กู้ทำไม
-
- Verified User
- โพสต์: 31
- ผู้ติดตาม: 0
กู้ทำไม
โพสต์ที่ 1
ถ้าใครซักคนมีเงินในกระเป๋ามากๆ มากพอที่จะจ่ายด้วยเงินสดในครั้งเดียว สำหรับค่าสินค้าราคาสูงจัดที่จะซื้อมาขายทำเงินต่อไปในอนาคตได้มหาศาลแบบไม่สะเทือน แต่เค้าเลือกที่จะเก็บเงินก้อนนั้นไว้ และไปกู้เงินก้อนโตระยะยาวจากธนาคารเพื่อซื้อสินค้านั้นแทน
ผมอยากทราบว่า มันมีเทคนิคหรือชั้นเชิงทางธุรกิจอะไรที่ ทางเลือกแบบหลังนั้นดีกว่า
ขอบคุณทุกคำตอบครับ
ผมอยากทราบว่า มันมีเทคนิคหรือชั้นเชิงทางธุรกิจอะไรที่ ทางเลือกแบบหลังนั้นดีกว่า
ขอบคุณทุกคำตอบครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1980
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กู้ทำไม
โพสต์ที่ 3
ถ้าคุณมีเงินสดจำนวนหนึ่ง
แล้วไปกู้เงินมาจ่ายที่ดอกเบี้ย7%
แสดงว่าคุณต้องนำเงินสดนั่นไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนมากกว่า7%
มันก็คุ้มค่าครับ
เท่านั้นเอง
แล้วไปกู้เงินมาจ่ายที่ดอกเบี้ย7%
แสดงว่าคุณต้องนำเงินสดนั่นไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนมากกว่า7%
มันก็คุ้มค่าครับ
เท่านั้นเอง
The mother of all evils is speculation, leverage debt. Bottom line, is borrowing to the hilt. And I hate to tell you this, but it's a bankrupt business model. It won't work. It's systemic, malignant, and it's global, like cancer.
- murder_doll
- Verified User
- โพสต์: 1608
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กู้ทำไม
โพสต์ที่ 5
ต้นทุนทางการเงินของ บจ แบ่งเป็น
1ต้นทุนของทุน
2ต้นทุนของการกู้
ซึ่งทำไมต้องกู้เพราะต้นทุนการกู้ยืมจะถูกกว่าต้นทุนส่วนของทุนมาก เอาง่ายๆว่าทำไมการกู้ถึงต้นทุนถูกกว่าเงินจากกระเป๋าเจ้าของ ลองคิดตามความเสี่ยงนะครับ ต้นทุนจากการควักเงินเองถือว่าเสี่ยงมากกว่าการกู้ยืม ตามสิทธิการไล่บี้เรียกเงินในกรณีที่บริษัทผิดกิจการ เจ้าหนี้จะมาก่อนส่วนทุน ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนปล่อยกู้ยอมได้รับผลตอบแทนที่น้อยกว่ากลุ่มที่เป็นเจ้าของเพราะความเสี่ยงของคุณน้อยกว่านั่นเอง
ถ้าอยากเห็นแบบเป็นตัวเลขลองคิด WACC (หาวิธีคำนวณได้จาก Google หรือหนังสือการเงินทั่วไป) ต้นทุนทางการเงินของ บจ. ออกมาดูครับ จะเห็นว่าส่วนของการกู้ยืมจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าส่วนทุนเสมอ ถึงได้มีการกู้ยืมกันแต่กู้มากไปก็ไม่ดีนะ :lovl:
เสริมได้เสมอครับ
1ต้นทุนของทุน
2ต้นทุนของการกู้
ซึ่งทำไมต้องกู้เพราะต้นทุนการกู้ยืมจะถูกกว่าต้นทุนส่วนของทุนมาก เอาง่ายๆว่าทำไมการกู้ถึงต้นทุนถูกกว่าเงินจากกระเป๋าเจ้าของ ลองคิดตามความเสี่ยงนะครับ ต้นทุนจากการควักเงินเองถือว่าเสี่ยงมากกว่าการกู้ยืม ตามสิทธิการไล่บี้เรียกเงินในกรณีที่บริษัทผิดกิจการ เจ้าหนี้จะมาก่อนส่วนทุน ดังนั้นถ้าคุณเป็นคนปล่อยกู้ยอมได้รับผลตอบแทนที่น้อยกว่ากลุ่มที่เป็นเจ้าของเพราะความเสี่ยงของคุณน้อยกว่านั่นเอง
ถ้าอยากเห็นแบบเป็นตัวเลขลองคิด WACC (หาวิธีคำนวณได้จาก Google หรือหนังสือการเงินทั่วไป) ต้นทุนทางการเงินของ บจ. ออกมาดูครับ จะเห็นว่าส่วนของการกู้ยืมจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าส่วนทุนเสมอ ถึงได้มีการกู้ยืมกันแต่กู้มากไปก็ไม่ดีนะ :lovl:
เสริมได้เสมอครับ
เงินทองเป็นของมายา
ข้าวปลาคือของจริง
ข้าวปลาคือของจริง
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3653
- ผู้ติดตาม: 0
Re: กู้ทำไม
โพสต์ที่ 7
การมีหนี้
ไม่ใช่เรื่องไม่ดี
ประเด็นคือ
กู้เงินมาแล้วเอาเงินไปทำอะไร
บริหารยังไง
ใช้จ่ายอย่างไรมากกว่า
เรื่องเงินกู้ที่มาจากเจ้าหนี้
จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าเงินที่มาจากส่วนของเจ้าของ
เพราะเจ้าหนี้
ต้องการดอกเบี้ย
ในขณะที่เจ้าของ
ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ย
เพราะหากเจ้าของออกตังค์ไปก่อน
แล้วได้ผลตอบแทนต่ำกว่าเจ้าหนี้
เจ้าของจะทำธุรกิจไปทำไม
สู้เอาเงินไปปล่อยให้คนอื่นเขากู้
แล้วทานดอกเบี้ย
ไม่ดีกว่าหรือ ?
ปล.
ส่วนตัว ผมคิดว่า หนี้ เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจครับ
ไม่ใช่เรื่องไม่ดี
ประเด็นคือ
กู้เงินมาแล้วเอาเงินไปทำอะไร
บริหารยังไง
ใช้จ่ายอย่างไรมากกว่า
เรื่องเงินกู้ที่มาจากเจ้าหนี้
จะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าเงินที่มาจากส่วนของเจ้าของ
เพราะเจ้าหนี้
ต้องการดอกเบี้ย
ในขณะที่เจ้าของ
ต้องการผลตอบแทนที่สูงกว่าดอกเบี้ย
เพราะหากเจ้าของออกตังค์ไปก่อน
แล้วได้ผลตอบแทนต่ำกว่าเจ้าหนี้
เจ้าของจะทำธุรกิจไปทำไม
สู้เอาเงินไปปล่อยให้คนอื่นเขากู้
แล้วทานดอกเบี้ย
ไม่ดีกว่าหรือ ?
ปล.
ส่วนตัว ผมคิดว่า หนี้ เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจครับ