คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
-
- Verified User
- โพสต์: 737
- ผู้ติดตาม: 0
คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
โพสต์ที่ 1
จะมีผลกระทบอะไรบ้างครับ กับกลุ่ม modern trade
ขอความเห็นหน่อยครับ
======================================
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนนี้ โดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า คาร์ฟูร์เครือข่ายค้าปลีกรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และรายใหญ่สุดของทวีปยุโรป วางแผนจะขายทิ้งกิจการในไทย มาเลเซีย และ สิงคโปร์ โดยขณะนี้กำลังมองหาผู้ซื้อที่มีศักยภาพอยู่ และอาจขอให้มีการเสนอราคาซื้อกิจการดังกล่าวภายในต้นเดือนกันยายนนี้ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยกระบวนการอย่างเป็นทางการซึ่งการขายกิจการครั้งนี้อาจทำเงินให้คาร์ฟูร์ประมาณ 800-1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม คาร์ฟูร์ยังจะเดินหน้าลงทุนในประเทศจีนและอินโดนีเซีย โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา นายลาร์ส โอลอฟสัน หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คาร์ฟูร์ ประกาศกลางที่ประชุมผู้ถือหุ้น ว่า ในปี 2553 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ต 22 แห่ง และดิสเคานต์สโตร์อีก 140 แห่งในจีน และตั้งเป้าเปิดสาขาอีก 13 แห่งในอินโดนีเซียด้วย
ขณะที่ นางฟลอเรนซ์บาราเนส โคเฮน โฆษกคาร์ฟูร์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว
แหล่งข่าวเผยด้วยว่า คาร์ฟูร์ อาจพิจารณาที่จะขายกิจการใน 3 ประเทศข้างต้น แบบแยกขายตามประเทศ เพราะผู้ที่สนใจซื้ออาจไม่ต้องการที่จะซื้อกิจการรวมกันทั้งหมด โดยธุรกิจของคาร์ฟูร์ในไทยอาจมีมูลค่าการขายอยู่ที่ราว 500-600 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ธุรกิจในมาเลเซีย และสิงคโปร์ อาจมีมูลค่าราว 350-400 ล้านดอลลาร์
ทางบริษัทแม่ได้เปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่และได้เน้นนโยบายเรื่องการถอนการลงทุนจากประเทศที่ไม่มีกำไร เบื้องต้นคาร์ฟูร์มีสาขาอยู่ในประเทศไทยจำนวน 30 สาขา คาดว่าจะต้องใช้เงินทุนประมาณ 15,000 ล้านบาทในการเข้าซื้อ สำหรับบริษัท เซ็นคาร์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท มีฝรั่งเศสถือหุ้น 61% หรือ 6,100 ล้านบาท
ขอความเห็นหน่อยครับ
======================================
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนนี้ โดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า คาร์ฟูร์เครือข่ายค้าปลีกรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และรายใหญ่สุดของทวีปยุโรป วางแผนจะขายทิ้งกิจการในไทย มาเลเซีย และ สิงคโปร์ โดยขณะนี้กำลังมองหาผู้ซื้อที่มีศักยภาพอยู่ และอาจขอให้มีการเสนอราคาซื้อกิจการดังกล่าวภายในต้นเดือนกันยายนนี้ แต่ยังไม่ได้เปิดเผยกระบวนการอย่างเป็นทางการซึ่งการขายกิจการครั้งนี้อาจทำเงินให้คาร์ฟูร์ประมาณ 800-1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม คาร์ฟูร์ยังจะเดินหน้าลงทุนในประเทศจีนและอินโดนีเซีย โดยเมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา นายลาร์ส โอลอฟสัน หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) คาร์ฟูร์ ประกาศกลางที่ประชุมผู้ถือหุ้น ว่า ในปี 2553 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดไฮเปอร์มาร์เก็ต 22 แห่ง และดิสเคานต์สโตร์อีก 140 แห่งในจีน และตั้งเป้าเปิดสาขาอีก 13 แห่งในอินโดนีเซียด้วย
ขณะที่ นางฟลอเรนซ์บาราเนส โคเฮน โฆษกคาร์ฟูร์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อรายงานข่าวดังกล่าว
แหล่งข่าวเผยด้วยว่า คาร์ฟูร์ อาจพิจารณาที่จะขายกิจการใน 3 ประเทศข้างต้น แบบแยกขายตามประเทศ เพราะผู้ที่สนใจซื้ออาจไม่ต้องการที่จะซื้อกิจการรวมกันทั้งหมด โดยธุรกิจของคาร์ฟูร์ในไทยอาจมีมูลค่าการขายอยู่ที่ราว 500-600 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ธุรกิจในมาเลเซีย และสิงคโปร์ อาจมีมูลค่าราว 350-400 ล้านดอลลาร์
ทางบริษัทแม่ได้เปลี่ยนทีมผู้บริหารใหม่และได้เน้นนโยบายเรื่องการถอนการลงทุนจากประเทศที่ไม่มีกำไร เบื้องต้นคาร์ฟูร์มีสาขาอยู่ในประเทศไทยจำนวน 30 สาขา คาดว่าจะต้องใช้เงินทุนประมาณ 15,000 ล้านบาทในการเข้าซื้อ สำหรับบริษัท เซ็นคาร์ จำกัด มีทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท มีฝรั่งเศสถือหุ้น 61% หรือ 6,100 ล้านบาท
- Apiwat_T
- Verified User
- โพสต์: 50
- ผู้ติดตาม: 0
คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
โพสต์ที่ 2
เครือซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ให้ความสนใจซื้อกิจการ คาร์ฟูร์ ในไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์
วอลล์สตรีทเจอร์นัลเอเชีย/เอเจนซี - หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลเอเชียรายงานในฉบับวันพุธ (7) ว่า บรรดาเครือซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ต่างกำลังให้ความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์, ไทย และมาเลเซีย ของบริษัท คาร์ฟูร์ เอสเอ กลุ่มกิจการไฮเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติฝรั่งเศส ทั้งนี้ ตามคำบอกเล่าของบุคคลจำนวนมากที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
พวกรายใหญ่ๆ ต่างให้ความสนใจ โดยที่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และ เทสโก้ มองที่กิจการซึ่งอยู่ในไทย แล้ว เทสโก้, แดรี ฟาร์ม อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ และเครือซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นหลายแห่ง ก็สนใจห้าง (คาร์ฟูร์) ที่อยู่ในมาเลเซีย นอกจากนั้น เทสโก้ยังสนใจกิจการที่อยู่ในสิงคโปร์ด้วย วอลล์สตรีทเจอร์นัลเอเชีย อ้างคำพูดของบุคคลที่ทราบเรื่องดีรายหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานในวันจันทร์ (5) โดยอ้างแหล่งข่าวหลายรายระบุว่า คาร์ฟูร์ได้เริ่มต้นกระบวนการเพื่อเปิดประมูลขายกิจการของบริษัทใน 3 ประเทศนี้แล้ว โดยกำลังจัดทำรายละเอียดกับวาณิชธนกิจชื่อดังอย่าง โกลด์แมนแซคส์ และ ยูบีเอส ทั้งนี้ คาดหมายว่า การขายกิจการเหล่านี้จะสามารถทำเงินได้ราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
คาร์ฟูร์ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทกิจการขายปลีกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ได้ขายห้างทั้งหลายที่อยู่ในญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ทิ้งไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อหันไปโฟกัสตลาดที่มีขนาดใหญ่กว่า และกำลังเติบโตรวดเร็วกว่า อย่างเช่น อินเดีย
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ลาร์ส โอลอฟส์สัน ซีอีโอของคาร์ฟูร์ ก็กล่าวย้ำว่า เขาพร้อมที่จะขายกิจการของบริษัทในตลาดซึ่งคาร์ฟูร์ไม่ได้มีฐานะเป็นอันดับ 1 หรือ 2
ทั้งนี้ คาร์ฟูร์ ในยุคโอลอฟส์สัน กำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในตลาดหลักๆ ทางแถบยุโรป ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส, สเปน, อิตาลี, หรือ เบลเยียม ซึ่งเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ส่งผลทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดต่ำ และกระทบกระเทือนกิจการของผู้ค้าปลีกอย่างคาร์ฟูร์
ที่มา:http://www.manager.co.th/Around/ViewNew ... 0000093684
วอลล์สตรีทเจอร์นัลเอเชีย/เอเจนซี - หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลเอเชียรายงานในฉบับวันพุธ (7) ว่า บรรดาเครือซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ ต่างกำลังให้ความสนใจที่จะเข้าซื้อกิจการที่ตั้งอยู่ในสิงคโปร์, ไทย และมาเลเซีย ของบริษัท คาร์ฟูร์ เอสเอ กลุ่มกิจการไฮเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติฝรั่งเศส ทั้งนี้ ตามคำบอกเล่าของบุคคลจำนวนมากที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้
พวกรายใหญ่ๆ ต่างให้ความสนใจ โดยที่ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และ เทสโก้ มองที่กิจการซึ่งอยู่ในไทย แล้ว เทสโก้, แดรี ฟาร์ม อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิ้งส์ และเครือซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นหลายแห่ง ก็สนใจห้าง (คาร์ฟูร์) ที่อยู่ในมาเลเซีย นอกจากนั้น เทสโก้ยังสนใจกิจการที่อยู่ในสิงคโปร์ด้วย วอลล์สตรีทเจอร์นัลเอเชีย อ้างคำพูดของบุคคลที่ทราบเรื่องดีรายหนึ่ง
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานในวันจันทร์ (5) โดยอ้างแหล่งข่าวหลายรายระบุว่า คาร์ฟูร์ได้เริ่มต้นกระบวนการเพื่อเปิดประมูลขายกิจการของบริษัทใน 3 ประเทศนี้แล้ว โดยกำลังจัดทำรายละเอียดกับวาณิชธนกิจชื่อดังอย่าง โกลด์แมนแซคส์ และ ยูบีเอส ทั้งนี้ คาดหมายว่า การขายกิจการเหล่านี้จะสามารถทำเงินได้ราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
คาร์ฟูร์ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทกิจการขายปลีกที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ได้ขายห้างทั้งหลายที่อยู่ในญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ทิ้งไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพื่อหันไปโฟกัสตลาดที่มีขนาดใหญ่กว่า และกำลังเติบโตรวดเร็วกว่า อย่างเช่น อินเดีย
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ลาร์ส โอลอฟส์สัน ซีอีโอของคาร์ฟูร์ ก็กล่าวย้ำว่า เขาพร้อมที่จะขายกิจการของบริษัทในตลาดซึ่งคาร์ฟูร์ไม่ได้มีฐานะเป็นอันดับ 1 หรือ 2
ทั้งนี้ คาร์ฟูร์ ในยุคโอลอฟส์สัน กำลังใช้ความพยายามอย่างหนักในตลาดหลักๆ ทางแถบยุโรป ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส, สเปน, อิตาลี, หรือ เบลเยียม ซึ่งเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ส่งผลทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดต่ำ และกระทบกระเทือนกิจการของผู้ค้าปลีกอย่างคาร์ฟูร์
ที่มา:http://www.manager.co.th/Around/ViewNew ... 0000093684
- j21
- Verified User
- โพสต์: 690
- ผู้ติดตาม: 0
คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
โพสต์ที่ 3
อลงกรณ์ รับกังวลข่าว คาร์ฟูร์ เตรียมถอนสมอจากไทย แจ้นถามซีอีโอ ได้รับการยืนยันยังไม่ถอนยวง แต่ต้องรอฟังบริษัทแม่ก่อน ส่วนประธานหอการค้าฝรั่งเศส-ไทย ยันแม้การเมืองไทยไม่สงบ แต่ยังไม่ย้ายฐานลงทุนแน่...
วันที่ 7 ก.ค. 2553 นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่าห้างคาร์ฟูร์ของฝรั่งเศส จะถอนการลงทุนจากไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย แต่ยังคงการลงทุนในจีน และ อินโดนีเซียว่า ได้สอบถามไปยังประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้บริหารห้างคาร์ฟูร์ในไทยแล้ว ในเบื้องต้นได้รับการยืนยันว่า คาร์ฟูร์ในไทยยังไม่ถอนการลงทุนจากไทย เพราะการทำธุรกิจค้าปลีกในไทยยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่จะต้องรอความชัดเจนจากบริษัทแม่ก่อน
ตอนนี้ เรากังวลเรื่องนี้มาก ซึ่งใน 1-2 วันนี้ จะขอความชัดเจนจากผู้บริหารคาร์ฟูร์ในไทยอีกครั้ง หากการถอนการลงทุนเป็นเรื่องของธุรกิจก็ไม่มีปัญหา แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไทย เราก็พร้อมจะแก้ไขให้ เพื่อให้ยังลงทุนต่อไป นายอลงกรณ์กล่าว
ส่วนการหารือกับหอการค้าฝรั่งเศส-ไทยนั้น นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ได้หารือเรื่องดังกล่าวเช่นกัน แต่ประธานหอการค้าฝรั่งเศส-ไทย ยังไม่ยืนยันข่าวดังกล่าว นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงความช่วยเหลือผู้ประกอบการชาวฝรั่งเศสที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้ยืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่เช่นเดียวกับผู้ประกอบการไทย
ด้าน นายฟรอง ฟูแชร์ ประธานหอการค้าฝรั่งเศส-ไทย กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าคาร์ฟูร์ จะถอนการลงทุนในไทยว่า ขณะนี้ ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่จะสอบถามไปยังผู้บริหารบริษัท เซ็นคาร์เร็วๆ นี้ สำหรับผู้ประกอบการฝรั่งเศสที่ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองของไทยนั้น คาดว่าจะมีไม่ถึง 10 รายที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ และไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงที่ผ่านมา ไทยจะมีเรื่องวุ่นวายภายใน แต่นักธุรกิจฝรั่งเศสยังคงเดินหน้าทำธุรกิจในไทยต่อไป และมีโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอีก
http://www.thairath.co.th/content/eco/94453
วันที่ 7 ก.ค. 2553 นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่าห้างคาร์ฟูร์ของฝรั่งเศส จะถอนการลงทุนจากไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย แต่ยังคงการลงทุนในจีน และ อินโดนีเซียว่า ได้สอบถามไปยังประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัท เซ็นคาร์ จำกัด ผู้บริหารห้างคาร์ฟูร์ในไทยแล้ว ในเบื้องต้นได้รับการยืนยันว่า คาร์ฟูร์ในไทยยังไม่ถอนการลงทุนจากไทย เพราะการทำธุรกิจค้าปลีกในไทยยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่จะต้องรอความชัดเจนจากบริษัทแม่ก่อน
ตอนนี้ เรากังวลเรื่องนี้มาก ซึ่งใน 1-2 วันนี้ จะขอความชัดเจนจากผู้บริหารคาร์ฟูร์ในไทยอีกครั้ง หากการถอนการลงทุนเป็นเรื่องของธุรกิจก็ไม่มีปัญหา แต่หากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับไทย เราก็พร้อมจะแก้ไขให้ เพื่อให้ยังลงทุนต่อไป นายอลงกรณ์กล่าว
ส่วนการหารือกับหอการค้าฝรั่งเศส-ไทยนั้น นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ได้หารือเรื่องดังกล่าวเช่นกัน แต่ประธานหอการค้าฝรั่งเศส-ไทย ยังไม่ยืนยันข่าวดังกล่าว นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงความช่วยเหลือผู้ประกอบการชาวฝรั่งเศสที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้ยืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่เช่นเดียวกับผู้ประกอบการไทย
ด้าน นายฟรอง ฟูแชร์ ประธานหอการค้าฝรั่งเศส-ไทย กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าคาร์ฟูร์ จะถอนการลงทุนในไทยว่า ขณะนี้ ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่จะสอบถามไปยังผู้บริหารบริษัท เซ็นคาร์เร็วๆ นี้ สำหรับผู้ประกอบการฝรั่งเศสที่ได้รับผลกระทบจากความวุ่นวายทางการเมืองของไทยนั้น คาดว่าจะมีไม่ถึง 10 รายที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ และไม่สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม แม้ในช่วงที่ผ่านมา ไทยจะมีเรื่องวุ่นวายภายใน แต่นักธุรกิจฝรั่งเศสยังคงเดินหน้าทำธุรกิจในไทยต่อไป และมีโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นอีก
http://www.thairath.co.th/content/eco/94453
- SunShine@Night
- Verified User
- โพสต์: 2196
- ผู้ติดตาม: 0
คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
โพสต์ที่ 8
ผมว่ามีลุ้นที่ CRC จะซื้อทั้งหมดนะครับ
เหมือนที่ซื้อ TOPS จาก Ahold
เหมือนที่ซื้อ TOPS จาก Ahold
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี
-
- Verified User
- โพสต์: 547
- ผู้ติดตาม: 0
คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
โพสต์ที่ 9
สรุปว่าข่าวนี้ ข่าวจริงหรือข่าวลวงครับ เห็นว่าทางคาร์ฟูเค้าปฏิเสธข่าวไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 61
- ผู้ติดตาม: 0
คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
โพสต์ที่ 10
[quote="chatchai"]ผมไม่เข้าใจตั้งแต่แรกว่าทางผู้บริหารของคาร์ฟูคิดอย่างไรตอนก่อตั้งบริษัท
ที่ร่วมลงทุนกับทางกลุ่มเซ็นทรัล
ที่ร่วมลงทุนกับทางกลุ่มเซ็นทรัล
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า
ขอพลังให้ข้าทำในสิ่งที่ทำได้
ขอความสงบให้ข้าเข้าใจในสิ่งที่ข้าทำไม่ได้
ขอสติปัญญาในการแยกแยะทั้งสองสิ่ง
ขอพลังให้ข้าทำในสิ่งที่ทำได้
ขอความสงบให้ข้าเข้าใจในสิ่งที่ข้าทำไม่ได้
ขอสติปัญญาในการแยกแยะทั้งสองสิ่ง
-
- Verified User
- โพสต์: 2166
- ผู้ติดตาม: 0
คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
โพสต์ที่ 12
ข่าวนี้ทำให้ราคาหุ้นของหลายๆบริษัทที่คาดว่าจะเข้าไปซื้อกิจการคาร์ฟูร์ในไทย มาเลเซีย และ สิงคโปร์ ปรับตัวกันขึ้นมานะครับ อย่างที่ออสเตรเลีย ราคาหุ้นของ Woolworths (biggest supermarket chain in Australia) ก็ปรับเพิ่มขึ้นด้วยเหมือนกันในวันที่มีข่าว สำหรับประเทศไทยก็มี Bigc และ BJC มั้งครับ แต่ผมคิดว่าตัวเต็งน่าจะเป็น Tesco ของอังกฤษซะมากกว่าครับ
Minimize risk through an in-depth knowledge. Buy at bargain price. Wait patiently.
http://valueinvestors.wordpress.com/
http://valueinvestors.wordpress.com/
- kin
- Verified User
- โพสต์: 668
- ผู้ติดตาม: 0
Re: คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
โพสต์ที่ 14
ผมเคยเห็นเลข แต่เป็นสิ้นปี2008 นะครับ ของสิ้นปี2009 หาไม่เจอDiablo เขียน: ที่ 1 คืออะไรเหรอครับ
ใช่วอลมาร์ทหรือเปล่า
ถ้าคาร์ฟูร์ใหญ่สุดในยุโรป ที่ 1 ก็คงไม่ใช่เทสโก้ล่ะมั้งครับ
Company Country Sales ($US mil)
1. Wal-Mart USA 401,244
2. Carrefour France 127,950
3. Metro Germany 99,004
4. Tesco U.K 96,210
5. Schwarz (Lidl) Germany 79,924
6. The Kroger Co USA 76,000
7. The Home Depot USA 71,288
8. Costco Wholesale USA 70,770
9. Aldi Germany 66,063
10. Target USA 62,884
ที่มา : http://www.globalretailnews.com/lldi/10fev_uk.pdf
-
- Verified User
- โพสต์: 1734
- ผู้ติดตาม: 0
คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
โพสต์ที่ 15
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมตั้งกระทู้นี้ไว้ในห้องสินธร
ได้ข้อมูลมาดังนี้
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 69719.html
ได้ข้อมูลมาดังนี้
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/top ... 69719.html
- simplelife
- Verified User
- โพสต์: 756
- ผู้ติดตาม: 0
คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
โพสต์ที่ 17
http://www.thanonline.com/index.php?opt ... Itemid=417
ปตท.เล็ง'คาร์ฟูร์'ลุยค้าปลีก
วันพุธที่ 04 สิงหาคม 2010 เวลา 08:40 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
ศึกชิงดำกิจการ"คาร์ฟูร์"ในไทยฝุ่นตลบ ยักษ์พลังงาน ปตท.โดดร่วมวงประมูลแข่งโลตัส-บิ๊กซี-เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เผยแผนธุรกิจเอื้อประโยชน์การค้าน้ำมันหวังโกยกำไรจากค้าปลีกไปชดเชยรายได้ที่หดหาย พร้อมเตะสกัดคู่แข่งรายอื่นขึ้นมาทาบรัศมี มั่นใจประสบการณ์บริหารร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ช่วยหนุนส่ง กรมการค้าภายในติดตามข้อมูลใกล้ชิดก่อนรายงาน รมว.พาณิชย์
สืบเนื่องจากการประกาศขายกิจการใน 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ของ "คาร์ฟูร์" ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอันดับ 2 ของโลกจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นรองเพียงแค่"วอล-มาร์ต"ราชาดิสเคาต์สโตร์สัญชาติอเมริกาเมื่อเร็วๆนี้ ส่งผลให้ในแวดวงธุรกิจค้าปลีกเมืองไทยเกิดอาการฝุ่นตลบเพราะมีกลุ่มทุนหลายค่ายเคลื่อนไหวจะเข้าซื้อกิจการ ไล่ตั้งแต่เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี , แม็คโคร,บิ๊กคอนซูเมอร์เมืองไทย"สหพัฒน์" และเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC ของเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี ล่าสุดมีผู้ให้ความสนใจเพิ่มอีกราย คือ บริษัทปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ บมจ.ปตท. ยักษ์ใหญ่ธุรกิจพลังงานของไทย
ปตท.รุกค้าปลีก
ต่อเรื่องนี้แหล่งข่าวจาก บมจ.ปตท. เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในการเสนอแผนธุรกิจน้ำมันของ บมจ.ปตท.ที่ผ่านมา ได้มีการหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะเข้าซื้อกิจการห้างคาร์ฟูร์จริง เนื่องจากมองว่าเป็นโอกาสและลู่ทางหนึ่งในการหารายได้ เพราะเวลานี้ธุรกิจค้าปลีกมีกำไรต่อชิ้นกว่า 20-300 % ขึ้นไป เมื่อเทียบกับการขายน้ำมันต่อลิตรที่มีกำไรเพียงแค่ 2-3 % เท่านั้น อีกทั้งรายได้ของห้างคาร์ฟูร์อยู่ในระดับ 36,000 ล้านบาทต่อปี เมื่อเทียบกับรายได้ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ในปั๊มปตท.เพียงแค่ 4,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้เห็นว่าไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นตลาดที่ใหญ่ควรจะเข้าไปดำเนินการ ประกอบกับบมจ.ปตท.มีความสามารถในการบริหารงานด้านค้าปลีกจากร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่อยู่แล้ว จึงไม่น่ามีปัญหา
ส่วนรูปแบบการดำเนินงานนั้นแหล่งข่าวกล่าวว่า มีทั้งซื้อกิจการมาแล้วและนำพื้นที่หน้าห้างมาตั้งเป็นสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเป็นจุดดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเติมน้ำมันและแวะซื้อของกลับบ้าน เหมือนกับปั๊มน้ำมันที่ บมจ.ปตท.ดำเนินการอยู่ในเวลานี้ที่ลูกค้าจะเข้ามาเติมน้ำมันแล้ว จะแวะซื้อของในร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่หรือเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในฝรั่งเศสที่บริษัทน้ำมันเข้าไปตั้งปั๊มน้ำมันหน้าห้างเพื่อดึงลูกค้าให้มาซื้อของ หรืออีกกรณีหนึ่งที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย ที่เวลานี้เซเว่นอีเลฟเว่น ได้เข้าไปซื้อปั๊มน้ำมันของเอสโซ่ทั้งหมด เพื่อเปิดร้านค้าสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน เป็นต้น
เตะสกัดคู่แข่งขัน
แหล่งข่าวยังให้เหตุผลด้วยว่า หาก บมจ.ปตท.ไม่เข้าไปซื้อกิจการของคาร์ฟูร์ก็อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงทางธุรกิจ เพราะหากมีบริษัทผู้ค้าน้ำมันต่างชาติรายอื่นเข้าไปดำเนินการ จะทำให้สูญเสียโอกาสการทำรายได้ แต่หาก บมจ.ปตท.ซื้อกิจการได้ก่อนก็จะเป็นการกันผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ และเป็นการหารายได้หรือการเติบโตขององค์กรอีกทางหนึ่ง เพราะการหารายได้จากธุรกิจน้ำมันมีแต่จะแคบลง เพราะมีก๊าซหุงต้ม ก๊าซเอ็นจีวี เอทานอล และไบโอดีเซล เข้ามาแย่งตลาดมาก ทำให้รายได้จากการขายน้ำมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งรูปแบบนี้อาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งปั๊มน้ำมันหน้าห้างก็ได้
"ส่วนการจะตัดสินใจซื้อกิจการของคาร์ฟูร์หรือไม่นั้น เวลานี้คงเป็นเพียงการศึกษาถึงความเป็นไปได้เท่านั้น คงต้องรอดูจังหวะและสอดรับกับแผนการขายกิจการของคาร์ฟูร์ด้วย"แหล่งข่าวกล่าวในที่สุด
เบอร์ลี่หวังเติมเต็มธุรกิจ
ด้านความเคลื่อนไหวของผู้สนใจรายอื่น นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด(มหาชน)หรือ BJC ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ 1 ใน 5 กลุ่มธุรกิจของเครือที.ซี.ซี. กรุ๊ป เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจก่อนหน้านี้ว่า แนวทางการขยายธุรกิจของบริษัทจากนี้ไปจะเน้นไปที่การร่วมทุน หรือเข้าควบรวมกิจการ เพราะทำให้สามารถขยายฐานได้รวดเร็ว ซึ่งบริษัทให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลกิจการห้างค้าปลีกคาร์ฟูร์ ทั้ง 3 ประเทศ คือ ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย รวมกันกว่า 60 สาขา เนื่องจากต้องการเติมเต็มธุรกิจ เพราะปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ดำเนินการสินค้าอุปโภคบริโภค ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ยังขาดในส่วนของปลายน้ำที่จะเข้าถึงลูกค้าโดยตรง ซึ่งสามารถเข้ามาเติมเต็มธุรกิจที่มีอยู่ และยอมรับว่าค้าปลีกเป็นธุรกิจใหม่ ถ้ามีโอกาสก็ต้องเรียนรู้ แต่ตรงนี้เป็นการประมูล โอกาสที่จะได้หรือไม่ได้พอ ๆ กัน โดยขณะนี้เรายังไม่ได้รายละเอียดการประมูลจากฝั่งผู้ขาย
แหล่งข่าวจากแวดวงธุรกิจค้าปลีกเมืองไทย กล่าวว่า คาดว่าขั้นตอนการซื้อ-ขายกิจการคาร์ฟูร์จะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนจึงจะได้ข้อสรุปและก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการเสนอราคา ซึ่งมีอยู่หลายรายที่ให้ความสนใจและเป็นข่าวออกมาแล้วว่าสนใจ เช่น เทสโก้ โลตัส ที่ให้ความสนใจที่จะซื้อหุ้นคาร์ฟูร์ใน 3 ประเทศดังกล่าวด้วย และเชื่อว่ายังมีอีกหลายรายที่ให้ความสนใจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการดิสเคาต์สโตร์ในไทยทุกรายต่างต้องการสาขาของคาร์ฟูร์เข้ามาเพิ่มเครือข่ายทางธุรกิจ เช่นเดียวกับกลุ่มเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ และบิ๊กซี ที่มีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่า กลุ่มคาสิโนกรุ๊ป บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)ให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลด้วยเช่นกัน
การประกาศขายกิจการในไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ คาดว่าจะทำเงินให้กับคาร์ฟูร์เอสเอ ราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3.2 หมื่นล้านบาท โดยการขายกิจการในประเทศไทยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 500-600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนที่เหลือเป็นของมาเลเซียและสิงคโปร์ เพื่อนำเงินไปลงทุนในประเทศใหญ่แทน
ค้าภายในจับตาใกล้ชิด
ด้านนางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรณีที่ห้างคาร์ฟูร์เตรียมขายกิจการในไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ และมีห้างโมเดิร์นเทรดหลายรายสนใจซื้อนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้รวบรวมข้อมูล ก่อนนำเสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาว่า การรวมกิจการดังกล่าวจะผิดกฎหมายแข่งขันทางการค้าหรือไม่ รวมถึงจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจค้าปลีกหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้"คาร์ฟูร์" ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท เซ็นคาร์ จำกัด เปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2539 บนถนนสุขาภิบาล 3 ก่อนที่จะขยายสาขาในรูปแบบต่างๆทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ต คอมแพ็กต์ และมินิ ไฮเปอร์มาร์เก็ต รวมทั้งรูปแบบของศูนย์การค้าขนาดย่อม หรือคอมมิวนิตี มอลล์ ย่านถนนนวมินทร์ ปัจจุบันคาร์ฟูร์มีสาขารวม 45 แห่ง ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ 30 แห่งและต่างจังหวัด 15 แห่ง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,554 5-7 สิงหาคม พ.ศ. 2553
--
สงสัยหุ้นปตท ไม่วิ่ง
ปตท.เล็ง'คาร์ฟูร์'ลุยค้าปลีก
วันพุธที่ 04 สิงหาคม 2010 เวลา 08:40 น. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
ศึกชิงดำกิจการ"คาร์ฟูร์"ในไทยฝุ่นตลบ ยักษ์พลังงาน ปตท.โดดร่วมวงประมูลแข่งโลตัส-บิ๊กซี-เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ เผยแผนธุรกิจเอื้อประโยชน์การค้าน้ำมันหวังโกยกำไรจากค้าปลีกไปชดเชยรายได้ที่หดหาย พร้อมเตะสกัดคู่แข่งรายอื่นขึ้นมาทาบรัศมี มั่นใจประสบการณ์บริหารร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ช่วยหนุนส่ง กรมการค้าภายในติดตามข้อมูลใกล้ชิดก่อนรายงาน รมว.พาณิชย์
สืบเนื่องจากการประกาศขายกิจการใน 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ของ "คาร์ฟูร์" ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกอันดับ 2 ของโลกจากฝรั่งเศส ซึ่งเป็นรองเพียงแค่"วอล-มาร์ต"ราชาดิสเคาต์สโตร์สัญชาติอเมริกาเมื่อเร็วๆนี้ ส่งผลให้ในแวดวงธุรกิจค้าปลีกเมืองไทยเกิดอาการฝุ่นตลบเพราะมีกลุ่มทุนหลายค่ายเคลื่อนไหวจะเข้าซื้อกิจการ ไล่ตั้งแต่เทสโก้ โลตัส, บิ๊กซี , แม็คโคร,บิ๊กคอนซูเมอร์เมืองไทย"สหพัฒน์" และเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ หรือ BJC ของเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี ล่าสุดมีผู้ให้ความสนใจเพิ่มอีกราย คือ บริษัทปตท. จำกัด(มหาชน) หรือ บมจ.ปตท. ยักษ์ใหญ่ธุรกิจพลังงานของไทย
ปตท.รุกค้าปลีก
ต่อเรื่องนี้แหล่งข่าวจาก บมจ.ปตท. เปิดเผยกับ"ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในการเสนอแผนธุรกิจน้ำมันของ บมจ.ปตท.ที่ผ่านมา ได้มีการหารือถึงความเป็นไปได้ที่จะเข้าซื้อกิจการห้างคาร์ฟูร์จริง เนื่องจากมองว่าเป็นโอกาสและลู่ทางหนึ่งในการหารายได้ เพราะเวลานี้ธุรกิจค้าปลีกมีกำไรต่อชิ้นกว่า 20-300 % ขึ้นไป เมื่อเทียบกับการขายน้ำมันต่อลิตรที่มีกำไรเพียงแค่ 2-3 % เท่านั้น อีกทั้งรายได้ของห้างคาร์ฟูร์อยู่ในระดับ 36,000 ล้านบาทต่อปี เมื่อเทียบกับรายได้ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ในปั๊มปตท.เพียงแค่ 4,000 ล้านบาทต่อปี ทำให้เห็นว่าไฮเปอร์มาร์เก็ตเป็นตลาดที่ใหญ่ควรจะเข้าไปดำเนินการ ประกอบกับบมจ.ปตท.มีความสามารถในการบริหารงานด้านค้าปลีกจากร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่อยู่แล้ว จึงไม่น่ามีปัญหา
ส่วนรูปแบบการดำเนินงานนั้นแหล่งข่าวกล่าวว่า มีทั้งซื้อกิจการมาแล้วและนำพื้นที่หน้าห้างมาตั้งเป็นสถานีบริการน้ำมัน เพื่อเป็นจุดดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการเติมน้ำมันและแวะซื้อของกลับบ้าน เหมือนกับปั๊มน้ำมันที่ บมจ.ปตท.ดำเนินการอยู่ในเวลานี้ที่ลูกค้าจะเข้ามาเติมน้ำมันแล้ว จะแวะซื้อของในร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่หรือเซเว่นอีเลฟเว่น ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในฝรั่งเศสที่บริษัทน้ำมันเข้าไปตั้งปั๊มน้ำมันหน้าห้างเพื่อดึงลูกค้าให้มาซื้อของ หรืออีกกรณีหนึ่งที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย ที่เวลานี้เซเว่นอีเลฟเว่น ได้เข้าไปซื้อปั๊มน้ำมันของเอสโซ่ทั้งหมด เพื่อเปิดร้านค้าสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน เป็นต้น
เตะสกัดคู่แข่งขัน
แหล่งข่าวยังให้เหตุผลด้วยว่า หาก บมจ.ปตท.ไม่เข้าไปซื้อกิจการของคาร์ฟูร์ก็อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงทางธุรกิจ เพราะหากมีบริษัทผู้ค้าน้ำมันต่างชาติรายอื่นเข้าไปดำเนินการ จะทำให้สูญเสียโอกาสการทำรายได้ แต่หาก บมจ.ปตท.ซื้อกิจการได้ก่อนก็จะเป็นการกันผู้ค้าน้ำมันรายอื่นๆ และเป็นการหารายได้หรือการเติบโตขององค์กรอีกทางหนึ่ง เพราะการหารายได้จากธุรกิจน้ำมันมีแต่จะแคบลง เพราะมีก๊าซหุงต้ม ก๊าซเอ็นจีวี เอทานอล และไบโอดีเซล เข้ามาแย่งตลาดมาก ทำให้รายได้จากการขายน้ำมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งรูปแบบนี้อาจจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องตั้งปั๊มน้ำมันหน้าห้างก็ได้
"ส่วนการจะตัดสินใจซื้อกิจการของคาร์ฟูร์หรือไม่นั้น เวลานี้คงเป็นเพียงการศึกษาถึงความเป็นไปได้เท่านั้น คงต้องรอดูจังหวะและสอดรับกับแผนการขายกิจการของคาร์ฟูร์ด้วย"แหล่งข่าวกล่าวในที่สุด
เบอร์ลี่หวังเติมเต็มธุรกิจ
ด้านความเคลื่อนไหวของผู้สนใจรายอื่น นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด(มหาชน)หรือ BJC ผู้ดำเนินธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ 1 ใน 5 กลุ่มธุรกิจของเครือที.ซี.ซี. กรุ๊ป เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจก่อนหน้านี้ว่า แนวทางการขยายธุรกิจของบริษัทจากนี้ไปจะเน้นไปที่การร่วมทุน หรือเข้าควบรวมกิจการ เพราะทำให้สามารถขยายฐานได้รวดเร็ว ซึ่งบริษัทให้ความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลกิจการห้างค้าปลีกคาร์ฟูร์ ทั้ง 3 ประเทศ คือ ไทย สิงคโปร์ และมาเลเซีย รวมกันกว่า 60 สาขา เนื่องจากต้องการเติมเต็มธุรกิจ เพราะปัจจุบันบริษัทเป็นผู้ดำเนินการสินค้าอุปโภคบริโภค ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ยังขาดในส่วนของปลายน้ำที่จะเข้าถึงลูกค้าโดยตรง ซึ่งสามารถเข้ามาเติมเต็มธุรกิจที่มีอยู่ และยอมรับว่าค้าปลีกเป็นธุรกิจใหม่ ถ้ามีโอกาสก็ต้องเรียนรู้ แต่ตรงนี้เป็นการประมูล โอกาสที่จะได้หรือไม่ได้พอ ๆ กัน โดยขณะนี้เรายังไม่ได้รายละเอียดการประมูลจากฝั่งผู้ขาย
แหล่งข่าวจากแวดวงธุรกิจค้าปลีกเมืองไทย กล่าวว่า คาดว่าขั้นตอนการซื้อ-ขายกิจการคาร์ฟูร์จะใช้เวลาประมาณ 3-4 เดือนจึงจะได้ข้อสรุปและก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการเสนอราคา ซึ่งมีอยู่หลายรายที่ให้ความสนใจและเป็นข่าวออกมาแล้วว่าสนใจ เช่น เทสโก้ โลตัส ที่ให้ความสนใจที่จะซื้อหุ้นคาร์ฟูร์ใน 3 ประเทศดังกล่าวด้วย และเชื่อว่ายังมีอีกหลายรายที่ให้ความสนใจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการดิสเคาต์สโตร์ในไทยทุกรายต่างต้องการสาขาของคาร์ฟูร์เข้ามาเพิ่มเครือข่ายทางธุรกิจ เช่นเดียวกับกลุ่มเบอร์ลี่ ยุคเกอร์ และบิ๊กซี ที่มีรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่า กลุ่มคาสิโนกรุ๊ป บริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)ให้ความสนใจเข้าร่วมประมูลด้วยเช่นกัน
การประกาศขายกิจการในไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ คาดว่าจะทำเงินให้กับคาร์ฟูร์เอสเอ ราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3.2 หมื่นล้านบาท โดยการขายกิจการในประเทศไทยคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 500-600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนที่เหลือเป็นของมาเลเซียและสิงคโปร์ เพื่อนำเงินไปลงทุนในประเทศใหญ่แทน
ค้าภายในจับตาใกล้ชิด
ด้านนางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรณีที่ห้างคาร์ฟูร์เตรียมขายกิจการในไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ และมีห้างโมเดิร์นเทรดหลายรายสนใจซื้อนั้น ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้รวบรวมข้อมูล ก่อนนำเสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พิจารณาว่า การรวมกิจการดังกล่าวจะผิดกฎหมายแข่งขันทางการค้าหรือไม่ รวมถึงจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจค้าปลีกหรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้"คาร์ฟูร์" ภายใต้การบริหารจัดการของบริษัท เซ็นคาร์ จำกัด เปิดให้บริการสาขาแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2539 บนถนนสุขาภิบาล 3 ก่อนที่จะขยายสาขาในรูปแบบต่างๆทั้งไฮเปอร์มาร์เก็ต คอมแพ็กต์ และมินิ ไฮเปอร์มาร์เก็ต รวมทั้งรูปแบบของศูนย์การค้าขนาดย่อม หรือคอมมิวนิตี มอลล์ ย่านถนนนวมินทร์ ปัจจุบันคาร์ฟูร์มีสาขารวม 45 แห่ง ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ 30 แห่งและต่างจังหวัด 15 แห่ง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,554 5-7 สิงหาคม พ.ศ. 2553
--
สงสัยหุ้นปตท ไม่วิ่ง
-
- Verified User
- โพสต์: 670
- ผู้ติดตาม: 0
คาร์ฟูถอนทัพจากเมืองไทย
โพสต์ที่ 18
[quote="simplelife"]
ประกอบกับบมจ.ปตท.มีความสามารถในการบริหารงานด้านค้าปลีกจากร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่อยู่แล้ว จึงไม่น่ามีปัญหา
แหล่งข่าวยังให้เหตุผลด้วยว่า หาก บมจ.ปตท.ไม่เข้าไปซื้อกิจการของคาร์ฟูร์ก็อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงทางธุรกิจ
ประกอบกับบมจ.ปตท.มีความสามารถในการบริหารงานด้านค้าปลีกจากร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่อยู่แล้ว จึงไม่น่ามีปัญหา
แหล่งข่าวยังให้เหตุผลด้วยว่า หาก บมจ.ปตท.ไม่เข้าไปซื้อกิจการของคาร์ฟูร์ก็อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงทางธุรกิจ