ธรรมะ ธรรมชาติ
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 961
ตอนนี้ติดอยู่กับอดีตที่เคยประสบความสำเร็จ
อันนี้แก้ไขยากเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเอาบทไหนมาใช้แก้ไข
เล่นทั้งบทที่บอกว่า อะไรๆก็เกิดขึ้นได้
ทุกอย่างไม่เที่ยง
ก็ไม่ค่อยตรงจุดเท่าไร
สงสัยต้องใช้บทที่ว่า ego ตัวกูของกูหรือเปล่าที่ตีตัวนี้ได้
อันนี้แก้ไขยากเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเอาบทไหนมาใช้แก้ไข
เล่นทั้งบทที่บอกว่า อะไรๆก็เกิดขึ้นได้
ทุกอย่างไม่เที่ยง
ก็ไม่ค่อยตรงจุดเท่าไร
สงสัยต้องใช้บทที่ว่า ego ตัวกูของกูหรือเปล่าที่ตีตัวนี้ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 962
มิบังอาจสอนครับmiracle เขียน:ตอนนี้ติดอยู่กับอดีตที่เคยประสบความสำเร็จ
อันนี้แก้ไขยากเหมือนกัน
ไม่รู้ว่าเอาบทไหนมาใช้แก้ไข
เล่นทั้งบทที่บอกว่า อะไรๆก็เกิดขึ้นได้
ทุกอย่างไม่เที่ยง
ก็ไม่ค่อยตรงจุดเท่าไร
สงสัยต้องใช้บทที่ว่า ego ตัวกูของกูหรือเปล่าที่ตีตัวนี้ได้
ติดสัญญา ก็รู้ว่าติดสัญญาครับ รู้ว่าติดเดี๋ยวก็หายครับ จะติดได้นานแค่ไหน ช่างมันครับ อกหัก ติดอดีต สักปีก็หายครับ ผมเคยติดครับ รู้ลงไปครับ ไม่มีอะไรไม่หายครับ
ประสบความสำเร็จ คู่กับ ความล้มเหลว อะไรก็ไม่เที่ยงครับ ไม่มีอะไรอยู่ ตลอดชั่วนิรันดร์ครับ ตัวกู ของกู อันนี้ แก่นครับ
คราวหน้าผมติด ช่วยผมด้วยนะ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 963
ตอนนี้เจอตัวหนึ่งแ้ก้ไขได้smith_sanguan เขียน: มิบังอาจสอนครับ
ติดสัญญา ก็รู้ว่าติดสัญญาครับ รู้ว่าติดเดี๋ยวก็หายครับ จะติดได้นานแค่ไหน ช่างมันครับ อกหัก ติดอดีต สักปีก็หายครับ ผมเคยติดครับ รู้ลงไปครับ ไม่มีอะไรไม่หายครับ
ประสบความสำเร็จ คู่กับ ความล้มเหลว อะไรก็ไม่เที่ยงครับ ไม่มีอะไรอยู่ ตลอดชั่วนิรันดร์ครับ ตัวกู ของกู อันนี้ แก่นครับ
คราวหน้าผมติด ช่วยผมด้วยนะ
อะไรๆก็ไม่เที่ยง แล้วหากคุณคิดว่า มันต้องเป็นอย่างนี้ต้องเป็นอย่างไง
ตามสิ่งที่คุณเคยกระทำมา เดี๋ยวก็เจอแบบกระผม ว่าติดในของเก่าๆ
อันนี้เจอโมหะเล่นงานครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1372
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 964
จะมาเข้าห้องนี้ ไหนหลุดไปอีกห้องได้หว่า...
พักนี้ยิ่งรู้กาย-ใจยิ่งรู้ว่าโมโหง่าย
บางครั้งเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่มันโมโหแบบจี๊ดขึ้นหัวเลย
ยิ่งตอนขับรถนี่เป็นบ่อยเลย
พอเป็นแล้วก็ตามรู้ ยิ่งตามรู้ก็ยิ่งเป็น
ยิ่งเป็นก็ตามอีก... กรรมมม ไม่ได้ตามรู้แล้วแต่หลงตามมันไปแล้ว
พักนี้ยิ่งรู้กาย-ใจยิ่งรู้ว่าโมโหง่าย
บางครั้งเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่มันโมโหแบบจี๊ดขึ้นหัวเลย
ยิ่งตอนขับรถนี่เป็นบ่อยเลย
พอเป็นแล้วก็ตามรู้ ยิ่งตามรู้ก็ยิ่งเป็น
ยิ่งเป็นก็ตามอีก... กรรมมม ไม่ได้ตามรู้แล้วแต่หลงตามมันไปแล้ว
สติมา ปัญญาเกิด
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 965
พี่ก็ดูมันว่าทำอะไรก็พอแล้วsattaya เขียน:จะมาเข้าห้องนี้ ไหนหลุดไปอีกห้องได้หว่า...
พักนี้ยิ่งรู้กาย-ใจยิ่งรู้ว่าโมโหง่าย
บางครั้งเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่มันโมโหแบบจี๊ดขึ้นหัวเลย
ยิ่งตอนขับรถนี่เป็นบ่อยเลย
พอเป็นแล้วก็ตามรู้ ยิ่งตามรู้ก็ยิ่งเป็น
ยิ่งเป็นก็ตามอีก... กรรมมม ไม่ได้ตามรู้แล้วแต่หลงตามมันไปแล้ว
จากนั้นก็ปล่อยว่าง เกิดแล้วสิ้นสุญแล้ว นักเวลานั้นก็พอ
ทุกอย่างเป็นไปตาม อนิจจัง ทุกขัง อนันตา
เกิดแป๊บเดียว เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ดังสายลม ที่พัดผ่านตัวเรา
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 967
sattaya เขียน: พักนี้ยิ่งรู้กาย-ใจยิ่งรู้ว่าโมโหง่าย
บางครั้งเรื่องไม่เป็นเรื่องแต่มันโมโหแบบจี๊ดขึ้นหัวเลย
ยิ่งตอนขับรถนี่เป็นบ่อยเลย
พอเป็นแล้วก็ตามรู้ ยิ่งตามรู้ก็ยิ่งเป็น
ยิ่งเป็นก็ตามอีก... กรรมมม ไม่ได้ตามรู้แล้วแต่หลงตามมันไปแล้ว
อาจจะรู้ผิดตัวหรือเปล่าครับ ไปตามรู้เรื่องที่ทำให้โมโหหรือเปล่าครับ ลองหันมารู้ที่ใจของเราเองครับ ไม่เกี่ยวกับคนอื่น สิ่งอื่น
- Paul VI
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 10538
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 968
ค่อยๆ คิด ค่อยๆทำ ลองทบทวนสิ่งที่ดีๆในชีวิต รวมทั้งเรื่องราวที่ดีๆ ในชีวิตสิครับRONNAPUM เขียน:ชีวิตช่วงนี้น่าเบื่อสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
บางที ช่วงนี้ปล่อยวางให้ใจสบายๆ นึกถึงเรื่องความสุขหรือ วางแผนไปเที่ยวกับครอบครัว ช่วงปีใหม่ก็ได้ครับ...
เป็นกำลังใจให้นะครับ...
-
- Verified User
- โพสต์: 2509
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 972
ขอบคุณพี่ๆ ทุกท่านที่ให้กำลังใจนะครับ
ตอนนี้หันซ้าย กว่า ก็เห็นแต่ทุกข์ มันไม่ชอบเลย
รู้ทั้งรู้ ว่าให้ดูอย่างเป็นกลาง แต่ ใจมันยังไม่ยอมรับ
บางช่วงเวลา อยากทำอะไรสักอย่าง อยากจะร้อง อยากจะตะโกนดัง
อยากจะวิ่งหนีมัน
ถามอาจารย์ ก็บอกว่ามันทำอะไร ให้ดู อย่างเดียว
แต่ผมทรมารอ่ะ ผมเบื่ออ่ะ แต่ก็ต้องทน
พี่ๆก็ฟังผมบ่น ผมล่ะบายไปก่อนนะ 5555555
ตอนนี้หันซ้าย กว่า ก็เห็นแต่ทุกข์ มันไม่ชอบเลย
รู้ทั้งรู้ ว่าให้ดูอย่างเป็นกลาง แต่ ใจมันยังไม่ยอมรับ
บางช่วงเวลา อยากทำอะไรสักอย่าง อยากจะร้อง อยากจะตะโกนดัง
อยากจะวิ่งหนีมัน
ถามอาจารย์ ก็บอกว่ามันทำอะไร ให้ดู อย่างเดียว
แต่ผมทรมารอ่ะ ผมเบื่ออ่ะ แต่ก็ต้องทน
พี่ๆก็ฟังผมบ่น ผมล่ะบายไปก่อนนะ 5555555
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
- Verified User
- โพสต์: 1647
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 973
พี่RONNAPUM
ผมก็มีอาการเดียวกันครับ
มันไขว้ขว้าจะเสพย์อารมณ์ ยุ่มย่าม ดิ้นรน
นั่งเฉยๆก็เป็น เห็นมันทุกข์จริงๆ
เคยหนีแล้วครับ อาจารย์บอกว่าอย่าไปหนีมัน คือไม่ชอบ ก็ให้รู้ว่าไม่ชอบ
ดูมันไปอย่างเดียว
อาจารย์ท่านว่า
คิดว่าภาวนาแล้วจะเจอแต่ความสุขใช่มั้ย
มันไม่เสมอไปนะ
ผมก็มีอาการเดียวกันครับ
มันไขว้ขว้าจะเสพย์อารมณ์ ยุ่มย่าม ดิ้นรน
นั่งเฉยๆก็เป็น เห็นมันทุกข์จริงๆ
เคยหนีแล้วครับ อาจารย์บอกว่าอย่าไปหนีมัน คือไม่ชอบ ก็ให้รู้ว่าไม่ชอบ
ดูมันไปอย่างเดียว
อาจารย์ท่านว่า
คิดว่าภาวนาแล้วจะเจอแต่ความสุขใช่มั้ย
มันไม่เสมอไปนะ
. . .
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 974
ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำคนเรือ VI เขียน:พี่RONNAPUM
ผมก็มีอาการเดียวกันครับ
มันไขว้ขว้าจะเสพย์อารมณ์ ยุ่มย่าม ดิ้นรน
นั่งเฉยๆก็เป็น เห็นมันทุกข์จริงๆ
เคยหนีแล้วครับ อาจารย์บอกว่าอย่าไปหนีมัน คือไม่ชอบ ก็ให้รู้ว่าไม่ชอบ
ดูมันไปอย่างเดียว
อาจารย์ท่านว่า
คิดว่าภาวนาแล้วจะเจอแต่ความสุขใช่มั้ย
มันไม่เสมอไปนะ
แม้แต่เกิดปิติ นั่งแล้วเบาสบายยังเบื่อเลย พี่คนเรือ VI
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 978
อ่านแล้วเศร้า พี่พอใจอยู่ตีนเขา สงสัย ผมยังไม่ได้ออกจากบ้านเลยครับ กำลังจะเปิดประตู
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
-
- Verified User
- โพสต์: 1400
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 980
[quote="RONNAPUM"][quote="por_jai"] เต้ยครับผมยังไม่ผ่านจุดที่เต้ยกำลังเดินผ่านอยู่นี่เลยครับ
เราต่างตื่นขึ้นมาทุกวัน เพื่อสร้างผลงานให้ได้ เราควรรู้ว่า ในทุกวันมีอะไรที่ต้องทำเพื่อให้เกิดผลงาน หากการตื่นขึ้นมา ไม่ได้เป็นไปเพื่อผลงาน เราก็ไม่สมควรที่จะตื่นขึ้นมาให้รกหูรกตาคนรอบข้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 1647
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 981
มันมีเจริญ แล้วมันก็มีเสื่อมนะครับ
วัดระดับกันไม่ได้นะพี่
ความตั้งใจคือ เจริญสติไปเรื่อยๆ
ชาตินี้ไม่ได้ก็ไปทำต่อชาติหน้า
งานนี้ยาวกว่าชาติครับ
ถ้าลืม ก็ทำเอาใหม่ ทำไว้ไม่เสียหลาย ถ้าลืมก็จำได้ง่าย
ปล. ไปเที่ยวมาครับ ในความเสื่อม มันก็มีความเจริญ เอาแน่ไม่ได้
ความพอใจ .... ก็เป็นแค่สถาวะนึง เอาแน่ไม่ได้
วัดระดับกันไม่ได้นะพี่
ความตั้งใจคือ เจริญสติไปเรื่อยๆ
ชาตินี้ไม่ได้ก็ไปทำต่อชาติหน้า
งานนี้ยาวกว่าชาติครับ
ถ้าลืม ก็ทำเอาใหม่ ทำไว้ไม่เสียหลาย ถ้าลืมก็จำได้ง่าย
ปล. ไปเที่ยวมาครับ ในความเสื่อม มันก็มีความเจริญ เอาแน่ไม่ได้
ความพอใจ .... ก็เป็นแค่สถาวะนึง เอาแน่ไม่ได้
. . .
-
- Verified User
- โพสต์: 463
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 982
หวัดดีพี่ ronnapum ไม่ได้คุยกันนาน
ท่านพุทธทาสเคยบอกว่า
ในทางหนึ่ง แม้แต่ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องธรรม แต่หากว่ารู้สึกเบื่อไปทีละอย่างสองอย่าง ปลดไปทีละอย่างสองอย่าง มันก็ไปสู่นิพพานได้เหมือนกัน
แต่อย่าลืมนะครับ
มัชฌิมาปฏิปทา ..........."ไม่เบื่อ ไม่อยาก"
แถมเป็นกลอนสดให้ละกัน
เบื่อเบื่อไม่ค่อยอยาก
เบื่อมากมากดันอยากไม่เบื่อ
เบื่อเบื่อคงไม่ลำบาก
ถ้าอยากอยากสิควรเบื่อ :lol:
ลงทุนแบบ อาร์ตๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 983
ขอโทษที่ครับ ตรงนี้ผมหมายถึงไปหาพระอาจารย์ปราโมทย์ที่วัดผมก็ไม่รู้ว่าผมอยู่ระดับไหนหรอกครับพี่พอใจ เพราะไม่เคยได้ไปวัด
เอาเป็นว่าใครจะอยู่จุดไหนไม่สำคัญแล้วกันครับพี่
ขอแค่ ให้พี่พอใจเพื่อนๆทุกท่าน ให้ผม ได้ภวานา ตามวิธิแห่งพุทธ
ส่วนจะถึงไหนไม่ใช่ประเด็น ขอแต่อย่าหลงทางเป็นพอ
แล้วให้ท่านช่วยตวจสอบให้ครับ
คนเรือ VI เขียน:มันมีเจริญ แล้วมันก็มีเสื่อมนะครับ
วัดระดับกันไม่ได้นะพี่
ความตั้งใจคือ เจริญสติไปเรื่อยๆ
ชาตินี้ไม่ได้ก็ไปทำต่อชาติหน้า
งานนี้ยาวกว่าชาติครับ
ถ้าลืม ก็ทำเอาใหม่ ทำไว้ไม่เสียหลาย ถ้าลืมก็จำได้ง่าย
ปล. ไปเที่ยวมาครับ ในความเสื่อม มันก็มีความเจริญ เอาแน่ไม่ได้
ความพอใจ .... ก็เป็นแค่สถาวะนึง เอาแน่ไม่ได้
ขอบคุณมากครับ :D
หวัดดีพี่ ronnapum ไม่ได้คุยกันนาน
ท่านพุทธทาสเคยบอกว่า
ในทางหนึ่ง แม้แต่ชาวบ้านที่ไม่รู้เรื่องธรรม แต่หากว่ารู้สึกเบื่อไปทีละอย่างสองอย่าง ปลดไปทีละอย่างสองอย่าง มันก็ไปสู่นิพพานได้เหมือนกัน
แต่อย่าลืมนะครับ
มัชฌิมาปฏิปทา ..........."ไม่เบื่อ ไม่อยาก"
แถมเป็นกลอนสดให้ละกัน
เบื่อเบื่อไม่ค่อยอยาก
เบื่อมากมากดันอยากไม่เบื่อ
เบื่อเบื่อคงไม่ลำบาก
ถ้าอยากอยากสิควรเบื่อ
สวัสดีครับพี่ สถาปนิกต่างดาว สบายดีนะครับ ไม่ได้คุยกันนานนนนจริงๆนะครับ
( หวังหว่าคงรวยกับซื้อยางรถ ไปแล้วนะครับ )
ขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำนะครับ
ผมจะเดินหน้าต่อไปครับ :D
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 986
ผมเขียนประเด็นเกี่ยวกับการไม่อยากมีลูก
ไว้ใน twitter@dungtrin
แต่ยังไม่ชัดเจนด้วยขนาดจำกัดของเนื้อความ
จึงขอนำมาขยายความในบท บ.ก. วันนี้
เพราะเห็นว่ามีหลายคนให้ความสนใจครับ
ก่อนอื่นขอบอกว่าเป็นการจับเอามุมมองหนึ่ง
ของผู้คนที่สนใจการเจริญสติเพื่อความพ้น
อาจไม่เข้ากันกับสามัญสำนึกทั่วไป
และคำอธิบายนี้อาจช่วยให้นักเจริญสติหลายคน
ได้เข้าใจถึงที่มาที่ไปว่าเหตุใดตนจึงไม่อยากมีลูก
โดยรากอันเป็นที่สุด
ถ้าธรรมชาติออกแบบเหตุปัจจัย
ให้สิ่งมีชีวิตอยากสืบทอดเผ่าพันธุ์ไม่สำเร็จ
ก็แปลว่าทุกอย่างล้มเหลวตั้งแต่เริ่ม
แต่สังสารวัฏ
อันหมายถึงวัฏจักรแห่งมหันตทุกข์นั้น
มีมานานเป็นอนันตกาล
ก็พิสูจน์ตัวอยู่แล้วว่า "กลไกสืบทอดทุกข์"
ต้องมีระบบที่ทรงพลังสูงสุด
ขับเคลื่อนไปโดยยากที่จะฝืนต้านที่สุด
เชื้อเพลิงที่จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ในสังสารวัฏนั้น
ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่ากามราคะ
และพันธะอันเป็นผลติดตามมาจากการอยู่ร่วมกัน
ก็ไม่มีสิ่งใดเหนียวแน่นไปกว่าลูกสาวลูกชาย
ระบบสืบทอดทุกข์ที่ได้ผลที่สุดที่ว่ามานี้
ไม่มีใครออกแบบ ไม่ได้เป็นบุญ ไม่ได้เป็นบาป
แต่เป็นต้นกำเนิดของบุญบาป
ซึ่งเป็นผู้ออกแบบภพภูมิทั้งหลาย
ณ จุดที่ยังไม่มีความถูกความผิด
กลายเป็นต้นกำเนิดของความถูกความผิด
มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
มีคำสั่งหนึ่งฝังใจมาในระดับสัญชาตญาณ
ว่าตนเองมีพันธะจะต้องรับผิดชอบ
เกี่ยวกับการสืบทอด
เป็นเครื่องผูกมัดที่มองไม่เห็น
แต่รู้สึกได้ชัดเจนที่สุด
ในระดับของสิ่งมีชีวิตชั้นล่าง
สัญชาตญาณในการสืบพันธุ์ไม่ต้องการคำอธิบาย
เมื่อถึงช่วงเวลาของการผลิตทายาทรุ่นต่อไป
สัตว์ทั้งหลายจะเข้าสู่กระบวนการที่ถูกเตรียมไว้แล้ว
โดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าทำไปเพื่อตัวเอง
หรือว่าเพื่อวงศ์ตระกูลใด
มันเป็นหน้าที่บังคับ
ที่มาในรูปของความหงุดหงิดถ้าไม่ได้ทำ
ไม่ได้ระบายเชื้อพันธุ์ของตนออกไป
แต่ในระดับของสิ่งมีชีวิตชั้นบน
การสืบทอดเผ่าพันธุ์จะมาในรูปของสำนึกรับผิดชอบ
เกี่ยวข้องกับการสืบวงศ์ตระกูล
ถ้าใครไม่ยอมรับเงื่อนไขทาง "ธรรมชาติ" นี้
ก็ถึงกับโดนก่นด่าจากญาติผู้ใหญ่
ว่าเป็นลูกเนรคุณ
ไม่ยอมสืบทอดวงศ์ตระกูลกันเลยทีเดียว
กระบวนการและความปรารถนาจะมีความซับซ้อน
มนุษย์น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวบนโลก
ที่มีความรู้สึกเฉพาะตนได้ว่า
อยากมีหรือไม่อยากมีลูก
หรือกระทั่งออกอาการ "ปฏิเสธ"
สัญชาตญาณการมีลูกได้
การ "อยากมีลูก" นั้นไม่ใช่เรื่องน่าสงสัย
เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าเป็นเรื่องระดับสัญชาตญาณ
เห็นลูกคนอื่นน่ารักแล้วอยากมีลูกของตัวเองบ้าง
หรือที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่รู้สึก
ว่าตนเป็นหญิงอย่างสมบูรณ์
หากไม่ได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเด็กสักคน
แต่การ "ไม่อยากมีลูก" คือเรื่องชวนฉงน
เพราะเป็นเรื่องสวนทางกับสัญชาตญาณมนุษย์
ตัดเรื่องความรู้สึกว่าตนไม่มีความสามารถรับผิดชอบ
ตัดเรื่องความรู้สึกว่าตนไม่มีความแข็งแกร่งแบบพ่อ
ตัดเรื่องความรู้สึกว่าตนไม่มีความเอาใจใส่แบบแม่
ก็ยังมีความรู้สึก "ไม่อยากมีลูก" อยู่ดี
เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนเป็นจริงเป็นจัง
ไม่ใช่แค่ชั่ววูบชั่ววาบ
บางคนรักเด็กมาก ชอบเล่นกับเด็กมาก
หรือกระทั่งรับอุปการะเด็กได้
แต่กลับไม่มีความต้องการลูกของตัวเองสักนิดเดียว
ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เพื่อเข้าให้ถึงคำตอบ
เราต้องถอดเอาความรู้สึกแบบบุคคลออกไป
เหลือแค่ความรู้สึกไม่อยากมีพันธะ ไม่อยากพัวพัน
ไม่อยากให้มีการ "เกิดขึ้นอีก"
แม้กระทั่งจะให้ตนเป็น "แดนเกิด" ของใครก็ตาม
นี่นับเป็นเรื่องสวนทางกับการ "สืบต่อ" หรือ "สืบทอด"
ซึ่งถูก "บังคับ" ไว้โดยธรรมชาติของสังสารวัฏ
และมักถูกมองว่าเป็นความไม่รับผิดชอบ
หรือเป็น "สิ่งผิดปกติ" หรือกระทั่ง "ความผิด" ได้
หากมองจากมุมของผู้ที่รับผิดชอบตามธรรมชาติ
ถ้าเชื่อว่าการปฏิวัติทางความรู้สึกไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ก็อธิบายได้จากมุมหนึ่ง
คือ ก่อนเกิดมาในครั้งนี้
เคยเป็นผู้พยายามถอดถอนตนจากกระบวนการเกิดตาย
อย่างเช่นพระที่มีความอุตสาหะ
เพียรเจริญสติตลอดชีวิตที่เหลือ
เห็นกายใจเป็นเพียงสิ่งเกิดดับ
ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนเราเขา
มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์ดับไป
กระทั่งไม่เหลือความอยากเกิดใหม่
แต่ก็ยังต้องเกิดอีกเพราะไปไม่ถึงอรหัตตผล
กรรมอันได้แก่การเจริญสติได้ผล
แต่ไม่ถึงที่สุดของผล
ย่อมบันดาลให้เกิดจิตในชาติใหม่
ที่มีสัญชาตญาณในการตัดห่วงโซ่
อะไรที่จะเป็นชนวนแห่งการสืบทอด
ก็ถูกถอดถอนออกไปแต่อ้อนแต่ออก
ถ้าบารมีในการเจริญสติแก่กล้าจริงๆ
ก็ถึงขั้นอยากออกบวชตั้งแต่เป็นเณรเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม
การไม่อยากมีลูก แต่อยากมีความสุขแบบโลกๆ
ยังหมกมุ่นอยู่กับกามคุณ ๕
เป็นเครื่องแสดงว่าแค่ไม่อยากแบกภาระ
อยากสนุกแบบฉาบฉวย
เป็นคนละเรื่องกันกับการไม่อยากเกิด
และไม่อยากเป็นแดนเกิดให้ใคร
แล้วกรรมก็เป็นเรื่องพิสดารครับ
บางคนอยากมีแต่กลับไม่มี
บางคนไม่อยากมีแต่กลับมีเอาๆ
ถ้าจำแนกโดยกรรมก็พอรวบรัดคร่าวๆได้ดังนี้
๑) ไม่อยากมี และไม่มีใครเร่งรัด
คือพวกที่ไม่ได้บังคับใครไว้ก่อน
จึงอยู่ในตระกูลที่ไม่เดือดร้อนเรื่องมีหรือไม่มีทายาท
๒) ไม่อยากมี แต่ถูกผู้ใหญ่บังคับ
คือพวกที่ทำกรรมอันยังต้องมีพันธะ
ต้องเลือกเอาระหว่างรับผิดชอบกับพันธะ
กับความรู้สึกผิดที่ถูกตราหน้าว่าไม่กตัญญู
๓) ไม่อยากมี แต่มาด้วยความบังเอิญ
หรือไม่ก็เป็นหญิงที่ถูกข่มขืนจนตั้งครรภ์
ข้อนี้ขอละต้นเหตุไว้
เพราะเป็นเรื่องสะเทือนใจสำหรับหลายๆคน
๔) อยากมีแล้วได้มาสมใจ
เป็นคนปกติที่ไม่มีกรรมอะไรเป็นพิเศษ
ที่ทำให้แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
๕) อยากมีแต่อย่างไรก็ไม่มา
มีได้หลายเหตุปัจจัยมากๆ จาระไนไม่หมด
บางคนเคยตอนสัตว์ไว้เยอะ
ด้วยความหวังดี ไม่อยากให้ลูกแมวลูกหมายั้วเยี้ย
หรือบางคนเคยเป็นแม่ เลี้ยงลูกหลายคนจนเหนื่อย
แล้วรู้สึกว่าไม่อยากมีลูกอีกแล้ว
ด้วยบุญที่เลี้ยงเด็กให้เติบโตไว้เยอะ
พอประกอบกับความอิดหนาระอาใจไม่อยากมีอีก
แล้วลูกๆก็ไม่ได้ทำให้ชื่นใจในชั่วชีวิตที่เหลือ
เกิดใหม่ก็มีแนวโน้มเป็นหมัน
หรือถึงไม่เป็นหมันก็ไม่มีเด็กมาเข้าท้อง
เพราะกรรมเก่าปิดกั้นภาวะแดนเกิดไว้ เป็นต้น
แต่บางทีก็ไม่ใช่เรื่องกรรมเก่า
เป็นเรื่องของความไม่เหมาะสมที่จะเป็นแดนเกิด
การจับคู่กันระหว่างชายหญิงนั้น
ไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนอย่างที่เห็นเผินๆ
แต่เป็นเรื่องโอกาสที่บุคคลแบบไหน
จะได้ที่เกิดที่เหมาะกับตนด้วย
ผมเห็นมาหลายแบบนะครับ
บางคู่อยากมีลูกแล้วได้มี
แต่ต่อมามีโอกาสเจริญสติร่วมกัน
เสียอกเสียใจที่มีไปแล้ว
(แต่ก็ยังรับผิดชอบลูกอย่างดีที่สุด)
ส่วนบางคู่อยากมีลูก
พยายามแค่ไหนก็มีลูกไม่ได้
กระทั่งมาเริ่มเจริญสติร่วมกันใหม่
จึงค่อยมองย้อนกลับไปว่าไม่มีลูกน่ะดีแล้ว
เขียนยาวแค่ไหนก็ไม่จบครับ
สรุปง่ายๆว่าการเกิดเป็นทุกข์ การตายเป็นทุกข์
ในมุมมองของอริยะ นี่คือความจริงที่น่าสนใจที่สุด
จึงได้ชื่อว่า "อริยสัจจ์"
ผู้เจริญสติแจ่มแจ้งแล้ว
ย่อมข้ามพ้นข้อขัดแย้งทางใจ
แต่ก็มีความเข้าใจชัดเจนด้วยว่า
การตอบแทนคุณผู้ให้กำเนิดมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง
และการเลี้ยงดูบุตรธิดาอันเกิดจากตนแล้ว
ก็ไม่มีข้ออ้างใดมาหลบเลี่ยงได้ทั้งสิ้น
ดังตฤณ
ธันวาคม ๕๒
ไว้ใน twitter@dungtrin
แต่ยังไม่ชัดเจนด้วยขนาดจำกัดของเนื้อความ
จึงขอนำมาขยายความในบท บ.ก. วันนี้
เพราะเห็นว่ามีหลายคนให้ความสนใจครับ
ก่อนอื่นขอบอกว่าเป็นการจับเอามุมมองหนึ่ง
ของผู้คนที่สนใจการเจริญสติเพื่อความพ้น
อาจไม่เข้ากันกับสามัญสำนึกทั่วไป
และคำอธิบายนี้อาจช่วยให้นักเจริญสติหลายคน
ได้เข้าใจถึงที่มาที่ไปว่าเหตุใดตนจึงไม่อยากมีลูก
โดยรากอันเป็นที่สุด
ถ้าธรรมชาติออกแบบเหตุปัจจัย
ให้สิ่งมีชีวิตอยากสืบทอดเผ่าพันธุ์ไม่สำเร็จ
ก็แปลว่าทุกอย่างล้มเหลวตั้งแต่เริ่ม
แต่สังสารวัฏ
อันหมายถึงวัฏจักรแห่งมหันตทุกข์นั้น
มีมานานเป็นอนันตกาล
ก็พิสูจน์ตัวอยู่แล้วว่า "กลไกสืบทอดทุกข์"
ต้องมีระบบที่ทรงพลังสูงสุด
ขับเคลื่อนไปโดยยากที่จะฝืนต้านที่สุด
เชื้อเพลิงที่จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ในสังสารวัฏนั้น
ไม่มีสิ่งใดดีไปกว่ากามราคะ
และพันธะอันเป็นผลติดตามมาจากการอยู่ร่วมกัน
ก็ไม่มีสิ่งใดเหนียวแน่นไปกว่าลูกสาวลูกชาย
ระบบสืบทอดทุกข์ที่ได้ผลที่สุดที่ว่ามานี้
ไม่มีใครออกแบบ ไม่ได้เป็นบุญ ไม่ได้เป็นบาป
แต่เป็นต้นกำเนิดของบุญบาป
ซึ่งเป็นผู้ออกแบบภพภูมิทั้งหลาย
ณ จุดที่ยังไม่มีความถูกความผิด
กลายเป็นต้นกำเนิดของความถูกความผิด
มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
มีคำสั่งหนึ่งฝังใจมาในระดับสัญชาตญาณ
ว่าตนเองมีพันธะจะต้องรับผิดชอบ
เกี่ยวกับการสืบทอด
เป็นเครื่องผูกมัดที่มองไม่เห็น
แต่รู้สึกได้ชัดเจนที่สุด
ในระดับของสิ่งมีชีวิตชั้นล่าง
สัญชาตญาณในการสืบพันธุ์ไม่ต้องการคำอธิบาย
เมื่อถึงช่วงเวลาของการผลิตทายาทรุ่นต่อไป
สัตว์ทั้งหลายจะเข้าสู่กระบวนการที่ถูกเตรียมไว้แล้ว
โดยไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่าทำไปเพื่อตัวเอง
หรือว่าเพื่อวงศ์ตระกูลใด
มันเป็นหน้าที่บังคับ
ที่มาในรูปของความหงุดหงิดถ้าไม่ได้ทำ
ไม่ได้ระบายเชื้อพันธุ์ของตนออกไป
แต่ในระดับของสิ่งมีชีวิตชั้นบน
การสืบทอดเผ่าพันธุ์จะมาในรูปของสำนึกรับผิดชอบ
เกี่ยวข้องกับการสืบวงศ์ตระกูล
ถ้าใครไม่ยอมรับเงื่อนไขทาง "ธรรมชาติ" นี้
ก็ถึงกับโดนก่นด่าจากญาติผู้ใหญ่
ว่าเป็นลูกเนรคุณ
ไม่ยอมสืบทอดวงศ์ตระกูลกันเลยทีเดียว
กระบวนการและความปรารถนาจะมีความซับซ้อน
มนุษย์น่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวบนโลก
ที่มีความรู้สึกเฉพาะตนได้ว่า
อยากมีหรือไม่อยากมีลูก
หรือกระทั่งออกอาการ "ปฏิเสธ"
สัญชาตญาณการมีลูกได้
การ "อยากมีลูก" นั้นไม่ใช่เรื่องน่าสงสัย
เพราะรู้ๆกันอยู่ว่าเป็นเรื่องระดับสัญชาตญาณ
เห็นลูกคนอื่นน่ารักแล้วอยากมีลูกของตัวเองบ้าง
หรือที่ผู้หญิงส่วนใหญ่จะไม่รู้สึก
ว่าตนเป็นหญิงอย่างสมบูรณ์
หากไม่ได้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเด็กสักคน
แต่การ "ไม่อยากมีลูก" คือเรื่องชวนฉงน
เพราะเป็นเรื่องสวนทางกับสัญชาตญาณมนุษย์
ตัดเรื่องความรู้สึกว่าตนไม่มีความสามารถรับผิดชอบ
ตัดเรื่องความรู้สึกว่าตนไม่มีความแข็งแกร่งแบบพ่อ
ตัดเรื่องความรู้สึกว่าตนไม่มีความเอาใจใส่แบบแม่
ก็ยังมีความรู้สึก "ไม่อยากมีลูก" อยู่ดี
เป็นความรู้สึกที่ชัดเจนเป็นจริงเป็นจัง
ไม่ใช่แค่ชั่ววูบชั่ววาบ
บางคนรักเด็กมาก ชอบเล่นกับเด็กมาก
หรือกระทั่งรับอุปการะเด็กได้
แต่กลับไม่มีความต้องการลูกของตัวเองสักนิดเดียว
ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
เพื่อเข้าให้ถึงคำตอบ
เราต้องถอดเอาความรู้สึกแบบบุคคลออกไป
เหลือแค่ความรู้สึกไม่อยากมีพันธะ ไม่อยากพัวพัน
ไม่อยากให้มีการ "เกิดขึ้นอีก"
แม้กระทั่งจะให้ตนเป็น "แดนเกิด" ของใครก็ตาม
นี่นับเป็นเรื่องสวนทางกับการ "สืบต่อ" หรือ "สืบทอด"
ซึ่งถูก "บังคับ" ไว้โดยธรรมชาติของสังสารวัฏ
และมักถูกมองว่าเป็นความไม่รับผิดชอบ
หรือเป็น "สิ่งผิดปกติ" หรือกระทั่ง "ความผิด" ได้
หากมองจากมุมของผู้ที่รับผิดชอบตามธรรมชาติ
ถ้าเชื่อว่าการปฏิวัติทางความรู้สึกไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ก็อธิบายได้จากมุมหนึ่ง
คือ ก่อนเกิดมาในครั้งนี้
เคยเป็นผู้พยายามถอดถอนตนจากกระบวนการเกิดตาย
อย่างเช่นพระที่มีความอุตสาหะ
เพียรเจริญสติตลอดชีวิตที่เหลือ
เห็นกายใจเป็นเพียงสิ่งเกิดดับ
ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนเราเขา
มีแต่ทุกข์เกิดขึ้น มีแต่ทุกข์ดับไป
กระทั่งไม่เหลือความอยากเกิดใหม่
แต่ก็ยังต้องเกิดอีกเพราะไปไม่ถึงอรหัตตผล
กรรมอันได้แก่การเจริญสติได้ผล
แต่ไม่ถึงที่สุดของผล
ย่อมบันดาลให้เกิดจิตในชาติใหม่
ที่มีสัญชาตญาณในการตัดห่วงโซ่
อะไรที่จะเป็นชนวนแห่งการสืบทอด
ก็ถูกถอดถอนออกไปแต่อ้อนแต่ออก
ถ้าบารมีในการเจริญสติแก่กล้าจริงๆ
ก็ถึงขั้นอยากออกบวชตั้งแต่เป็นเณรเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม
การไม่อยากมีลูก แต่อยากมีความสุขแบบโลกๆ
ยังหมกมุ่นอยู่กับกามคุณ ๕
เป็นเครื่องแสดงว่าแค่ไม่อยากแบกภาระ
อยากสนุกแบบฉาบฉวย
เป็นคนละเรื่องกันกับการไม่อยากเกิด
และไม่อยากเป็นแดนเกิดให้ใคร
แล้วกรรมก็เป็นเรื่องพิสดารครับ
บางคนอยากมีแต่กลับไม่มี
บางคนไม่อยากมีแต่กลับมีเอาๆ
ถ้าจำแนกโดยกรรมก็พอรวบรัดคร่าวๆได้ดังนี้
๑) ไม่อยากมี และไม่มีใครเร่งรัด
คือพวกที่ไม่ได้บังคับใครไว้ก่อน
จึงอยู่ในตระกูลที่ไม่เดือดร้อนเรื่องมีหรือไม่มีทายาท
๒) ไม่อยากมี แต่ถูกผู้ใหญ่บังคับ
คือพวกที่ทำกรรมอันยังต้องมีพันธะ
ต้องเลือกเอาระหว่างรับผิดชอบกับพันธะ
กับความรู้สึกผิดที่ถูกตราหน้าว่าไม่กตัญญู
๓) ไม่อยากมี แต่มาด้วยความบังเอิญ
หรือไม่ก็เป็นหญิงที่ถูกข่มขืนจนตั้งครรภ์
ข้อนี้ขอละต้นเหตุไว้
เพราะเป็นเรื่องสะเทือนใจสำหรับหลายๆคน
๔) อยากมีแล้วได้มาสมใจ
เป็นคนปกติที่ไม่มีกรรมอะไรเป็นพิเศษ
ที่ทำให้แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป
๕) อยากมีแต่อย่างไรก็ไม่มา
มีได้หลายเหตุปัจจัยมากๆ จาระไนไม่หมด
บางคนเคยตอนสัตว์ไว้เยอะ
ด้วยความหวังดี ไม่อยากให้ลูกแมวลูกหมายั้วเยี้ย
หรือบางคนเคยเป็นแม่ เลี้ยงลูกหลายคนจนเหนื่อย
แล้วรู้สึกว่าไม่อยากมีลูกอีกแล้ว
ด้วยบุญที่เลี้ยงเด็กให้เติบโตไว้เยอะ
พอประกอบกับความอิดหนาระอาใจไม่อยากมีอีก
แล้วลูกๆก็ไม่ได้ทำให้ชื่นใจในชั่วชีวิตที่เหลือ
เกิดใหม่ก็มีแนวโน้มเป็นหมัน
หรือถึงไม่เป็นหมันก็ไม่มีเด็กมาเข้าท้อง
เพราะกรรมเก่าปิดกั้นภาวะแดนเกิดไว้ เป็นต้น
แต่บางทีก็ไม่ใช่เรื่องกรรมเก่า
เป็นเรื่องของความไม่เหมาะสมที่จะเป็นแดนเกิด
การจับคู่กันระหว่างชายหญิงนั้น
ไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคนอย่างที่เห็นเผินๆ
แต่เป็นเรื่องโอกาสที่บุคคลแบบไหน
จะได้ที่เกิดที่เหมาะกับตนด้วย
ผมเห็นมาหลายแบบนะครับ
บางคู่อยากมีลูกแล้วได้มี
แต่ต่อมามีโอกาสเจริญสติร่วมกัน
เสียอกเสียใจที่มีไปแล้ว
(แต่ก็ยังรับผิดชอบลูกอย่างดีที่สุด)
ส่วนบางคู่อยากมีลูก
พยายามแค่ไหนก็มีลูกไม่ได้
กระทั่งมาเริ่มเจริญสติร่วมกันใหม่
จึงค่อยมองย้อนกลับไปว่าไม่มีลูกน่ะดีแล้ว
เขียนยาวแค่ไหนก็ไม่จบครับ
สรุปง่ายๆว่าการเกิดเป็นทุกข์ การตายเป็นทุกข์
ในมุมมองของอริยะ นี่คือความจริงที่น่าสนใจที่สุด
จึงได้ชื่อว่า "อริยสัจจ์"
ผู้เจริญสติแจ่มแจ้งแล้ว
ย่อมข้ามพ้นข้อขัดแย้งทางใจ
แต่ก็มีความเข้าใจชัดเจนด้วยว่า
การตอบแทนคุณผู้ให้กำเนิดมีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง
และการเลี้ยงดูบุตรธิดาอันเกิดจากตนแล้ว
ก็ไม่มีข้ออ้างใดมาหลบเลี่ยงได้ทั้งสิ้น
ดังตฤณ
ธันวาคม ๕๒
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
- oatty
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 2444
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 987
ขอบคุณคุณ RONNAPUM ที่เอาบทความคุณดังตฤน มาให้อ่านอยู่เรื่อย รู้สึกว่ามันเข้ากับสถานการณ์ชีวิตผมดี
จริง ๆ แล้ว หนังสือของคุณดังตฤน ผมยังไม่เคยอ่านเลย
จริง ๆ แล้ว หนังสือของคุณดังตฤน ผมยังไม่เคยอ่านเลย
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 988
อ่านแล้วขนลุก เขียนดีมากครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 989
เมื่อวานพระอาจารย์แม็คของกระผม
วานให้ผมช่วยเลือกไฟล์ธรรมะแบบgreatest hitsที่หลวงพ่อสอนธรรมไว้
จะทำเป็นซีดีเผื่อแผ่ ญาติธรรม
การสั่งทำซีดีแบบเลือกไฟล์ของเราเอง
ปกแบบที่เราออกแบบเองนั้นต้องมีจำนวนขั้นต่ำ
(พระอาจารย์สั่งมาว่าปกก็ต้องสวยๆด้วยนะ...)
ผมกำลังนั่งเลือกอยู่ทั้งไฟล์เสียงที่หลวงพ่อสอนรวมทั้งสกรีนแผ่นด้วย
ตั้งใจไว้แ่ค่เป็นซีดีแผ่นเดียวใส่ซองใสๆนี่แหละครับไม่วุ่นวายดี
ก็พอดีมีน้องคนนึงในเวบที่รู้จักกับแหล่งผลิต
ผมก็ไหว้วานแกมาทุกรอบที่ผมสั่งทำ
ในเวบนอกจากมีผมที่เคยทำแจกพี่น้องแล้ว
ก็มีหมอสามัญชนกับนริศ ก็เคยวานให้ผมจัดให้
รอบนี้ผมเห็นเป็นโอกาสอันดี
มีน้องๆในเวบโทรมาบอกผมไว้ว่าถ้ามีคนสั่งขั้นต่ำแล้ว
ให้รบกวนแจ้งด้วย
ก็ตอนนี้แหละครับเป็นโอกาสที่พวกเราจะพ่วงไปไ้ด้ครับ
สั่งเท่าไรก็ไ้ด้ครับ
เดี๋ยววันนี้ผมไปไดร๊ฟกอล์ฟเจอเจ้าหนึ่ง
ผมจะเช็คทุนสั่งทำมาให้
แล้วจะมาบอกในเวบอีกครั้ง
ใครอยากสั่งทำก็ให้แจ้งจำนวนแล้วโอนเงินให้ผมพร้อมค่าจัดส่ง
ผมพร้อมจะำเป็นตัวกลางประสานงานให้
งานพวกนี้ได้บุญพอสมควร
เต็มใจทำให้เสมอครับ
วานให้ผมช่วยเลือกไฟล์ธรรมะแบบgreatest hitsที่หลวงพ่อสอนธรรมไว้
จะทำเป็นซีดีเผื่อแผ่ ญาติธรรม
การสั่งทำซีดีแบบเลือกไฟล์ของเราเอง
ปกแบบที่เราออกแบบเองนั้นต้องมีจำนวนขั้นต่ำ
(พระอาจารย์สั่งมาว่าปกก็ต้องสวยๆด้วยนะ...)
ผมกำลังนั่งเลือกอยู่ทั้งไฟล์เสียงที่หลวงพ่อสอนรวมทั้งสกรีนแผ่นด้วย
ตั้งใจไว้แ่ค่เป็นซีดีแผ่นเดียวใส่ซองใสๆนี่แหละครับไม่วุ่นวายดี
ก็พอดีมีน้องคนนึงในเวบที่รู้จักกับแหล่งผลิต
ผมก็ไหว้วานแกมาทุกรอบที่ผมสั่งทำ
ในเวบนอกจากมีผมที่เคยทำแจกพี่น้องแล้ว
ก็มีหมอสามัญชนกับนริศ ก็เคยวานให้ผมจัดให้
รอบนี้ผมเห็นเป็นโอกาสอันดี
มีน้องๆในเวบโทรมาบอกผมไว้ว่าถ้ามีคนสั่งขั้นต่ำแล้ว
ให้รบกวนแจ้งด้วย
ก็ตอนนี้แหละครับเป็นโอกาสที่พวกเราจะพ่วงไปไ้ด้ครับ
สั่งเท่าไรก็ไ้ด้ครับ
เดี๋ยววันนี้ผมไปไดร๊ฟกอล์ฟเจอเจ้าหนึ่ง
ผมจะเช็คทุนสั่งทำมาให้
แล้วจะมาบอกในเวบอีกครั้ง
ใครอยากสั่งทำก็ให้แจ้งจำนวนแล้วโอนเงินให้ผมพร้อมค่าจัดส่ง
ผมพร้อมจะำเป็นตัวกลางประสานงานให้
งานพวกนี้ได้บุญพอสมควร
เต็มใจทำให้เสมอครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 3348
- ผู้ติดตาม: 0
ธรรมะ ธรรมชาติ
โพสต์ที่ 990
ไฟร์ที่พี่พอใจ จะทำ ผมมี หรือยังครับ
แจกญาติ อยากแจกครับ แจกเพื่อน ก็อยากแจกครับ แต่กลัวโดนด่า อยากแจกครับ ไม่มีคน ฟังเหมือนผมครับ ที่พี่พอใจให้ ก็ยังฟังตลอดครับ ฟังไปได้ เจ็ดสิบกว่าไฟร์ ครับ รู้สึกแผ่นนึงจะมี สองร้อยกว่าไฟร์ ฟังไปเรื่อยๆครับ
ผมโอนเงินให้ พี่พอใจ ฝากแจกให้คนที่อยากได้ ได้ไม๊ครับ ใครก็ได้ที่อยากได้ครับ
แจกญาติ อยากแจกครับ แจกเพื่อน ก็อยากแจกครับ แต่กลัวโดนด่า อยากแจกครับ ไม่มีคน ฟังเหมือนผมครับ ที่พี่พอใจให้ ก็ยังฟังตลอดครับ ฟังไปได้ เจ็ดสิบกว่าไฟร์ ครับ รู้สึกแผ่นนึงจะมี สองร้อยกว่าไฟร์ ฟังไปเรื่อยๆครับ
ผมโอนเงินให้ พี่พอใจ ฝากแจกให้คนที่อยากได้ ได้ไม๊ครับ ใครก็ได้ที่อยากได้ครับ
ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก มันก็เป็นเช่นนั้นแล