มั่งคั่งด้วยหุ้น ลงทุนอย่างมีคุณค่า

[stemcell]

อยากเพิ่มเติมว่า บางครั้งรู้เท่าที่มี แต่ชำนาญ ก็เพียงพอแล้วนะครับ

การรู้จนชำนาญ บนเหตุผลตามความเป็นจริง ยากมากมาย
ฝนมักจะทำได้ไม่ดี เพราะปัญหาคือ การยึดติดในสิ่งที่คิด ภาพมักจะออกมา bias

ตอนนี้ตลาดแดงบ้างเหลืองบ้างเขียวบ้าง
ทำให้ฝนได้มีเวลามานั่งคิดอะไรมากมาย
บางครั้งนอกจากการคิดถึง upside ของหุ้นแล้ว
การคิดถึง down side ของหุ้นและการรักษาตัวเองให้อยู่ในตลาดโดยไม่บาดเจ็บหนักและไม่ตาย
อาจจะสำคัญไม่แพ้กันค่ะ

นอกจากการเลือกหุ้นแล้ว การบริหารอารมณ์ เป็นเรื่องสำคัญมาก
ฝนพยายามไม่ให้ให้ภาพของตลาดมาทำให้ต้องยึดติดกับความคิดของตัวเอง
ในตลาดหุ้นแห่งนี้ ยังมีเพื่อนๆมากมาย ฝนเชื่อว่าถ้าฟังเยอะๆแล้วซักวันคงจะเก่งเอง

พี่ท่านหนึ่งในเวป มักจะบอกเสมอว่า "มีความสุขกับการลงทุน"
ฝนก็พยายามทำอยู่นะคะ ^^

ยินดีด้วยครับที่รู้จักตัวเอง ขอให้กำไรอย่างพอเพียง และ ขาดทุนอย่างพอเพียงครับ

[jek ae]

มีความสุขกับการลงทุน ชอบครับกับนิยามนี้

เปรียบเหมือนเราเลือกทางเดินเป็นนักลงทุน ก็ควรจะต้องมีทัศนคติที่ดีต่อเส้นทางเดินที่เราได้เลือกไว้

[erickiros]

+3 ให้หมอฝนครับ

[noooon010]

นำเพลงมาฝากครับ น่าจะเหมาะกับวันศุกร์ ที่คนส่วนใหญ่มักจะสุขใจเพราะได้พักผ่อนแล้วนะครับ

http://www.youtube.com/watch?v=fTZ4qxX-DVw

มีความสุขกับการพักผ่อนนะครับผม

[Fon^^]

ยินดีด้วยครับที่รู้จักตัวเอง ขอให้กำไรอย่างพอเพียง และ ขาดทุนอย่างพอเพียงครับ

เอ่อ... ขอรับคำอวยพรครึ่งเดียวพอนะคะ เอาเฉพาะ กำไร ไม่เอาขาดทุนได้รึเปล่าคะ ฮาๆๆๆ

มีความสุขกับการพักผ่อนนะครับผม

พี่หมอนุ่นสวัสดีค่ะ

คนนี้เลย เจ้าของคำพูด " มีความสุขกับการลงทุน"

[Paul VI]

นำเพลงมาฝากครับ น่าจะเหมาะกับวันศุกร์ ที่คนส่วนใหญ่มักจะสุขใจเพราะได้พักผ่อนแล้วนะครับ

http://www.youtube.com/watch?v=fTZ4qxX-DVw

มีความสุขกับการพักผ่อนนะครับผม

ฟังแล้วเย็นๆ ใจเลยครับ

มีความสุขขึ้นอีกเยอะเลยครับ

[stemcell]

ยินดีด้วยครับที่รู้จักตัวเอง ขอให้กำไรอย่างพอเพียง และ ขาดทุนอย่างพอเพียงครับ

เอ่อ... ขอรับคำอวยพรครึ่งเดียวพอนะคะ เอาเฉพาะ กำไร ไม่เอาขาดทุนได้รึเปล่าคะ ฮาๆๆๆ


อยากอวยพรให้เฉพาะครึ่งแรกนะครับ แต่โลกแห่งความจริง มีทั้งสว่างและมืดสลับกันไป มีกำไรแต่ไม่มีขาดทุนจึงเป็นไปไม่ได้ แต่ให้ขาดทุนอย่างพอเพียง โดยใช้ margin of safety , risk management , money management เป็นแนวคิดนะครับ

ปล. อวยพรล่วงหน้าให้ในวันวาเลนไทน์ 14 กพ. 2554 55555+

[sorn adis]

ยินดีด้วยครับที่รู้จักตัวเอง ขอให้กำไรอย่างพอเพียง และ ขาดทุนอย่างพอเพียงครับ

เอ่อ... ขอรับคำอวยพรครึ่งเดียวพอนะคะ เอาเฉพาะ กำไร ไม่เอาขาดทุนได้รึเปล่าคะ ฮาๆๆๆ


อยากอวยพรให้เฉพาะครึ่งแรกนะครับ แต่โลกแห่งความจริง มีทั้งสว่างและมืดสลับกันไป มีกำไรแต่ไม่มีขาดทุนจึงเป็นไปไม่ได้ แต่ให้ขาดทุนอย่างพอเพียง โดยใช้ margin of safety , risk management , money management เป็นแนวคิดนะครับ

ปล. อวยพรล่วงหน้าให้ในวันวาเลนไทน์ 14 กพ. 2554 55555+

คุณหมอ stemcell ช่วยกรุณาให้ความรู้ตรงแนวคิดการจัดการการขาดทุนอย่างพอเพียง
ด้วย risk management , money management หน่อยได้ไหมครับ

ขอบคุณครับ

[Paul VI]

ช่วงนี้ต้องขอเอาข้อความนี้มาเตือนใจตัวเองและเพื่อนๆชมรมหมอ VI ไว้

1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่

[jek ae]

ช่วงนี้ต้องขอเอาข้อความนี้มาเตือนใจตัวเองและเพื่อนๆชมรมหมอ VI ไว้

1 ซื้อหุ้นของกิจการที่ดี
2 มีกำไรต่อเนื่องไปในอนาคต
3 ซื้อในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของกิจการ
4 ผู้บริหารมีคุณธรรมและความสามารถ
5 และถือมันไว้ ตราบที่มันยังเป็นธุรกิจที่ดีอยู่

ข้อ 4 นี่ screen ลำบากครับ สมัยนี้ บางทีผมเองยังต้องหยวนๆบ้าง ถ้า อีก 4 ข้อที่เหลือมันเข้าตาเหลือเกิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การขาดคุณสมบัติในข้อนี้ทำให้ต้องเผื่อ mos มากไปอีกครับ

[gongphop]

ข้อ 4 นี่ screen ลำบากครับ สมัยนี้ บางทีผมเองยังต้องหยวนๆบ้าง ถ้า อีก 4 ข้อที่เหลือมันเข้าตาเหลือเกิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การขาดคุณสมบัติในข้อนี้ทำให้ต้องเผื่อ mos มากไปอีกครับ[/quote]

ช่วงนี้ข้อ 4 กำลังเป็น hot issue เลยครับ

[jek ae]

ข้อ 4 นี่ screen ลำบากครับ สมัยนี้ บางทีผมเองยังต้องหยวนๆบ้าง ถ้า อีก 4 ข้อที่เหลือมันเข้าตาเหลือเกิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การขาดคุณสมบัติในข้อนี้ทำให้ต้องเผื่อ mos มากไปอีกครับ

ช่วงนี้ข้อ 4 กำลังเป็น hot issue เลยครับ [/quote]


กรณีของ หุ้นเบาะหนังนี่ แกทำข้อ4 ติดลบจนข้ออื่นๆแทบไม่ต้องเอามาพิจารณาเลยครับ ต้องยอมรับว่าธุรกิจตัวไหนถ้าผบห.เป็นหุ้นใหญ่ด้วย การที่มีการซื้อขายหุ้นด้วยไม่ใช่เรื่องแปลกครับ แต่การปกปิดแบบกรณีนี้มันก็เกินไปหน่อย เห็นใจแทนผู้ถือหุ้นจริงๆ

[Paul VI]

อยากอวยพรให้เฉพาะครึ่งแรกนะครับ แต่โลกแห่งความจริง มีทั้งสว่างและมืดสลับกันไป มีกำไรแต่ไม่มีขาดทุนจึงเป็นไปไม่ได้ แต่ให้ขาดทุนอย่างพอเพียง โดยใช้ margin of safety , risk management , money management เป็นแนวคิดนะครับ

ปล. อวยพรล่วงหน้าให้ในวันวาเลนไทน์ 14 กพ. 2554 55555+

ชอบครับ

[Paul VI]

มีนิทานเรื่องหนึ่งมาฝากพวกเรา และเป็นกำลังใจให้ เวลาเจอพวกที่ชอบติ แต่ไม่สร้างสรรค์

มีเรื่องเล่าว่า มีชายคนหนึ่ง ชาวบ้านต่างพากันเรียกเขาว่า "นายช่าง" การเป็นช่างของนายคนนี้ มิใช่ช่างไม้ ช่างปูน หรือว่าช่างเครื่องยนต์ แต่เป็น "ช่างติ" คือเขาเป็นคนมีพรสวรรค์ในการติเรียกว่าเป็นเอตะทัคคะในทางติเลยทีเดียว เขาเห็นอะไรก็สามารถติได้ทั้งนั้นเหมือนกับที่โบราณกล่าวไว้ว่า
ช่างกลึงพึ่งช่างชัก
ช่างสลักพึ่งช่างเขียน
ช่างรู้พึ่งช่างเรียน
ช่างติเตียนไม่ต้องพึ่งใคร
ต่อมา ชาวบ้านพากันคิดว่า น่าจะจัดให้มีการประลองความสามารถในการติของนายคนนี้ ลองดูสิว่าเขาจะติได้ทุกอย่างหรือเปล่า มีผู้เสนอว่าให้เชิญช่างปั้นพระที่ชาวบ้านนิยมยกย่องว่าฝีมือเยี่ยมมาปั้นพระ แล้วให้นายช่างติมาติลองดูซิว่า เขาจะหาที่ติได้หรือเปล่า
เมื่อตกลงกันอย่างนี้แล้ว ชาวบ้านได้ไปเชิญช่างปั้นพระมาแล้วบอกวัตถุประสงค์ให้ทราบ ช่างปั้นพระออกแบบพระและปั้นพระอย่างประณีตบรรจงเรียกว่าปั้นอย่างสุดความสามารถเลยทีเดียว เมื่อการปั้นพระเสร็จ เรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านต่างก็ชมเป็นเสียงเดียวกันว่า พระองค์นี้งามหาที่ติไม่ได้ แล้วให้ไปเชิญนายช่างติมาติพระ เมื่อนายช่างติมาเห็นพระถึงกับตะลึง เพราะพระพุทธรูปองค์นี้งามจริงๆ เขาพิจารณาพระพุทธรูปอย่างละเอียด แต่ก็หาที่ติไม่พบ เขาเกือบจะยอมแพ้ สุดท้ายนายช่างติก็เอ่ยขึ้นนมาว่า
"พระพุทธรูปองค์นี้งามจริงๆ พุทธลักษณะถูกต้องทุกประการ แต่..."
"แต่...อะไร" เสียงชาวบ้านถามออกมาพร้อมๆ กัน
"มีที่เสียอยู่นิดหนึ่ง" ช่างติพูดเบาๆ
"เสียตรงไหน" ชาวบ้านถาม
"พระพุทธรูปองค์นี้สวยงามทุกอย่าง เสียอย่างเดียว คือ พูดไม่ได้" นายช่างติตอบหน้าตาเฉย
ชาวบ้านได้ยินดังนั้นก็พากันนิ่งเงียบหมด ไม่คิดว่าจะแพ้ช่างติแบบง่ายๆ อย่างนี้ ต่างก็นึกชมว่านายช่างติคนนี้เก่งจริงๆ สามารถหาที่ติพระพุทธรูปองค์นี้จนได้
อยู่มาวันหนึ่ง นายช่างติไปนอนเล่นอยู่ใต้ต้นมะม่วง เขามองขึ้นไปบนต้นมะม่วงเห็นลูกมะม่วงเต็มต้นไปหมด พลางแกก็นึกตำหนิพระเจ้าผู้สร้างต้นมะม่วงขึ้นมาว่า
"แหม! พระเจ้านี้ช่างโง่เสียจริงๆ สร้างอะไรขึ้นมาไม่เห็นจะสมดุลกันเลย ดูสิมะม่วงต้นออกใหญ่โต กลับสร้างลูกเล็กนิดเดียว ส่วนแตงโมต้นเล็กนิดเดียวกลับสร้างให้ลูกใหญ่อย่างกับบาตรพระ พระเจ้านี่ช่างโง่เสียจริงๆ นี่ถ้าเราเป็นพระเจ้านะ จะสร้างให้ต้นมะม่วงมีลูกโตๆ ส่วนแตงโมจะให้มีผลเล็กๆ จะได้สมดุลกัน"
ในขณะที่กำลังวาดวิมานอยากจะเป็นพระเจ้าอยู่เพลินๆ นั้น ลมหน้าร้อนก็พัดมาวูบหนึ่ง ทันใดนั้น มะม่วงลูกหนึ่งก็หล่นลงบนหน้าผากนายช่างติพอดี นายช่างติถึงกับตาลาย มองเห็นดาวระยิบระยับ หน้าผากบวมปูดออกมาขนาดผลมะนาว เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ นายช่างติก็คิดได้ว่า
"โอ้ ...พระเจ้าสร้างถูกแล้ว"
"นี่ถ้าพระเจ้าฉลาดอย่างที่เราคิด สร้างให้มะม่วงลูกใหญ่เท่าบาตรพระ ป่านนี้หัวเราคงไม่แหลกไปแล้วหรือนี่ ดีนะที่พระเจ้าไม่ฉลากอย่างที่เราคิด..."
นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า ผู้ที่เก่งแต่คอยจับผิดผู้อื่น โดยไม่ดูตัวเองนั้น วันหนึ่งเขาจะประสบสิ่งที่ทำให้เขาต้องเสียใจอย่างที่สุด

บางครั้งสิ่งที่คนบางคน เค้าทำความดีเพื่อส่วนรวม ตัวเองไม่ได้ช่วย

กลับชอบติ ชอบวิจารณ์ เข้าทำนอง มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ

ก็ไม่มีอะไร เพียงแต่มี น้องคนหนึ่งที่ทุ่มเททำงานเพื่อส่วนรวม แต่มีคนมาวิจารณ์ต่างๆนาๆ

คนมันก็ไม่ใช่ พระอิฐ พระปูน โดนบ่อยๆ มันก็เซ

ก็เลยมาบอก มากล่าวก็เท่านั้น

[Paul VI]

จะบอกว่าชีวิต เราก็เจอพวกนี้เยอะ

พวกมือไม่พาย แต่เอาเท้าราน้ำ เนี่ย


ทำคนดีๆหลายคน หมดกำลังใจทำงานไปเยอะ

[reiter]

"แม้แต่องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา"

เมื่อก่อนผมเคยเป็นคนที่ sensitive กับการถูกนินทาว่าร้ายมาก เวลาถูกใครพูดถึงในทางไม่ดีจะเป็นทุกข์เป็นร้อนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นทุกข์ตลอด

ผมเคยเอาความข้อนี้ไปปรึกษาอาจารย์ในทางธรรมของผม ท่านบอกว่าอัตตาผมมันสูง เวลามีใครมาดูหมิ่นมันเลยเป็นเดือดเป็นแค้นซะมาก

ท่านให้หลักปฎิบัติผมง่ายๆว่า เวลามีปัญหาแบบนี้ให้ผมพิจารณาว่า สิ่งที่เค้าว่าร้ายเรา มันจริงหรือไม่ ถ้าจริงเราก็น้อมรับคำติเตียนกลับไปปรับปรุงแก้ไข

แต่หากสิ่งที่เค้ากล่าวหามันไม่จริง ทุกอย่างที่เรากระทำ เรากระทำด้วยเจตนาที่ดีและบริสุทธิ์ เราก็วางเฉยเสีย อย่าไปสนใจกับคำพูดเหล่านั้น หากวางเฉยไม่ได้เพราะเจ้าอัตตามันร้อนรนอยู่ข้างใน ก็ให้ภาวนา ดูจิตและติดตามอารมณ์มันไป แล้วสักพักมันจะดับไปเอง

[Paul VI]

ครับ หมอแป๊ะ

ที่มีปัญหาอีกอย่างคือ คนบางคนที่เค้าคอยติ คนอื่น

ก็เพราะ เค้าก็มีอัตตาเยอะเหมือนกันครับ

เพียงแต่เราก็คิดซะว่า เราเปลี่ยนใครไม่ได้ นอกจากเปลี่ยนที่ความคิดตัวเราเอง

ก็ค่อยจะสบายใจครับ

พูดตรงๆ คนที่เค้าติ คนนั้นคนนี้ บางทีเค้าก็ไม่รู้ตัวหรอกครับ หมอแ๊ป๊ะ

[Paul VI]

กลับมาเรื่องการลงทุนต่อดีกว่า

สัมภาษณ์เรื่องของ moneytalk และประวัติชีวิต ของดร.ไพบูลย์

มี 2 ตอน ชื่อ กูรู มันนี่ทอล์ค

ออกอากาศ อังคาร 15 และพฤหัส 17 กพ

เวลา 4 ทุ่ม ที่ช่อง TNN 2



ฉายซ้ำ พุธ ศุกร์ 8โมงเช้าครับ

http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f ... 37#p778437

[stemcell]

คุณหมอ stemcell ช่วยกรุณาให้ความรู้ตรงแนวคิดการจัดการการขาดทุนอย่างพอเพียง
ด้วย risk management , money management หน่อยได้ไหมครับ

ขอบคุณครับ

คุณ 2BOK ครับ ผมขอไปเรียบเรียงความคิดก่อนนะครับ งานเข้า 55555+

[Paul VI]

คุณหมอ stemcell ช่วยกรุณาให้ความรู้ตรงแนวคิดการจัดการการขาดทุนอย่างพอเพียง
ด้วย risk management , money management หน่อยได้ไหมครับ

ขอบคุณครับ

คุณ 2BOK ครับ ผมขอไปเรียบเรียงความคิดก่อนนะครับ งานเข้า 55555+

มาปูเสื่อรอฟังความรู้ หมอ stemcell :lol:

[Paul VI]

แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไป

ชีวิตต้องเดินไปข้างหน้า ต่อไป และต่อไป

Life is a Journey...

[erickiros]

รอฟังพี่หมอ stemcell ด้วยคนครับ

[Fon^^]

เข้ามานั่งรอเรียนของพี่หมอ stemcell ด้วยคนค่ะ ^^

[jek ae]

อยากขอความรู้เรื่อง risk management ด้วยครับ

ในนิยายจีนกำลังภายในมีคำกล่าวไว้ว่า ใช้การรับ แทนการรุก แต่ส่วนตัวผมยังเชื่อว่า การตั้งรับที่รัดกุมเหนือกว่ากระบวนท่ารุกใดๆทั้งปวง

[Paul VI]

[quote="jek ae"]
ในนิยายจีนกำลังภายในมีคำกล่าวไว้ว่า ใช้การรับ แทนการรุก แต่ส่วนตัวผมยังเชื่อว่า การตั้งรับที่รัดกุมเหนือกว่ากระบวนท่ารุกใดๆทั้งปวง[/quote]

คมกริบ

[jek ae]

ในนิยายจีนกำลังภายในมีคำกล่าวไว้ว่า ใช้การรับ แทนการรุก แต่ส่วนตัวผมยังเชื่อว่า การตั้งรับที่รัดกุมเหนือกว่ากระบวนท่ารุกใดๆทั้งปวง[/quote]

คมกริบ

ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ต้องใช้คำว่า "เหลือขุนเขาแมกไม้ มิต้องวิตกไร้ฟืนไฟ" แปลว่า มีเงินสดอยู่ข้างนอกบ้างจะได้ซื้อของถูก

ถ้าเอาแบบมาม่าชามล่าสุด ก็ต้อง "วิญญูชนล้างแค้น 10ปียังไม่สาย"

แต่สำหรับผมสงสัยเป็นพวก "มิเห็นโลงศพ มิหลั่งน้ำตา"

[Paul VI]

ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ต้องใช้คำว่า "เหลือขุนเขาแมกไม้ มิต้องวิตกไร้ฟืนไฟ" แปลว่า มีเงินสดอยู่ข้างนอกบ้างจะได้ซื้อของถูก

ถ้าเอาแบบมาม่าชามล่าสุด ก็ต้อง "วิญญูชนล้างแค้น 10ปียังไม่สาย"

แต่สำหรับผมสงสัยเป็นพวก "มิเห็นโลงศพ มิหลั่งน้ำตา"

คมกริบ บาดใบหูรอบ 2

ช่วงนี้ต้อง น้ำลดตอผุด

เหมือน หุ้นที่ ชื่อ ซ่อนอย่างเหนือชั้น แกเล่น Hide สุดๆ :lol:

[stemcell]

เนื่องจากเรียบเรียงได้พอสมควร ขอเขียนเป็นหลายตอนสั้นๆนะครับ

กำไรพอเพียง ขาดทุนพอเพียง

มี keyword อยู่ที่คำว่าพอเพียง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจาก หลักศาสนาพุทธว่าด้วย "ทางสายกลาง" + "การประมาณตน" และปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โดยมีนัยซ่อนไว้เป็นแนวคิดว่า "ตลาดหุ้น กิจการ และราคาหุ้นเป็นสิ่งไม่แน่นอน ไม่มีใครรู้อนาคต ดังนั้นเราจึงไม่สามารถทำกำไรได้สูงสุด และ เราไม่สามารถทนการขาดทุนได้ครั้งละมากๆ หรือ ทนการขาดทุนปริมาณน้อยแต่บ่อยเกินไป" โดยอ้างอิงมาจากหลักการและแนวคิดต่างๆดังนี้
1. ศาสนาพุทธ เช่น หลักไตรลักษณ์ ( อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา )
2. ลัทธิเต๋า เช่น ธรรมชาติ หยิน หยาง
3. ทฤษฏีทางเศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และพฤติกรรมของมนุษย์ เช่น critical mass , reflexivity , game theory
4. ทฤษฏีตลาดทุน
5. ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์การพนัน
6. กำลังภายในและตำราพิชัยสงคราม เช่น รู้เขา รู้เรา , กลยุทธ์แรก ( หนี )
เอามายำใหญ่เป็นแกงโฮ๊ะ.............. 55555+

แต่เราสามารถบริหารจัดการได้โดยใช้หลักต่างๆ เช่น money management , risk management , margin of safety และ process กระบวนการคิดแก้ไขปัญหาใช้หลัก PDCA ( plan do check act ) วงจรคุณภาพ

เริ่มต้นเอาตรงนี้ก่อน ค่อยตามตอนต่อไป ( discuss ได้เต็มที่ เพื่อแลกเปลี่ยนกันนะครับ )

[stemcell]

ตอน2 money management ก่อนลงทุน
เมื่อเรามีงาน มีรายได้ มีรายจ่าย จะต้องมีรายได้มากกว่ารายจ่าย จึงจะออม ทำประกันความเสี่ยง(ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ )และ ลงทุนได้ ถ้ายังออมไม่ได้ต้องเพิ่มรายได้ หรือ ลดรายจ่าย หรือลงทุนเพิ่มโดยใช้เงินผู้อื่น เช่น กู้แบงค์

เมื่อเราออม ทำประกันความเสี่ยงแล้วจึงลงทุน โดยแบ่งสัดส่วนการลงทุนตามนิสัย ตามการรับได้ความเสี่ยงในการลงทุน และ style ไม่ว่าจะเป็นเงินสด ( อย่างน้อย 6 เดือนของค่าใช้จ่าย / เดือน .... แล้วแต่ละคน) + หุ้น + ทอง + ที่ดิน + ตราสารหนี้ ........... ข้อนี้หาอ่านได้ทั่วไปนะครับ ( wealth management )

บางคนรับความเสี่ยงมากก็ลงหุ้นเยอะ รับความเสี่ยงน้อยก็ถือเงินสด + ตราสารหนี้เยอะ ข้อนี้ถือว่าสำคัญในเรื่อง "รู้จักตนเอง และ การประมาณตน" + "รู้เขา " ถ้ารู้น้อย ก็ลงทุนน้อยๆก่อน ถ้ารู้มากขึ้นค่อยลงทุนมากขึ้น และ การลงทุนในความรู้ เรียนรู้ต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด ก็เป็นส่วนหนึ่งของ risk management

ดังนั้นคนที่ " ไม่รู้จักตนเอง + ลงทุนโดยไม่รู้ + ไม่ได้บริหารจัดการเงินเบื้องต้นก่อนการลงทุน ( กู้หนี้ยืมสิน ) " จึงมีโอกาส ขาดทุนเกินพอเพียง

ค่อยๆทยอยเขียนนะครับ บางทีไม่ว่างอาจทำให้ไม่ต่อเนื่อง

[kotaro]

เข้ามาเก็บเกี่ยวความรู้ด้วยคนครับ ขอบคุณพี่ stemcell ด้วยครับ

Happy Valentine's day ทุกท่านครับ