มือขวาโซรอส:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

บทความต่างๆที่ตีพิมพ์ใน ThaiVI คุณสามารถแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม

โพสต์ โพสต์
PERFECT LUCKY
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 795
ผู้ติดตาม: 0

มือขวาโซรอส:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

Value Way ฉบับวันที่ 27 กันยายน 2553
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ

มือขวาโซรอส

นักลงทุนทุกท่านคงไม่มีใครไม่รู้จักจอร์จ โซรอส พ่อมดการเงินและนักเก็งกำไรระดับโลกที่สร้างตัวเองจากศูนย์จนเป็นเศรษฐีระดับหลายพันล้านดอลลาร์ แต่มีคนไม่มากนักที่รู้ว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของโซรอสในช่วงหลังนับตั้งแต่โซรอสปล้นแบงค์ชาติประเทศอังกฤษคือสแตนลี่ ดรักเคนมิลเลอร์ (Stanley Druckenmiller)

สแตนลี่เกิดเมื่อเมื่อปี 1953 เขาเริ่มงานในแวดวงการเงินครั้งแรกในปี 1977 จากการเป็นพนักงานของธนาคารพิสเบิร์ก (Pittsburgh National Bank) หลังจากนั้นหนึ่งปี เขาได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าส่วนงานวิเคราะห์หุ้นของธนาคารแห่งนี้ นอกจากนั้นในปี 1981 เขายังตั้งกองทุนของเขาเองชื่อ  Duquesne Capital Management ช่วงนั้นเขายังเป็นที่ปรึกษาของกองทุนไดร์ฟัส (Dreyfus Fund) ในนิวยอร์คอีกด้วย ในปี 1988 เขารู้จักโซรอสจากหนังสือเล่มแรกที่โซรอสเขียน (Alchemy of Finance) หลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้ สแตนลี่รู้สึกว่าเขาค้นพบหลักการที่เขาตามหามานานแล้วในเรื่องเกี่ยวกับการลงทุน เขาขอเข้าพบโซรอสและโซรอสรับเขาเข้าทำงานที่กองทุนควอนตัม (Quantum Fund) ในปีเดียวกัน

ในปี 1992 เขาเป็นคนที่แนะนำโซรอสให้ขายชอร์ตเงินปอนด์ของอังกฤษ เนื่องจากในช่วงนั้นประเทศในสมาชิกสมาคมยุโรปเริ่มใช้ระบบเงินร่วมกันเพื่อเป็นการนำร่องก่อนการใช้เงินสกุลเดียว อังกฤษตกลงยอมเข้าร่วมการผูกติดกับตระกร้าเงินยุโรป (ERM) เช่นเดียวกับเยอรมัน อิตาลี ฝรั่งเศสและชาติยุโรปอื่นๆ สถานการณ์เศรษฐกิจในยุโรปช่วงนั้นไม่ดีนัก อังกฤษมีปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำเช่นเดียวกับอิตาลี อังกฤษต้องการให้ดอกเบี้ยของสหภาพยุโรปลดลง แต่เยอรมันซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งที่สุดและกำลังอยู่ระหว่างการรวมประเทศเยอรมันตะวันออกและเยอรมันตะวันตกไม่ยอมลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้เงินปอนด์มีมูลค่าสูงเกินไปเพราะต้องผูกติดกับตระกร้าเงินยุโรป นักเก็งกำไรค่าเงินจึงคาดการณ์ว่าค่าเงินปอนด์จะต้องอ่อนค่าลงจึงขายชอร์ตเงินปอนด์เป็นจำนวนมาก รัฐบาลอังกฤษสมัยนั้นไม่ยอมแพ้นำเงินทุนสำรองออกมาต่อสู้กับนักเก็งกำไร

ในช่วงแรกสแตนลี่แจ้งให้โซรอสทราบว่ากองทุนควอนตัมของพวกเขากำลังขายชอร์ตเงินปอนด์อยู่จำนวน 500 ล้านเหรียญ เมื่อโซรอสได้ยินเรื่องนี้กลับบอกว่านั่นหรือที่เรียกกันว่าสถานะลงทุน โซรอสสั่งเพิ่มวงเงินเป็น 2-3 พันล้านเหรียญ หลังจากนั้นไม่นานนักโซรอสที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากยุโรปจากการเข้าร่วมสัมมนาของการเงินระหว่างประเทศได้บอกให้สแตนลี่ขายชอร์ตเงินปอนด์เพิ่มเป็นจำนวนเงินถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพราะโซรอสมั่นใจว่าเงินปอนด์คงไปไม่รอดแน่ๆ หลังจากนั้นอีกไม่กี่สัปดาห์ ธนาคารชาติอังกฤษต้องถอนเงินปอนด์ออกจากตระกร้าเงินยุโรป ค่าเงินปอนด์ลดลงไป 10% โซรอสทำเงินได้ทันที 1 พันล้านดออลาร์และได้ฉายาว่าบุรุษผู้ปล้นแบงค์ชาติอังกฤษนับแต่นั้นเป็นต้นมา

สแตนลี่ทำงานกับโซรอสจนถึงปี 2000 และออกจากกองทุนควอนตัมเมื่อกองทุนต้องขาดทุนจากการซื้อหุ้นเทคโนโลยี่ที่ตกต่ำอย่างมาก จากนั้นเขากลับมาบริหารกองทุน Duquesne ของเขาเองซึ่งทำผลงานได้อย่างดีตลอดช่วงที่ผ่านมารวมถึงการทำกำไรได้ในช่วงที่เกิดวิกฤติซัพไพร์มจนกองทุนมีขนาดมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ล่าสุดในเดือนสิงหาคมปีนี้ สแตนลี่ตัดสินใจปิดกองทุนของเขาโดยให้เหตุผลว่าผลงานของกองทุนไม่เป็นที่น่าพอใจ และการที่กองทุนมีขนาดใหญ่มากเกินไป

จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บ สแตนลี่รวยเป็นอันดับที่ 91 ของอเมริกาด้วยทรัพย์สิน 3.5 พันล้านเหรียญ
Miracle Happens Everyday !
"ปาฎิหารย์คือการเดินบนผืนดินและมีความสุขในทุกย่างก้าว" :)
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

มือขวาโซรอส:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ความคิดเห็นมีอคติเสมอ
    โปรดอ่านด้วยการปกป้องอคติของท่าน
   
    ผมมีความคิดเห็นอย่างนี้ครับ สิ่งที่แรบไบโซรอสสอนท่าน ดรักเคนมิลเลอร์ที่เด่นชัดที่สุดคือเรื่อง expected value mindset
     ลูกศิษย์ท่านนี้บอกว่าสิ่งที่อาจารย์สอนนั้นมีตอนหนึ่งท่านบอกไว้ว่า    มันไม่สำคัญหรอกว่าคุณจะผิดหรือถูกบ่อยสักแค่ไหน สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ คุณทำเงินได้มากแค่ไหน เมื่อเทียบกับการขาดทุนของคุณเมื่อคุณคิดผิดไป

    จำเรื่องของ Bath Ruth หรือชื่อจริงว่า จอร์จ เฮอร์มาน รูธ ฮีโร่นักเบสบอลของชาวนิวยอร์คและคนอเมริกันทั้งประเทศ และอาจกล่าวได้ว่าเขานั้นเป็นนักกีฬาที่กลายเป็นตำนานคนหนึ่งเลยทีเดียว โดยเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะของความสามารถในการทำโฮมรันของเขา อย่างไรก็ตาม มีบางสิ่งที่มักจะถูกมองข้ามและไม่ได้พูดถึงไป นั่นก็คือ เขาตีลูกพลาดเยอะมากๆ ความจริงแล้วก็คือ เขามีสถิติการตีลูกโดนโดยเฉลี่ยเพียง .342 เท่านั้น นั่นหมายถึงว่าเขาตีลูกพลาดไปถึง 2 ใน 3 ครั้งทีเดียว

    หากมองจากในมุมของตัวเลขที่เกิดขึ้นนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นหมายถึงเขาทำล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จไปเยอะมาก แต่เมื่อไหร่ที่เขาตีโดนเข้าล่ะก็ จะเกิดอะไรขึ้นน่ะหรือ?.. นั่นสามารถทำให้ผู้ขว้างของฝ่ายตรงข้ามถึงกับฝันร้ายได้เลยทีเดียว และนั่นเป็นเหตุผลหนึ่งว่าทำไมชื่อของเขายังคงกึกก้องอยู่ในวงการกีฬาทุกๆวันนี้

   เบบ รูธ นั้นเข้าใจเป็นอย่างดีว่า การตีลูกโฮมรันถูกเพียงครั้งเดียวนั้น มีผลกระทบต่อเกมมากกว่าการตีลูกแล้วไม่โดนของเขาเยอะมาก และเขาได้อธิบายปรัชญาในการเล่นของเขาง่ายๆด้วยประโยคสั้นๆดังนี้

    ทุกๆครั้งที่ผมตีลูกไม่โดน(Strike) นั่นหมายถึงว่าผมกำลังเข้าไกล้โฮมรันของผมขึ้นไปเรื่อยๆแล้ว

   ประโยคนี้ทำให้คิดถึง Thomas Edison ที่เคยกล่าวว่า

 "I have not failed, I have just found 10000 ways that won't work."
     
     อย่างหนึ่งต้องกล่าวถึง ท่านดรักเคนมิลเลอร์ เป็นเซียนไพ่ poker เหมือน trader Stenven Cohen ตั้งแต่อายุยังน้อย  ผมเคยอ่านว่า Warren Buffett ชอบเล่นไพ่ poker มากทีเดียว ต้องถามผู้รู้ท่านอื่นมา confirm  เรื่อง ท่าน Buffett ผมรู้น้อยมาก รู้แต่ว่าท่านบอกว่า ผมอาจผิดนะครับ ถ้าในวัยเด็ก พลาดการเล่น poker ไป  พลาดทักษะอะไรไปหลายอย่างทีเดียว

  ถ้าพูดถึง Charlie Munger ท่านใช้เวลาช่วงหนึ่งระหว่างประจำการรับราชการทหารในการเล่น poker  เกมนี้ช่วยฝึกทักษะในการทำธุรกิจของท่านในเวลาต่อมา

    ผมพอทราบว่า  poker สอนเรื่อง expected value mindset ได้เป็นอย่างดี
I used to play poker, when I was young, with a guy who made a substantial living doing nothing but bet harness races. Now, harness racing is a relatively inefficient market. You dont have the debt of intelligence betting on harness races that you do on regular races. What my poker pal would do was to think about harness as his main profession. And he would bet only occationally when he saw some mispriced bet available. And by doing that, after paying the full handle to the house - which I presume was around seventeen percent - he made a substantial living.

You have to say thats rare. However, the market was not perfectly efficient. And if it werent for that big seventeen percent handle, lots of people would regularly be beating lots of other people at the horse races. Its efficient, yea. But its not perfectly efficient. And with enough shrewdness and fanaticism, some people will get better results than others.

The stock market is the same - except the house handle is so much lower. If you take transaction costs - the spread between the bid and the ask plus the commissions - and if you dont trade too actively, youre talking about fairly low transaction costs. So that, with enough fanaticism and enough discipline, some of the shrewd people are going to get way better results than average in the nature of things.
  พุดถึงเซียน poker ต้องพูดถึงท่าน
Puggy Pearson
มีหลายเรื่องที่เราสามารถเรียนรู้จากชายผู้นี้ครับ..

เขาเสียไปสัก 2 ปี กว่าแล้วครับ เกิดมาจนมากครับ จบแค่ ป.3 แต่สามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้
เขาชนะเกม World Series of Poker 1973
เล่น pool เก่ง ติดอันดับ 10 ของประเทศอเมริกา
เล่น กอล์ฟเก่ง เก่งกว่านักกอล์ฟอาชีพ
อะไรที่พนัน เขาสนใจหมด
มีคนไปถามเคล็ดลับความสำเร็จ เขาบอกมา 3 อย่าง
หนึ่ง รู้จัก odd  60:40
ผมแปล odd เป็นไทยไม่ได้จริงๆ ใครร้ช่วยบอกที แปลแบบผมก็เรื่อง expected value
สองรู้จักการบริหารเงิน..money management
สาม.รู้จักตัวเอง..knowing self

เขาบอกว่ามันคือ Psychology  เล่นกับตัวเองไม่พอ ต้องเล่นกับความคิดคนอื่นด้วย เขาบอกว่า เกมทุกเกมมีผู้อื่นอื่นเข้ามาเกี่ยว บางทีเราสู้เขาไม่ได้ แต่เกมมันขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และสถานการณ์ บางคนกอดตำราไว้แน่น เหมือนกอดตำราพิชัยสงคราม ถึงรู้ก็ไม่แน่ว่าชนะเสมอไป เขาชนะคนที่เก่งกว่าเขามานับไม่ถ้วน ต้องรู้จักจิตวิทยาของเกม เขาบอกสามอย่างนี้ เขาให้ความสำคัญจิตวิทยามากที่สุด.

   ท่านมัดเคยกล่าวถึงเกม poker ว่า
   ตัวอย่างบางส่วนสำหรับ เฮดจ์ฟันกับpoker  ถ้าเราเก็บสถิติของเฮดจ์ฟันประเภท close fund มาดูแล้วจะเห็นได้ว่า เทรดเดอร์หลายคนนั้นเชี่ยวชาญ poker , chess ,จิตวิทยา,math และ ปรัชญา ถึง 80% ซึ่งหัวข้อเหล่านี้กลายมาเป็น คุณสมบัติพื้นฐานในการรับสมัครเทรดเดอร์ เฮดจ์ฟันแบบ close fund ในปัจจุบัน ซึ่งผู้สมัครต้องเชี่ยวชาญ 3 อย่างใน 6 อย่างนี้

   Poker ถือเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญ ต่อคนที่จะเป็นเทรดเดอร์ในเฮดจ์ฟัน หรือจะทำเฮดจ์ฟันของตัวเอง เพราะ Poker นั้น ช่วยให้เราสามารถดำรงอยุ่ภายใต้สถานการณ์ที่เราควบคุมไม่ได้ ซึ่งเราต้องงัดวิธีการต่างๆเพื่อที่จะเอาตัวรอดให้ได้ ไม่ว่าจะเป็น หลักการต่างๆ เช่น money management, Bet kill ในสถานการณ์ที่ควรจะทำ เพื่อสร้างโอกาส winning hand ให้เราสูงขึ้น หรือแม้แต่การอ่านคน รวมถึงยังช่วยให้เราแข็งแกร่งในเกมส์ที่ต้องต่อสุ้กับคนด้วยกันเองอีกด้วย
humdrum
Verified User
โพสต์: 1961
ผู้ติดตาม: 0

มือขวาโซรอส:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ผมติดเรื่อง expected value mindset  ในแง่มุมอื่นๆ  มาฝากครับ
 เรื่อง : โทมัส เอดิสัน ผู้ล้มเหลวเกือบหมื่นครั้ง แต่ไม่เคยยอมแพ้
คัดลอกบางตอนมาจาก ::
หนังสือมีขันติ คือให้พรแก่ตัวเอง
โดย พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

ความล้มเหลวหลายๆ อย่างในชีวิต
เป็นเพราะคนเราไม่ตระหนักว่า
พวกเขาอยู่ใกล้ความสำเร็จแค่ไหน
ตอนที่เขายอมแพ้

เป็นคำยืนยันของนักประดิษฐ์
ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของโลก

คือ โทมัส เอดิสัน

ชายผู้นี้หูหนวกตั้งแต่เด็ก
เขาไม่สามารถได้ยินอะไรชัด
ทำให้เขาเรียนที่โรงเรียนได้ไม่ดีและที่โรงเรียน
ให้สมญานามเขาว่าเป็น ไข่เน่าของชั้นเรียน
แต่เอดิสันมีแม่ที่เข้าใจเขา คอยดูแลและอยู่เคียงข้าง
เป็นกำลังใจให้เขาเสมอ เอดิสันต้องเข้าๆ ออกๆ
โรงเรียนหลายแห่ง

แม่ของเขา ได้เป็นผู้สอนหนังสือ
ให้เขาและยอมให้เขาเรียนรู้ด้วยตนเอง
กำลังใจจากแม่ ทำให้เอดิสันอ่านหนังสือมากขึ้น
เขาสนุกสนานกับการทดลองต่างๆ
ที่เขาอ่านจากหนังสือ ความอยากรู้ อยากเห็น
ทำให้เขาได้ทดลองวิทยาศาสตร์ต่างๆ มากมาย
แม้การทดลองหลายครั้งจะมีความผิดพลาดและไม่ได้ผล
แต่แม่คือผู้ที่พูดให้กำลังใจแก่เอดิสันอยู่เสมอ

ปลูกฝังให้เขา
มีทัศนคติที่ดีต่อการทำงาน
เอดิสันมองเห็นความผิดพลาดเป็นบทเรียน
มากกว่าจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้เขาท้อถอย
ดังเช่นในการทดลองเพื่อคิดค้นหลอดไฟ
ซึ่งเป็นผลงานประดิษฐ์ชิ้นสำคัญของเขา
เมื่อผู้ช่วยของเอดิสันกล่าวกับเขาว่า
เราทำการทดลองมา 700 ครั้งแล้ว
แต่เรายังไม่มีคำตอบ เราล้มเหลวเสียแล้ว

แต่เอดิสันกลับตอบว่า
เปล่าหรอก เรายังไม่ล้มเหลว
เรารู้มากกว่าใครๆ ในโลกในเรื่องนี้
และเรายังรู้อีกว่ามี 700 วิธีที่ไม่ควรทำ
อย่าเรียกว่า ความผิดพลาด
แต่ให้เรียกว่า เป็นการเรียนรู้

นอกจากโทมัส เอดิสัน
จะฝากผลงานทางวิทยาศาสตร์ไว้แก่โลกอย่างมากมาย
ด้วยผลงานประดิษฐ์ซึ่งจดสิทธิบัตรไว้มากกว่า 1,000 ชิ้นแล้ว
เขายังได้ฝากข้อคิด
เพื่อการก้าวไปสู่ความสำเร็จไว้อย่างน่าฟังว่า

ความสำเร็จที่เขาได้รับนั้น
10% เกิดจากแรงบันดาลใจ
อีก 90% มาจากความทุ่มเท
ด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย
ภาพประจำตัวสมาชิก
peacedev
Verified User
โพสต์: 668
ผู้ติดตาม: 0

มือขวาโซรอส:ValueWay วิบูลย์ พึงประเสริฐ

โพสต์ที่ 4

โพสต์

ขอบคุณสำหรับบทความครับ

ขอบคุณพี่ humdrum ที่แชร์ข้อมูลเสริมครับ
โพสต์โพสต์