เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
-
- Verified User
- โพสต์: 91
- ผู้ติดตาม: 0
เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 1
สวัสดีครับ พี่ๆและเพื่อนๆนักลงทุนทุกคน ผมเป็นนักลงทุนมือใหม่เพิ่งเริ่มสนใจในตลาดหุ้นได้ประมาณครึ่งปี และเริ่มลงทุนได้ประมาณสามเดือน พอดีวันนี้ว่างๆก็ได้นึกถึงการลงทุนที่ผ่านมาว่า ที่ผ่านมาผมได้เดินทางมาถูกทางแล้วหรือยัง
วันนี้เลยมาตั้งกระทู้ขอคำชี้แนะจากพี่ๆและเพื่อนๆที่มีประสบการณ์
ปัญหาแรกของผมและคิดว่าผู้ที่เริ่มลงทุนใหม่ๆจะพบเหมือนผมก็คือ จะซื้อหุ้นตัวไหนดี?
ผมคิดไม่ออกว่าจะซื้อตัวไหนดี เลยคิดใหม่ว่าผมต้องการอะไรจากการลงทุน
เป้าหมายการลงทุนของผมคือ อิสระภาพทางการเงิน อืม ฟังดูดี ^^ อิสรภาพทางการเงินของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ของผมต้องการ มีรายได้ปีละ 600,000 บาท หรือ 50,000 บาทต่อเดือนตอนอายุ40 ปัจจุบันผมอายุ 27ปี
ยังไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ มีเงินเริ่มต้น 1,000,000บาท กับเงินออมเดือนละ5,000บาท
ถ้าผมต้องการ 600,000บาท น่าจะต้องใช้เงินต้นประมาณ 10,000,000บาท คิดที่ปันผล6%ต่อปี
ถ้าจะให้ได้ตามเป้าหมาย ก็มีเวลา13ปี ผมคงต้องทำผลตอบแทนให้ได้ 17%ทบต้นไปอีก13ปี T-T
ปีที่ เงินต้น ผลตอบแทน
1 1,000,000 1,170,000
2 60,000 1,439,100
3 60,000 1,753,947
4 60,000 2,122,318
5 60,000 2,553,312
6 60,000 3,057,575
7 60,000 3,647,563
8 60,000 4,337,849
9 60,000 5,145,483
10 60,000 6,090,415
11 60,000 7,195,985
12 60,000 8,489,503
13 60,000 10,002,918
ถ้าเป็นตามนั้นจริงๆ ผมคงต้องหาหุ้น ที่มีGrowth เยอะๆซะแล้ว เพราะหวังปันผลให้ได้17% ชาตินี้คงไม่เจอ
เอาล่ะครับ ผมจะเลือกมาตัวนึง แล้วก็ทำการศึกษาและผมก็จะเอาข้อมูลที่ผมได้ศึกษามาให้พี่ๆได้วิจารณ์กัน วิจารณ์ผมนะครับ ไม่ใช่วิจารณ์หุ้น ช่วยบอกหากว่าผมทำอะไรขาดตกบกพร่องหรือว่าควรจะเพิ่มอะไรตรงไหน แล้วหุ้นตัวที่ผมเลือกจะศึกษาก็คือ ก็คือ…… ผมเลือกCPFครับ มาถึงตรงนี้ อาจจะมีหลายคนบอกว่า ตัวนี้เหลืออะไรให้growthอีกวะ
สองปีที่ผ่านมานี้ วิ่งมาตั้งแต่สามบาท นี่จะสามสิบบาทอยู่แล้ว เอาน่าก็ผมอยากศึกษาตัวนี้ ผลจะออกมายังไงไม่สำคัญถึงแม้ว่าพอศึกษาไปแล้ว อาจจะไม่ใช้หุ้นgrowthอย่างที่ผมต้องการ ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาใหม่ได้ ง่ายกว่าหาแฟนดีๆซักคนเยอะ^^ แต่ใครจะรู้ อีก13ปี อาจวิ่งไป300ก็ได้ ^^ หรืออาจเหลือ13บาท แต่พาร์เหลือ1สตางค์ นะครับ^^
อืมแล้วตกลงพาร์นี่ราคาต่ำสุดได้เท่าไหร่ครับ?
เอาล่ะเริ่มแล้วนะครับ
สิ่งแรกที่ผมจะดูก็คือ บริษัทนี้ทำกิจการอะไรบ้าง O.K. เอาแค่คำถามนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปศึกษามาว่า บริษัทนี้ทำอะไรบ้าง แล้วผมจะมาเขียนต่อ แล้วให้พี่ๆวิจารณ์ ^^
วันนี้เลยมาตั้งกระทู้ขอคำชี้แนะจากพี่ๆและเพื่อนๆที่มีประสบการณ์
ปัญหาแรกของผมและคิดว่าผู้ที่เริ่มลงทุนใหม่ๆจะพบเหมือนผมก็คือ จะซื้อหุ้นตัวไหนดี?
ผมคิดไม่ออกว่าจะซื้อตัวไหนดี เลยคิดใหม่ว่าผมต้องการอะไรจากการลงทุน
เป้าหมายการลงทุนของผมคือ อิสระภาพทางการเงิน อืม ฟังดูดี ^^ อิสรภาพทางการเงินของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน ของผมต้องการ มีรายได้ปีละ 600,000 บาท หรือ 50,000 บาทต่อเดือนตอนอายุ40 ปัจจุบันผมอายุ 27ปี
ยังไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ มีเงินเริ่มต้น 1,000,000บาท กับเงินออมเดือนละ5,000บาท
ถ้าผมต้องการ 600,000บาท น่าจะต้องใช้เงินต้นประมาณ 10,000,000บาท คิดที่ปันผล6%ต่อปี
ถ้าจะให้ได้ตามเป้าหมาย ก็มีเวลา13ปี ผมคงต้องทำผลตอบแทนให้ได้ 17%ทบต้นไปอีก13ปี T-T
ปีที่ เงินต้น ผลตอบแทน
1 1,000,000 1,170,000
2 60,000 1,439,100
3 60,000 1,753,947
4 60,000 2,122,318
5 60,000 2,553,312
6 60,000 3,057,575
7 60,000 3,647,563
8 60,000 4,337,849
9 60,000 5,145,483
10 60,000 6,090,415
11 60,000 7,195,985
12 60,000 8,489,503
13 60,000 10,002,918
ถ้าเป็นตามนั้นจริงๆ ผมคงต้องหาหุ้น ที่มีGrowth เยอะๆซะแล้ว เพราะหวังปันผลให้ได้17% ชาตินี้คงไม่เจอ
เอาล่ะครับ ผมจะเลือกมาตัวนึง แล้วก็ทำการศึกษาและผมก็จะเอาข้อมูลที่ผมได้ศึกษามาให้พี่ๆได้วิจารณ์กัน วิจารณ์ผมนะครับ ไม่ใช่วิจารณ์หุ้น ช่วยบอกหากว่าผมทำอะไรขาดตกบกพร่องหรือว่าควรจะเพิ่มอะไรตรงไหน แล้วหุ้นตัวที่ผมเลือกจะศึกษาก็คือ ก็คือ…… ผมเลือกCPFครับ มาถึงตรงนี้ อาจจะมีหลายคนบอกว่า ตัวนี้เหลืออะไรให้growthอีกวะ
สองปีที่ผ่านมานี้ วิ่งมาตั้งแต่สามบาท นี่จะสามสิบบาทอยู่แล้ว เอาน่าก็ผมอยากศึกษาตัวนี้ ผลจะออกมายังไงไม่สำคัญถึงแม้ว่าพอศึกษาไปแล้ว อาจจะไม่ใช้หุ้นgrowthอย่างที่ผมต้องการ ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาใหม่ได้ ง่ายกว่าหาแฟนดีๆซักคนเยอะ^^ แต่ใครจะรู้ อีก13ปี อาจวิ่งไป300ก็ได้ ^^ หรืออาจเหลือ13บาท แต่พาร์เหลือ1สตางค์ นะครับ^^
อืมแล้วตกลงพาร์นี่ราคาต่ำสุดได้เท่าไหร่ครับ?
เอาล่ะเริ่มแล้วนะครับ
สิ่งแรกที่ผมจะดูก็คือ บริษัทนี้ทำกิจการอะไรบ้าง O.K. เอาแค่คำถามนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปศึกษามาว่า บริษัทนี้ทำอะไรบ้าง แล้วผมจะมาเขียนต่อ แล้วให้พี่ๆวิจารณ์ ^^
-
- Verified User
- โพสต์: 113
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 2
ผมเป็นมือใหม่เหมือนกันครับ มีปัญหาในการเริ่มต้นเหมือนกัน ปัญหาคือ จะเลือกหุ้นสักตัวเข้าพอร์ต ต้องดูถึงระดับไหน
ผมได้อ่าน essential buffett และ peter lynch แล้ว ยิ่งทำให้รู้ว่ามีสิ่งที่ไม่รู้อีกมหาศาล และไม่รู้ว่าจะไปตามรู้ได้อย่างไร
เลยอยากทราบว่า ปรกติพี่ๆ เลือกหุ้นที่โดนใจสักตัว จะตามหาข้อมุลและสืบข้อมูล ลึกถึงระดับไหนครับ ก่อนจะตกลงปลงใจ
จากที่อ่านมาจะมีวิธีดูคร่าวๆประมาณนี้
-พื้นฐานกิจการที่ดี
ผมสงสัยข้อนี้ที่สุดครับ เนื่องจากตามอ่านวิธีการดูกิจการ ของพี่ๆในห้องนี้แล้ว พี่ๆไม่ได้ดูแค่แต่ตัวเลข แต่ดูถึงพฤติกรรมของอุตสาหกรรม
source of fund, DCA, management, ยุทธศาสตร์การตลาด, market volume, กำไรสม่ำเสมอ, วิเคราะห์บัญชี (ตอนนี้นึกได้เท่านี้)
-ราคาเหมาะสม (ผมเข้ามา ณ ปัจจุบัน ยังมีของดีราคาเหมาะสมอีกเหรอครับ ?? เจอแต่ราคาอนาคต >..< )
-ผู้บริหารดีและเก่ง (เรื่องไม่ดีคงรับรู้ได้จากการ search แต่เก่งกับขยันนี่ไม่รู้จะดูเอาจากไหน)
-และถือครองตราบเท่าที่มันยังดีอยู่ (เข้าใจนี้อันเดียว เพราะซื้อมาเพราะอะไร ก็จะขายก็ต่อเมื่อมันไม่ใช่อย่างที่คิดตอนซื้อ)
ขออนุญาติยกตัวอย่าง อุตสาหกรรม ที่คิดว่าน่าจะเข้าใจง่ายที่สุด(สำหรับผม) คือ cpf ขายอาหาร ทั้งสดและแปรรูป
การเข้าใจพฤติกรรมของอุตสาหกรรม ของ cpf ผมต้องเข้าใจถึงระดับไหนครับ ถึงจะเรียกว่าเพียงพอ หรือไม่ไร้สาระจนลง detail เกินไป
อย่างไก่ของ cpf ผมควรต้องทราบไหมครับ ว่าไก่ที่ส่งออกไปแต่ละประเทศ มีเงื่อนไขในการวัดคุณภาพยังไงบ้าง ปริมาณน้ำในไก่ ไม่เกินเท่าไหร่
มีวิธีเลี้ยงไก่แบบไหน เลี้ยงกุ้งแบบไหน มีฟาร์มกี่แห่ง (process การผลิต)
หรือ BLA (ประกันชีวิต)
ผมควรต้องทราบไหมครับว่า เงินสดที่ได้เบี้ยมา เอาไปลงทุนในอะไรบ้างสัดส่วนเท่าไหร่ ผลตอบแทนแต่ละด้านเท่าไหร่
หรือพวกที่ลงบัญชีว่าค่าใช้จ่ายอื่นๆ ควรต้องทราบไหมว่าอื่นๆ รายการข้างในเป็นอะไรบ้าง (ในกรณีที่บางบริษัท ค่าใช้จ่ายอื่นๆสูง เพราะบางทีอาจเป็นเพราะลักษณะปรกติของกิจการนั้น)
คำถามคือควรต้องรู้ลึกระดับไหนครับ
(ขอโทษ จขกท. ที่แจม นะครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ร่วมกัน)
ผมได้อ่าน essential buffett และ peter lynch แล้ว ยิ่งทำให้รู้ว่ามีสิ่งที่ไม่รู้อีกมหาศาล และไม่รู้ว่าจะไปตามรู้ได้อย่างไร
เลยอยากทราบว่า ปรกติพี่ๆ เลือกหุ้นที่โดนใจสักตัว จะตามหาข้อมุลและสืบข้อมูล ลึกถึงระดับไหนครับ ก่อนจะตกลงปลงใจ
จากที่อ่านมาจะมีวิธีดูคร่าวๆประมาณนี้
-พื้นฐานกิจการที่ดี
ผมสงสัยข้อนี้ที่สุดครับ เนื่องจากตามอ่านวิธีการดูกิจการ ของพี่ๆในห้องนี้แล้ว พี่ๆไม่ได้ดูแค่แต่ตัวเลข แต่ดูถึงพฤติกรรมของอุตสาหกรรม
source of fund, DCA, management, ยุทธศาสตร์การตลาด, market volume, กำไรสม่ำเสมอ, วิเคราะห์บัญชี (ตอนนี้นึกได้เท่านี้)
-ราคาเหมาะสม (ผมเข้ามา ณ ปัจจุบัน ยังมีของดีราคาเหมาะสมอีกเหรอครับ ?? เจอแต่ราคาอนาคต >..< )
-ผู้บริหารดีและเก่ง (เรื่องไม่ดีคงรับรู้ได้จากการ search แต่เก่งกับขยันนี่ไม่รู้จะดูเอาจากไหน)
-และถือครองตราบเท่าที่มันยังดีอยู่ (เข้าใจนี้อันเดียว เพราะซื้อมาเพราะอะไร ก็จะขายก็ต่อเมื่อมันไม่ใช่อย่างที่คิดตอนซื้อ)
ขออนุญาติยกตัวอย่าง อุตสาหกรรม ที่คิดว่าน่าจะเข้าใจง่ายที่สุด(สำหรับผม) คือ cpf ขายอาหาร ทั้งสดและแปรรูป
การเข้าใจพฤติกรรมของอุตสาหกรรม ของ cpf ผมต้องเข้าใจถึงระดับไหนครับ ถึงจะเรียกว่าเพียงพอ หรือไม่ไร้สาระจนลง detail เกินไป
อย่างไก่ของ cpf ผมควรต้องทราบไหมครับ ว่าไก่ที่ส่งออกไปแต่ละประเทศ มีเงื่อนไขในการวัดคุณภาพยังไงบ้าง ปริมาณน้ำในไก่ ไม่เกินเท่าไหร่
มีวิธีเลี้ยงไก่แบบไหน เลี้ยงกุ้งแบบไหน มีฟาร์มกี่แห่ง (process การผลิต)
หรือ BLA (ประกันชีวิต)
ผมควรต้องทราบไหมครับว่า เงินสดที่ได้เบี้ยมา เอาไปลงทุนในอะไรบ้างสัดส่วนเท่าไหร่ ผลตอบแทนแต่ละด้านเท่าไหร่
หรือพวกที่ลงบัญชีว่าค่าใช้จ่ายอื่นๆ ควรต้องทราบไหมว่าอื่นๆ รายการข้างในเป็นอะไรบ้าง (ในกรณีที่บางบริษัท ค่าใช้จ่ายอื่นๆสูง เพราะบางทีอาจเป็นเพราะลักษณะปรกติของกิจการนั้น)
คำถามคือควรต้องรู้ลึกระดับไหนครับ
(ขอโทษ จขกท. ที่แจม นะครับ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ร่วมกัน)
-
- Verified User
- โพสต์: 113
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 3
ขอเพิ่มอีกนิดครับ
เห็นพี่ๆมักจะประเมินด้วยว่า ถ้าต้องสร้างกิจการนี้ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ (ในหนังสือก็เห็นคิดเรื่องนี้เช่นกัน)
คือผมไม่ทราบอ่ะครับ ว่าทำไมต้องประเมินราคากิจการ
ถ้าจะดูว่าถูกหรือแพงก็มีค่าBookValueให้ดูอยูแล้ว คิดว่าน่าจะไม่ใช่ประเด็นนี้
เห็นพี่ๆมักจะประเมินด้วยว่า ถ้าต้องสร้างกิจการนี้ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ (ในหนังสือก็เห็นคิดเรื่องนี้เช่นกัน)
คือผมไม่ทราบอ่ะครับ ว่าทำไมต้องประเมินราคากิจการ
ถ้าจะดูว่าถูกหรือแพงก็มีค่าBookValueให้ดูอยูแล้ว คิดว่าน่าจะไม่ใช่ประเด็นนี้
- Paul Octopus
- Verified User
- โพสต์: 798
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 4
ยังไม่เก่งแต่อยากแชร์
ให้เริ่มจากสิ่งที่เรารักก่อน
ชอบอะไรจริงๆในชีวิต
แล้วค่อยแปลงมาเป็น Industry
แล้วดู Trend ของผู้บริโภคให้ออกว่า Industry นั้นมันไปอย่างไร มันเติบโตพอที่เราจะได้ Dividend และ Capital Gain (มูลค่ากิจการสูงขึ้น) เพียงพอต่อเป้าหมายเราหรือไม่
แล้วค่อยมาเลือก บริษัทฯ ว่า
1 ธรรมาภิบาล OK มั๊ย (อ่านเอาใน VI จะสำผัสได้)
2 ราคาหุ้นขณะนั้นๆ มี MOS (margin of safety) มากพอมั๊ย ถ้าดูเอาง่ายๆก็ดู PE Ratio ของ Industry และ ของบริษัทนั้นๆ
3 ติดตาม Indicators ต่างๆที่มี Linkage กับ Industry นั้นๆ (ตรงนี้แหละถ้าใจไม่รัก รับรองเบื่อซะก่อน)
4 เมื่อเวลาผ่านไป ข้อ 3 จะแตกฉานมากขึ้น
5 เมื่อแตกฉานในธุรกิจที่เรารักแล้ว เราจะเห็น Linkage ไปธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
สรุป สั้นๆ ต้อง ชอบธุรกิจด้วย และ ให้ดู "ลูกค้า" ก่อนซี่งถือว่าเป็นตัวแปรหลัก
ตัววัดด้านการเงินเป็น ตัวแปรตามครับ ถ้าตัวแปรหลักดี ตัวแปรตามก็จะดี
เอาคร่าวๆแค่นี้ก่อนครับ
ให้เริ่มจากสิ่งที่เรารักก่อน
ชอบอะไรจริงๆในชีวิต
แล้วค่อยแปลงมาเป็น Industry
แล้วดู Trend ของผู้บริโภคให้ออกว่า Industry นั้นมันไปอย่างไร มันเติบโตพอที่เราจะได้ Dividend และ Capital Gain (มูลค่ากิจการสูงขึ้น) เพียงพอต่อเป้าหมายเราหรือไม่
แล้วค่อยมาเลือก บริษัทฯ ว่า
1 ธรรมาภิบาล OK มั๊ย (อ่านเอาใน VI จะสำผัสได้)
2 ราคาหุ้นขณะนั้นๆ มี MOS (margin of safety) มากพอมั๊ย ถ้าดูเอาง่ายๆก็ดู PE Ratio ของ Industry และ ของบริษัทนั้นๆ
3 ติดตาม Indicators ต่างๆที่มี Linkage กับ Industry นั้นๆ (ตรงนี้แหละถ้าใจไม่รัก รับรองเบื่อซะก่อน)
4 เมื่อเวลาผ่านไป ข้อ 3 จะแตกฉานมากขึ้น
5 เมื่อแตกฉานในธุรกิจที่เรารักแล้ว เราจะเห็น Linkage ไปธุรกิจที่เกี่ยวข้อง
สรุป สั้นๆ ต้อง ชอบธุรกิจด้วย และ ให้ดู "ลูกค้า" ก่อนซี่งถือว่าเป็นตัวแปรหลัก
ตัววัดด้านการเงินเป็น ตัวแปรตามครับ ถ้าตัวแปรหลักดี ตัวแปรตามก็จะดี
เอาคร่าวๆแค่นี้ก่อนครับ
- Paul Octopus
- Verified User
- โพสต์: 798
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 5
[quote="SourCreamz"]ขอเพิ่มอีกนิดครับ
เห็นพี่ๆมักจะประเมินด้วยว่า ถ้าต้องสร้างกิจการนี้ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ (ในหนังสือก็เห็นคิดเรื่องนี้เช่นกัน)
คือผมไม่ทราบอ่ะครับ ว่าทำไมต้องประเมินราคากิจการ
ถ้าจะดูว่าถูกหรือแพงก็มีค่าBookValueให้ดูอยูแล้ว คิดว่าน่าจะไม่ใช่ประเด็นนี้[/quote]
เราเรียกว่า Replacement Assets
แต่แนะนำว่าถ้าไม่เข้าใจธุรกิจนั้นๆจริงๆ ประเมินยากครับ
ข้ามไปก่อนดีกว่า
เห็นพี่ๆมักจะประเมินด้วยว่า ถ้าต้องสร้างกิจการนี้ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ (ในหนังสือก็เห็นคิดเรื่องนี้เช่นกัน)
คือผมไม่ทราบอ่ะครับ ว่าทำไมต้องประเมินราคากิจการ
ถ้าจะดูว่าถูกหรือแพงก็มีค่าBookValueให้ดูอยูแล้ว คิดว่าน่าจะไม่ใช่ประเด็นนี้[/quote]
เราเรียกว่า Replacement Assets
แต่แนะนำว่าถ้าไม่เข้าใจธุรกิจนั้นๆจริงๆ ประเมินยากครับ
ข้ามไปก่อนดีกว่า
- Paul Octopus
- Verified User
- โพสต์: 798
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 6
สังสัยจะแก่จริง ตังใจอธิบาย Replacement Assets
เราจะดูเมื่อเราพบว่าธุรกิจนั้นๆ (ส่วนใหญเป็น Heavy Assets Investment Business เช่น manufacturing base) มีมานานแล้ว อาจจะ
1. เทคโนโลยี่ล้าสมัย สร้างโรงงานใหม่ใช้ เทคโนโลยี่ใหม่ราคาถูกว่า (ผลผลิตต่อเงินลงทุนต่ำกว่า)
2. ของเดิมสร้างมาแบบ "ตัดผุ" คือ ขยายที่และเล็กละน้อยตามการเติบโตของตลาด ทำให้ Process ไม่ Optimum การสร้างใหม่ครั้งเดียวที่กำลังการผลิตเท่ากัน อาจต้นทุนต่ำกว่ามากๆ (ทั้งเงินลงทุนและการผลิต)
ผมยกตัวอย่างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หรือ กลั่นน้ำมัน พวกโรงงานเก่าๆ ต้องระวังให้ดี เพราะล้าสมัยแล้วเมื่อเทียบกับการสร้างใหม่ (ถึงต้องมีการ Turnaround ใหญ่ใช้เงินลงทุนมากมาย เช่น บางจาก ใง)
ประมาณนี้นะครับ
เราจะดูเมื่อเราพบว่าธุรกิจนั้นๆ (ส่วนใหญเป็น Heavy Assets Investment Business เช่น manufacturing base) มีมานานแล้ว อาจจะ
1. เทคโนโลยี่ล้าสมัย สร้างโรงงานใหม่ใช้ เทคโนโลยี่ใหม่ราคาถูกว่า (ผลผลิตต่อเงินลงทุนต่ำกว่า)
2. ของเดิมสร้างมาแบบ "ตัดผุ" คือ ขยายที่และเล็กละน้อยตามการเติบโตของตลาด ทำให้ Process ไม่ Optimum การสร้างใหม่ครั้งเดียวที่กำลังการผลิตเท่ากัน อาจต้นทุนต่ำกว่ามากๆ (ทั้งเงินลงทุนและการผลิต)
ผมยกตัวอย่างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หรือ กลั่นน้ำมัน พวกโรงงานเก่าๆ ต้องระวังให้ดี เพราะล้าสมัยแล้วเมื่อเทียบกับการสร้างใหม่ (ถึงต้องมีการ Turnaround ใหญ่ใช้เงินลงทุนมากมาย เช่น บางจาก ใง)
ประมาณนี้นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 113
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณพี่หมึกพอลมากๆครับ พอจะเข้าใจประเด็นนี้แล้วครับ เพียงแต่ ผมเป็นแค่พนักงานออฟฟิตโลกแคบPaul Octopus เขียน:สังสัยจะแก่จริง ตังใจอธิบาย Replacement Assets
เราจะดูเมื่อเราพบว่าธุรกิจนั้นๆ (ส่วนใหญเป็น Heavy Assets Investment Business เช่น manufacturing base) มีมานานแล้ว อาจจะ
1. เทคโนโลยี่ล้าสมัย สร้างโรงงานใหม่ใช้ เทคโนโลยี่ใหม่ราคาถูกว่า (ผลผลิตต่อเงินลงทุนต่ำกว่า)
2. ของเดิมสร้างมาแบบ "ตัดผุ" คือ ขยายที่และเล็กละน้อยตามการเติบโตของตลาด ทำให้ Process ไม่ Optimum การสร้างใหม่ครั้งเดียวที่กำลังการผลิตเท่ากัน อาจต้นทุนต่ำกว่ามากๆ (ทั้งเงินลงทุนและการผลิต)
ผมยกตัวอย่างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หรือ กลั่นน้ำมัน พวกโรงงานเก่าๆ ต้องระวังให้ดี เพราะล้าสมัยแล้วเมื่อเทียบกับการสร้างใหม่ (ถึงต้องมีการ Turnaround ใหญ่ใช้เงินลงทุนมากมาย เช่น บางจาก ใง)
ประมาณนี้นะครับ
แทบจะสุดปัญญาจะประเมินราคากิจการได้เรยครับ ถ้าร้านโชว์ห่วยหน้าปากซอยยังพอไหว
ขออนุญาติสงสัยต่อนะครับ
เรื่อง การดูราคาว่าถูกหรือแพง มี MOS มากแค่ไหนโดยดูจาก PE ratio ส่วนนี้ผมก็งงครับ ว่าถูกแพง ดูยังไง
ถ้ากรณีตลาดแพง PE ในอุตสาหกรรมเดียวกัน PE เฉลี่ยอยู่ที่ 15 แล้วตัวที่สนใจ PE = 12-13 ผมก็ยังรู้สึกว่า 12-13 มันก็ยังแพงมากอยู่ดี (หรือจริงๆแล้วตลาดมองว่าถูก?)
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 8
ผมมือใหม่อ่อนประสบการณ์ ตามมาศึกษาจากพี่หมึกพอลด้วยคนครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 9
คือการเปรียบเทียบ PE กับตัวอื่น แม้เป็นธุรกิจในกลุ่มเดียวกัน ก็อาจทำให้เราตัดสินใจผิดพลาดได้นะครับ
คล้ายๆกับเรากำลังตัดสินใจซื้อสินค้าที่คล้ายๆกัน เปรียบเทียบราคากันก็อยู่ในระดับใกล้ๆกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราซื้อแล้วเราจะได้ของราคาถูกนะครับ อะไรทำนองนั้น
ถ้าคิดจะมาทางนี้จริงๆ ลองหยิบหุ้นซักตัวที่ชอบมาชำแหละทีละส่วน โดยยังไม่ต้องเปรียบเทียบกับตัวอื่นๆ แล้วคิดดูว่ามันถูกหรือแพง แบบนี้น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะครับ
ส่วนเรื่อง Replacement Assets ขออนุญาตเสริมอกหน่อยว่ามันเหมือนกับการที่เราคิดขึ้นมาว่า เราต้องใช้เงินเท่าไหร่ในปัจจุบันในการสร้างธุรกิจที่เหมือนกันแบบเป๊ะๆกับหุ้นที่เรากำลังวิเคราะห์อยู่
ในกรณีของโรงงานปิโตรเคมีแบบที่คุณ Paul ยกมา ในปัจจุบันอาจใช้เงินจำนวนเท่ากัน หรือเผลอๆใช้เงินลงทุนน้อยกว่าด้วยซ้ำไป นั่นเพราะว่าการลงทุนติดตั้งเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบันมีราคาถูกลงกว่าในอดีต และสินค้าปิโตรเคมีจัดอยู่กลุ่มคอมโมดิตี้ ซึ่งจะซื้อกับที่ไหนก็ต่างกันไม่มากนัก อาจทำให้เรามองได้ว่ามันไม่มีคูเมืองในการป้องกันคู่แข่งรายใหม่ๆ
แต่กับธุรกิจบางธุรกิจที่มันมีคูเมืองในการป้องกันภัยจากคู่แข่งรอบด้านมากๆ เราอาจจะพบว่ามันมีมูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบันอยู่พันล้าน แต่ถ้าเรามีเงินพันล้านเท่ากัน เราก็ไม่สามารถสร้างธุรกิจแบบเดียวกันขึ้นมาแข่งได้
อะไรทำนองนั้น
ปล. ผมแค่พยายามแชร์ความรู้ที่มีอยู่นิดหน่อยให้ฟัง ถ้าถามผมลึกๆมากๆผมก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ขอให้โชคดีนะครับ
คล้ายๆกับเรากำลังตัดสินใจซื้อสินค้าที่คล้ายๆกัน เปรียบเทียบราคากันก็อยู่ในระดับใกล้ๆกัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราซื้อแล้วเราจะได้ของราคาถูกนะครับ อะไรทำนองนั้น
ถ้าคิดจะมาทางนี้จริงๆ ลองหยิบหุ้นซักตัวที่ชอบมาชำแหละทีละส่วน โดยยังไม่ต้องเปรียบเทียบกับตัวอื่นๆ แล้วคิดดูว่ามันถูกหรือแพง แบบนี้น่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะครับ
ส่วนเรื่อง Replacement Assets ขออนุญาตเสริมอกหน่อยว่ามันเหมือนกับการที่เราคิดขึ้นมาว่า เราต้องใช้เงินเท่าไหร่ในปัจจุบันในการสร้างธุรกิจที่เหมือนกันแบบเป๊ะๆกับหุ้นที่เรากำลังวิเคราะห์อยู่
ในกรณีของโรงงานปิโตรเคมีแบบที่คุณ Paul ยกมา ในปัจจุบันอาจใช้เงินจำนวนเท่ากัน หรือเผลอๆใช้เงินลงทุนน้อยกว่าด้วยซ้ำไป นั่นเพราะว่าการลงทุนติดตั้งเทคโนโลยีการผลิตในปัจจุบันมีราคาถูกลงกว่าในอดีต และสินค้าปิโตรเคมีจัดอยู่กลุ่มคอมโมดิตี้ ซึ่งจะซื้อกับที่ไหนก็ต่างกันไม่มากนัก อาจทำให้เรามองได้ว่ามันไม่มีคูเมืองในการป้องกันคู่แข่งรายใหม่ๆ
แต่กับธุรกิจบางธุรกิจที่มันมีคูเมืองในการป้องกันภัยจากคู่แข่งรอบด้านมากๆ เราอาจจะพบว่ามันมีมูลค่าทรัพย์สินในปัจจุบันอยู่พันล้าน แต่ถ้าเรามีเงินพันล้านเท่ากัน เราก็ไม่สามารถสร้างธุรกิจแบบเดียวกันขึ้นมาแข่งได้
อะไรทำนองนั้น
ปล. ผมแค่พยายามแชร์ความรู้ที่มีอยู่นิดหน่อยให้ฟัง ถ้าถามผมลึกๆมากๆผมก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน ขอให้โชคดีนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 113
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 11
ผมว่าการดู พีอี ถูกแพงมันเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์นะครับ
มีหลายปัจจัยมี่เกี่ยวข้อง หากมองทีี่่ตัวของ บ.เองก่อน เช่น โกรท เงินปันผล ความเสี่ยงของกิจการ ต้นทุนเงินทุนของ ผถห
ลองเทียบง่ายๆ หากเราต้องถือหุ้น บ.ที่มีความเสี่ยงระดับนี้ ได้โกรทเท่านี้และเงินปับผลเท่านี้ บนต้นทุนเงินทุนของเราค่าเสียโอกาสเท่านี้ เราจะต้องได้เงินคืนภายในกี่ปี นั่นก็คือค่าพีอีที่ควรเป็น ครับ แล้วจึงนำไปเปรียบเทีนบกับที่ คนในสังคมการเงินเขาให้ค่าพีอี หากเราให้น้อยกว่า โอกาสที่จะซื้อย่อมไม่มี หลังจากนั้นนำไปเทียบกับตัวอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกันบน ความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ก็จะรู้คร่าวๆว่าเราให้ค่าพีอีถูกหรือแพงไป แล้วค่อยตัดสินใจซื้อหรือไม่ เขาถึงว่าการลงทุน วีไอ ใช้เวลาในหัวมากกว่าการแอคชั่นครับ
มีหลายปัจจัยมี่เกี่ยวข้อง หากมองทีี่่ตัวของ บ.เองก่อน เช่น โกรท เงินปันผล ความเสี่ยงของกิจการ ต้นทุนเงินทุนของ ผถห
ลองเทียบง่ายๆ หากเราต้องถือหุ้น บ.ที่มีความเสี่ยงระดับนี้ ได้โกรทเท่านี้และเงินปับผลเท่านี้ บนต้นทุนเงินทุนของเราค่าเสียโอกาสเท่านี้ เราจะต้องได้เงินคืนภายในกี่ปี นั่นก็คือค่าพีอีที่ควรเป็น ครับ แล้วจึงนำไปเปรียบเทีนบกับที่ คนในสังคมการเงินเขาให้ค่าพีอี หากเราให้น้อยกว่า โอกาสที่จะซื้อย่อมไม่มี หลังจากนั้นนำไปเทียบกับตัวอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกันบน ความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ก็จะรู้คร่าวๆว่าเราให้ค่าพีอีถูกหรือแพงไป แล้วค่อยตัดสินใจซื้อหรือไม่ เขาถึงว่าการลงทุน วีไอ ใช้เวลาในหัวมากกว่าการแอคชั่นครับ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
- Paul Octopus
- Verified User
- โพสต์: 798
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 12
[quote="SourCreamz"][quote="Paul Octopus"]สังสัยจะแก่จริง ตังใจอธิบาย Replacement Assets
เราจะดูเมื่อเราพบว่าธุรกิจนั้นๆ (ส่วนใหญเป็น Heavy Assets Investment Business เช่น manufacturing base) มีมานานแล้ว อาจจะ
1. เทคโนโลยี่ล้าสมัย สร้างโรงงานใหม่ใช้ เทคโนโลยี่ใหม่ราคาถูกว่า (ผลผลิตต่อเงินลงทุนต่ำกว่า)
2. ของเดิมสร้างมาแบบ "ตัดผุ" คือ ขยายที่และเล็กละน้อยตามการเติบโตของตลาด ทำให้ Process ไม่ Optimum การสร้างใหม่ครั้งเดียวที่กำลังการผลิตเท่ากัน อาจต้นทุนต่ำกว่ามากๆ (ทั้งเงินลงทุนและการผลิต)
ผมยกตัวอย่างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หรือ กลั่นน้ำมัน พวกโรงงานเก่าๆ ต้องระวังให้ดี เพราะล้าสมัยแล้วเมื่อเทียบกับการสร้างใหม่ (ถึงต้องมีการ Turnaround ใหญ่ใช้เงินลงทุนมากมาย เช่น บางจาก ใง)
ประมาณนี้นะครับ [/quote]
ขอบคุณพี่หมึกพอลมากๆครับ พอจะเข้าใจประเด็นนี้แล้วครับ เพียงแต่ ผมเป็นแค่พนักงานออฟฟิตโลกแคบ
แทบจะสุดปัญญาจะประเมินราคากิจการได้เรยครับ ถ้าร้านโชว์ห่วยหน้าปากซอยยังพอไหว
ขออนุญาติสงสัยต่อนะครับ
เรื่อง การดูราคาว่าถูกหรือแพง มี MOS มากแค่ไหนโดยดูจาก PE ratio ส่วนนี้ผมก็งงครับ ว่าถูกแพง ดูยังไง
ถ้ากรณีตลาดแพง PE ในอุตสาหกรรมเดียวกัน PE เฉลี่ยอยู่ที่ 15 แล้วตัวที่สนใจ PE = 12-13 ผมก็ยังรู้สึกว่า 12-13 มันก็ยังแพงมากอยู่ดี (หรือจริงๆแล้วตลาดมองว่าถูก?)[/quote]
ที่ถามมาเป็นคำตอบในตัวอยู่แล้วครับ
PE ratio ที่ตลาด ให้หุ้นแต่ละตัว มันหมายถึง "นักลงทุนที่สนใจในหุ้นตัวนั้นเป็นจำนวนหลายร้อย หลายพัน หรือหลายหมื่น ให้มูลค่าของมันว่าเป็นเท่าไหร่" ซี่งมีหลักจิตวิทยาที่มักจะลืมพูดกันไปคือ
"นักลงทุนที่ชอบหุ้นตัวหนี่งๆเหมือนๆกันมักจะมีอุปนิสัยคล้ายๆกัน จึงให้มูลค่าออกมาเป็นไปตามนิสัยนั้นๆ"
ทำไมหุ้นตัวหนี่งเช่น ไก่------ PE ratio ซัดเข้าไป 20 - 30 ก็ยังมีคนบอกเป็นร้อยเป็นพันว่ามันถูกอยู่ซื้อได้
ในขณะที่หุ้นขายน้ำ (ที่น้อง Jo ชอบบ่นบ่อยๆ) ร้อยวันพันปียังใงก็ขายน้ำได้ เทวดาให้น้ำมาฟรีๆทุกปีไม่ต้องไปผลิต PE ratio 10 กว่าๆนิดหน่อย บอกกันว่าเริ่มแพงแล้วนะ ทั้งๆที่ความเสี่ยงน้อยกว่าไก่ มากมายนัก ??????/?
ทั้งนี้เพราะพวกที่ซื้อหุ้นน้ำอาจจะเป็นพวก ปอดแหก แต่ พวกไก่ ชอบความท้าทายมาก High Risk = High Return
ถ้ามองในรายละเอียดจริงๆทางทฤษฎี มันจะประกอบไปด้วย ความเสี่ยงของธุรกิจ การเติบโตของกิจการ ความแข็งแกร่งของกลยุทธ หรือ Megatrends ฯลฯ
(ซี่งพวกนี้แหละเราต้องเริ่มศีกษา และ อยู่กับมัน และ ใช้เวลา ชั่วชีวิต)
ดังนั้นเราต้องเข้าใจตัวเราเองเสียก่อนว่ามีอุปนิสัยอย่างไร ก่อนที่จะเข้าไปลงทุน
ถ้าเราคิดว่า PE ratio 12-13 มันแพง ก็อย่าได้ไปซื้อหุ้นตัวนั้นที่เวลานั้น (>>> เพราะเราคิดไม่เหมือนคนอื่นๆที่ซื้อหุ้นตัวนั้นในขณะนั้นๆ ไม่นับพวกที่ชอบปั่น และ ทุบหุ้นนะครับ) เขาบอกว่า PE ratio 15 มัน OK นะในสภาวะเศรษฐกิจขณะนี้
จริงๆ PE 10 หมายถึงต้องรอถึง 10 ปีถึงจะได้ earning จากผลดำเนินงานเท่ากับเงินที่ซื้อหุ้น (สมมุติว่าหุ้นนั้นๆเติบโตได้เท่ากับ Costs ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี) ดังนั้น PE 12-13 ผมก็เห็นด้วยว่ามันแพงระดับหนี่งแล้ว ไม่เรียกว่าถูก ไม่ว่าจะมองในแง่มุมใหนก็ตาม
ลองไปดูหุ้นที่ PE น้อยกว่า 10 ดูซิมีอีกตั้งหลายตัว แล้วถามตัวเองว่า
1 เราชอบธุรกิจมั๊ย
2 ธรรมาภิบาล
3 การเติบโต เพียงพอต่อเป้าหมาย
4........
ถ้ายังไม่เจอสิ่งที่พอใจอีก ให้รออย่างเดียวครับ
รอวันที่เกิด Panic เมื่อตลาดใช้อารมณ์เหนือเหตุผล มันจะเป็นโอกาสให้เข้าซื้อ
หรือซื้อไปก่อน 100 - 200 หุ้น เพื่อศีกษา เมื่อถึงเวลาหุ้นถูก จะได้ทำได้อย่างรวดเร็ว และ ถูกจังหวะมากขึ้นกว่าเฝ้าดูเฉยๆครับ
เราจะดูเมื่อเราพบว่าธุรกิจนั้นๆ (ส่วนใหญเป็น Heavy Assets Investment Business เช่น manufacturing base) มีมานานแล้ว อาจจะ
1. เทคโนโลยี่ล้าสมัย สร้างโรงงานใหม่ใช้ เทคโนโลยี่ใหม่ราคาถูกว่า (ผลผลิตต่อเงินลงทุนต่ำกว่า)
2. ของเดิมสร้างมาแบบ "ตัดผุ" คือ ขยายที่และเล็กละน้อยตามการเติบโตของตลาด ทำให้ Process ไม่ Optimum การสร้างใหม่ครั้งเดียวที่กำลังการผลิตเท่ากัน อาจต้นทุนต่ำกว่ามากๆ (ทั้งเงินลงทุนและการผลิต)
ผมยกตัวอย่างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หรือ กลั่นน้ำมัน พวกโรงงานเก่าๆ ต้องระวังให้ดี เพราะล้าสมัยแล้วเมื่อเทียบกับการสร้างใหม่ (ถึงต้องมีการ Turnaround ใหญ่ใช้เงินลงทุนมากมาย เช่น บางจาก ใง)
ประมาณนี้นะครับ [/quote]
ขอบคุณพี่หมึกพอลมากๆครับ พอจะเข้าใจประเด็นนี้แล้วครับ เพียงแต่ ผมเป็นแค่พนักงานออฟฟิตโลกแคบ
แทบจะสุดปัญญาจะประเมินราคากิจการได้เรยครับ ถ้าร้านโชว์ห่วยหน้าปากซอยยังพอไหว
ขออนุญาติสงสัยต่อนะครับ
เรื่อง การดูราคาว่าถูกหรือแพง มี MOS มากแค่ไหนโดยดูจาก PE ratio ส่วนนี้ผมก็งงครับ ว่าถูกแพง ดูยังไง
ถ้ากรณีตลาดแพง PE ในอุตสาหกรรมเดียวกัน PE เฉลี่ยอยู่ที่ 15 แล้วตัวที่สนใจ PE = 12-13 ผมก็ยังรู้สึกว่า 12-13 มันก็ยังแพงมากอยู่ดี (หรือจริงๆแล้วตลาดมองว่าถูก?)[/quote]
ที่ถามมาเป็นคำตอบในตัวอยู่แล้วครับ
PE ratio ที่ตลาด ให้หุ้นแต่ละตัว มันหมายถึง "นักลงทุนที่สนใจในหุ้นตัวนั้นเป็นจำนวนหลายร้อย หลายพัน หรือหลายหมื่น ให้มูลค่าของมันว่าเป็นเท่าไหร่" ซี่งมีหลักจิตวิทยาที่มักจะลืมพูดกันไปคือ
"นักลงทุนที่ชอบหุ้นตัวหนี่งๆเหมือนๆกันมักจะมีอุปนิสัยคล้ายๆกัน จึงให้มูลค่าออกมาเป็นไปตามนิสัยนั้นๆ"
ทำไมหุ้นตัวหนี่งเช่น ไก่------ PE ratio ซัดเข้าไป 20 - 30 ก็ยังมีคนบอกเป็นร้อยเป็นพันว่ามันถูกอยู่ซื้อได้
ในขณะที่หุ้นขายน้ำ (ที่น้อง Jo ชอบบ่นบ่อยๆ) ร้อยวันพันปียังใงก็ขายน้ำได้ เทวดาให้น้ำมาฟรีๆทุกปีไม่ต้องไปผลิต PE ratio 10 กว่าๆนิดหน่อย บอกกันว่าเริ่มแพงแล้วนะ ทั้งๆที่ความเสี่ยงน้อยกว่าไก่ มากมายนัก ??????/?
ทั้งนี้เพราะพวกที่ซื้อหุ้นน้ำอาจจะเป็นพวก ปอดแหก แต่ พวกไก่ ชอบความท้าทายมาก High Risk = High Return
ถ้ามองในรายละเอียดจริงๆทางทฤษฎี มันจะประกอบไปด้วย ความเสี่ยงของธุรกิจ การเติบโตของกิจการ ความแข็งแกร่งของกลยุทธ หรือ Megatrends ฯลฯ
(ซี่งพวกนี้แหละเราต้องเริ่มศีกษา และ อยู่กับมัน และ ใช้เวลา ชั่วชีวิต)
ดังนั้นเราต้องเข้าใจตัวเราเองเสียก่อนว่ามีอุปนิสัยอย่างไร ก่อนที่จะเข้าไปลงทุน
ถ้าเราคิดว่า PE ratio 12-13 มันแพง ก็อย่าได้ไปซื้อหุ้นตัวนั้นที่เวลานั้น (>>> เพราะเราคิดไม่เหมือนคนอื่นๆที่ซื้อหุ้นตัวนั้นในขณะนั้นๆ ไม่นับพวกที่ชอบปั่น และ ทุบหุ้นนะครับ) เขาบอกว่า PE ratio 15 มัน OK นะในสภาวะเศรษฐกิจขณะนี้
จริงๆ PE 10 หมายถึงต้องรอถึง 10 ปีถึงจะได้ earning จากผลดำเนินงานเท่ากับเงินที่ซื้อหุ้น (สมมุติว่าหุ้นนั้นๆเติบโตได้เท่ากับ Costs ที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปี) ดังนั้น PE 12-13 ผมก็เห็นด้วยว่ามันแพงระดับหนี่งแล้ว ไม่เรียกว่าถูก ไม่ว่าจะมองในแง่มุมใหนก็ตาม
ลองไปดูหุ้นที่ PE น้อยกว่า 10 ดูซิมีอีกตั้งหลายตัว แล้วถามตัวเองว่า
1 เราชอบธุรกิจมั๊ย
2 ธรรมาภิบาล
3 การเติบโต เพียงพอต่อเป้าหมาย
4........
ถ้ายังไม่เจอสิ่งที่พอใจอีก ให้รออย่างเดียวครับ
รอวันที่เกิด Panic เมื่อตลาดใช้อารมณ์เหนือเหตุผล มันจะเป็นโอกาสให้เข้าซื้อ
หรือซื้อไปก่อน 100 - 200 หุ้น เพื่อศีกษา เมื่อถึงเวลาหุ้นถูก จะได้ทำได้อย่างรวดเร็ว และ ถูกจังหวะมากขึ้นกว่าเฝ้าดูเฉยๆครับ
- Paul Octopus
- Verified User
- โพสต์: 798
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 13
[quote="jo7393"]ผมมือใหม่อ่อนประสบการณ์ ตามมาศึกษาจากพี่หมึกพอลด้วยคนครับ [/quote]
อม ไบเบิล มาพูดก็ยังไม่เชื่อเลยครับน้อง โจ
วันนี้ไม่เข้าไปบ่น Eastw หน่อยเหรอ
อม ไบเบิล มาพูดก็ยังไม่เชื่อเลยครับน้อง โจ
วันนี้ไม่เข้าไปบ่น Eastw หน่อยเหรอ
- jo7393
- Verified User
- โพสต์: 2486
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เลือกหุ้นซักตัว ต้องดูอะไรบ้างครับ Case Study
โพสต์ที่ 14
แหม พี่พอลบอกใบ้แบบนี้ เขาก็รู้หมดสิว่าผมปอดแหก 555+ อีกหลายตัวที่ผมถือก็เข้าข่ายปอดแหกเหมือนกันครับในขณะที่หุ้นขายน้ำ (ที่น้อง Jo ชอบบ่นบ่อยๆ) ร้อยวันพันปียังใงก็ขายน้ำได้ เทวดาให้น้ำมาฟรีๆทุกปีไม่ต้องไปผลิต PE ratio 10 กว่าๆนิดหน่อย บอกกันว่าเริ่มแพงแล้วนะ ทั้งๆที่ความเสี่ยงน้อยกว่าไก่ มากมายนัก ??????/?
ทั้งนี้เพราะพวกที่ซื้อหุ้นน้ำอาจจะเป็นพวก ปอดแหก แต่ พวกไก่ ชอบความท้าทายมาก High Risk = High Return
หมดมุขจะบ่นแล้วครับ ผบหเขาเสถียรจริงๆ บ่นแค่ไหน เขาก็ไปเนิบๆของเขาไปเรื่อยๆ อย่างน้อยก็ได้ตรงความมั่นคง ถือแล้วสบายใจครับวันนี้ไม่เข้าไปบ่น Eastw หน่อยเหรอ
“ถ้าราคาหุ้นแยกออกไปจากเส้นกำไร ไม่ช้าก็เร็วมันจะวิ่งกลับไปหาเส้นกำไรเสมอ”
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด
เลือกบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม และถือมันตราบที่มันยังเป็นกิจการที่ดีอยู่
อย่าอายที่จะถาม ไม่มีใครรู้ลึกทุก บ. ถ้าไม่รู้แล้วไม่ถามก็จะยิ่งไม่ฉลาด