตอนซื้อจริง งบการเงินคงยังไม่ออก
เดี๋ยววันหลังมาทำต่อ
choochart
2.ไม่ได้ตรวจสอบการแตกพาร์ และยังไม่ได้เอาเงินปันผลมาลงทุนต่อ
3. price คงเป็น 30 ธ.ค. แต่ EPS และ book value ไม่รู้เป็นรอบบัญชีไหน ถ้าเป็นรอบบัญชี 1 มค - 31 ธค ตอนซื้อจริง งบการเงินคงยังไม่ออก
เดี๋ยววันหลังมาทำต่อ
choochart
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 87
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 5011
- ผู้ติดตาม: 0
Re: สรุปงานวิจัยเบื่้องต้นการลงทุนแบบวีไอในรายการมันนี่ทอร์ค
โพสต์ที่ 88
thanks pee' choochartchoochart เขียน:หมายเหตุ: 1.ไม่ได้ดูสภาพคล่อง
2.ไม่ได้ตรวจสอบการแตกพาร์ และยังไม่ได้เอาเงินปันผลมาลงทุนต่อ
3. price คงเป็น 30 ธ.ค. แต่ EPS และ book value ไม่รู้เป็นรอบบัญชีไหน ถ้าเป็นรอบบัญชี 1 มค - 31 ธค ตอนซื้อจริง งบการเงินคงยังไม่ออก
เดี๋ยววันหลังมาทำต่อ
choochart