ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 31

โพสต์

ถ้าใครจะซื้อปะรกันก็มาถามได้นะครับว่าแบบไหนดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
picklife
Verified User
โพสต์: 2565
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 32

โพสต์

Warantact เขียน:AIA กะไทยประกัน ไง แต่มันไม่อยู่ในตลาด 5555
อันนี้รถยนต์หรือชีวิตครับพี่

AIAของประกันชีวิตรู้สึกจะโดนเขาแย่งMarketShareนะครับพี่
เม่าน้อยคลำทางหาแสงไฟ
ภาพประจำตัวสมาชิก
SunShine@Night
Verified User
โพสต์: 2196
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 33

โพสต์

ประกันแบบไหนที่ IRR เยอะๆ ครับ

คำนวณรวมภาษีไปด้วยก็ได้ :)
VI ฝึกหัด สำนักปีเตอร์ ลินช์

หวังผลต่อแทนทบต้นมากกว่า 15% ต่อปี :)
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 34

โพสต์

แม่นแล้ว AIA มาเก็ตแชร์ลด ยอดขายเพิ่มแต่มาเก็ตแชร์ลดด้วยหลายสาเหตุ

หลักๆคือ แผนกพึ่งเจ๊งไปแผนกนึง เนื่องด้วยคนรับผิดชอบห่วยมาก เทรนเนอร์เก่งๆมันให้ออก มันก็บริหารต่อไม่ได้ เพราะมันทำไม่เป็น พอแผนกเจ๊ง ตัวแทนที่มีฝีมือก็แตกกระจายไปที่ต่างๆ อลิอันซมั่งหละ ไทยประกันมั่งหละ

บ อื่นชอบมาดึงตัวแทนAIAไปครับ เพราะถือว่าเทรนมาแล้ว แล้วก็ออฟเฟอซื้อตัวมา

นักขายของที่อื่นก็เก่งขึ้นมาก แล้ว บ อื่นก็ขายผ่านแบงค์ ที่ขายผ่านกสิกรนี่โชคดี เพราะเคาท์เตอร์จะนำเสนอบ่อยมากและนำเสนอได้ดี AIA ขายผ่านกรุงศรี มันก็ไม่ทันเขา
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 35

โพสต์

แบบIRRมากๆนะครับ ต้องมอง2กรณีครับ

ตายเร็ว กับ หนังเหนียว

ถ้ากรณีแรก แบบโฮลไลฟ์เลยครับ คือ ข้อขอจ่ายเบี้ยมันทั้งชีวิตเลย ไม่ตายไม่ขอรับเงินไม่ต้องมีเงินปันผลหรือเงินคืนใดๆ มาคืนตอนตายเท่านั้น แบบนี้เบี้ยจะถูกครับ ยิ่งตายเร็วยิ่งดี(ขออภัยถ้าตรงและแรงไป)

เช่น ซื้อปั๊ป ปีเดียวตาย(ไม่ใช่ฆ่าตัวตายนะ)

ผลตอบแทนจะอยู่ที่แถวๆ 10,000% ต่อปี หรือต่อเดือนก็ว่าไป แล้วผลตอบแทนก็จะลดลงตามอายุที่ยาวนานขึ้นครับ

กรณีหนังเหนียว คำตอบก็เหมือนกัน(แล้วจะแบ่งทำซากอะไร)

อันนี้ถ้าดูIRRอย่างเดียวนะครับ นี่แบบคุ้มสุด


แต่สำหรับคนวางแผนภาษี หรือ เก็บเงินให้ลูกเรียนโดยลงทุนหุ้นไม่เป็นนี่คนละเรื่องเลยครับ แบบอื่นกลับเหมาะกว่า
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 36

โพสต์

ถ้าท่านมีเงินทองกองมากมาย จ่ายเบี้ยปีละแสนนี่ขี้หมามาก จะหักภาษีก็เอาเลยครับ สมมติอายุ30เป็นเศรษฐีแล้ว ทำงานในบริษัทตัวเอง ไปเกษียณเอา75 ก็เลือกแบบจ่ายเบี้ย45ปี เพราะเกษียณแล้วมันหักภาษีไม่ได้

แต่รวยขนาดนั้นส่วนมากมีประกันจ่ายเบี้ยเป็นล้านกันทั้งนั้น ทำไมเขาซื้อขนาดนั้น? ส่วนหนึ่งก็คือไม่รู้จะเอาเงินไปทำไร อีกส่วนก็เพราะแบ่งมรดกง่ายดีครับ พอตายปุ๊ป ไม่ต้องไปทำเรื่องผู้จัดการมรดกโอนทรัพย์สินบ้าบออะไรให้มากมาย ตัวแทนดีๆ จัดการให้แป๊ปๆจบ ลูกหลานสบาย
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 37

โพสต์

ถ้าเพิ่งมีลูก อยากเก็บไว้ให้ลูกเรียนต่อมหาลัย เกิดเราเป็นอะไรไปก่อนลูกเข้ามหาลัยก็ยังได้เรียน ก็ซื้อแบบ ฝากสิบแปดปี รับคืนปีที่สิบแปดก็ได้ครับ IRRเยอะสุดสำหรับส่งลูกเรียน

ถ้ากินเงินเดือน ต้องการหักภาษีเป็นหลัก ให้เอา55-อายุปัจจุบัน จะได้เวลาที่ท่านต้องจ่ายเบี้ย(พอเกษียณแล้วไม่ต้องจ่ายภาษี) ส่วนจะให้คุ้มครองกี่ปี ก็ตามสบาย

แต่ส่วนใหญ่ในเวปนี้ หากมีปันผลมหาศาลไว้กินตอนแก่ ก็ยังต้องเสียภาษี งั้นก็กลับไปซื้อแบบตลอดชีวิต จ่ายตลอดชีวิตน่ะ ถูกสุดครับ
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 38

โพสต์

ชักเริ่มไปทางกระทู้ Alternative ซะแล้วสิ 5555
ภาพประจำตัวสมาชิก
pornchai_w
Verified User
โพสต์: 244
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 39

โพสต์

วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553 เวลา 15:21:41 น.  มติชนออนไลน์


กสิกรไทยชี้ธุรกิจประกันชีวิตแกร่ง 4เดือนโต 17% กวาดเบี้ยเกือบ9หมื่นล้าน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยรายงานว่า ธุรกิจประกันชีวิตในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ยังคงรักษาการเติบโตในระดับสูงถึง 17.1% จากปีก่อน เทียบกับ 16.8% ในปี 2552  โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 89,293.9 ล้านบาท เป็นผลจากการจัดเก็บเบี้ยประกันของผู้เอาประกันรายใหม่ และการส่งเบี้ยประกันปีต่อไปของผู้เอาประกันรายเดิม ได้เพิ่มขึ้นในอัตรา 14.6% และ 18.2% (YoY) ตามลำดับ  สะท้อนภาพการเติบโตอย่างมีความต่อเนื่องระหว่างการรุกขยายธุรกิจใหม่ ควบคู่กับการรักษาฐานความคงอยู่ของเบี้ยประกัน (Consistency)


ขณะที่ เมื่อมองไปในช่วงที่เหลือของปี 2553 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตน่าจะยังสามารถรักษาความแข็งแกร่งได้ต่อเนื่อง ทำให้น่าจะมีกรอบการเติบโตของธุรกิจสำหรับทั้งปี 2553 ประมาณ 18-23%  โดยลักษณะเฉพาะทางธุรกิจ ทำให้ประกันชีวิตน่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองในขอบเขตที่จำกัด ขณะที่ นโยบายเชิงรุกของธนาคารพาณิชย์ในการเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียม คงจะเป็นแรงกระตุ้นที่สำคัญต่อการเพิ่มปริมาณธุรกิจใหม่ ผ่านทางช่องทาง Bancassurance ดังจะเห็นได้จากส่วนแบ่งตลาดของช่องทางดังกล่าวที่เพิ่มขึ้น สวนทางกับช่องทางอื่นๆ โดยเฉพาะช่องทางตัวแทน (Agent) ที่มีส่วนแบ่งตลาดลดลง    


นอกเหนือจากนั้น การที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี ยังอยู่ในระดับต่ำ หรือแม้จะมีโอกาสปรับขึ้น ก็น่าจะเป็นอัตราที่ไม่สูงมากนัก ก็น่าจะทำให้ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง  กระนั้นก็ดี คงต้องยอมรับว่า หากปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจคลี่คลายลงเร็วกว่าคาด อัตราดอกเบี้ยในประเทศก็อาจก้าวสู่จังหวะขาขึ้นเร็วและแรงขึ้น ซึ่งย่อมจะตามมาด้วยผลิตภัณฑ์การออมต่าง ๆ  ไม่ว่าจะเป็นเงินฝากพิเศษ และกองทุนรวมที่ให้ผลตอบแทนที่จูงใจขึ้น อันอาจส่งผลต่อความน่าดึงดูดของผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตได้  แต่ทั้งนี้ ปริมาณธุรกิจในภาพรวมจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวมากน้อยเพียงใด คงจะขึ้นอยู่กับว่า บริษัทประกันสามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในภาวะที่แตกต่างออกไปได้หรือไม่ รวมถึงบริษัทที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธนาคารพาณิชย์ จะสามารถใช้จุดแข็งด้านฐานลูกค้าของธนาคารแม่ และความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทางการเงินประเภทอื่น ๆ เพื่อดึงดูดและขยายฐานลูกค้าประกันชีวิตให้ครอบคลุมและกว้างขวางกว่าเดิมได้มากขึ้นเร็วเพียงใด
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 40

โพสต์

ข้อเสียเล็กๆของหุ้นประกันภัยคือ พอมันมีภัยธรรมชาติร้ายแรงหรือไฟไหม้หรือเกิดจลาจล

คนถือจะคิ้วกระตุก 55555
ภาพประจำตัวสมาชิก
unnop.t
Verified User
โพสต์: 924
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 41

โพสต์

Warantact เขียน:แบบIRRมากๆนะครับ ต้องมอง2กรณีครับ

ตายเร็ว กับ หนังเหนียว

ถ้ากรณีแรก แบบโฮลไลฟ์เลยครับ คือ ข้อขอจ่ายเบี้ยมันทั้งชีวิตเลย ไม่ตายไม่ขอรับเงินไม่ต้องมีเงินปันผลหรือเงินคืนใดๆ มาคืนตอนตายเท่านั้น แบบนี้เบี้ยจะถูกครับ ยิ่งตายเร็วยิ่งดี(ขออภัยถ้าตรงและแรงไป)

เช่น ซื้อปั๊ป ปีเดียวตาย(ไม่ใช่ฆ่าตัวตายนะ)

ผลตอบแทนจะอยู่ที่แถวๆ 10,000% ต่อปี หรือต่อเดือนก็ว่าไป แล้วผลตอบแทนก็จะลดลงตามอายุที่ยาวนานขึ้นครับ

กรณีหนังเหนียว คำตอบก็เหมือนกัน(แล้วจะแบ่งทำซากอะไร)

อันนี้ถ้าดูIRRอย่างเดียวนะครับ นี่แบบคุ้มสุด


แต่สำหรับคนวางแผนภาษี หรือ เก็บเงินให้ลูกเรียนโดยลงทุนหุ้นไม่เป็นนี่
คนละเรื่องเลยครับ แบบอื่นกลับเหมาะกว่า
ผมเ้ข้าใจว่า ในกรณีที่หนังเหนียว  :8) กรมธรรม์จะให้ IRR ใกล้เคียงกันไม่น่าต่างกันเกิน 1-2 % ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไหน เพราะว่าถูกควบคุมอยู่ ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกหรือเปล่าครับ
ตลาดหุ้นมักจะหลอกเราด้วย ความโลภ และความกลัว.....
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 42

โพสต์

ใช่ครับ ถ้าอยู่จนแก่ แบบไหนๆก็พอกัน แต่หลักคิดคือ เราไม่รู้อนาคตครับว่ามันจะเกิดเมื่อไร

ลองดูสองแบบ แบบแรกเบี้ย 3000 คุ้มครองล้านนึง ทยอยๆจ่ายไปเรื่อยๆ
แบบสองเบี้ย 30000 คุ้มครองล้านนึง ทยอยๆจ่ายไม่สิบปี
แบบสามเบี้ย 100000 ทยอยๆจ่ายไม่กี่ปี
แบบสี่เบี้ย 300000 จ่ายโครมเดียว

คือถ้าคิดปีที่99 IRR จะใกล้กันมาก เพราะถอดรากที่99 มันดึงให้ผลตอบแทนไม่หนี

แต่ยิ่งตายเร็วแบบจ่ายน้อยยิ่งดี ไม่มีไรเสียหาย
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 43

โพสต์

ใครถืออยู่ยกมือหน่อย อิอิ

เมืองไทยประกันภัยอ่วม ไฟไหม้โรงงานศรีไทยฯ
  เพลิงไหม้โกดังศรีไทย ซุปเปอร์แวร์ ทำประกันถึง 3,237.54 ล้านบาท
  นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย
(คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.นี้ ได้เกิดเพลิงไหม้โกดังโรงงานเม็ดพลาสติกของ บริษัท ศรีไทย
ซุปเปอร์แวร์ ภายในนิคมอมตะนคร จ.ชลบุรี โดยเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นบริเวณคลังสินค้าและพื้นที่การผลิต
บางส่วน ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายต่อสินค้าสำเร็จรูป วัตถุดิบ เครื่องจักร ตลอดจนอาคารโรงงาน
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 44

โพสต์

ถ้าประกัน 3200ล้าน คัฟเวอพอดี ไหม้ชิบหายวอดวายทั้งหลังก็ต้องจ่ายแถวๆนั้น

สินทรัพย์บริษัท 7600ล้าน เอามาแปลงเป็นเงินจ่ายสร้างโรงงานได้ก็
5800

พอจ่ายไหว แต่แย่เหมือนกัน แต่ไอ้5800ที่จ่ายนี้มันเกินส่วนผู้ถือหุ้นแล้ว จ่ายมะไหว งานนี้ถ้าส่วนทุนไม่ลดเหลือ 0 ก็กู้บานเบอะหละ

มาตามดูกันต่อไป
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 45

โพสต์

ขออภัยที่บอกไปตอนต้นกระทู้ว่า ไม่มีตัวไหนน่าสน ตอนนี้น่าสนตัวนึงแล้ว  :lol:
Anti-Aircraft
Verified User
โพสต์: 807
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 46

โพสต์

โอ้ว ได้ความรู้มากเลย ปกติไม่มีพื้นธุรกิจนี้เลย แถมคุณ จขกท. อัพเดทข่าววงการประกันให้เรื่อยๆ อีก ขอบคุณนะครับ
อย่ายอมแพ้
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 47

โพสต์

ทำไมราคามันยังไม่ลงมารับข่าวหว่า?
arica
Verified User
โพสต์: 1112
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 48

โพสต์

[quote="Warantact"]ขออภัยที่บอกไปตอนต้นกระทู้ว่า ไม่มีตัวไหนน่าสน ตอนนี้น่าสนตัวนึงแล้ว
ภาพประจำตัวสมาชิก
pongo
Verified User
โพสต์: 1075
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 49

โพสต์

ขอถามคุณ Warantact เป็นความรู้หน่อยครับ
การประกันภัย ไม่มีข้อกำหนดทำนองว่า
ห้ามรับประกันรายใดรายหนึ่งที่ทุนประกันเกิน XX% ของทุนจดทะเบียนของบริษัทประกัน อะไรทำนองนี้มั่งหรือครับ
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 50

โพสต์

อันนี้ไม่รู้ครับ จะถามผู้รู้ให้ อาจนานหน่อยนะครับ
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 51

โพสต์

ไอ้ตัวที่ผมบอกน่าสนใจมันไม่ใช่ตอนนี้ครับ แต่มันจะน่าสนตอนปลายปีนี้
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 52

โพสต์

ลองเอามาวิเคราะห์ใหม่นะครับ ค่อยๆตามดูก็ได้
อันนี้ทั้งบริษัทประกันทั้งหมด17ตัว

http://marketdata.set.or.th/mkt/sectorq ... A_3_16_0_S

ผมจะวิเคราะห์เรียงตามอักษรไปทีละตัวนะครับ ใช้หลักของเกรแฮมวิเคราะห์เป็นหลัก คือ
1) ไม่เอาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อันนี้ผ่านหมด
2) เกรแฮมกำหนดขนาดบริษัทไว้ด้วย คือยอดขายเกินกว่า340ล้านเหรียญ ผมจะปรับให้เหมาะกับไทยครับ หรือข้อนี้จะไม่สนกันก็ได้
3) current ratio ควรมากกว่า2 บริษัทประกันดูต่างจากนี้นิดๆ เดี๋ยวบอกทีหลัง
4) eps เฉลี่ยตอนนี้ต้องมากกว่า eps เฉลี่ย 10ปีก่อน 30%(อัตราการเติบโตระยะยาวร้อยละ3 ก็คือแค่ขึ้นราคาตามเงินเฟ้อเอง เกรแฮมกำหนดไว้อนุรักษ์นิยมมาก)
5) p/e ควรต่ำกว่า 15
6) p/b ไม่ควรเกิน 1.5 หรือสองตัวคูณกันไม่เกิน 22.5 ถ้าผ่านหมดเข้าข่ายหุ้นถูก ท่านสามารถเก็บได้ โดยผลตอบแทนในระยะยาวจะไม่เลวร้าย

เกรแฮมไม่การันตีการชนะตลาดนะครับ แต่เขาบอกว่าผลตอบแทนจะไม่เลวร้าย หรือป้องกันการขาดทุน(นั่นเป็นวัตถุประสงค์ข้อแรก)

ส่วนผมชอบหุ้นสไตล์ซากสงคราม จะเน้น p/b หรือหุ้น netnet เป็นพิเศษ เดี๋ยวจะค่อยๆวิเคราะห์นะครับ
arica
Verified User
โพสต์: 1112
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 53

โพสต์

Warantact เขียน:ลองเอามาวิเคราะห์ใหม่นะครับ ค่อยๆตามดูก็ได้
อันนี้ทั้งบริษัทประกันทั้งหมด17ตัว

http://marketdata.set.or.th/mkt/sectorq ... A_3_16_0_S

ผมจะวิเคราะห์เรียงตามอักษรไปทีละตัวนะครับ ใช้หลักของเกรแฮมวิเคราะห์เป็นหลัก คือ
1) ไม่เอาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อันนี้ผ่านหมด
2) เกรแฮมกำหนดขนาดบริษัทไว้ด้วย คือยอดขายเกินกว่า340ล้านเหรียญ ผมจะปรับให้เหมาะกับไทยครับ หรือข้อนี้จะไม่สนกันก็ได้
3) current ratio ควรมากกว่า2 บริษัทประกันดูต่างจากนี้นิดๆ เดี๋ยวบอกทีหลัง
4) eps เฉลี่ยตอนนี้ต้องมากกว่า eps เฉลี่ย 10ปีก่อน 30%(อัตราการเติบโตระยะยาวร้อยละ3 ก็คือแค่ขึ้นราคาตามเงินเฟ้อเอง เกรแฮมกำหนดไว้อนุรักษ์นิยมมาก)
5) p/e ควรต่ำกว่า 15
6) p/b ไม่ควรเกิน 1.5 หรือสองตัวคูณกันไม่เกิน 22.5 ถ้าผ่านหมดเข้าข่ายหุ้นถูก ท่านสามารถเก็บได้ โดยผลตอบแทนในระยะยาวจะไม่เลวร้าย

เกรแฮมไม่การันตีการชนะตลาดนะครับ แต่เขาบอกว่าผลตอบแทนจะไม่เลวร้าย หรือป้องกันการขาดทุน(นั่นเป็นวัตถุประสงค์ข้อแรก)

ส่วนผมชอบหุ้นสไตล์ซากสงคราม จะเน้น p/b หรือหุ้น netnet เป็นพิเศษ เดี๋ยวจะค่อยๆวิเคราะห์นะครับ
มาปูเสื่อรอเลยครับ พร้อมกับรอดูบอล คู่ 3 ทุ่มวันนี้
ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้ใหม่ ๆ ในเรื่องประกัน
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 54

โพสต์

บริษัท AYUD ศรีอยุธยาประกันภัย
ยอดเฉลี่ย 1250 ล้าน
ทรัพย์สินที่พอจะมีสภาพคล่องหารหนี้สินได้มากกว่าสอง ผ่าน แปลว่า มีอะไรเกิดขึ้นก็พอจะจ่ายไหว

epsเฉลี่ยแถวนี้ 1.38 สิบปีก่อน 1.21 โตขึ้นไม่ถึง1/3 แถม eps เฉลี่ยแถวๆ 15ปีก่อน ยังอยู่ที่ 2 ด้วยซ้ำ บริษัทมีการโตที่แย่มาก ไม่ผ่าน

pe 14 pb 0.75 ผ่าน

ในอดีตที่ยาวนานมากไม่แสดงการเติบโตของกำไรต่อหุ้นเลย eps แกว่งอยู่ในช่วงแคบๆตั้งแต่ 1-2 ถ้าใช้ค่าเฉลี่ยก็อนุโลม
eps เฉลี่ยในช่วงเวลาอันยาวนานจะอยู่ แถวๆ1.6 peเมื่อเทียบกับepsเฉลี่ยเท่ากับ 9.63 เท่ากับว่าได้ผลตอบแทนประมาณ10%ต่อปี ความน่าสนพอๆกับกองทุนดัชนี เป็นราคาที่ซื้อได้ ไม่เครียด แต่ก็ไม่ได้โตอะไรมากมาย จ่ายปันผลแถวๆ6% ของราคาปัจจุบัน

สรุป แข็งแรง ไม่แพง ไม่ค่อยโต ผลตอบแทนของเจ้าของ10% ปันผล6%
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 55

โพสต์

บริษัทกรุงเทพประกันภัย BKI
ยอดขายแถวๆ5000-6000ล้าน ก็บริษัทใหญ่เหมือนกัน

current ratioมากกว่า 2 พอจ่ายหนี้ไหวไม่มีปัญหา

eps เฉลี่ยแถวนี้อยู่ที่16 ปีก่อนอยู่ที่ 18 แต่สิบปีก่อนกลับอยู่ที่ 22 สิบห้าปีก่อนอยู่แถวๆ 40ด้วยซ้ำ eps ไม่มีการเติบโตในระยะยาวเลยแย่มาก

pe 14.48 pb 0.99 ผ่านแบบเฉียดฉิว epsเฉลี่ยระยะยาว15ปี อยู่แถวๆ24

peต่อ epsเฉลี่ยอยู่ที่ 14.28 เป็นผลตอบแทนประมาณ 7% ดูแย่กว่าตัว AYUDเมื่อปะกี้อีกถ้าวิเคราะห์ในเชิงปริมาณ โลโก้นกพิราบบินไม่เคยเห็นที่แบงค์ไหนนะครับ สงสัยขายผ่านตัวแทน อันนี้ไม่รู้นะครับ เพราะไม่ได้อ่านแอนวลละเอียด เห็นว่าสกรีนแล้วไม่น่าสนใจเลยปาทิ้ง

สรุป แข็งแรง ไม่แพง ไม่ค่อยโต ผลตอบแทนของเจ้าของ 7% ปันผลอยู่แถวๆ 4-5%
out look
Verified User
โพสต์: 57
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 56

โพสต์

Warantact เขียน:ทำไมราคามันยังไม่ลงมารับข่าวหว่า?
ที่ไม่ลงคงเพราะ MTI ส่งประกันภัยต่อต่างประเทศครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

 เมืองไทยประกันภัยยันพร้อมจ่ายชดเชยความเสียหายเพลิงไหม้โกดังโรงงาน"ศรีไทย" เผยรับทำประกัน 37 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 3 พันกว่าล้านรีต่อตปท.

นางนวลพรรณ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากเหตุเพลิงไหม้โกดังโรงงานเม็ดพลาสติกของ บริษัท ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ จำกัด (มหาชน) (SITHAI) ภายในนิคมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี  เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2553  โดยโรงงานดังกล่าวได้ทำประกันภัยความเสี่ยงภัยทุกชนิดไว้กับบริษัท โดยมีทุนเอาประกันภัยทั้งสิ้น 3,237.54 ล้านบาท แบ่งเป็นการประกันภัยสิ่งปลูกสร้าง จำนวน 623.94 ล้านบาท  การประกันภัยสต๊อกสินค้า จำนวน 251 ล้านบาท และการประกันภัยเครื่องจักร จำนวน 2,362.6 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการสรุปความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อพิจารณาเรื่องการจ่ายสินไหมทดแทนทันที โดยบริษัทได้มีการบริหารจัดการความเสี่ยงในการรับประกันภัยไว้เป็นอย่างดี โดยได้รับทำประกันภัยไว้เองในสัดส่วน 1.15% หรือประมาณ 37 ล้านบาท จากทุนประกันภัยทั้งสิ้น 3,237.54 ล้านบาทเท่านั้น โดยส่วนที่เหลือบริษัทฯได้ทำการส่งงานประกันภัยต่อให้กับบริษัทอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ไม่กระทบต่อฐานะการเงินของบริษัทแต่อย่างใด บริษัทยังมีเงินกองทุนสูงกว่าที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.)กำหนดเกือบถึง 10 เท่า คิดเป็นเงินมากกว่า 3,000 ล้านบาท

http://www.bangkokbiznews.com/home/deta ... รีไทย.html
ภาพประจำตัวสมาชิก
Alastor
Verified User
โพสต์: 2590
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 57

โพสต์

มาปูเสื่อรออ่านครับ :cool:
Wir sind das Rar, der Stolz und der Wert
ภาพประจำตัวสมาชิก
pornchai_w
Verified User
โพสต์: 244
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 58

โพสต์

มายกมือ :wink:
ผมถืออยู่ครับเยอะด้วย
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
ภาพประจำตัวสมาชิก
pornchai_w
Verified User
โพสต์: 244
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 59

โพสต์

ตัวนี้เก็บยากสุดๆ ใช้เวลา 2 สัปดาห์กว่าจะเก็บได้(แบบตั้งรอราคา)
ไม่รู้ว่าข่าวนี้จะทำให้ลงมาต่ำกว่า 50 บาทหรือเปล่า :pray:
Blog ของคนใช้เงินเก่ง ^_^
http://pefinance.wordpress.com/about/
Warantact
Verified User
โพสต์: 1160
ผู้ติดตาม: 0

ในที่สุดก็วิเคราะห์เสร็จ เย้

โพสต์ที่ 60

โพสต์

ตัวนี้มาแปลก ประกันชีวิต กรุงเทพประกันชีวิต BLA

ไม่มีข้อมูลย้อนหลังอันยาวนานตัวนี้ผมเสียวครับ แล้วก็ตั้งแต่ทำIPOที่14บาทราคาก็วิ่งพรวดมาเป็น 28บาท ปาทิ้งก่อนเลยแต่ไหนๆแล้วก็เอามาวิเคราะห์สักหน่อย

กรุงเทพประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ5
http://www.positioningmag.com/prnews/pr ... x?id=77830

รองจาก AIA(ขายผ่านตัวแทน+กรุงศรี) ไทยประกัน(ตัวแทน แบงค์ไม่ดัง) เมืองไทยประกัน(ตัวแทน+กสิกร) อยุธยาอลิอันซ์ซีพี(ตัวแทน+ซิตี้แบงค์)

ส่วนกรุงเทพประกันชีวิต ขายผ่านตัวแทน และแบงค์กรุงเทพ แบงค์กรุงเทพมี145สาขา

current ratio หาด้วยวิธีธรรมดาไม่ได้ครับสำหรับประกันชีวิต ต้องแกะกบเอา หนี้สินทั้งหมดที่มีบานเบอะ ไม่น่ากลัวเท่าไรเพราะไม่มีหนี้เงินกู้ตัวโตๆ แต่เป็นการตั้งสำรองสำหรับจ่ายค่าประกันชีวิต ไม่ใช่หนี้ที่น่าวิตก บริษัทประกันชีวิตมีโครงสร้างหนี้แบบนี้แทบทั้งหมด

แต่หนี้ก็คือหนี้ สมมติว่าทำประกันกันไว้คนละล้านนะครับ ถ้าผู้เอาประกันเกิดตายพร้อมกันในปีนั้น 60000คนเกิดตายพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย อันนี้บริษัทก็ดับครับ ก็คิดกันเอาเองนะครับ ผมก็วิเคราะห์ไม่ได้เพราะไม่รู้

ข้อมูลการโตของ eps ไม่มี

pe 31เท่า pb4.22เท่า โหดร้ายมาก ไม่ผ่าน ถ้าเทียบปีที่แล้วก็ 27 ไม่ผ่านอยู่ดี
เนื่องจากไม่มีข้อมูลในอดีต ต้องใช้แค่peปัจจุบัน ผลตอบแทนก็เท่ากับ 3.22% น้อยกว่าพันธบัตรรัฐบาลอีก เรียกว่าถ้าบริษัทไม่โตก็เป็นราคาที่ไร้สาระ

คนเก็งกำไรกันขนาดนี้ก็คาดว่าบริษัทจะโต(ถ้ามีการคาดกันนะ) หรือไม่ก็ไล่ๆราคาไปงั้นแหละ

โดยอัตราการโตของกำไรที่คาดก็คือ ต้องมากกว่า 10%ทบต้นต่อปีในระยะยาวถึงจะคุ้มที่ราคานี้ (คิดลดกระแสเงินสด ถือสิบปีแล้วขาย) แล้วถ้ามันโตในอัตรานี้จริง ผลตอบแทนก็แค่เท่ากับตลาด

สำหรับผม ตัวนี้เสี่ยงเกินไป ที่จะหวังการเติบโตสูงๆในอนาคต
สรุป งบพอรับได้ แพงบรรลัย การเติบโตไม่รู้ ผลตอบแทนเริ่มต้น 3% ปันผลแถวๆ 1%

พอดูแบบนี้แล้วไม่น่าซื้อเลยเนาะ