เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 181

โพสต์

เพิ่งไปนครสวรรค์มาครับ วิวสวยดี แวะไปไหว้หลวงพ่อใหญ่ต่อที่พิดโลก

สุขใดเล่า เท่าจิตสงบ :idea:


รูปภาพ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nuthor
Verified User
โพสต์: 200
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 182

โพสต์

dino เขียน:สง่างาม....
:shock: :shock: แหล่มมากครับ
ถ่ายได้ไงครับเนี่ย :bow: :bow:
"If you candream it, you can do it"
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 183

โพสต์

ทำบุญกับการละสังขาร หลวงตาครับ

รูปภาพ


:pray: :pray: :pray:
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 184

โพสต์

กระบี่บาดเลนส์

กระบี่นั้นเป็นเมืองแห่งขุน เขาหินปูน เขาหินปูนของกระบี่อยู่ทั้งในทะเลและบนบก ด้วยความเป็นเขาหินปูน รูปทรงของเขาใน จ.กระบี่ จึงมีรูปทรงสวยงามไปตามการกัดเซาะของทะเล

โดย...จำลอง บุญสอง

ผมไปกระบี่คราวนี้ก็ด้วยคำเชิญของกลุ่มสห+ภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชักชวนช่างภาพไปถ่ายภาพให้จังหวัดต่างๆ เขาเริ่มกันที่ จ.น่าน ครั้งนั้นเขาไม่ได้เชิญผมไปหรอกครับ ผมจึงไม่รู้ที่มาที่ไปเขาว่าเป็นมาอย่างไร มาคราวนี้ผมก็ไม่ได้ถามเขาอีกเพราะเห็นยุ่งๆ กัน เอาเป็นว่าผมลงภาพของกระบี่ที่เขาตั้งใจนำเสนอให้ก็แล้วกัน ภาพกระบี่บาดเลนส์ที่เขาตั้งชื่อเอาไว้เก๋ไก๋ผมก็ไม่ได้เอาของเขามาลงด้วย หรอกครับ เพราะผมเองก็พอจะถ่ายรูปได้ แม้ฝีมือจะไม่เท่าพวกมือโปรเหล่านั้นก็ตาม

กระบี่นั้นเป็นเมืองแห่งขุนเขาหินปูน เขาหินปูนของกระบี่อยู่ทั้งในทะเลและบนบก ด้วยความเป็นเขาหินปูน รูปทรงของเขาใน จ.กระบี่ จึงมีรูปทรงสวยงามไปตามการกัดเซาะของทะเลและน้ำฝนที่มีกรดอ่อนๆ กัด สภาพภูเขาเช่นนี้เหมือนกับที่ฮาลองเบย์ในเวียดนามเหนือ กุ้ยหลินประเทศจีน และเขาสก จ.สุราษฎร์ธานี ต่างที่ “กระบี่” กับ “ฮาลอง” เป็นน้ำเค็ม ส่วน “กุ้ยหลิน” กับ “เขาสก” เป็นน้ำจืด ที่อ่าวฮาลองเขาได้มรดกโลก ถ้ำเขาก็สวย สูงและใหญ่กว่ากระบี่ แต่ความสดและความสวยสู้ถ้ำแถวกระบี่ที่เล็ก แต่ยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ผมถ่ายรูปที่กระบี่แม้จะไม่ได้แต้มแสงสีต่างๆ เพื่อสร้างสีสันให้กับถ้ำ ผมก็ว่ายังสวยงามมากกว่าที่ฮาลอง กุ้ยหลินผมเคยไป แต่ไปไม่ถึงในที่ที่สวยงามเพราะทัวร์เขาพาไปแค่นั้น ส่วนเขาสกนั้นสวยจริงๆ แต่ต้องมีเวลาอยู่กับมันนานๆ เพื่อซึมซับบรรยากาศที่แปรไปตามฤดูและกาลเวลาที่เปลี่ยนไป

บอกตามตรงว่าผมหลงรักทั้งกระบี่และเขาสก

ศักดิ์ทะเล ไกด์ท้องถิ่นผู้หยั่งรู้กาละและเทศะของการถ่ายภาพที่ดี ช่วยพวกเราได้มาก เพราะนอกจากเขาจะเป็นไกด์ตามปกติวิถีแล้ว เขายังทำให้ช่างภาพฝีมือดี ได้ภาพที่สวยงามกว่า ด้วยแสงในยามเช้าและเย็นอีกด้วย

ด้วยความชำนาญในท้องทะเลบวกกับความรู้ในเรื่องเวลาในการถ่ายภาพ ทำให้ผมและเพื่อนๆ ได้มุมได้แสงสวยโดยไม่ต้องเซตอัพเลย
ชะโงก ผาหลายๆ ชะโงกผาที่ผมไม่เคยไปถ่ายภาพมาก่อน คุณศักดิ์ทะเลก็พาไปด้วยความภาคภูมิใจในการนำเสนอ เช่น ผาค้อม ซึ่งเป็นเพิงผาที่มีเนื้อที่เว้าเข้าไปในภูเขา (อันเนื่องจากการกัดเซาะของน้ำและการทลายลงของผนังถ้ำ) เนื้อที่ดังกล่าว “กว้าง” และ “ยาว” พอที่คนจำนวนหนึ่งสามารถเดินไปถ่ายรูปได้อย่างสบาย ไม่เพียงแต่เดินไปถ่ายรูปสวยๆ ได้เท่านั้น เรายังสามารถเดินลอดช่องเล็กๆ ด้วยความยากลำบาก (สำหรับคนอ้วน) ไปยังลากูนเล็กๆ ที่มีต้นไม้โบราณขึ้นอยู่กลางหุบเขาอีกด้วย

นักข่าวไม่ค่อยได้เดินกันแบบนี้ แต่ก็ดูพวกเราสนุกสนานกับความยากลำบากกันไม่น้อย แม้ผมจะอาวุโสมากกว่าใคร แต่ก็สนุกไปกับเขาด้วย เพราะได้รูปในมุมที่ไม่เคยถ่ายมาก่อน

ก่อนลงเรือ กำนันไซย์ดี้ โรมินทร์ ขับรถมารับผมที่อ่าวลึก เพราะผมไม่ได้กลับกับคณะใหญ่ที่มาจากกรุงเทพฯ กำนันอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น จบจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้วไปต่อโทที่มาเลเซีย เขาเป็นคนไฟแรง ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนของเขามีรายได้จากการท่องเที่ยว เช่นเดียวกับผู้ประกอบการที่เป็นนายทุนรายใหญ่อื่นๆ เขาพูดถึงการทำการท่องเที่ยวโดยชุมชน เรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งพูดถึงการล่มสลายของสังคมนิยมที่สร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นได้โดย รัฐ ผมไม่อาจแย้งเขาถึงเรื่องสังคมนิยมที่ยังไม่มีจริงในโลกได้ เพราะเวลาเรามีน้อย ซ้ำยังรู้จักกันไม่พอ ความจริงแล้วการจะเป็นสังคมนิยมได้ต้องผ่านขั้นตอนของประชาธิปไตยก่อน ถ้าประชาชนต้องการไปทางนั้นก็เป็นเรื่องของประชาชน แต่ถ้าประชาชนไม่ต้องการไปถึงจุดหมายดังกล่าว หรือยังไม่สุกงอมทางความคิดพอ เงื่อนไขไม่พอ ประชาธิปไตย (ที่อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนจริง) ก็เป็นคำตอบแล้วสำหรับ พ.ศ. นี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกแต่ก็ไม่ลับ แต่การจะคุยกันลึกๆ ในขณะที่เพิ่งรู้จักกันอาจเพิ่มศัตรูมากกว่าได้มิตร

คนกระบี่เหลืองอยู่แล้วตามการเมืองแถบนั้น ผมไม่ใช่เหลืองและก็ไม่ใช่แดง เพราะรู้ดีว่า เหลืองคืออะไร แดงคืออะไร แม้ผมรู้อย่างไร แต่ทุกครั้งที่พบปะผู้คนผมก็ต้องสงวนท่าทีเอาไว้ ใครไม่ถามผมก็ไม่อธิบาย แต่ถ้าถามผมก็ต้องอธิบาย อธิบายแล้วก็เห็นเขาพอใจกันทุกคน เพราะเหลืองแดงย่อมเกิดขึ้นอย่างเป็นไปเองทุกประเทศที่อยู่ในสถานการณ์ ปฏิวัติกระแสสูงเสมอ ต่างเพียงแต่เรียกชื่อต่างกันเท่านั้น

ไปถ้ำชาวเลที่แหลมไฟไหม้ ดูภาพเขียนสีและถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดิน (น้ำ) ในหลืบถ้ำที่เว้าเข้าไปในน้ำ หินที่ย้อยลงมาทำให้ได้ภาพที่งามพอสมควร เสียดายที่นักข่าวหลายๆ คนไม่ได้ภาพนี้ เพราะคนขับเรือไม่เข้าใจและไม่มีไกด์ที่ดีอย่างศักดิ์ทะเล

เราไปนอนที่แหลมสักหลังจากกินอาหารเย็นเคล้าเสียงเพลงที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งแล้ว

อ่าวลึกใต้เป็นที่หมายต่อไปที่สห+ภาพอยากโชว์ (ธีรภาพ โลหิตกุล บอกเอง) งานนี้เราต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อลงพื้นที่ ที่ต้องไปแต่เช้าก็เพราะช่วงเช้าน้ำในคลองธรรมชาติของอ่าวลึกใต้ลดลง การลดลงของน้ำช่วยทำให้ทุกคนเห็นหมอกควันอันเกิดจากน้ำร้อนใต้พิภพที่ลอย เอื่อยๆ ขึ้นมาจากโคลนเลน (ซึ่งปกติอยู่ในลำคลอง) ได้ง่ายขึ้น และสามารถทำกิจกรรมสปาธรรมชาติบนหาดทรายร้อนธรรมชาติได้สบายๆ เขาเอาชมรมสปา ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านไปเรียนในสถาบันที่มีชื่อแล้วกลับมาทำ มีทั้งนวดและการพอกโคลน ผมไปดูการพอกโคลนร้อนที่แม่ฮ่องสอนมาแล้ว ที่นี่ดูเป็นธรรมชาติดิบๆ มากกว่า เป็นโคลน ซึ่งต่างกับที่แม่ฮ่องสอนเพราะเป็นโคลนที่อยู่ใต้น้ำ จะพบปะเจอะเจอหรือไปทำสปาได้ก็เฉพาะช่วงน้ำลงเท่านั้น โคลนร้อนที่นี่ไม่มีกลิ่นกำมะถันแบบบ่อน้ำร้อนอื่นๆ ผมว่าที่นี่ถ้าพัฒนาดีๆ สามารถทำรายได้ให้กับชุมชนมาก แต่ทั้งหลายทั้งปวงต้องให้ผู้ที่มีความรู้ความชำนาญทั้งทางด้านธุรกิจมาทำ ขั้นแรกก็คือต้องเอาใบรับรองคุณภาพโคลนมาให้ได้แบบโคลนร้อนหรือบ่อน้ำร้อน อื่นๆ แม้ว่าจะเห็นด้วยที่ท้องถิ่นจะแสวงหารายได้จากโคลนร้อนแห่งนี้ที่น่าจะมีที่ เดียวในประเทศไทย แต่การจัดการก็ควรจะทำให้ดี ไม่งั้นเดี๋ยวจะตีกันตายเสียแบบน้ำตกร้อนหรือน้ำพุร้อนในทะเลในอีกอำเภอ

ถ้ำที่กระบี่มีมากมายเพราะเป็นเทือกเขาหินปูน เราได้มีโอกาสเข้าถ้ำคลัง ซึ่งอยู่ใน ต.กาโรส ถ้ำนี้จะว่าสวยก็สวย เพราะยังคงสภาพความเป็นถ้ำที่ไม่ได้ถูกรบกวนมากนัก ภายในถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกและหินย้อยมากมาย การเที่ยวถ้ำต้องอาศัยคนนำทางเป็นหลัก ก่อนเข้าก็ต้องฟังการอธิบายของไกด์ให้ดี ถ้าไม่ฟังถ้าไม่หลงก็จะไปเหยียบทำลายหินงอกหินย้อยเอาเสียเปล่าๆ

ว่ากันว่าถ้ำแห่งนี้มีหลายห้องนัก แต่เสียดายที่มีเวลาน้อยเกินไป ภาพที่ได้จึงไม่มากเท่าที่ควร วันหลังชวนไปใหม่นะครับ รับรองว่าฝีมือการถ่ายภาพของผมไม่แพ้ช่างภาพฝีมือดีทั้งหลายหรอก

การล่องเรือในเทือกเขากาโรสทำให้ได้รู้จักกับหน้าต่างมนุษย์ถ้ำ เห็นผาปีศาจอันเกิดจากการกัดเซาะของฝนและลมจนกลายเป็นหน้าตาปีศาจ เห็นภาพแม่มดและอื่นๆ ตามจินตนาการของคนดู ที่หุบเขานี้มีทั้งการล่องแคนูดูลิง ดูลากูนอื่นๆ ที่มีอย่างมากมาย

กระบี่นั้นมีความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติมากมายที่อ่าวลึก มีหาดสวยงามที่ลันตาและ อ.เมือง มีภาพประวัติศาสตร์ตามผนังถ้ำยุคเดียวกับผาแต้มมากกว่าที่ไหนๆ มีมนุษย์ลิง (ก่อนที่จะเป็นคน) ที่เก่าแก่กว่าที่ใดในโลก มีลูกปัดและการผลิตลูกปัดที่คลองท่อม เป็นเส้นทางการค้าจากอันดามันถึงอ่าวไทย มีหอยชักตีน มีอาหารทะเล มีเกาะพีพีที่สวยงามจนเอาไปเป็นฉากถ่ายหนัง มีหินผาที่ให้ไต่ติดอันดับโลก มีรีสอร์ตที่สวยงาม ทำให้คนจังหวัดนี้มีรายได้จากการท่องเที่ยวมากมาย (ยกเว้นช่วงตีกันทางการเมือง)

นี่เป็นเพียงภาพถ่ายเล็กๆ ที่ผมเอาเข้าร่วมกับพวกสห+ภาพ

ใครสนใจที่จะไปเที่ยวที่อ่าวลึกก็โปรดหาข้อมูลได้จาก aoluktoday.com หรือ โทร. 075-634-072 หรือที่เลขาฯ ชมรม 08-6691-5151 หรือที่กำนัน 08-5896-3925
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 185

โพสต์

โรแมนติก ณ ทะเลตรัง

ทันทีที่เดินทางไปถึงท้องทะเล ฝั่งอันดามันใน “จ.ตรัง” ก็รู้สึกและสัมผัสได้ถึงความโรแมนติกจากความสงบเงียบตลอดชายฝั่งที่มีความ ยาวถึง 119 กิโลเมตร

เรื่อง : ศิริรัตน์ เนติดิลกภัทร์ ภาพ / ร้อยตะวันพันดาว

ทันทีที่เดินทางไปถึงท้องทะเลฝั่งอันดามันใน “จ.ตรัง” ก็รู้สึกและสัมผัสได้ถึงความโรแมนติกจากความสงบเงียบตลอดชายฝั่งที่มีความ ยาวถึง 119 กิโลเมตร บวกกับลมทะเลอันสดชื่นและเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งอย่างเป็นจังหวะ จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมสถานที่แห่งนี้ถึงเป็นสถานที่ที่คู่รักมักจะเลือกมาฮันนีมูนเติมเต็ม ความรักให้แก่กันอยู่เสมอ

ยิ่งมีโอกาสได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปถึง “เกาะกระดาน” ที่ถือว่าเป็นเกาะแห่งความรักของไทยแล้ว ก็ยิ่งได้สูดกลิ่นอายแห่งความรักอย่างชัดเจนมากขึ้น เมื่อเหยียบลงบนผืนน้ำ ณ ที่แห่งนี้ ก็ได้เห็นน้ำทะเลใสๆ ราวกับสระว่ายน้ำสีเขียวอมฟ้าขนาดใหญ่ตัดกับขอบฟ้าสีสดใสท่ามกลางแสงแดดอัน สวยงาม ซึ่งสามารถเติมเต็มความสุขและความรักได้อย่างเต็มที่จริงๆ

เมื่อเดินลงไปบนพื้นชายหาด เท้าทั้งสองข้างจะได้สัมผัสกับความเนียนนุ่มของเม็ดทรายแสนละเอียดและละมุน ละไม หากลองมองไปบริเวณรอบๆ จะพบเจอคู่รักจำนวนมากมายมาสวีตกันเต็มเกาะแห่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นชาวต่างชาติที่เดินทางมาพักผ่อนตากอากาศและอาบแดดท่าม กลางเสียงคลื่นอย่างสุขกายสบายใจ

หลังจากเดินชมและพิสูจน์ความโรแมนติกกันอย่างเต็มที่แล้ว คราวนี้ก็ถึงคิวของการดำน้ำลงไปดูฝูงปลาและปะการังหลากหลายชนิดและสายพันธุ์ กันแล้ว แม้ว่าการดำน้ำในครั้งนี้จะเป็นเพียงแค่การดำน้ำบนผิวเท่านั้น แต่สิ่งที่ปรากฏในสายตากลับน่าทึ่งและตระการตามาก เมื่อได้เห็นฝูงปลามากมายว่ายเวียนไปมาในท้องทะเลใส เช่นเดียวกับปะการังหลากสีสัน ก็ต่างพากันสะบัดตัวพลิ้วไหวไปตามสายน้ำ เพื่อให้คู่รักได้ชื่นชมและเก็บภาพความสวยงามแบบธรรมชาติกลับบ้านได้อย่าง ไม่รู้ลืม

โปรแกรมต่อไปของคู่รักทั้งหลายที่ไม่ควรพลาดคือ “ถ้ำมรกต” สถานที่หลักอีกแห่งหนึ่งของการมาท่องเที่ยวใน จ.ตรัง เพราะหากคุณเดินทางมาถึงที่นี่แล้ว แต่ไม่ได้เข้าไปชมความงดงามของถ้ำมรกตแล้ว ก็จะถือว่าคุณยังมาไม่ถึงตรังอย่างแท้จริง

สำหรับวิธีการเดินทางเข้าไปในถ้ำมรกตนั้น จะสามารถสร้างความผูกพันให้กับคู่รักของคุณได้ไปในตัว เพราะคุณทั้งคู่จะต้องว่ายน้ำเข้าไปในถ้ำระยะทางประมาณ 80 เมตร ระหว่างทางจะมืดและมีโขดหินตลอดสาย ถือเป็นการท้าทายและพิสูจน์ความรักของคุณทั้งคู่ได้อีกทาง แต่เพื่อความปลอดภัยของคุณและธรรมชาติแวดล้อมแล้ว ก็ควรมีไกด์ผู้เชี่ยวชาญเส้นทางนำทางเข้าไป

เมื่อว่ายน้ำไปเรื่อยๆ จนถึงปากถ้ำแล้ว คุณจะพบกับภาพแรกแห่งความมหัศจรรย์ของถ้ำแห่งนี้ ที่ถูกจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand แห่งหนึ่ง ภายในมีลักษณะคล้ายกับปล่องภูเขาไฟ รอบข้างรายล้อมไปด้วยภูเขาสูง หากลองมองขึ้นไปด้านบนจะเห็นถึงความสดใสของท้องฟ้าที่สาดส่องลงมากระทบกับ ผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับสีเขียวอร่ามตาเหมือนมรกต อัญมณีทรงคุณภาพ และบริเวณพื้นผิวและใต้น้ำจะมีปลาตัวเล็กตัวน้อยว่ายเวียนให้ชื่นชมและ สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

ด้วยมนต์เสน่ห์อันตราตรึงและบรรยากาศโรแมนติกของดินแดนแห่งท้องทะเล ทำให้ จ.ตรัง ถูกใช้เป็นสถานที่จัดงานในเทศกาลแห่งความรักอย่าง “วิวาห์ใต้สมุทร” มาต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีในช่วงเวลาหวานๆ เช่นนี้ เพราะนอกจากคู่รักจะได้ชื่นชมความงดงามของท้องทะเลอันดามันแห่งนี้แล้ว คู่รักทุกคู่ยังได้ร่วมกิจกรรมไฮไลต์เด็ดของวิวาห์ใต้สมุทรคือ “การจดทะเบียนสมรสใต้น้ำ” ณ เกาะกระดาน ท่ามกลางสักขีพยานมากมาย ทั้งนายทะเบียนและเหล่าสรรพสัตว์น้ำหลากหลายชีวิต ที่พร้อมร่วมแสดงความยินดีไปกับการแต่งงานสุดพิเศษ

จากนั้นลองผลัดเปลี่ยนมาที่กิจกรรมบนบกอย่างประเพณี “กินเหนียว” กันบ้าง ซึ่งถือเป็นประเพณีของคนตรังที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานกว่าร้อยปี ประเพณีกินเหนียวนี้จะเป็นการรับประทานแกงไก่ ข้าวเหนียวมูน และขนมไทยมงคล เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง โดยประเพณีการรับประทานอาหารทั้งสามอย่างนี้ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวจะรับประทานกันที่บ้านของตน ในวันก่อนที่เจ้าบ่าวจะไปรับตัวเจ้าสาวเข้าเรือนหอ

สำหรับคนต่างถิ่นหรือนักท่องเที่ยวอย่างเราๆ แล้ว แค่พูดถึงการรับประทานอาหารทั้งสามอย่างนี้เข้าด้วยกัน ก็คงเป็นเรื่องแปลก เพราะรับประทานอย่างไรก็คงจะไม่เข้ากันอยู่ดี แต่เมื่อได้ลองลิ้มรสแค่คำแรกเท่านั้น ความคิดเดิมที่มีอยู่ก็หายไปอย่างปลิดทิ้ง เพราะรสชาติอาหารเข้ากันดีอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยความมันและความหวานของข้าวเหนียว ทำให้เข้ากับขนมไทยและตัดกับความเค็มของแกงไก่ได้เป็นอย่างดี

หลังจากนั้น คู่รักจะได้มาปฏิบัติประเพณีสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ “สวนพฤกษศาสตร์ภาคใต้” หรือที่คนในจังหวัดรู้จักกันว่า “สวนพฤกษศาสตร์ทุ่งค่าย” เมื่อก้าวย่างเข้ามาในสถานที่แห่งนี้จะพบกับเถาวัลย์รูปหัวใจขนาดใหญ่ และพืชพรรณสมุนไพรนานาชนิดที่คุณอาจไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน

นอกจากนี้ ทุ่งค่ายยังเป็นสถานที่เพาะปลูกต้นไม้แทนใจของเหล่าคู่รักทั้งหลาย และที่พิเศษสุดๆ จะมีการแขวนชื่อของคุณทั้งสองใต้ต้นไม้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของร่วมกัน แถมยังจัดส่งบันทึกรายงานการเจริญเติบโตของต้นไม้ให้คุณถึงบ้านทุกปีด้วยว่า ปีนี้ต้นไม้ของคุณโตขึ้นกี่เซนติเมตรด้วย

เห็นทีคู่รักคงจะต้องรีบแพ็กกระเป๋าไปฮันนีมูนหวานชื่นที่ตรังกันแล้วล่ะ

สายการบินนกแอร์ มีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ–ตรัง สอบถามโทร. 1318
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 186

โพสต์

ล่าเก๋าถ่าน ที่สิมิลัน


หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะในฝันของหลายๆ คนที่อยากจะไปสัมผัสกับทะเลสีฟ้าคราม น้ำทะเลใสแจ๋ว

โดย...นิธิ ท้วมประถม

หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะในฝันของหลายๆ คนที่อยากจะไปสัมผัสกับทะเลสีฟ้าคราม น้ำทะเลใสแจ๋ว กับหาดทรายที่แสนจะนุ่มเนียนเหมือนกับเม็ดแป้ง ยังคงเป็นสถานที่ซึ่งผมตั้งใจว่าต้องไปทุกปี และปีละหลายๆ ครั้งหากโอกาสจะเอื้ออำนวย

ก็เกาะนี้เป็นเกาะในฝันของผมเหมือนกันนี่นา

แถมยังมีกิจกรรมที่ผมโปรดปรานอย่างการ “ตกปลา” ให้ได้ลอง เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของนักตกปลาอีกแห่งหนึ่งก็ว่าได้

ดังนั้น การไปเที่ยวสถานที่แห่งเดิมซ้ำๆ กันนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาของผม มีหลายคนเคยถามผมว่า การไปเที่ยวที่เดิมๆ ซ้ำๆ กันนั้นเป็นเรื่องไร้สาระหรือเปล่า น่าจะเอาเวลาที่มีไปเที่ยวที่อื่นที่ยังไม่เคยไปดีมั้ย

ดีครับ...ผมไม่เถียง แต่ก็มีบางคนที่บอกผมว่า การไปเที่ยวที่เดิมๆ ซ้ำๆ กันนั้น ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะเหมือนเดิมนะครับ เพราะการไปเที่ยวแต่ละครั้ง แม้จะเป็นการไปเที่ยวในสถานที่เดิมๆ แต่รายละเอียดที่ไปต่างกันทุกครั้ง ซึ่งนั่นก็คือเสน่ห์ของการเดินทางไปเที่ยวสถานที่ที่เคยไปแล้ว เพราะแม้สถานที่เที่ยวจะเก่า แต่สิ่งที่เราพบเจอไม่เหมือนกันหรอกครับ เชื่อผมเถอะ ถ้าชอบที่ไหนก็ไปที่นั่นแหละครับ จะไปกี่ครั้งก็อย่าได้แคร์ เพราะมันเป็นความสุขทางใจ เราไม่ได้ไปเที่ยวเพื่อเก็บแต้ม หรือประทับตราไปโชว์ใครต่อใครว่าเราไปเที่ยวมาทั่วแล้ว

ครั้งนี้ก็เหมือนกันครับ ผมมีโอกาสไปหมู่เกาะสิมิลันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไปในช่วงที่เหตุการณ์ปะการังฟอกขาวกำลังระบาดอย่างหนักตามแนว ปะการังต่างๆ ของท้องทะเลไทย ทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทยที่อยู่ในภาวะวิกฤต ทำให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ประกาศปิดพื้นที่ดำน้ำที่พบปะการังฟอกขาวเกินกว่า 80% ของพื้นที่ปะการังทั้งหมด โดยกรมอุทยานฯ ได้งดกิจกรรมดำน้ำในพื้นที่ 7 อุทยานแห่งชาติ ที่มี 18 จุดดำน้ำ

ไม่ว่าจะเป็น อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง บริเวณเกาะเชือก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา จ.สตูล บริเวณเกาะบุโหลนไม้ไผ่ เกาะบุโหลนรังผึ้ง อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล บริเวณเกาะตะเกียง เกาะหินงาม เกาะราวี หาดทรายขาว เกาะดง อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ บริเวณหินกลาง

อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา บริเวณอ่าวสุเทพ อ่าวไม้งาม เกาะสตอร์ค หินกอง อ่าวผักกาด และแนวปะการังหน้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา บริเวณอ่าวไฟแว็บ และอีส ออฟ อีเด็น และที่สุดท้ายคือ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร บริเวณเกาะมะพร้าวที่อ่าวไทย ก็ต้องคอยดูแลกันหน่อยครับ ที่เที่ยวดีๆ ของเราเหลือกันไม่มากแล้ว

ผมออกจากกรุงเทพฯ ช่วงเย็นๆ เหมือนเดิม กะว่าขับรถไปเรื่อยๆ เช้าก็ถึง อ.ทับละมุ จ.พังงา ที่เป็นสถานที่ลงเรือไปเกาะสิมิลันพอดี

การเดินทางครั้งนี้ แม้จะเป็นเส้นทางเดิมที่ไปมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เหมือนเดิมจริงๆ ครับ เพราะการขับรถทางไกลช่วงกลางคืนครั้งนี้ ทำให้ผมรู้ “อายุขัย” ของตัวเองว่าแก่เฒ่าไปไม่น้อยเหมือนกัน เพราะ “โคตะระ” ง่วงเลย ที่ผ่านมาผมชอบขับรถตอนกลางคืนอยู่แล้ว เลิกงานเย็นก็ลุยเลย ไปถึงเช้า ถึงไหนถึงกัน ร้อนก็ไม่ร้อน แถมไม่เสียวันทำงานด้วย

แต่มาในครั้งนี้ ทำให้รู้แล้วว่าเห็นทีคงจะทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว จากที่ไม่เคยง่วงกลายเป็นง่วงสุดขีด ต้องจอดรถแวะล้างหน้า เข้าห้องน้ำไปตลอดทาง ยังไม่หายง่วงเลย เฮ้อ...เซ็งเลยผม

ปกติผมไปถึงทับละมุประมาณตี 2 กว่าๆ แต่เที่ยวนี้ตี 5 ผมเพิ่งมาถึงตลาดสดที่ อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ยังเหลืออีกตั้ง 70 กว่ากิโลเมตรถึงจะถึงทับละมุ แต่ก็ดีครับ มาถึงช่วงนี้ตลาดกำลังคึกคักเลย ของสดเพียบไปหมด โดนใจเต็มๆ ก็การเดินทางไปตกปลาที่สิมิลัน ครั้งนี้ผมจะต้องเตรียมของสดไปไว้สำหรับทำอาหารการกินบนเรือตลอด 3 วัน 2 คืนเสียด้วยสิ งานนี้เลยต้องแปลงร่างเป็นพ่อครัวไปจ่ายตลาดเสียหน่อย

ของสดไม่ต้องห่วง แต่ติดไปหน่อยก็ดี ไก่สด 3 ตัว ปลาไปหาในทะเล ผักสดซื้อเข้าไป กะหล่ำปลี มะละกอดิบ ผักคะน้า ผักใบเขียวทั้งหลายอย่าให้พร่อง มะนาว พริก กระเทียม จัดให้หนัก เอาไว้ทำน้ำจิ้มซีฟู้ด แล้วที่ขาดไม่ได้คือน้ำพริกแกงเหลือง แต่ที่นั่นเรียกน้ำพริกแกงส้ม พร้อมทั้งน้ำพริกผัดเผ็ด รสชาติถึงใจน้ำตาเล็ดทั้งนั้น ผลไม้หิ้วอะไรหิ้วไป แต่ขอที่ไม่ช้ำแล้วกัน สับปะรด แตงโม ผลไม้ขาประจำบนเรือเก็บได้นานแบบไม่ช้ำอีกต่างหาก

กว่าจะซื้อของเสร็จแล้วไปถึงทับละมุ พระอาทิตย์ขึ้นพอดีครับ ถือว่าช้ามากสำหรับการเดินทางในระยะทางเกือบ 800 กิโลเมตรของผมในครั้งนี้ ที่ใช้เวลาไปกว่า 10 ชั่วโมง

การไปเที่ยวสิมิลันของผมแทบทุกครั้ง จะเป็นการเช่าเหมาเรือตกปลาไปตลอด 3 วันเลย ไม่ได้ไปเรือเร็ว หรือซื้อแพ็กเกจทัวร์ไปแต่อย่างใด

เที่ยวแบบเช่าเรือตกปลาไปแบบนี้ จะว่าประหยัดก็ประหยัดครับ จะว่าเปลืองก็เปลือง เพราะเมื่อคำนวณราคาค่าเรือและค่าอาหารแล้ว ทั้งทริปตกประมาณ 5 หมื่นบาท หากรวมทริปได้สัก 10 คน ตกคนละ 5,000 กว่าบาท คุ้มยิ่งกว่าคุ้มครับ นอนบนเรือนั่นแหละ ห้องน้ำห้องท่ามีพร้อม อยากขึ้นไปเล่นน้ำเกาะไหนก็ได้ อาหารการกินบนเรือแจ่มๆ ทั้งนั้น รสชาติไม่ต้องห่วง ผมบอกได้เลยคนเรือทำกับข้าวอร่อยมากครับ กินกันแบบหมดหม้อหมดไหกันมาแล้ว

กว่าที่คณะของผมขนข้าวของเสบียงกรังทั้งหลายลงเรือได้ ก็ปาเข้าไปเกือบ 10 โมงเช้าแล้ว กว่าเรือจะแล่นไปถึงเกาะสี่ก็ประมาณบ่าย 2 แล้วครับ เพราะเรือตกปลานั้นต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าเรือเร็ว เรือเร็วนั้นใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมงก็ถึงที่หมายแล้ว

ระยะเวลาที่เนิ่นนานกว่าจะเดินทางถึง เกาะสี่ของสิมิลันนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ มานั่งบนดาดฟ้าเรือ สวมหมวกปีกกว้างสักใบ แว่นตากันแดดสีเข้มๆ ครีมกันแดดทาหน้าเสียหน่อย

แต่ก็นั่งชมวิว ปล่อยใจไปกับท้องทะเลและท้องฟ้าได้ไม่นาน กลิ่นกับข้าวที่จุมโพ่ เรือหรือพ่อครัวประจำเรือก็ลอยคลุ้งมาเข้าจมูกเสียแล้ว

ลืมบอกไปครับ ในเรือตกปลานั้นจะมีไต๋เรือที่ทำหน้าที่ควบคุมเรือ จุมโพ่ ทำหน้าที่พ่อครัวและเด็กเรือ ที่คอยช่วยเหลือดูแลเราในทุกเรื่อง ทั้งเกี่ยวเหยื่อตกปลา ผูกเบ็ด ฯลฯ เรียกได้ว่าพอขึ้นเรือมาแล้ว ก็เหมือนมาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่แล้ว

ได้กลิ่นกับข้าวหอมฉุยอยู่ได้ไม่นาน เด็กเรือก็ยกกับข้าวตัวเป็นๆ มาให้ได้ลิ้มลอง ทั้งไข่เจียว แกงเหลืองที่ใช้สับปะรดแทนมะละกอ และผัดผัก พร้อมข้าวสวยหม้อเบ้อเริ่มก็ถูกนำมาวางไว้กลางเรือ รอให้พวกผมลิ้มลองอย่างเต็มที่ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเลยครับ แกงเหลืองที่รสชาติแสนจัดจ้านเข้ากันดีเหลือเกินกับไข่เจียวและผัดผัก เล่นเอาพวกเราทานข้าวกันเสียลืมอิ่มกันเลย

บอกไว้ก่อนนะครับ กับข้าวบนเรือนั้น แม้ดูว่าเป็นกับข้าวบ้านๆ แต่เชื่อมั้ยครับว่า หากใครได้มาลิ้มลองแล้วจะติดใจกันแทบทุกราย อยากจะหวนกลับมากินอีกให้ได้เลยทีเดียว ส่วนผมแน่นอนหวนกลับมากินกับข้าวบนเรือทุกปีเหมือนกัน ปีละหลายครั้งเสียด้วยสิ หุหุ...

เผลอแป๊บเดียวเกาะสี่ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า ชายหาดสีขาวสะอาดตา น้ำทะเลใสปิ๊งเหมือนเดิม ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของหมู่เกาะสิมิลัน ที่ทำให้ใครต่อใครต้องตกอยู่ในมนต์สะกดของความงามของหมู่เกาะแห่งนี้แล้ว

หุหุ...แต่วัตถุประสงค์การมาสิมิลันครั้งนี้ของผมนั้น ไม่ได้เน้นมาชมความงามของสิมิลันครับ แต่มาเพื่อพิสูจน์ถึงความสมบูรณ์ของท้องทะเลไทยผ่านการตกปลา โดยเป้าหมายการตกปลาที่สิมิลันครั้งนี้คือ การ “ตกปลาเก๋าถ่าน” ยักษ์ใหญ่แห่งทะเลอันดามัน ที่มีน้ำหนักตัวกว่า 30 กิโลกรัม และอาศัยอยู่ในระดับน้ำลึกเกือบ 200 เมตรเลยทีเดียว

การมาตกเก๋าถ่านนั้นต้องมีการเตรียมตัวกัน มาอย่างดีครับ ไม่ใช่ว่าอยากจะออกมาตกก็ออกมาได้เลย เพราะการตกปลาที่ระดับน้ำลึกขนาดนั้น ต้องมีความพร้อมในทุกอย่าง ทั้งคนตก อุปกรณ์ที่จะใช้ตก รวมถึงไต๋เรือ ที่ต้องมีประสบการณ์ที่จะรู้ว่าพื้นทะเลแถวไหนที่มีปลาเก๋าถ่านอาศัยอยู่

เราชื่นชมความงามของเกาะสิมิลันได้ไม่นานหรอกครับ เพราะภารกิจหลักที่จะไปล่าเก๋าถ่านยังไม่ได้เริ่มเลย ต้องไปตามล่าตามความฝันเสียหน่อย

เสียงเครื่องเรือดังขึ้น หัวเรือมุ่งหน้าออกสู่มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ทิ้งเกาะสี่เอาไว้เบื้องหลัง ที่แม้ว่าในครั้งนี้ผมไม่ได้ไปใช้ชีวิตบนเกาะแห่งนี้ แต่ก็เป็นห่วงว่าสิมิลันจะยังคงความสวยงามเอาไว้ได้นานแค่ไหน เพราะผมเห็นการพัฒนาที่พักทั้งบนเกาะสี่ เกาะแปด เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนั่นหมายความว่าสิมิลันต้องรับนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ผมเองสับสนว่าสิ่งที่กรมอุทยานแห่งชาติฯ ต้องการนั้นคือ การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติหรือเม็ดเงินของนักท่องเที่ยวกันแน่

จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ ก็มีส่วนทำให้ทรัพยากรธรรมชาติที่นี่เสื่อมโทรมเร็วยิ่งขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าระบบการจัดการของอุทยานแห่งชาติทางทะเลของเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นที่สิมิลันหรือที่ไหนๆ ยังต้องปรับปรุงอีกมาก โดยเฉพาะในเรื่องของขยะและน้ำทิ้ง ลองคิดดูครับ เกาะเล็กๆ อย่างสิมิลันหรือสุรินทร์ที่มีนักท่องเที่ยวไปเที่ยววันละหลายร้อยคน และอาจถึงพันคนในช่วงฤดูท่องเที่ยว จะมีขยะและน้ำเสียในแต่ละวันมากแค่ไหน

เพราะขนาดที่มีการประกาศปิดแหล่งดำน้ำที่สิมิลัน ปรากฏว่ามีเสียงต่อต้านจากผู้ประกอบการท่องเที่ยว ทั้งบริษัททัวร์ บริษัทดำน้ำ ดังขรมไปหมด ซึ่งผมเองก็งงๆ เหมือนกันว่าทำไมต้องค้าน ไม่คิดว่าจะให้ธรรมชาติฟื้นตัวเองบ้างหรืออย่างไร

เฮ้อ...บ่นไปก็เท่านั้น กลับมาที่ภารกิจของผมต่อดีกว่าครับ ระหว่างที่รอไต๋เรือพาไปยังหมายปลาเก๋าถ่าน พวกผมก็ต้องตระเตรียมอุปกรณ์ที่สามารถ “ต่อกร” กับเจ้ายักษ์ใต้น้ำพวกนี้เสียหน่อย
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 187

โพสต์

บวน ริกอร์โด ตามล่าหาจาน(เด็ด) อิ่มท้อง อิ่มใจ


พูดถึงเรื่องอาหาร “อิตาลี” นั้น ไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีร้านอาหารอิตาเลียนกระจัดกระจายไปทั่วโลก

เรื่อง / ภาพ ปณิฏา สุวรรณปาล

พูดถึงเรื่องอาหาร “อิตาลี” นั้น ไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นคงไม่มีร้านอาหารอิตาเลียนกระจัดกระจายไปทั่วโลก เรียกว่า ต่อให้เป็นเมืองหรือประเทศเล็กแสนเล็กขนาดไหน อย่างน้อยก็ต้องมีร้าน “พิซซา” เอาไว้ให้ชื่นชมสักร้านสองร้านล่ะน่า

หากมีโอกาสได้ไปเยือนถึงดินแดนรองเท้าบู๊ต ยิ่งร้านอาหารดีๆ มีให้เลือกลิ้มลองมากมาย จะร้านเล็กร้านน้อย ล้วนมีรสมือชนิดขุดมาจากครัวคุณแม่ คุณย่า คุณยาย ที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ร้านอาหารที่คอยบริการจานด่วนแถวๆ ย่านท่องเที่ยว นอกจากไม่ได้คุณภาพหรือความอร่อยแล้ว ยังอาจโดนฟันราคาเหนาะๆ โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มักจะได้รับการแนะนำให้ดื่ม โดยไร้การปรากฏตัวอยู่ในเมนู พอเช็กบิลออกมาละก็ ต้องร้อง “จ๊าก” กันเป็นแถวๆ

อย่างไรก็ตาม ร้านอาหารแบบ “ไฟน์ไดนิง” หรือร้านที่เสิร์ฟอาหารค่ำดีๆ แบบอะ ลา คาร์ต ก็มีให้เห็นมากมายทั้งเมืองเล็กเมืองใหญ่ หลังจากได้ผ่านไปแถวเมืองเซียนนา แคว้นฟลอเรนซ์ หรือ ฟิเรนเซ่ มีร้านอาหารไฟน์ไดนิงบรรยากาศอบอุ่นๆ สไตล์ครอบครัว ชื่อว่า ลาตินี ชื่อเดียวกับโรงแรมที่ตั้งอยู่ในเมืองเล็กๆ จิมิญานี (Gimignani) อันเป็นเมืองโบราณจากสมัยโรมันนู่น มีแหล่งท่องเที่ยวเป็นป้อมปราการบนภูเขา ที่มองลงไปเห็นวิวบ้านเมืองสวยงามแบบพาโนรามา

ลัดเลาะตามแนวถนนคดเคี้ยวไปตามภูเขาจากป้อมปราการสักพัก ก็จะเจอร้านลาตินีอยู่ทางซ้ายมือ

เมนูไฟน์ไดนิงที่นี่เน้นอาหารท้องถิ่น ความสดใหม่ของเครื่องปรุงที่มีในฤดูกาล เริ่มตั้งแต่การเสิร์ฟน้ำมันมะกอกที่เพิ่งออกผลผลิตมาหมาดๆ แฮมอิตาเลียน หรือโปรชุตโต (Prosciutto) พาสตานานาชนิดที่ทำลงมือทำเองในครัว ซุปต่างๆ รวมทั้งอาหารจานหลักที่มีให้เลือกหลากหลาย เจ้าของร้านที่มีดีกรีสถาบันอาหารดังในเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส ยังแนะนำไวน์หลายๆ ตัวของท้องถิ่นจิมิญานี ที่มีไวน์ดีๆ ไว้อวดกับเขาเหมือนกัน

แต่ที่น่าสนใจใคร่ร่วมสนุก ก็คือ โปรแกรมของร้านอาหารที่เข้าร่วมกับสมาคมผู้ประกอบกิจการภัตตาคาร “บวน ริกอร์โด” (Unione dei Ristoranti del Buon Ricordo) ที่ก่อตั้งมากว่า 45 ปี โดยสมาคมหรือชมรมนี้ได้ออกแบบจานที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านต่างๆ ในแต่ละเมืองทั่วประเทศอิตาลี (และตอนนี้ขยายออกไปเกือบทั่วโลกแล้ว) เปิดโอกาสให้นักชิมทั้งหลายที่ได้ไปลองลิ้มอาหารจานเด็ด ที่เป็น “ซิกเนเจอร์ ดิช” ของแต่ละร้านก็จะได้จานที่เป็นลวดลายเฉพาะไปเก็บสะสมไว้ในคอลเลกชัน

ที่ ลาตินี เราสั่งโฮมเมดพาสตาเป็นเส้นปีชี (Pici) หรือสปาเกตตีเส้นใหญ่ๆ คล้ายเส้นอุด้งแบบทำด้วยมือ ก็เลยได้จานใบเก๋ของร้านมาครอบครอง แถมได้ทำความรู้จักกับโครงการเก๋ๆ ของสมาคมภัตตาคารอิตาเลียน

การจัดโครงการสนุกๆ แบบนี้ สร้างความตื่นเต้นในวงการภัตตาคารมากขึ้นอักโข บรรดาแฟนพันธุ์ทั้งหลาย พอเริ่มสะสมจานแรกได้ก็จะมีหนังสือคู่มือเล่มบางๆ ให้ข้อมูลร้านและโชว์จานเซรามิกหน้าตาสวยๆ คล้ายๆ เป็นไกด์บุ๊กให้ไป “กินดื่มเที่ยว” ยังส่วนต่างๆ ของอิตาลีที่มีร้านอาหารในเครือสมาชิก “บวน ริคอร์โด” ซึ่งเมื่อพวกเขาสั่ง “จานเด็ดจานเด่น” ของร้านมารับประทาน ก็จะได้ “จาน” ลายสวยเอามาไว้สะสมในคอลเลกชันส่วนตัว

หะนี้ หากบังเอิญเดินเข้าไปในบ้านชาวอิตาเลียน หรืออาจจะเป็นคนชาติไหนๆ ก็ตาม แล้วพบเห็นจานเซรามิกที่มีลวดลายเพนต์ต่างๆ กัน ดังปรากฏไว้ในไกด์บุ๊กที่ว่า ประดับตกแต่งเอาไว้ทั่วส่วนต่างๆ ของบ้าน ก็สรุปได้เลยว่า หมอนั่นนักชิมขนานแท้

“บวน ริคอร์โด” เป็นสมาคมร้านอาหารที่ก่อตั้งขึ้นในอิตาลี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1964 โดยนักธุรกิจ ดีโน วิลยานี เดิมทีสมาคมนี้มีหน้าที่ทำไกด์บุ๊ก ให้ดาวร้านอาหารต่างๆ คล้ายๆ กับเป็นเชลล์ชวนชิม แม่ช้อยทางรำ หรือมิชลินสตาร์ของอิตาลีเขา

ต่อมาก็เกิดไอเดียในการโปรโมตร้านอาหารที่มีระดับทั้งหลายในท้องถิ่นของ อิตาลีขึ้น ก็เลยให้แต่ละร้านออกแบบลวดลายบนจานเซรามิก ที่ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นภาพที่บอกเล่าเรื่องราวน่ารักๆ เกี่ยวกับร้านอาหารของตัวเอง จนกลายมาเป็นโครงการตามล่าสะสมจาน “บวน ริคอร์โด” นี่เอง

ปัจจุบันมีร้านกว่า 120 ร้านทีเดียวที่เป็นสมาชิกของโครงการนี้ ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอิตาลีเองนี่แหละ แต่ก็มีบางร้านที่ขยายสาขาไปยังประเทศอื่นๆ อย่างอังกฤษ หลายๆ แห่งในยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น หรือออสเตรเลีย พวกเขาก็ยังตามไปออกแบบจานเซรามิกงามๆ เอาไว้ให้นักชิมสะสมกันเพิ่ม

สำหรับใครที่เริ่มอยากจะตามล่าหาจานมาสะสม หรือสะสมไปบ้างแล้ว แต่อาจจะลืมพกไกด์บุ๊กติดตัวไป ถ้าเข้าไปในภัตตาคารอาหารอิตาเลียน ก็ลองเดินชมการตกแต่งร้านดู ถ้าปรากฏว่ามีจานลวดลายต่างๆ ตกแต่งประดับประดาอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร้านละก็ ใช่แน่นอน อย่าลืมสอบถาม “จานเด็ด” ที่จะทำให้ได้จานเซรามิกมาไว้ในครอบครองได้เลย

เหมือนเช่นที่เราเดินทางต่อไปยังเวโรนา หลังขับรถหลงทางไปมา กว่าจะได้เข้าถึงที่พักโรงแรมมิลาโน ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับ “อะรีนา” หรือสนามกีฬายุคโรมัน ก็ปาเข้าไปเกือบสามทุ่ม โรงแรมแนะนำให้ไปรับประทานยังร้านอาหารที่เดินถัดไปอีก 2 ห้อง

ร้านตกแต่งสไตล์คลาสสิก ราวกับโรงละครสวยงามมาก มองไปมองมา ก็พบจานเซรามิกของสมาคม “บวน ริคอร์โด” ตกแต่งประดับประดาไว้บนผนังร้านเต็มไปหมด

อะอ้า... โชคดีที่มาเจอเป็นร้านที่ 2 แต่โชคร้ายที่มัวแต่ขับรถหลงทาง ร้านกำลังจะปิด แต่ทางร้านก็สงสารผู้หญิงหัวดำๆ 2 คน เลยให้สั่งอาหารรับประทานเป็นเมนคอร์สคนละ 1 จาน

ร้านนี้เหมาะสำหรับผู้หลงใหลในโอเปรา นอกจากบรรยากาศเหมือนโรงละครแล้ว ยังเปิดเพลงจากโอเปราคลออยู่ตลอดเวลา ทั้งคนในร้านและผู้เดินผ่านไปมาได้รื่นรมย์กันถ้วนทั่ว จานชามของร้านยังออกแบบให้เป็นลวดลายรูปหน้าบุคคลสำคัญๆ ในวงการโอเปรา รวมทั้งลวดลายที่เล่าเรื่องราวจากโอเปราเรื่องต่างๆ ของที่ประดับแต่ละโต๊ะ แต่ละที่นั่ง จัดวางไว้ให้แตกต่าง ทำให้ต้องกลับมาอีกหลายๆ ครั้ง วันนี้อยากนั่งตรงนั้น วันนั้นอยากนั่งตรงนี้

ทั้งจานเรียกน้ำย่อย จานหลัก และของหวานที่นี่ ดูจากเมนูไม่ว่าจะสั่งเมนูไหน ราคาจะเท่ากันหมด ซึ่งทำให้ไม่ต้องคิดมากเรื่องเงินตอนจะสั่ง เลือกเมนูที่อยากกินไปได้เลย

เสียดายที่เรามาช้า ทำให้อดสั่งเมนู “จานเด็ด” ของร้าน เพื่อที่จะได้จานเซรามิก “บวน ริคอร์โด” มาประดับบารมีไว้อีกใบ... แต่ก็บอกตัวเองไว้ วันหลังจะไม่พลาด ต้องรีบสังเกตการตกแต่งร้านอาหารอิตาเลียนก่อนอื่นใด

เป็นโครงการดีๆ ที่สมาคมภัตตาคารบ้านเราน่าจะขอหยิบยืมมาใช้ เพื่อสร้างความคึกคักในวงการบ้างก็ดี...เนอะ
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 188

โพสต์

เทียบท่า’ หาของอร่อย



กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีของกินและร้านอาหารอร่อยๆ มากมายอยู่ทุกซอกมุม ซึ่งเดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่มักจะเดินทางไปเสาะหาของกินกันด้วยทางรถ

เรื่อง กาญจนา เตชาวัฒนากูล / ภาพ วิศิษฐ์ แถมเงิน

กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีของกินและร้านอาหารอร่อยๆ มากมายอยู่ทุกซอกมุม ซึ่งเดี๋ยวนี้คนส่วนใหญ่มักจะเดินทางไปเสาะหาของกินกันด้วยทางรถ แต่คราวนี้จะขอเปลี่ยนบรรยากาศพานั่งเรือด่วนไปหาของกินอร่อยกันแถวท่าน้ำ ใหญ่ กับแคมเปญ “เรือด่วนชวนชม” ของบริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา ที่จัดโครงการนี้มาฉลองครบรอบ 40 ปี โดยเลือกร้านอาหารที่ได้การรับรองแล้วว่า เป็นร้านเด่นและอร่อยในย่านนั้นๆ

ส่วนใหญ่เป็นร้านที่ทำอาหารในเชิงอนุรักษ์ มีกลิ่นอายความเป็นท้องถิ่น และราคาไม่เกิน 100 บาทต่อ 1 เมนู ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นร้านเก่าแก่อยู่ในบริเวณนั้นมาเป็นสิบๆ ปี ถึงเป็นร้อยปีเลยทีเดียว!

เริ่มต้นกันที่ ท่าเรือสาทร หรือ ท่าสะพานตากสิน อุดมไปด้วยของกินและร้านอาหารสารพัดชนิด มี 2 ร้านเด่น...

ประจักษ์เป็ดย่าง ร้านเก่าแก่เชิดหน้าชูตาของย่านบางรัก เปิดให้บริการมาถึง 100 ปีแล้ว คงไม่ต้องรับประกันเรื่องความอร่อยแน่นอน เมนูเด็ดของที่นี่ แน่นอนว่าต้องเป็นเป็ดย่าง หนังกรอบแต่เนื้อนุ่ม แล้วยังมี หมูแดง บะหมี่กวางตุ้ง และเกี๊ยวหมู เกี๊ยวกุ้ง จากท่าน้ำเดินมาทางห้างสรรพสินค้าโรบินสัน แล้วมองหาป้ายร้าน “ประจักษ์” ที่ฝั่งตรงข้าม ร้านเปิดเวลา 08.30–20.30 น. แต่ช่วงมื้อกลางวันวันธรรมดาลูกค้าจะแน่นหน่อย โทร. 02-234-3755, 02-235-6324

ทิพ หอยทอดภูเขาไฟ ร้านตั้งอยู่ในซอยติดกับโรบินสันบางรัก (เดินจากท่าเรืออยู่ซอยแรกทางซ้ายมือ) อีกหนึ่งร้านเก่าแก่ที่เปิดขายมากว่า 40 ปีแล้ว แต่ลูกค้าก็ยังเนืองแน่นเหมือนเดิม ที่มาของชื่อหอยทอดภูเขาไฟ คือ เมื่อก่อนเตาทอดจะใช้น้ำมันโซลาร์ติดเตา และจะมีเสียงดังมาก แขกที่มากินเลยเปรียบเทียบว่าเหมือนเสียงภูเขาไฟระเบิด แม้จะเปลี่ยนมาใช้เตาแบบทั่วไป แต่คนก็ยังนิยมเรียกแบบนี้อยู่ ร้านยังรักษาวิธีการทำและสูตรดั้งเดิมไว้ ใครชอบหอยทอดมาร้านนี้แล้วต้องประทับใจแน่นอน นอกจาก หอยทอดและออส่วนที่ขึ้นชื่อแล้ว ก็ยังมีอาหารจานอื่นๆ เช่น ข้าวไข่เจียวหอยนางรม ข้าวต้มหอยนางรม และก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา ร้านเปิดตั้งแต่เวลา 09.00-19.30 น. หยุดทุกวันอาทิตย์ โทร. 02-233-1116

ลงเรือต่อมาที่ ท่าวังหลัง อีกหนึ่งย่านหนึ่งที่รวมเอาสารพัดของกินและร้านอร่อยๆ เอาไว้เพียบ อย่าพลาด วังหลังเบเกอรี ที่ เลื่องชื่อ จะเห็นคนเข้าคิวรอขนมอบใหม่ๆ หอมกรุ่นออกจากเตากันเกือบทั้งวัน ไม่แพ้ขนมในห้างดังใจกลางเมือง แค่เอาออกมาวางก็หายไปในเวลาอันสั้น ไม่เพียงแค่ความอร่อย แต่ร้านนี้เขาอบขนมแล้วใส่เครื่องใส่ไส้กันแบบไม่อั้น แถมราคายังย่อมเยาสบายกระเป๋าอีกต่างหาก ก็เลยขายดิบขายดีมากว่า 40 ปีแล้ว

ขึ้นเรือต่อไปอีกไม่ไกล ก็ถึง ท่าพระอาทิตย์ ย่านเก่าแก่ที่สุดย่านหนึ่งของเกาะรัตนโกสินทร์ และสองข้างทางของถนนพระอาทิตย์ก็ยังเต็มไปด้วยร้านรวงและบรรยากาศเก่าๆ ของวันวาน แถวนี้มีของกินอร่อยๆ มากมาย ซึ่งถ้ามีเวลาพอ ก็สามารถ ตะลอนชิม กันไปถึง ท่าพระจันทร์ ก็ยังมีร้านอร่อยๆ ให้เลือกอีกหลายร้าน

มาที่ พระอาทิตย์กันก่อน โรตีมะตะบะ ร้านเล็กๆ เก่าแก่ที่อยู่คู่กับถนนพระอาทิตย์มาเกือบ 30 ปี ร้านดั้งเดิมตั้งอยู่แถวท่าพระจันทร์แต่ต่อมาได้ย้ายมายังที่ตั้งปัจจุบัน (รวมเปิดกิจการมาแล้วเกือบ 70 ปี) บริเวณตรงข้ามสวนสันติชัยปราการ และยังคงต้อนรับลูกค้าทั้งขาประจำและขาจรกันสม่ำเสมอ เมนูของร้านนอกจากโรตีมะตะบะแล้ว ยังมีโรตีแกงกะหรี่ ข้าวหมกไก่ ข้าวหมกแพะ ให้เลือกกินอีกด้วย ร้านเปิดทุกวันเวลา 09.00-22.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) โทร. 022822119

ขนมเบื้องแม่ประภา เดินเลาะไปตามริมถนนพระอาทิตย์ขึ้นไปทางย่านบางลำพู จะสังเกตเห็นร้านเล็กๆ คูหาเดียวที่หน้าร้านตั้งตู้กระจกวางขายขนมเบื้องหน้าตาดี และรสชาติก็อร่อยสมกับหน้าตาจริงๆ ร้านขนมเบื้องโบราณ อยู่มาตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อายุรวมกว่า 80 ปีแล้ว แต่ก่อนอยู่ที่ตลาดยอดเป็นร้านรถเข็น ก่อนจะย้ายมาอยู่เป็นห้องแถวบริเวณนี้เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ใครเดินผ่านหน้าร้านจะได้กลิ่นหอม ขนมเบื้องสูตรโบราณ ไม่ใส่ครีมและไส้เยอะจุใจในราคาเพียงชิ้นละ 10 บาท มีให้เลือก 2 ไส้ คือหวานและเค็ม

ลุงหลุยส์ เดินย้อนขึ้นไปทางท่าพระจันทร์ ฝั่งริมน้ำใกล้กับท่าเรือ ร้านนี้ให้บรรยากาศแบบบ้านไม้โบราณ เพดานสูง มีโต๊ะนั่งยาวติดกันเป็นแถว อาจจะเบียดกันบ้าง แต่ได้บรรยากาศเดิมๆ ลุงหลุยส์ขายอาหารตามสั่ง ที่แม้จะไม่มีเมนูแปลกประหลาด แต่ก็มีให้เลือกหลากหลายและอร่อยทุกจาน ที่ใครไปใครมาแล้วต้องสั่งก็คือ ยำปลาดุกฟู หมูสะเต๊ะ และต้มยำยอดมะพร้าวอ่อน ร้านเปิดทุกวัน 08.00-17.30 น. โทร. 026235550

ปิดท้ายวันอิ่มอร่อยกันที่ ท่ามหาราช เดินจากท่าพระจันทร์ขึ้นไปทางมหาวิทยาลัยศิลปากร เวนิสวานิส ไม่ใช่ร้านเก่าแก่ แต่ด้วยบรรยากาศการตกแต่งสไตล์อิตาเลียน ทำให้ไม่อยากจะข้ามไป ร้านเสิร์ฟทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง บรรยากาศริมน้ำทำให้เหมาะกับการปิดท้ายวัน เพื่อชมความสวยงามยามพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เมนูแนะนำของร้านนี้ ได้แก่ ส้มตำไข่กุ้งยอดมะพร้าว กุ้งแช่น้ำปลา ซีซาร์สลัดกุ้งแม่น้ำ หอยนางรมกระทะร้อน ปลากะพงทอดน้ำปลา สปาเกตตีเพสโต้ซอสกุ้งแม่น้ำเผา ลาบเป็ดกรอบ ฯลฯ ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00–24.00 น. โทร. 02-222-8082

ลงเรือเที่ยว กินร้านนี้นิด ร้านนี้หน่อย ก็กลายเป็นอีกวันที่อิ่มท้องและอิ่มใจ...
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
dino
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1281
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 189

โพสต์

:D อิอิ เดี๋ยวจะตกไปไกล
ไปขุดมาฝากเพื่อนๆนะครับ ไปเที่ยวมาตั้งแต่ 24 ธค 2009
จาก สถานีทดลองพืชเมืองหนาว ดอยอ่างขาง เชียงใหม่(อิอิ เรียกถูกป่าวนะ)
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
                                           วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
dino
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1281
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 190

โพสต์

:) อีกดอกนะครับ อิอิ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
                                           วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
dino
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1281
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 191

โพสต์

:) อิอิ อีกดอกนึงครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
                                           วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
dino
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1281
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 192

โพสต์

:) ^_^
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
                                           วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
dino
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1281
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 193

โพสต์

:)
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
                                           วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
dino
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1281
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 194

โพสต์

:) อิอิ อีกนินึงนะครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
                                           วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
dino
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1281
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 195

โพสต์

:) ใกล้หมดละครับ
ขาวๆอีกดอกละกัน อิอิ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
                                           วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
dino
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1281
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 196

โพสต์

:) ดอกสุดท้ายแล้วครับ อิอิ
แล้วเจอกันใหม่นะครับ
อ้อ ผมใช้หนอน 300D 18-55mm 70-300mm 10-20mm ครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
                                           วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
PERFECT LUCKY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 795
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 197

โพสต์

เพิ่งไปเที่ยว ภูเก็ต มาครับ ช่วงสงกรานต์

ไปพักที่ โรงแรม Westin Siray Resort and Spa ครับ

ขอบอกว่า โรงแรมนี้ ดีมาก ทั้ง ห้องพักสวยมาก โรงแรมใหม่ เพิ่งเปิด ตค.53 มีสระว่ายน้ำสวยๆ กว้างดี สองสามสระ มีโปรโมชั่น พักหนึ่งคืน แถมหนึ่งคืน ผมนอนห้อง ธรรมดา superior หกพันบาท สองคืน ประทับใจมาก พนักงาน ต้อนรับเอาใจใส่ ดีมากกกกกก เจอกันตามทางก็ ไหว้สวัสดีทักทาย ตอนบริการ ก็ยิ้มแย้ม ถามอะไรก็ตอบได้เกือบหมด เกี่ยวกับข้อมูลโรงแรม ผมว่า เจ๋งมาก

เช่ารถ ขับเองกับ Herzs รถยาริส คล่องตัว ประหยัดน้ำมันมาก ค่าเช่า 1284 บาทต่อวัน ให้ดี ซื้อประกันชั้นหนึ่งเพิ่มอีก 214 บาทต่อวัน คุ้มกว่า gps ใครขับไม่เก่ง ควรมีไว้ หรือซื้อแผนที่กระดาษ แต่ผมใช้ ipad ถูกใจมาก app map ใน ipad ช่วยได้มากจริงๆ (ซื้อ micro sim เอาไว้เล่น ipad โดย เฉพาะ เติมเงินเอา ค่อนข้างถูก ชม.ละยี่สิบบาท) บอก direction ได้ดีมาก

ออกเดินทาง ไปกินทั้งหมด 4 แห่ง ตามที่เวปต่างๆ แนะนำ มีทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ
1. ร้าน หมอมูดง เป็นอาหารพื้นเมือง ปักษ์ใต้ รสจัดๆ ร้านแบบบ้านสวนบ้านๆ อาหารที่ชอบคือ น้ำพริกกุ้งเสียบ ปลายัดไส้
2. ร้าน แหลมหินซีฟู้ด ร้านนี้ ทีเด็ดมาก ต้องแวะให้ได้ อาหารสด อร่อย ราคาเรียกได้ว่าถูกเลยทีเดียว อร่อยแทบทุกอย่าง
3. ร้าน ทุ่งคากาแฟ : อยู่บนเขารัง มีดีอยู่อย่างคือ เห็นวิวภูเก็ตจากบนเขา อาหารรสชาติงั้นๆ ราคาแพงพอควร ไม่ Value
4. ร้าน ระย้า อยู่ในตัวเมือง ภูเก็ต อาหารรสชาติดี แต่ราคาแพง ราคาฝรั่ง แต่ไม่ได้แพงมากกก

หาดต่างๆ ผมไม่ได้ลงเล่น แค่ลงไปถ่ายรูปกับหาด และ ฟ้าใสๆ ทะเลสวยๆ อากาศค่อนข้างร้อนมาก แนะนำควรเอา เลนส์ซูมไกลๆ เช่น 18-200 หรือ 28-300 ไปด้วย จะได้ส่องสาวบิกินี่ งามๆ กลับบ้าน

เนื่องจาก ภรรยาท้อง เลยไม่ได้ไปทริป เกาะ พีพี ฯลฯ กิจกรรมอื่นๆ เช่น โกคาร์ท ตีกอล์ฟ ก็น่าสนใจเช่นกัน แต่ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรไป ตอนเทศกาลวันหยุดยาวๆ

สนามบินภูเก็ตค่อนข้างเก่า วันไป นักท่องเที่ยวเยอะมาก ที่นั่งน้อยเกินไป ของค่อนข้างแพง

รีวิวตามประสบการณ์นักท่องเที่ยวธรรมดาๆ คนหนึ่งครับ พูดตามความรู้สึกจริง

ขอให้เพื่อนๆ เล่นหุ้นรวยๆ เที่ยวให้สนุกๆ นะครับ :)
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว" :)
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 198

โพสต์

PERFECT LUCKY เขียน:เพิ่งไปเที่ยว ภูเก็ต มาครับ ช่วงสงกรานต์

ไปพักที่ โรงแรม Westin Siray Resort and Spa ครับ

http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/t ... 90904.html
สวยดี บรรยากาศ น่านอนครับ :D
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 199

โพสต์

ผมไปเที่ยวที่เกาะช้าง ช่วงวันที่ 9-12 เมษา

AAna Resort and Spa

รูปภาพ


บรรยากาศดีมากๆ โชคดีที่ฝนไม่ตก
อาหารที่โรงแรมก็ใช้ได้ อร่อยดี

ชอบมากคือสปา มีทั้งแบบนวดในห้อง กับ ที่ศาลา ติดคลองลงทะเล
ลมเย็นมากกกกกกก นวดไปหลับไป แม่ผมติดใจบอกว่า อยากนวดทุกวัน
(เลยบอกไปงบมีจำกัด 555)

อาหารทะเลที่เกาะ อร่อยมากกกกกกกก สด สะอาด เนื้อกุ้ง ปู ปลา หวานฉ่ำ
ทำให้คิดถึงอาหารทะเลที่กรุงเทพ แบบไม่อยากกินที่ กทม อีกเลย

ช่วงนี้ทุเรียนออก แต่ได้กินแค่ชะนี เพราะหมอนยังไม่สุข เอารถไปเองเลย
ขับเที่ยวรอบเกาะ สุโง่ยยยยยยยยย จิงๆครับ

เสียอย่างเดียว กระเป๋าแฟ๊ป 555

อะ จุดเด่นของโรงแรม คือ ไม่ติดทะเล แต่ติดคลองลงทะเล สามารถพายเรือ
ลงไปที่หาดส่วนตัวได้ (ผมใช้บริการคนพาย กลัวพุงหด)

ราคาห้อง แนะนำให้จองล่วงหน้า จะถูกกว่า 60-70% ครับ

:B
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Nuthor
Verified User
โพสต์: 200
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 200

โพสต์

สงกรานต์นี้ผมไม่ได้ไปไหนเลยครับ :cry: :cry:
"If you candream it, you can do it"
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 201

โพสต์

Nuthor เขียน:สงกรานต์นี้ผมไม่ได้ไปไหนเลยครับ :cry: :cry:

แล้ววันหยุดเดือนนี้เยอะแยะเลย หมอ nuthor ไปไหนบ้างล่ะครับ :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
dino
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 1281
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 202

โพสต์

:8) อิอิ พึ่งขึ้นมาจากสุราษฎ์ครับ
ตัวดำปี๋ เก็บภาพมาอื้อเลย แต่เป็นรอว์ไฟน์
9วัน 8คืน สวยงามมากเลยครับ อิอิ
เอาไว้จัดการภาพเรียบร้อย จะมาอวดให้ชมกันนะครับ
1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่
                                           วอเรนซ์ บัฟเฟตต์
terati20
Verified User
โพสต์: 1104
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 203

โพสต์

เพิ่งไปอยุธยาเเบบ unseen มาครับ ไปวัดที่ไม่ดัง ไปๆมาๆ ได้มาเกือบ 10 วัด
อยุธยานี่ถ้ารู้ประวัติศาสตร์ดีๆ เที่ยวไปฟังประวัติไปสนุกมาก

คราวหน้าว่าจะไปสุโขทัย
สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
jek ae
Verified User
โพสต์: 899
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 204

โพสต์

ไปกระบี่มาช่วงโลว์ซีซั่นครับ ติดใจไป2wkend ซ้อนกันเลย

เก็บภาพร่องรอยความเสียหายจากอุทกภัยเมื่อ2เดือนที่แล้วที่ถนนสาย41 มาฝากครับ
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
เหลือขุนเขาแมกไม้ มิต้องวิตกไร้ฟืนไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
jek ae
Verified User
โพสต์: 899
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 205

โพสต์

กระบี่ยังคงงดงามสมกับสโลแกน "เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก"
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
เหลือขุนเขาแมกไม้ มิต้องวิตกไร้ฟืนไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
jek ae
Verified User
โพสต์: 899
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 206

โพสต์

เก็บบรรยากาศซีวิวมาฝากครับ 1ไร่แลกกับสผ.ราว 8000 หุ้นครับ แต่ทั้งแปลงคงต้องใช้แสนกว่าหุ้น
คุณไม่มีสิทธิ์ดูไฟล์ที่แนบมาในกระทู้
เหลือขุนเขาแมกไม้ มิต้องวิตกไร้ฟืนไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Paul VI
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 10538
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 207

โพสต์

วันนี้ โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันนี้แจกคู่มือท่องเที่ยวสมุยนะครับ มาบอกข่าวคนชอบเที่ยว :D
ภาพประจำตัวสมาชิก
tum_H
Verified User
โพสต์: 1857
ผู้ติดตาม: 0

Re: เที่ยวไทย สบายใจ ไปไหนดี

โพสต์ที่ 208

โพสต์

ช่วงหน้าฝน ไปเที่ยวที่ไหนดีครับ :D
ใครมีที่แนะนำบ้าง
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก