การแถลงผลดำเนินงานงวดปี 2547 ของปูนซิเมนต์ไทยเมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา เป็นการแถลงข่าวครั้งที่ 2 แล้วที่ชุมพล ณ ลำเลียง กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปฏิเสธที่จะอยู่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวหลังจากจบการแถลงข่าวบนเวทีตามธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติมา
"ใครจะถามอะไรผมก็ให้ถามเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพราะถ้าลงไปแล้วผมมีธุระจะต้องออกไปเลย"
ประโยคนี้ของชุมพลทำเอากลุ่มผู้สื่อข่าวทยอยยิงคำถามให้เขาตอบอย่างต่อเนื่อง โดยมีกานต์ ตระกูลฮุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ คอยสนับสนุนข้อมูลให้ในบางจังหวะ และเมื่อจบจากการแถลงข่าวแล้วชุมพลก็ทำตามที่พูดไว้ ด้วยการเดินออกจากห้องแถลงข่าวทันที แม้ผู้สื่อข่าวบางคนจะรีบตามประชิดตัวเพื่อหวังยิงคำถามพิเศษ แต่ก็ถูกปัดด้วยคำตอบว่า "มีอะไรให้ถามคุณกานต์"
ชุมพลเพิ่งเริ่มเลี่ยงการตอบคำถามนอกรอบกับผู้สื่อข่าวตั้งแต่เมื่อครั้งการแถลงผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 โดยมอบหมายให้กานต์รับหน้าที่นี้แทนเป็นครั้งแรก ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรสำหรับเขา เพราะก่อนหน้านี้กานต์รับหน้าที่ดูแลสายงานบริหารกลาง คุมฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่มีหน้าที่ต้องติดต่อกับสื่อมวลชนอยู่แล้ว
ว่ากันว่าการเปิดโอกาสให้กานต์ต้องปะทะสังสรรค์กับผู้สื่อข่าวโดยตรง เป็นเสมือนบทเรียนสำคัญบทเรียนหนึ่งสำหรับ การขึ้นเป็น CEO ของปูนซิเมนต์ไทยในอนาคต หลังจากก่อนหน้านี้ กานต์ซึ่งดูแลฝ่ายการเงินอยู่ด้วย ต้องมีหน้าที่หลักในการตอบคำถามนักวิเคราะห์และนักลงทุน ในฐานะ CFO ของบริษัท
สำหรับผลดำเนินงานปี 2547 ที่แถลงออกมาในวันนั้นก็ดูเหมือนจะช่วยสร้างบรรยากาศที่เอื้อให้กานต์พร้อมจะตอบคำถามผู้สื่อข่าวได้ดีอีกด้วย เนื่องจากเครือซิเมนต์ไทยมีผลกำไรที่ดีเป็นประวัติการณ์ สาเหตุจากผลดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจดีขึ้นมาก โดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมี ที่ราคาผลิตภัณฑ์ทั้งโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนทำให้ยอดขายรวมของปูนซิเมนต์ไทยและบริษัทย่อยมีจำนวนถึง 192,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 29% คิดเป็นกำไรสุทธิ 36,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% จากปีก่อนหน้า
ผลการดำเนินงานที่ดีเช่นนี้เอง คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้จ่ายเงินปันผลจากผลดำเนินงานปี 2547 ในอัตราหุ้นละ 15 บาท โดยได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตราหุ้นละ 5.50 บาท คงเหลือที่จะจ่ายอีกหุ้นละ 9.50 บาท โดยจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 7 เมษายน และจะจ่ายในวันที่ 19 เมษายนนี้
ส่วนผลดำเนินงานในปีนี้ ชุมพลระบุว่าน่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี แต่จะไม่หวือหวาอย่างปีที่ผ่านมาอีกแล้ว โดยเขาคาดว่า ธุรกิจปิโตรเคมีและกระดาษจะมีอัตราการขยายตัวประมาณ 7-9% ขณะที่ธุรกิจวัสดุก่อสร้างจะมีโอกาสขยายตัวได้ราว 10%
.......................................................................................
มองวัสดุก่อสร้างโต 10% สวนทางกับราคาน้ำมันเลยนะเนี่ย
