อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 1
รบกวนพี่ ๆ เพื่อน ๆ ทุกคน ช่วยแชร์ประสบการณ์
เวลาที่ขายได้ที่จุดต่ำสุด หรือราคาต่ำสุดหน่อยครับ
หลายคนมีประสบการณ์ขั้นเทพ เช่น ขายได้ราคาต่ำสุดในหลายรอบปี
ในช่วงเวลานั้นคิดอะไรอยู่ และทำไมจึงตัดสินใจแบบนั้น
ขอช่วยแชร์ด้วยครับ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
เวลาที่ขายได้ที่จุดต่ำสุด หรือราคาต่ำสุดหน่อยครับ
หลายคนมีประสบการณ์ขั้นเทพ เช่น ขายได้ราคาต่ำสุดในหลายรอบปี
ในช่วงเวลานั้นคิดอะไรอยู่ และทำไมจึงตัดสินใจแบบนั้น
ขอช่วยแชร์ด้วยครับ ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- tradtrae
- Verified User
- โพสต์: 247
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 2
เชื่อเพื่อนครับ
เพื่อนทำงานอยู่ AR แล้วบอกว่าปลายปีนี้จะปิดโรงงานหลายวัน เพื่อทำ maintenance ราคาไหลลงแน่นอน มันขายไปหมดแล้ว
เอ้าเว้ย ถืออยู่ต้องรีบขาย ขายปุ๊บขึ้นปั๊บ แถมขึ้นไม่หยุด ไม่สมกับที่ปิดโรงงานอย่างที่มัยว่าไว้เลย
เพื่อนทำงานอยู่ AR แล้วบอกว่าปลายปีนี้จะปิดโรงงานหลายวัน เพื่อทำ maintenance ราคาไหลลงแน่นอน มันขายไปหมดแล้ว
เอ้าเว้ย ถืออยู่ต้องรีบขาย ขายปุ๊บขึ้นปั๊บ แถมขึ้นไม่หยุด ไม่สมกับที่ปิดโรงงานอย่างที่มัยว่าไว้เลย
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 4
ขายทันทีหลังจากที่ งบประกาศผลกำไรต่ำกว่าคาด :lovl: :lovl: :lovl: :lovl:
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 5
สำหรับผม ไม่รู้ว่าบอกชื่อหุ้นได้หรือเปล่านะครับ บอกว่าเป็นหุ้นเกี่ยวกับอาหารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและก็เพิ่งออก money talk แล้วกัน ผมได้ซื้อเมื่อปี 50 สำหรับเหตุผลในการซื้อของผมคือ ธุรกิจเกี่ยวกับอาหารคนต้องกินแน่นอน และ model ธุรกิจกำลังเปลี่ยน จริง ๆ เปลี่ยนนานแล้วแต่มาเห็นผลตอนหลัง จากทำฟาร์มอย่างเดียว มาทำอาหารสำเร็จรูป ซึ่งตอบโจทย์ในสมัยปัจจุบันค่อนข้างมากคนต้องรีบกินรีบใช้ อีกอย่างธุรกิจซึ่งเมื่อก่อนจะมีกำแพงภาษีที่เข้าประเทศใหญ่ ๆ ค่อนข้างยาก แต่ผู้บริหารก็ได้ทำการเปิดฟาร์มไปในประเทศที่ไม่มีกำแพงภาษี อย่างตุรกี เป็นต้น
เมื่อผมซื้อ (คิดว่าประกอบกับเศรษฐกิจตกต่ำและเข้าตลาดใหม่ ๆ ด้วย) ราคาไหลลงมาเรื่อย ๆ จาก 4 บาทกว่าที่ซื้อ ลงมาที่ 3 บาทกว่า ก็ยังไม่ cut คิดว่าตัวเองคิดถูกอย่างแรง ยังงัยก็ไม่ขาย
เหตุผลในการขาย หลังจากที่ราคาลงมามากก็คิดว่าสงสัยว่าตัวเองคิดผิด กลับไปทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมตลาดให้ราคาต่ำ เลยไปอ่านเพิ่มเติม ประกอบกับไม่เชื่อความคิดตัวเอง ไม่มองที่ภาพใหญ่ ช่วงนั้น เจอทั้ง AD กุ้ง เจอทั้งการออกรายการของนักวิเคราะห์ การออกรายการของผุ้ที่รอบรู้ต่าง ๆ บ้างก็ว่า กำไรสุทธิต่ำมาก ธุรกิจก็ดี แถมมี competitive Advantage แต่ แล้วก็แต่ แล้วก็แต่ ด้วยความที่เข้าตลาดใหม่ ๆ อนิจจา ณ วันนี้ ผ่านไป 3 ปี ราคาขึ้นมา 6-8 เท่า สรุปผมเลยขายไปที่ประมาณ 3 บาทกว่า ๆ เกือบต่ำสุด
สรุปว่าเหตุผลในการขายคือ ฟังคนอื่นมากไป อ่านมากไป ไม่เชื่อตัวเองในการวิเคราะห์ เป็นบทเรียนครั้งสำคัญครับ
เมื่อผมซื้อ (คิดว่าประกอบกับเศรษฐกิจตกต่ำและเข้าตลาดใหม่ ๆ ด้วย) ราคาไหลลงมาเรื่อย ๆ จาก 4 บาทกว่าที่ซื้อ ลงมาที่ 3 บาทกว่า ก็ยังไม่ cut คิดว่าตัวเองคิดถูกอย่างแรง ยังงัยก็ไม่ขาย
เหตุผลในการขาย หลังจากที่ราคาลงมามากก็คิดว่าสงสัยว่าตัวเองคิดผิด กลับไปทบทวนว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมตลาดให้ราคาต่ำ เลยไปอ่านเพิ่มเติม ประกอบกับไม่เชื่อความคิดตัวเอง ไม่มองที่ภาพใหญ่ ช่วงนั้น เจอทั้ง AD กุ้ง เจอทั้งการออกรายการของนักวิเคราะห์ การออกรายการของผุ้ที่รอบรู้ต่าง ๆ บ้างก็ว่า กำไรสุทธิต่ำมาก ธุรกิจก็ดี แถมมี competitive Advantage แต่ แล้วก็แต่ แล้วก็แต่ ด้วยความที่เข้าตลาดใหม่ ๆ อนิจจา ณ วันนี้ ผ่านไป 3 ปี ราคาขึ้นมา 6-8 เท่า สรุปผมเลยขายไปที่ประมาณ 3 บาทกว่า ๆ เกือบต่ำสุด
สรุปว่าเหตุผลในการขายคือ ฟังคนอื่นมากไป อ่านมากไป ไม่เชื่อตัวเองในการวิเคราะห์ เป็นบทเรียนครั้งสำคัญครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 57
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 6
ผมเชี่ยวชาญเลยวิธีนี้ :lovl: :lovl:
กลัวให้เยอะๆ แล้วทำใจกล้าไว้
ลงแรกๆอย่าเพิ่งขาก ให้นั่งจ้องทิคเกอร์ไว้
พอมันลงหนักๆ จนเริ่มกล้าไม่ไหวแล้ว ให้รีบขาย MP ทันที
จะพบว่า จุดที่ขายนั้น เป็นจุดต่ำสุดเสมอครับ :lol: :lol:
พอขายไำปปุ๊บ มันจะวิ่งๆๆๆ ขึ้นไปเหมือนเดิม
เมื่อก่อน ขาย 10 ตัว เป็นแบบนี้ไปซัก 9 ตัว
กลัวให้เยอะๆ แล้วทำใจกล้าไว้
ลงแรกๆอย่าเพิ่งขาก ให้นั่งจ้องทิคเกอร์ไว้
พอมันลงหนักๆ จนเริ่มกล้าไม่ไหวแล้ว ให้รีบขาย MP ทันที
จะพบว่า จุดที่ขายนั้น เป็นจุดต่ำสุดเสมอครับ :lol: :lol:
พอขายไำปปุ๊บ มันจะวิ่งๆๆๆ ขึ้นไปเหมือนเดิม
เมื่อก่อน ขาย 10 ตัว เป็นแบบนี้ไปซัก 9 ตัว
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 7
คุณ จขทก หมายถึง ขายหมู ใช่หรือไม่ครับ.....
ผมว่าเป็นเรื่องของจังหวะพอเหมาะล้วนๆ อย่างผม ถือบริษัท A มาเป็นเวลา เกือบปี หลังจากศึกษา บริษัท B มานาน เห็นว่า อนาคตรุ่ง ความที่ตาม ranking บริษัท A เป็นบริษัทที่ attractive น้อยที่สุดเลย ถอดมาลงบริษัท B ทันที วันต่อมาราคาหุ้นของบริษัท A เกือบลิ่งครับ และปรับฐานขึ้นเลย โดยถึงตอนนี้ยังไม่เกิด correction อีกด้วย.......................
ยังดีที่ B ในเวลาต่อมายังตามนัด
นั้นคือหนึ่งในนั้น ผมขายหมูอีกนับครั้งไม่ถ้วน......... แต่ผมกลับมองว่า อย่างน้อยทำให้ผมรู้ว่า ผมเลือกบริษัทที่จะลงทุนถูกแล้ว .... ปัญหาไม่ใช่เรื่อง stock picking เป็นเรื่อง port management มากกว่า...
แต่สรุปคือไม่มีวันรู้อนาคต รู้อะไรไม่เท่า รู้งี้.....
แถมโฆษณารสดีออกมาซ้ำเติม .......ฉึกๆ........
ผมว่าเป็นเรื่องของจังหวะพอเหมาะล้วนๆ อย่างผม ถือบริษัท A มาเป็นเวลา เกือบปี หลังจากศึกษา บริษัท B มานาน เห็นว่า อนาคตรุ่ง ความที่ตาม ranking บริษัท A เป็นบริษัทที่ attractive น้อยที่สุดเลย ถอดมาลงบริษัท B ทันที วันต่อมาราคาหุ้นของบริษัท A เกือบลิ่งครับ และปรับฐานขึ้นเลย โดยถึงตอนนี้ยังไม่เกิด correction อีกด้วย.......................
ยังดีที่ B ในเวลาต่อมายังตามนัด
นั้นคือหนึ่งในนั้น ผมขายหมูอีกนับครั้งไม่ถ้วน......... แต่ผมกลับมองว่า อย่างน้อยทำให้ผมรู้ว่า ผมเลือกบริษัทที่จะลงทุนถูกแล้ว .... ปัญหาไม่ใช่เรื่อง stock picking เป็นเรื่อง port management มากกว่า...
แต่สรุปคือไม่มีวันรู้อนาคต รู้อะไรไม่เท่า รู้งี้.....
แถมโฆษณารสดีออกมาซ้ำเติม .......ฉึกๆ........
value trap
-
- Verified User
- โพสต์: 213
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 9
หุหุ ของผมขายหุ้นบริษัทที่ผลิต BOPET (ซึ่งตอนนั้นผมถือบริษัทนี้ 100% นะคับ) ที่ราคาเปิดของวันที่ 17/11/2010 และเป็นราคาต่ำที่สุด(มั๊ง)นับตั้งแต่วันที่ประกาศผลประกอบการ Q2/54
เหตุผลที่ขายคือ มีความโลภเข้ามาครอบงำ ต้องการทำการ SAP เนื่องจากเห็นราคาร่วงหนักๆ + มีข่าวร้ายๆเข้ามาเยอะ คนส่วนใหญ่น่าจะกลัวกัน และ Panic sell... เอาวะ.. ทำเนียนๆขายมั่ง พอคนส่วนใหญ่เห็นราคาร่วงเยอะๆ น่าจะยิ่ง Panic sell เข้าไปอีก ((ตอนนั้นคิดในใจ หวานหมูแระ SAP ได้ซัก 2-3 บาท ก็ลดต้นทุนได้ตั้งเยอะ เพราะยังไงตัวนี้ผมก่ะถือยาวถึงปีหน้าอยู่แระ ^^"))... สรุป พอขายปุ๊ป..ราคาพุ่งพรวดๆเลย สุดท้ายไปรับกลับมาที่ราคาสูงกว่าเดิมตั้งเยอะ TT__TT
แต่ตอนนี้เลิก SAP แล้วครับ... เหมือนเล่นการพนัน เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ เอาเวลาไปเที่ยวเล่นลั๊ลลาดีกว่า
เหตุผลที่ขายคือ มีความโลภเข้ามาครอบงำ ต้องการทำการ SAP เนื่องจากเห็นราคาร่วงหนักๆ + มีข่าวร้ายๆเข้ามาเยอะ คนส่วนใหญ่น่าจะกลัวกัน และ Panic sell... เอาวะ.. ทำเนียนๆขายมั่ง พอคนส่วนใหญ่เห็นราคาร่วงเยอะๆ น่าจะยิ่ง Panic sell เข้าไปอีก ((ตอนนั้นคิดในใจ หวานหมูแระ SAP ได้ซัก 2-3 บาท ก็ลดต้นทุนได้ตั้งเยอะ เพราะยังไงตัวนี้ผมก่ะถือยาวถึงปีหน้าอยู่แระ ^^"))... สรุป พอขายปุ๊ป..ราคาพุ่งพรวดๆเลย สุดท้ายไปรับกลับมาที่ราคาสูงกว่าเดิมตั้งเยอะ TT__TT
แต่ตอนนี้เลิก SAP แล้วครับ... เหมือนเล่นการพนัน เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ เอาเวลาไปเที่ยวเล่นลั๊ลลาดีกว่า
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 10
ขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกท่านครับ จากใจจริง
ผมกำลังพัฒนาวิธีคิดบางอย่าง และตอบคำถามบางอย่างที่ผมคิดว่าค่อนข้างยากสำหรับตัวผมเอง เมื่อก่อน
คือ
"เมื่อไรควรจะขาย"
ผมพบว่าผมหาบทความเช่นนี้เจอน้อยมาก ผมเจอไม่กี่หน้าในหนังสือของฟิชเชอร์ และเจอแค่บทเดียวเองมั๊งครับในหนังสือของ ลินซ์
ซึ่งก็ไม่ใช่คำตอบที่ผมคิดว่าใช่นัก แต่เอ ถ้ามันสำคัญหรือมันยากขนาดนั้น ทำไมไม่ค่อยมีหนังสือออกมาเขียน ยิ่งหนังสือของบัฟเฟตต์ยิ่งยากที่สุดเลย ที่จะฟังเค้าพูดเรื่องการขาย และเรามักได้ยินคำพูดสุดคลาสิคของเซียน เช่น
หากคุณค้นพบหุ้นที่คุณต้องการแล้วการขายไม่มีวันเกิดขึ้น
หากคุณทนเห็นหุ้นตัวเองร่วงลงกว่า 50% ไม่ได้คุณไม่ควรเป็น VI
หากซื้อหุ้นแล้วต่อให้ตลาดหุ้นปิดไป 5 ปีผมก็ไม่หวั่น
และอื่น ๆ
และผมก็กำลังพัฒนาต่อไปว่า งั้นสิ่งที่ยากกว่า คือการซื้อ ใช่หรือไม่? นี่อาจเป็นข้อโต้แย้งที่ไม่สิ้นสุด หรือเป็น debate ครั้งใหม่
แต่ในหนังสือของ Bruce C.N. Greenwald ให้คำนิยามไว้ได้สวยครับ เค้าบอกว่า การซื้อของบัฟเฟตต์นั้นแตกต่างจากคนอื่น ๆ คือ บัฟเฟตต์ซื้อนกอินทรีย์ในยามบาดเจ็บ (ซึ่งมันไม่ง่าย ปีนึงหรือสองปีจะมีสักครั้งหรือไม่)
ตัวอย่างเรื่อง เบสบอล ว่ารอคอยลูกให้ดีที่สุดค่อยหวด
ถ้าจะซื้อทั้งทีให้ซื้ออินทรีย์บาดเจ็บกลับบ้าน (ไม่ใช่ซื้อเป็ดง่อยมารักษา) ทำนองนั้น
ก็เลยเกิดคำถามกับตัวเองว่าทุกวันนี้ เรา "ซื้อง่ายเกินไปหรือเปล่า"
ก็เลยอยากได้อารมณ์ตอนที่ขายได้ที่จุดต่ำสุด
เพราะหากทน และฝืนใจตัวเองเข้าไป "ซื้อ" ที่จุดนั้นได้
ก็น่าจะเป็นการหวดที่สมบูรณ์พอสมควรครับ
ผมกำลังพัฒนาวิธีคิดบางอย่าง และตอบคำถามบางอย่างที่ผมคิดว่าค่อนข้างยากสำหรับตัวผมเอง เมื่อก่อน
คือ
"เมื่อไรควรจะขาย"
ผมพบว่าผมหาบทความเช่นนี้เจอน้อยมาก ผมเจอไม่กี่หน้าในหนังสือของฟิชเชอร์ และเจอแค่บทเดียวเองมั๊งครับในหนังสือของ ลินซ์
ซึ่งก็ไม่ใช่คำตอบที่ผมคิดว่าใช่นัก แต่เอ ถ้ามันสำคัญหรือมันยากขนาดนั้น ทำไมไม่ค่อยมีหนังสือออกมาเขียน ยิ่งหนังสือของบัฟเฟตต์ยิ่งยากที่สุดเลย ที่จะฟังเค้าพูดเรื่องการขาย และเรามักได้ยินคำพูดสุดคลาสิคของเซียน เช่น
หากคุณค้นพบหุ้นที่คุณต้องการแล้วการขายไม่มีวันเกิดขึ้น
หากคุณทนเห็นหุ้นตัวเองร่วงลงกว่า 50% ไม่ได้คุณไม่ควรเป็น VI
หากซื้อหุ้นแล้วต่อให้ตลาดหุ้นปิดไป 5 ปีผมก็ไม่หวั่น
และอื่น ๆ
และผมก็กำลังพัฒนาต่อไปว่า งั้นสิ่งที่ยากกว่า คือการซื้อ ใช่หรือไม่? นี่อาจเป็นข้อโต้แย้งที่ไม่สิ้นสุด หรือเป็น debate ครั้งใหม่
แต่ในหนังสือของ Bruce C.N. Greenwald ให้คำนิยามไว้ได้สวยครับ เค้าบอกว่า การซื้อของบัฟเฟตต์นั้นแตกต่างจากคนอื่น ๆ คือ บัฟเฟตต์ซื้อนกอินทรีย์ในยามบาดเจ็บ (ซึ่งมันไม่ง่าย ปีนึงหรือสองปีจะมีสักครั้งหรือไม่)
ตัวอย่างเรื่อง เบสบอล ว่ารอคอยลูกให้ดีที่สุดค่อยหวด
ถ้าจะซื้อทั้งทีให้ซื้ออินทรีย์บาดเจ็บกลับบ้าน (ไม่ใช่ซื้อเป็ดง่อยมารักษา) ทำนองนั้น
ก็เลยเกิดคำถามกับตัวเองว่าทุกวันนี้ เรา "ซื้อง่ายเกินไปหรือเปล่า"
ก็เลยอยากได้อารมณ์ตอนที่ขายได้ที่จุดต่ำสุด
เพราะหากทน และฝืนใจตัวเองเข้าไป "ซื้อ" ที่จุดนั้นได้
ก็น่าจะเป็นการหวดที่สมบูรณ์พอสมควรครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 213
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 11
โอวว....ลึกซึ้งมากเลยครับพี่ NB
จริงๆแล้วเหตุผลหนึ่งของคนที่ขายที่ราคาต่ำสุดคือเรื่องของอารมณ์ ผมว่าน่าจะเป็นกันทุกคนนะครับ
เวลาหุ้นขึ้น >> ความมั่นใจจะเพิ่มขึ้น ประมาณว่า ฮ่าๆๆ ข้านี่ก้อเก่งเหมือนกันนะเนี่ยะ วิเคราะห์บริษัทได้เมพขิงๆ
เวลาหุ้นลง >> ความมั่นใจจะลดลงอย่างมาก กระวนกระวาย อ๊ากๆๆ มีอารายที่ยังม่ายรู้เนี่ยะ หาๆๆๆ และถ้าหาไม่เจอก้อ อยากขายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
บางทีอารมณ์แบบนี้จะมา วันเว้นวันเลยทีเดียว 555+
จริงๆแล้วเหตุผลหนึ่งของคนที่ขายที่ราคาต่ำสุดคือเรื่องของอารมณ์ ผมว่าน่าจะเป็นกันทุกคนนะครับ
เวลาหุ้นขึ้น >> ความมั่นใจจะเพิ่มขึ้น ประมาณว่า ฮ่าๆๆ ข้านี่ก้อเก่งเหมือนกันนะเนี่ยะ วิเคราะห์บริษัทได้เมพขิงๆ
เวลาหุ้นลง >> ความมั่นใจจะลดลงอย่างมาก กระวนกระวาย อ๊ากๆๆ มีอารายที่ยังม่ายรู้เนี่ยะ หาๆๆๆ และถ้าหาไม่เจอก้อ อยากขายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
บางทีอารมณ์แบบนี้จะมา วันเว้นวันเลยทีเดียว 555+
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 12
จากที่คุณ nevercry พูด ผมพอจะมองเห็นความสัมพันธ์ที่อาจจะเป็นไปได้ในด้าน ซื้อและขายได้
แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่า source ของการเกิด intention to buy กับ intention to sell มาจากที่ต่างกันสิ้นเชิงครับ
สำหรับเชิง practice ผมคิดว่ามีวิธีเดียวที่จะซื้อได้ต่ำสุด คือต้องเฝ้า โอกาสยากมากที่จะตั้ง order ไว้แล้วได้ราคานั้น ถ้าทำได้แบบนั้น คงอีกระดับนึงแล้วครับ
สำหรับเรื่อง mind frame ตัวผม คิดว่าผมเป็นคนนึงที่ซื้อราคาต่ำมากๆได้บ่อยๆ
assume ว่าข้อมูลด้านพื้นฐานของผมไม่ผิดพลาดและมีไม้บรรทัดราคาควรจะเป็นของหุ้นตัวนี้อย่างเหมาะสม ผมมักจะ rate ราคา โดยระดับความไม่น่าเป็นไปได้ ถึงมันลงมาถึง ระดับพระเจ้าจอรจ์ ผมจะรออีกนิด....
mind frame นี้ subjective สุดๆครับ เพราะขึ้นอยู่กับไม้บรรทัดของแต่ละคน และ ผมก็ไม่คิดว่ามี scientific framework ที่จับได้ ใกล้เคียงสุดน่าจะเป็นเรื่อง technical analysis....ขอไม่ลงรายละเอียดเผื่อโดนลบ ...............แนวโน้มของ SET ที่มาจากหลายๆปัจจัยที่ชี้ไปว่ามันต้องเกิด correction..... และ volume ของหุ้นรายตัว (ตัวตัดความยากง่ายในการทิ้งราคา...)
ว่าง่ายๆ การที่ราคาลงมาไม่น่าเชื่อ และ น่าซื้อนั้น ต้องมาจาก systematic correction เท่านั้น เพราะเป็นการโดนกลุ่ม ไม่ใช่ปัจจัยเฉพาะที่กระทบเฉพาะบริษัทนั้นๆ
แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่า source ของการเกิด intention to buy กับ intention to sell มาจากที่ต่างกันสิ้นเชิงครับ
สำหรับเชิง practice ผมคิดว่ามีวิธีเดียวที่จะซื้อได้ต่ำสุด คือต้องเฝ้า โอกาสยากมากที่จะตั้ง order ไว้แล้วได้ราคานั้น ถ้าทำได้แบบนั้น คงอีกระดับนึงแล้วครับ
สำหรับเรื่อง mind frame ตัวผม คิดว่าผมเป็นคนนึงที่ซื้อราคาต่ำมากๆได้บ่อยๆ
assume ว่าข้อมูลด้านพื้นฐานของผมไม่ผิดพลาดและมีไม้บรรทัดราคาควรจะเป็นของหุ้นตัวนี้อย่างเหมาะสม ผมมักจะ rate ราคา โดยระดับความไม่น่าเป็นไปได้ ถึงมันลงมาถึง ระดับพระเจ้าจอรจ์ ผมจะรออีกนิด....
mind frame นี้ subjective สุดๆครับ เพราะขึ้นอยู่กับไม้บรรทัดของแต่ละคน และ ผมก็ไม่คิดว่ามี scientific framework ที่จับได้ ใกล้เคียงสุดน่าจะเป็นเรื่อง technical analysis....ขอไม่ลงรายละเอียดเผื่อโดนลบ ...............แนวโน้มของ SET ที่มาจากหลายๆปัจจัยที่ชี้ไปว่ามันต้องเกิด correction..... และ volume ของหุ้นรายตัว (ตัวตัดความยากง่ายในการทิ้งราคา...)
ว่าง่ายๆ การที่ราคาลงมาไม่น่าเชื่อ และ น่าซื้อนั้น ต้องมาจาก systematic correction เท่านั้น เพราะเป็นการโดนกลุ่ม ไม่ใช่ปัจจัยเฉพาะที่กระทบเฉพาะบริษัทนั้นๆ
value trap
-
- Verified User
- โพสต์: 1601
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 13
ผมอ่านไปอ่านมาเริ่มงง ตกลงว่าอยากได้วิธีการขาย ในราคาต่ำสุด หรือ ซื้อต่ำสุด ครับ งง งง
- VI Wannabe
- Verified User
- โพสต์: 1013
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 14
พี่เค้ากำลัง lead ว่าจุดที่เรากำลังกลัวมากที่สุด (เลยขายออกไป) จริงๆแล้วเป็นจุดที่น่าซื้อที่สุดมั้งครับo-bo-ja-ma เขียน:ผมอ่านไปอ่านมาเริ่มงง ตกลงว่าอยากได้วิธีการขาย ในราคาต่ำสุด หรือ ซื้อต่ำสุด ครับ งง งง
อืมจะว่าไปใช่เลยแฮะ เวลาผมได้ซื้อหุ้นดีๆที่ราคาถูกจริงๆ ก็มาจากอย่างนี้แหละคือ มันเกิดการกลัวกันทั้งตลาด หรือทั้ง sector ทั้งๆที่เราดูแล้วมันเกี่ยวกับหุ้นที่เราสนใจน้อยมั่กๆวรันศ์ บัฟเฟต เขียน:
ว่าง่ายๆ การที่ราคาลงมาไม่น่าเชื่อ และ น่าซื้อนั้น ต้องมาจาก systematic correction เท่านั้น เพราะเป็นการโดนกลุ่ม ไม่ใช่ปัจจัยเฉพาะที่กระทบเฉพาะบริษัทนั้นๆ
แต่ข้อเสียที่หลังๆพบมากคือ ผมต่อราคามากเกินไป จนบางครั้งไม่ได้ซื้อ ตอนนี้ใช้วิธีพยายาม expand circle of competence อยู่คือ watch หุ้นหลายๆตัวแทน แล้วรอจังหวะที่ Mr. Market ลดราคาให้ แบบพลาดตัวนี้ก็ยังมีตัวอื่นอีกไรงี้
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
-
- Verified User
- โพสต์: 1679
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 15
ครับ มันเป็น การ take advantage of market swing เท่านั้นเองครับ ถ้าเรารู้หุ้นตัวนั้นดีมาก เราก็จะรู้ว่ามันลงเพราะอะไร ถ้าลงเพราะคนกลัวและโลภ (แย่งกันขายรายวันเพราะกลัวไม่ได้ราคา..... ซะงั้น...) .........สรุปเสร็จเรา
แต่ผมก็เคยเจอลูกหลงโหดๆบ่อยอยู่ครับจากการขายทิ้งไม่มี volume ราคา swing ที 20-30% ใน 3-4 วัน เรื่องเด็กๆ แล้วมันก็กลับสู่สภาพเดิม สิ่งเดียวที่มันบอกผมคือคนลงทุนในหุ้นตัวนี้ 1. เสียงแตก 2. นักเก็งกำไรเยอะ..
ถ้ารู้ character หุ้นดีก็จะรู้ว่าควรทำไรกับมัน ทั้งด้านซื้อและขาย
ยังไงส่วนต่างก็สำคัญสุด สำหรับตัวผม ผมมองมาเสมอว่า exposure มาก่อนราคาครับ..... if you're holding the right stock.... price doesnt matter !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! but the tricky part is.. how do you know its the right stock...
แต่ผมก็เคยเจอลูกหลงโหดๆบ่อยอยู่ครับจากการขายทิ้งไม่มี volume ราคา swing ที 20-30% ใน 3-4 วัน เรื่องเด็กๆ แล้วมันก็กลับสู่สภาพเดิม สิ่งเดียวที่มันบอกผมคือคนลงทุนในหุ้นตัวนี้ 1. เสียงแตก 2. นักเก็งกำไรเยอะ..
ถ้ารู้ character หุ้นดีก็จะรู้ว่าควรทำไรกับมัน ทั้งด้านซื้อและขาย
ยังไงส่วนต่างก็สำคัญสุด สำหรับตัวผม ผมมองมาเสมอว่า exposure มาก่อนราคาครับ..... if you're holding the right stock.... price doesnt matter !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! but the tricky part is.. how do you know its the right stock...
value trap
- thalucoz
- Verified User
- โพสต์: 658
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 16
ถูกใจครับพี่ NB ผมก็กำลังรอ เจ้าอินทรีย์.................บาดเจ็บแบบแรง ๆ สักทีNevercry.boy เขียน:เค้าบอกว่า การซื้อของบัฟเฟตต์นั้นแตกต่างจากคนอื่น ๆ คือ บัฟเฟตต์ซื้อนกอินทรีย์ในยามบาดเจ็บ (ซึ่งมันไม่ง่าย ปีนึงหรือสองปีจะมีสักครั้งหรือไม่)
จะว่าไปแล้วก็เกือบ ๆ นอกใจไปหลายรอบ แต่ กำเงินสดไว้ดีกว่าใช่ไหมครับ
FREEDOM ---------- HOLD MY HAND
-
- Verified User
- โพสต์: 3350
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 17
ไม่เคยคับ เพราะงก มีแต่ถ้าใจถึงๆผมจะซื้อเพิ่ม
ส่วนเรื่อง ซื้อนกอินทรีย์บาดเจ็บ
ส่วนใหญ่คนเรามองไม่เหมือนกัน
ขอบเขตความรู้ไม่เท่ากัน
เวลา นกอินทรีย์บาดเจ็บ เราก็ไม่กล้า
เช่น ตอนนั้น pr ลงมาจาก 100 เหลือ 70
ตอนนั้น เพื่อนผมขายหนีตาย
แต่ผมไม่ขาย แต่ก็ดันไม่ซื้อ
หรือตอน scc 99 บาท ก็ดันกลัว ว่า ซับไพร์มมัีนจะกินเวลา
ยาวนาน (ฟังวีระ ธีระพัทธ์ พูดเยอะไปด้วย)
ดังนั้นเวลา นกอินทรย์ บาดเจ็บ เรามักจะไม่ค่อยรู้
หรือใจไม่ถึงก็ได้อะคับ
ส่วนเรื่อง ซื้อนกอินทรีย์บาดเจ็บ
ส่วนใหญ่คนเรามองไม่เหมือนกัน
ขอบเขตความรู้ไม่เท่ากัน
เวลา นกอินทรีย์บาดเจ็บ เราก็ไม่กล้า
เช่น ตอนนั้น pr ลงมาจาก 100 เหลือ 70
ตอนนั้น เพื่อนผมขายหนีตาย
แต่ผมไม่ขาย แต่ก็ดันไม่ซื้อ
หรือตอน scc 99 บาท ก็ดันกลัว ว่า ซับไพร์มมัีนจะกินเวลา
ยาวนาน (ฟังวีระ ธีระพัทธ์ พูดเยอะไปด้วย)
ดังนั้นเวลา นกอินทรย์ บาดเจ็บ เรามักจะไม่ค่อยรู้
หรือใจไม่ถึงก็ได้อะคับ
show me money.
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 18
ใกล้จะสิ้นปีแล้วครับ ผมเลยทบทวน Strategy ของตัวเองแบบเข้มงวด
ผมพบว่าปีนี้ทั้งปี ผมตัดสินใจซื้อขายเกือบ 30 ครั้ง
มีการตัดสินใจสั่ว ๆ 25 ครั้ง
เป็นการตัดสินใจที่ให้ผลที่น่าพอใจ 3 ครั้ง
และมีการตัดสินใจที่สุดยอดเพียง 2 ครั้ง
..........................................................................
ปีก่อนหน้านี้ผมตัดสินใจ 24 ครั้ง แต่เนื่องจากผมมีหุ้นในพอร์ตมากตัว การตัดสินใจน้อยครั้ง การกระจายตัวสูง ผลตอบแทนปานกลาง
..........................................................................
แต่พอปีที่ผ่านมาผมลดหุ้นในพอร์ตลงจาก 30 กว่าตัว เหลือเพียง 7-8 ตัว และน้ำหนักการลงทุนอยู่ที่ 2-3 ตัวแรกเท่านั้น ผลตอบแทนน่าพอใจ คือดีมาก ในความรู้สึกผม
...........................................................................
แต่ปีหน้าผมจะเริ่มสิ่งที่ยากขึ้นอีกนิดครับ เพื่อที่จะลดข้อบกพร่องของตัวเอง และลดส่วนต่างของตัวเองในความสับสนระหว่าง "ลงทุน" และ "เก็งกำไรรายไตรมาส" ของตัวเองลง
...........................................................................
ท่าน VI Wannabe เข้าใจผมถูกครับ ผมกำลังพยายามพาตัวเองไปสู่กระบวนการ paradigm shift
เมื่อทุกคนได้รับ information เดียวกัน
คุณมองออกรึเปล่าครับ ว่าเป็น "นก" หรือ "กระต่าย"
http://en.wikipedia.org/wiki/File:Duck- ... lusion.jpg
............................................................................
และเมื่อทุกคนจ้องกระดานหุ้นเดียวกัน ในจังหวะเวลาเดียวกัน คุณมองออกมั๊ยครับ ว่าควร "ซื้อ" หรือ "ขาย" ?
ปล. ผม (บังคับ) ตัวเอง และเลิกดูราคาหุ้นในชั่วโมงเทรดไปแล้วครับ วันไหนอยากซื้อหุ้น ก็จะเปิดราคาดูตั้งแต่เมื่อคืน แล้วก็ซื้อราคาปิดของวันเป็นประจำครับ
ผมพบว่าปีนี้ทั้งปี ผมตัดสินใจซื้อขายเกือบ 30 ครั้ง
มีการตัดสินใจสั่ว ๆ 25 ครั้ง
เป็นการตัดสินใจที่ให้ผลที่น่าพอใจ 3 ครั้ง
และมีการตัดสินใจที่สุดยอดเพียง 2 ครั้ง
..........................................................................
ปีก่อนหน้านี้ผมตัดสินใจ 24 ครั้ง แต่เนื่องจากผมมีหุ้นในพอร์ตมากตัว การตัดสินใจน้อยครั้ง การกระจายตัวสูง ผลตอบแทนปานกลาง
..........................................................................
แต่พอปีที่ผ่านมาผมลดหุ้นในพอร์ตลงจาก 30 กว่าตัว เหลือเพียง 7-8 ตัว และน้ำหนักการลงทุนอยู่ที่ 2-3 ตัวแรกเท่านั้น ผลตอบแทนน่าพอใจ คือดีมาก ในความรู้สึกผม
...........................................................................
แต่ปีหน้าผมจะเริ่มสิ่งที่ยากขึ้นอีกนิดครับ เพื่อที่จะลดข้อบกพร่องของตัวเอง และลดส่วนต่างของตัวเองในความสับสนระหว่าง "ลงทุน" และ "เก็งกำไรรายไตรมาส" ของตัวเองลง
...........................................................................
ท่าน VI Wannabe เข้าใจผมถูกครับ ผมกำลังพยายามพาตัวเองไปสู่กระบวนการ paradigm shift
เมื่อทุกคนได้รับ information เดียวกัน
คุณมองออกรึเปล่าครับ ว่าเป็น "นก" หรือ "กระต่าย"
http://en.wikipedia.org/wiki/File:Duck- ... lusion.jpg
............................................................................
และเมื่อทุกคนจ้องกระดานหุ้นเดียวกัน ในจังหวะเวลาเดียวกัน คุณมองออกมั๊ยครับ ว่าควร "ซื้อ" หรือ "ขาย" ?
ปล. ผม (บังคับ) ตัวเอง และเลิกดูราคาหุ้นในชั่วโมงเทรดไปแล้วครับ วันไหนอยากซื้อหุ้น ก็จะเปิดราคาดูตั้งแต่เมื่อคืน แล้วก็ซื้อราคาปิดของวันเป็นประจำครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 19
เมื่อทุกท่านได้เล่าประสบการณ์ของท่านมาแล้ว ผมจะขอแชร์ประสบการณ์อันด้อยค่าของผมบ้าง
ผมไม่ประสบความสำเร็จในการขายเพราะ ผมสวมหัวใจของนักเก็งกำไร โดยไม่ได้ดูพื้นฐานยามขาย (ดูพื้นฐานยามซื้อ) ความสับสนระหว่างการกลัวกำไรหาย เข้ามาครอบงำเหตุผลของการเป็นนักลงทุน บวกกับความกลัวที่ผสมผสาน สร้างความกลัวให้ขยายใหญ่กว่าที่ควรจะเป็น
ดังนั้นสิ่งที่ผมมักจะทำก็คือขายหุ้นตัวนั้นทิ้งเสีย แล้วไปสำรวจตัวใหม่
ซึ่งก็ได้ตัวใหม่มาจริง ๆ และหลายครั้งไม่เลวร้าย แต่ส่วนใหญ่ไม่ดีเท่าตัวเดิม นั่นคือสาเหตุที่ปีที่แล้วตัดสินใจมากมายถึงเกือบ 30 ครั้งต่อปี!!!!!!!
.......................................................................................
เมื่อครั้งฝึกปฎิบัติธรรมครั้งแรกกับพระอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือ ท่านให้ผมค้นหาความกลัวโดยการเดินเข้าป่าช้า เพื่อค้นหาความกลัว ผมเกิดอคติทันที ว่าทำไมต้องทำแบบนั้น และก็เกิดปฏิกริยาต่อต้าน
จนแล้วจนรอด ผมหาเหตุให้กับตนเองต่าง ๆ นานา เพื่อไม่ใ้ห้ตัวเองต้องเดินเข้าป่าช้า
นี่กระมังอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการหาเหตุ เพื่ออ้าง นั่นคือข้ออ้าง ข้อแก้ตัวมากกว่า
แล้วคืนหนึ่ง ผมก็คิดว่า เราควรจะเดินเข้าป่าช้าดูสักครั้ง ก็เลยตัดสินใจเดินเข้าไปเพื่อสำรวจ "ความกลัว"
ปรากฎว่า กลัวจริง ๆ และกลัวมากด้วย กลัวจนตัวสั่น ไอ้ที่บอกว่าไม่กลัวนะ ปากกล้า แต่ ขาสั่น กลัวจริง ๆ ครับ
ต้องเดินเร็ว ๆ แต่พระอาจารย์ท่านก็บอกให้เดินช้า ๆ ไอ้เราก็ยิ่งกลัว ท่านก็ยิ่งสอนว่าให้หยุดพิจารณาก่อน
........................................................................
เรายิ่งกลัว ท่านก็ยิ่งสอนว่า "ให้หยุดพิจารณาก่อน"
........................................................................
"ช้า" หรือ "เร็ว"
"นก" หรือ "กระต่าย"
"น้ำขึ้นให้รีบตัก" หรือ "ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม"
ตอนนี้ผมเดินเข้าป่าช้าหุ้น มีความกลัวอยู่มากมาย ผมก็กลัว เช่นเดียวกันกับ คนอื่น ผมไม่ใช่ยอดมนุษย์มาจากไหน
แต่ยามใดที่เกิดความกลัว ผมก็จะ "หยุดพิจารณาก่อน" ทุกครั้ง การไม่ดูราคาหุ้นระหว่างชั่วโมงเทรดช่วยผมได้มากขึ้น
.........................................................................
แชร์ประสบการณ์ครับนั่นก็เป็นความตั้งใจนะครับ ผมก็หวังว่าตัวผมเองจะแก้ไขข้อบกพร่องได้ถูกจุด และทำในสิ่งที่ถูกต้องได้มากขึ้น
หากจำเป็นต้องขาดทุน ก็ขาดทุน แต่ผมมั่นใจว่าทุกครั้งที่ผมขาดทุนเงิน ผมจะได้กำไรโอกาส
หากผมเดินเข้าป่าช้าหุ้น และเห็นคนวิ่งเตลิดเพราะความกลัวขาดสติ
เห็นคนขายหุ้นที่ราคาต่ำสุดในแต่ละวัน
เพียงเพราะกลัวการขาดทุนเงินอันเนื่องมาจากหุ้นตกอย่างไร้เหตุผล
อาจนำมาสู่การกำไรโอกาสในการลงทุนครั้งใหม่ อย่างมีสติ
ผมยอมขาดทุนเงินแต่กำไรโอกาสครับ!
เพื่อความสำเร็จที่ยืนยาวเหนือกว่าครับ
ผมไม่ประสบความสำเร็จในการขายเพราะ ผมสวมหัวใจของนักเก็งกำไร โดยไม่ได้ดูพื้นฐานยามขาย (ดูพื้นฐานยามซื้อ) ความสับสนระหว่างการกลัวกำไรหาย เข้ามาครอบงำเหตุผลของการเป็นนักลงทุน บวกกับความกลัวที่ผสมผสาน สร้างความกลัวให้ขยายใหญ่กว่าที่ควรจะเป็น
ดังนั้นสิ่งที่ผมมักจะทำก็คือขายหุ้นตัวนั้นทิ้งเสีย แล้วไปสำรวจตัวใหม่
ซึ่งก็ได้ตัวใหม่มาจริง ๆ และหลายครั้งไม่เลวร้าย แต่ส่วนใหญ่ไม่ดีเท่าตัวเดิม นั่นคือสาเหตุที่ปีที่แล้วตัดสินใจมากมายถึงเกือบ 30 ครั้งต่อปี!!!!!!!
.......................................................................................
เมื่อครั้งฝึกปฎิบัติธรรมครั้งแรกกับพระอาจารย์ที่ผมเคารพนับถือ ท่านให้ผมค้นหาความกลัวโดยการเดินเข้าป่าช้า เพื่อค้นหาความกลัว ผมเกิดอคติทันที ว่าทำไมต้องทำแบบนั้น และก็เกิดปฏิกริยาต่อต้าน
จนแล้วจนรอด ผมหาเหตุให้กับตนเองต่าง ๆ นานา เพื่อไม่ใ้ห้ตัวเองต้องเดินเข้าป่าช้า
นี่กระมังอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการหาเหตุ เพื่ออ้าง นั่นคือข้ออ้าง ข้อแก้ตัวมากกว่า
แล้วคืนหนึ่ง ผมก็คิดว่า เราควรจะเดินเข้าป่าช้าดูสักครั้ง ก็เลยตัดสินใจเดินเข้าไปเพื่อสำรวจ "ความกลัว"
ปรากฎว่า กลัวจริง ๆ และกลัวมากด้วย กลัวจนตัวสั่น ไอ้ที่บอกว่าไม่กลัวนะ ปากกล้า แต่ ขาสั่น กลัวจริง ๆ ครับ
ต้องเดินเร็ว ๆ แต่พระอาจารย์ท่านก็บอกให้เดินช้า ๆ ไอ้เราก็ยิ่งกลัว ท่านก็ยิ่งสอนว่าให้หยุดพิจารณาก่อน
........................................................................
เรายิ่งกลัว ท่านก็ยิ่งสอนว่า "ให้หยุดพิจารณาก่อน"
........................................................................
"ช้า" หรือ "เร็ว"
"นก" หรือ "กระต่าย"
"น้ำขึ้นให้รีบตัก" หรือ "ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม"
ตอนนี้ผมเดินเข้าป่าช้าหุ้น มีความกลัวอยู่มากมาย ผมก็กลัว เช่นเดียวกันกับ คนอื่น ผมไม่ใช่ยอดมนุษย์มาจากไหน
แต่ยามใดที่เกิดความกลัว ผมก็จะ "หยุดพิจารณาก่อน" ทุกครั้ง การไม่ดูราคาหุ้นระหว่างชั่วโมงเทรดช่วยผมได้มากขึ้น
.........................................................................
แชร์ประสบการณ์ครับนั่นก็เป็นความตั้งใจนะครับ ผมก็หวังว่าตัวผมเองจะแก้ไขข้อบกพร่องได้ถูกจุด และทำในสิ่งที่ถูกต้องได้มากขึ้น
หากจำเป็นต้องขาดทุน ก็ขาดทุน แต่ผมมั่นใจว่าทุกครั้งที่ผมขาดทุนเงิน ผมจะได้กำไรโอกาส
หากผมเดินเข้าป่าช้าหุ้น และเห็นคนวิ่งเตลิดเพราะความกลัวขาดสติ
เห็นคนขายหุ้นที่ราคาต่ำสุดในแต่ละวัน
เพียงเพราะกลัวการขาดทุนเงินอันเนื่องมาจากหุ้นตกอย่างไร้เหตุผล
อาจนำมาสู่การกำไรโอกาสในการลงทุนครั้งใหม่ อย่างมีสติ
ผมยอมขาดทุนเงินแต่กำไรโอกาสครับ!
เพื่อความสำเร็จที่ยืนยาวเหนือกว่าครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 726
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 20
เยี่ยมยอดไปเลยครับ คุณ NB ผมเกือบตัดสินใจขายหุ้นดี ๆ ไปแล้วหลายรอบ ทั้ง ๆ ที่เป็นเพราะสภาวะตลาดรอบข้างเท่านั้น ส่วนตัวบริษัท พื้นฐานไม่เปลี่ยน
- VI Wannabe
- Verified User
- โพสต์: 1013
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 22
พี่ NB การที่เราปิดจอไม่ดูหุ้น มันเหมือนเราไม่เดินเข้าป่าช้าหรือเปล่าครับ?
( แบบไม่เผชิญหน้ากับสิ่งที่อาจทำให้เรากลัวโดยตรง )
( แบบไม่เผชิญหน้ากับสิ่งที่อาจทำให้เรากลัวโดยตรง )
"Attempt to be fearful when others are greedy and to be greedy only when others are fearful"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
"It's far better to buy a wonderful company at a fair price than a fair company at a wonderful price"
- wpong
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1336
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 24
หนังสือเล่มนี้เพิ่งเข้ามาที่ Asia Book กำลังลดราคาอยู่ อยากแนะนำ
ลองอ่าน Comment ใน Amazon กันก่อนนะครับ
แล้วมันเกี่ยวกะกระทู้นี้อย่างไรหละ
http://www.amazon.com/Warren-Buffett-Ar ... pd_sim_b_4
ลองอ่าน Comment ใน Amazon กันก่อนนะครับ
แล้วมันเกี่ยวกะกระทู้นี้อย่างไรหละ
http://www.amazon.com/Warren-Buffett-Ar ... pd_sim_b_4
- wpong
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1336
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 25
วรรคทอง Research Perfomance การลงทุนของ Buffet ครับ
Of the 261 investments, there were 59 of them involving the technique known as arbitrage. These 59 investments by themselves produced an extraordinary 81.3 percent annual return. If you took the 59 arbitrage investments out of the portfolio and assumed they never happened, the overall returns dropped from 39.4 percent to 26.9% annually during the 23 year period.
Of the 261 investments, there were 59 of them involving the technique known as arbitrage. These 59 investments by themselves produced an extraordinary 81.3 percent annual return. If you took the 59 arbitrage investments out of the portfolio and assumed they never happened, the overall returns dropped from 39.4 percent to 26.9% annually during the 23 year period.
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 26
ดูยังไงให้เป็นกระต่ายอ่ะ ผมดูเป็น นก ตลอดเลย --"Nevercry.boy เขียน: คุณมองออกรึเปล่าครับ ว่าเป็น "นก" หรือ "กระต่าย"
http://en.wikipedia.org/wiki/File:Duck- ... lusion.jpg
You only live once, but if you do it right, once is enough.
-
- Verified User
- โพสต์: 2606
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 27
พี่ NB ลึกซึ้งมากๆ เลยครับ
เรื่องการขาย ขายเมื่อไหร่ดี ผมเคยสงสัยเหมือนกันครับว่าทำไปคนเขียนหนังสือถึงได้พูดถึงน้อยกันจริงๆ ไม่เหมือนการเลือกหุ้น ซึ่งเขียนกันเป็นวักเป็นวา
เรื่องขายหุ้นนั้น เขียนนิดเดียวว่า
บัฟเฟต์ --> " ถือมันไปเรื่อยๆ ตราบใดที่มันเป็นกิจการที่ยอดเยี่ยมอยู่ "
ลินซ์ --> "อย่าตัดดอกไม้แล้วรดน้ำวัชพืช ขายหุ้นที่ขึ้นเพื่อไปซื้อตัวที่ยังไม่ขึ้น เป็นการกระทำที่ โง่ แล้ว การขายหุ้นที่ยังไม่ขึ้นแล้วไปซื้อตัวที่กำลังขึ้น นั้นก็โง่พอกัน (เพราะใช้ราคาเป็นตัวตัดสินใจ ไม่ใช่พื้นฐานของกิจการ ) "
ตอนนี้ผมคิดว่า ที่เค้าเขียนอธิบายกันน้อยๆ เพราะมันก็มีอยู่เท่านั้นเอง มันไม่มีอะไรยุ่งยาก
" ถือมันไปเรื่อยๆ ตราบใดที่มันเป็นกิจการที่ยอดเยี่ยมอยู่ " --ประโยคนี้บอกหมดเลย สุดยอดจริงๆ
เรื่องการขาย ขายเมื่อไหร่ดี ผมเคยสงสัยเหมือนกันครับว่าทำไปคนเขียนหนังสือถึงได้พูดถึงน้อยกันจริงๆ ไม่เหมือนการเลือกหุ้น ซึ่งเขียนกันเป็นวักเป็นวา
เรื่องขายหุ้นนั้น เขียนนิดเดียวว่า
บัฟเฟต์ --> " ถือมันไปเรื่อยๆ ตราบใดที่มันเป็นกิจการที่ยอดเยี่ยมอยู่ "
ลินซ์ --> "อย่าตัดดอกไม้แล้วรดน้ำวัชพืช ขายหุ้นที่ขึ้นเพื่อไปซื้อตัวที่ยังไม่ขึ้น เป็นการกระทำที่ โง่ แล้ว การขายหุ้นที่ยังไม่ขึ้นแล้วไปซื้อตัวที่กำลังขึ้น นั้นก็โง่พอกัน (เพราะใช้ราคาเป็นตัวตัดสินใจ ไม่ใช่พื้นฐานของกิจการ ) "
ตอนนี้ผมคิดว่า ที่เค้าเขียนอธิบายกันน้อยๆ เพราะมันก็มีอยู่เท่านั้นเอง มันไม่มีอะไรยุ่งยาก
" ถือมันไปเรื่อยๆ ตราบใดที่มันเป็นกิจการที่ยอดเยี่ยมอยู่ " --ประโยคนี้บอกหมดเลย สุดยอดจริงๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 29
ผมเคยขาย ADVANCE 74.25 ครับ
ไม่รู้ว่า low รึเปล่าเมื่อเร็วๆนี้
ตอนนั้นกลัวมาก แหละเกือบจะเสียที
กับ SMT@7 [email protected] แต่ผมปิดจอ
แล้วกลับมาถามตัวเองซื้อไปทำไม
แล้วจะขายไปทำไม เลยรอดมาได้
ขอบคุณประสบการณ์พี่ NB ครับ
ไม่รู้ว่า low รึเปล่าเมื่อเร็วๆนี้
ตอนนั้นกลัวมาก แหละเกือบจะเสียที
กับ SMT@7 [email protected] แต่ผมปิดจอ
แล้วกลับมาถามตัวเองซื้อไปทำไม
แล้วจะขายไปทำไม เลยรอดมาได้
ขอบคุณประสบการณ์พี่ NB ครับ
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากทราบวิธีที่จะขายได้ที่ราคาต่ำสุด
โพสต์ที่ 30
โดยสรุป ผมใช้การประเมินคุณค่าในการตัดสินใจขายGreen เขียน:พี่ NB ลึกซึ้งมากๆ เลยครับ
เรื่องการขาย ขายเมื่อไหร่ดี ผมเคยสงสัยเหมือนกันครับว่าทำไปคนเขียนหนังสือถึงได้พูดถึงน้อยกันจริงๆ ไม่เหมือนการเลือกหุ้น ซึ่งเขียนกันเป็นวักเป็นวา
อาจจะเป็นเพราะมีวิธีง่ายๆ คือ ทำตรงกันข้ามกับตอนซื้อมั้งครับ
เรื่องขายหุ้นนั้น เขียนนิดเดียวว่า
บัฟเฟต์ --> " ถือมันไปเรื่อยๆ ตราบใดที่มันเป็นกิจการที่ยอดเยี่ยมอยู่ "
อันนี้ผมไม่เห็นด้วย
เพราะผมไม่มีข้อจำกัดเหมือนบัฟเฟตต์ พอร์ทเขาใหญ่โตมโหฬารพอร์ทของผมเล็กจิ๋ว
เขากำไรจากการขายหุ้นเขาต้องเสียภาษี ผมไม่เสีย
แม้กิจการยังยอดเยี่ยมอยู่แต่ถ้าราคามัน overvalue ไปมาก ผมก็ขายไปซื้อตัวที่ยอดเยียมแต่
ราคายัง undervalue ได้
ลินซ์ --> "อย่าตัดดอกไม้แล้วรดน้ำวัชพืช ขายหุ้นที่ขึ้นเพื่อไปซื้อตัวที่ยังไม่ขึ้น เป็นการกระทำที่ โง่ แล้ว การขายหุ้นที่ยังไม่ขึ้นแล้วไปซื้อตัวที่กำลังขึ้น นั้นก็โง่พอกัน (เพราะใช้ราคาเป็นตัวตัดสินใจ ไม่ใช่พื้นฐานของกิจการ ) "
อันนี้เห็นด้วยอย่างยิ่ง
ตอนนี้ผมคิดว่า ที่เค้าเขียนอธิบายกันน้อยๆ เพราะมันก็มีอยู่เท่านั้นเอง มันไม่มีอะไรยุ่งยาก
" ถือมันไปเรื่อยๆ ตราบใดที่มันเป็นกิจการที่ยอดเยี่ยมอยู่ " --ประโยคนี้บอกหมดเลย สุดยอดจริงๆ
1. ถ้า fair value หรือ overvalue แล้วผมก็ขาย
2. หรือแม้แต่ยัง undervalue อยู่.ผมก็ขาย ถ้าไปเจอตัวที่ undervalue มากกว่าตัวเดิม
ผมว่าหลักการนี้ถูกต้องนะ
เพียงแต่เราเสียดายเพราะว่าราคาหุ้นมันยังวิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเราขายเรียบร้อยแล้ว แถมยังวิ่งไปซะเยอะ
ให้เจ็บใจเล่นๆ
ซึ่งถ้าเราทำใจได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร
กรณีแบบนี้เราควรทบทวนวิธีการประเมินมูลค่าของเราอีกครั้ง
ถ้าเราผิด เราก็แก้ไข
ถ้าเราไม่ผิด เราก็ไม่ต้องเสียดาย เพราะธรรมชาติของราคาหุ้นมันเป็นอย่างนี้เอง
ดังนั้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่หลักการ แต่อยู่ที่ตัวเราเอง
การแก้ไขหลักการเพื่อให้สอดคล้องกับตัวเรา
ก็เหมือนเราจะเปลี่ยนโลกให้ได้ดังใจเรา
ซึ่งเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเข็นภูเขาขึ้นครกเสียอีก
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด