หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 91
ผมมีข้อสังเกตนิดหน่อย
ตอนนี้ ตลาด BankInsurance ของธุรกิจประกันชีวิต ทุกธนาคารลงมาแข่งขันกันหมดแล้ว
รายล่าสุดที่ประกาศคือ SCIB เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
แต่ไม่มีธนาคารไหนประกาศทำธุรกิจประกันภัยอย่างจริงจังเลย
แปลกแต่จริง
ตอนนี้ ตลาด BankInsurance ของธุรกิจประกันชีวิต ทุกธนาคารลงมาแข่งขันกันหมดแล้ว
รายล่าสุดที่ประกาศคือ SCIB เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
แต่ไม่มีธนาคารไหนประกาศทำธุรกิจประกันภัยอย่างจริงจังเลย
แปลกแต่จริง
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 92
ครึ่งปีแรกประกันคึกคักโกย1.72แสนล้าน
‘ชีวิต’กุม1.19แสนล้าน-‘วินาศภัย’ฮึดโตบวกเบี้ย5.3หมื่นล้าน
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกัน ภัย (คปภ.) ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2552 (มกราคม-มิถุนายน 2552) ที่ผ่านมา ธุรกิจประกันภัยทั้งระบบ มีเบี้ยประกันภัยรับตรงทั้งสิ้น 172,628.805 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10.83% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 ที่มีเบี้ยรับตรงทั้งสิ้น 155,759.201 ล้านบาท
แบ่งเป็นเบี้ยประกันรับตรงจากธุรกิจประกันชีวิต 119,252.396 ล้านบาท เติบโต เพิ่มขึ้น 15.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 มีเบี้ยรับตรง 102,911.337 ล้าน บาท และเป็นเบี้ยประกันรับตรงจากธุรกิจประกันวินาศภัย 53,376.409 ล้านบาท เติบโต เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 มีเบี้ยรับตรง 52,847.864 ล้านบาท
ทั้งนี้ในส่วนของธุรกิจประกันชีวิต เบี้ยรับตรงในช่วงครึ่งปีแรก 2552 นี้ แบ่งเป็น เบี้ยปีแรก (FYP) ทั้งสิ้น 27,380.175 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 24.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 ที่มีเบี้ยปีแรก 21,998.126 ล้านบาท เป็นเบี้ยต่ออายุ หรือ เบี้ยต่อไปจำนวน 79,765.723 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.22% เมื่อเทียบกับ 71,077.345 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเป็นเบี้ยชำระครั้งเดียว หรือซิงเกิล พรี เมี่ยม (Single Premium) จำนวน 12,106.498 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 23.09% เมื่อเทียบกับ 9,835.866 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2551 ที่ผ่านมา
ขณะที่เบี้ยรับตรงของธุรกิจประกันวินาศภัย ในช่วงครึ่งปีแรก 2552 แบ่งเป็นเบี้ยประกันอัคคีภัย 4,050.687 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.79% เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (มารีน) 1,740.912 ล้านบาท ขยายตัวลดลง 16.25% เบี้ยประกันภัยรถ 31,961.762 ล้านบาท ขยายตัวลดลง 1.92% และการประกันภัยเบ็ดเตล็ดมีเบี้ยรับตรง 15,623.048 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.41%
สำหรับการแข่งขันในธุรกิจ ปรากฏว่า ในส่วนของอันดับท็อปเทนของตลาดยังคงหน้าเดิม โดยในส่วนของประกันชีวิตในช่วงครึ่งปีแรก 2552 เอไอเอ หรือ บ. อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ จก. ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด 33.58% ด้วยเบี้ยรับตรงรวมทั้งสิ้น 40,050.184 ล้านบาท รองลงมาอันดับ 2 ยังคงเป็น บ. ไทยประกันชีวิต จก. ครองส่วนแบ่งไป 13.77% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 16,416.331 ล้านบาท เช่นเดียว อันดับ 3 ยังคงเป็น บ. เมืองไทยประกันชีวิต จก. ครองส่วนแบ่งไป 9.02% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 10,759.001 ล้านบาท, อันดับ 4 เป็นของ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต ครองส่วนแบ่งไป 8.03% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 9,580.643 ล้านบาท และดันดับ 5 เป็นของ บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต ครองส่วนแบ่งไป 8.01% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 9,548.742 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนประกันวินาศภัย ในช่วงครึ่งปีแรก 2552 อันดับ 1 ยังคงเป็น บ. วิริยะประกันภัย จก. ครองส่วนแบ่งสูงสุด 15.64% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 8,346.898 ล้านบาท รองลงมาอันดับ 2 เป็นของ บมจ.กรุงเทพประกันภัย ครองส่วนแบ่งไป 6.84% ด้วยเบี้ย รับตรงรวม 3,651.844 ล้านบาท, อันดับ 3 เป็นของบมจ.ทิพยประกัย ครองส่วนแบ่งไป 6.71% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 3,579.741 ล้านบาท, อันดับ 4 เป็นของบมจ.สินมั่นคงประกันภัย ครองส่วนแบ่งไป 4.54% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 2,423.994 ล้านบาท และอันดับ 5 บมจ.เมืองไทยประกันภัย จก. ครองส่วนแบ่งตลาดไป 3.83% ด้วยเบี้ยรับตรง รวม 2,045.950 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ จากผลงานที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจของธุรกิจประกันภัยในช่วงครึ่งปี แรก ก็ทำให้คปภ.ปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันปีนี้เป็น 9.6% หรือมีเบี้ยรับตรงรวมทั้งสิ้น 361,100 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยรับตรงจากธุรกิจประกันชีวิต 246,300 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10.3% และเบี้ยรับตรงจากประกันวินาศภัย 114,800 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 8%
จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้แค่ 6.9% มีเบี้ยรับตรงทั้งสิ้น 352,354 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยรับตรงประกันชีวิต 240,200 ล้านบาท เติบโตได้แค่ 7.54% และเบี้ยรับตรง จากประกันวินาศภัย 112,154 ล้านบาท เติบโตเพียง 5.6%
‘ชีวิต’กุม1.19แสนล้าน-‘วินาศภัย’ฮึดโตบวกเบี้ย5.3หมื่นล้าน
ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกัน ภัย (คปภ.) ระบุว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2552 (มกราคม-มิถุนายน 2552) ที่ผ่านมา ธุรกิจประกันภัยทั้งระบบ มีเบี้ยประกันภัยรับตรงทั้งสิ้น 172,628.805 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10.83% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 ที่มีเบี้ยรับตรงทั้งสิ้น 155,759.201 ล้านบาท
แบ่งเป็นเบี้ยประกันรับตรงจากธุรกิจประกันชีวิต 119,252.396 ล้านบาท เติบโต เพิ่มขึ้น 15.88% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 มีเบี้ยรับตรง 102,911.337 ล้าน บาท และเป็นเบี้ยประกันรับตรงจากธุรกิจประกันวินาศภัย 53,376.409 ล้านบาท เติบโต เพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 มีเบี้ยรับตรง 52,847.864 ล้านบาท
ทั้งนี้ในส่วนของธุรกิจประกันชีวิต เบี้ยรับตรงในช่วงครึ่งปีแรก 2552 นี้ แบ่งเป็น เบี้ยปีแรก (FYP) ทั้งสิ้น 27,380.175 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 24.47% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2551 ที่มีเบี้ยปีแรก 21,998.126 ล้านบาท เป็นเบี้ยต่ออายุ หรือ เบี้ยต่อไปจำนวน 79,765.723 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.22% เมื่อเทียบกับ 71,077.345 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเป็นเบี้ยชำระครั้งเดียว หรือซิงเกิล พรี เมี่ยม (Single Premium) จำนวน 12,106.498 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 23.09% เมื่อเทียบกับ 9,835.866 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2551 ที่ผ่านมา
ขณะที่เบี้ยรับตรงของธุรกิจประกันวินาศภัย ในช่วงครึ่งปีแรก 2552 แบ่งเป็นเบี้ยประกันอัคคีภัย 4,050.687 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.79% เบี้ยประกันภัยทางทะเลและขนส่ง (มารีน) 1,740.912 ล้านบาท ขยายตัวลดลง 16.25% เบี้ยประกันภัยรถ 31,961.762 ล้านบาท ขยายตัวลดลง 1.92% และการประกันภัยเบ็ดเตล็ดมีเบี้ยรับตรง 15,623.048 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.41%
สำหรับการแข่งขันในธุรกิจ ปรากฏว่า ในส่วนของอันดับท็อปเทนของตลาดยังคงหน้าเดิม โดยในส่วนของประกันชีวิตในช่วงครึ่งปีแรก 2552 เอไอเอ หรือ บ. อเมริกัน อินเตอร์แนชชั่นแนล แอสชัวรันส์ จก. ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดมากที่สุด 33.58% ด้วยเบี้ยรับตรงรวมทั้งสิ้น 40,050.184 ล้านบาท รองลงมาอันดับ 2 ยังคงเป็น บ. ไทยประกันชีวิต จก. ครองส่วนแบ่งไป 13.77% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 16,416.331 ล้านบาท เช่นเดียว อันดับ 3 ยังคงเป็น บ. เมืองไทยประกันชีวิต จก. ครองส่วนแบ่งไป 9.02% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 10,759.001 ล้านบาท, อันดับ 4 เป็นของ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต ครองส่วนแบ่งไป 8.03% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 9,580.643 ล้านบาท และดันดับ 5 เป็นของ บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต ครองส่วนแบ่งไป 8.01% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 9,548.742 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนประกันวินาศภัย ในช่วงครึ่งปีแรก 2552 อันดับ 1 ยังคงเป็น บ. วิริยะประกันภัย จก. ครองส่วนแบ่งสูงสุด 15.64% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 8,346.898 ล้านบาท รองลงมาอันดับ 2 เป็นของ บมจ.กรุงเทพประกันภัย ครองส่วนแบ่งไป 6.84% ด้วยเบี้ย รับตรงรวม 3,651.844 ล้านบาท, อันดับ 3 เป็นของบมจ.ทิพยประกัย ครองส่วนแบ่งไป 6.71% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 3,579.741 ล้านบาท, อันดับ 4 เป็นของบมจ.สินมั่นคงประกันภัย ครองส่วนแบ่งไป 4.54% ด้วยเบี้ยรับตรงรวม 2,423.994 ล้านบาท และอันดับ 5 บมจ.เมืองไทยประกันภัย จก. ครองส่วนแบ่งตลาดไป 3.83% ด้วยเบี้ยรับตรง รวม 2,045.950 ล้านบาท ตามลำดับ
ทั้งนี้ จากผลงานที่เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจของธุรกิจประกันภัยในช่วงครึ่งปี แรก ก็ทำให้คปภ.ปรับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของเบี้ยประกันปีนี้เป็น 9.6% หรือมีเบี้ยรับตรงรวมทั้งสิ้น 361,100 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยรับตรงจากธุรกิจประกันชีวิต 246,300 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 10.3% และเบี้ยรับตรงจากประกันวินาศภัย 114,800 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 8%
จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้แค่ 6.9% มีเบี้ยรับตรงทั้งสิ้น 352,354 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยรับตรงประกันชีวิต 240,200 ล้านบาท เติบโตได้แค่ 7.54% และเบี้ยรับตรง จากประกันวินาศภัย 112,154 ล้านบาท เติบโตเพียง 5.6%
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 93
ทยศรีฯปรับพอร์ตลงทุน เล่นหุ้นเพิ่มหลังตลาดกลับมาคึกคัก
หนังสือพิมพ์แนวหน้า สรุปข่าวหุ้น-การเงิน-ประกัน -- เสาร์ที่ 26 กันยายน 2009 09:42:43 น.
นางสาวนาตยา เศรษฐ์พิศาลศิลป์ ผู้จัดการสำนักลงทุนและบริหารทรัพย์สิน บริษัทไทยศรีประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มพอร์ตการลงทุนจาก 2,471 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคมเป็น 3,000 ล้านบาท โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเป็น 20% จากเดิม 14.86% เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัทได้ทยอยขายทำกำไรไปบางส่วน โดยเฉพาะหุ้นที่ถือยาวมาตั้งแต่ปลายปี 2551 หุ้นที่บริษัทลงทุนส่วนใหญ่หรือ 80% เป็นหุ้นกลุ่มประกัน เช่น กลุ่มหุ้นของบริษัททิพยประกันภัย ซึ่งให้เงินปันผลสูงถึง 8% ต่อปี และบริษัทไทยรับประกันภัยต่อที่เหลืออีก 20% เป็นการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น บริษัท ปตท.
หนังสือพิมพ์แนวหน้า สรุปข่าวหุ้น-การเงิน-ประกัน -- เสาร์ที่ 26 กันยายน 2009 09:42:43 น.
นางสาวนาตยา เศรษฐ์พิศาลศิลป์ ผู้จัดการสำนักลงทุนและบริหารทรัพย์สิน บริษัทไทยศรีประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า ช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมาบริษัทได้เพิ่มพอร์ตการลงทุนจาก 2,471 ล้านบาทในเดือนกรกฎาคมเป็น 3,000 ล้านบาท โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นเป็น 20% จากเดิม 14.86% เนื่องจากก่อนหน้านี้บริษัทได้ทยอยขายทำกำไรไปบางส่วน โดยเฉพาะหุ้นที่ถือยาวมาตั้งแต่ปลายปี 2551 หุ้นที่บริษัทลงทุนส่วนใหญ่หรือ 80% เป็นหุ้นกลุ่มประกัน เช่น กลุ่มหุ้นของบริษัททิพยประกันภัย ซึ่งให้เงินปันผลสูงถึง 8% ต่อปี และบริษัทไทยรับประกันภัยต่อที่เหลืออีก 20% เป็นการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น บริษัท ปตท.
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 94
http://www.ryt9.com/s/psum/641424/
BKIฟันกำไรขายหุ้น70ล. ปรับพอร์ตซื้อเพิ่มอีกที่620จุด-เบี้ยปีนี้โต4%
กรุงเทพประกันภัย
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวการเงิน-การคลัง-กองทุนรวม -- ศุกร์ที่ 4 กันยายน 2009 06:40:54 น.
กรุงเทพประกันภัย(BKI) ฟันกำไรจากการขายหุ้นกว่า 70 ล้านบาท หลังตลาดปรับตัวขึ้นกว่า 40% นับตั้งแต่ต้นปี คาดผลตอบแทนจากการลงทุนใกล้เคียงปีก่อนที่ 5.6% มองแนวโน้มตลาดหุ้นทรงตัวที่ 650 จุด โอกาสปรับลดมากกว่าขึ้น เล็งเข้าซื้อหุ้นอีกรอบหากดัชนีดิ่งต่ำกว่า 620 จุด ยอมรับเบี้ยรับรวมปีนี้โต 4% ต่ำกว่าเป้า เหตุเครมสูง เศรษฐกิจแย่
BKIฟันกำไรขายหุ้น70ล. ปรับพอร์ตซื้อเพิ่มอีกที่620จุด-เบี้ยปีนี้โต4%
กรุงเทพประกันภัย
หนังสือพิมพ์ข่าวหุ้น สรุปข่าวการเงิน-การคลัง-กองทุนรวม -- ศุกร์ที่ 4 กันยายน 2009 06:40:54 น.
กรุงเทพประกันภัย(BKI) ฟันกำไรจากการขายหุ้นกว่า 70 ล้านบาท หลังตลาดปรับตัวขึ้นกว่า 40% นับตั้งแต่ต้นปี คาดผลตอบแทนจากการลงทุนใกล้เคียงปีก่อนที่ 5.6% มองแนวโน้มตลาดหุ้นทรงตัวที่ 650 จุด โอกาสปรับลดมากกว่าขึ้น เล็งเข้าซื้อหุ้นอีกรอบหากดัชนีดิ่งต่ำกว่า 620 จุด ยอมรับเบี้ยรับรวมปีนี้โต 4% ต่ำกว่าเป้า เหตุเครมสูง เศรษฐกิจแย่
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 95
http://www.ryt9.com/s/psum/644411/
กรุงเทพประกันฯลุยตลาดมอเตอร์ เปิดช่องทางใหม่รับอุตสาหกรรมรถยนต์ปี'53 ฟื้น
กรุงเทพประกันภัย
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ สรุปข่าวตลาดเงิน-ทุน -- พุธที่ 9 กันยายน 2009 07:17:09 น.
กรุงเทพประกันภัยปรับ นโยบาย พร้อมลุยตลาดมอเตอร์อีกรอบ หลังชะลอพอร์ตไปร่วม 2 ปี เล็งผุดช่องทางใหม่เสริมทัพรับเทรนด์ตลาดฟื้นตัวปีหน้า ยันไม่ปรับเป้าเติบโตปีนี้ หลังประเมินแล้วเบี้ยอาจโตไม่ถึงแต่มั่นใจกำไรยังเท่าเดิม
กรุงเทพประกันฯลุยตลาดมอเตอร์ เปิดช่องทางใหม่รับอุตสาหกรรมรถยนต์ปี'53 ฟื้น
กรุงเทพประกันภัย
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ สรุปข่าวตลาดเงิน-ทุน -- พุธที่ 9 กันยายน 2009 07:17:09 น.
กรุงเทพประกันภัยปรับ นโยบาย พร้อมลุยตลาดมอเตอร์อีกรอบ หลังชะลอพอร์ตไปร่วม 2 ปี เล็งผุดช่องทางใหม่เสริมทัพรับเทรนด์ตลาดฟื้นตัวปีหน้า ยันไม่ปรับเป้าเติบโตปีนี้ หลังประเมินแล้วเบี้ยอาจโตไม่ถึงแต่มั่นใจกำไรยังเท่าเดิม
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 96
ไม่มีได้ไง...ทำกันทั้งนั้นkaweepapk เขียน: เป็นไปได้ไหมครับ ว่ารายได้ของการขายประกันผ่านแบงค์ก็คือค่า
คอมมิชชั่น ซึ่งการขายประกัน รถยนต์นั้น มีค่าคอมฯ ประมาณ 10%
แต่ประกันชีวิต ส่วนใหญ่ ได้ 40% ในปีแรก
SCB ก็ขายให้กับ SCSMG ไง
BAY ก็ขายให้กับ AYUD และ AACP ไงละครับ
เครือบังหลวงก็ขายให้กันอยู่แล้ว
เครือกสิกรฯ ก็มีขายให้กับเมืองไทย ภัทร ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 97
ประกันจ่ายหวัดพันธุ์ใหม่141ล้าน
วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552
บริษัทประกันจ่ายสินไหมผู้ป่วยไข้หวัด 2009 กว่า 7,000 ราย
นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า จากการรวบรวมยอดการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยกรณีเสียชีวิตจากการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ 2009 เอช1เอ็น1 ของลูกค้าบริษัทประกันชีวิต 21 บริษัท จนถึงวันที่ 23 ก.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 7,684 คน มีการจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 141.76 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นสินไหมในส่วนของค่ารักษาพยาบาลจำนวน 7,664 คน เป็นเงิน 132.08 ล้านบาท มีผู้เสียชีวิตจำนวน 16 คน มีการจ่ายสินไหมทดแทน 9.68 ล้านบาท
สำหรับบริษัทที่จ่ายสินไหมสูงสุด ได้แก่ บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ (เอไอเอ) สาขาประเทศไทย 54.24 ล้านบาท บริษัท ไทยประกันชีวิต 27.71 ล้านบาท บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต 14.32 ล้านบาท บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต 11.75 ล้านบาท และบริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต 10.82 ล้านบาท
ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานมีประมาณ 1.6 หมื่นคน ซึ่งเราตรวจสอบรายชื่อของผู้ติดเชื้อดูแล้ว เป็นผู้ที่ทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันชีวิตคิดเป็น 45.51% สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยสนใจทำประกันสุขภาพเพื่อดูแลตัวเองจำนวนมาก ช่วยให้โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท ไม่ต้องมารับภาระค่าใช้จ่าย นางบุษรา กล่าว
นอกจากนี้ หากมีมาตรการ ออกมากระตุ้นเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนที่กำลังดูแลตัวเองหันมาทำประกันสุขภาพ จะทำให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนได้มาก เช่น การลดหย่อนภาษีประกันสุขภาพ เช่น ประเทศอื่นๆ จะทำให้ประชาชนหันทำประกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ทำหนังสือขอลดหย่อนภาษีไปถึงกรมสรรพากร ให้นำเบี้ยประกันสุขภาพไปหักลดหย่อนภาษีได้ปีละ 5 หมื่นบาท
http://www.posttoday.com/finance.php?id=69110
วันพุธที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2552
บริษัทประกันจ่ายสินไหมผู้ป่วยไข้หวัด 2009 กว่า 7,000 ราย
นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยว่า จากการรวบรวมยอดการเรียกร้องค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยกรณีเสียชีวิตจากการป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ 2009 เอช1เอ็น1 ของลูกค้าบริษัทประกันชีวิต 21 บริษัท จนถึงวันที่ 23 ก.ย. มีจำนวนทั้งสิ้น 7,684 คน มีการจ่ายไปแล้วทั้งสิ้น 141.76 ล้านบาท
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นสินไหมในส่วนของค่ารักษาพยาบาลจำนวน 7,664 คน เป็นเงิน 132.08 ล้านบาท มีผู้เสียชีวิตจำนวน 16 คน มีการจ่ายสินไหมทดแทน 9.68 ล้านบาท
สำหรับบริษัทที่จ่ายสินไหมสูงสุด ได้แก่ บริษัท อเมริกันอินเตอร์แนชชั่นแนลแอสชัวรันส์ (เอไอเอ) สาขาประเทศไทย 54.24 ล้านบาท บริษัท ไทยประกันชีวิต 27.71 ล้านบาท บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต 14.32 ล้านบาท บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต 11.75 ล้านบาท และบริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต 10.82 ล้านบาท
ตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่กระทรวงสาธารณสุขรายงานมีประมาณ 1.6 หมื่นคน ซึ่งเราตรวจสอบรายชื่อของผู้ติดเชื้อดูแล้ว เป็นผู้ที่ทำประกันสุขภาพกับบริษัทประกันชีวิตคิดเป็น 45.51% สะท้อนให้เห็นว่าคนไทยสนใจทำประกันสุขภาพเพื่อดูแลตัวเองจำนวนมาก ช่วยให้โครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้า 30 บาท ไม่ต้องมารับภาระค่าใช้จ่าย นางบุษรา กล่าว
นอกจากนี้ หากมีมาตรการ ออกมากระตุ้นเพื่อสนับสนุนให้ประชาชนที่กำลังดูแลตัวเองหันมาทำประกันสุขภาพ จะทำให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพของประชาชนได้มาก เช่น การลดหย่อนภาษีประกันสุขภาพ เช่น ประเทศอื่นๆ จะทำให้ประชาชนหันทำประกันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันได้ทำหนังสือขอลดหย่อนภาษีไปถึงกรมสรรพากร ให้นำเบี้ยประกันสุขภาพไปหักลดหย่อนภาษีได้ปีละ 5 หมื่นบาท
http://www.posttoday.com/finance.php?id=69110
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 98
บริษัทประกันภัยและประกันชีวิตนั้น ผลตอบแทนที่ทำได้ จะมี 2 ด้าน โดยเฉพาะด้านที่สำคัญคือ นำเงิน โฟร์ท จากค่าเบี้ยประกัน ที่รับเป็นเงินสดมาก่อน แล้ว นำมาลงทุนในตราสารการเงิน ตราสารหนี้ และตราสารทุน
ตราสารการเงิน ก็คงขึ้นอยู่กับว่า ลงทุนเงินฝากประจำ ตั๋วเงิน หรือตั๋วเงินคงคลัง ซึ่งมีอายุไม่ถึง 1 ปี พวกนี้ส่วนใหญ่ ก็ไม่ต้องมาร์กทูมาร์เก็ต เพราะเป็นเงินลงทุนระยะสั้นมาก ผลตอบแทนจึงได้กันน้อยนิด อยู่ในช่วง ไม่เกินร้อยละ 2 เป็นส่วนใหญ่ แต่ประโยชน์สำคัญคือ เงินต้นไม่หาย
ตราสารหนี้ ก็คงต้องถือยาวหน่อย ส่วนใหญ่ ก็จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ภาคเอกชน เป็นต้น พวกนี้ต้อง มาร์กทูมาร์เก็ต ซึ่งจะเกิดผล 2 ด้านคือ
ถ้าเป็นตราสารเพื่อค้า หรือ เผื่อขาย พวกนี้มาร์กทูมาร์เก็ตแล้ว ต้องผ่านไปที่งบกำไรขาดทุนด้วย จึงเกิดกำไรและขาดทุนเกิดขึ้นระหว่างงวด
แต่หากถือจนครบกำหนด เมื่อมาร์กทูมาร์เก็ตแล้ว ส่วนต่างก็จะไปลงทุนในงบกำไรสะสม ไม่ผ่านไปที่งบกำไรขาดทุน ทำให้ไม่เห็นผลการขาดทุนชัดเจน แต่จะไปสะท้อนที่ มูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ปรับลดลง
ใครถือ พอร์ต พันธบัตรรัฐบาลในงวดนี้กระทบอย่างไร เป็นกำไรขาดทุนในงวดนี้ หรือ ไปปรับกับมูลค่าการลงทุนในตราสารหนี้ที่กระทบกับมูลค่าหุ้นทางบัญชี
ตัววัดหนึ่ง ก็คือคงต้องดูที่ Government Bond Yield Curve
ถ้า Yield Curve มีแนวโน้มสูงขึ้น ก็จะไปกระทบกับ มูลค่าของพันธบัตรที่จะปรับลดลง เนื่องจากผู้ลงทุนในตลาดต้องการดอกเบี้ยในแต่ละช่วงอายุสูงขึ้น ทำให้ราคาพันธบัตรลดลง
ทำนองเดียวกัน ถ้า Yield Curve ต่ำลง มูลค่าของพันธบัตรก็จะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผู้ลงทุนในตลาดยินดีจ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำลงในแต่ละช่วงอายุ เนื่องจากคาดการณ์ดอกเบี้ยในอนาคตมีแนวโน้มต่ำลง เป็นต้น ทำให้พันธบัตรที่มีดอกเบี้ยคงที่ มีราคาพันธบัตรที่สูงขึ้น
ตรงนี้ เราต้องนำข้อมูลนี้ไปดูกับพอร์ตลงทุนของประกันภัยและประกันชีวิต ซึ่งเป็นผู้เล่นหลักในตราสารพวกนี้ และมีสัดส่วนการลงทุนที่ค่อนข้างสูงครับ
ข้อมูล Yield Curve ดูได้จาก เวปนี้
http://www.thaibma.or.th/yieldcurve/YieldTTM.aspx
สำหรับข้อมูลใน 2 ช่วงเวลาเพื่อใช้เปรียบเทียบกันในงวดนี้เป็นดังนี้ครับ
ณ 30 กันยายน 2552 เปรียบเทียบกับ 30 มิถุนายน 2552
เห็นได้ชัดเจนว่า ปรับตัวสูงขึ้นหลายช่วงอายุครับ
TTM (Yrs.) Yield (%) TM (Yrs.) Yield (%)
0.08 1.11 0.08 1.09
0.25 1.22 0.25 1.17
0.50 1.38 0.50 1.29
1 1.58 1 1.47
2 2.05 2 2.08
3 2.57 3 2.64
4 3.04 4 3.04
5 3.38 5 3.13
6 3.59 6 3.40
7 3.75 7 3.52
8 3.96 8 3.64
9 4.06 9 3.72
10 4.18 10 3.80
11 4.44 11 4.06
12 4.56 12 4.22
13 4.58 13 4.27
14 4.63 14 4.40
15 4.64 15 4.48
16 4.66 16 4.54
17 4.68 17 4.60
18 4.70 18 4.65
19 4.71 19 4.70
20 4.72 20 4.71
21 4.72 21 4.73
22 4.73 22 4.75
23 4.74 23 4.77
24 4.75 24 4.78
25 4.76 25 4.80
26 4.77 26 4.82
27 4.77 27 4.84
28 4.78 28 4.85
29 4.81 29 4.88
ตราสารการเงิน ก็คงขึ้นอยู่กับว่า ลงทุนเงินฝากประจำ ตั๋วเงิน หรือตั๋วเงินคงคลัง ซึ่งมีอายุไม่ถึง 1 ปี พวกนี้ส่วนใหญ่ ก็ไม่ต้องมาร์กทูมาร์เก็ต เพราะเป็นเงินลงทุนระยะสั้นมาก ผลตอบแทนจึงได้กันน้อยนิด อยู่ในช่วง ไม่เกินร้อยละ 2 เป็นส่วนใหญ่ แต่ประโยชน์สำคัญคือ เงินต้นไม่หาย
ตราสารหนี้ ก็คงต้องถือยาวหน่อย ส่วนใหญ่ ก็จะลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ภาคเอกชน เป็นต้น พวกนี้ต้อง มาร์กทูมาร์เก็ต ซึ่งจะเกิดผล 2 ด้านคือ
ถ้าเป็นตราสารเพื่อค้า หรือ เผื่อขาย พวกนี้มาร์กทูมาร์เก็ตแล้ว ต้องผ่านไปที่งบกำไรขาดทุนด้วย จึงเกิดกำไรและขาดทุนเกิดขึ้นระหว่างงวด
แต่หากถือจนครบกำหนด เมื่อมาร์กทูมาร์เก็ตแล้ว ส่วนต่างก็จะไปลงทุนในงบกำไรสะสม ไม่ผ่านไปที่งบกำไรขาดทุน ทำให้ไม่เห็นผลการขาดทุนชัดเจน แต่จะไปสะท้อนที่ มูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ปรับลดลง
ใครถือ พอร์ต พันธบัตรรัฐบาลในงวดนี้กระทบอย่างไร เป็นกำไรขาดทุนในงวดนี้ หรือ ไปปรับกับมูลค่าการลงทุนในตราสารหนี้ที่กระทบกับมูลค่าหุ้นทางบัญชี
ตัววัดหนึ่ง ก็คือคงต้องดูที่ Government Bond Yield Curve
ถ้า Yield Curve มีแนวโน้มสูงขึ้น ก็จะไปกระทบกับ มูลค่าของพันธบัตรที่จะปรับลดลง เนื่องจากผู้ลงทุนในตลาดต้องการดอกเบี้ยในแต่ละช่วงอายุสูงขึ้น ทำให้ราคาพันธบัตรลดลง
ทำนองเดียวกัน ถ้า Yield Curve ต่ำลง มูลค่าของพันธบัตรก็จะปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผู้ลงทุนในตลาดยินดีจ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำลงในแต่ละช่วงอายุ เนื่องจากคาดการณ์ดอกเบี้ยในอนาคตมีแนวโน้มต่ำลง เป็นต้น ทำให้พันธบัตรที่มีดอกเบี้ยคงที่ มีราคาพันธบัตรที่สูงขึ้น
ตรงนี้ เราต้องนำข้อมูลนี้ไปดูกับพอร์ตลงทุนของประกันภัยและประกันชีวิต ซึ่งเป็นผู้เล่นหลักในตราสารพวกนี้ และมีสัดส่วนการลงทุนที่ค่อนข้างสูงครับ
ข้อมูล Yield Curve ดูได้จาก เวปนี้
http://www.thaibma.or.th/yieldcurve/YieldTTM.aspx
สำหรับข้อมูลใน 2 ช่วงเวลาเพื่อใช้เปรียบเทียบกันในงวดนี้เป็นดังนี้ครับ
ณ 30 กันยายน 2552 เปรียบเทียบกับ 30 มิถุนายน 2552
เห็นได้ชัดเจนว่า ปรับตัวสูงขึ้นหลายช่วงอายุครับ
TTM (Yrs.) Yield (%) TM (Yrs.) Yield (%)
0.08 1.11 0.08 1.09
0.25 1.22 0.25 1.17
0.50 1.38 0.50 1.29
1 1.58 1 1.47
2 2.05 2 2.08
3 2.57 3 2.64
4 3.04 4 3.04
5 3.38 5 3.13
6 3.59 6 3.40
7 3.75 7 3.52
8 3.96 8 3.64
9 4.06 9 3.72
10 4.18 10 3.80
11 4.44 11 4.06
12 4.56 12 4.22
13 4.58 13 4.27
14 4.63 14 4.40
15 4.64 15 4.48
16 4.66 16 4.54
17 4.68 17 4.60
18 4.70 18 4.65
19 4.71 19 4.70
20 4.72 20 4.71
21 4.72 21 4.73
22 4.73 22 4.75
23 4.74 23 4.77
24 4.75 24 4.78
25 4.76 25 4.80
26 4.77 26 4.82
27 4.77 27 4.84
28 4.78 28 4.85
29 4.81 29 4.88
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 99
แต่พอร์ตใด ลงทุนในตราสารทุนในงวดนี้ และหากลง บลูชิฟ ค่อนข้างมาก เป็นต้น
ผลก็จะแตกต่างกันคือ
ดัชนี เซท ณ สิ้นปี 51 อยู่ที่ 449.96
เซท 50 อยู่ที่ 316.45
ณ มี.ค. 52 เซท อยู่ที่ 431.50
เซท 50 อยู่ที่ 300.20
จะเห็นได้ว่า ไตรมาส 1 หลาย ๆ แห่งจะมีผลขาดทุนจากตราสารทุนเพิ่มขึ้น เพราะ ดัชนีปรับลดลง เว้นแต่มีบางส่วนที่ถือต้นทุนถูกและขายออกไปบ้างจะมีกำไรเกิดขึ้น
แต่พอผ่านมาอีก 1 ไตรมาส
เซทอยู่ที่ 597.48
เซท 50 อยู่ที่ 430.35
พอร์ตใครถือต่อเนื่อง ไตรมาสที่ 2 ก็จะพบว่า พลิกฟื้นขึ้นมากเลยครับ เพราะ ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นมาก และสูงกว่สิ้นปี 51 ที่ผ่านมามากครับ เกือบร้อยละ 20 ทีเดียว
แต่พอผ่านไตรมาส 3 ซึ่งเป็นไตรมาสล่าสุดเมื่อวานนี้
เซทอยู่ที่ 717.07 เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.01 เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 2 ปี 52
และเซท 50 อยู่ที่ 511.52 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.86 เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 2 ปี 52
ดังนี้น ก็คงคาดการณ์ได้ว่า หากพอร์ตของประกันใด ถือหุ้นในสัดส่วนที่สูง และไม่ค่อยได้เทรดหุ้นด้วย คือ ถือระยะยาว ต้องไปดูในงบกระแสเงินสดของแต่ละไตรมาส จะพบข้อมูลการเทรดตรงนี้ครับ
แบบนี้เราก็คาดว่า ถ้ามีการเทรดเพิ่มในไตรมาสนี้ คือขายหุ้นออกไปบ้าง หรือ เก็บลงทุนระยะยาวต่อ พวกนี้ก็จะไปเพิ่มที่กำไรสะสม และจะทำให้มูลค่าหุ้นทางบัญชีที่สูงขึ้นตามไปด้วย
ก็ลองไปเช็คพอร์ตการลงทุนของประกันภัยและประกันชีวิตกันดูนะครับ
ผลก็จะแตกต่างกันคือ
ดัชนี เซท ณ สิ้นปี 51 อยู่ที่ 449.96
เซท 50 อยู่ที่ 316.45
ณ มี.ค. 52 เซท อยู่ที่ 431.50
เซท 50 อยู่ที่ 300.20
จะเห็นได้ว่า ไตรมาส 1 หลาย ๆ แห่งจะมีผลขาดทุนจากตราสารทุนเพิ่มขึ้น เพราะ ดัชนีปรับลดลง เว้นแต่มีบางส่วนที่ถือต้นทุนถูกและขายออกไปบ้างจะมีกำไรเกิดขึ้น
แต่พอผ่านมาอีก 1 ไตรมาส
เซทอยู่ที่ 597.48
เซท 50 อยู่ที่ 430.35
พอร์ตใครถือต่อเนื่อง ไตรมาสที่ 2 ก็จะพบว่า พลิกฟื้นขึ้นมากเลยครับ เพราะ ดัชนีปรับตัวสูงขึ้นมาก และสูงกว่สิ้นปี 51 ที่ผ่านมามากครับ เกือบร้อยละ 20 ทีเดียว
แต่พอผ่านไตรมาส 3 ซึ่งเป็นไตรมาสล่าสุดเมื่อวานนี้
เซทอยู่ที่ 717.07 เพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.01 เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 2 ปี 52
และเซท 50 อยู่ที่ 511.52 เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.86 เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 2 ปี 52
ดังนี้น ก็คงคาดการณ์ได้ว่า หากพอร์ตของประกันใด ถือหุ้นในสัดส่วนที่สูง และไม่ค่อยได้เทรดหุ้นด้วย คือ ถือระยะยาว ต้องไปดูในงบกระแสเงินสดของแต่ละไตรมาส จะพบข้อมูลการเทรดตรงนี้ครับ
แบบนี้เราก็คาดว่า ถ้ามีการเทรดเพิ่มในไตรมาสนี้ คือขายหุ้นออกไปบ้าง หรือ เก็บลงทุนระยะยาวต่อ พวกนี้ก็จะไปเพิ่มที่กำไรสะสม และจะทำให้มูลค่าหุ้นทางบัญชีที่สูงขึ้นตามไปด้วย
ก็ลองไปเช็คพอร์ตการลงทุนของประกันภัยและประกันชีวิตกันดูนะครับ
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
-
- Verified User
- โพสต์: 2545
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 101
คุณkewin
1. ประชากรที่ทำประกันภัยยังคงมีสัดส่วนน้อยอยู่มาก
ประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมดกว่า 60 คนเท่านั้น ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว ทำประกันชีวิตในสัดส่วนมากกว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็มีครับ ดังนั้น ยังมีโอกาสขยายเพิ่มได้อีกมาก
2. ประกันชีวิต เน้นการออมเงินด้วย ทำให้มีผลตอบแทนจากการออมเงินผ่านประกันชีวิต ยิ่งภาวะดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ๆ เช่นนี้ ทำให้มีความนิยมซื้อประกันชีวิตมากขึ้น
3. สังคมไทยเข้าสู่สังคมวัยชรามากขึ้น ทำให้มีความจำเป็นต้องทำประกันชีวิต โดยเฉพาะประกันแบบบำนาญ ซึ่งน่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นครับ
สำหรับประกันภัยที่ในขณะนี้เติบโตน้อยกว่า เพราะธุรกิจเป็นวัฏจักรเหมือนกับการทำธูรกิจครับ หากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี คนซื้อบ้านน้อยลง ก็ทำประกันอัคคีภัยไม่มาก คนนำเข้าส่งออกน้อยลง เพราะปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ก็ทำให้การประกันภัยทางทะเลลดลง การลงทุนของภาคเอกชนขยายตัวน้อยลง ก็ซื้อทรัพย์สินเพื่อลงทุนน้อย ก็ทำให้ประกันภัยเบ็ดเตล็ด พวก ประกันเครื่องจักร ลดลงเป็นต้น
แต่เมื่อเศรษฐกิจพลิกฟื้นขึ้นมาได้ จากการหนุนโครงการขนาดใหญ่ การกระตุ้นการให้สินเชื่อจากสินเชื่อภาครัฐเข้ามากระตุ้น ก็อาจทำให้ประกันวินาศภัยเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้มากขึ้นครับ
ดังนั้น การประกันวินาศภัยจะเป็นตัวตามเศรษฐกิจพอควรครับ จึงต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจประกอบด้วย
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจประกันชีวิตและวินาศภัย ยังมีส่วนรายได้ของการบริหารเงินทุน และการปรับราคาเบี้ยประกันภัยที่สะท้อนคุณภาพมากขึ้น ก็น่าจะประคองผลประกอบการให้ผ่านวิกฤตตรงนี้ไปได้บ้างครับ เว้นแต่พวกที่ได้รับผลกระทบหนัก ๆ เมื่อปีที่แล้ว ก็อาจต้องใช้เวลาพลิกฟื้นหน่อยครับ เพราะจะต้องล้างขาดทุนเมื่อปีที่แล้วให้หมดก่อนครับ :lol:
การเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตจะเติบโตในช่วงนี้มากกว่า เพราะมีปัจจัยสนับสนุนคือขอถามคุณ chaitorn หน่อยครับ
สาเหตุที่ประกับชีวิตจะเติบโตมากกว่าประกันภัยคืออะไร
เพราะว่าประกันชีวิตจ่ายเบี้ยสม่ำเสมอในปีต่อๆไปมากกว่า
ประกันภัยหรือว่าคนในประเทศทำประกันชีวิตน้อยกว่าประกันภัย
1. ประชากรที่ทำประกันภัยยังคงมีสัดส่วนน้อยอยู่มาก
ประมาณ 20% ของประชากรทั้งหมดกว่า 60 คนเท่านั้น ในขณะที่ประเทศพัฒนาแล้ว ทำประกันชีวิตในสัดส่วนมากกว่า ร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็มีครับ ดังนั้น ยังมีโอกาสขยายเพิ่มได้อีกมาก
2. ประกันชีวิต เน้นการออมเงินด้วย ทำให้มีผลตอบแทนจากการออมเงินผ่านประกันชีวิต ยิ่งภาวะดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ ๆ เช่นนี้ ทำให้มีความนิยมซื้อประกันชีวิตมากขึ้น
3. สังคมไทยเข้าสู่สังคมวัยชรามากขึ้น ทำให้มีความจำเป็นต้องทำประกันชีวิต โดยเฉพาะประกันแบบบำนาญ ซึ่งน่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นครับ
สำหรับประกันภัยที่ในขณะนี้เติบโตน้อยกว่า เพราะธุรกิจเป็นวัฏจักรเหมือนกับการทำธูรกิจครับ หากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี คนซื้อบ้านน้อยลง ก็ทำประกันอัคคีภัยไม่มาก คนนำเข้าส่งออกน้อยลง เพราะปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ก็ทำให้การประกันภัยทางทะเลลดลง การลงทุนของภาคเอกชนขยายตัวน้อยลง ก็ซื้อทรัพย์สินเพื่อลงทุนน้อย ก็ทำให้ประกันภัยเบ็ดเตล็ด พวก ประกันเครื่องจักร ลดลงเป็นต้น
แต่เมื่อเศรษฐกิจพลิกฟื้นขึ้นมาได้ จากการหนุนโครงการขนาดใหญ่ การกระตุ้นการให้สินเชื่อจากสินเชื่อภาครัฐเข้ามากระตุ้น ก็อาจทำให้ประกันวินาศภัยเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้มากขึ้นครับ
ดังนั้น การประกันวินาศภัยจะเป็นตัวตามเศรษฐกิจพอควรครับ จึงต้องติดตามภาวะเศรษฐกิจประกอบด้วย
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจประกันชีวิตและวินาศภัย ยังมีส่วนรายได้ของการบริหารเงินทุน และการปรับราคาเบี้ยประกันภัยที่สะท้อนคุณภาพมากขึ้น ก็น่าจะประคองผลประกอบการให้ผ่านวิกฤตตรงนี้ไปได้บ้างครับ เว้นแต่พวกที่ได้รับผลกระทบหนัก ๆ เมื่อปีที่แล้ว ก็อาจต้องใช้เวลาพลิกฟื้นหน่อยครับ เพราะจะต้องล้างขาดทุนเมื่อปีที่แล้วให้หมดก่อนครับ :lol:
Circle of competence
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
I don't think it's as difficult to figure out competence as it may appear.
If you're 5-foot-2, you don't have much future in the NBA.
What I need to get ahead is to be better than idiots.
Charlie Munger
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 102
เห็น BLA เข้าตลาดแล้ว น่าสนใจมั้ยครับ
นานๆ จะเห็นมีประกันชีวิตเข้ามาสักตัว :lol:
ความเห็นส่วนตัวว่าประกันภัยมันมีสาขาย่อยเช่น วินาศภัย อัคคีภัย รถยนต์เป็นต้น โดยที่รถยนต์เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด แต่แข่งขันกันรุนแรงที่สุด กำไรน้อยที่สุดและเป็นสินค้า commodity ไปแล้วครับ ส่วนอื่นๆ ยังเป็นตลาดขนาดเล็กที่มีกำไรสูง (ลองดูในงบ แยกตามกลุ่มได้ครับ เทียบ claim ratio ดูได้ครับ) ดูประกันภัยต้องดูพอร์ทของเบี้ยประกันตามกลุ่มด้วยนะครับ
นานๆ จะเห็นมีประกันชีวิตเข้ามาสักตัว :lol:
ความเห็นส่วนตัวว่าประกันภัยมันมีสาขาย่อยเช่น วินาศภัย อัคคีภัย รถยนต์เป็นต้น โดยที่รถยนต์เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด แต่แข่งขันกันรุนแรงที่สุด กำไรน้อยที่สุดและเป็นสินค้า commodity ไปแล้วครับ ส่วนอื่นๆ ยังเป็นตลาดขนาดเล็กที่มีกำไรสูง (ลองดูในงบ แยกตามกลุ่มได้ครับ เทียบ claim ratio ดูได้ครับ) ดูประกันภัยต้องดูพอร์ทของเบี้ยประกันตามกลุ่มด้วยนะครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 104
ผมให้ข้อมูลเพิ่มเติมล่ะกันครับ
ตอนนี้ไม่ใช่ เบี้ยประกันรถยนต์เป็นตลาดใหญ่ที่สุดแล้ว
แต่เป็นเบี้ยประกันภัยส่วนบุคคลและเบี้ยประกันภัยสุขภาพ
ที่อยู่ในหมวดเบ็ดเตร็ด ครับ
เพราะการเติบโตแบบก้าวกระโดดมากๆ
ผมเลยมีความสงสัยว่า คปภ ยังไม่ออกกฏที่แยกเจ้าสองตัวที่ว่าออกจากหมวดเบ็ดเตร็ดซักที เพื่อที่ทำให้เห็นชัดเจนว่า บริษัทโตจากหมวดไหนกันแน่นอน
เบี้ยประกันสุขภาพและเบี้ยประกันภัยส่วนบุคคลนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถทำักับกรมธรรม์ประกันชีวิตได้ด้วย เพราะเป็นส่วนเพิ่มเติมในสัญญา
สัญญาดังกล่าวเป็นประเภทสลักหลังเพิ่มเติม จ่ายปีต่อปี ไม่เหมืนอตัวกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่จ่ายแล้วก็จ่ายต่อไปจนครบอายุตามสัญญา (ไม่คิดกรณีเวนคืนก่อน และ กรณีที่จ่ายแบบครั้งเดียวจบ)
ตอนนี้ไม่ใช่ เบี้ยประกันรถยนต์เป็นตลาดใหญ่ที่สุดแล้ว
แต่เป็นเบี้ยประกันภัยส่วนบุคคลและเบี้ยประกันภัยสุขภาพ
ที่อยู่ในหมวดเบ็ดเตร็ด ครับ
เพราะการเติบโตแบบก้าวกระโดดมากๆ
ผมเลยมีความสงสัยว่า คปภ ยังไม่ออกกฏที่แยกเจ้าสองตัวที่ว่าออกจากหมวดเบ็ดเตร็ดซักที เพื่อที่ทำให้เห็นชัดเจนว่า บริษัทโตจากหมวดไหนกันแน่นอน
เบี้ยประกันสุขภาพและเบี้ยประกันภัยส่วนบุคคลนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถทำักับกรมธรรม์ประกันชีวิตได้ด้วย เพราะเป็นส่วนเพิ่มเติมในสัญญา
สัญญาดังกล่าวเป็นประเภทสลักหลังเพิ่มเติม จ่ายปีต่อปี ไม่เหมืนอตัวกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่จ่ายแล้วก็จ่ายต่อไปจนครบอายุตามสัญญา (ไม่คิดกรณีเวนคืนก่อน และ กรณีที่จ่ายแบบครั้งเดียวจบ)
-
- Verified User
- โพสต์: 1598
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 105
คุณ miracle หมายถึงภาคประกันภัยของตลาดรวมหรือเฉพาะ SMK ที่โตจากเบี้ยประกันภัยส่วนบุคคลและเบี้ยประกันภัยสุขภาพคับmiracle เขียน:ผมให้ข้อมูลเพิ่มเติมล่ะกันครับ
ตอนนี้ไม่ใช่ เบี้ยประกันรถยนต์เป็นตลาดใหญ่ที่สุดแล้ว
แต่เป็นเบี้ยประกันภัยส่วนบุคคลและเบี้ยประกันภัยสุขภาพ
ที่อยู่ในหมวดเบ็ดเตร็ด ครับ
เพราะการเติบโตแบบก้าวกระโดดมากๆ
ผมเลยมีความสงสัยว่า คปภ ยังไม่ออกกฏที่แยกเจ้าสองตัวที่ว่าออกจากหมวดเบ็ดเตร็ดซักที เพื่อที่ทำให้เห็นชัดเจนว่า บริษัทโตจากหมวดไหนกันแน่นอน
เบี้ยประกันสุขภาพและเบี้ยประกันภัยส่วนบุคคลนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถทำักับกรมธรรม์ประกันชีวิตได้ด้วย เพราะเป็นส่วนเพิ่มเติมในสัญญา
สัญญาดังกล่าวเป็นประเภทสลักหลังเพิ่มเติม จ่ายปีต่อปี ไม่เหมืนอตัวกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่จ่ายแล้วก็จ่ายต่อไปจนครบอายุตามสัญญา (ไม่คิดกรณีเวนคืนก่อน และ กรณีที่จ่ายแบบครั้งเดียวจบ)
อย่ามัวติดกับเรื่องในอดีต กังวลกับเรื่องในอนาคต จนลืมว่าปัจจุบันต้องทำอะไร
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 106
ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลโดยรวมครับกุหลาบงามหลังฝน เขียน: คุณ miracle หมายถึงภาคประกันภัยของตลาดรวมหรือเฉพาะ SMK ที่โตจากเบี้ยประกันภัยส่วนบุคคลและเบี้ยประกันภัยสุขภาพคับ
ไม่เจาะจงบริัษัทใดบริษัทหนึ่ง
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 107
ลืมให้ข้อมูลเพิ่มเติมไปนิดหน่อย
ตั้งแต่มีไข้หวัด 2009 ระบาดนั้น
ประชาชนซื้อประกันประเภทสุภาพเพิ่มเิติมขึ้นกว่าเดิม
ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายรักษามีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี
และค่าห้องพักรักษาภายในโรงพยาบาลก็มีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้นทุกปีครับ
นั้นคือ ประชาชนหันมาใส่ใจซื้อประกันประเภทนี้มากขึ้น
และ โรงพยาบาลหรือสถานที่พยาบาลก็ขึ้นราคาด้วย
เป็นเหตุผลที่ทำใ้หตัวนี้โตครับ
ตั้งแต่มีไข้หวัด 2009 ระบาดนั้น
ประชาชนซื้อประกันประเภทสุภาพเพิ่มเิติมขึ้นกว่าเดิม
ประกอบกับ ค่าใช้จ่ายรักษามีแนวโน้มที่เพิ่มสูงขึ้นทุกปี
และค่าห้องพักรักษาภายในโรงพยาบาลก็มีแนวโน้มที่ปรับตัวขึ้นทุกปีครับ
นั้นคือ ประชาชนหันมาใส่ใจซื้อประกันประเภทนี้มากขึ้น
และ โรงพยาบาลหรือสถานที่พยาบาลก็ขึ้นราคาด้วย
เป็นเหตุผลที่ทำใ้หตัวนี้โตครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 108
ไม่น่าจะขนาดนั้นนะครับmiracle เขียน:ผมให้ข้อมูลเพิ่มเติมล่ะกันครับ
ตอนนี้ไม่ใช่ เบี้ยประกันรถยนต์เป็นตลาดใหญ่ที่สุดแล้ว
แต่เป็นเบี้ยประกันภัยส่วนบุคคลและเบี้ยประกันภัยสุขภาพ
ที่อยู่ในหมวดเบ็ดเตร็ด ครับ
เพราะการเติบโตแบบก้าวกระโดดมากๆ
ผมเลยมีความสงสัยว่า คปภ ยังไม่ออกกฏที่แยกเจ้าสองตัวที่ว่าออกจากหมวดเบ็ดเตร็ดซักที เพื่อที่ทำให้เห็นชัดเจนว่า บริษัทโตจากหมวดไหนกันแน่นอน
เบี้ยประกันสุขภาพและเบี้ยประกันภัยส่วนบุคคลนี้ ประชาชนทั่วไปสามารถทำักับกรมธรรม์ประกันชีวิตได้ด้วย เพราะเป็นส่วนเพิ่มเติมในสัญญา
สัญญาดังกล่าวเป็นประเภทสลักหลังเพิ่มเติม จ่ายปีต่อปี ไม่เหมืนอตัวกรมธรรม์ประกันชีวิต ที่จ่ายแล้วก็จ่ายต่อไปจนครบอายุตามสัญญา (ไม่คิดกรณีเวนคืนก่อน และ กรณีที่จ่ายแบบครั้งเดียวจบ)
ประกันภัยรถยนต์ ใหญ่มากๆ แม้ว่าประกันภัยเบ็ดเตล็ด จะโตขึ้นมามาก
แต่ก็ไม่น่าจะแซงกันได้ง่ายๆ มีตัวเลขแสดงให้ดูหน่อยไหมครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 109
สำหรับ SMK พบว่า เบี้ยเบ็ดเตล็ดแม้จะโตขึ้น แต่ก็มีสัดส่วนเพียงแค่ 10 เปอร์เซนต์ ของยอดรวมเท่านั้นเอง
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ ยังครองส่วนแบ่งเกือบ 90 เปอร์เซนต์ มีส่วนเล็กน้อยราว 2 เปอร์เซนต์เป็นประกันอัคคีภัย
ที่ SMK มีรายได้เบี้ยประกันภัย สูงขึ้นมาก
น่าจะมาจาก 2 เรื่อง คือ
1. เปิดตลาดใหม่คือ ประกันภัย 3 พลัส .... ที่คนต้องการประหยัดจะมาทำกันมาก เพราะ เบี้ยประกันถูกลงราวครึ่งหนึ่ง
2. สัมพันธ์ประกันภัย ซึ่งเคยใหญ่ได้ล้มหายตายจากไป ทำให้ลูกค้าจำนวนไม่น้อยวิ่งไปหา สินมั่นคงแทนครับ
เบี้ยประกันภัยรถยนต์ ยังครองส่วนแบ่งเกือบ 90 เปอร์เซนต์ มีส่วนเล็กน้อยราว 2 เปอร์เซนต์เป็นประกันอัคคีภัย
ที่ SMK มีรายได้เบี้ยประกันภัย สูงขึ้นมาก
น่าจะมาจาก 2 เรื่อง คือ
1. เปิดตลาดใหม่คือ ประกันภัย 3 พลัส .... ที่คนต้องการประหยัดจะมาทำกันมาก เพราะ เบี้ยประกันถูกลงราวครึ่งหนึ่ง
2. สัมพันธ์ประกันภัย ซึ่งเคยใหญ่ได้ล้มหายตายจากไป ทำให้ลูกค้าจำนวนไม่น้อยวิ่งไปหา สินมั่นคงแทนครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 110
ผมให้ข้อมูลเพิ่มเติมล่ะกัน
ถ้าเป็นหน่วยงานนี้คงไม่มีอะไรต้องกล่าวอีกแล้วล่ะครับ
ข้อมูลจาก คปภ ล่าสุดเมื่อเดือน มิุถุนายน 2552
http://www.oic.or.th/downloads/statisti ... 0652-1.pdf
ถ้าเป็นหน่วยงานนี้คงไม่มีอะไรต้องกล่าวอีกแล้วล่ะครับ
ข้อมูลจาก คปภ ล่าสุดเมื่อเดือน มิุถุนายน 2552
http://www.oic.or.th/downloads/statisti ... 0652-1.pdf
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 111
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 112
ช่วยสรุปด้วยนะครับว่าหุ้นตัวไหนน่าสนใจ จะได้ซื้อซะที จะไหนก็ว่ามาครับ ตอนนี้ผมไม่มีซักตัวเลยในกลุ่มนี้ เพราะธุรกิจนี้ดีจริงเป็นที่ประจักษ์แล้ว แต่ยังไม่เห็นว่าผู้ถือหุ้นจะได้กำไรคุ้มค่าในราคาหุ้นระดับนี้ครับ
ด้วยสภาพคล่องที่น้อยๆของหุ้นหลายๆตัว ผู้ที่จะลงทุนก็ต้องระวังนะครับ อาจจะเกิดเหตุซื้อง่ายขายยากก็ได้
ด้วยสภาพคล่องที่น้อยๆของหุ้นหลายๆตัว ผู้ที่จะลงทุนก็ต้องระวังนะครับ อาจจะเกิดเหตุซื้อง่ายขายยากก็ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 113
อ้อ...ผมเข้าใจแล้วคุณ miracle
ดึงเอาตัวเลขเงินเอาประกันมาใช้...ซึ่งมันไม่เหมาะสมครับ
เพราะว่า การประกันอุบัติเหตุนั้น เบี้ยเก็บนิดเดียว แต่คุ้มครองมากมาย
ขณะที่รถยนต์ จ่ายเบี้ยแพง ประกันก็วงเงินแค่เท่ากับ 80 เปอร์เซนต์ของมูลค่ารถยนต์
แต่ถ้ามองที่เบี้ยประกันแล้ว ผมเชื่อว่าเบี้ยรถยนต์ ยังสูงกว่ามากครับ
ลองหาตัวเลข สัดส่วนเบี้ยประกันดูสิครับ
ดึงเอาตัวเลขเงินเอาประกันมาใช้...ซึ่งมันไม่เหมาะสมครับ
เพราะว่า การประกันอุบัติเหตุนั้น เบี้ยเก็บนิดเดียว แต่คุ้มครองมากมาย
ขณะที่รถยนต์ จ่ายเบี้ยแพง ประกันก็วงเงินแค่เท่ากับ 80 เปอร์เซนต์ของมูลค่ารถยนต์
แต่ถ้ามองที่เบี้ยประกันแล้ว ผมเชื่อว่าเบี้ยรถยนต์ ยังสูงกว่ามากครับ
ลองหาตัวเลข สัดส่วนเบี้ยประกันดูสิครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 114
http://www.oic.or.th/downloads/statisti ... 0652-1.pdf
ในที่สุดผมก็เจอแล้ว
รอบครึ่งปีแรกที่ผ่านมา...
เบี้ยประกันภัยรถยนต์อยู่ที่ 3.2 หมื่นล้าน แต่โตติดลบ 2 เปอร์เซนต์
เบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ดที่ 1.6 หมื่นล้าน บวกเพิ่ม 9 เปอร์เซนต์
แต่ยอดเบี้ยประกันภัยรับ ยังต่างกันอยู่เท่าตัวนะครับ
ในที่สุดผมก็เจอแล้ว
รอบครึ่งปีแรกที่ผ่านมา...
เบี้ยประกันภัยรถยนต์อยู่ที่ 3.2 หมื่นล้าน แต่โตติดลบ 2 เปอร์เซนต์
เบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ดที่ 1.6 หมื่นล้าน บวกเพิ่ม 9 เปอร์เซนต์
แต่ยอดเบี้ยประกันภัยรับ ยังต่างกันอยู่เท่าตัวนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 115
ส่วนตัวแล้วผมชอบ 2 ตัว....นักดูดาว เขียน:ช่วยสรุปด้วยนะครับว่าหุ้นตัวไหนน่าสนใจ จะได้ซื้อซะที จะไหนก็ว่ามาครับ ตอนนี้ผมไม่มีซักตัวเลยในกลุ่มนี้ เพราะธุรกิจนี้ดีจริงเป็นที่ประจักษ์แล้ว แต่ยังไม่เห็นว่าผู้ถือหุ้นจะได้กำไรคุ้มค่าในราคาหุ้นระดับนี้ครับ
ด้วยสภาพคล่องที่น้อยๆของหุ้นหลายๆตัว ผู้ที่จะลงทุนก็ต้องระวังนะครับ อาจจะเกิดเหตุซื้อง่ายขายยากก็ได้
AYUD เพราะมีการรุกหนักผ่านการขายทางธนาคาร มีนโยบายการลงทุนหุ้นระดับ 20 เปอร์เซนต์ของเงินลงทุน และ ทบทวนทุกไตรมาส ขณะที่มีBV ต่ำเมื่อเทียบกับราคา
SMK เป็นอันดับ 2 ของธุรกิจเบี้ยรถยนต์แล้ว ตามจากวิริยะ... ควบคุมการจ่ายได้ดี เริ่มมีกำไรจากการประกันภัย การลงทุนถือว่าพลาดไปหน่อย แต่ยังลงทุนในหุ้นเป็นสัดส่วนถึง 30% ของ มาร์เก็ตแคป ถือว่าไม่เลวครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 680
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 116
ถ้าดูใน "ร้อยคนร้อยหุ้น" ก็จะพบว่า ผมเคยแนะนำให้ผู้บริหารของ SCSMG เข้าไปซื้อกิจการของ SMK โดยแลกกัน 1 ต่อ 1
ตอนนั้น ตัวแรกราคา 60 บาท ตัวหลังราว 40 บาท
แต่ตอนนี้ ตัวแรก 25 ตัวหลัง 70 บาท
ถ้าทำไป ตอนนี้ผู้ถือหุ้น SCSMG ก็คงไม่เสียหายขนาดนี้
ผู้บริหารควร "รู้เขารู้เรา" เสมอ เมื่อรู้ว่าราคาหุ้นเราเกินพื้นฐาน และ ราคาหุ้นของคนอื่นต่ำเกินไป สิ่งที่ควรทำก็คือ ออกหุ้นใหม่มาแลกกับเขาเสีย
นี่เป็นกลยุทธ์งที่ นักลงทุนก้องโลกอย่าง บัฟเฟต์ ทำมานานแล้ว บ.ไทยก็แค่เอามาประยุกต์ใช้เท่านั้น
กลยุทธ์นี้ยังคงใช้ได้ต่อไปในอนาคต...ผมเชื่อว่าจะเกิดกับกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ในไตรมาสที่ 4 นี้ครับ
SMK ถือเป็นหุ้นหนึ่งในไม่กี่ตัว...ที่ผ่านวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์มาได้โดยราคาหุ้นแทบจะไม่ลงเลย ต้องถือว่าแข็งแกร่งมาก
ผู้บริหารก็เชื่อเช่นเดียวกัน...ถ้าดูที่ค่า พีอี แล้ว ตัวนี้น่าสนใจมาก จะกำไรจากการประกันภัย และ การลงทุนมหาศาลเลย
20 บาทต่อหุ้นน่าจะทำได้ไม่ยาก ดังนั้นราคาหุ้นตอนนี้ พีอีแค่ 3.5 เท่า...
ตอนนั้น ตัวแรกราคา 60 บาท ตัวหลังราว 40 บาท
แต่ตอนนี้ ตัวแรก 25 ตัวหลัง 70 บาท
ถ้าทำไป ตอนนี้ผู้ถือหุ้น SCSMG ก็คงไม่เสียหายขนาดนี้
ผู้บริหารควร "รู้เขารู้เรา" เสมอ เมื่อรู้ว่าราคาหุ้นเราเกินพื้นฐาน และ ราคาหุ้นของคนอื่นต่ำเกินไป สิ่งที่ควรทำก็คือ ออกหุ้นใหม่มาแลกกับเขาเสีย
นี่เป็นกลยุทธ์งที่ นักลงทุนก้องโลกอย่าง บัฟเฟต์ ทำมานานแล้ว บ.ไทยก็แค่เอามาประยุกต์ใช้เท่านั้น
กลยุทธ์นี้ยังคงใช้ได้ต่อไปในอนาคต...ผมเชื่อว่าจะเกิดกับกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ในไตรมาสที่ 4 นี้ครับ
SMK ถือเป็นหุ้นหนึ่งในไม่กี่ตัว...ที่ผ่านวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์มาได้โดยราคาหุ้นแทบจะไม่ลงเลย ต้องถือว่าแข็งแกร่งมาก
ผู้บริหารก็เชื่อเช่นเดียวกัน...ถ้าดูที่ค่า พีอี แล้ว ตัวนี้น่าสนใจมาก จะกำไรจากการประกันภัย และ การลงทุนมหาศาลเลย
20 บาทต่อหุ้นน่าจะทำได้ไม่ยาก ดังนั้นราคาหุ้นตอนนี้ พีอีแค่ 3.5 เท่า...
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 118
เบี้ยประกันภัยรถยนต์นั้นมีสองส่วนต้องมองให้ออกล่ะครับ
ส่วนแรกคือ เบี้ยประกันภัยภาคบังคับ ตัวนี้มีสองตัวคือ
เครื่องหมาย (ตอนนี้ยกเลิกแล้ว) กับอีกตัวคือ พรบ
ในส่วนนี้คือ รถยนต์ทุกคันต้องมีครับ
ส่วนที่สองคือ เบี้ยประกันภัยภาคสมัครใจ นั้นคือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ,2 และชั้น 3 (ชั้น3 ตอนนี้มี 3+ ด้วย แต่ไม่นับ)
อันนี้คือภาพย่อยลงไป
มันต้องดูว่า เบี้ยที่ได้นั้นเป็นพวกไหน ไม่ใช่หรือ
ส่วนภาพที่บอกมานั้นเป็นภาพอีกภาพคนละเรื่อง
ตารางมันก็แยกให้แล้ว มาดูภาพใหญ่มันก็คนละเรื่องกับภาพเล็กซึ่งครับ
อันนี้ผมไม่แน่ใจว่า ประกันภาคสมัครใจนั้น ถ้าหากใครทำแล้ว ไม่ต้องทำประกันภัยบังคับหรือไม่
ส่วนแรกคือ เบี้ยประกันภัยภาคบังคับ ตัวนี้มีสองตัวคือ
เครื่องหมาย (ตอนนี้ยกเลิกแล้ว) กับอีกตัวคือ พรบ
ในส่วนนี้คือ รถยนต์ทุกคันต้องมีครับ
ส่วนที่สองคือ เบี้ยประกันภัยภาคสมัครใจ นั้นคือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ,2 และชั้น 3 (ชั้น3 ตอนนี้มี 3+ ด้วย แต่ไม่นับ)
อันนี้คือภาพย่อยลงไป
มันต้องดูว่า เบี้ยที่ได้นั้นเป็นพวกไหน ไม่ใช่หรือ
ส่วนภาพที่บอกมานั้นเป็นภาพอีกภาพคนละเรื่อง
ตารางมันก็แยกให้แล้ว มาดูภาพใหญ่มันก็คนละเรื่องกับภาพเล็กซึ่งครับ
อันนี้ผมไม่แน่ใจว่า ประกันภาคสมัครใจนั้น ถ้าหากใครทำแล้ว ไม่ต้องทำประกันภัยบังคับหรือไม่
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 119
ส่วนเบ็ดเตร็ดนั้น
แยกให้ดูแล้วว่า ตัวไหนเป็นตัวไหน
มองว่าโดยรวมโตแค่ 9% นั้นมันก็โต
แต่ตัวที่โตริงๆๆ คือตัวไหนล่ะ ในตัวนี้
ถ้าเอาประกันภัยรถยนต์ทั้งหมดเทียบกับประกันภัยเบ็ดเตร็ดทั้งหมด
เหมือนเอา เขาทรายไปชกกับไมด์ ไทสัน เพราะขนาดของตลาดมันก็ต่างกัน
แต่ถ้าหากเอาภาพเล็กมาเทียบกันแล้ว คือประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ กับ ประกันเบ็ดเตร็ดพวกประกันสุภาพ มาเทียบกัน แบบนี้ค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย
เพราะ คนมันไม่ทำก็ได้ ทำก็ดี
แยกให้ดูแล้วว่า ตัวไหนเป็นตัวไหน
มองว่าโดยรวมโตแค่ 9% นั้นมันก็โต
แต่ตัวที่โตริงๆๆ คือตัวไหนล่ะ ในตัวนี้
ถ้าเอาประกันภัยรถยนต์ทั้งหมดเทียบกับประกันภัยเบ็ดเตร็ดทั้งหมด
เหมือนเอา เขาทรายไปชกกับไมด์ ไทสัน เพราะขนาดของตลาดมันก็ต่างกัน
แต่ถ้าหากเอาภาพเล็กมาเทียบกันแล้ว คือประกันรถยนต์ภาคสมัครใจ กับ ประกันเบ็ดเตร็ดพวกประกันสุภาพ มาเทียบกัน แบบนี้ค่อยสมน้ำสมเนื้อหน่อย
เพราะ คนมันไม่ทำก็ได้ ทำก็ดี
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
หุ้นประกันภัยยังไม่น่าสนใจหรือในภาวะแบบนี้
โพสต์ที่ 120
ข้อมูลในส่วนของประกันชีวิต
http://www.oic.or.th/downloads/statisti ... 0652-1.pdf
มองดูดีๆๆล่ะกัน
ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลมันก็อยู่ในประกันชีวิตด้วย
ถ้าใครดูเรื่องประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลอยู่
ก็ต้องเอา ข้อมูลของประกันวินาศภัย มารวมกับประกันชีวิต
คนดูได้เห็นภาพชัดเจนว่า ตลาดมันเป็นอย่างไง
http://www.oic.or.th/downloads/statisti ... 0652-1.pdf
มองดูดีๆๆล่ะกัน
ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลมันก็อยู่ในประกันชีวิตด้วย
ถ้าใครดูเรื่องประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลอยู่
ก็ต้องเอา ข้อมูลของประกันวินาศภัย มารวมกับประกันชีวิต
คนดูได้เห็นภาพชัดเจนว่า ตลาดมันเป็นอย่างไง