รบกวนถามพี่ๆที่เรียน MBA หน่อยน่ะครับ
- poonpoon7
- Verified User
- โพสต์: 346
- ผู้ติดตาม: 0
รบกวนถามพี่ๆที่เรียน MBA หน่อยน่ะครับ
โพสต์ที่ 1
ผมกำลังสนใจ MBA: marketing ครับ แล้วก็ได้ลองศึกษา Porter's five forces modelดูคร่าวๆ
ผมก็พอจะเข้าใจเนื้อหาบ้าง แต่รบกวนพี่ๆช่วยอธิบายเพิ่มเติมคร่าวๆและยกตัวอย่าง ของ Credible forward integration threat by supplier/ Credible backward integration threat by purchasers ให้ผมหน่อยน่ะครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
ผมก็พอจะเข้าใจเนื้อหาบ้าง แต่รบกวนพี่ๆช่วยอธิบายเพิ่มเติมคร่าวๆและยกตัวอย่าง ของ Credible forward integration threat by supplier/ Credible backward integration threat by purchasers ให้ผมหน่อยน่ะครับ
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ
"Value has a value only if its value is valued"
- Ii'8N
- Verified User
- โพสต์: 3682
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามพี่ๆที่เรียน MBA หน่อยน่ะครับ
โพสต์ที่ 3
"backward" /"forward" ให้ดู procedure ของ supply chain (ไม่อยากแปลว่าห่วงโซ่อุปทาน ฟังดูจั๊กจี้)
Credible forward integration threat by supplier:
ภาษาปาก มันก็คือรวมหัวของผู้ค้าหรือการควบรวมกิจการปบีบคอคนซื้อนั่นเอง
Supplier รายใหญ่ที่ขายของให้เรา อาจจะจะมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นเหนือเราหรือเหนือตลาดเลยก็ได้ (เราฐานะเป็นผู้ซื้อ) การควบรวมกิจการของผู้ขายให้จำนวนผู้ผลิตในตลาดน้อยลง (แล้วตั้งราคาตามใจชอบง่ายกว่าเดิม) หรือการรวมหัวกันของ Supplier เพื่อต่อรองราคาขายให้เราเป็นโทษต่อเรา
ถ้่ารวมกันจนใหญ่มาก อาจเข้าข่ายผูกขาด คนซื้อไม่รู้จะเอาราคาที่ไหนมาเปรียบเทียบแข่งไล่บี้ราคาเหมือนเดิม
Case ดังในอดีต: Standard Oil (Ohio USA) ไล่ทำสัญญา "trust" และเข้าไปถือหุ้นกับบริษัทน้ำมันเล็กๆ ทั่วไปจนเป็นเครือข่ายโยงใย จนกำหนดราคาขายได้ตามใจชอบและตั้ง trust ... (กฎหมายป้องกันการผูกขาดของอเมริกา เลยชื่อว่า Antitrust act)
Case ที่ยังมีอิทธิพลอยู่: OPEC รวมหัวกัน ตั้งราคาขาย จนมีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันทั่้วโลก เราทั้งในฐานะบุคคล และในฐานะไทย...อยู่ในฐานะผู้บริโภคประเทศเล็กๆ ผลิตน้ำมันไม่ได้จะเอาอะไรไปต่อรอง
เหตุการณ์ปัจจุบัน ที่บริษัท online กำลังกลัว: Google ซึ่งเป็นเจ้าตลาดโฆษณา Online อยู่แล้ว ไล่ซื้อกิจการอื่น เช่น DoubleClick และยังคอยจับตาซื้อกิจการดีๆ อยู่อีก อนาคตอาจครอบตลาดโฆษณา Cyber Media ได้
สหภาพแรงงานอาจเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง สินค้าที่เขา supply ให้ผู้ซื้อคือแรงงาน (มีอำนาจต่อรองมากแค่ไหน ไปถามรัฐวิสาหกิจดู!)
Credible backward integration threat by purchasers:
คำว่า "backward" ก็กลับไปมุ่งด้านกลับ ถ้ามองลำดับของ supply chain
ผู้ซื้อรายใหญ่จะมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นต่อคนขาย อย่างที่คุณ โอ@ ยกตัวอย่างข้างล่าง
นอกจากนี้มี Case จริงหลากหลาย ที่เกิดมานานพอควรแล้ว แต่ร่องรอยยังคงอยู่ปัจจุบัน
- เกิดการแข่งขันระหว่างช้างกับสิงห์ เกิดการกว้านซื้อขวดเบียร์ในตลาดไปทุบทิ้งเพื่อให้ขาดตลาด ช้างเข้าไป take over BJC เพราะเป็น purchaser ที่มีอำนาจซื้อสูง ต้องการเก็บ supplier ไว้กับตัว
- กลุ่มชิน อาจเคยมี Media Agency หลายรายทำโฆษณา พอสักพักงานโฆษณาเยอะขึ้น เลยซื้อบริษัท Match Box มาทำให้ตัวเองเลย
- กลุ่ม Central ทำศูนย์ Logistics ครบวงจร (Integration) เองเลย เพื่อลดต้นทุนแทนที่จะไปจ้างคนอื่น กำไรวนอยู่ในกระเป๋า (เห็นบอกว่า ลดต้นทุนได้ 15%-20%) เอาไอทีและระบบ RFID มาใช้ด้วย
เป็น threat กับเรา ถ้าเราเป็นบริษัท Logistics เคยทำให้ Central group
ข้อมูลแหล่งอื่น
เขายกตัวอย่างในด้านตรงข้ามให้เห็นด้วย http://www.quickmba.com/strategy/porter.shtml
Credible forward integration threat by supplier:
ภาษาปาก มันก็คือรวมหัวของผู้ค้าหรือการควบรวมกิจการปบีบคอคนซื้อนั่นเอง
Supplier รายใหญ่ที่ขายของให้เรา อาจจะจะมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นเหนือเราหรือเหนือตลาดเลยก็ได้ (เราฐานะเป็นผู้ซื้อ) การควบรวมกิจการของผู้ขายให้จำนวนผู้ผลิตในตลาดน้อยลง (แล้วตั้งราคาตามใจชอบง่ายกว่าเดิม) หรือการรวมหัวกันของ Supplier เพื่อต่อรองราคาขายให้เราเป็นโทษต่อเรา
ถ้่ารวมกันจนใหญ่มาก อาจเข้าข่ายผูกขาด คนซื้อไม่รู้จะเอาราคาที่ไหนมาเปรียบเทียบแข่งไล่บี้ราคาเหมือนเดิม
Case ดังในอดีต: Standard Oil (Ohio USA) ไล่ทำสัญญา "trust" และเข้าไปถือหุ้นกับบริษัทน้ำมันเล็กๆ ทั่วไปจนเป็นเครือข่ายโยงใย จนกำหนดราคาขายได้ตามใจชอบและตั้ง trust ... (กฎหมายป้องกันการผูกขาดของอเมริกา เลยชื่อว่า Antitrust act)
Case ที่ยังมีอิทธิพลอยู่: OPEC รวมหัวกัน ตั้งราคาขาย จนมีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันทั่้วโลก เราทั้งในฐานะบุคคล และในฐานะไทย...อยู่ในฐานะผู้บริโภคประเทศเล็กๆ ผลิตน้ำมันไม่ได้จะเอาอะไรไปต่อรอง
เหตุการณ์ปัจจุบัน ที่บริษัท online กำลังกลัว: Google ซึ่งเป็นเจ้าตลาดโฆษณา Online อยู่แล้ว ไล่ซื้อกิจการอื่น เช่น DoubleClick และยังคอยจับตาซื้อกิจการดีๆ อยู่อีก อนาคตอาจครอบตลาดโฆษณา Cyber Media ได้
สหภาพแรงงานอาจเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง สินค้าที่เขา supply ให้ผู้ซื้อคือแรงงาน (มีอำนาจต่อรองมากแค่ไหน ไปถามรัฐวิสาหกิจดู!)
Credible backward integration threat by purchasers:
คำว่า "backward" ก็กลับไปมุ่งด้านกลับ ถ้ามองลำดับของ supply chain
ผู้ซื้อรายใหญ่จะมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นต่อคนขาย อย่างที่คุณ โอ@ ยกตัวอย่างข้างล่าง
นอกจากนี้มี Case จริงหลากหลาย ที่เกิดมานานพอควรแล้ว แต่ร่องรอยยังคงอยู่ปัจจุบัน
- เกิดการแข่งขันระหว่างช้างกับสิงห์ เกิดการกว้านซื้อขวดเบียร์ในตลาดไปทุบทิ้งเพื่อให้ขาดตลาด ช้างเข้าไป take over BJC เพราะเป็น purchaser ที่มีอำนาจซื้อสูง ต้องการเก็บ supplier ไว้กับตัว
- กลุ่มชิน อาจเคยมี Media Agency หลายรายทำโฆษณา พอสักพักงานโฆษณาเยอะขึ้น เลยซื้อบริษัท Match Box มาทำให้ตัวเองเลย
- กลุ่ม Central ทำศูนย์ Logistics ครบวงจร (Integration) เองเลย เพื่อลดต้นทุนแทนที่จะไปจ้างคนอื่น กำไรวนอยู่ในกระเป๋า (เห็นบอกว่า ลดต้นทุนได้ 15%-20%) เอาไอทีและระบบ RFID มาใช้ด้วย
เป็น threat กับเรา ถ้าเราเป็นบริษัท Logistics เคยทำให้ Central group
ข้อมูลแหล่งอื่น
เขายกตัวอย่างในด้านตรงข้ามให้เห็นด้วย http://www.quickmba.com/strategy/porter.shtml
- nephilim
- Verified User
- โพสต์: 73
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามพี่ๆที่เรียน MBA หน่อยน่ะครับ
โพสต์ที่ 4
Ii'8N เขียน:"backward" /"forward" ให้ดู procedure ของ supply chain (ไม่อยากแปลว่าห่วงโซ่อุปทาน ฟังดูจั๊กจี้)
Credible forward integration threat by supplier:
ภาษาปาก มันก็คือรวมหัวของผู้ค้าหรือการควบรวมกิจการปบีบคอคนซื้อนั่นเอง
Supplier รายใหญ่ที่ขายของให้เรา อาจจะจะมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นเหนือเราหรือเหนือตลาดเลยก็ได้ (เราฐานะเป็นผู้ซื้อ) การควบรวมกิจการของผู้ขายให้จำนวนผู้ผลิตในตลาดน้อยลง (แล้วตั้งราคาตามใจชอบง่ายกว่าเดิม) หรือการรวมหัวกันของ Supplier เพื่อต่อรองราคาขายให้เราเป็นโทษต่อเรา
ถ้่ารวมกันจนใหญ่มาก อาจเข้าข่ายผูกขาด คนซื้อไม่รู้จะเอาราคาที่ไหนมาเปรียบเทียบแข่งไล่บี้ราคาเหมือนเดิม
Case ดังในอดีต: Standard Oil (Ohio USA) ไล่ทำสัญญา "trust" และเข้าไปถือหุ้นกับบริษัทน้ำมันเล็กๆ ทั่วไปจนเป็นเครือข่ายโยงใย จนกำหนดราคาขายได้ตามใจชอบและตั้ง trust ... (กฎหมายป้องกันการผูกขาดของอเมริกา เลยชื่อว่า Antitrust act)
Case ที่ยังมีอิทธิพลอยู่: OPEC รวมหัวกัน ตั้งราคาขาย จนมีอิทธิพลต่อราคาน้ำมันทั่้วโลก เราทั้งในฐานะบุคคล และในฐานะไทย...อยู่ในฐานะผู้บริโภคประเทศเล็กๆ ผลิตน้ำมันไม่ได้จะเอาอะไรไปต่อรอง
เหตุการณ์ปัจจุบัน ที่บริษัท online กำลังกลัว: Google ซึ่งเป็นเจ้าตลาดโฆษณา Online อยู่แล้ว ไล่ซื้อกิจการอื่น เช่น DoubleClick และยังคอยจับตาซื้อกิจการดีๆ อยู่อีก อนาคตอาจครอบตลาดโฆษณา Cyber Media ได้
สหภาพแรงงานอาจเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง สินค้าที่เขา supply ให้ผู้ซื้อคือแรงงาน (มีอำนาจต่อรองมากแค่ไหน ไปถามรัฐวิสาหกิจดู!)
Credible backward integration threat by purchasers:
คำว่า "backward" ก็กลับไปมุ่งด้านกลับ ถ้ามองลำดับของ supply chain
ผู้ซื้อรายใหญ่จะมีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้นต่อคนขาย อย่างที่คุณ โอ@ ยกตัวอย่างข้างล่าง
นอกจากนี้มี Case จริงหลากหลาย ที่เกิดมานานพอควรแล้ว แต่ร่องรอยยังคงอยู่ปัจจุบัน
- เกิดการแข่งขันระหว่างช้างกับสิงห์ เกิดการกว้านซื้อขวดเบียร์ในตลาดไปทุบทิ้งเพื่อให้ขาดตลาด ช้างเข้าไป take over BJC เพราะเป็น purchaser ที่มีอำนาจซื้อสูง ต้องการเก็บ supplier ไว้กับตัว
- กลุ่มชิน อาจเคยมี Media Agency หลายรายทำโฆษณา พอสักพักงานโฆษณาเยอะขึ้น เลยซื้อบริษัท Match Box มาทำให้ตัวเองเลย
- กลุ่ม Central ทำศูนย์ Logistics ครบวงจร (Integration) เองเลย เพื่อลดต้นทุนแทนที่จะไปจ้างคนอื่น กำไรวนอยู่ในกระเป๋า (เห็นบอกว่า ลดต้นทุนได้ 15%-20%) เอาไอทีและระบบ RFID มาใช้ด้วย
เป็น threat กับเรา ถ้าเราเป็นบริษัท Logistics เคยทำให้ Central group
ข้อมูลแหล่งอื่น
เขายกตัวอย่างในด้านตรงข้ามให้เห็นด้วย http://www.quickmba.com/strategy/porter.shtml
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 795
- ผู้ติดตาม: 0
Re: รบกวนถามพี่ๆที่เรียน MBA หน่อยน่ะครับ
โพสต์ที่ 5
อยากจะบอก น้อง ปู๊นปู๊น7 ว่า
สำหรับผม สิ่งสำคัญอันดับแรกของการเรียน MBA คือ Connection ครับ ต่อยอดดีๆ มีมิตรภาพและ ประโยชน์มหาศาล เป็น The must ที่ต้องสร้างไว้เลยนะครับ
วิชาการเป็นเรื่องรองครับ หาอ่าน สอบถาม ฝึกฝน เอาได้ แต่อยู่ๆ จะไปสร้าง connection ที่แนบแน่น จากการได้ อยู่ร่วมกัน นานๆ หายากครับ
ยิ่งวัฒนธรรมบ้านเรา connection ยิ่งสำคัญเลยครับ
ขอให้น้อง ปุ๊นปู๊น โชคดีครับ
สำหรับผม สิ่งสำคัญอันดับแรกของการเรียน MBA คือ Connection ครับ ต่อยอดดีๆ มีมิตรภาพและ ประโยชน์มหาศาล เป็น The must ที่ต้องสร้างไว้เลยนะครับ
วิชาการเป็นเรื่องรองครับ หาอ่าน สอบถาม ฝึกฝน เอาได้ แต่อยู่ๆ จะไปสร้าง connection ที่แนบแน่น จากการได้ อยู่ร่วมกัน นานๆ หายากครับ
ยิ่งวัฒนธรรมบ้านเรา connection ยิ่งสำคัญเลยครับ
ขอให้น้อง ปุ๊นปู๊น โชคดีครับ
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว"