อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 1
ผมคิดว่าถ้าลงทุนยังไม่ถึง5ปี
ถือว่าเป็นมือใหม่ครับ
ยิ่งไม่เคยผ่านวิกฤตตลาดตกหนักๆๆๆ
เช่น ปี2540 จาก1700จุดลงมาถึง200กว่าๆ
เหมือนยังไม่จบหลักสูตรการลงทุน
ถ้าเป็นสำนักเสียวลิ้ม
ก็ยังไม่ได้ยกกระถางธูปตอนลงจากสำนัก
ผมเองเพิ่งลงทุนครบ3ปีเต็ม
และคิดว่าพวกเราชาวviเกินครึ่ง
เพิ่งเข้ามาลงทุนแบบยังละอ่อนๆ(ซิงๆ)
ถ้ามองย้อนหลังดูจะเห็นว่า
ตลาดเป็นขาขึ้นมาตลอดตั้งแต่2540
แม้จะมีบางช่วงขึ้นๆลงๆ
แต่ดัชนีก็ยังบวกมากกว่าปี2540มาก
ยังไม่เคยเจอ"ซึนามิ"ของตลาดเลย
อยากรู้ว่าประสบการณ์ของพวกเรา
ไม่ว่าจะลงทุนแนวไหนก็ตาม
เป็นยังงัยบ้างในช่วงนั้น
และผ่านมาได้ยังงัย
เพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับรุ่นน้องๆครับ
ถือว่าเป็นมือใหม่ครับ
ยิ่งไม่เคยผ่านวิกฤตตลาดตกหนักๆๆๆ
เช่น ปี2540 จาก1700จุดลงมาถึง200กว่าๆ
เหมือนยังไม่จบหลักสูตรการลงทุน
ถ้าเป็นสำนักเสียวลิ้ม
ก็ยังไม่ได้ยกกระถางธูปตอนลงจากสำนัก
ผมเองเพิ่งลงทุนครบ3ปีเต็ม
และคิดว่าพวกเราชาวviเกินครึ่ง
เพิ่งเข้ามาลงทุนแบบยังละอ่อนๆ(ซิงๆ)
ถ้ามองย้อนหลังดูจะเห็นว่า
ตลาดเป็นขาขึ้นมาตลอดตั้งแต่2540
แม้จะมีบางช่วงขึ้นๆลงๆ
แต่ดัชนีก็ยังบวกมากกว่าปี2540มาก
ยังไม่เคยเจอ"ซึนามิ"ของตลาดเลย
อยากรู้ว่าประสบการณ์ของพวกเรา
ไม่ว่าจะลงทุนแนวไหนก็ตาม
เป็นยังงัยบ้างในช่วงนั้น
และผ่านมาได้ยังงัย
เพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับรุ่นน้องๆครับ
หนักแน่นในแนวทางviพันธ์แท้
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 3
8) พี่ประจวบ
เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยคิด ไม่เคยฝัน ไม่เคยเกิดขึ้น
เป็นครั้งแรกที่ตกลงมาแบบนับ%ไม่ถูกครับ
ที่เห็นก็น่าจะมี ลุงขวด พี่ครรชิต เฮียเอี๋ยว เฮียคลายเครียด
ยาจกซู คุณปีเตอร์ชาง คุณอยากเชือก คุณสุเกียง และอีกหลายๆคน
สมัยนั้นมีแต่ข่าวดีครับ
เช้าขึ้นมาก็ขับรถไปห้องค้า
ฟังเสียงหวานๆของมาร์เก็ตติ้งพูดจากข้อมูลที่บริษัทใหญ่
ส่งแฟ็กซ์มาให้ พร้อมบอกตัวหุ้นให้ซื้อ แนวต้านแนวรับ
เหมือนนัดกันทุกโบรก
สมัยนั้นเขาไม่ได้สอนให้คัตล๊อต
สอนแต่ถัวเฉลี่ยครับ ลง10% 20% ก็ซื้อเพิ่มไปเรื่อยๆ
อินเตอร์เน็ตยังไม่มี
ไม่รู้จะขอความเห็นจากใคร นอกจากมาร์เก็ตติ้ง กับ ผอ.ห้องค้า
ผมซื้อคอมตอนนั้นแสนกว่าบาท
ตอนดัชนี700กว่าจุด ซื้อคอมเขาจะสอนให้ดูโปรแกรมเทคนิค
เป็นกราฟแท่งเทียน อยู่บ้านนอกไม่มีโอกาสมากนัก
ก่อนเปิดตลาดจะเข้าไปนั่งดูกราฟในห้องVIP สำหรับขาใหญ่
กราฟปูนใหญ่สวยมาก ฝารั่งซื้อปูนใหญ่จาก500กว่าบาท
จนถึงราคา1,200บาท มีเงิน2แสนไม่พอซื้อ200หุ้นเลยครับ
สมัยนั้นซิลลิ่ง-ฟลอ10% แล้วหุ้นมันก็ขึ้นได้หลายซิลลิ่งติดต่อกัน
แต่ตอนขาลง มันก็ฟลอได้ทั้ง7วัน
มาร์จิ้น
คือจุดตายของรายย่อย เพราะหุ้นลงมาระดับหนึ่ง
ต้องหาตั๋วเงินมาวางค้ำหรือที่ดิน-อาคารพานิชย์
ถ้าไม่มีทรัพย์สินมาวางค้ำ ก็จะถูกฟอสเซลล์
ฝารั่งมันเล่นมาก่อนคนไทย เห็นช่องว่างตรงนี้
เขาก็เลยช๊อตหุ้นกันสนุก ด้วยการไปเช่าหุ้นมา
และรับส่วนต่างของราคาไป
ต่อมาก็เริ่มมีการพนันดัชนีที่ตลาดสิงคโปร์-ไต้หวัน
เมื่อมีบริษัทหนึ่งซื้อที่สูง บริษัทหนึ่งซื้อที่ต่ำ
เหมือนแทงเลขเอาไว้
ที่แทงลง ก็บอกกองทุนในเครือเทขายหุ้นให้ดัชนีลง
ที่แทงขึ้นก็พยายามดันขึ้น
รู้อย่างงี้ทำไมยังเสีย
ก็มารู้ตอนเขาจบเกมส์ล่าส่วนเกินของเฮียคลายเครียดว่าน่ะครับ
ถ้าอ่านเกมส์เขาออกเราก็รวย
อย่างการปั่นหุ้น พวกนักปั่นก็ต้องไปตกลงกับเจ้าของบริษัท
อย่าเอาหุ้นมาเทขายให้เขาดันขึ้นไปถึงระดับที่ต้องการแล้วค่อยขายใกล้ๆกัน
สรุป ได้เงินทั้งนักปั่น และเจ้าของบริษัท
สมัยนั้น ไม่มีคำว่า...ธรรมมาภิบาล
ดูวันนี้ข่าวผู้บริหารBBC ขึ้นศาลซิครับ
เวรกำลังตามทัน
ตอนนั้นเสี่ยสองกับรายย่อยซื้อหุ้นที่เขาเทขาย
ออกมาแบบไม่ให้ผ่านแนวต้าน ซื้อเท่าไหร่ก็ซื้อไม่หมด
เสี่ยสองก็ไม่รู้ต่อก๊อกไปดูดเงินที่ไหนมาซื้อจนเกือบจะเทคโอเวอร์แบ๊งค์สตางค์แดง
ด้วยความสัมพันธ์กับคณะผู้บริหารธ.ประเทศไทย
แจ้งข้อหาปั่นหุ้นเพราะเสี่ยสองซื้อแล้วไม่ยอมขาย
สุดท้ายศาลยุติรรม ก็ยังคงความยุติธรรมไว้ คือตัดสินไม่ผิด
แล้วแบ๊งค์ก็ล่มสลาย เพราะพ่อมดการเงินราเกรซ บินไปเสวยสุขบนกองเงินกองทองที่เมืองนอก เกริเกียรติต้องรับกรรมแล้ววันนี้
ถ้าเป็นสมัยนี้ เกริกเกียรติคงมีทางแก้
คือพิมพ์W ออกมาขายเอาเงินไปไล่ซื้อหุ้นคืน
ก็เข้าแผนเสี่ยสองอีกตามเคย
เพราะเขาซื้อเพื่อให้เจ้าของมาไล่ซื้อหุ้นคืน
มันเป็นเกมส์กินตังค์
เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยคิด ไม่เคยฝัน ไม่เคยเกิดขึ้น
เป็นครั้งแรกที่ตกลงมาแบบนับ%ไม่ถูกครับ
ที่เห็นก็น่าจะมี ลุงขวด พี่ครรชิต เฮียเอี๋ยว เฮียคลายเครียด
ยาจกซู คุณปีเตอร์ชาง คุณอยากเชือก คุณสุเกียง และอีกหลายๆคน
สมัยนั้นมีแต่ข่าวดีครับ
เช้าขึ้นมาก็ขับรถไปห้องค้า
ฟังเสียงหวานๆของมาร์เก็ตติ้งพูดจากข้อมูลที่บริษัทใหญ่
ส่งแฟ็กซ์มาให้ พร้อมบอกตัวหุ้นให้ซื้อ แนวต้านแนวรับ
เหมือนนัดกันทุกโบรก
สมัยนั้นเขาไม่ได้สอนให้คัตล๊อต
สอนแต่ถัวเฉลี่ยครับ ลง10% 20% ก็ซื้อเพิ่มไปเรื่อยๆ
อินเตอร์เน็ตยังไม่มี
ไม่รู้จะขอความเห็นจากใคร นอกจากมาร์เก็ตติ้ง กับ ผอ.ห้องค้า
ผมซื้อคอมตอนนั้นแสนกว่าบาท
ตอนดัชนี700กว่าจุด ซื้อคอมเขาจะสอนให้ดูโปรแกรมเทคนิค
เป็นกราฟแท่งเทียน อยู่บ้านนอกไม่มีโอกาสมากนัก
ก่อนเปิดตลาดจะเข้าไปนั่งดูกราฟในห้องVIP สำหรับขาใหญ่
กราฟปูนใหญ่สวยมาก ฝารั่งซื้อปูนใหญ่จาก500กว่าบาท
จนถึงราคา1,200บาท มีเงิน2แสนไม่พอซื้อ200หุ้นเลยครับ
สมัยนั้นซิลลิ่ง-ฟลอ10% แล้วหุ้นมันก็ขึ้นได้หลายซิลลิ่งติดต่อกัน
แต่ตอนขาลง มันก็ฟลอได้ทั้ง7วัน
มาร์จิ้น
คือจุดตายของรายย่อย เพราะหุ้นลงมาระดับหนึ่ง
ต้องหาตั๋วเงินมาวางค้ำหรือที่ดิน-อาคารพานิชย์
ถ้าไม่มีทรัพย์สินมาวางค้ำ ก็จะถูกฟอสเซลล์
ฝารั่งมันเล่นมาก่อนคนไทย เห็นช่องว่างตรงนี้
เขาก็เลยช๊อตหุ้นกันสนุก ด้วยการไปเช่าหุ้นมา
และรับส่วนต่างของราคาไป
ต่อมาก็เริ่มมีการพนันดัชนีที่ตลาดสิงคโปร์-ไต้หวัน
เมื่อมีบริษัทหนึ่งซื้อที่สูง บริษัทหนึ่งซื้อที่ต่ำ
เหมือนแทงเลขเอาไว้
ที่แทงลง ก็บอกกองทุนในเครือเทขายหุ้นให้ดัชนีลง
ที่แทงขึ้นก็พยายามดันขึ้น
รู้อย่างงี้ทำไมยังเสีย
ก็มารู้ตอนเขาจบเกมส์ล่าส่วนเกินของเฮียคลายเครียดว่าน่ะครับ
ถ้าอ่านเกมส์เขาออกเราก็รวย
อย่างการปั่นหุ้น พวกนักปั่นก็ต้องไปตกลงกับเจ้าของบริษัท
อย่าเอาหุ้นมาเทขายให้เขาดันขึ้นไปถึงระดับที่ต้องการแล้วค่อยขายใกล้ๆกัน
สรุป ได้เงินทั้งนักปั่น และเจ้าของบริษัท
สมัยนั้น ไม่มีคำว่า...ธรรมมาภิบาล
ดูวันนี้ข่าวผู้บริหารBBC ขึ้นศาลซิครับ
เวรกำลังตามทัน
ตอนนั้นเสี่ยสองกับรายย่อยซื้อหุ้นที่เขาเทขาย
ออกมาแบบไม่ให้ผ่านแนวต้าน ซื้อเท่าไหร่ก็ซื้อไม่หมด
เสี่ยสองก็ไม่รู้ต่อก๊อกไปดูดเงินที่ไหนมาซื้อจนเกือบจะเทคโอเวอร์แบ๊งค์สตางค์แดง
ด้วยความสัมพันธ์กับคณะผู้บริหารธ.ประเทศไทย
แจ้งข้อหาปั่นหุ้นเพราะเสี่ยสองซื้อแล้วไม่ยอมขาย
สุดท้ายศาลยุติรรม ก็ยังคงความยุติธรรมไว้ คือตัดสินไม่ผิด
แล้วแบ๊งค์ก็ล่มสลาย เพราะพ่อมดการเงินราเกรซ บินไปเสวยสุขบนกองเงินกองทองที่เมืองนอก เกริเกียรติต้องรับกรรมแล้ววันนี้
ถ้าเป็นสมัยนี้ เกริกเกียรติคงมีทางแก้
คือพิมพ์W ออกมาขายเอาเงินไปไล่ซื้อหุ้นคืน
ก็เข้าแผนเสี่ยสองอีกตามเคย
เพราะเขาซื้อเพื่อให้เจ้าของมาไล่ซื้อหุ้นคืน
มันเป็นเกมส์กินตังค์
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 4
เคยเล่น แต่ก็เลิกเล่น เล่นสมัยเจเอฟ ไม่รู้ดัชนีเท่าไรจำบ่อได้แล้ว น่าจะ ก่อน 900 สาเหตุที่เลิกเล่น เพราะไม่รู้เรื่องเลย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ไม่รู้จะคุยกะใคร เพราะเล่นคนเดียว ดู หน้าจอเล็กๆ คนเดียว มันมีราคาบอกมาทางโฟนลิ้ง 6000 บาทต่อเดือน แพงมาก ไม่ได้เรื่องเลย
ก็เลยรอดมาได้ครับ ท่านพี่จวบ
ก็เลยรอดมาได้ครับ ท่านพี่จวบ
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 8
ปี35-36
หมด เงิน
หมดสภาพ
ออกจากตลาด
ปี37
กลับเข้าไปใหม่
การออกจากตลาดคือ หยุดเทรดหุ้น
แต่หนังสือพิมพ์ ข่าว เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนอ่านทุกวัน
ค้นดูผลประกอบการหุ้นตลอดเมื่อประกาศ
แล้วค้นดูกราฟด้วย
ถ้าผลประกอบการดี แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหน หรือ ลง
เริ่มเข้าตลาด
ก็ซื้อไว้บ้าง ราคาหุ้นจะขานรับกับผลประกอบการ
แต่ถ้าผลประกอบการแย่ ราคาหุ้นขึ้นเพราะแรงเจ้ามือหรือเก็งกำไรก็ต้อง ขาย
คนเล่นหุ้นแล้วเลิกยาก
นอกเสียจากไม่ตามข่าว ยอมรับสภาพ เลิก
แต่ส่วนใหญ่ ขอแก้ตัว ขอเอาคืน
ส่วนเรื่องจะพัฒนาการ ปรับตัว หารูปแบบการลงทุน อื่นๆ เดิมๆ
แล้วแต่ตัวบุคคล
หมด เงิน
หมดสภาพ
ออกจากตลาด
ปี37
กลับเข้าไปใหม่
การออกจากตลาดคือ หยุดเทรดหุ้น
แต่หนังสือพิมพ์ ข่าว เกี่ยวกับบริษัทจดทะเบียนอ่านทุกวัน
ค้นดูผลประกอบการหุ้นตลอดเมื่อประกาศ
แล้วค้นดูกราฟด้วย
ถ้าผลประกอบการดี แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหน หรือ ลง
เริ่มเข้าตลาด
ก็ซื้อไว้บ้าง ราคาหุ้นจะขานรับกับผลประกอบการ
แต่ถ้าผลประกอบการแย่ ราคาหุ้นขึ้นเพราะแรงเจ้ามือหรือเก็งกำไรก็ต้อง ขาย
คนเล่นหุ้นแล้วเลิกยาก
นอกเสียจากไม่ตามข่าว ยอมรับสภาพ เลิก
แต่ส่วนใหญ่ ขอแก้ตัว ขอเอาคืน
ส่วนเรื่องจะพัฒนาการ ปรับตัว หารูปแบบการลงทุน อื่นๆ เดิมๆ
แล้วแต่ตัวบุคคล
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 9
ผมยังเป็นมือใหม่อยู่ครับ ไม่มีประสบการณ์
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 10
เหตุที่ผมตั้งกระทู้นี้ไม่ใช่เห็นอะไรครับ
ได้ดูดร.ทนง พิทยะออกรายการmoney talk
บอกว่า
ตั้งแต่เกิดซึนามิ
ทำให้เห็นสัจจธรรมว่า
ไม่มีการลงทุนอะไรที่ไม่มีความเสี่ยง
ขนาดภาคใต้อยู่ดีๆยังล่มได้ในชั่วพริบตา
ถ้าดัชนีตกจาก1700ถึง200+
vi หรือ non viก็เละทั้งนั้นแหละครับ
ที่สำคัญคือเอาตัวรอดมาได้งัย
cut lossหรือ
ถือมาจนหุ้นที่ถือฟื้นตัวขึ้นมาใหม่หรือ
หาเงินเอาลงทุนก้อนใหม่
แต่ที่สำคัญผมว่าต้องแบ่งพอร์ต
เช่น ถือพันธบัตร มีห้องแถวให้เช่า และลงหุ้น
เวลาเสียหายจะได้มีทุนไว้แก้ตัว
ได้ดูดร.ทนง พิทยะออกรายการmoney talk
บอกว่า
ตั้งแต่เกิดซึนามิ
ทำให้เห็นสัจจธรรมว่า
ไม่มีการลงทุนอะไรที่ไม่มีความเสี่ยง
ขนาดภาคใต้อยู่ดีๆยังล่มได้ในชั่วพริบตา
ถ้าดัชนีตกจาก1700ถึง200+
vi หรือ non viก็เละทั้งนั้นแหละครับ
ที่สำคัญคือเอาตัวรอดมาได้งัย
cut lossหรือ
ถือมาจนหุ้นที่ถือฟื้นตัวขึ้นมาใหม่หรือ
หาเงินเอาลงทุนก้อนใหม่
แต่ที่สำคัญผมว่าต้องแบ่งพอร์ต
เช่น ถือพันธบัตร มีห้องแถวให้เช่า และลงหุ้น
เวลาเสียหายจะได้มีทุนไว้แก้ตัว
หนักแน่นในแนวทางviพันธ์แท้
- ROGER
- Verified User
- โพสต์: 605
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 12
ช่วงนั้นโชคดีครับ ปี36 กำไรมหาศาล ปี 37 คืนกำไรไป ปี 38-40 ส่วนใหญ่อยู่ ตจว เทรดใน กทม ต้องโทรมือถือ ค่าโทรแพง แถม ติดยาก เลย เหลือพอรต์น้อยๆๆๆ เอาตังไปฝาก ไฟแนนซ์ กินดอกสะดือบวมดีก่า เลยรอดมาได้ (เลยเจ๊ง fin one กับ tmb ไป ประมาณ แสนนิดๆๆ เท่านั้น) หลังจากนั้นดอกเริ่มลด ปี 41 เริ่ม ลุยใหม่ รับเละอีก แต่ก็คืนกลับไปปี 42 หลังๆๆเลยเบื่อไปเรียน ms finance แก้กลุ้ม ตอนนี้เริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น ก็เลยมาศึกษาการลงทุน แนวVI
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 14
สำหรับผมแล้ว อาจจะเรียกว่าโชคช่วยก็ได้ครับ
ผมเริ่มเล่นหุ้นมาตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีครับ ปี 2533 ก็เล่นแบบคนทั่วไปที่เล่นกันอยู่นะครับ อ่านบทวิเคราะห์ เล่นหุ้นตามข่าว เล่นหุ้นยอดนิยมทั้งหลาย นั่งเดาดัชนีบ้าง
โชคดีที่เงินลงทุนไม่เยอะ กำไรขาดทุนก็เลยไม่มาก
เล่นๆไปชักรู้สึกว่าเราต้องหาความรู้เพิ่มเติม เลยไปเรียน MBA เพิ่มช่วงปี 2539 ครับ
พอดีกำลังเรียนเศรษฐศามสตร์มหภาคในช่วงที่ประเทศไทยเริ่มมีปัญหาเรื่องขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้พอจะวิเคราะห์ได้บ้างว่าสุดท้ายเหตุการณ์น่าจะจบลงลักษณะไหน ทั้งๆที่ช่วงนั้นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในบ้านเมืองจะยืนยันว่าไม่ เลยล้างพอร์ตหมดเลย และเลิกเล่นตั้งแต่นั้นมา
และก็พอดีอีกเหมือนกันที่ทำงานอยู่ธนาคารด้านสินเชื่อ ก็เลยได้รู้ได้รู้สึกถึงความเสียหายด้าน NPL และวิธีการแก้ไขที่ห่วยๆของธนาคาร จึงเริ่มรู้ถึงขนาดความเสียหายของเศรษฐกิจเรา
และก็เป็นเพราะผมเห็นอัตราดอกเบี้ยที่เตี้ยต่ำติดดิน รวมทั้งดัชนีและราคาหุ้นของบริษัททั้งหลายที่ติดดินด้วย จึงเข้าลงทุนใหม่ในช่วงดัชนีสองร้อยจุดเศษๆ ประมาณ เดือน ก.ย. 2541
อย่างที่ผมบอกว่าผมโชคดีที่ปัญหาครั้งก่อนเป็นปัญหาที่ผมพอจะมีความรู้ พอที่จะวิเคราะห์ออก แต่ครั้งหน้าไม่แน่ครับ
ผมว่าการรอดภัยพิบัติเพียงครั้งเดียวก็ยังไม่การันตีได้หรอกครับ เพราะปัญหาครั้งต่อๆไปจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ผมเริ่มเล่นหุ้นมาตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีครับ ปี 2533 ก็เล่นแบบคนทั่วไปที่เล่นกันอยู่นะครับ อ่านบทวิเคราะห์ เล่นหุ้นตามข่าว เล่นหุ้นยอดนิยมทั้งหลาย นั่งเดาดัชนีบ้าง
โชคดีที่เงินลงทุนไม่เยอะ กำไรขาดทุนก็เลยไม่มาก
เล่นๆไปชักรู้สึกว่าเราต้องหาความรู้เพิ่มเติม เลยไปเรียน MBA เพิ่มช่วงปี 2539 ครับ
พอดีกำลังเรียนเศรษฐศามสตร์มหภาคในช่วงที่ประเทศไทยเริ่มมีปัญหาเรื่องขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้พอจะวิเคราะห์ได้บ้างว่าสุดท้ายเหตุการณ์น่าจะจบลงลักษณะไหน ทั้งๆที่ช่วงนั้นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในบ้านเมืองจะยืนยันว่าไม่ เลยล้างพอร์ตหมดเลย และเลิกเล่นตั้งแต่นั้นมา
และก็พอดีอีกเหมือนกันที่ทำงานอยู่ธนาคารด้านสินเชื่อ ก็เลยได้รู้ได้รู้สึกถึงความเสียหายด้าน NPL และวิธีการแก้ไขที่ห่วยๆของธนาคาร จึงเริ่มรู้ถึงขนาดความเสียหายของเศรษฐกิจเรา
และก็เป็นเพราะผมเห็นอัตราดอกเบี้ยที่เตี้ยต่ำติดดิน รวมทั้งดัชนีและราคาหุ้นของบริษัททั้งหลายที่ติดดินด้วย จึงเข้าลงทุนใหม่ในช่วงดัชนีสองร้อยจุดเศษๆ ประมาณ เดือน ก.ย. 2541
อย่างที่ผมบอกว่าผมโชคดีที่ปัญหาครั้งก่อนเป็นปัญหาที่ผมพอจะมีความรู้ พอที่จะวิเคราะห์ออก แต่ครั้งหน้าไม่แน่ครับ
ผมว่าการรอดภัยพิบัติเพียงครั้งเดียวก็ยังไม่การันตีได้หรอกครับ เพราะปัญหาครั้งต่อๆไปจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
- ch_army
- Verified User
- โพสต์: 1352
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 17
รู้สึกว่า บัฟเฟตก็ไม่ได้ทำงาน แบงค์ครับ ไม่ต้องเป็นห่วง
แต่เรื่อง เศรษฐมหภาค เราไม่ได้เป็นคนกำหนดนโยบายก็ทำได้แต่ รอดู ก็ดู การขาดดุลบัญชีต่างๆไว้ก็ พอใช้สามัญสำนึกได้บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ ผมว่าไม่น่าตกใจมาก แต่เป็นห่วงไว้ก็พอครับ ยังไงเราก็แก้ไม่ได้ ต้องให้ รัฐบาลรับไป
แต่เรื่อง เศรษฐมหภาค เราไม่ได้เป็นคนกำหนดนโยบายก็ทำได้แต่ รอดู ก็ดู การขาดดุลบัญชีต่างๆไว้ก็ พอใช้สามัญสำนึกได้บ้าง ไม่มากก็น้อยครับ ผมว่าไม่น่าตกใจมาก แต่เป็นห่วงไว้ก็พอครับ ยังไงเราก็แก้ไม่ได้ ต้องให้ รัฐบาลรับไป
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 18
เท่าที่ผมอ่านหนังสือหลายๆเล่ม
มีสัญญาณเตือนบางอย่างให้ทิ้งหุ้น
ถ้าผลตอบแทนของหุ้นเทียบกับพันธบัตรต่างกันมากๆ
โดยเฉพาะดอกเบี้ยมากกว่าหุ้น5%ขึ้นไป
ควรโยกเงินมาลงทุนในพันธบัตร
เช่น ผลตอบแทนหุ้น10% ดอกเบี้ย15%
โยกมาเข้าเงินฝากดีกว่า(อย่างเมื่อ3-4ปีก่อน)
เพราะถ้าดอกฝาก15% ดอกกู้น่าจะถึง20%
ไม่มีการค้าที่ไหนที่จะทนกับต้นทุนมหาโหดแบบนี้ได้
อีกกรณีนึงคือpeตลาดสูงมั่กๆเช่น40-50
warren buffettยังทิ้งหุ้นขายเอาเงินคืนให้นักลงทุน
แต่บางครั้งสัญญาณพวกนี้ก็มาไม่ทัน
แม้แต่เซียนหุ้นอย่างpeter lynch
ยังยอมรับว่าช่วงblack monday
ไม่เห็นมีใครออกมาเตือนกันซักคน
นักลงทุนหรือเซียน "ตูดขาด"พอๆกันครับ
มีสัญญาณเตือนบางอย่างให้ทิ้งหุ้น
ถ้าผลตอบแทนของหุ้นเทียบกับพันธบัตรต่างกันมากๆ
โดยเฉพาะดอกเบี้ยมากกว่าหุ้น5%ขึ้นไป
ควรโยกเงินมาลงทุนในพันธบัตร
เช่น ผลตอบแทนหุ้น10% ดอกเบี้ย15%
โยกมาเข้าเงินฝากดีกว่า(อย่างเมื่อ3-4ปีก่อน)
เพราะถ้าดอกฝาก15% ดอกกู้น่าจะถึง20%
ไม่มีการค้าที่ไหนที่จะทนกับต้นทุนมหาโหดแบบนี้ได้
อีกกรณีนึงคือpeตลาดสูงมั่กๆเช่น40-50
warren buffettยังทิ้งหุ้นขายเอาเงินคืนให้นักลงทุน
แต่บางครั้งสัญญาณพวกนี้ก็มาไม่ทัน
แม้แต่เซียนหุ้นอย่างpeter lynch
ยังยอมรับว่าช่วงblack monday
ไม่เห็นมีใครออกมาเตือนกันซักคน
นักลงทุนหรือเซียน "ตูดขาด"พอๆกันครับ
หนักแน่นในแนวทางviพันธ์แท้
- +++
- Verified User
- โพสต์: 199
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 19
เมื่อมองกลับไปในอดีต
ปัญหา มักจะดูง่ายๆ เสมอครับ
แต่มันยาก เมื่อเราอยู่ในเหตุการณ์นั้นครับ
เพราะ การตัดสินใจ โดยมีผลประโยชน์ของเรา
พาดอยู่บนการตัดสินใจนั้น
จะทำให้การตัดสินใจ
ไม่เฉียบคม เหมือนกับ
การตัดสินใจ กับเหตุการณ์ในอดีตอ่ะครับ
อันนี้ ผมว่า เป็นหลักการของ
ทฤษฎี Reflexivity ของ Soros เลยอ่ะครับ
ปัญหาที่มาใหม่ มันก็จะซับซ้อน มากกว่าเดิม
หรืออาจจะไม่ก็ได้ แต่เราก็จะ มองไม่ออกหรอกครับ
ผมว่าการลงทุน มันมีความเสี่ยงเสมอ แม้ว่าจะลงทุนในสิ่งที่คิดว่าไม่เสี่ยง แบบที่พี่ประจวบว่าน่ะครับ
ว่าควรเหลือเงินในหน้าตักไว้บ้าง
เผื่อว่า ไว้ใช้ ในกรณีที่ การลงทุนของเราเสียหาย
ไม่ควร แทงทีเดียว หมด
แบบที่ เกรแฮม เคยบอกว่า
ไม่ว่าจะมั่นใจแค่ไหน
การลงทุนในหุ้น ก็จะไม่เกิน 75% ของ เงินทั้งหมด
และการลงทุนในหุ้นตัวเดียว ไม่ควรเกิน 25 % ของ พอร์ต
เป็นหลักการเดียว กับ เฮีย endorphine ใช้เลยอ่ะครับ
เห็นแกบอกว่า หุ้นจอง ไม่ว่าจะเจ๋งแค่ไหน
ก็จะซื้อไม่เกิน 2 แสนบาท
อิอิ...
...."เวลา" คือสินทรัพย์ที่มีค่ามากที่สุด...
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 20
พี่จวบ จะทิ้งเอกชน จริงๆหรือประจวบ เขียน:เท่าที่ผมอ่านหนังสือหลายๆเล่ม
มีสัญญาณเตือนบางอย่างให้ทิ้งหุ้น
ถ้าผลตอบแทนของหุ้นเทียบกับพันธบัตรต่างกันมากๆ
โดยเฉพาะดอกเบี้ยมากกว่าหุ้น5%ขึ้นไป
ควรโยกเงินมาลงทุนในพันธบัตร
เช่น ผลตอบแทนหุ้น10% ดอกเบี้ย15%
โยกมาเข้าเงินฝากดีกว่า(อย่างเมื่อ3-4ปีก่อน)
เพราะถ้าดอกฝาก15% ดอกกู้น่าจะถึง20%
ไม่มีการค้าที่ไหนที่จะทนกับต้นทุนมหาโหดแบบนี้ได้
อีกกรณีนึงคือpeตลาดสูงมั่กๆเช่น40-50
warren buffettยังทิ้งหุ้นขายเอาเงินคืนให้นักลงทุน
แต่บางครั้งสัญญาณพวกนี้ก็มาไม่ทัน
แม้แต่เซียนหุ้นอย่างpeter lynch
ยังยอมรับว่าช่วงblack monday
ไม่เห็นมีใครออกมาเตือนกันซักคน
นักลงทุนหรือเซียน "ตูดขาด"พอๆกันครับ
รอดูการลอยตัวค่าน้ำมัน กันก่อน
ว่าประเทศเราจะปรับตัวได้ขนาดไหน
รอดูรัฐบาลใหม่ก่อน
บางครั้งพี่จวบ
หุ้นที่เราถือ อาจไม่กระทบกระเทือน
แถมมีผลดีอีกก็ได้นะครับ
เชียร์พี่จวบ สู้ตาย พี่จวบไว้ลาย สู้ ซู่!!!!!!!!!
- house
- Verified User
- โพสต์: 683
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 22
เรากลัว เพราะ วิกฤต เศรษฐกิจ ทำให้บริษัทที่เราเป็นเจ้าของเสียหาย
เขาไม่กลัว เพราะบริษัทเสียหาย เป็นเรื่องของบริษัท หุ้นที่ถือไม่ตกก็พอ
เพราะในความเห็นของพวกเขา หุ้น = ตราสารเพื่อเก็งกำไร
เขาไม่กลัว เพราะบริษัทเสียหาย เป็นเรื่องของบริษัท หุ้นที่ถือไม่ตกก็พอ
เพราะในความเห็นของพวกเขา หุ้น = ตราสารเพื่อเก็งกำไร
ทำให้เต็มที่ เพื่อจะไม่เสียใจภายหลัง
- house
- Verified User
- โพสต์: 683
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 24
สำหรับพวกเขา หุ้น คือ หุ้น บริษัท คือ บริษัทครับ ไม่เกี่ยวกัน
ไม่งั้นหุ้นของ บริษัทง่อนแง่น จะปั่นได้เป็นสิบๆ เท่าของ fair value หรือครับ
หุ้นน่ะ ตกแน่ แต่เขามองไม่เห็นหรอก มัน "ไกล" ไป
เขาสนว่า อีก 5 นาที ขึ้นได้ กี่ เปอร์เซนต์ มากกว่า
ไม่งั้นหุ้นของ บริษัทง่อนแง่น จะปั่นได้เป็นสิบๆ เท่าของ fair value หรือครับ
หุ้นน่ะ ตกแน่ แต่เขามองไม่เห็นหรอก มัน "ไกล" ไป
เขาสนว่า อีก 5 นาที ขึ้นได้ กี่ เปอร์เซนต์ มากกว่า
ทำให้เต็มที่ เพื่อจะไม่เสียใจภายหลัง
- Tongue
- Verified User
- โพสต์: 725
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 25
ตอนนั้น ยังไม่รู้เรื่องเลยครับ
ตอนนี้ สยอง.... ครับ ไม่รู้นะ ผมว่า วันนึง มันต้อง เกิดขึ้น แน่นอน...
Chain reaction of greed
ถึง วันนั้น เอาไปเลย ผมให้ยืม
ต้องทำให้ได้ๆ
ตอนนี้ สยอง.... ครับ ไม่รู้นะ ผมว่า วันนึง มันต้อง เกิดขึ้น แน่นอน...
Chain reaction of greed
ถึง วันนั้น เอาไปเลย ผมให้ยืม
ต้องทำให้ได้ๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 26
ผมยังไม่ได้ทิ้งหุ้นที่ถือเลยซักตัวครับ
แต่การลงทุนเป็นการเปรียบเทียบ
ผลตอบแทนระหว่างกำไร+ความเสี่ยง
ของการลงทุนแต่ละแบบ
ถ้าดอกเบี้ยพันธบัตรสูงมากๆเช่น10+%
หรือpeตลาดสูงมากๆเช่น40-50
(ย้อนกลับเป็นepได้แค่2%)
ยังนี้ต้องโยกมาลงพันธบัตรครับ
ถ้าลองดูย้อนหลังไปหลังปี2540ใหม่ๆ
หุ้นviหลายๆตัวถูกมั่กๆ
เอกชลมีpeแค่4 คิดเป็นepตั้ง20%
มีกระสุนเท่าไหร่ต้องกดหมดแม๊ค
แต่ตอนนี้pe8 คิดเป็นep12.5%ก็ไม่ถูกมาก
แต่ถ้าเทียบกับพันธบัตร10ปีที่ได้6.1%
ก็ยังดีกว่ามากครับ...........
...................................................................
ผมชอบ"ซู่"ตัวหลังที่คุณปรัชญาpostมากกว่าครับ
แต่การลงทุนเป็นการเปรียบเทียบ
ผลตอบแทนระหว่างกำไร+ความเสี่ยง
ของการลงทุนแต่ละแบบ
ถ้าดอกเบี้ยพันธบัตรสูงมากๆเช่น10+%
หรือpeตลาดสูงมากๆเช่น40-50
(ย้อนกลับเป็นepได้แค่2%)
ยังนี้ต้องโยกมาลงพันธบัตรครับ
ถ้าลองดูย้อนหลังไปหลังปี2540ใหม่ๆ
หุ้นviหลายๆตัวถูกมั่กๆ
เอกชลมีpeแค่4 คิดเป็นepตั้ง20%
มีกระสุนเท่าไหร่ต้องกดหมดแม๊ค
แต่ตอนนี้pe8 คิดเป็นep12.5%ก็ไม่ถูกมาก
แต่ถ้าเทียบกับพันธบัตร10ปีที่ได้6.1%
ก็ยังดีกว่ามากครับ...........
...................................................................
ผมชอบ"ซู่"ตัวหลังที่คุณปรัชญาpostมากกว่าครับ
หนักแน่นในแนวทางviพันธ์แท้
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 27
ผมก็กะจะใช้เกณฑ์เดียวกับพี่ประจวบเหมือนกันครับ คือเปรียบเทียบผลตอบแทนพันธบัตรกับผลตอบแทนหุ้น
แต่ที่ผมยังกลัวอยู๋คือบางที เศรษฐกิจบูมมากๆ จนทำให้ผลตอบแทนหุ้นขึ้นไปสูงมากๆ หุ้นก็เลยดู PE ไม่สูงเท่าไหร่
แต่พอถดเศรษฐกิจถดถอย เราไม่ค่อยรู้ตัว เราเห็นหุ้นถูกลงก็ซื้อเพราะดูเหมือนได้ผลตอบแทนดีขึ้น กว่าจะรู้ว่าพลาดบริษัทก็ประกาศว่ากำไรลดลงมาก และราคาหุ้นที่ซื้อไว้ก่อนหน้าก็เหมือนจะแพงไปเสียแล้ว ...
แต่ที่ผมยังกลัวอยู๋คือบางที เศรษฐกิจบูมมากๆ จนทำให้ผลตอบแทนหุ้นขึ้นไปสูงมากๆ หุ้นก็เลยดู PE ไม่สูงเท่าไหร่
แต่พอถดเศรษฐกิจถดถอย เราไม่ค่อยรู้ตัว เราเห็นหุ้นถูกลงก็ซื้อเพราะดูเหมือนได้ผลตอบแทนดีขึ้น กว่าจะรู้ว่าพลาดบริษัทก็ประกาศว่ากำไรลดลงมาก และราคาหุ้นที่ซื้อไว้ก่อนหน้าก็เหมือนจะแพงไปเสียแล้ว ...
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 28
ผมดีใจนะที่มีชื่อแปะไว้ในบริษัทเดียวกับพี่จวบประจวบ เขียน:ผมยังไม่ได้ทิ้งหุ้นที่ถือเลยซักตัวครับ
.................................................................
ผมชอบ"ซู่"ตัวหลังที่คุณปรัชญาpostมากกว่าครับ
ผมคงไม่ได้ขายหุ้นไปซื้อพันธบัตรครับ
ตอนนี้ก็มี6.1% ต่อปีแล้วครับ
หุ้นที่ถือแล้วสบายใจ ถึงมันไม่ไปไหน
ไม่มีสภาพคล่อง ไม่มีใครมาเล่นด้วย
สบายใจดีครับ
ซู่ ต่อครับพี่จวบ ด้วยนับถือมากมาย
-
- Verified User
- โพสต์: 304
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 29
ผมว่าถ้าอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรถึง15%
ควรโยกพอร์ตส่วนใหญ่มาลงแล้วครับ
บริษัทชั้นดีส่วนใหญ่ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่10-15%/ปี
ความเสี่ยงต้องสูงกว่าพันธบัตรแน่นอน
อาจมีบางบริษัทที่ความเสี่ยงต่ำ
โอกาสเติบโตสูง ไม่มีหนี้หรือหนี้น้อย
และถูกมั่กๆ(peน้อยกว่า6เท่า)
ก็น่าลุ้นไว้หน่อยครับ
ควรโยกพอร์ตส่วนใหญ่มาลงแล้วครับ
บริษัทชั้นดีส่วนใหญ่ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่10-15%/ปี
ความเสี่ยงต้องสูงกว่าพันธบัตรแน่นอน
อาจมีบางบริษัทที่ความเสี่ยงต่ำ
โอกาสเติบโตสูง ไม่มีหนี้หรือหนี้น้อย
และถูกมั่กๆ(peน้อยกว่า6เท่า)
ก็น่าลุ้นไว้หน่อยครับ
หนักแน่นในแนวทางviพันธ์แท้
- วัวแดง
- Verified User
- โพสต์: 1429
- ผู้ติดตาม: 0
อยากรู้ว่าวิกฤตปี2540พวกเราผ่านมาได้งัย
โพสต์ที่ 30
แล้วตอน1700 peและpbv ของตลาดเท่าไหร่ครับ
เผื่อจะได้ขายตอนนั้นบ้าง
ตอนนี้ peไม่ถึง10 pbv 2 นิดๆ
มองแล้วตลาดคงไปได้อีกไกลกว่าจะถึงจุดนั้นอีกรอบ
ที่จะได้มีโอกาสซื้อหุ้นครั้งใหญ่
แต่ถ้า pe20 pbv4 และepsเติบโตน้อยกว่า10% ผมคงต้องขอลา
เผื่อจะได้ขายตอนนั้นบ้าง
ตอนนี้ peไม่ถึง10 pbv 2 นิดๆ
มองแล้วตลาดคงไปได้อีกไกลกว่าจะถึงจุดนั้นอีกรอบ
ที่จะได้มีโอกาสซื้อหุ้นครั้งใหญ่
แต่ถ้า pe20 pbv4 และepsเติบโตน้อยกว่า10% ผมคงต้องขอลา