รุ้งกินน้ำ
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2731
จะปั่น ไออาพีซี หรือ พี่ป้อม กราฟโดนกดสะเสียรูปมวยเลย :D
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2733
รอแดงเหลืองแดง แล้วค่อยซื้อไม่ดีหรือ รอเขียวเหลืองเขียวแล้วขายก็ดีนะ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2734
บ่อนจะเปิดแล้ว นับถอยหลัง
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2735
ไป dusit princess เกาะช้างมาครับ พี่ป้อม
ห่วยยยยยยมาก พัก pool villa จ่ายคืนล่ะ สี่พัน ราคาเต็มเกือบหกพัน พักสองคืน สกปรก ห่วยยย 555 ใครจะไปอย่าไปครับ
ห่วยยยยยยมาก พัก pool villa จ่ายคืนล่ะ สี่พัน ราคาเต็มเกือบหกพัน พักสองคืน สกปรก ห่วยยย 555 ใครจะไปอย่าไปครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2736
เพิ่งไปใช้ิบริการมาเมื่อไม่นานมานี้เอง เพื่อลงเรือไปเที่ยวหลีเป๊ะ
จะกลายเป็นท่าเรือน้ำลึก เืพื่อการอุตสาหกรรมไปซะแล้ว
ปากบารา : ท่าเรือแห่งอนาคต 2 แสนล้านบาท
ช่วงนี้ต้องติดตาม Mega Projects ที่ถูกแช่แข็งไว้และเป็นโครงการยุทธศาสตร์ระดับประเทศไว้ให้ดีว่ารัฐบาลชุด นี้จะต้องฟื้นปัดฝุ่นแน่นอน และต้องโฟกัสไปที่ภาคใต้บ้างครับ โดยเฉพาะเรื่องโครงการ สะพานเศรษฐกิจภาคใต้ ซึ่งผมได้เคยให้ข้อมูลไปแล้วในเรื่อง
ฟื้นชีพสะพาน เศรษฐกิจภาคใต้ : Southern Land Bridge
http://www.oknation.net/blog/akom/2007/05/10/entry-2
ล่าสุดมีกระแสที่น่าสนใจ และน่าติดตามในมิติของการวางยุทธศาสตร์ของโลจิสติกส์และการเข้ามาด้อม ๆ มอง ๆ ของนายทุนใหญ่อย่างประเทศดูไบที่วางแบรนด์ประเทศตัวเองว่าเป็น Hub of Hub คือบริษัท ดูไบ กรุ๊ป กลุ่มจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ทำหนังสือแจ้งกรมการขนส่งทางน้ำฯ เพื่อเสนอตัวขอเป็นบริษัทผู้ก่อสร้าง บริหารจัดการท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ที่เดิมมีการศึกษาว่าจะมีการก่อสร้างโดยภาครัฐเป็นผู้ลงทุน คาดจะใช้งบประมาณการก่อสร้าง 20,000-30,000 ล้านบาท
ซึ่งผลการศึกษาของกระทรวงคมนาคมได้ทำการศึกษา ในเบื้องต้นของกรมฯ พบว่าหากภาครัฐลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการท่าเรือเองไม่น่าจะคุ้มค่า และศักยภาพของท่าเรือควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นท่าเรือที่ใช้ใน การจัดตั้งเป็นโรงกลั่นน้ำมัน ลำเลียงขนส่งปิโตรเลียมทางท่อส่งออกผ่านทางจังหวัดสงขลา เพื่อส่งต่อไปจีนและญี่ปุ่น ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีการลงทุนก่อสร้างกว่า 200,000 ล้าน บาท ซึ่งทางดูไบ กรุ๊ป ก็พร้อมจะเข้ามาลงทุนและบริหารจัดการท่าเรือดังกล่าวอย่างครบวงจร
ทั้ง นี้บริษัทฯ ของดูไบมิได้เสนอเฉพาะสร้างท่าเรือที่ปากบาราเท่านั้นครับ แต่เสนอโครงการอภิมหายยักษ์ครบวงจรจริง ๆ คือการพัฒนาโครงการเศรษฐกิจ (แลนด์บริดจ์) เชื่อม ระหว่างปากบารา (จ.สตูล) ท่าเรือจังหวัดสงขลา โดยขอสิทธิในการบริหารโครงการระยะเวลา 30 ปี และขอสิทธิในการพัฒนาพื้นที่รายทาง 100 กิโลเมตร และทางดูไบยังสนใจที่จะลงทุนในการก่อสร้างรางรถไฟเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมต่อไป ยังภาคเหนือไปยังเวียดนามและจีนต่อไปด้วย รวมถึงการวางแนวท่อก๊าซและน้ำมัน ตามแนวเส้นทางด้วย โดยนักลงทุนกลุ่มนี้ ระบุว่า พร้อมทุ่มงบประมาณ 100,000 ล้านบาท โดยไม่มีข้อผูกมัดในเรื่องการ ให้กู้เงินกับประเทศไทย เพราะแน่นอนว่าโครงการร่วมลงทุนในลักษณะดังกล่าว จะก่อประโยชน์ต่อการใช้ประโยชน์โครงการ เพื่อส่งออกน้ำมันของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในอนาคต
สำหรับความสำคัญของท่าเรือน้ำลึกปากบาราในอนาคตจะมี บทบาทไม่น้อย หากมองเรื่องระบบลอจิสติกส์ของไทย มีสินค้าเป้าหมายหลักคือยางพาราประมาณปีละ 1 ล้านตัน เฟอร์นิเจอร์จากไม้ยางพารา สินค้าอุตสาหกรรมจากภาคใต้ อาหารทะเล อาหารฮาลาล และสินค้านำเข้าจากตะวันออกกลางและยุโรป
กล่าวได้ว่าศักยภาพน่าจะถึงเป็นท่าเรือน้ำลึก ระดับโลก เทียบชั้นท่าเรือของสิงค์โปร์และมาเลเซีย
ลักษณะของโครงการท่า เรือน้ำลึกปากบารา จะเป็นลักษณะของท่าเรือแบบปิดยื่นไปในทะเลโดยถมพื้นที่และสร้างสะพานเชื่อม จากฝั่งไปยังท่าเรือความยาว 4 กิโลเมตร เป็นเนื้อที่ประมาณ 765ไร่ สำหรับใช้เป็นลานจอดรถบรรทุก อาคาร พื้นที่ท่าเรือและลานวางกองตู้สินค้า ในส่วนของท่าเทียบเรือมีความยาวหน้าท่า 750 เมตร น้ำลึก 13 เมตร สามารถรับเรือขนาด 30,000 เดทเวทตันได้ 3 ลำพร้อมกัน หรือเรือขนาด 50,000 เดทเวทตันได้ 2 ลำพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีการสร้างเขื่อนกันคลื่นความยาว 1,350 เมตร ขุดลอกร่องน้ำลึก 13 เมตรจากระดับ น้ำลงต่ำสุดเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตรมีการคาดการณ์ว่า เมื่อท่าเรือปากบาราก่อสร้างเสร็จสิ้นจะสามารถประหยัดต้นทุนการส่งออกสินค้า ของประเทศได้ถึงปีละ 1,300 ล้านบาท ประหยัดค่าธรรมเนียมและค่าภาระได้ปีละ173 ล้านบาท และจะอำนวยประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างปีละ 97 ล้านบาท
………………………………………………………………
สำหรับความเสี่ยงที่ มีการวิเคราะห์ไว้ก็คือเรื่องของปริมาณสินค้าผ่านท่าที่จะต้องมากพอในการดึง ดูดให้มีเรือประจำเส้นทางเข้าเทียบท่าเพื่อรับขนส่งสินค้า เนื่องจากการเข้าเทียบท่าเรือเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เกิดต้นทุนส่วนเพิ่มของ เรือ ซึ่งถ้ามีปริมาณสินค้าไม่มากพออาจไม่สามารถดึงดูดความสนใจของสายเรือได้ หรือผู้ประกอบการเดินเรืออาจจะนำเรือเข้าเทียบท่าโดยมีความถี่บริการต่ำ ซึ่งก็ไม่เป็นผลดีต่อผู้ส่งออก ในการต้องรอเรือเป็นเวลานานและในท้ายที่สุดอาจจะย้ายไปขนส่งผ่านท่าเรือ อื่นๆ ที่มีความถี่บริการที่ยอมรับได้แทน
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีทั้งแง่บวก และแง่ลบ ด้านบวกก็แน่นอนว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมหาศาล รวมถึงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศในภาคใต้ที่จะสามารถต่อเชื่อมระนอง สงขลา หรือนครศรีธรรมราชได้ และการสร้างงานสำหรับท้องถิ่นเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวก็ตาม แต่ ก็มีการตั้งข้อสังเกตุว่าโครงการนี้ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องมีการ ศึกษาอย่างระเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะเห็นว่าจะมีการถมทะเลกว่า 4 กิโลเมตรด้วย ประเด็นวิถีชีวิต ฯลฯ เพราะอาจเกิดการคัดค้านและต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่เหมือนกับโครงการขนาด ใหญ่อื่น ๆ ซึ่งก็ต้องออกมาแจงกันอย่างละเอียดอีก ครั้ง
ที่สำคัญที่สุดคือการมองเป็นยุทธศาสตร์ระดับประเทศ เนื่องจากภาคใต้ของไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่หลายประเทศพยายามเข้ามามีบทบาท ทั้งจีน ดูใบ สหรัฐฯ รวมถึงการมองในเชิงการแข่งขันกับมาเลเซีย สิงคโปร์ ดังนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ที่ต้อตัดสินใจ ซึ่งผมก็เชื่อแน่ว่าทิศทางไทยก็คงต้องให้สัมปทานแน่นอน เพียงแต่ละเลือกประเทศใดเท่านั้นเอง
จะกลายเป็นท่าเรือน้ำลึก เืพื่อการอุตสาหกรรมไปซะแล้ว
ปากบารา : ท่าเรือแห่งอนาคต 2 แสนล้านบาท
ช่วงนี้ต้องติดตาม Mega Projects ที่ถูกแช่แข็งไว้และเป็นโครงการยุทธศาสตร์ระดับประเทศไว้ให้ดีว่ารัฐบาลชุด นี้จะต้องฟื้นปัดฝุ่นแน่นอน และต้องโฟกัสไปที่ภาคใต้บ้างครับ โดยเฉพาะเรื่องโครงการ สะพานเศรษฐกิจภาคใต้ ซึ่งผมได้เคยให้ข้อมูลไปแล้วในเรื่อง
ฟื้นชีพสะพาน เศรษฐกิจภาคใต้ : Southern Land Bridge
http://www.oknation.net/blog/akom/2007/05/10/entry-2
ล่าสุดมีกระแสที่น่าสนใจ และน่าติดตามในมิติของการวางยุทธศาสตร์ของโลจิสติกส์และการเข้ามาด้อม ๆ มอง ๆ ของนายทุนใหญ่อย่างประเทศดูไบที่วางแบรนด์ประเทศตัวเองว่าเป็น Hub of Hub คือบริษัท ดูไบ กรุ๊ป กลุ่มจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ทำหนังสือแจ้งกรมการขนส่งทางน้ำฯ เพื่อเสนอตัวขอเป็นบริษัทผู้ก่อสร้าง บริหารจัดการท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ที่เดิมมีการศึกษาว่าจะมีการก่อสร้างโดยภาครัฐเป็นผู้ลงทุน คาดจะใช้งบประมาณการก่อสร้าง 20,000-30,000 ล้านบาท
ซึ่งผลการศึกษาของกระทรวงคมนาคมได้ทำการศึกษา ในเบื้องต้นของกรมฯ พบว่าหากภาครัฐลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการท่าเรือเองไม่น่าจะคุ้มค่า และศักยภาพของท่าเรือควรได้รับการส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นท่าเรือที่ใช้ใน การจัดตั้งเป็นโรงกลั่นน้ำมัน ลำเลียงขนส่งปิโตรเลียมทางท่อส่งออกผ่านทางจังหวัดสงขลา เพื่อส่งต่อไปจีนและญี่ปุ่น ซึ่งโครงการดังกล่าวถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ มีการลงทุนก่อสร้างกว่า 200,000 ล้าน บาท ซึ่งทางดูไบ กรุ๊ป ก็พร้อมจะเข้ามาลงทุนและบริหารจัดการท่าเรือดังกล่าวอย่างครบวงจร
ทั้ง นี้บริษัทฯ ของดูไบมิได้เสนอเฉพาะสร้างท่าเรือที่ปากบาราเท่านั้นครับ แต่เสนอโครงการอภิมหายยักษ์ครบวงจรจริง ๆ คือการพัฒนาโครงการเศรษฐกิจ (แลนด์บริดจ์) เชื่อม ระหว่างปากบารา (จ.สตูล) ท่าเรือจังหวัดสงขลา โดยขอสิทธิในการบริหารโครงการระยะเวลา 30 ปี และขอสิทธิในการพัฒนาพื้นที่รายทาง 100 กิโลเมตร และทางดูไบยังสนใจที่จะลงทุนในการก่อสร้างรางรถไฟเพิ่มเติมเพื่อเชื่อมต่อไป ยังภาคเหนือไปยังเวียดนามและจีนต่อไปด้วย รวมถึงการวางแนวท่อก๊าซและน้ำมัน ตามแนวเส้นทางด้วย โดยนักลงทุนกลุ่มนี้ ระบุว่า พร้อมทุ่มงบประมาณ 100,000 ล้านบาท โดยไม่มีข้อผูกมัดในเรื่องการ ให้กู้เงินกับประเทศไทย เพราะแน่นอนว่าโครงการร่วมลงทุนในลักษณะดังกล่าว จะก่อประโยชน์ต่อการใช้ประโยชน์โครงการ เพื่อส่งออกน้ำมันของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในอนาคต
สำหรับความสำคัญของท่าเรือน้ำลึกปากบาราในอนาคตจะมี บทบาทไม่น้อย หากมองเรื่องระบบลอจิสติกส์ของไทย มีสินค้าเป้าหมายหลักคือยางพาราประมาณปีละ 1 ล้านตัน เฟอร์นิเจอร์จากไม้ยางพารา สินค้าอุตสาหกรรมจากภาคใต้ อาหารทะเล อาหารฮาลาล และสินค้านำเข้าจากตะวันออกกลางและยุโรป
กล่าวได้ว่าศักยภาพน่าจะถึงเป็นท่าเรือน้ำลึก ระดับโลก เทียบชั้นท่าเรือของสิงค์โปร์และมาเลเซีย
ลักษณะของโครงการท่า เรือน้ำลึกปากบารา จะเป็นลักษณะของท่าเรือแบบปิดยื่นไปในทะเลโดยถมพื้นที่และสร้างสะพานเชื่อม จากฝั่งไปยังท่าเรือความยาว 4 กิโลเมตร เป็นเนื้อที่ประมาณ 765ไร่ สำหรับใช้เป็นลานจอดรถบรรทุก อาคาร พื้นที่ท่าเรือและลานวางกองตู้สินค้า ในส่วนของท่าเทียบเรือมีความยาวหน้าท่า 750 เมตร น้ำลึก 13 เมตร สามารถรับเรือขนาด 30,000 เดทเวทตันได้ 3 ลำพร้อมกัน หรือเรือขนาด 50,000 เดทเวทตันได้ 2 ลำพร้อมกัน นอกจากนี้ยังมีการสร้างเขื่อนกันคลื่นความยาว 1,350 เมตร ขุดลอกร่องน้ำลึก 13 เมตรจากระดับ น้ำลงต่ำสุดเป็นระยะทาง 4 กิโลเมตรมีการคาดการณ์ว่า เมื่อท่าเรือปากบาราก่อสร้างเสร็จสิ้นจะสามารถประหยัดต้นทุนการส่งออกสินค้า ของประเทศได้ถึงปีละ 1,300 ล้านบาท ประหยัดค่าธรรมเนียมและค่าภาระได้ปีละ173 ล้านบาท และจะอำนวยประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างปีละ 97 ล้านบาท
………………………………………………………………
สำหรับความเสี่ยงที่ มีการวิเคราะห์ไว้ก็คือเรื่องของปริมาณสินค้าผ่านท่าที่จะต้องมากพอในการดึง ดูดให้มีเรือประจำเส้นทางเข้าเทียบท่าเพื่อรับขนส่งสินค้า เนื่องจากการเข้าเทียบท่าเรือเพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เกิดต้นทุนส่วนเพิ่มของ เรือ ซึ่งถ้ามีปริมาณสินค้าไม่มากพออาจไม่สามารถดึงดูดความสนใจของสายเรือได้ หรือผู้ประกอบการเดินเรืออาจจะนำเรือเข้าเทียบท่าโดยมีความถี่บริการต่ำ ซึ่งก็ไม่เป็นผลดีต่อผู้ส่งออก ในการต้องรอเรือเป็นเวลานานและในท้ายที่สุดอาจจะย้ายไปขนส่งผ่านท่าเรือ อื่นๆ ที่มีความถี่บริการที่ยอมรับได้แทน
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้มีทั้งแง่บวก และแง่ลบ ด้านบวกก็แน่นอนว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมหาศาล รวมถึงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศในภาคใต้ที่จะสามารถต่อเชื่อมระนอง สงขลา หรือนครศรีธรรมราชได้ และการสร้างงานสำหรับท้องถิ่นเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวก็ตาม แต่ ก็มีการตั้งข้อสังเกตุว่าโครงการนี้ถือเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องมีการ ศึกษาอย่างระเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม เพราะเห็นว่าจะมีการถมทะเลกว่า 4 กิโลเมตรด้วย ประเด็นวิถีชีวิต ฯลฯ เพราะอาจเกิดการคัดค้านและต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่เหมือนกับโครงการขนาด ใหญ่อื่น ๆ ซึ่งก็ต้องออกมาแจงกันอย่างละเอียดอีก ครั้ง
ที่สำคัญที่สุดคือการมองเป็นยุทธศาสตร์ระดับประเทศ เนื่องจากภาคใต้ของไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่หลายประเทศพยายามเข้ามามีบทบาท ทั้งจีน ดูใบ สหรัฐฯ รวมถึงการมองในเชิงการแข่งขันกับมาเลเซีย สิงคโปร์ ดังนั้นเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ที่ต้อตัดสินใจ ซึ่งผมก็เชื่อแน่ว่าทิศทางไทยก็คงต้องให้สัมปทานแน่นอน เพียงแต่ละเลือกประเทศใดเท่านั้นเอง
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2739
พี่moonchildจำได้ว่าเคยเห็นชื่อล็อกอินนี้ในไทยวิ
ผมก็ไม่เคยตามอ่านไอเดียพี่เขาซักที
อาจเพราะตัดสินคนที่ชื่อ
เพราะชื่อเด็กๆ
แต่พอได้อ่านแนวคิด
โอ้ พี่เขาสุโค่ยดี
นำมาลงให้อ่านกัน
ต่อไปต้องตามอ่านเวลาเห็นชื่อแหละ
http://www.stock2morrow.com/forums/show ... a4&t=14490
ไม่แน่ใจว่ากำไรที่พูดเป็น Gross Profit หรือ Net Profit ถ้าเป็น Gross Profit ผมคิดว่า Starbucks กำไรตรงการขายเครื่องดื่มมากกว่าการคั่วกาแฟขายเพราะราคาขายปลีกเครื่องดื่ม กับต้นทุนนั้นมี margin ที่สูงมาก แต่ถ้าพูดถึง Net Profit ก็ไม่แน่เพราะการขายปลีกเครื่องดื่มนั้นมีค่าใช่จ่ายค่าเช่ากับพนักงานเป็น สัดส่วนที่สูงมาก
ที่ margin เครื่องดื่มสูงเพราะ Starbucks สร้าง brand ผ่าน Asset หรือ location ร้านกับการตกแต่ง ทำให้ขายได้ราคาแพง สังเกตุว่าจะไม่เห็น Starbucks โฆษณา TV หรือผ่านสื่ออื่นๆ แต่จะเลือก location ที่เป็นหัวมุมถนน
ที่ซื้อกาแฟคั่วมาขาย จะเจ๊งเพราะราคาขายปลีกก็ไม่สามารถขายได้เท่า Starbucks ค่าเช่าอาจจะเท่าๆกันถ้าเปิดในสยาม ต้นทุนเม็ดก็สูงกว่าเพราะไม่มี economy of scale ยังไม่ทันเปิดร้านก็รู้ชะตากรรมแล้วครับ
ส่วนร้านค้าในสยามที่เปลี่ยนมือบ่อยเพราะถูกค่าเช่ากินหมดกับถูก copy กันและ dump ราคาแข่งจนอยู่กันไม่ได้หมดครับ
สังเกตุบริษัทที่ copy rotiboy แล้วประสพความสำเร็จคือ Mr. Bun ครับ ไม่ไปเปิดที่สยามหรือสีลมที่ค่าเช่าสุดโหด เช่าพื่นที่เป็น kiosk ประมาณ 20 ตรม. Doug เป็นแบบ frozen จาก central kitchen คุมมาตรฐานได้ ราคาก็ไม่โหด
ส่วน True ดูแล้วขาดทุน แต่ออก US$ bond ดอกเบี้ยสูงๆ และไม่ default ด้วย ลองไปดูสิครับว่าคนนามสกุลไหนซื้อ บริษัทขาดทุน แต่มีคนบางกลุ่มรวย รายย่อยก็แย่หน่อย ยกเว้น 2 วันนี้คงยิ้มแก้มปริ
ถ้าคุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ กำไรจะอยู่ตรงไหนก็ได้ ไม่เชื่อลองถามนักบัญชีดูก็ได้ครับ ระดับ CP กำไรจะไปที่ประเทศที่ภาษีต่ำสุดผ่าน transfer pricing ครับ จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อยากให้ราคาหุ้นขึ้นเสกได้ครับ
อย่าง Starbucks อาจจะตั้งบริษัทขายเมล็ดคั่วเสร็จในประเทศที่ภาษีต่ำ เลยดูว่า margin ที่การคั่วกาแฟสูง บริษัทลูกในไทยก็จะมี Gross Profit และ Net Profit ต่ำจะได้ไม่ต้องเสียภาษีมากเพราะฐานภาษีบ้านเราสูงมาก 30% บวกรายการต้องห้ามอื่นๆก็ปาไป 35% บริษัทไทยหรือเทศใหญ่ๆเลยต้องทำ tax planning ครับ บริษัทข้ามชาติส่วนใหญ่จะมีการทำบัญชีที่สามารถทำให้เขา smoothen income stream ได้ครับ อ่านงบการเงินก็ต้องทำใจหน่อยนะครับ หลายๆอย่างมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เห็นบนรายงานประจำปีครับ
ผมก็ไม่เคยตามอ่านไอเดียพี่เขาซักที
อาจเพราะตัดสินคนที่ชื่อ
เพราะชื่อเด็กๆ
แต่พอได้อ่านแนวคิด
โอ้ พี่เขาสุโค่ยดี
นำมาลงให้อ่านกัน
ต่อไปต้องตามอ่านเวลาเห็นชื่อแหละ
http://www.stock2morrow.com/forums/show ... a4&t=14490
ไม่แน่ใจว่ากำไรที่พูดเป็น Gross Profit หรือ Net Profit ถ้าเป็น Gross Profit ผมคิดว่า Starbucks กำไรตรงการขายเครื่องดื่มมากกว่าการคั่วกาแฟขายเพราะราคาขายปลีกเครื่องดื่ม กับต้นทุนนั้นมี margin ที่สูงมาก แต่ถ้าพูดถึง Net Profit ก็ไม่แน่เพราะการขายปลีกเครื่องดื่มนั้นมีค่าใช่จ่ายค่าเช่ากับพนักงานเป็น สัดส่วนที่สูงมาก
ที่ margin เครื่องดื่มสูงเพราะ Starbucks สร้าง brand ผ่าน Asset หรือ location ร้านกับการตกแต่ง ทำให้ขายได้ราคาแพง สังเกตุว่าจะไม่เห็น Starbucks โฆษณา TV หรือผ่านสื่ออื่นๆ แต่จะเลือก location ที่เป็นหัวมุมถนน
ที่ซื้อกาแฟคั่วมาขาย จะเจ๊งเพราะราคาขายปลีกก็ไม่สามารถขายได้เท่า Starbucks ค่าเช่าอาจจะเท่าๆกันถ้าเปิดในสยาม ต้นทุนเม็ดก็สูงกว่าเพราะไม่มี economy of scale ยังไม่ทันเปิดร้านก็รู้ชะตากรรมแล้วครับ
ส่วนร้านค้าในสยามที่เปลี่ยนมือบ่อยเพราะถูกค่าเช่ากินหมดกับถูก copy กันและ dump ราคาแข่งจนอยู่กันไม่ได้หมดครับ
สังเกตุบริษัทที่ copy rotiboy แล้วประสพความสำเร็จคือ Mr. Bun ครับ ไม่ไปเปิดที่สยามหรือสีลมที่ค่าเช่าสุดโหด เช่าพื่นที่เป็น kiosk ประมาณ 20 ตรม. Doug เป็นแบบ frozen จาก central kitchen คุมมาตรฐานได้ ราคาก็ไม่โหด
ส่วน True ดูแล้วขาดทุน แต่ออก US$ bond ดอกเบี้ยสูงๆ และไม่ default ด้วย ลองไปดูสิครับว่าคนนามสกุลไหนซื้อ บริษัทขาดทุน แต่มีคนบางกลุ่มรวย รายย่อยก็แย่หน่อย ยกเว้น 2 วันนี้คงยิ้มแก้มปริ
ถ้าคุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ กำไรจะอยู่ตรงไหนก็ได้ ไม่เชื่อลองถามนักบัญชีดูก็ได้ครับ ระดับ CP กำไรจะไปที่ประเทศที่ภาษีต่ำสุดผ่าน transfer pricing ครับ จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อยากให้ราคาหุ้นขึ้นเสกได้ครับ
อย่าง Starbucks อาจจะตั้งบริษัทขายเมล็ดคั่วเสร็จในประเทศที่ภาษีต่ำ เลยดูว่า margin ที่การคั่วกาแฟสูง บริษัทลูกในไทยก็จะมี Gross Profit และ Net Profit ต่ำจะได้ไม่ต้องเสียภาษีมากเพราะฐานภาษีบ้านเราสูงมาก 30% บวกรายการต้องห้ามอื่นๆก็ปาไป 35% บริษัทไทยหรือเทศใหญ่ๆเลยต้องทำ tax planning ครับ บริษัทข้ามชาติส่วนใหญ่จะมีการทำบัญชีที่สามารถทำให้เขา smoothen income stream ได้ครับ อ่านงบการเงินก็ต้องทำใจหน่อยนะครับ หลายๆอย่างมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่เห็นบนรายงานประจำปีครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2741
น้องจิครับ ทรูนี่ดูกราฟเยียร์ก็จะรู้ครับคนทำโหดแค่ไหน...ฮ่า...
แต่จะว่าไป
คนทำนี่ก็เหมือนมีบุญปนกรรม
บุญก็คือเจ้าทรูนี่กำไรนิดเดียวถ้าเทียบกับเจ้าอื่น
แต่ไอ้เจ้ากำไรนิดเดียวเนี่ย พอเทียบกับกำไรเน่าๆที่เคยมีมา
มันก็ดูดีได้ ดูเป็นเยอะได้
ต่างจากเอไอเอสหรือดีแทค ที่ทำกำไรมาเยอะมานานแล้ว
กรรมก็คือกำไรจากขายเป็ดขายไก่มา
ต้องเอามาคอนเวอร์เจ๊งเลี้ยงสื่อสารซะหมด...ฮ่า...
ส่วนป๋านันนี่บอกได้สั้นๆว่า
ลอกได้ครับ
แต่เลียนแบบไม่ได้
ป๋าแกสุโค่ยจริง...ป๋านันนี่ไม่ได้เก่งแต่เล่นหุ้น
แนวคิดในการใช้ชีิวิตนี่ก็มีเหลี่ยมมุมที่ไม่ธรรมดาเลย...
แต่จะว่าไป
คนทำนี่ก็เหมือนมีบุญปนกรรม
บุญก็คือเจ้าทรูนี่กำไรนิดเดียวถ้าเทียบกับเจ้าอื่น
แต่ไอ้เจ้ากำไรนิดเดียวเนี่ย พอเทียบกับกำไรเน่าๆที่เคยมีมา
มันก็ดูดีได้ ดูเป็นเยอะได้
ต่างจากเอไอเอสหรือดีแทค ที่ทำกำไรมาเยอะมานานแล้ว
กรรมก็คือกำไรจากขายเป็ดขายไก่มา
ต้องเอามาคอนเวอร์เจ๊งเลี้ยงสื่อสารซะหมด...ฮ่า...
ส่วนป๋านันนี่บอกได้สั้นๆว่า
ลอกได้ครับ
แต่เลียนแบบไม่ได้
ป๋าแกสุโค่ยจริง...ป๋านันนี่ไม่ได้เก่งแต่เล่นหุ้น
แนวคิดในการใช้ชีิวิตนี่ก็มีเหลี่ยมมุมที่ไม่ธรรมดาเลย...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 0
Magic shot by nanchan
โพสต์ที่ 2742
Magic shot by nanchan
เหตุการตามท้องเรื่อง เกิดเมื่อวันที่ 14/5/2553
เป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่ง กับ จ้าวสมิงริงโก และ กำนันซานโจ พอใจ
นี่เป็นแค่แผ่นปิด :lol:
(แซวเล่นนะครับ)
เหตุการตามท้องเรื่อง เกิดเมื่อวันที่ 14/5/2553
เป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่ง กับ จ้าวสมิงริงโก และ กำนันซานโจ พอใจ
นี่เป็นแค่แผ่นปิด :lol:
(แซวเล่นนะครับ)
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
- BeSmile
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1178
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2744
เข้าเรื่องแล้วครับ พี่ป้อม
เช้าวันที่ 14/5/53 9.00 Set ประกาศข่าว ว่าน้อง Steppi กำไรจากรับงานนอกและที่เม้มไว้ 5.5 บาท ต่อหุ้น
ตอนนั้นหุ้นได้ขึ้นมา แล้ว จาก 14 ไปที่ 17.5 บาทในช่วง 2-3 วันก่อนหน้า
pe ตอนนั้นต่ำมาก แต่บางคนอาจจะกลัวเนื่องจาก ราคาขึ้นมาพอสมควรแล้ว
ราคาเปิดตอนนั้น ก็กระโดด มาที่ 18
เวลาวิเคราะห์ ถ้านับจริง ๆ มีแค่ 60 นาที (ยกเว้น Insider หรือบางคนอาจจะเก็งมาล่วงหน้า พวกนี้น่าจะซื้อที่ราคาปิดเมื่อวาน)
แล้วมาดู Magic shot by Nanchan ครับ
มีลูกยิงซ้ำ กลัวว่า ไม่ตายจริงอีก :lol:
จากวันนั้นมา ราคาไม่เคยไปต่ำกว่า ราคาเปิดวันนั้นอีกเลยครับ
เช้าวันที่ 14/5/53 9.00 Set ประกาศข่าว ว่าน้อง Steppi กำไรจากรับงานนอกและที่เม้มไว้ 5.5 บาท ต่อหุ้น
ตอนนั้นหุ้นได้ขึ้นมา แล้ว จาก 14 ไปที่ 17.5 บาทในช่วง 2-3 วันก่อนหน้า
pe ตอนนั้นต่ำมาก แต่บางคนอาจจะกลัวเนื่องจาก ราคาขึ้นมาพอสมควรแล้ว
ราคาเปิดตอนนั้น ก็กระโดด มาที่ 18
เวลาวิเคราะห์ ถ้านับจริง ๆ มีแค่ 60 นาที (ยกเว้น Insider หรือบางคนอาจจะเก็งมาล่วงหน้า พวกนี้น่าจะซื้อที่ราคาปิดเมื่อวาน)
แล้วมาดู Magic shot by Nanchan ครับ
มีลูกยิงซ้ำ กลัวว่า ไม่ตายจริงอีก :lol:
จากวันนั้นมา ราคาไม่เคยไปต่ำกว่า ราคาเปิดวันนั้นอีกเลยครับ
มีสติ - อย่าประมาทในการใช้ชีวิต
- ปรัชญา
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 18252
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2745
ปิดประชุมเลทนิดหน่อย แต่ โอว.. มีเลี้ยงข้าวกลางวันด้วย.. บัฟเฟ่ อร่อยมากๆ
ซุปฝรั่งน้ำข้นๆ หอมมั๊กๆ โรยขนมปังกรอบ ขนมเค๊กก็อร่อย มีเติมตลอด
อย่าอื่นกินมะทัน อาเจ๊อาเฮียเบียดกระเด็น ฮ่าๆ
ตอนกินแอบได้ยินอาเจ๊คนหนึ่งกระซิบว่า
กรูอยู่สูงต้องแหล่ะให้คุ้ม....อืม... มีเหตุผลๆ
ได้บรรยากาศ
ซุปฝรั่งน้ำข้นๆ หอมมั๊กๆ โรยขนมปังกรอบ ขนมเค๊กก็อร่อย มีเติมตลอด
อย่าอื่นกินมะทัน อาเจ๊อาเฮียเบียดกระเด็น ฮ่าๆ
ตอนกินแอบได้ยินอาเจ๊คนหนึ่งกระซิบว่า
กรูอยู่สูงต้องแหล่ะให้คุ้ม....อืม... มีเหตุผลๆ
ได้บรรยากาศ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2747
[quote="ปรัชญา"]ปิดประชุมเลทนิดหน่อย แต่ โอว.. มีเลี้ยงข้าวกลางวันด้วย.. บัฟเฟ่ อร่อยมากๆ
ซุปฝรั่งน้ำข้นๆ หอมมั๊กๆ โรยขนมปังกรอบ ขนมเค๊กก็อร่อย มีเติมตลอด
อย่าอื่นกินมะทัน อาเจ๊อาเฮียเบียดกระเด็น ฮ่าๆ
ตอนกินแอบได้ยินอาเจ๊คนหนึ่งกระซิบว่า
กรูอยู่สูงต้องแหล่ะให้คุ้ม....อืม... มีเหตุผลๆ
ได้บรรยากาศ
ซุปฝรั่งน้ำข้นๆ หอมมั๊กๆ โรยขนมปังกรอบ ขนมเค๊กก็อร่อย มีเติมตลอด
อย่าอื่นกินมะทัน อาเจ๊อาเฮียเบียดกระเด็น ฮ่าๆ
ตอนกินแอบได้ยินอาเจ๊คนหนึ่งกระซิบว่า
กรูอยู่สูงต้องแหล่ะให้คุ้ม....อืม... มีเหตุผลๆ
ได้บรรยากาศ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 464
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2748
สวัสดีครับ แวะเอาของมาฝาก พี่พอใจ และ แฟนขับ
จาก ห้องสินธร เวบพันทิพย์ครับ
โดนจนได้...........ถูกด่าอีก..........-.-"
หลังจากได้ยินข่าวกลโกงเรื่องบัตรเครดิตทางธนาคารบ่อยๆ
ไม่คิดว่าวันนี้จะเจอกับตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ตกใจอะไรมาก
เพราะได้ยินเรื่องนี้ มาพอสมควรแค่เอามาเล่าให้ฟังเฉยๆครับ
วันนี้ตอนเที่ยงกว่าๆมีโทรศัพท์ โทรเข้ามือถือ แต่ไม่โชว์เบอร์ผมเลยไม่รับครับ
ไม่น่าไว้ใจ ซักพัก หน้าม้า ยังไมละความพยายามครับ โทรเข้ามาอีกครั้ง
ครั้งนี้โชว์เบอร์ด้วยครับ แต่เป็นเบอร์แปลกๆ +9090003
เราก็เห็นว่าเค้าพยายาม รับซะหน่อยละกัน
มิจฉาชีพ : สวัสดีค่ะ นี่คือเสียงจากระบบตอบรับอัตโนมัติ ศูนย์บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ
( เออ เก่งจัง รู้ด้วย ว่าเราถือบัตรธนาคารนี้อยู่ )
ขณะนี้ ท่านมียอดค่าใช้บริการ
เลยกำหนดชำระจำนวน......บาท ธนาคารจะทำการหักจากบัญชีของท่าน กด 0 เพื่อฟังซ้ำ กด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่
จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการท่าน
ผม : !!!!!!!! ( คิดในใจ ทำการบ้านมาดีมาก รู้ลึกขนาดที่ว่าเราสมัคร ตัดบัญชีอัตโนมัติไว้ด้วย น้ำเสียง ทำนอง จังหวะฟังแล้วเหมือนเป็นระบบตอบรับจริงๆครับ ฝึกมาดี )
แต่ขอโทษครับ ไม่เนียน haha ความแตกเพราะเดือนนี้ ผมไม่ได้ใช้บัตรธนาคารนี้เลยครับ ยอดเป็น 0 รู้แน่ละ ว่าโดนละ
ผม :………( เล่นกะเค้าซะหน่อยฮ่าฮ่าฮ่า) กด 0 ตื๊ด
มิจฉาชีพ : สวัสค่ะ นี่คือเสียงจากระบบตอบรับอัตโนมัติ ศูนย์บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ
ขณะท่านมียอดค่าใช้บริการเลยกำหนดชำระจำนวน......บาท
ธนาคารจะทำการหักจากบัญชีของท่าน กด 0 เพื่อฟังซ้ำ กด 9 เพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการท่าน
ผม: ....กด 0 ตื๊ด (ขออีกรอบนะ จะได้รู้ว่าจะต้องเอาเงินเข้าบัญชีเท่าไหร่ ฮ่าฮ่าฮ่า)
มิจฉาชีพ : สวัสค่ะ นี่คือเสียงจากระบบตอบรับ บลาๆ.....
ผม: ....( คิดในใจ ทำได้ไง น้ำเสียง จังหวะ เป๊ะสุดๆ นับถือ ) อายุมากแล้วหูไม่ค่อยดี ขอฟังอีกรอบนะ กด 0 ตื๊ด
มิจฉาชีพ : xxx กดห่าทำไมหลายรอบ %&#%$*%)&^(%$*%#................ตื๊ดๆๆๆ ตื๊ดๆๆๆ สายตัดไป
ผม : ……..อึ้งครับ โดนด่าด้วย.....ขี้แง
ถ้าท่านได้รับโทรศัพท์ในสถานการณ์เดียวกันหรือคล้ายๆกัน ไม่ต้องตกใจครับ
สติคือสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ
ถ้าเราเป็นหนี้จริงๆ ธนาคารไม่โทรตามให้เปลืองค่าโทรหรอกครับ บิลหน้าเดี๋ยวเขาก็เรียกเก็บเงินค่าทวงถามเองครับ
ไม่ต้องห่วง
** เพิ่ม ตัวอย่าง คลิบเสียง ความเห็นที่ 65 ครับ
แก้ไขเมื่อ 28 ก.ค. 53 18:53:05
จากคุณ : ผ้าขี้ริ้วห่อเพชร
เขียนเมื่อ : 28 ก.ค. 53 13:42:16
จาก ห้องสินธร เวบพันทิพย์ครับ
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2749
โอ้ พี่พอใจจะอายุครบ 28 (อีกแล้ว) นี่ครับ ชิงมาอวยพรวันเกิดก่อน
ขอให้เจริญด้วยอายุวรรณะสุขพละปฏิภาณธนสารสมบัติพิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลสมมิ่งมารถปรารถนานานาประการนะครับ
อายุเยอะกว่าผมสองขวบเองเนอะ เห็นว่าเสื้อแแดงปิดสวนลุม พี่พอใจเลยไปตีกอล์ฟแทน ปกติก็มียอดวิชาสะท้านทั้งฟ้าดินอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งมียอด
วิชาตีกอล์ฟหลุมสะท้านอีก มีวงสวิงเป็นที่ทอดถอนชมเชยของน้องๆ ยิ่งนัก แต่ว่าไปตีกอล์ฟนี่ ยังไม่เจอแบบนี้อีกเหรอครับ
ช่วงนี้สังหรณ์ไม่ค่อยดียังกับว่าเดือนนี้จะเป็นสิงหาทมิฬยังงั้นแหละ ไม่มาอ่านซะนานไม่รู้โดนพี่พอใจแซวอะไรบ้าง เดี๋ยวจะไปดูซอนต๊อกก่อนค่อยกลับมา
อ่านต่อ
ขอให้เจริญด้วยอายุวรรณะสุขพละปฏิภาณธนสารสมบัติพิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลสมมิ่งมารถปรารถนานานาประการนะครับ
อายุเยอะกว่าผมสองขวบเองเนอะ เห็นว่าเสื้อแแดงปิดสวนลุม พี่พอใจเลยไปตีกอล์ฟแทน ปกติก็มียอดวิชาสะท้านทั้งฟ้าดินอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งมียอด
วิชาตีกอล์ฟหลุมสะท้านอีก มีวงสวิงเป็นที่ทอดถอนชมเชยของน้องๆ ยิ่งนัก แต่ว่าไปตีกอล์ฟนี่ ยังไม่เจอแบบนี้อีกเหรอครับ
ช่วงนี้สังหรณ์ไม่ค่อยดียังกับว่าเดือนนี้จะเป็นสิงหาทมิฬยังงั้นแหละ ไม่มาอ่านซะนานไม่รู้โดนพี่พอใจแซวอะไรบ้าง เดี๋ยวจะไปดูซอนต๊อกก่อนค่อยกลับมา
อ่านต่อ
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2751
พี่ป้อม(ลิ๊) เขียน: ถ้าโจ(ตู๊)ไม่ชอบ
มีสำรองให้เลือกอีกอัน
โจ(เตี๊ยว)
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2752
พี่ป้อม(ลิ๊) เขียน: ถ้าโจ(ตู๊)ไม่ชอบ
มีสำรองให้เลือกอีกอัน
โจ(เตี๊ยว)
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2753
แหมบอกแบบนี้ก็ดีสิ กำลังน้อยใจพี่พอใจไม่ยอมติดยศ Junk Posters ให้ซะทีพี่ป้อม(ลิ๊) เขียน: โพสเรื่องบทความพวกนี้
ก็ให้คิดถึงRyugaเป็นพิเศษ
ยอดฝีมือทางข้อมูลทุกเรื่องรวมทั้งเรื่องพวกนี้
ไปมาไร้ร่องรอย
ไม่รู้จะไปตามที่ไหน...ฮ่า...
อาจารย์นิเวศน์ อาจารย์ไพบูลย์ ฝากบอกว่าคิดถึง
ทุกอย่างให้อภัยหมด
กลับมาโพสได้แล้ว
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... ight=ryuga
อยากหาข้อมูลหุ้นปันผลแบบแด๊กส์ด่วน
เชิญลิ๊งนี้นะ
http://www.richerstock.net/stock/stocks ... ESC&page=1
ถ้าอยากจะให้กลับมาโพสก็ติดยศให้ผมซะดีๆ เลยเชียว
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2756
อัพเดตหมากล้อมเย้ยยุทธจักร
สายลมโหมกระหน่ำพัดหมู่ไม้ไหวเอนลู่ แม้เป็นเพียงยามเซินแต่ท้องฟ้ากลับมืดครึ้มด้วยพยับเมฆ ตามท้องถนนมีผู้คนสัญจรบางตา แต่ละคนล้วนแฝงแววหวาดหวั่นกลัดกลุ้ม หามีผู้ใดมีสีหน้าแช่มชื่นเบิกบานไม่
ฉับพลันฝนห่าใหญ่พลันตกลงมา ถนนหนทางเริ่มเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ฝนที่ตกติดต่อกันมาหลายวันนี้ ล้วนสร้างความลำบากแก่ราษฎรและพ่อค้าวาณิชถ้วนหน้า
เถ้าแก่เฉินเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย มองเห็นผู้คนมากหลายหลบฝนใต้ชายคา ร้านรวงริมถนนหลวงเริ่มปิดลง พลันเกิดความสะทกสะท้อนทอดถอนใจออกมาคราหนึ่ง
"ท่านมีเรื่องกลุ้มใจอันใดหรือ หากท่านไม่ถือโทษว่าข้าพเจ้าล่วงเกิน ชะรอยความกลุ้มใจของท่านอาจต้องกันกับข้าพเจ้าก็เป็นได้"
เถ้าแก่เฉินเหลียวหน้ามา พบว่าผู้พูดเป็นบุรุษหนุ่มท่วงท่าองอาจ เค้าหน้าหล่อเหลาแฝงแววฉลาดเฉลียว แต่ผิวกายกลับคล้ำเข้ม ในมือยังคงถือจอกสุรา ดูจากการแต่งกายทราบว่าเป็นชาวยุทธ์ ด้านข้างยังปรากฏบุรุษอายุเยาว์อีกผู้หนึ่ง ทั้งสองคงเสพสุราสนทนากันในเหลาแห่งนี้ครู่หนึ่งมาแล้ว
เถ้าแก่เฉินเป็นบุคคลกว้างขวาง แต่ไหนแต่ไรมาล้วนนิยมชมชอบคบหาสหาย ทั้งข้าราชการ พ่อค้า และชาวยุทธ์ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นที่รู้จัก บัดนี้อายุเข้าวัยกลางคน กิจการร้านรวงต่างๆ ของตนก็มั่งคั่งยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ถือเป็นคหบดีที่ร่ำรวยคนหนึ่งของเมืองหลวง โออิชิเหลาแห่งนี้ก็ล้วนเป็นตนที่ได้ลงแรงลงทุนทรัพย์ดำเนินกิจการมา เมื่อเห็นชาวยุทธ์อายุเยาว์บุคลิกโดดเด่นทั้งสองคนก็เกิดปิติยินดี ทราบว่าทั้งสองคงมีประวัติความเป็นมาใหญ่หลวงไม่น้อย จึงกล่าวว่า
"พี่ท่านทั้งสองสบายดี เกรงว่าร้านอาหารของข้าพเจ้าต้องรับขับสู้บกพร่องแล้ว"
"ท่านกล่าวถ่อมตัวไปแล้ว สุราอาหารร้านท่าน ยากนักจะหาผู้ใดเทียบได้"
เถ้าแก่เฉินยิ้มเล็กน้อย ในพริบตานั้นพยายามใคร่ครวญถึงศักดิ์ศรีความเป็นมาของทั้งสองคน พลันได้คิดต้องอุทานดัง อา กล่าวขึ้นว่า
"ท่านก็คือ องครักษ์ขั้นสี่แห่งวังหลวง จอมยุทธ์ก้อนหินเปล่งปลั่ง อู๋สือเลี่ยง ฉายาก้อนหินหลวงกระมัง บุคลิกของท่านเข้มแข็งองอาจสมคำร่ำลือจริงๆ"
จอมยุทธก้อนหินเอ็นเข่้าขาดจากการเล่นกีฬายัดห่วง
ปัจจุบันหายแล้ว
แต่ตอนมาเล่นแบดก็ยังต้องวนเวียนอยู่กับการจ่ายไอ๊ซทีอยู่เหมือนเดิม
เลยรู้ตัวว่าเอาดีทางนี้ ก็จะมีตอไม้ผุๆขวางทางอยู่
เลยหนีไปเอาดีทางบุ๋นไปต่อโทอยู่
คาดว่าใกล้จะจบแล้ว
คงหวนคืนล้างแค้นแต่สุดท้ายก็ต้องมาจ่ายไอ๊ซทีเหมือนเดิม
"เพียงปราดเดียวท่านก็คาดเดาความเป็นมาของข้าพเจ้าถูกต้อง สายตาของท่านนับว่าร้ายกาจยิ่ง" องครักษ์อู๋ยิ้มรับคำพลางเชื้อเชิญเถ้าแก่เฉินให้นั่งลงสนทนาด้วยกัน เถ้าแก่เฉินมิเสียแรงที่มีภูมิรู้มากหลาย ทราบว่าจอมยุทธ์ผู้นี้เมื่อร่ำสุราแล้ว ดวงตากลับเรืองแสงเปล่งปลั่งปิ๊งปิ๊งเป็นประกาย บุคคลิกโดดเด่นเช่นนี้ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน จึงคาดเดาถูกต้องในทันที
เมื่อมองจอมยุทธ์อายุเยาว์อีกคนหนึ่งถนัดตา พลันนึกขึ้นได้ กล่าวว่า "ข้าพเจ้ายิ่งมายิ่งเลอะเลือน ท่านพกแอมป์พกลำโพงสปี๊กเกอร์ติดตัวเช่นนี้ ย่อมเป็นเครื่องเสียงสิบทิศ จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่มแล้ว"
จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่มยิ้มรับคำ กล่าวว่า "ท่านเฉินรอบรู้กว้างขวาง จิตใจโอบอ้อมอารี เราสองผู้น้อยขอคารวะท่านก่อนจอกหนึ่ง"
ท่านซีโอนิซึ่มนี่เป็นอีกท่านที่มาโพสแต่อักษร
ตัวจริงผมไม่เคยเจอะเจอ
สายลมโหมกระหน่ำพัดหมู่ไม้ไหวเอนลู่ แม้เป็นเพียงยามเซินแต่ท้องฟ้ากลับมืดครึ้มด้วยพยับเมฆ ตามท้องถนนมีผู้คนสัญจรบางตา แต่ละคนล้วนแฝงแววหวาดหวั่นกลัดกลุ้ม หามีผู้ใดมีสีหน้าแช่มชื่นเบิกบานไม่
ฉับพลันฝนห่าใหญ่พลันตกลงมา ถนนหนทางเริ่มเจิ่งนองไปด้วยน้ำ ฝนที่ตกติดต่อกันมาหลายวันนี้ ล้วนสร้างความลำบากแก่ราษฎรและพ่อค้าวาณิชถ้วนหน้า
เถ้าแก่เฉินเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ฝนยังคงตกลงมาไม่ขาดสาย มองเห็นผู้คนมากหลายหลบฝนใต้ชายคา ร้านรวงริมถนนหลวงเริ่มปิดลง พลันเกิดความสะทกสะท้อนทอดถอนใจออกมาคราหนึ่ง
"ท่านมีเรื่องกลุ้มใจอันใดหรือ หากท่านไม่ถือโทษว่าข้าพเจ้าล่วงเกิน ชะรอยความกลุ้มใจของท่านอาจต้องกันกับข้าพเจ้าก็เป็นได้"
เถ้าแก่เฉินเหลียวหน้ามา พบว่าผู้พูดเป็นบุรุษหนุ่มท่วงท่าองอาจ เค้าหน้าหล่อเหลาแฝงแววฉลาดเฉลียว แต่ผิวกายกลับคล้ำเข้ม ในมือยังคงถือจอกสุรา ดูจากการแต่งกายทราบว่าเป็นชาวยุทธ์ ด้านข้างยังปรากฏบุรุษอายุเยาว์อีกผู้หนึ่ง ทั้งสองคงเสพสุราสนทนากันในเหลาแห่งนี้ครู่หนึ่งมาแล้ว
เถ้าแก่เฉินเป็นบุคคลกว้างขวาง แต่ไหนแต่ไรมาล้วนนิยมชมชอบคบหาสหาย ทั้งข้าราชการ พ่อค้า และชาวยุทธ์ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นที่รู้จัก บัดนี้อายุเข้าวัยกลางคน กิจการร้านรวงต่างๆ ของตนก็มั่งคั่งยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อน ถือเป็นคหบดีที่ร่ำรวยคนหนึ่งของเมืองหลวง โออิชิเหลาแห่งนี้ก็ล้วนเป็นตนที่ได้ลงแรงลงทุนทรัพย์ดำเนินกิจการมา เมื่อเห็นชาวยุทธ์อายุเยาว์บุคลิกโดดเด่นทั้งสองคนก็เกิดปิติยินดี ทราบว่าทั้งสองคงมีประวัติความเป็นมาใหญ่หลวงไม่น้อย จึงกล่าวว่า
"พี่ท่านทั้งสองสบายดี เกรงว่าร้านอาหารของข้าพเจ้าต้องรับขับสู้บกพร่องแล้ว"
"ท่านกล่าวถ่อมตัวไปแล้ว สุราอาหารร้านท่าน ยากนักจะหาผู้ใดเทียบได้"
เถ้าแก่เฉินยิ้มเล็กน้อย ในพริบตานั้นพยายามใคร่ครวญถึงศักดิ์ศรีความเป็นมาของทั้งสองคน พลันได้คิดต้องอุทานดัง อา กล่าวขึ้นว่า
"ท่านก็คือ องครักษ์ขั้นสี่แห่งวังหลวง จอมยุทธ์ก้อนหินเปล่งปลั่ง อู๋สือเลี่ยง ฉายาก้อนหินหลวงกระมัง บุคลิกของท่านเข้มแข็งองอาจสมคำร่ำลือจริงๆ"
จอมยุทธก้อนหินเอ็นเข่้าขาดจากการเล่นกีฬายัดห่วง
ปัจจุบันหายแล้ว
แต่ตอนมาเล่นแบดก็ยังต้องวนเวียนอยู่กับการจ่ายไอ๊ซทีอยู่เหมือนเดิม
เลยรู้ตัวว่าเอาดีทางนี้ ก็จะมีตอไม้ผุๆขวางทางอยู่
เลยหนีไปเอาดีทางบุ๋นไปต่อโทอยู่
คาดว่าใกล้จะจบแล้ว
คงหวนคืนล้างแค้นแต่สุดท้ายก็ต้องมาจ่ายไอ๊ซทีเหมือนเดิม
"เพียงปราดเดียวท่านก็คาดเดาความเป็นมาของข้าพเจ้าถูกต้อง สายตาของท่านนับว่าร้ายกาจยิ่ง" องครักษ์อู๋ยิ้มรับคำพลางเชื้อเชิญเถ้าแก่เฉินให้นั่งลงสนทนาด้วยกัน เถ้าแก่เฉินมิเสียแรงที่มีภูมิรู้มากหลาย ทราบว่าจอมยุทธ์ผู้นี้เมื่อร่ำสุราแล้ว ดวงตากลับเรืองแสงเปล่งปลั่งปิ๊งปิ๊งเป็นประกาย บุคคลิกโดดเด่นเช่นนี้ยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน จึงคาดเดาถูกต้องในทันที
เมื่อมองจอมยุทธ์อายุเยาว์อีกคนหนึ่งถนัดตา พลันนึกขึ้นได้ กล่าวว่า "ข้าพเจ้ายิ่งมายิ่งเลอะเลือน ท่านพกแอมป์พกลำโพงสปี๊กเกอร์ติดตัวเช่นนี้ ย่อมเป็นเครื่องเสียงสิบทิศ จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่มแล้ว"
จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่มยิ้มรับคำ กล่าวว่า "ท่านเฉินรอบรู้กว้างขวาง จิตใจโอบอ้อมอารี เราสองผู้น้อยขอคารวะท่านก่อนจอกหนึ่ง"
ท่านซีโอนิซึ่มนี่เป็นอีกท่านที่มาโพสแต่อักษร
ตัวจริงผมไม่เคยเจอะเจอ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2757
จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่มและองครักษ์อู๋คารวะสุราต่อ เถ้าแก่เฉินแล้ว เถ้าแก่เฉินกล่าวขึ้นว่า "ท่านทั้งสองให้เกียรติมายังร้านข้าพเจ้า วาสนาน้อยครั้งได้พบพาน ฟังมาว่าท่านองครักษ์อู๋มีวิชาก้อนหินละเมอ นับเป็นยอดวิชาทำให้ผู้คนหลงละเมอเพ้อพกไปเจ็ดวันแปดคืน วันนี้นับเป็นบุญตาของข้าพเจ้าแล้ว"
องครักษ์อู๋ยิ้ม กล่าวว่า "นั่นกลับจะทำให้ท่านหัวร่อแล้ว วิชาของข้าพเจ้าหามีอันใดลึกล้ำไม่ สภาพบ้านเมืองตอนนี้สับสนวุ่นวาย ราษฎรอดอยากยากเข็ญ วิชาฝีมือเหล่านี้นับเป็นอย่างไรได้"
เถ้าแก่เฉินได้ฟังเรื่องราวความเป็นไปของบ้านเมืองก็กระทบกับความในใจ ต้องทอดถอนใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง องครักษ์อู๋กล่าวว่า
"เวลานี้ข้าวยากหมากแพง ขุนนางอำมาตย์กลับฉ้อราษฎร์บังหลวง สถานการณ์บ้านเมืองระส่ำระสาย ผู้คนไม่พอใจก่อการประท้วงทั้งตงโจว หนานโจว ราษฎรได้รับความลำบากสาหัสนัก"
เถ้าแก่เฉินกล่าวว่า "ท่านกล่าวมิผิด ความกลัดกลุ้มใจของข้าพเจ้าล้วนมาจากเหตุการณ์บ้านเมืองขณะนี้เอง ไม่กี่วันก่อน ยังมีกลุ่มนักลงทุนเน้นคุณฆ่าจะมากินเลี้ยงสังสรรค์ยังร้านข้าพเจ้า เพียงเพราะมีประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ก็ถึงกับต้องเลิกล้มกลางคัน สร้างความเสียหายให้กับข้าพเจ้าไปหลายหมื่นตำลึง"
จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่มกล่าวว่า "ตอนนี้ พรก.ฉุกเฉินแม้เลิกไปแล้ว แต่ความวุ่นวายก็ยังคงอยู่ สถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ ท่านคิดเห็นเป็นประการใด"
เถ้าแก่เฉินกล่าวว่า "พวกขุนนางถืออำนาจบาตรใหญ่กดขี่ข่มเหงราษฎร เบื้องบนเบื้องล่างยากจะยอมรับนับถือ หากมีวีรบุรุษผู้กล้าประกอบด้วยคุณธรรมความสามารถเข้าช่วยแก้ไข ทุกอย่างย่อมคลี่คลายไปได้ด้วยดี"
"ท่านกล่าวเช่นนี้ ต้องกับใจข้าพเจ้านัก" องครักษ์อู๋กล่าวขึ้น "ในความคิดเห็นท่าน ท่านว่าผู้ใดควรที่จะได้มารับภาระหน้าที่ใหญ่หลวงนี้"
องครักษ์อู๋ยิ้ม กล่าวว่า "นั่นกลับจะทำให้ท่านหัวร่อแล้ว วิชาของข้าพเจ้าหามีอันใดลึกล้ำไม่ สภาพบ้านเมืองตอนนี้สับสนวุ่นวาย ราษฎรอดอยากยากเข็ญ วิชาฝีมือเหล่านี้นับเป็นอย่างไรได้"
เถ้าแก่เฉินได้ฟังเรื่องราวความเป็นไปของบ้านเมืองก็กระทบกับความในใจ ต้องทอดถอนใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง องครักษ์อู๋กล่าวว่า
"เวลานี้ข้าวยากหมากแพง ขุนนางอำมาตย์กลับฉ้อราษฎร์บังหลวง สถานการณ์บ้านเมืองระส่ำระสาย ผู้คนไม่พอใจก่อการประท้วงทั้งตงโจว หนานโจว ราษฎรได้รับความลำบากสาหัสนัก"
เถ้าแก่เฉินกล่าวว่า "ท่านกล่าวมิผิด ความกลัดกลุ้มใจของข้าพเจ้าล้วนมาจากเหตุการณ์บ้านเมืองขณะนี้เอง ไม่กี่วันก่อน ยังมีกลุ่มนักลงทุนเน้นคุณฆ่าจะมากินเลี้ยงสังสรรค์ยังร้านข้าพเจ้า เพียงเพราะมีประกาศ พรก.ฉุกเฉิน ก็ถึงกับต้องเลิกล้มกลางคัน สร้างความเสียหายให้กับข้าพเจ้าไปหลายหมื่นตำลึง"
จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่มกล่าวว่า "ตอนนี้ พรก.ฉุกเฉินแม้เลิกไปแล้ว แต่ความวุ่นวายก็ยังคงอยู่ สถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ ท่านคิดเห็นเป็นประการใด"
เถ้าแก่เฉินกล่าวว่า "พวกขุนนางถืออำนาจบาตรใหญ่กดขี่ข่มเหงราษฎร เบื้องบนเบื้องล่างยากจะยอมรับนับถือ หากมีวีรบุรุษผู้กล้าประกอบด้วยคุณธรรมความสามารถเข้าช่วยแก้ไข ทุกอย่างย่อมคลี่คลายไปได้ด้วยดี"
"ท่านกล่าวเช่นนี้ ต้องกับใจข้าพเจ้านัก" องครักษ์อู๋กล่าวขึ้น "ในความคิดเห็นท่าน ท่านว่าผู้ใดควรที่จะได้มารับภาระหน้าที่ใหญ่หลวงนี้"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2758
เถ้าแก่เฉินทอดถอนใจอีกครั้งหนึ่ง ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ภายนอกฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่อง อากาศภายในเหลาร่มรื่นชุ่มเย็น โต๊ะอาหารส่วนใหญ่ล้วนมีผู้นั่งจับจองเสพสุราอาหารอยู่ บุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นชาวยุทธ์ เมื่อได้ฟังการสนทนาถึงเรื่องวีรบุรุษผู้กล้าในยุทธภพ ต่างคนต่างสนอกสนใจ บ้างเงี่ยหูฟังโดยเปิดเผย บ้างก็เพียงลอบเกร็งลมปราณรับฟัง
ทั้งเถ้าแก่เฉิน จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่ม และองครักษ์อู๋ทั้งสาม ล้วนมีพลังการฝึกปรือลึกล้ำ ชาวยุทธ์ข้างเคียงทั้งหลายพากันเงี่ยหูฟังไหนเลยไม่ทราบ เพียงแต่เรื่องนี้มีความสำคัญลึกซึ้งกับความเป็นไปในบู๊ลิ้มจงหยวน หากได้ชาวยุทธ์ทั้งหลายในที่นี้เป็นกำลังช่วยเหลือก็นับว่าดียิ่ง
เถ้าแก่เฉินพลันเอ่ยขึ้นว่า "ในยุทธจักรเวลานี้ ล้วนกล่าวถึงยอดยุทธ์สองคนคือ เป่ยนริศชง หนานโจโจ้ย้ง (นริศชงทิศเหนือ โจโจ้ย้งทิศใต้) ทั้งสองคนนี้แม้อายุเยาว์แต่ล้วนมีพลังฝีมือลึกล้ำอัศจรรย์ หากคนใดคนหนึ่งขึ้นมาปกครองบ้านเมือง คาดว่าทุกอย่างจะสงบเรียบร้อยแล้ว"
นริศเหนือ
เจ้าของวิชาดาบวงพระจันทร์
ดาบเดียวซีกซ้ายแยกไปทางซ้าย ซีกขวาแยกไปทางขวา
กำลังเดินสายต่ออินเตอร์เน็ตให้ชาวบ้านใช้อยู่ทั่วประเทศ
โจ(เตี๊ยว)ใต้
ทายาทตระกูลถัง
อาวุธลับในถุงหนังเสือดาวข้างกาย
มีทุกรูปแบบทั้งแก๊ส ทั้งดาวเทียม เป็นรูปนิคม เป็นรูปห้าง
ยี่สิบกว่าชนิด
ยากต่อการป้ิองกันเป็นยิ่งนัก
โยโย่หมัดเหล็กเมืองหลวงเยาวราช
พลังหมัดหนักหน่วงไร้ผู้ต่อต้าน
เลยมีเวลาว่างทำการพัฒนาที่ดินทั่วเมืองให้ผู้คนมีที่อยู่อาศัยดีๆราคายุติธรรม
เห็นว่าหมัดเหล็กตอนนี้ยิ่งหนัก
เพราะต้องนั่งนับเงินทุกวี่วัน..ฮ่า...
จากวันที่แต่งเรื่องนี้มาจนวันนี้ทั้งสามคนยังไร้เทียมทาน
แยกย้ายกันสร้างชื่อระบือยุทธจักร
ดูเหมือนหาคนจะมาต่อกรได้ยากเต็มที
องครักษ์อู๋อุทานดัง อา กล่าวว่า "ท่านหมายถึง โจโจ้ย้งแห่งกูซู เจ้าของยอดวิชาปรับพอร์ตสนองคืนผู้ใช้น่ะหรือ"
เถ้าแก่เฉินกล่าวว่า "ใช่แล้ว ฟังว่านริศเหล็งฮู้ชงอีกคนหนึ่งนั้น ก็ได้รับสืบทอดเก้ากระบี่ตัวเดียวอันเดียวจากผู้อาวุโสฟงชิงหยาง ยอดคนในยุคก่อน ฝีมือย่อมลึกล้ำสุดหยั่งคาดแล้ว"
จอมยุทธ์ในโต๊ะข้างเคียงทั้งหลาย ได้ฟังนามอันยิ่งใหญ่ของจอมยุทธ์ทั้งสองถึงกับแตกตื่น หลายคนรักษากิริยาไว้ได้ แต่บางคนกลับมีเหงื่อแตกโทรมหน้า จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่มกล่าวขึ้นว่า "ถ้านับถึงเรื่องเพลงหมัดเท้า ข้าพเจ้าเห็นว่า โยโย่ไท่ซือ โยโย่กงจื้อ นับว่าสุดยอด ยอดวิชาเพลงมวยหมัดน๊อคของเขานับว่าเป็นเอกในแดนดิน"
"ท่านกล่าวผิดแล้ว"
ทั้งเถ้าแก่เฉิน จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่ม และองครักษ์อู๋ทั้งสาม ล้วนมีพลังการฝึกปรือลึกล้ำ ชาวยุทธ์ข้างเคียงทั้งหลายพากันเงี่ยหูฟังไหนเลยไม่ทราบ เพียงแต่เรื่องนี้มีความสำคัญลึกซึ้งกับความเป็นไปในบู๊ลิ้มจงหยวน หากได้ชาวยุทธ์ทั้งหลายในที่นี้เป็นกำลังช่วยเหลือก็นับว่าดียิ่ง
เถ้าแก่เฉินพลันเอ่ยขึ้นว่า "ในยุทธจักรเวลานี้ ล้วนกล่าวถึงยอดยุทธ์สองคนคือ เป่ยนริศชง หนานโจโจ้ย้ง (นริศชงทิศเหนือ โจโจ้ย้งทิศใต้) ทั้งสองคนนี้แม้อายุเยาว์แต่ล้วนมีพลังฝีมือลึกล้ำอัศจรรย์ หากคนใดคนหนึ่งขึ้นมาปกครองบ้านเมือง คาดว่าทุกอย่างจะสงบเรียบร้อยแล้ว"
นริศเหนือ
เจ้าของวิชาดาบวงพระจันทร์
ดาบเดียวซีกซ้ายแยกไปทางซ้าย ซีกขวาแยกไปทางขวา
กำลังเดินสายต่ออินเตอร์เน็ตให้ชาวบ้านใช้อยู่ทั่วประเทศ
โจ(เตี๊ยว)ใต้
ทายาทตระกูลถัง
อาวุธลับในถุงหนังเสือดาวข้างกาย
มีทุกรูปแบบทั้งแก๊ส ทั้งดาวเทียม เป็นรูปนิคม เป็นรูปห้าง
ยี่สิบกว่าชนิด
ยากต่อการป้ิองกันเป็นยิ่งนัก
โยโย่หมัดเหล็กเมืองหลวงเยาวราช
พลังหมัดหนักหน่วงไร้ผู้ต่อต้าน
เลยมีเวลาว่างทำการพัฒนาที่ดินทั่วเมืองให้ผู้คนมีที่อยู่อาศัยดีๆราคายุติธรรม
เห็นว่าหมัดเหล็กตอนนี้ยิ่งหนัก
เพราะต้องนั่งนับเงินทุกวี่วัน..ฮ่า...
จากวันที่แต่งเรื่องนี้มาจนวันนี้ทั้งสามคนยังไร้เทียมทาน
แยกย้ายกันสร้างชื่อระบือยุทธจักร
ดูเหมือนหาคนจะมาต่อกรได้ยากเต็มที
องครักษ์อู๋อุทานดัง อา กล่าวว่า "ท่านหมายถึง โจโจ้ย้งแห่งกูซู เจ้าของยอดวิชาปรับพอร์ตสนองคืนผู้ใช้น่ะหรือ"
เถ้าแก่เฉินกล่าวว่า "ใช่แล้ว ฟังว่านริศเหล็งฮู้ชงอีกคนหนึ่งนั้น ก็ได้รับสืบทอดเก้ากระบี่ตัวเดียวอันเดียวจากผู้อาวุโสฟงชิงหยาง ยอดคนในยุคก่อน ฝีมือย่อมลึกล้ำสุดหยั่งคาดแล้ว"
จอมยุทธ์ในโต๊ะข้างเคียงทั้งหลาย ได้ฟังนามอันยิ่งใหญ่ของจอมยุทธ์ทั้งสองถึงกับแตกตื่น หลายคนรักษากิริยาไว้ได้ แต่บางคนกลับมีเหงื่อแตกโทรมหน้า จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่มกล่าวขึ้นว่า "ถ้านับถึงเรื่องเพลงหมัดเท้า ข้าพเจ้าเห็นว่า โยโย่ไท่ซือ โยโย่กงจื้อ นับว่าสุดยอด ยอดวิชาเพลงมวยหมัดน๊อคของเขานับว่าเป็นเอกในแดนดิน"
"ท่านกล่าวผิดแล้ว"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2759
คำกล่าวนี้นับว่าอุกอาจ แทบทุกผู้คนในเหลาล้วนหันหน้าไปทางเจ้าของเสียงนี้ พบว่าผู้พูดเป็นชายชรารูปร่างสูงใหญ่ เคราขาวยาวจรดอก คิ้วดังไหมเงิน ผมเผ้าขาวโพลนแต่ใบหน้าแดงดังผลท้อ แววตาแฝงความรอบรู้ เค้าหน้าเมตตาปรานีชวนให้ผู้คนรู้สึกสงบ เถ้าแก่เฉินพลันลุกขึ้นคารวะ กล่าวว่า
"ผู้อาวุโสให้เกียรติมายังร้านข้าพเจ้า น่าเสียดายที่ข้าพเจ้าด้อยความรู้ ไม่ทราบความเป็นมาของท่าน ผู้อาวุโสโปรดให้อภัย"
ผู้เฒ่ายกมือขึ้นลูบเคราแย้มยิ้มเล็กน้อย ตอบว่า "มิกล้า เล่าฮู (คำเรียกแทนตัวว่าแก่แล้ว) น้อยนักที่จะเปิดเผยตัวในยุทธจักร วันนี้ทราบว่ามีชาวยุทธ์มากหลายชุมนุมอยู่ที่โออิชิเหลาแห่งนี้จึงเร่งรุดมา ชมดูความสนุกสนาน"
องครักษ์อู๋พลันนึกขึ้นได้ กล่าวว่า "ข้าพเจ้าทราบแล้ว ท่านก็คือ ปทานุกรมบู๊ลิ้ม กูรูเล่าโจ้ว ได้มีวาสนาคำนับพบท่านผู้เฒ่า นับเป็นบุญของข้าพเจ้ายิ่ง"
กูรูเล่าโจ้ว ก็ซำบายดีอยู่
มีการส่งสาส์นคุยกันอยู่เป็นระยะ
ล่าสุดส่งข่าวล่ามาให้ว่า
จะมีเม็ดเงินก้อนใหญ่จากเมืองนอก
เข้าไทยมาซื้อกิจการใหญ่ในเมืองเรานี่แหละ
ชาวยุทธ์ทั้งหลายล้วนอุทานดังอา ปทานุกรมบู๊ลิ้มท่านนี้มีชื่อเสียงกระเดื่องดังยิ่ง เรื่องราวความเป็นไปในยุทธจักรมีเช่นไร กูรูเล่าโจ้วท่านนี้ล้วนทราบกระจ่างดังพลิกฝ่ามือ วันนี้ปทานุกรมบู๊ลิ้มปรากฏตัว นับเป็นนิมิตหมายอันยิ่งใหญ่ของยุทธภพ แต่อย่างไรก็ตามชาวยุทธ์ทั้งหลายล้วนรู้สึกว่ากูรูท่านนี้ แก่แล้วจริงๆ นะ
จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่ม กล่าวว่า "ข้าพเจ้ายังเยาว์หารู้ความไม่ ท่านผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ ยังมีผู้ใดที่มีเพลงหมัดมวยเหนือล้ำกว่าโยโย่กงจื้อเล่า"
กูรูเล่าโจ้วหัวร่อฮาฮา กล่าวว่า "ด้านเพลงมวยหมัด โยโย่กงจื้อนับว่าลึกล้ำพิสดาร แต่สุดยอดของเพลงหมัด ทอดตาทั่วยุทธภพ มีเพียงเทพบุตรหนวดงาม ฉัตรชัยเล่าซือ เท่านั้น"
พี่ฉัตรนี่หมัดหนักขนาดไหน จะมีใครรู้ดีกว่าผม...ฮ่า...
ลำตัวซี่โครงผมยับเยินไม่มีชิ้นดีแค่โดนเฉี่ยวๆ
แต่ผมว่าวิชาหลักของพี่ฉัตรนี่ไม่ใช่หมัดครับ
เป็นระฆังทองคุ้มกายครับ
ถ้าริวงะรู้หุ้ันแต่ละตัวที่พี่ฉัตรเลือกระหว่างนี้จะเข้าจายยยย....
"อา เทพบุตรหนวดงาม" ชาวยุทธ์ทั้งหลายล้วนอุทานด้วยความแตกตื่น บางคนถึงกับมือไม้สั่นแทบทำจอกสุราร่วงหล่น กูรูเล่าโจ้วกล่าวสืบต่อว่า
"ฉัตรชัยเล่าซือนี้ มีเพลงหมัดขวาทะลวงตับ หมัดซ้ายทะลวงไส้ ซ้ายขวาพร้อมเพรียง ทะลวงตับอ่อนเซี่ยงจี๊ ยากหาผู้ใดต้านทานได้ ผู้ได้รับทราบเพลงหมัดต้องรับบาดเจ็บบอบช้ำภายในสาหัสยิ่ง แม้แต่หมอเทวดา แพรนดี้ซินแส ก็ไม่แน่ว่าจะช่วยรักษาชีวิตไว้ได้"
อาจารย์เอ็มก็สบายดีครับ
เจอเป็นระยะ
อาจารย์ไม่ค่อยโพสแล้วเดี๋ยวนี้ไม่ทราบว่าเพราะอะไร
หรือสูงสุดมักคืนสู่สามัญ
"ผู้อาวุโสให้เกียรติมายังร้านข้าพเจ้า น่าเสียดายที่ข้าพเจ้าด้อยความรู้ ไม่ทราบความเป็นมาของท่าน ผู้อาวุโสโปรดให้อภัย"
ผู้เฒ่ายกมือขึ้นลูบเคราแย้มยิ้มเล็กน้อย ตอบว่า "มิกล้า เล่าฮู (คำเรียกแทนตัวว่าแก่แล้ว) น้อยนักที่จะเปิดเผยตัวในยุทธจักร วันนี้ทราบว่ามีชาวยุทธ์มากหลายชุมนุมอยู่ที่โออิชิเหลาแห่งนี้จึงเร่งรุดมา ชมดูความสนุกสนาน"
องครักษ์อู๋พลันนึกขึ้นได้ กล่าวว่า "ข้าพเจ้าทราบแล้ว ท่านก็คือ ปทานุกรมบู๊ลิ้ม กูรูเล่าโจ้ว ได้มีวาสนาคำนับพบท่านผู้เฒ่า นับเป็นบุญของข้าพเจ้ายิ่ง"
กูรูเล่าโจ้ว ก็ซำบายดีอยู่
มีการส่งสาส์นคุยกันอยู่เป็นระยะ
ล่าสุดส่งข่าวล่ามาให้ว่า
จะมีเม็ดเงินก้อนใหญ่จากเมืองนอก
เข้าไทยมาซื้อกิจการใหญ่ในเมืองเรานี่แหละ
ชาวยุทธ์ทั้งหลายล้วนอุทานดังอา ปทานุกรมบู๊ลิ้มท่านนี้มีชื่อเสียงกระเดื่องดังยิ่ง เรื่องราวความเป็นไปในยุทธจักรมีเช่นไร กูรูเล่าโจ้วท่านนี้ล้วนทราบกระจ่างดังพลิกฝ่ามือ วันนี้ปทานุกรมบู๊ลิ้มปรากฏตัว นับเป็นนิมิตหมายอันยิ่งใหญ่ของยุทธภพ แต่อย่างไรก็ตามชาวยุทธ์ทั้งหลายล้วนรู้สึกว่ากูรูท่านนี้ แก่แล้วจริงๆ นะ
จอมยุทธ์ซิโอนิซึ่ม กล่าวว่า "ข้าพเจ้ายังเยาว์หารู้ความไม่ ท่านผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ ยังมีผู้ใดที่มีเพลงหมัดมวยเหนือล้ำกว่าโยโย่กงจื้อเล่า"
กูรูเล่าโจ้วหัวร่อฮาฮา กล่าวว่า "ด้านเพลงมวยหมัด โยโย่กงจื้อนับว่าลึกล้ำพิสดาร แต่สุดยอดของเพลงหมัด ทอดตาทั่วยุทธภพ มีเพียงเทพบุตรหนวดงาม ฉัตรชัยเล่าซือ เท่านั้น"
พี่ฉัตรนี่หมัดหนักขนาดไหน จะมีใครรู้ดีกว่าผม...ฮ่า...
ลำตัวซี่โครงผมยับเยินไม่มีชิ้นดีแค่โดนเฉี่ยวๆ
แต่ผมว่าวิชาหลักของพี่ฉัตรนี่ไม่ใช่หมัดครับ
เป็นระฆังทองคุ้มกายครับ
ถ้าริวงะรู้หุ้ันแต่ละตัวที่พี่ฉัตรเลือกระหว่างนี้จะเข้าจายยยย....
"อา เทพบุตรหนวดงาม" ชาวยุทธ์ทั้งหลายล้วนอุทานด้วยความแตกตื่น บางคนถึงกับมือไม้สั่นแทบทำจอกสุราร่วงหล่น กูรูเล่าโจ้วกล่าวสืบต่อว่า
"ฉัตรชัยเล่าซือนี้ มีเพลงหมัดขวาทะลวงตับ หมัดซ้ายทะลวงไส้ ซ้ายขวาพร้อมเพรียง ทะลวงตับอ่อนเซี่ยงจี๊ ยากหาผู้ใดต้านทานได้ ผู้ได้รับทราบเพลงหมัดต้องรับบาดเจ็บบอบช้ำภายในสาหัสยิ่ง แม้แต่หมอเทวดา แพรนดี้ซินแส ก็ไม่แน่ว่าจะช่วยรักษาชีวิตไว้ได้"
อาจารย์เอ็มก็สบายดีครับ
เจอเป็นระยะ
อาจารย์ไม่ค่อยโพสแล้วเดี๋ยวนี้ไม่ทราบว่าเพราะอะไร
หรือสูงสุดมักคืนสู่สามัญ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 2760
เถ้าแก่เฉินอุทานดังอา กล่าวว่า "หมอเทวดา แพรนดี้ซินแส ฟังมาว่าท่านผู้เฒ่ามีวิชาแพทย์ลึกล้ำ สามารถกลับคนตายให้ฟื้นคืนได้ แต่ท่านผู้เฒ่าเร้นกายมานาน หากได้ท่านผู้เฒ่ามาช่วยกิจการบ้านเมืองก็นับเป็นบุญของยุทธภพ"
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "ถูกแล้ว แพรนดี้ซินแสท่านนี้นอกจากวิชาแพทย์จะลึกล้ำสุดหยั่งคาดแล้ว ยังมีภูมิรอบรู้กว้างขวางหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ น่าเสียดายที่เร้นกายไม่ถามไถ่เรื่องราวในยุทธภพ ข้าพเจ้าทราบมาว่า บัดนี้แพรนดี้ซินแสได้ฝึกปรือวิชาอันร้ายกาจขึ้น ประกอบด้วยยอดวิชาซ๊อสถั่วเหลือง ซ๊อสพริก เมื่อใช้ออกจะยังให้ผู้คนหิวโหย ท้องร้องโครกคราก น้ำลายไหลยืดยาดจนขาดใจตายเพราะความหิว นับว่าเป็นยอดวิชาที่น่าสะพรึงกลัวนัก"
ชาวยุทธ์ทั้งหลายครั้นได้ฟังก็ขนลุกเกรียวกราว บางคนตื่นกลัวจนฟันในปากกระทบกันดังกึกๆ กูรูเล่าโจ้วกล่าวต่อว่า
"เล่าฮูอายุถึงเพียงนี้ ได้พบเห็นยอดคนมากหลายเร้นกายด้วยความเบื่อหน่ายการแก่งแย่งอำนาจทางโลก ยังมียอดคนผู้หนึ่งที่เราผู้เฒ่ารู้สึกเสียดายยิ่ง"
เถ้าแก่เฉินรับฟังก็คิดคาดเดาออกสักเจ็ดแปดส่วน จึงกล่าวขึ้นว่า
"ท่านผู้เฒ่าคงหมายถึง ท่านเจ้าเมืองทีวีไอ ศรรามซินแสกระมัง"
"เถ้าแก่เฉินท่านรอบรู้จริงๆ เพียงรับฟังเล็กน้อยก็คาดเดาได้ ถูกต้องแล้ว เล่าฮูหมายความถึงศรรามซินแสท่านนี้เอง" กูรูเล่าโจ้วกล่าวตอบ พลางทอดถอนใจเล็กน้อย ชาวยุทธ์ทั้งหลายต่างพากันเงี่ยหูฟังไม่กล้าแบ่งแยกสมาธิ กูรูเล่าโจ้วกล่าวต่อไปว่า
"เราผู้เฒ่าทราบว่า ศรรามซินแสมีพลังการฝึกปรือถึงขั้นไร้ผู้เทียมทาน ปกครองเมืองทีวีไอด้วยความสงบเรียบร้อย เหล่าชาวบ้านชาวเมืองล้วนอยู่เย็นเป็นสุข มิคาด ท่านผู้เฒ่ากลับเร้นกายเพื่อฝึกปรือยอดวิชาเหล็กโครงเหล็กดุ้น แต่ละวันวุ่นวายแต่กับพวกดุ้นแข็งๆ เหล่านี้ ท้ายที่สุดคาดว่าต้องบรรลุถึงขอบเขตยอดวิชาอันน่าตื่นตะลึงยิ่งขึ้นไปอีก เป็นแน่แท้ ศรรามซินแสนั้นดุจมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง เห็นคางไม่เห็นก้น เล่าฮูเองก็ยากจะทราบร่องรอยของเขา ทราบว่าท่านผู้เฒ่ามักปลอมตัวเป็นนอมินี เข้าไปถามไถ่เรื่องราวทุกข์สุขในเมืองทีวีไออยู่หาขาดไม่"
ศรรามซินแสนั้นเท่าที่ทราบเลิกฝึกวิชาเหล็กโครงเหล็กดุ้นมานานแล้ว
วันที่ท่านเห็นโครงเหล็กมาแตะ40บาท
ลมใส่ไปหลายตลบ
บอกว่า โอว ขายสุกร ขายสุกร แล้วก็สั่งเสี่ยวเอ้อ
เช็คราคาอะไหล่รถม้าบ้าง ที่ดินในนิคมบ้าง
แล้วยังตะโกนย้ำตลอดว่าให้ชาวยุทธทั้งในเมืองนอกเมือง
ช่วยกันติดอินเตอร์เน็ตอะไร'บี้บี้บี้'กันเยอะๆจะได้เ้ช็คข่าวสารได้ไวๆ
ไม่รู้มีวาระซ่อนเร้นอย่้างหนึ่งอย่างใดหรือไม่
กูรูเล่าโจ้วหยุดเว้นระยะการกล่าว ด้วยสังเกตว่าชาวยุทธ์ทั้งหลายรับฟังรายนามของยอดยุทธ์จำนวนมากจนสมองลั่น อึงอล บางคนที่พลังฝีมืออ่อนด้อยก็แทบจะเป็นลม อย่างไรก็ต้องเว้นระยะให้พวกเขาพักฟื้นสติสตางค์กลับคืนมาก่อน อีกอึดใจหนึ่งจึงกล่าวต่อว่า
"แต่อย่างไรเสีย ยอดฝีมือทั้งหมดที่กล่าวมา ก็ยังหาเทียบเท่ากับเจ้าสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุทธภพนี้ได้ไม่"
กูรูเล่าโจ้วกล่าวว่า "ถูกแล้ว แพรนดี้ซินแสท่านนี้นอกจากวิชาแพทย์จะลึกล้ำสุดหยั่งคาดแล้ว ยังมีภูมิรอบรู้กว้างขวางหาผู้ใดเสมอเหมือนมิได้ น่าเสียดายที่เร้นกายไม่ถามไถ่เรื่องราวในยุทธภพ ข้าพเจ้าทราบมาว่า บัดนี้แพรนดี้ซินแสได้ฝึกปรือวิชาอันร้ายกาจขึ้น ประกอบด้วยยอดวิชาซ๊อสถั่วเหลือง ซ๊อสพริก เมื่อใช้ออกจะยังให้ผู้คนหิวโหย ท้องร้องโครกคราก น้ำลายไหลยืดยาดจนขาดใจตายเพราะความหิว นับว่าเป็นยอดวิชาที่น่าสะพรึงกลัวนัก"
ชาวยุทธ์ทั้งหลายครั้นได้ฟังก็ขนลุกเกรียวกราว บางคนตื่นกลัวจนฟันในปากกระทบกันดังกึกๆ กูรูเล่าโจ้วกล่าวต่อว่า
"เล่าฮูอายุถึงเพียงนี้ ได้พบเห็นยอดคนมากหลายเร้นกายด้วยความเบื่อหน่ายการแก่งแย่งอำนาจทางโลก ยังมียอดคนผู้หนึ่งที่เราผู้เฒ่ารู้สึกเสียดายยิ่ง"
เถ้าแก่เฉินรับฟังก็คิดคาดเดาออกสักเจ็ดแปดส่วน จึงกล่าวขึ้นว่า
"ท่านผู้เฒ่าคงหมายถึง ท่านเจ้าเมืองทีวีไอ ศรรามซินแสกระมัง"
"เถ้าแก่เฉินท่านรอบรู้จริงๆ เพียงรับฟังเล็กน้อยก็คาดเดาได้ ถูกต้องแล้ว เล่าฮูหมายความถึงศรรามซินแสท่านนี้เอง" กูรูเล่าโจ้วกล่าวตอบ พลางทอดถอนใจเล็กน้อย ชาวยุทธ์ทั้งหลายต่างพากันเงี่ยหูฟังไม่กล้าแบ่งแยกสมาธิ กูรูเล่าโจ้วกล่าวต่อไปว่า
"เราผู้เฒ่าทราบว่า ศรรามซินแสมีพลังการฝึกปรือถึงขั้นไร้ผู้เทียมทาน ปกครองเมืองทีวีไอด้วยความสงบเรียบร้อย เหล่าชาวบ้านชาวเมืองล้วนอยู่เย็นเป็นสุข มิคาด ท่านผู้เฒ่ากลับเร้นกายเพื่อฝึกปรือยอดวิชาเหล็กโครงเหล็กดุ้น แต่ละวันวุ่นวายแต่กับพวกดุ้นแข็งๆ เหล่านี้ ท้ายที่สุดคาดว่าต้องบรรลุถึงขอบเขตยอดวิชาอันน่าตื่นตะลึงยิ่งขึ้นไปอีก เป็นแน่แท้ ศรรามซินแสนั้นดุจมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง เห็นคางไม่เห็นก้น เล่าฮูเองก็ยากจะทราบร่องรอยของเขา ทราบว่าท่านผู้เฒ่ามักปลอมตัวเป็นนอมินี เข้าไปถามไถ่เรื่องราวทุกข์สุขในเมืองทีวีไออยู่หาขาดไม่"
ศรรามซินแสนั้นเท่าที่ทราบเลิกฝึกวิชาเหล็กโครงเหล็กดุ้นมานานแล้ว
วันที่ท่านเห็นโครงเหล็กมาแตะ40บาท
ลมใส่ไปหลายตลบ
บอกว่า โอว ขายสุกร ขายสุกร แล้วก็สั่งเสี่ยวเอ้อ
เช็คราคาอะไหล่รถม้าบ้าง ที่ดินในนิคมบ้าง
แล้วยังตะโกนย้ำตลอดว่าให้ชาวยุทธทั้งในเมืองนอกเมือง
ช่วยกันติดอินเตอร์เน็ตอะไร'บี้บี้บี้'กันเยอะๆจะได้เ้ช็คข่าวสารได้ไวๆ
ไม่รู้มีวาระซ่อนเร้นอย่้างหนึ่งอย่างใดหรือไม่
กูรูเล่าโจ้วหยุดเว้นระยะการกล่าว ด้วยสังเกตว่าชาวยุทธ์ทั้งหลายรับฟังรายนามของยอดยุทธ์จำนวนมากจนสมองลั่น อึงอล บางคนที่พลังฝีมืออ่อนด้อยก็แทบจะเป็นลม อย่างไรก็ต้องเว้นระยะให้พวกเขาพักฟื้นสติสตางค์กลับคืนมาก่อน อีกอึดใจหนึ่งจึงกล่าวต่อว่า
"แต่อย่างไรเสีย ยอดฝีมือทั้งหมดที่กล่าวมา ก็ยังหาเทียบเท่ากับเจ้าสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุทธภพนี้ได้ไม่"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า