สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
- champ_st
- Verified User
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 1
สรุปสดๆร้อนๆมาแล้ว ขออภัยในคำผิดนะครับ 555 พิมไปง่วงไป
สรุปงานสัมมนา การลงทุนแบบวอร์เรน บัฟเฟตต์และวิถีวีไอไทย วันที่ 17/04/10
หัวข้อการลงทุนแบบวอร์แรน(ขอใช้ตัวย่อ WB) ได้ใจความดังนี้ครับ
ดร.ไพบูลย์ ถาม WB คือใคร
ดร.นิเวศน์ :WB เป้นตำนานของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จสูงมาก เกิดมาเพื่อเป็นนักลงทุนเพราะมีองคืประกอบสำคัญดังนี้
1ชอบลงทุนตั้งแต่เด็กชอบทำงานหากำไรค้าขายตั้งแต่วันรุ่น ซึ่เป็นนิสัยองนักลงทุนทุกคนที่ชอบหาเงิน
2มีความรู้ที่ถูกต้องในการลงทุนมีอาจารย์ที่สร้าง ทบ ด้านการลงทุนอย่างเบนจามิน เกรแฮมและตนเองก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน
3เป้นนักลงทุนที่มีระยะเวลาในการลงทุนยาวนานมาก นับจริงๆก็ตั้งแต่จบ ป ตรี จนปัจจุบันก้ปาเข้าไป 50 ปีโดยลงทุนแบบตอเนื่องแทบจะไม่มีสะดุด ในฐานนะนักลงทุนเวลาคือทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่มาก สำคัญกว่าการมีเงินเพราะผลตอบแทนก็จะทบต้นไปเรือ่ยๆตามระยะเวลาและ WB ก็สามารถลงทุนได้โดตอลดแทบไม่มีขาดทุน
4เข้ามาในส่งที่ตลาด USA กำลังเจริญสุดขีด ถูกจังหวะและ เมกาก็มีการเติบโตที่ยาวนานมาก บริษัทที่เลือกลงทุนก็เติบโตตามๆกันไป
คุณพรชัย : ได้ซื้อหุ้นเพื่อไปประชุมกับ WB เมือ่ 6 ปีที่แล้วซึ่งเป้นการประชุมที่คนเยอะมาก 35000 คนผู้ถือหุ้นที่มาจากต่างประเทศจะได้รับลายเซนจาก WB และชาลีมังเกอร์ซึ่งปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว ที่ประทัยใจคือตอนไปฟังแล้วมีความสุข ได้ข้อคิด ได้ความรู้ โดยเริ่มแปลหนังสือปี 46 เรื่องการลงทุนแบบเน้นคุณค่า กลยุทธ์การลงทุนแบเน้นคุณค่า เล่มสีขาว และที่เกี่ยวกับ WB มี 8 เล่ม และได้แปลเรื่อง the intelligent Invester ที่ทำให้ WB พบทางสว่างในการลงทุน
ดร.กุศยา : รู้จัก WB ครั้งแรกตอนเรียน ป โท โดยรู้ว่าเปเนนักลงทุนที่เก่งมากและมีโอกาสได้แปลหนังสือการ์ตูนที่เกี่ยวข้องกับประวัติของ WB นอกจากนั้นก็ได้แปลหนังสือเกี่ยวกับ CEO WB ที่เป็นหลักการลงทุน การบริหารคน ที่สามารถทำให้คนเก่งทำงานอยู่ได้ และการซื้อกิจการมาโดยให้เจ้าของเดิมบริหารอยู่และถือเปเนหุ้นส่วนตลอดชีวิต หนังสือเรือ่ง WB wealt หลังการลงทุน WB การใช้ชีวิต การบริหารคน และก็หนังสือของจอนเนฟ ผู้บริหารกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในเมกาที่ประสบความสำเร็จเพื่อจะได้รู้ถึงแนวทางการจัดการกองทุน การเลือกกองทุน โดยหลักการลงทุนของ WB มี 5 ข้อหลักๆดังนี้
1.ให้ทำความรู้จักกับสิ่งที่คุณจะลงทุนให้ดีที่สุด
2อ่านให้มากๆ ก่อนจะลงทุนต้องมารวิเคราะห์ วิจัยแล้วก็อ่านๆๆๆๆและคิดตาม
3ต้องมีความเปเนตัวของตัวเองอย่าไปซื้อเพราะเชื่อคำพูดของคนอื่น
4เวลาซื้อหุ้นต้องคิดถึงธุรกิจและบริษัทในระยะยาว 10 ปี
5 คิดเสมอว่าซื้อหุ้นคือซื้อกิจการ เราเป้นหุ้นส่สนของเขาต้องดูผู้บริหารที่รักในกิจการ ซื้อสัตย์ มีธรรมภิบาล
คุณพรชัย : เอาความรู้ของ WB มาปรับใช้คือ
1มีทัศนคติในการลงทุนที่ถูกต้อง ซื้อที่กิจการโดยดูที่ผลกำไรของกิจการไม่หวั่นไหวกับราคาหุ้นให้มากนัก
2ซื้อในกิจการที่เข้าใจว่ามันจะเติบโตไปอย่างไร รุ้และเข้าใจสินค้าพอประมาณแต่ที่สำคัญคือต้องคาดการณ์กำไรและทิศทางเติบโตว่าจะไปอย่างไร (ดร.นิเวศน์เสริมว่า เรื่องสินค้าบริการก็พอรู้บ้างถ้าไม่รู้ลึกละเอียดมากๆก้ไม่เป้นไรแต่ต้องพอคาดการณ์อนาคตว่าจะเติบโตไปข้างหน้าอย่างไร)
3WB เป็นนักลงทุนระยะยาวดังนั้นจึงต้องเลือกหุ้นที่มีจุดเด่น เหนือคู่แข่ง ว่าอนาคตจะยังเป้นเบอร์ 1 หรือไม่ พวกธุรกิจที่เป็นโภคภัณขึ้นๆลงๆ WB จะไม่ค่อยลงทุน ซึ่งคุรพรชัยมองว่ายังหาบริษัทในไทยแบบนี้ยากอยู่
สรุปงานสัมมนา การลงทุนแบบวอร์เรน บัฟเฟตต์และวิถีวีไอไทย วันที่ 17/04/10
หัวข้อการลงทุนแบบวอร์แรน(ขอใช้ตัวย่อ WB) ได้ใจความดังนี้ครับ
ดร.ไพบูลย์ ถาม WB คือใคร
ดร.นิเวศน์ :WB เป้นตำนานของนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จสูงมาก เกิดมาเพื่อเป็นนักลงทุนเพราะมีองคืประกอบสำคัญดังนี้
1ชอบลงทุนตั้งแต่เด็กชอบทำงานหากำไรค้าขายตั้งแต่วันรุ่น ซึ่เป็นนิสัยองนักลงทุนทุกคนที่ชอบหาเงิน
2มีความรู้ที่ถูกต้องในการลงทุนมีอาจารย์ที่สร้าง ทบ ด้านการลงทุนอย่างเบนจามิน เกรแฮมและตนเองก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียน
3เป้นนักลงทุนที่มีระยะเวลาในการลงทุนยาวนานมาก นับจริงๆก็ตั้งแต่จบ ป ตรี จนปัจจุบันก้ปาเข้าไป 50 ปีโดยลงทุนแบบตอเนื่องแทบจะไม่มีสะดุด ในฐานนะนักลงทุนเวลาคือทรัพยากรที่ยิ่งใหญ่มาก สำคัญกว่าการมีเงินเพราะผลตอบแทนก็จะทบต้นไปเรือ่ยๆตามระยะเวลาและ WB ก็สามารถลงทุนได้โดตอลดแทบไม่มีขาดทุน
4เข้ามาในส่งที่ตลาด USA กำลังเจริญสุดขีด ถูกจังหวะและ เมกาก็มีการเติบโตที่ยาวนานมาก บริษัทที่เลือกลงทุนก็เติบโตตามๆกันไป
คุณพรชัย : ได้ซื้อหุ้นเพื่อไปประชุมกับ WB เมือ่ 6 ปีที่แล้วซึ่งเป้นการประชุมที่คนเยอะมาก 35000 คนผู้ถือหุ้นที่มาจากต่างประเทศจะได้รับลายเซนจาก WB และชาลีมังเกอร์ซึ่งปัจจุบันยกเลิกไปแล้ว ที่ประทัยใจคือตอนไปฟังแล้วมีความสุข ได้ข้อคิด ได้ความรู้ โดยเริ่มแปลหนังสือปี 46 เรื่องการลงทุนแบบเน้นคุณค่า กลยุทธ์การลงทุนแบเน้นคุณค่า เล่มสีขาว และที่เกี่ยวกับ WB มี 8 เล่ม และได้แปลเรื่อง the intelligent Invester ที่ทำให้ WB พบทางสว่างในการลงทุน
ดร.กุศยา : รู้จัก WB ครั้งแรกตอนเรียน ป โท โดยรู้ว่าเปเนนักลงทุนที่เก่งมากและมีโอกาสได้แปลหนังสือการ์ตูนที่เกี่ยวข้องกับประวัติของ WB นอกจากนั้นก็ได้แปลหนังสือเกี่ยวกับ CEO WB ที่เป็นหลักการลงทุน การบริหารคน ที่สามารถทำให้คนเก่งทำงานอยู่ได้ และการซื้อกิจการมาโดยให้เจ้าของเดิมบริหารอยู่และถือเปเนหุ้นส่วนตลอดชีวิต หนังสือเรือ่ง WB wealt หลังการลงทุน WB การใช้ชีวิต การบริหารคน และก็หนังสือของจอนเนฟ ผู้บริหารกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในเมกาที่ประสบความสำเร็จเพื่อจะได้รู้ถึงแนวทางการจัดการกองทุน การเลือกกองทุน โดยหลักการลงทุนของ WB มี 5 ข้อหลักๆดังนี้
1.ให้ทำความรู้จักกับสิ่งที่คุณจะลงทุนให้ดีที่สุด
2อ่านให้มากๆ ก่อนจะลงทุนต้องมารวิเคราะห์ วิจัยแล้วก็อ่านๆๆๆๆและคิดตาม
3ต้องมีความเปเนตัวของตัวเองอย่าไปซื้อเพราะเชื่อคำพูดของคนอื่น
4เวลาซื้อหุ้นต้องคิดถึงธุรกิจและบริษัทในระยะยาว 10 ปี
5 คิดเสมอว่าซื้อหุ้นคือซื้อกิจการ เราเป้นหุ้นส่สนของเขาต้องดูผู้บริหารที่รักในกิจการ ซื้อสัตย์ มีธรรมภิบาล
คุณพรชัย : เอาความรู้ของ WB มาปรับใช้คือ
1มีทัศนคติในการลงทุนที่ถูกต้อง ซื้อที่กิจการโดยดูที่ผลกำไรของกิจการไม่หวั่นไหวกับราคาหุ้นให้มากนัก
2ซื้อในกิจการที่เข้าใจว่ามันจะเติบโตไปอย่างไร รุ้และเข้าใจสินค้าพอประมาณแต่ที่สำคัญคือต้องคาดการณ์กำไรและทิศทางเติบโตว่าจะไปอย่างไร (ดร.นิเวศน์เสริมว่า เรื่องสินค้าบริการก็พอรู้บ้างถ้าไม่รู้ลึกละเอียดมากๆก้ไม่เป้นไรแต่ต้องพอคาดการณ์อนาคตว่าจะเติบโตไปข้างหน้าอย่างไร)
3WB เป็นนักลงทุนระยะยาวดังนั้นจึงต้องเลือกหุ้นที่มีจุดเด่น เหนือคู่แข่ง ว่าอนาคตจะยังเป้นเบอร์ 1 หรือไม่ พวกธุรกิจที่เป็นโภคภัณขึ้นๆลงๆ WB จะไม่ค่อยลงทุน ซึ่งคุรพรชัยมองว่ายังหาบริษัทในไทยแบบนี้ยากอยู่
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- Verified User
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 2
อาจารย์ไพบูลย์ถาม การลงทุนอะไรของ WB ที่คิดว่าประสบความสำเร็จมาก
คุณกุศยา : มองว่าการลงุทนใน ไจโ ก้ ธุรกิจประกันภัย เพราะเป้นแหล่งเงินของ WB ที่เอาไปใช้ต่อยอดในการซื้อหุ้นในกิจการอื่นๆ เพราะธุรกิจประกันภัยในเมกามีการเติบโตสม่ำเสมอ ถ้าบริหารควบคุมค่าใช้จ่ายดีก็มีกำไรและเป้นธุรกิจที่ได้เงินมาก่อนเรือ่ยๆแต่เวลาจ่ายเงินไม่แน่นอนถ้าไม่มีอุบัติเหตุ
คุณพรชัย : มองว่าลงทุนในโค้ก ที่เบิกไซ ถืออยู่ 6-7%ที่ตอนนั้นคนทั่วไปก็มองว่าแพงแต่ WB ก็สามารถทำกำไรได้ 28%ต่อปีตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เป้นการลงทุนที่ตัดสินใจในครั้งเดียวแต่สร้างผลตอบแทนมหาศาล
ดร.นิเวศน์ มองว่าเป็น อเมริกันเอ็กเพรส ที่ใช้เงินไปถึง 50% ของพอต โดยตอนนั้นเป้นบริษัทที่ใหญ่มากแต่เกิดปัญหาฉาวโฉ่ภายในทำให้หุ้นตกลงมาหนักมากกรณีน้ำมันสลัด ซึ่ง WB มองว่าเดี๋ยวก็สามารถเคลียได้เป็นผลกระทบชั่วคราว แล้วธุรกิจกลังคือบัตรเครดิตแข็งแกร่งมากๆก้เลยทุ่มซื้อ
อาจารย์ไพบูลถาม การลงทุนที่ผิดพลาดของ WB ละคุณกุศยา : มองว่าเปเนการลงทุนใน เบอรืไซ ฮาต แวร์ ที่เป็นธุรกิจสิ่งทอ โดยต่อมาก็ไปไม่รอดจนปรับตัวเองมาเป็น โฮลดิ้งคอมปานี แทนโดยยังคงชื่อเดิมไว้
คุณพรชัย : แบ่งได้ 2 กลุ่มคือ 1 ซื้อผิดจนขาดทุนซึ่งตอนนั้น WB ซื้อหุ้นโดยดูแต่ตัวเลขทางบัญชีเพียงอย่างเดียวเลยตัดสินใจซื้อห้างแห่งหนึ่งมา แต่การแข่งขันในธุรกิจรุนแรงมากและผู้บริหารไม่เก่งเลยขาดทุน 2 คือรุ้ว่ากิจการดีแต่ก็ไม่ได้ลงทุนซื้อคือ วอลมาท ซึ่งราคาวิ่งไปแล้วไม่ได้วื้อตามเพราะคิดว่าราคาจะลงมาโดยคาดเดาราคาหุ้นมากไปเลยไมได้ลงทุน
ดร.นิเวศน์:ซื้อหุ้นเครื่องบินที่ผิดพลาดแต่ไม่มาก โดยข้อดีของ WB คือถ้าไม่แน่ใจจะลงไม่มากและมักดูพวกตราสารหนี้ที่สามารถเปลี่ยนเป้นหุ้นได้
อาจารย์ไพบูลย์ถาม หลักการของ WB ใช้ในไทยได้ไหมคุณพรชัย : หลักการของ WB เอามาใช้ได้แบบ ดร.นิเวศน์เป้นตัวอย่างแต่ในเมืองไทยจะหาหุ้นที่แบบโตยาวๆขนาด 10-20 ปียังมองไม่เห็น และบางตัวก้ไม่มีสภาพคล่องต่างจากทางเมกาที่มีให้เลือกมากกว่า แต่ถ้าเอาวิธีคิดมาใช้เลือกหุ้นในไทยก็จะดีมีประโยชน์
คุณกุสยา: หลักการใหญ่ๆเอามาใช้ได้เพียงแต่ต้องปรับให้เข้ากับสถานะการคือศึกษาบริษัทให้ทะลุ แต่ข้อมูลในไทยอาจยังไม่มากพอหรือไม่รุ้ว่าข้อมุลนั้นน่าเชื่อถือขนาดไหนต้องแยกแยะ และจิตวิทยาการลงทุนก็สำคัยเพราะตลาดหุ้นไทยมีขนาดเล็กมากจะเหวี่ยงไปตามแรงซื้อขายของรายใหญ่ๆ
ดร.นิเวศน์ : ให้เอาหลักใหญ่ๆมาใช้แต่ไม่ใช่เอาวิธีมาใช้คือ เอาหลักคิดมาใช้เพราะ WB ซื้อหุ้นทุกครั้งจะมีมุมมองที่สำคัญ โดดเด่นชัดเจน เช่น ครั้งที่ไปซือ้หุ้นรถไฟที่ใครๆก็มองว่าไม่โต แต่ WB ซือ้เพราะมองว่าราคาน้ำมันแพงและไม่ลงมาถุกคนได้ประโยชน์คือการขนส่งที่ใช้พลังงานน้อยๆก็มีเรือแต่ตอนนั้นทุกคนมองเรือซึ่งแพงไป ก็มาเจอรถไฟที่ราคาไม่ไปไหนเลยลงทุนในรถไฟที่ราคาถูกแถมมีที่ดินอีกเพียบ หรือการซื้อหุ้นปิโตไชน่าเช่นกัน สรุปคือหลักคิดคือ ถ้าจะซือ้หุ้นอะไรต้องมีมุมมองที่เฉียบคมต่อหุ้นนั้นๆ มีสตอรี่ที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ไม่ใช่ซื้อแค่ราคาถูก ดังนั้นก่อนจะซื้ออะไรก็คิดให้รอบด้านและมองหาให้เจอก่อนคนอื่นเจอซึ่ง WB หาเจอก่อนคนอื่นเสมอ
ดร.กุสยา: เสริมความเฉียบคมที่ดร.นิเวชน์พูดคือ WB นั้นมีความคิดเฉียบคมจนขนาดมองธุรกิจได้เป็น 10 ปีเพราะเขารู้จักธุรกิจและคลุกคลีอยุ่กับมันมานานมาก เช่น ซื้อโวอชิงตันโพส เพราะเคยเปเนเด้กส่ง นสพ กับซื้อโค้กเพราะกินมาแต่เด็ก ทำให้เข้าใจธุรกิจนั้นๆ
คุณพรชัย :เสริมความเฉียบคม นั้นจะเอาแต่ความคุ้มเคยไม่พอแต่ต้องหมั่นติดตามข่าวสาร เช่นตอนซื้อโค้ก ที่ก่อน WB จะซือ้โค้กเอาเงินไปลงทุนในกิจการอื่นๆที่ไม่ประสบความสำเร็จเลยแต่พอผู้บริหารปรับปรุงธุรกิจใหม่แล้ว EB เห็นว่าน่าจะดีขึ้นก็วื้อเพราะมองว่าอนาคตจะได้อีกเยอะจากการขยายตลาดไปทั่วโลกซึ่งยังบริโภคโค้กน้อยอยู่
คุณกุศยา : มองว่าการลงุทนใน ไจโ ก้ ธุรกิจประกันภัย เพราะเป้นแหล่งเงินของ WB ที่เอาไปใช้ต่อยอดในการซื้อหุ้นในกิจการอื่นๆ เพราะธุรกิจประกันภัยในเมกามีการเติบโตสม่ำเสมอ ถ้าบริหารควบคุมค่าใช้จ่ายดีก็มีกำไรและเป้นธุรกิจที่ได้เงินมาก่อนเรือ่ยๆแต่เวลาจ่ายเงินไม่แน่นอนถ้าไม่มีอุบัติเหตุ
คุณพรชัย : มองว่าลงทุนในโค้ก ที่เบิกไซ ถืออยู่ 6-7%ที่ตอนนั้นคนทั่วไปก็มองว่าแพงแต่ WB ก็สามารถทำกำไรได้ 28%ต่อปีตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เป้นการลงทุนที่ตัดสินใจในครั้งเดียวแต่สร้างผลตอบแทนมหาศาล
ดร.นิเวศน์ มองว่าเป็น อเมริกันเอ็กเพรส ที่ใช้เงินไปถึง 50% ของพอต โดยตอนนั้นเป้นบริษัทที่ใหญ่มากแต่เกิดปัญหาฉาวโฉ่ภายในทำให้หุ้นตกลงมาหนักมากกรณีน้ำมันสลัด ซึ่ง WB มองว่าเดี๋ยวก็สามารถเคลียได้เป็นผลกระทบชั่วคราว แล้วธุรกิจกลังคือบัตรเครดิตแข็งแกร่งมากๆก้เลยทุ่มซื้อ
อาจารย์ไพบูลถาม การลงทุนที่ผิดพลาดของ WB ละคุณกุศยา : มองว่าเปเนการลงทุนใน เบอรืไซ ฮาต แวร์ ที่เป็นธุรกิจสิ่งทอ โดยต่อมาก็ไปไม่รอดจนปรับตัวเองมาเป็น โฮลดิ้งคอมปานี แทนโดยยังคงชื่อเดิมไว้
คุณพรชัย : แบ่งได้ 2 กลุ่มคือ 1 ซื้อผิดจนขาดทุนซึ่งตอนนั้น WB ซื้อหุ้นโดยดูแต่ตัวเลขทางบัญชีเพียงอย่างเดียวเลยตัดสินใจซื้อห้างแห่งหนึ่งมา แต่การแข่งขันในธุรกิจรุนแรงมากและผู้บริหารไม่เก่งเลยขาดทุน 2 คือรุ้ว่ากิจการดีแต่ก็ไม่ได้ลงทุนซื้อคือ วอลมาท ซึ่งราคาวิ่งไปแล้วไม่ได้วื้อตามเพราะคิดว่าราคาจะลงมาโดยคาดเดาราคาหุ้นมากไปเลยไมได้ลงทุน
ดร.นิเวศน์:ซื้อหุ้นเครื่องบินที่ผิดพลาดแต่ไม่มาก โดยข้อดีของ WB คือถ้าไม่แน่ใจจะลงไม่มากและมักดูพวกตราสารหนี้ที่สามารถเปลี่ยนเป้นหุ้นได้
อาจารย์ไพบูลย์ถาม หลักการของ WB ใช้ในไทยได้ไหมคุณพรชัย : หลักการของ WB เอามาใช้ได้แบบ ดร.นิเวศน์เป้นตัวอย่างแต่ในเมืองไทยจะหาหุ้นที่แบบโตยาวๆขนาด 10-20 ปียังมองไม่เห็น และบางตัวก้ไม่มีสภาพคล่องต่างจากทางเมกาที่มีให้เลือกมากกว่า แต่ถ้าเอาวิธีคิดมาใช้เลือกหุ้นในไทยก็จะดีมีประโยชน์
คุณกุสยา: หลักการใหญ่ๆเอามาใช้ได้เพียงแต่ต้องปรับให้เข้ากับสถานะการคือศึกษาบริษัทให้ทะลุ แต่ข้อมูลในไทยอาจยังไม่มากพอหรือไม่รุ้ว่าข้อมุลนั้นน่าเชื่อถือขนาดไหนต้องแยกแยะ และจิตวิทยาการลงทุนก็สำคัยเพราะตลาดหุ้นไทยมีขนาดเล็กมากจะเหวี่ยงไปตามแรงซื้อขายของรายใหญ่ๆ
ดร.นิเวศน์ : ให้เอาหลักใหญ่ๆมาใช้แต่ไม่ใช่เอาวิธีมาใช้คือ เอาหลักคิดมาใช้เพราะ WB ซื้อหุ้นทุกครั้งจะมีมุมมองที่สำคัญ โดดเด่นชัดเจน เช่น ครั้งที่ไปซือ้หุ้นรถไฟที่ใครๆก็มองว่าไม่โต แต่ WB ซือ้เพราะมองว่าราคาน้ำมันแพงและไม่ลงมาถุกคนได้ประโยชน์คือการขนส่งที่ใช้พลังงานน้อยๆก็มีเรือแต่ตอนนั้นทุกคนมองเรือซึ่งแพงไป ก็มาเจอรถไฟที่ราคาไม่ไปไหนเลยลงทุนในรถไฟที่ราคาถูกแถมมีที่ดินอีกเพียบ หรือการซื้อหุ้นปิโตไชน่าเช่นกัน สรุปคือหลักคิดคือ ถ้าจะซือ้หุ้นอะไรต้องมีมุมมองที่เฉียบคมต่อหุ้นนั้นๆ มีสตอรี่ที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ไม่ใช่ซื้อแค่ราคาถูก ดังนั้นก่อนจะซื้ออะไรก็คิดให้รอบด้านและมองหาให้เจอก่อนคนอื่นเจอซึ่ง WB หาเจอก่อนคนอื่นเสมอ
ดร.กุสยา: เสริมความเฉียบคมที่ดร.นิเวชน์พูดคือ WB นั้นมีความคิดเฉียบคมจนขนาดมองธุรกิจได้เป็น 10 ปีเพราะเขารู้จักธุรกิจและคลุกคลีอยุ่กับมันมานานมาก เช่น ซื้อโวอชิงตันโพส เพราะเคยเปเนเด้กส่ง นสพ กับซื้อโค้กเพราะกินมาแต่เด็ก ทำให้เข้าใจธุรกิจนั้นๆ
คุณพรชัย :เสริมความเฉียบคม นั้นจะเอาแต่ความคุ้มเคยไม่พอแต่ต้องหมั่นติดตามข่าวสาร เช่นตอนซื้อโค้ก ที่ก่อน WB จะซือ้โค้กเอาเงินไปลงทุนในกิจการอื่นๆที่ไม่ประสบความสำเร็จเลยแต่พอผู้บริหารปรับปรุงธุรกิจใหม่แล้ว EB เห็นว่าน่าจะดีขึ้นก็วื้อเพราะมองว่าอนาคตจะได้อีกเยอะจากการขยายตลาดไปทั่วโลกซึ่งยังบริโภคโค้กน้อยอยู่
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- Verified User
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 3
อาจารย์ไพบูลย์ถาม WB สนใจหุ้นโลกใหม่ไหมดร.นิเวศน์ : WB มองว่าหุ้นในกลุ่มดลกใหม่มันเปลี่ยนแปลงไวมาก โทคโนโลยีใหม่ๆก็ฆ่าของเก่าหมดที่ยังไม่ซื้อเพราะยังมองไม่ออกมาธุรกิจจะอยุ่รอดยาวนานไหม มีคำพุดที่สำคัยคำหนึ่งที่ว่า ถ้า 10 ปีถือไม่ได้ 10 นาทีก็ไม่คิดจะซื้อ
อาจารย์ไพบูลย์ถาม WB เล่นมาจิ้นไหม ชอตทีเฟค ชอตเซลไหม
คูณพรชัย : ไม่เคยเจอ แต่ถ้ามีก็คงเป้นเงินจำนวนไม่มาก เช่นบางที WB ก้ไปซือ้หุ้นในกิจการที่ผิดแปลกและไม่เข้าใจเช่น BVD ที่ทำแบตมือถือ ซึ่ง WB ไม่รุ้เรื่องแต่ชอบผู้บริหาร หรือลงทุนในโลหะเงิน แต่ก็เป้นจำนวนเงินที่น้อยมาก
ดร.กุสยา : WB จะซื้อด้วยเงินสดเท่านั้น ไม่มาจิน และจะต้องซือ้หุ้นในบริษัทที่มีหนี้สินจำนวนน้อย
อาจารย์ไพบูลย์ถาม WB มีความสุขไหม
คุณพรชัย : คิดว่าน่าจะมีความสุขเพราะอยากได้อะไรก็ได้หมด อยากทำอะไรก็ได้ เพียงแต่ WB ไม่ค่อยอยากได้อะไร
ดร.นิเวศน์ : การมีอิสระ เสรี ทำอะไรก็ได้มันก้คงมีความสุข
ดร.กุสยา : ปกติคนที่รวมากๆจะไม่ค่อยมีความสุขเพราะวันๆคิดแต่เรื่องหาเงินไม่ให้จนลง แต่ WB จะมีความสุขตลอดเพราะชีวิตไมได้ขึ้นอยู่กับดัชนี ดูแลสุขภาพ กายใจ เสมอเพื่อฝูกมากมาย และยังมีจิตใจดีช่วยเหลือผู้อื่นด้วยการตั้งมูลนิธิ
อาจารย์ไพบูลย์ถาม WB เป็นอำมาตย์ หรือไพร่
......เซ็นเซอร์......
อาจารย์ไพบูลย์ถาม WB เล่นมาจิ้นไหม ชอตทีเฟค ชอตเซลไหม
คูณพรชัย : ไม่เคยเจอ แต่ถ้ามีก็คงเป้นเงินจำนวนไม่มาก เช่นบางที WB ก้ไปซือ้หุ้นในกิจการที่ผิดแปลกและไม่เข้าใจเช่น BVD ที่ทำแบตมือถือ ซึ่ง WB ไม่รุ้เรื่องแต่ชอบผู้บริหาร หรือลงทุนในโลหะเงิน แต่ก็เป้นจำนวนเงินที่น้อยมาก
ดร.กุสยา : WB จะซื้อด้วยเงินสดเท่านั้น ไม่มาจิน และจะต้องซือ้หุ้นในบริษัทที่มีหนี้สินจำนวนน้อย
อาจารย์ไพบูลย์ถาม WB มีความสุขไหม
คุณพรชัย : คิดว่าน่าจะมีความสุขเพราะอยากได้อะไรก็ได้หมด อยากทำอะไรก็ได้ เพียงแต่ WB ไม่ค่อยอยากได้อะไร
ดร.นิเวศน์ : การมีอิสระ เสรี ทำอะไรก็ได้มันก้คงมีความสุข
ดร.กุสยา : ปกติคนที่รวมากๆจะไม่ค่อยมีความสุขเพราะวันๆคิดแต่เรื่องหาเงินไม่ให้จนลง แต่ WB จะมีความสุขตลอดเพราะชีวิตไมได้ขึ้นอยู่กับดัชนี ดูแลสุขภาพ กายใจ เสมอเพื่อฝูกมากมาย และยังมีจิตใจดีช่วยเหลือผู้อื่นด้วยการตั้งมูลนิธิ
อาจารย์ไพบูลย์ถาม WB เป็นอำมาตย์ หรือไพร่
......เซ็นเซอร์......
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- Verified User
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 4
สัมมนาช่วง 2 วิถีวีไอไทย
ดร.ไพบูลย์ วิถีวีไอคือะไร
ดร.นิเวศน์ : คือเส้นทางที่นักลงทุนเลือกลงทุนแบบเน้นคุณค่า คือ ดูหุ้น วิเคราะห์หุ้นที่มีคุณค่ามากกว่าราคาที่ปรากฏในกระดานโดยดูทั้งรายได้ กำไร สามารถสร้างผลตอบแทนได้เรื่อยๆตลอดไปนานๆ
อาจารย์ไพบูลย์ ให้แต่ละคนเล่าวิถีชีวิตของตัวเอง
หมอบำรุง ; ลาออกหาหมอมาเล่นหุ้นอย่างเดี่ยวประมาณ 3 ปี เดินเป้นคุรหมอประมาณ 13 ปีที่โชคดีอยู่ในสังคมที่ดี เพื่อนร่วมงาน เจ้านายดี เริ่มรู้จักการลงทุนหลังจากภริยาเรียนจบเฉพาะทาง ตนเองก็เริ่มีเงินเก็บ พอมีเงินเก็บคือคิดว่าจะเอาเงินไปทำอะไรเริ่มจากฝากเงินดอก 1% ก็ไม่ไหว เลยแสวงหาวิธีทำให้ผลตอบแทนดีจนไปอ่านประโยคเปลี่ยนชีวิตคือ มนุษย์ได้สร้างสิงมหัศจรรย์อันดับ 8 ขึ้นมาคือดอกเบี้ยทบต้น ก็เลยคิดว่าถ้าตนเองลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนประมาณ 10-15% ต่อปีก็คงดี เส้นทางกเริ่มด้วยการอยากเปนเจ้าของ ร้าน 7-11 เพราะพ่อเคยบอกว่าค้าขายดี แต่พอไปบรมเฟรนไชก็รู้สึกไม่ใช้วิถีของเรา เปิดร้านก็ต้องไปคุมร้านตลอด อยุ่โรงบาลเป้น ผอ ยังสบายกว่าต่อมาก็ไปเจอโฆษณา PTT ที่จะเข้าตลาดที่ว่าจะได้ผลตอบแทนประมาณ 7% ก็สนใจถึงจะน้อยกว่าเป้าแต่ก็ยังไมเห็นอันอื่นเลยตัดสินใจเปิดพอต พอจะซื้อโบรกเกอรืก็ไปเชียร์หุ้นกลุ่มอื่นที่บอกว่าปันปลดีกว่า 10% ก้เลยเอาโดยตอนนั้นมีเงินประมาณ 1 ล้านบาทรวมกู้สหกรณ์ด้วย 6 เดือนผ่านไปขาดทุนไป 4 แสน ก็กลับมาตั้งหลักใหม่เปิดดูพันธิปก้อ่านพอได้ความรู้จนเปิดไปเปิดมาลิ้งมาเจอเวปไทยวีไอแล้วก้อ่านตีแตก ซึ่งพูดถึงหลายประเด็จที่สำคัญในการลงทุน แล้วก้เอาหลักการดังกล่าวมาหาหุ้นซึ่ง 100 ตัวที่หาเจอต่างจากหุ้นดังๆที่อยู่ที่อื่น ก็ลงทุนในหุ้นที่ทำการบ้านมา ระหว่างฝึกไปก้มีกำไรมาให้ชื่นใจ ยิ่งมานะศึกษามากขึ้น จากวิเคราะห์ ครึ่งชั่วโมงก็มาเป้นวิเคราะหืได้ 6-7หน้ากระดาษ ซึ่งถือเปเนงานที่หนักมากแต่ก้ไม่ท้อถอย และพอประสบความสำเร็จก็ออกมเปเนนักลงทุนเต็มตัวเพราะอิ่มตัวกับการเป้นคุณหมอ คุรหมอให้แง่คิดว่า การลงทุนในหุ้นคือการลงทุนในกิจการต้องใช้เวลาพิสูจน์กว่าบริษัทจะมีกำไรออกมา ไม่ใช่การซื้อเช้าขายบ่ายมันยังไม่สะท้อนมูลค่าของกิจการเลย ตอนนี้คุณหมอก้มีอิศระภาพทางการเงินแล้ว
คุณมนตรี : ปัจจุบันทำงานพิเศษที่ KK เปเนที่ปรึกาษาด้านการลงทุนและเป็นนักลงทุนเต็มตัว โดยชีวิตก้เริ่มจากจบวิดวะมาทำงานช่วง ศก ดีดี พอเปลี่ยนงานจนมาได้งานแห่งใหม่ก้ได้หุ้น ipo ของบริษัทที่เข้าตลาดในฐานะพนักงาน ซึ่งตอนนั้นตลาดก็กำลังดี หุ้นวิ่งขึ้นทุกวันซื้อๆขายๆหุ้นก็ได้กำไรโดยเริ่มลงทุนประมาณ 2-3 แสนบาทช่วงแรกกำไรเยอะมาก SET ประมาณ 1400-1500 จุด พอหลังจากนั้นหุ้นตกแรงต้อง cut ขาดทุนมากมายเลิกเล่นหุ้นไปพักหนึ่ง จนเปลี่ยนงานมาเป็น sale ขายสินค้าให้อุตสหกรรมปิโต อาหารที่จดทะเบีบนในตลาดก็รู้จักบริษัทพวกนี้เยอะ เลยกลับมาลงทุนใหม่ช่วงปี 42-43 ก็ยังเล่นแบบเทรดดิ้งอยู่จนวันหนึ่งน้องอาหนังสือของ WB มาให้อ่าน แล้วก็ตีแตก ก็ปรับมาเป็น VI อย่างในปัจจุบัน โดยเริ่มซื้อ apirn แล้วก็ขายให้ดร.นิเวศนืไป อีกตัวก็เสริมสุข พอตลาดขึ้นมาจาก 300 เป็น 600-700 ก็ออจากงานมาเป็นนักลงทุนเต็มตัว และก้เริ่มต่อตั้งเวปไทยวีไอกับพื่อนๆอีก 4-5คนเพราะอยากหาเพื่อนคุยเรื่องการลงทุน โดยในปุจุบันมีการกระจายการลงทุนไปใน หุ้นไทย 20% ทองคำ 10% เงินสด 10% กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ 60%
คุณฉัตรชัย : จบด้านคอม แล้วก็ย้ายมาทำงานด้ายสินเชื่อธนาคารรวม 11 ปี ปัจจุบันเป้นนักลงทุนเต็มตัว โดยสนใจลงทุนตั้งแต่ เอ็นทร้านแต่ค่านิยมทำให้เรียนวิดวะแทน ได้อ่านบทความในหนังสือพิมธุรกิจที่เอาบความของปีเตอรืลินซ์มาลงเป้นตอนๆก็ยิ่งสนใจมาก พอทำงาน เก็บเงิน 3 เดือนก็ซือ้หุ้นเลยหลักหมื่นบาทในหุ้นยูนิคอต ช่วงที่ SET 1000 จุด เพราะมองว่าโรงงานใหย่โต รุ่นพี่ทำงานเยอะ ดูดีมากๆ ซื้อมาตอน 118 บาทแล้วก็มาขายตอน 18 บาท โชดีที่ตอนนั้นเงินไม่เยอะจากนั้นก็ลงทุนมาเรื่อยๆก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร เลยตัดสินใจมาเรียน MBA เพื่อหาความรู้ ซึ่งก็มีประโยชน์ในการลงทุนมาก แล้วพอจบได้มาทำงานด้านสินเชือ่ก็ยิ่งมีความชำนาญมากขึ้นแล้วกลับมาเล่นหุ้นตอน 200 จุดโดย เห้นว่าทุกอย่างน่าจะต่ำสุดแล้ว อ่านงอ่านอะร็น่าจะฟื้นตัว แล้วก้ได้ผลตอบแทนที่ดีมาตั้งแต่นั้น โดยออกมาเปนนักลงทุนเต็มตัวเมือ่ปี 44
ดร.นิเวศน์ : เริ่มลงทุนตั้งแต่เด็ก โดยซื้อหมายฝรั่งมา 7 บาทขายได้ 12 บาท มีความมุมานะในการหาเงินมาก หนทางการลงทุนหลังจากจบวิดวะ ก็มาเรียน MBA ไป-กลับกาญ กทม พอเรียนจบก็ยังหาลู่ทางไม่ได้เลยไปเรียนต่อ ดร. กลับมาทำงานด้านการเงิน ด้านวางแผนซักพักก้ไปทำงานด้านวานิชธนกิจซึ่งเริ่มลงทุนในหุ้นแบบเก็งกำไร ซื้อๆขายๆ แต่ผลก็คือเสมอตัว จนปี 37 38 ที่ตลาดบูมมากมีการตั้งแผนกลงทุน มีการวิเคราะห์หุ้นเพื่อการลงทุน มีการฟอร์มไอเดียในด้านการลงทุน แต่ตอนนั้นก้รู้สึกว่าหุ้นแพงหมด แต่ที่ยังมีคนซื้อเพราะผลการดำเนินงานมันยังดูดี จนพอกิดวิกฤติ 40 เริ่มลงทุนเป้นเรื่องเป้นราวตอนนั้นพอต 10 ล้านก็พยายามหาหุ้นที่ยังมีกำไรในขณะที่คนอื่นเค้าแย่เพราะไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร จนมีสัญญาณทาง ศก ดีขึ้นก็กลับมาทำงานอีกซักพักแต่ก็รุ้สึกอิ่มตัวกับานที่ทำเลยออกมาเป้นนักลงทุนเต็มตัวจนปัจจุบัน
ดร.ไพบูลย์ วิถีวีไอคือะไร
ดร.นิเวศน์ : คือเส้นทางที่นักลงทุนเลือกลงทุนแบบเน้นคุณค่า คือ ดูหุ้น วิเคราะห์หุ้นที่มีคุณค่ามากกว่าราคาที่ปรากฏในกระดานโดยดูทั้งรายได้ กำไร สามารถสร้างผลตอบแทนได้เรื่อยๆตลอดไปนานๆ
อาจารย์ไพบูลย์ ให้แต่ละคนเล่าวิถีชีวิตของตัวเอง
หมอบำรุง ; ลาออกหาหมอมาเล่นหุ้นอย่างเดี่ยวประมาณ 3 ปี เดินเป้นคุรหมอประมาณ 13 ปีที่โชคดีอยู่ในสังคมที่ดี เพื่อนร่วมงาน เจ้านายดี เริ่มรู้จักการลงทุนหลังจากภริยาเรียนจบเฉพาะทาง ตนเองก็เริ่มีเงินเก็บ พอมีเงินเก็บคือคิดว่าจะเอาเงินไปทำอะไรเริ่มจากฝากเงินดอก 1% ก็ไม่ไหว เลยแสวงหาวิธีทำให้ผลตอบแทนดีจนไปอ่านประโยคเปลี่ยนชีวิตคือ มนุษย์ได้สร้างสิงมหัศจรรย์อันดับ 8 ขึ้นมาคือดอกเบี้ยทบต้น ก็เลยคิดว่าถ้าตนเองลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนประมาณ 10-15% ต่อปีก็คงดี เส้นทางกเริ่มด้วยการอยากเปนเจ้าของ ร้าน 7-11 เพราะพ่อเคยบอกว่าค้าขายดี แต่พอไปบรมเฟรนไชก็รู้สึกไม่ใช้วิถีของเรา เปิดร้านก็ต้องไปคุมร้านตลอด อยุ่โรงบาลเป้น ผอ ยังสบายกว่าต่อมาก็ไปเจอโฆษณา PTT ที่จะเข้าตลาดที่ว่าจะได้ผลตอบแทนประมาณ 7% ก็สนใจถึงจะน้อยกว่าเป้าแต่ก็ยังไมเห็นอันอื่นเลยตัดสินใจเปิดพอต พอจะซื้อโบรกเกอรืก็ไปเชียร์หุ้นกลุ่มอื่นที่บอกว่าปันปลดีกว่า 10% ก้เลยเอาโดยตอนนั้นมีเงินประมาณ 1 ล้านบาทรวมกู้สหกรณ์ด้วย 6 เดือนผ่านไปขาดทุนไป 4 แสน ก็กลับมาตั้งหลักใหม่เปิดดูพันธิปก้อ่านพอได้ความรู้จนเปิดไปเปิดมาลิ้งมาเจอเวปไทยวีไอแล้วก้อ่านตีแตก ซึ่งพูดถึงหลายประเด็จที่สำคัญในการลงทุน แล้วก้เอาหลักการดังกล่าวมาหาหุ้นซึ่ง 100 ตัวที่หาเจอต่างจากหุ้นดังๆที่อยู่ที่อื่น ก็ลงทุนในหุ้นที่ทำการบ้านมา ระหว่างฝึกไปก้มีกำไรมาให้ชื่นใจ ยิ่งมานะศึกษามากขึ้น จากวิเคราะห์ ครึ่งชั่วโมงก็มาเป้นวิเคราะหืได้ 6-7หน้ากระดาษ ซึ่งถือเปเนงานที่หนักมากแต่ก้ไม่ท้อถอย และพอประสบความสำเร็จก็ออกมเปเนนักลงทุนเต็มตัวเพราะอิ่มตัวกับการเป้นคุณหมอ คุรหมอให้แง่คิดว่า การลงทุนในหุ้นคือการลงทุนในกิจการต้องใช้เวลาพิสูจน์กว่าบริษัทจะมีกำไรออกมา ไม่ใช่การซื้อเช้าขายบ่ายมันยังไม่สะท้อนมูลค่าของกิจการเลย ตอนนี้คุณหมอก้มีอิศระภาพทางการเงินแล้ว
คุณมนตรี : ปัจจุบันทำงานพิเศษที่ KK เปเนที่ปรึกาษาด้านการลงทุนและเป็นนักลงทุนเต็มตัว โดยชีวิตก้เริ่มจากจบวิดวะมาทำงานช่วง ศก ดีดี พอเปลี่ยนงานจนมาได้งานแห่งใหม่ก้ได้หุ้น ipo ของบริษัทที่เข้าตลาดในฐานะพนักงาน ซึ่งตอนนั้นตลาดก็กำลังดี หุ้นวิ่งขึ้นทุกวันซื้อๆขายๆหุ้นก็ได้กำไรโดยเริ่มลงทุนประมาณ 2-3 แสนบาทช่วงแรกกำไรเยอะมาก SET ประมาณ 1400-1500 จุด พอหลังจากนั้นหุ้นตกแรงต้อง cut ขาดทุนมากมายเลิกเล่นหุ้นไปพักหนึ่ง จนเปลี่ยนงานมาเป็น sale ขายสินค้าให้อุตสหกรรมปิโต อาหารที่จดทะเบีบนในตลาดก็รู้จักบริษัทพวกนี้เยอะ เลยกลับมาลงทุนใหม่ช่วงปี 42-43 ก็ยังเล่นแบบเทรดดิ้งอยู่จนวันหนึ่งน้องอาหนังสือของ WB มาให้อ่าน แล้วก็ตีแตก ก็ปรับมาเป็น VI อย่างในปัจจุบัน โดยเริ่มซื้อ apirn แล้วก็ขายให้ดร.นิเวศนืไป อีกตัวก็เสริมสุข พอตลาดขึ้นมาจาก 300 เป็น 600-700 ก็ออจากงานมาเป็นนักลงทุนเต็มตัว และก้เริ่มต่อตั้งเวปไทยวีไอกับพื่อนๆอีก 4-5คนเพราะอยากหาเพื่อนคุยเรื่องการลงทุน โดยในปุจุบันมีการกระจายการลงทุนไปใน หุ้นไทย 20% ทองคำ 10% เงินสด 10% กองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ 60%
คุณฉัตรชัย : จบด้านคอม แล้วก็ย้ายมาทำงานด้ายสินเชื่อธนาคารรวม 11 ปี ปัจจุบันเป้นนักลงทุนเต็มตัว โดยสนใจลงทุนตั้งแต่ เอ็นทร้านแต่ค่านิยมทำให้เรียนวิดวะแทน ได้อ่านบทความในหนังสือพิมธุรกิจที่เอาบความของปีเตอรืลินซ์มาลงเป้นตอนๆก็ยิ่งสนใจมาก พอทำงาน เก็บเงิน 3 เดือนก็ซือ้หุ้นเลยหลักหมื่นบาทในหุ้นยูนิคอต ช่วงที่ SET 1000 จุด เพราะมองว่าโรงงานใหย่โต รุ่นพี่ทำงานเยอะ ดูดีมากๆ ซื้อมาตอน 118 บาทแล้วก็มาขายตอน 18 บาท โชดีที่ตอนนั้นเงินไม่เยอะจากนั้นก็ลงทุนมาเรื่อยๆก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร เลยตัดสินใจมาเรียน MBA เพื่อหาความรู้ ซึ่งก็มีประโยชน์ในการลงทุนมาก แล้วพอจบได้มาทำงานด้านสินเชือ่ก็ยิ่งมีความชำนาญมากขึ้นแล้วกลับมาเล่นหุ้นตอน 200 จุดโดย เห้นว่าทุกอย่างน่าจะต่ำสุดแล้ว อ่านงอ่านอะร็น่าจะฟื้นตัว แล้วก้ได้ผลตอบแทนที่ดีมาตั้งแต่นั้น โดยออกมาเปนนักลงทุนเต็มตัวเมือ่ปี 44
ดร.นิเวศน์ : เริ่มลงทุนตั้งแต่เด็ก โดยซื้อหมายฝรั่งมา 7 บาทขายได้ 12 บาท มีความมุมานะในการหาเงินมาก หนทางการลงทุนหลังจากจบวิดวะ ก็มาเรียน MBA ไป-กลับกาญ กทม พอเรียนจบก็ยังหาลู่ทางไม่ได้เลยไปเรียนต่อ ดร. กลับมาทำงานด้านการเงิน ด้านวางแผนซักพักก้ไปทำงานด้านวานิชธนกิจซึ่งเริ่มลงทุนในหุ้นแบบเก็งกำไร ซื้อๆขายๆ แต่ผลก็คือเสมอตัว จนปี 37 38 ที่ตลาดบูมมากมีการตั้งแผนกลงทุน มีการวิเคราะห์หุ้นเพื่อการลงทุน มีการฟอร์มไอเดียในด้านการลงทุน แต่ตอนนั้นก้รู้สึกว่าหุ้นแพงหมด แต่ที่ยังมีคนซื้อเพราะผลการดำเนินงานมันยังดูดี จนพอกิดวิกฤติ 40 เริ่มลงทุนเป้นเรื่องเป้นราวตอนนั้นพอต 10 ล้านก็พยายามหาหุ้นที่ยังมีกำไรในขณะที่คนอื่นเค้าแย่เพราะไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไร จนมีสัญญาณทาง ศก ดีขึ้นก็กลับมาทำงานอีกซักพักแต่ก็รุ้สึกอิ่มตัวกับานที่ทำเลยออกมาเป้นนักลงทุนเต็มตัวจนปัจจุบัน
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- Verified User
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 5
อาจารย์ไพบูลย์ถาม วิธีลงทุนทำกันยังไง
คุณมนตรี ; ลงทุนโดยดูกิจการ ถ้าถือหุ้น 5 นาทีไมได้ก็อย่าถือมันเลย โดยโฟกัสไปที่บริษัทที่มีโอกาสทำกำไรไว้ได้ใน 3-5 ปี ผู้บริหารค่อนข้างดี ส่วนพอได้แล้ววิธีการจะซื้อขายก็จะรอราคาจนคิดว่าราคาน่าจะลงมาสุดแล้วหรอเหมาะสมจึงเข้าซื้อลงทุน (เดิมจะเคาะเลยถ้าชอบ) โดยเมือ่ก่อนเล่นหุ้นไทย 100% แต่ตอนหลังก็ปรับพอตเป้นหุ้นไทยเลือก 3-4บริษัทลงทุนประมาณ 30% ซื้อกองทุนต่างปะเทศโดยดูว่าไอ้กองทุนนั้นมันไปลงุทนในบริษัทอะไร ดู บลจ ว่ามีแนวคิดการลงทุนยังไง แล้วลงทุนตามที่คิดไว้หรือไม่ ดูเวป ir ของ บลจนั้นด้วยหรือเปิดไปดุ ออฟเยืของบริษัทต่างประเทศที่ บลจนั้นลงทุนเยอะๆ เลือกไว้ประมาณ 2-3 บลจ 50% ของพอต ส่วนอีก 20% จะเปนเรื่องของการบริหารเงินสดคือซื้อกองทุนทองคำ 10% และเงินสด 10% โดยทบทวนแผนดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ ถาหุ้นไทยลงมาหนักๆ หรือหุ้นขึ้นเยอะๆ ก็มีการซื้อ ขา ยปรับพอต เพราะไม่อยากเอาไปเสี่ยงมาก หาเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆบ้างจะได้ไม่หมกมุ่น
หมอบำรุง : โดยส่วนตัวลงทุนในหุ้นเกิน 100% เพราะใช้มาจินอีก 30% โดยลงทุนในหุ้น 2-3 ตัวเป้นตัวหลัก แล้วก้มีตัวรองๆอีก 7-8 ตัวในพอต วิธีการเลือกหุ้นก็คือ เลือกหุ้นโดยมองอนาคตว่าอุตสาหกรรมไหนกำลังจะมา แล้วไปดูว่าหุ้นในอุตสาหกรรมนั้นๆตัวไหนจะกลับมาทำไรได้ได้ดี แฟร์แวลูอยุ่ที่เท่ไหร กำไรอนาคตเป้นยังไง กระแสเงินสดดีไหม ปันผลเท่าไหร่ คู่แข่งเป้นไง ก็ใช้เวลาดูประมาณ 1 อาทิตย์ เก็บไว พอจะซือ้ก้มาดูอีกซัก 2-3 วันก่อนซื้อจริง ส่วนระยะเวาในการถือก็คือไม่กำหนดไว้คือถ้า ราคาวิ่งมาถึงแฟร์ที่เราให้ไว้ก้ขายทำกำไรไป โดยส่วนตัวชอบเล่นหุ้นวัตจักเพราะขึ้นลงไว แต่ถ้าเปเนหุ้นโกรทเรื่อยๆก้ถือไว้ไม่ขาย ในเรื่องของมาจินที่ใช้ก็มีข้อดี ข้อเสียคือ ข้อดีเสียดอก 6-7% ถ้าเราคิดว่าเราทำผลตอบแทนได้มากกว่าก็คุ้มที่จะลงทุนแต่ข้อเสียคือถ้าผิดพลาดก้จะพลาดเยอะ
คุณฉัตรชัย : เลือกหุ้นที่เราอยากเปนเจ้าของกิจการ กระแสเงินสดดี ผลประกอบการมั่นคง เคยถือหุ้นตัวเดียวทั้งพอตมา 6-7 ปีเพราะมันใจในกิจการ ถ้าจะขายคือราคาแพงกว่าแฟร์ที่เราตั้งไว้หรือขายเพราะเราวิเคราะห์ผิด หรือเจอตัวเลือกใหม่ที่ดีกว่าก็ขาย โดยส่วนตัวลงทุนประมาณ 90% ของพอต โดยเสริมว่า การจะเป้ฯนักลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีได้ต้อง เข้าใจการลงทุนที่ถูกต้อง จิตใจมั่นคง และหมั่นศึกษาหาความรู้ตลอด
ดร.นิเวศน์ : ชอบหุ้นแบบ wonderful Business with Resonable price คือธุรกิจที่สดใสในราคาที่สมเหตุผลหรือถุก ก็พวกหุ้นที่กระแสเงินสดดี เตอบดตตลอด โดยการคัดหุ้นเบื้อต้นอาจารจะไม่มาวิเคราะห์จากแบบใหญ่ไปเล้กหรือเล้กไปใหญ่เลย อาจารเทียบกับ เหมือนผู้หญิงสวยคือเดินมาก็บอกได้เลยว่านี่ส่วย ไม่ต้องไปวัดสัดส่วนอะไรมากมาย แล้วก็คัดมาเรื่อยๆจนได้ซักระดับหนึ่งก็ค่อยมาดูว่าจะให้ราคาเท่ไหรวิเคราะหืว่าราคาตอนนี้สมเหตุผลไหม แล้วพอซื้อก้ถือมันไปเรื่อยๆ ไม่ขาย จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอไรสำคัญๆที่ทำให้แย่ลง
คุณมนตรี ; ลงทุนโดยดูกิจการ ถ้าถือหุ้น 5 นาทีไมได้ก็อย่าถือมันเลย โดยโฟกัสไปที่บริษัทที่มีโอกาสทำกำไรไว้ได้ใน 3-5 ปี ผู้บริหารค่อนข้างดี ส่วนพอได้แล้ววิธีการจะซื้อขายก็จะรอราคาจนคิดว่าราคาน่าจะลงมาสุดแล้วหรอเหมาะสมจึงเข้าซื้อลงทุน (เดิมจะเคาะเลยถ้าชอบ) โดยเมือ่ก่อนเล่นหุ้นไทย 100% แต่ตอนหลังก็ปรับพอตเป้นหุ้นไทยเลือก 3-4บริษัทลงทุนประมาณ 30% ซื้อกองทุนต่างปะเทศโดยดูว่าไอ้กองทุนนั้นมันไปลงุทนในบริษัทอะไร ดู บลจ ว่ามีแนวคิดการลงทุนยังไง แล้วลงทุนตามที่คิดไว้หรือไม่ ดูเวป ir ของ บลจนั้นด้วยหรือเปิดไปดุ ออฟเยืของบริษัทต่างประเทศที่ บลจนั้นลงทุนเยอะๆ เลือกไว้ประมาณ 2-3 บลจ 50% ของพอต ส่วนอีก 20% จะเปนเรื่องของการบริหารเงินสดคือซื้อกองทุนทองคำ 10% และเงินสด 10% โดยทบทวนแผนดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ ถาหุ้นไทยลงมาหนักๆ หรือหุ้นขึ้นเยอะๆ ก็มีการซื้อ ขา ยปรับพอต เพราะไม่อยากเอาไปเสี่ยงมาก หาเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆบ้างจะได้ไม่หมกมุ่น
หมอบำรุง : โดยส่วนตัวลงทุนในหุ้นเกิน 100% เพราะใช้มาจินอีก 30% โดยลงทุนในหุ้น 2-3 ตัวเป้นตัวหลัก แล้วก้มีตัวรองๆอีก 7-8 ตัวในพอต วิธีการเลือกหุ้นก็คือ เลือกหุ้นโดยมองอนาคตว่าอุตสาหกรรมไหนกำลังจะมา แล้วไปดูว่าหุ้นในอุตสาหกรรมนั้นๆตัวไหนจะกลับมาทำไรได้ได้ดี แฟร์แวลูอยุ่ที่เท่ไหร กำไรอนาคตเป้นยังไง กระแสเงินสดดีไหม ปันผลเท่าไหร่ คู่แข่งเป้นไง ก็ใช้เวลาดูประมาณ 1 อาทิตย์ เก็บไว พอจะซือ้ก้มาดูอีกซัก 2-3 วันก่อนซื้อจริง ส่วนระยะเวาในการถือก็คือไม่กำหนดไว้คือถ้า ราคาวิ่งมาถึงแฟร์ที่เราให้ไว้ก้ขายทำกำไรไป โดยส่วนตัวชอบเล่นหุ้นวัตจักเพราะขึ้นลงไว แต่ถ้าเปเนหุ้นโกรทเรื่อยๆก้ถือไว้ไม่ขาย ในเรื่องของมาจินที่ใช้ก็มีข้อดี ข้อเสียคือ ข้อดีเสียดอก 6-7% ถ้าเราคิดว่าเราทำผลตอบแทนได้มากกว่าก็คุ้มที่จะลงทุนแต่ข้อเสียคือถ้าผิดพลาดก้จะพลาดเยอะ
คุณฉัตรชัย : เลือกหุ้นที่เราอยากเปนเจ้าของกิจการ กระแสเงินสดดี ผลประกอบการมั่นคง เคยถือหุ้นตัวเดียวทั้งพอตมา 6-7 ปีเพราะมันใจในกิจการ ถ้าจะขายคือราคาแพงกว่าแฟร์ที่เราตั้งไว้หรือขายเพราะเราวิเคราะห์ผิด หรือเจอตัวเลือกใหม่ที่ดีกว่าก็ขาย โดยส่วนตัวลงทุนประมาณ 90% ของพอต โดยเสริมว่า การจะเป้ฯนักลงทุนที่ได้ผลตอบแทนดีได้ต้อง เข้าใจการลงทุนที่ถูกต้อง จิตใจมั่นคง และหมั่นศึกษาหาความรู้ตลอด
ดร.นิเวศน์ : ชอบหุ้นแบบ wonderful Business with Resonable price คือธุรกิจที่สดใสในราคาที่สมเหตุผลหรือถุก ก็พวกหุ้นที่กระแสเงินสดดี เตอบดตตลอด โดยการคัดหุ้นเบื้อต้นอาจารจะไม่มาวิเคราะห์จากแบบใหญ่ไปเล้กหรือเล้กไปใหญ่เลย อาจารเทียบกับ เหมือนผู้หญิงสวยคือเดินมาก็บอกได้เลยว่านี่ส่วย ไม่ต้องไปวัดสัดส่วนอะไรมากมาย แล้วก็คัดมาเรื่อยๆจนได้ซักระดับหนึ่งก็ค่อยมาดูว่าจะให้ราคาเท่ไหรวิเคราะหืว่าราคาตอนนี้สมเหตุผลไหม แล้วพอซื้อก้ถือมันไปเรื่อยๆ ไม่ขาย จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอไรสำคัญๆที่ทำให้แย่ลง
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
- champ_st
- Verified User
- โพสต์: 533
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 6
โอ่ว แม่เจ้า พิมผิดกระจาย T_T ขอโทษนะครับ หลังจากงานก็มีไปคุยกันต่อแต่ไมได้จดนะครับ พอเห็นของกินอยู่ตรงหน้าแล้วทำอะไรไม่ถูก T_T
"สิ่งที่ถูกต้องก็คือถูกต้อง แม้ไม่มีใครทำสิ่งนั้น สิ่งที่ผิดก็คือผิด แม้ทุกคนจะทำสิ่งนั้น" ศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย
-
- Verified User
- โพสต์: 558
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 8
:D ขอบคุณครับผมฟังอย่างเดียวไม่ได้จดเลย จะได้กลับมาอ่านทวน
งานดี หัวข้อดี ทั้ง ท่าน อ. พี่ฉัตร พี่หมอ พี่พรชัย เยี่ยมเลยย แต่เสียบรรยากาศตรง สภาวะรอบข้างมีการติดต่อสื่อสารกาน ระหว่างสัมมนา....เซงเป็ดไปๆ :lol: :lol:
งานดี หัวข้อดี ทั้ง ท่าน อ. พี่ฉัตร พี่หมอ พี่พรชัย เยี่ยมเลยย แต่เสียบรรยากาศตรง สภาวะรอบข้างมีการติดต่อสื่อสารกาน ระหว่างสัมมนา....เซงเป็ดไปๆ :lol: :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 525
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 9
โห สุดยอดมากๆๆๆๆๆๆครับ สามารถเก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนแถมยังมีน้ำใจเอามาแบ่งปันผู้ที่ไม่ได้ไปร่วมงาน
เยี่ยมมากครับ ยกนิ้วให้เล้ยยย
เยี่ยมมากครับ ยกนิ้วให้เล้ยยย
Commodity อย่ายึดติดกับราคา อย่าคิดว่าราคาปัจจุบันขึ้นมาจากเท่าไหร่ ให้มองว่า บริษัทที่ตนเองลงทุน มีพื้นฐาน demand และราคาของผลิตภัณฑ์เป็นอย่างไร
-
- Verified User
- โพสต์: 32
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 12
เก่งมากเลยครับเก็บรายละเอียดได้ครบ ผมนั่งฟังอยู่เอาแต่หัวเราะอย่างเดียวเหมือนกันครับ แต่หลังจากมาอ่านทบทวนอีกครั้งทำให้เข้าใจมากขึ้นครับ
Practice does not make perfect, practice makes permanent.
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1575
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 14
ทีมงานฝากขอบคุณพี่คนจนที่ช่วย post ใน pantip ด้วยนะครับ
และขอบคุณพี่ๆที่ช่วยกันสรุปสาระมาลงให้ได้อ่านกัน
เดือนต่อๆไป ไปกันอีกนะครับ
เวลาพี่ๆไปจะสนุกเป็นพิเศษครับ :lol: :lol: :lol:
และขอบคุณพี่ๆที่ช่วยกันสรุปสาระมาลงให้ได้อ่านกัน
เดือนต่อๆไป ไปกันอีกนะครับ
เวลาพี่ๆไปจะสนุกเป็นพิเศษครับ :lol: :lol: :lol:
ดู clip รายการ money talk ย้อนหลังได้ที่
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
http://www.facebook.com/MoneyTalkTV
-
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 19
สุดยอดครับคุณ champ_st ขยัน และมีน้ำใจ ถ้าเรียนหนังสืออยู่ ผมจะขอไปนั่งข้างๆเลยครับ จะได้ขอยืมเลคเชอร์อ่านตอนสอบ อิอิ
สัมมนาสนุกดีนะครับ เวลาน้อยไปนิด เลยยังไม่ได้เจาะลึกเทคนิคการเลือกหุ้นของแต่ละคนเลย น่าจะมีการรวมตัวทำ workshop แบบให้โปรแต่ละคนมาจำลองการเลือกหุ้นว่าทำอย่างไร วิเคราะห์อย่างไร และตัดสินใจอย่างไร เพื่อจะทำให้ มือใหม่ที่ยังตามืดบอด เกิดความสว่างไสว ไม่หลงผิดไปทางด้านมืดของการลงทุนนะครับ
สัมมนาสนุกดีนะครับ เวลาน้อยไปนิด เลยยังไม่ได้เจาะลึกเทคนิคการเลือกหุ้นของแต่ละคนเลย น่าจะมีการรวมตัวทำ workshop แบบให้โปรแต่ละคนมาจำลองการเลือกหุ้นว่าทำอย่างไร วิเคราะห์อย่างไร และตัดสินใจอย่างไร เพื่อจะทำให้ มือใหม่ที่ยังตามืดบอด เกิดความสว่างไสว ไม่หลงผิดไปทางด้านมืดของการลงทุนนะครับ
- theerasak24
- Verified User
- โพสต์: 614
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 23
จับประเด็นได้เก่งนะครับ เป็นกำลังใจให้ทำต่อนะครับ ขอบคุณมากด้วย
"เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะยังคงทำสิ่งต่างๆ ต่อไปตราบใดที่มันยังให้ความรื่นรมย์และคุณก็ทำมันได้ดี"
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1588
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 25
:D :D :D :D
thx you
:D :D :D :D
thx you
:D :D :D :D
คนรู้ไม่พูด คนพูดไม่รู้
-
- Verified User
- โพสต์: 942
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 27
ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลที่นำมาแบ่งปัน
- SupachaiZ594
- Verified User
- โพสต์: 834
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 29
ขอบคุณคุณแชมป์ครับ
ละเอียดเหมือนไปนั่งฟังเองเลย
ละเอียดเหมือนไปนั่งฟังเองเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 281
- ผู้ติดตาม: 0
สรุปสัมมนาเรื่องลงทุนแบบวอร์เรนและ วิถีVIไทย 17/4/10
โพสต์ที่ 30
ขอคารวะคุณ Champ_st ละเอียดดีครับ + ได้บรรยากาศเหมือนไปฟังเองเลย
Money is neutral