กลุ่มเหล็กในญี่ปุ่นกำลังคิดอะไรอยู่นะ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

ล็อคหัวข้อ
hot
Verified User
โพสต์: 6853
ผู้ติดตาม: 0

กลุ่มเหล็กในญี่ปุ่นกำลังคิดอะไรอยู่นะ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

โป้ง
Verified User
โพสต์: 2326
ผู้ติดตาม: 0

กลุ่มเหล็กในญี่ปุ่นกำลังคิดอะไรอยู่นะ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

FTA ไทย-ญี่ปุ่น กลุ่มเหล็กรอดยาก วัดฝีมือแบบสุดๆๆงานนี้
งด เลิก เสพ สุรา บุหรี่ วันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีของท่าน
ภาพประจำตัวสมาชิก
2nd wind
Verified User
โพสต์: 594
ผู้ติดตาม: 0

กลุ่มเหล็กในญี่ปุ่นกำลังคิดอะไรอยู่นะ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

Relating News from Matichon วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 28 ฉบับที่ 9882

"ทนง"แบไต๋ยอมญี่ปุ่นเปิดเสรีเหล็ก
หวังขับดันรถยนต์-ฐานผลิตส่งออกมากขึ้น


นายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จะเดินทางไปญี่ปุ่นพร้อมคณะ ระหว่างวันที่ 9-11 เมษายน เพื่อหารือกับกระทรวงเศรษฐกิจการค้าและอุตสาหกรรม(มิติ)ของญี่ปุ่น เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นในการจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ)ไทย-ญี่ปุ่น โดยจะเจรจาให้ญี่ปุ่นยอมผ่อนปรนสินค้าเกษตรให้ไทยมากขึ้น จากที่ผ่อนปรนแล้วหลายรายการ เช่น มันสำปะหลัง ไก่ และน้ำตาล จึงคาดว่าจะสามารถลงนามข้อตกลงได้กลางปีนี้

ส่วนที่ญี่ปุ่นต้องการให้ไทยเปิดเสรีสินค้าเหล็ก นายทนงกล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าสินค้าเหล็กบางชนิดที่ไทยผลิตเองได้คงจะไม่ให้นำเข้าและจะรณรงค์ให้ผู้ประกอบการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ แต่บางชนิดที่ผลิตเองไม่ได้หรือผลิตได้แต่คุณภาพไม่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับของผู้ผลิตสินค้าคงต้องยอมให้นำเข้า แต่มีเงื่อนไขว่าผู้ส่งออกญี่ปุ่นจะต้องร่วมมือกับผู้ผลิตไทยพัฒนาคุณภาพเหล็กให้ได้มาตรฐาน

"นโยบายรัฐบาลคือขยายฐานการผลิต และตลาดส่งออกรถยนต์ให้ได้มากที่สุด เหล็กชนิดใดที่เราผลิตเองไม่ได้ต้องนำเข้าอยู่แล้ว เมื่อนำเข้ามาผลิตเป็นรถยนต์และส่งออกแล้วจะทำรายได้เข้าประเทศคุ้มกับการนำเข้าวัตถุดิบ แต่ต้องคิดด้วยว่า จะทำอย่างไรให้ผู้ผลิตเหล็กในประเทศเพิ่มศักยภาพการผลิตเหล็กที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตอะไหล่ และตัวถังรถยนต์ได้โดยไม่ต้องนำเข้าอีก และทำให้ผู้ผลิตเหล็กโตได้ไม่ย้ายฐานการผลิตไปที่อื่น"

นายทนงกล่าวว่า นอกจากนี้จะเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีสมาชิกองค์การการค้าโลกกลุ่มประเทศเอเชีย เพื่อหารือการจัดทำรูปแบบการลดภาษีสินค้าอุตสาหกรรมและประมง ซึ่งต้องเร่งหาข้อสรุปให้ได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่วนความคืบหน้าเอฟทีเอไทย-นิวซีแลนด์ นายทนงกล่าวว่า ในวันที่ 19 เมษายน รัฐมนตรีการค้าของสองประเทศจะลงนามข้อตกลง มีนายกรัฐมนตรีของสองประเทศเป็นสักขีพยาน ที่ประเทศไทย และมีผลบังคับใช้วันที่ 1 กรกฎาคม ทั้งนี้ นมผงขาดมันเนยที่เป็นสินค้าอ่อนไหวของไทยจะไม่มีการเปิดโควต้าเพิ่มในช่วง 20 ปี

นายอาชว์ เตาลานนท์ อดีตประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า ไทยต้องเร่งกำหนดมาตรฐานสินค้านำเข้าภายใต้เอฟทีเอให้ชัดเจน เพราะขณะนี้สินค้าในประเทศได้รับผลกระทบจากการนำเข้าสินค้าไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานกรรมการหอการค้าไทยคนใหม่ กล่าวว่า หอการค้าฯจะนำยุทธศาสตร์เอฟทีเอมาทบทวนใหม่ เพื่อกำหนดเป็นท่าทีของภาคเอกชนว่ามีอะไรที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพื่อหารือกับรัฐบาลต่อไปว่าอะไรที่ทำไปแล้วได้ประโยชน์หรือไม่
คนมีโชค คือ คนที่พร้อมเสมอเมื่อโอกาสยังมาไม่ถึง และใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ยามโอกาสมาถึง
itti_peak
Verified User
โพสต์: 185
ผู้ติดตาม: 0

กลุ่มเหล็กในญี่ปุ่นกำลังคิดอะไรอยู่นะ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ยังงี้กลุ่มเหล็กก็ต้องทำใจสิ ครับ :( :(
ภาพประจำตัวสมาชิก
2nd wind
Verified User
โพสต์: 594
ผู้ติดตาม: 0

กลุ่มเหล็กในญี่ปุ่นกำลังคิดอะไรอยู่นะ

โพสต์ที่ 5

โพสต์

More Story krub.

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000049144

ญี่ปุ่นรุกล็อบบี้ทักษิณ ยื่นข้อเสนอใหม่บีบเสรีเหล็ก
โดย ผู้จัดการรายวัน 11 เมษายน 2548 00:12 น.


ผู้จัดการรายวัน - ญี่ปุ่นล็อบบี้ฝ่ายการเมืองไทยหนัก บิ๊กอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนฯ ตบเท้าเข้าพบ ทักษิณ หวังโน้มน้าวให้รัฐบาลยอมรับข้อเสนอใหม่เพื่อให้ทันลงนามปลายเดือนนี้ เผยปลัดมิติดอดเข้าพบ ทนง ยื่นข้อเสนอใหม่ ลดเงื่อนไขเปิดเสรีเหล็กเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่นเป็นภายใน 6 ปี ขณะที่เตรียมสอดไส้จัดเจรจาระดับรัฐมนตรีอีกครั้งที่ญี่ปุ่นวันนี้ ด้านบีโอไอยันเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่นไม่กระทบแผนลงทุนของญี่ปุ่นในไทย

หลังจากการเจรจาอย่างเป็นทางการเพื่อจัดทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจญี่ปุ่น-ไทย (JTEPA) หรือ การเปิดเขตการค้าเสรี(เอฟทีเอ)ญี่ปุ่น-ไทย รอบที่ 7 เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ถึง 1 เม.ย. 2548 ที่อำเภอเขาใหญ่ นครราชสีมา ยุติลงโดยทิ้งปัญหาการเจรจาในประเด็นเปิดเสรีเหล็กให้ฝ่ายการเมืองเป็นผู้ตัดสินใจ

ล่าสุด ในวันนี้(11เม.ย.) เวลาประมาณ14.00น. บุคคลสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นประกอบด้วย นายอิตารุ โคเอดะ ประธานร่วมบริษัทนิสสัน มอเตอร์ ในฐานะ ประธานสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น(JAMA) นายฮิโรมุ โอคาเบะ ประธานสมาคมอุตสา หกรรมชิ้นส่วนรถยนต์ญี่ปุ่น(JAPIA) นายโยชิยาสุ นาโอะ กรรมการผู้จัดการและอุปนายกJAMA นายโตโยฮิโกะ ชิมาดะ อุปนายกและกรรมการผู้จัดการ JAPIA นายมาซามิจิ โอซาวะ ผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายกิจการภายนอกและกิจการรัฐบาล บริษัทนิสสัน มอเตอร์ และนายเซจิ นางาสึเกะ ผู้อำนวยการกองรถยนต์ กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม เป็นต้น จะเข้าพบพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การเข้าพบดังกล่าวฝ่ายญี่ปุ่นจะหยิบยกประเด็นการเปิดเสรีเหล็กที่จะเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และชิ้นส่วนที่ยังเป็นปัญหาอยู่มาขอหารือกับพ.ต.ท.ทักษิณ หลังการเจรจาในระดับคณะผู้แทนของสองฝ่ายไม่สามารถตกลงกันได้ โดยคาดหวังว่ารัฐบาลไทยจะยอมรับกับข้อเสนอของฝ่ายญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้ความตกลงเป็นหุ้นส่วนกันนำไปสู่การสรุปและลงนามได้ทันในปลายเดือนนี้

แหล่งข่าว กล่าวว่า เรื่องที่ฝ่ายญี่ปุ่นจะขอหารือกับนายกฯคือข้อเสนอใหม่ ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกันกับข้อเสนอของคณะตัวแทนของรัฐบาลญี่ปุ่นซึ่งนำโดยนาย เคซูมาสะ คูสาเกะ ปลัดกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม(METI) ที่นำเสนอต่อนายทนง พิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไปเมื่อวันพฤหัสบดี(7 เม.ย.) ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ปลัดมิติได้นำข้อเสนอเกี่ยวกับการลด/เลิกภาษีเหล็ก ยานยนต์ รวมทั้งบริการที่เกี่ยวกับการผลิตที่ มิติได้ทบทวนและปรับเปลี่ยนตามคำสั่งของรัฐมนตรีมิติเพื่อนำมาแจ้งแก่ฝ่ายไทย ก่อนที่นายทนง กับนาย โชอิชิ นากาจาวา รมว.มิติ จะพบกันที่กรุงโตเกียวในวันจันทร์ที่ 11 เม.ย. นี้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

ประเด็นเรื่อง เหล็ก ฝ่ายญี่ปุ่นได้ปรับข้อเรียกร้องโดยคำนึงถึงโครงการของผู้ผลิตเหล็กไทยที่จะตั้งโรงงานถลุงเหล็ก ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้งานได้ในปีพ.ศ. 2553 โดยเสนอว่า

-เหล็กแผ่นรีดร้อนที่ไม่มีข้อขัดแย้งว่าไทยผลิตไม่ได้ ซึ่งไม่อยู่ภายใต้เอดี (ANTI DUMPING) และคิดเป็น 6 % ของตลาดเหล็กของไทย ญี่ปุ่นเสนอให้ยกเลิกภาษีทันที

-เหล็กแผ่นรีดร้อนที่มีผลิตในไทย ญี่ปุ่นเสนอให้ไทยคงภาษีไว้ 6 ปีหรือจนถึงปีพ.ศ.2555 แล้วจึงยกเลิกภาษี โดยในกลุ่มนี้ จะมีเหล็กบางชนิดที่ผู้ผลิตไทยผลิตได้ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ คิดเป็น 28% ของตลาดเหล็กไทย ซึ่งญี่ปุ่นเสนอให้กำหนดโควตาปลอดภาษีสำหรับเหล็กเหล่านี้และให้ทั้งสองฝ่ายตกลงปริมาณในโควตาดังกล่าวทุกๆ 3ปี โดยเน้นการนำเข้าเหล็กเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์(10ราย) และอุตสาหกรรมแผ่นเหล็กรีดเย็น ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนไทย-ญี่ปุ่น(2ราย)

ทั้งนี้หากความต้องการใช้เหล็กเหล่านี้ไม่เพิ่มขึ้นก็ให้คงโควตาไว้ต่อจนครบ 6 ปืที่จะมีการยกเลิกภาษีซึ่งในช่วงเวลานี้โรงถลุงเหล็กของไทยก็จะเริ่มดำเนินงานได้ 2-3 ปีแล้วและน่าจะมีขีดความสามารถในการแข่งขันได้

-เหล็กอื่นๆที่ไม่ได้จัดว่าอ่อนไหว ญี่ปุ่นเสนอให้ยกเลิกภาษีภายใน6 ปี

แหล่งข่าว กล่าวว่า หลังจากญี่ปุ่นยื่นข้อเสนอใหม่มา นายทนง ได้แจ้งต่อฝ่ายญี่ปุ่นว่า ผู้ผลิตเหล็กของไทยต้องการเวลาประมาณ 10 ปีที่จะให้คงภาษีเหล็กแผ่นรีดร้อนไว้ในอัตราเดิม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องหาวิธีที่จะเชื่อมช่องว่างระหว่างท่าทีของผู้ผลิตเหล็กไทยกับข้อเรียกร้องของญี่ปุ่นซึ่งปลัดมิติ เห็นว่า ตราบใดที่ความต้องการเหล็กของไทยขยายตัวมากกว่าเหล็กที่ผลิตในประเทศ และมีการควบคุมปริมาณเหล็กที่นำเข้าจากญี่ปุ่น ก็น่าจะหาทางออกได้ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้นำเสนอแผนภูมิความต้องการกับขีดความสามารถในการผลิตของไทยด้วย

ประเด็นเรื่อง ยานยนต์ ฝ่ายญี่ปุ่นระบุว่า มีความตั้งใจที่จะร่วมมือเพื่อสนับสนุนโครงการดีทรอย์แห่งเอเชีย ภายใต้ชื่อ เบสต์ออฟอาเซียน ซึ่งหวังว่าจะมีการประกาศได้ก่อนการลงนามความตกลงเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยและญี่ปุ่น สำหรับข้อเรียกร้องของญี่ปุ่นในการเจรจานั้นได้ปรับใหม่ดังนี้

-รถยนต์นั่งต่ำกว่า 3,000 ซีซี ญี่ปุ่นเสนอให้ไทยคงภาษีไว้จนถึง ปีพ.ศ. 2553

-รถยนต์นั่งสูงกว่า 3,000 ซีซี ญญญี่ปุ่นเสนอให้ไทยกำหนดโควตาปลอดภาษีเพื่อนำเข้ารถยนต์ในกลุ่มนี้จำนวนหนึ่งที่จะไม่กระทบต่อโครงการดีทรอย์แห่งเอเชีย

ประเด็นเรื่อง ชิ้นส่วนยานยนต์ ญี่ปุ่นเสนอให้ไทยลดภาษีภายในปี 2553 โดยลดในอัตราเท่าๆกันทุกปี เพื่อสนับสนุนโครงการดีทรอยต์แห่งเอเชีย

ประเด็นเรื่อง การลงทุน ฝ่ายญี่ปุ่นเสนอให้ไทยผูกพันที่จะไม่ปรับกฎระเบียบให้เข้มงวดขึ้นสำหรับการลงทุนด้านการผลิต โดยญี่ปุ่นไม่ขอเพิ่มในเรื่องการเปิดเสรี

ประเด็นสุดท้าย เรื่องการค้าบริการ ฝ่ายญี่ปุ่นขอให้ไทยขยายข้อเสนอของไทยในบริการที่เกี่ยวกับการผลิตที่จะเปิดให้ญี่ปุ่นถือหุ้นได้ถึง 75% ในการบริการขายส่ง-ขายปลีกเฉพาะสินค้าที่บริษัทผลิตเองและรถยนต์ที่บริษัทในเครือผลิตในญี่ปุ่นและใช้ยี่ห้อเดียวกัน โดยให้ครอบคลุมถึงการถือหุ้นได้ 75% ในบริการรักษา ซ่อมแซมและการเช่า ที่มาพร้อมกับการขายส่ง-ขายปลีกด้วย รวมทั้งให้ครอบคลุมถึงสินค้าต่างๆที่ผลิตในญี่ปุ่น(ไม่ใช่เฉพาะรถยนต์) และในอาเซียน และที่ผลิตโดยบริษัทในเครือ

ทั้งนี้ปลัดมิติ ย้ำว่า ผู้ผลิตญี่ปุ่นไม่มีเจตนาที่จะเข้ามาให้บริการในรายละเอียดแต่จะช่วยบริษัทขายปลีกของไทยในการพัฒนาขีดความสามารถ

ก่อนหน้านี้ คณะผู้เจรจาฝ่ายไทยประสบความสำเร็จเมื่อฝ่ายญี่ปุ่นยอมเสนอเปิดตลาดสินค้าเกษตรหลายรายการ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเอฟทีเอที่ญี่ปุ่นทำกับฟิลิปปินส์และเม็กซิโก ถือว่าญี่ปุ่นได้ยอมอ่อนข้อให้กับไทยค่อนข้างมาก รวมทั้งญี่ปุ่นยังมีท่าทียืดหยุ่นมากขึ้นในการส่งพ่อครัวไทยและกิจการสปาไทยไปญี่ปุ่น และ ยินยอมตกลงในความร่วมมือด้านเกษตรว่าด้วยมาตรฐานสุขอนามัย สร้างความร่วมมือระยะยาวด้านการผลิต การตลาด เทคโนโลยีและวัฒนธรรมระหว่างสหกรณ์เกษตรญี่ปุ่นกับสหกรณ์เกษตรไทย ซึ่งเป็นความร่วมมือที่ญี่ปุ่นไม่เคยทำกับประเทศอื่นใดมาก่อน

ทว่า ในทางตรงข้าม ญี่ปุ่นยังไม่ยอมรับข้อเสนอของฝ่ายไทยซึ่งต้องการคงภาษีเหล็กแผ่นรีดร้อนไว้ตามเดิมที่ 7.0-9.5% เป็นเวลา 10 ปี แล้วจึงเริ่มลดภาษีในปีที่ 11 ให้เหลือศูนย์ในปีที่ 15 ขณะที่ชิ้นส่วนรถยนต์นั้นจะลดภาษีจาก 10-30% ในปีแรกกระทั่งเป็นศูนย์ในอีก 15 ปี ส่วนรถยนต์ขนาดใหญ่นั้น ขอเลื่อนการเจรจาไป 3 ปี

ดังนั้น การเดินหน้าล็อบบี้ฝ่ายการเมืองไทยจึงถูกจับตามองจากธุรกิจเอกชนไทยเป็นอย่างมากรวมทั้งกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์จากฝั่งยุโรป ว่าฝ่ายญี่ปุ่นจะยื่นข้อเสนอใหม่ที่สมเหตุสมผลหรือไม่ อย่างไร

นอกจากนี้ การที่นายทนงและผู้แทนระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ เดินทางไปร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีสมาชิกองค์การการค้าโลก หรือ WTO เพื่อหารือเรื่องการเปิดตลาดสินค้าอุตสาหกรรม (NAMA) ภายใต้กรอบ WTO ณ กรุงโตเกียว คาดว่า จะมีการหารือเรื่องเอฟทีเอไทย-ญี่ปุ่นอย่างไม่เป็นทางการด้วย เพราะมีการนัดหมายว่า จะเข้าพบรมต.เกษตรฯ รมต.มิติ และ หัวหน้าคณะเจรจาเอฟทีเอ ฝ่ายญี่ปุ่น ที่มาเจรจากับฝ่ายไทยที่เขาใหญ่ และประธาน Keidanren ซึ่งเป็นกลุ่มเอกชนญี่ปุ่นด้วย

ด้านนายสาธิต ศิริรังคมานนท์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ) กล่าวว่า จากหลายฝ่ายอาจจะกังวลกรณีการทำเขตการค้าเสรีหรือ FTA ระหว่างไทยและญี่ปุ่น จะส่งผลกระทบต่อการย้ายฐานการลงทุนจากญี่ปุ่นมาไทยเนื่องจากภาษีจะลดลงนั้น เรื่องดังกล่าวคาดว่าไม่น่าจะมีผลมากนัก เนื่องจากต้นทุนของญี่ปุ่นเองยังสูง แม้ภาษีนำเข้าของไทยจะลดลงแต่ก็ช่วยให้ต้นทุนรวมไม่ได้ต่ำลงเท่าใดนัก ขณะที่ค่าแรงของไทยก็ยังต่ำและมีฝีมือจึงเชื่อว่าญี่ปุ่นยังคงจะมาลงทุนในไทยมากขึ้น
คนมีโชค คือ คนที่พร้อมเสมอเมื่อโอกาสยังมาไม่ถึง และใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ยามโอกาสมาถึง
ภาพประจำตัวสมาชิก
2nd wind
Verified User
โพสต์: 594
ผู้ติดตาม: 0

กลุ่มเหล็กในญี่ปุ่นกำลังคิดอะไรอยู่นะ

โพสต์ที่ 6

โพสต์

แล้วก็ถึงบทที่ทั่นนายก ตอกกลับพี่ยุ่น

นายกฯระบุFTAไทย-ญี่ปุ่นไม่น่าวิตก

http://www.settrade.com/S17_ContentDisp ... 0000004454

โดย กระแสหุ้น

นายกรัฐมนตรี ระบุการเจรจา FTA ไทย-ญี่ปุ่น จะได้ข้อยุติใน 2-3 เดือน ยืนยันจะไม่ยกเลิกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กทันทีตามความต้องการของญี่ปุ่น แต่จะต้องพิจารณาในภาพรวมและทำตามขั้นตอน ยึดประโยชน์ของผู้บริโภคเป็นหลัก

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับญี่ปุ่น โดยเฉพาะการเปิดเสรีการนำเข้าเหล็ก ว่า การเจรจาดังกล่าวไม่มีแรงกดดันแต่อย่างใด เนื่องจากการดำเนินการใดๆ จะต้องเป็นไปตามกรอบของระยะเวลา เพื่อให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ทั้งนี้การเจรจา FTA ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดทีละด้าน ต้องพูดทั้งระบบ แต่ขณะนี้ญี่ปุ่นยอมถอยให้ไทย เรื่องสินค้าเกษตรมาก ซึ่งคนส่วนใหญ่จะได้ประโยชน์ ดังนั้น ต้องกลับมาดูว่าสินค้าเกษตรที่ได้จะคุ้มค่ากับสิ่งที่ญี่ปุ่นขอหรือไม่ "ขณะนี้การเจรจาคืบหน้าพอสมควรไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องมีความกังวลมากว่าจะยกเลิกภาษีนำเข้าเลยทันที จะต้องมีระยะเวลา เชื่อว่าคงไม่มีปัญหา เมื่อถึงเวลาแล้วต้องพูดคุยหารือกันตลอดเวลา ส่วนข้อเสนอที่เอกชนเรียกร้องให้ทำการปรับภาษีนำเข้าแบบขั้นบันไดนั้น แน่นอนว่าจะต้องมีขั้นบันไดเพื่อให้ทุกฝ่ายเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่" นายกฯ กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลดภาษีเหล็กต้องมีระยะเวลา ไม่ใช่ยกเลิกในทันที ต้องพิจารณาประโยชน์ภาพรวมในหลายด้าน โดยเฉพาะประชาชนผู้บริโภคจะต้องได้ประโยชน์สูงสุด และต้องพิจารณาถึงจำนวนผู้ผลิตสินค้าไปขายต่างประเทศด้วย จะพิจารณาเฉพาะด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ต้องดูภาพรวมทั้งหมด พร้อมยืนยันว่าการเจรจาเรื่องรถยนต์จะต้องคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ที่ไทยจะได้ด้วย พร้อมกันนี้ได้กล่าวแสดงความเป็นหว่งเกี่ยวกับข้อตกลงบางเรื่องที่ประเทศไทยทำไว้กับออสเตรเลีย เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นก็ต้องการได้เช่นกัน ซึ่งทางยุโรปกับสหรัฐคงไม่พอใจแน่นอน ดังนั้น จะต้องดูในภาพรวม เพราะในที่สุดทุกประเทศต้องเปิดเสรีทางการค้าตามพันธะขององค์การการค้าโลก (WTO) "ถ้าเราจะเอาเปรียบก็คงไม่มีใครคบ แต่จะเสียเปรียบก็ไม่ถูกต้อง เป็นลักษณะทั้งการให้และการรับที่ดูแล้วประเทศไทยไม่เสียหาย แต่จะมีผลเรื่องการเพิ่มพูนยอดการค้า เราต้องมีการผลิต การจ้างงานเพิ่มขึ้น ต้องคิดถึงเรื่องการจ้างงานในประเทศด้วย" พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้กล่าวถึงกรณีมอบหมายให้นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ไปทบทวนแผนการลงทุนโครงการเหล็กต้นน้ำมูลค่าประมาณ 5 แสนล้านบาท ของบริษัทสหวิริยา ว่า ได้รับรายงานแล้ว และการลงทุนขนาดใหญ่ระดับนี้ ควรจะชักชวนญี่ปุ่น ซึ่งเป็นลูกค้าหลักมาถือหุ้นด้วย เพื่อให้มั่นใจว่ามีลูกค้า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องของเอกชนจะไปตกลงกันเอง ในส่วนของรัฐเพียงแค่แนะนำว่าถ้าไม่มีลูกค้าจะอันตรายต่อการลงทุนขนาดใหญ่
คนมีโชค คือ คนที่พร้อมเสมอเมื่อโอกาสยังมาไม่ถึง และใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ยามโอกาสมาถึง
ล็อคหัวข้อ